xs
xsm
sm
md
lg

หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 7 : ขันทองเจอโปะยาสลบ สะบั้นความเป็นชาย !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 7

บทประพันธ์ : วรรณวรรธน์
บทโทรทัศน์ : เอกลิขิต

บรรยากาศในป่าโปร่ง ไม่ไกลจากอยุธยามากนัก ยังอุดมสมบูรณ์ด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ป่า ตลอดจนสภาพแวดล้อมอันสมบูรณ์ อุดมสมบูรณ์

กระโจมของฝ่ายใน ทั้งโขลน ข้าหลวง อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม
ฝ่ายใน ประกอบด้วย เชื้อพระวงศ์ฝ่ายหญิง เจ้าจอม นางสนม ข้าหลวง โขลน ไม่มีผู้ชาย และอนุญาตให้มีขันทีได้
เพิงชั่วคราวที่สร้างขึ้น โดยมีพระราชาข่าน ขันทอง แน่น หลวงศรีมะโนราช ขุนเทพชำนาญ ขุนเทพรักษา และขุนรักษ์เทวา กำลังประชุมกันอยู่ในเพิง
ราชาข่านจะมีปัญหาเรื่องสุขภาพ และไออยู่ตลอดเวลา สั่งการ
"ขุนรักษ์เทวาจงคอยประสานกับทุกฝ่าย ขาดเหลือสิ่งใด เจ้าก็จัดการไปตามสมควร"
"เจ้าค่ะคุณพระ"
"หลวงศรีมะโนราช ขุนเทพชำนาญ ขุนเทพรักษา คอยดูที่หลับที่นอน แลการกินอยู่ของเหล่าโขลนแลข้าหลวงทุกคน"
พระราชาข่านเหล่มองขันทอง แน่น กะกันให้ห่างๆจากผู้หญิงเพราะกลัวเกิดเรื่อง
"ส่วนหลวงศรีขันทินกับขุนจิตใจภักดิ์" พระราชาข่านพนมมือไหว้เหนือหัว " ก็ตามเสด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว คอยถวายรับใช้ก็แล้วกัน"
" เจ้าค่ะ"
หลวงศรีมะโนราช ขุนเทพชำนาญ และขุนเทพรักษาไม่พอใจทันที
เทพชำนาญบอก
"กะอีแค่ดูแลการกินอยู่พวกนางใน ต้องใช้พวกเราถึงสามคนเชียวหรือเจ้าคะ"
" คราก่อน หลวงศรีขันทิน" ขุนเทพรักษาพนมมือไหว้เหนือหัว "ก็ตามเสด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวแล้ว ครานี้ ก็น่าจะเปลี่ยนบ้างนะเจ้าคะ"
แน่นแกล้งถอนใจ
"ก็บอกว่าอยากทำเอง จะได้มีความดีความชอบเสียก็สิ้นเรื่อง ไม่ต้องอ้อมค้อมดอก"
หลวงศรีมะโนราช ขุนเทพชำนาญ ขุนเทพรักษามองหน้าแน่นอย่างโกรธเคือง
แต่แน่นลอยหน้าลอยตาไม่สนใจ
ขุนรักษ์เทวารำคาญ
"วุ้ย เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ ไม่รู้จะแย่งกันไปเพื่อกระไร"
หลวงศรีมะโนราชบอก " ไม่มีผู้ใดถาม ทำหน้าที่ของตัวเองไปเถิด"
ขุนรักษ์เทวาทิ้งค้อนใส่
"พวกดีฉันอยากถวายรับใช้" หลวงศรีมะโนราชพนมมือไหว้เหนือหัว "องค์พระพุทธ
เจ้าอยู่หัวบ้าง หวังว่าออกพระท่านจะเมตตา แลให้ความเป็นธรรมกับพวกดีฉันบ้างนะเจ้าคะ"
ขันทองไม่อยากบานปลาย
"อย่างที่ท่านขุนรักษ์เทวาพูด เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย ดีฉันอยู่ดูแลฝ่ายในเองก็ได้เจ้าค่ะ"
ราชาข่านเสียงดุ "ไม่ได้" แล้วหันไปจ้องหน้าหลวงศรีมะโนราชเขม็ง "คำสั่งต้องเป็นคำสั่ง"
หลวงศรีมะโนราชขบกรามแน่นด้วยความเจ็บใจ ที่พระราชาข่านเข้าข้างแต่ขันทอง
แต่ขณะนั้นเอง ก็มีโขลนคนหนึ่งเดินเข้ามาหา
โขลนยิ้มแย้มทักทาย "พ่อปันหยีจ๊ะ"
ทุกคนหันไปมองตาม
"มีกระไรรึแม่"
"กรมขุนวิมลท่านทรงให้มาตามไปเข้าเฝ้าจ้ะ ท่านทรงอยากให้พ่อปันหยีเป็นคนดูแลความเรียบร้อยของฝ่ายใน"
หลวงศรีมะโนราช ขุนเทพชำนาญ และขุนเทพรักษากระหยิ่มยิ้มย่องขึ้นมาทันที
ในขณะที่พระราชาข่านก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาเช่นกัน
ขันทองเหลือบไปมองเห็นแต่ละคนแล้วก็อ่อนใจ

ในกระโจม กรมขุนวิมลภักดีนั่งประทับอยู่บนตั่ง
"ฉันเป็นห่วงเจ้าแมงเม่า"
กรมขุนวิมลกำลังนั่งคุยกับขันทองที่นั่งพับเพียบอยู่กับพื้น
ในขณะที่อำพันนั่งอยู่บนตั่งอีกตัวที่ต่ำกว่า
ส่วนคุณท้าวโสภานั่งพับเพียบอยู่ใกล้ๆขันทอง
" จู่ๆแม่เพ็ญให้เจ้าแมงเม่ามาด้วย พูดตามตรงว่า ฉันไม่สบายใจ แต่แม่เพ็ญไม่ได้ทำกระไรผิด ฉันจะห้ามก็ไม่ได้ ฉะนั้นก็ขอฝากคุณหลวงด้วยก็แล้วกัน"
"เสด็จโปรดวางพระทัย กระหม่อมจะทำอย่างดีที่สุดตามพระประสงค์"
กรมขุนวิมลยิ้มบางๆ พยักหน้ารับ ก่อนจะฉุกคิดขึ้น "เอ่อ อีกประการ คุณหลวง ระวังอย่าให้เจ้าแมงเม่าไปที่ฝ่ายหน้าเป็นอันขาด"
เจ้าจอมอำพันหัวเราะคิก
"เสด็จทรงห่วงเหลือเกินนะเพคะ อันที่จริง น่าจะถามแม่แมงเม่าก่อน แม่แมงเม่าอาจจะอยากเป็นหม่อมห้ามก็ได้นะเพคะ"
"ถ้าอยากเป็นจริง ฉันถวายไปเสียนานแล้ว ฉันเห็นเจ้าตัวดีนี่มาแต่เล็กแต่น้อย ทำไมจะไม่รู้นิสัย" เสด็จถอนใจ "ถ้าลองไม่รักแล้ว อย่าหวังเลยว่าเจ้าตัวดีจะยอมลงให้"
คุณท้าวโสภาทิ้งค้อน
"พิกลหญิงนัก มีแต่คนเค้าอยากมีบุญวาสนาเช่นนี้ แม่คนนี้มีโอกาสอันดีอยู่ใกล้ตัว กลับไม่อยากได้เสียอย่างนั้น"
กรมขุนวิมลภักดีหน้าเศร้าลง คิดถึงที่ตนเองเป็นชายาพระเจ้าอุทุมพร แต่พอพระเจ้าอุทุมพรบวช ก็ถูกถวายให้มาเป็นชายาพระเจ้าเอกทัศน์แทน
"บุญวาสนาอาจมิได้ทำให้เป็นสุขเสมอไปทุกคนดอก บางครา การได้ตามใจตนเอง อาจเป็นสุขมากกว่าก็เป็นได้ ฉันจึงอยากให้เจ้าแมงเม่าได้เลือกด้วยตัวเองมากกว่า ... ฝากด้วยนะคุณหลวง"
"นะเกล้านะกระหม่อม"

ขันทองก้มลงกราบกรมขุนวิมลภักดี

ต่อมา พระราชาข่านกำลังเดินคุยกับขันทอง และแน่น ด้วยสีหน้าหงุดหงิดไม่พอใจ

" ข้าบอกให้เอ็งทูลว่าต้องตามเสด็จ ดูแลฝ่ายในไม่ได้ ทำไมไม่ทำตามที่ข้าบอก"
ขันทองหน้าจ๋อยๆ
"กรมขุนท่านทรงออกปากเอง ฉันบอกปัดพระองค์ ท่านไม่ได้จริงๆ ออกพระเห็นใจฉันเถิด"
แน่นรีบช่วยเพื่อน
"ฉันอยู่ด้วยอีกคน แลกินยาตามที่สั่งแล้ว ออกพระไม่ต้องกลัวดอก ฉันจะดูแลเอง"
ราชาข่านโมโห
"ถ้าจะไม่ให้ข้ากลัว ก็มีแต่พวกเอ็งจะไสหัวออกจากวังไปเท่านั้นล่ะ"
ขันทอง และแน่น จ๋อยลงไปทันที
" กลางป่ากลางเขา ท่ามกลางผู้หญิงมากมาย... ข้าสู้อุตส่าห์ให้พวกเอ็งตามเสด็จ จะได้หมดเรื่องแล้ว ก็ยังมีเหตุเช่นนี้อีก"
พระราชาข่านเดินเลี่ยงไปด้วยความหงุดหงิด พร้อมกับไอโขลกไปด้วย
แน่นถอนใจ มองตามพระราชาข่านไป
"นับวัน ออกพระท่านจะกลัวมากขึ้นทุกที จนข้าอึดอัดไปหมดแล้ว"
ขันทองตบบ่าเพื่อน
"ออกพระท่านทนทุกข์กับเรื่องนี้มานาน อย่าไปโทษว่าท่านเลย เอ่อ เรื่องที่ข้าบอก เอ็งจัดการเรียบร้อยแล้วหรือไม่"
แน่นยิ้มแย้ม
"เอ็งถามใครกัน มีหรือจะไม่เรียบร้อย อันที่จริง เราได้ดูแลฝ่ายในก็ถือเป็นโชค งานนี้ คงง่ายดายกว่าที่คิดมากทีเดียว
ขันทองยิ้มพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามที่ตนคิด

ถุงใส่เงินถุงใหญ่ถูกวางลง
กล้าเป็นคนวางถุงใส่เงินลงต่อหน้าม่วง มิ่ง ชื่น และ อิน
"สิบแปดชั่ง ฉันให้ล่วงหน้า แต่ฉันต้องได้ของทั้งหมดภายในวันมะรืน" กล้ากระหยิ่มยิ้มย่อง
มิ่งกำลังจะตอบ แต่ม่วงสวนขึ้นก่อน
" ไม่ขายโว้ย กระดาษบ้านนางเลิงไม่มีไว้ขายให้พวกบ้านริมโรงฆ้อง เอาเงินของเอ็งกลับไป อ้ายหมาลอบกัด"
กล้าชี้หน้าม่วง
"เรื่องของเอ็งกับข้าได้สะสางกันแน่อ้ายม่วง แต่นี่มันเรื่องค้าขายโว้ย หากเอ็งไม่แยกแยะ ก็ปิดโรงทำกระดาษไปซีวะ"
"อ้ายกล้า"
"พ่อกล้าพูดถูกแล้ว ฉันเป็นพ่อค้า มีคนเอาเงินทองมาซื้อของก็ต้องขาย"
ม่วงฮึดฮัดเจ็บใจ แต่พ่อพูดอย่างนี้ตนก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก
"ท่านเศรษฐีสมเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ น่านับถือจริงๆ ฉันไหว้จ้ะ"
มิ่งรับไหว้หน้าเครียดๆ หันไปพูดกับแม่ชื่น
"แม่ชื่น กระดาษของเรามีอยู่เท่าใด"
"ก็สักเจ็ดแปดส่วนของที่พ่อกล้าต้องการได้ แต่ถ้าต้องการวันมะรืน ก็คงต้องเร่งทำทั้งวันทั้งคืน ถ้าเกณฑ์บ่าวไพร่ในเรือนทั้งหมดมาช่วย ก็น่าจะได้อยู่นะจ๊ะพ่อ"
"ถ้ากระนั้น ฉันตกลงรับไว้ก็แล้วกัน"
กล้ายิ้มพอใจ สำเร็จตามที่ต้องการ

ต่อมา กล้ากำลังคุยกับจมื่นศรีสรรักษ์อยู่ที่ทางเปลี่ยวแห่งหนึ่ง
" เอ็งทำดีมากอ้ายกล้า ข้าเสียไปยี่สิบชั่งครานี้ ไม่เสียดายเลย"
กล้ายิ้มแย้ม ฟันกำไรมาสองชั่ง แต่ยังแกล้งพูดเอาใจ
"เรื่องเล็กน้อยขอรับ แต่อันที่จริง คุณพระนายไม่น่าจะต้องเสียเงินถึงยี่สิบชั่งเลย
เราแกล้งทำเป็นโจรปล้นบ้านมันเพื่อกลบเกลื่อนการค้นหาของก็ได้นะขอรับ"
"ถ้าไม่มีบารมีกรมขุนวิมลคุ้มกะลาหัว ข้าก็อยากจะทำอย่างนั้นเหมือนกันล่ะวะ ช่างเถิด อย่างไรเสีย ถ้าได้สิ่งที่ข้าต้องการมา ก็คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม"

บรรยากาศในป่า เห็นตั้งกระโจมอยู่เรียงกัน
ขันทองยืนรอแมงเม่าอยู่หน้ากระโจม
ขันทองแต่งตัวตามปกติ ซึ่งจะมีผ้าคล้องคอหรือไหล่ ซึ่งเป็น “สไบ” สำหรับขันทีอยู่ด้วย
ขันทองยืนนิ่งๆสีหน้าเรียบเฉย แต่ขณะนั้นเอง แมงเม่าก็สวมชุดกระโจมอก มีผ้าคลุมไหล่เดินออกมาจากกระโจม
ขันทองเห็นแมงเม่าในกระโจมอกจริงๆก็เกิดเขินอายขึ้นมา รีบเบือนหน้าไปทางอื่นไม่ยอมมอง
แล้วปั้นหน้าดุๆเข้าไว้
"รอนานหรือไม่เจ้าคะออกหลวง"
ขันทองเมินหน้าไปทางอื่น ไม่ยอมมองแมงเม่าตรงๆ
"ไม่นานดอก รีบไปกันเถิด คนอื่นเค้าไปอาบน้ำอาบท่ากันหมดแล้ว"
"มิน่าเล่า ไม่มีใครอยู่เลย ออกหลวงเป็นกระไรไปเจ้าคะ"
ขันทองไม่ยอมมองแมงเม่า "ไม่มีกระไร"
" ไม่มี แล้วเหตุใดไม่มองหน้ากันเล่าเจ้าคะ"
แมงเม่าเดินมามองหน้าขันทอง
ขันทองตกใจรีบเบือนหน้าไปทางอื่น
แมงเม่าเดินมาดักที่ด้านหน้าอีก ขันทองก็รีบเบือนไปอีกทาง แมงเม่าดักอีก ขันทองก็เบือนอีก
จนแมงเม่าโวยวาย
"นี่อย่างไรเล่าเจ้าคะ ออกหลวงมีท่าทางพิกลชัดแจ้ง ยังบอกว่าไม่มีกระไรอีก" แล้วมองด้วยสายตาจับผิด ลดเสียงลง "ทำกระไรผิดมาใช่หรือไม่เจ้าคะ"
ขันทองโวยวายกลบเกลื่อ
"ไม่ใช่ เจ้านี่เซ้าซี้จริง ตกลงจะอาบน้ำหรือไม่อาบ ถ้าไม่อาบ ข้าจะได้ไปทำงานอื่น"
ขันทองรีบเดินหนีเป็นการกลบเกลื่อนทันที
แมงเม่ามองตามด้วยความระแวง
"ยิ่งทำโกรธ ยิ่งน่าสงสัย"
แมงเม่าเดินตามขันทองไป พร้อมกับจับผิดไปด้วย
แน่นซึ่งแอบดูอยู่
แน่นมองตามไปพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แผนการของตนสำเร็จด้วยดี
แน่นกำลังจะเดินไปที่กระโจมของแมงเม่า เพื่อค้นหากลัก แต่ทันใดนั้นก็เหลือบเห็นเลื่อนเดินเข้ามาซะก่อน
แน่นตกใจ รีบหลบทันที
เลื่อนมองซ้ายมองขวา พอเห็นว่าไม่มีใครก็รีบเข้าไปในกระโจมแมงเม่าทันที

แน่นบ่นพึมพำด้วยสีหน้าเจ็บใจ "โดนตัดหน้าเสียได้"

บรรยากาศการอาบน้ำของบรรดาข้าหลวงสาวๆ รวมทั้งเหล่าโขลน โดยต่างคนต่างอาบน้ำ และหยอกล้อกันไปด้วย

ขุนรักษ์เทวา ค่อยๆถอดเสื้อออก แล้วแขวนกับกิ่งไม้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เตรียมตัวจะอาบน้ำ
ขณะนั้นเอง ขันทองก็เดินนำแมงเม่ามา
ขุนรักษ์เทวาดีใจ ยิ้มแย้ม
"หลวงศรีขันทิน จะมาอาบน้ำอาบท่าหรือเจ้าคะ มาเจ้าค่ะ ฉันช่วยถอดเสื้อให้ " แล้วเข้าไปฉวยโอกาสจะถอดเสื้อขันทอง
ขันทองเบี่ยงตัวหลบ
"มิได้เจ้าค่ะ ฉันมาดูแลแม่แมงเม่าตามรับสั่งของกรมขุนวิมล"
รักษ์เทวาทิ้งค้อนด้วยความเสียดาย
ขันทองหันไปพูดกับแมงเม่า แนะนำ
"นี่คือท่านขุนรักษ์เทวา ไหว้ท่านเสียสิ"
" ฉันไหว้เจ้าค่ะ"
ขุนรักษ์เทวารับไหว้ ยิ้มแย้ม
"นี่หรือคนโปรดของกรมขุนวิมลที่เค้าร่ำลือกัน หน้าตาสะสวย จิ้มลิ้มพริ้มเพราเชียว"
" ขอบพระคุณเจ้าค่ะ"
"เจ้าไปอาบน้ำเสียสิ ยิ่งใกล้ค่ำน้ำจะยิ่งเย็น ประเดี๋ยวจะเจ็บไข้ได้ป่วยเอา
"เจ้าค่ะ"
แมงเม่ากำลังจะเดินไปที่ลำธาร
ขณะนั้นเอง ก็มีข้าหลวงคนหนึ่งที่กำลังอาบน้ำอยู่ในลำธาร กรีดร้องเสียงดังขึ้น เมื่อเห็นผู้ชายกำลังแอบดูพวกตนอยู่ ห่างออกไปพอสมควร พร้อมกับชี้มือไปในทิศทางที่ตนเห็น
"มีคนแอบดู"
ขันทอง ขุนรักษ์เทวา และแมงเม่า มองตามไป
เห็นพงหญ้าไหวๆ แสดงว่าคนที่แอบดูกำลังวิ่งหนีไป
ขันทองรีบวิ่งตามไปทันที
แมงเม่าตกใจเป็นห่วงขันทอง เหลือบเห็นเสื้อของขุนรักษ์เทวาแขวนอยู่ เลยหยิบเสื้อของขุนรักษ์
เทวามาสวมกันโป๊แล้วตามขันทองไปทันที
ขุนรักษ์เทวาตกใจ "ว้าย เอาเสื้อฉันไปทำไม เอาคืนมานะ"

ทหาร 2 คนถือดาบกำลังวิ่งหนีเข้าไปในป่า โดยมีขันทองวิ่งตามมา
ขันทองวิ่งตามมาจนทัน ก่อนจะกระโดดถีบทหารคนหนึ่งล้มคว่ำไป
ทหารอีกคนหันกลับมาต่อยขันทอง แต่ขันทองหลบได้ก่อนจะเตะสวนไป
ขันทองตวาด
"พวกเอ็งทำผิดกฎ จงยอมให้ข้าจับเสียแต่โดยดี"
ทหารทั้ง 2 คน ชักดาบออกจากฝักทันที
ทหาร 1ตะคอก
"ถูกจับ ก็ต้องรับโทษหนัก ข้าไม่ยอมดอกโว้ย"
ทหาร 1 ฟันดาบใส่ขันทอง
ขันทองฉากหลบอย่างง่ายดาย ก่อนจะเข่าสวนแล้วชกซ้ำ
แต่ทหารอีกคนก็รุมเข้ามา ฟันดาบใส่ขันทอง จนขันทองต้องฉากหลบออกไป
ขันทองหยิบ “สไบ” ของตนขึ้นมา ใช้สไบแทนอาวุธสู้กับทหารทั้ง 2
พวกทหารรุมฟันเข้ามา แต่ขันทองใช้สไบมัดข้อมือทหารไว้คนหนึ่ง แล้วเตะทหารอีกคนกระเด็นไป ก่อนจะใช้สไบดึงแขนของทหารคนนั้นแล้วบิดจนดาบหลุดมือ
ทหารอีกคนเข้าไปช่วย ขันทองก็คลายสไบออก แล้วฉากหลบออกมา ก่อนจะสะบัดสไบใส่หน้าจนทหารที่เข้าไปช่วยหน้าหงายไป
ขันทองฉวยโอกาสตอนที่ทหารคนนั้นโดนสไบสะบัดจนหน้าหงาย ลอยตัวเข่าลอยเข้าใส่จนทหารคนนั้นสลบเหมือดไป
ทหารอีกคนจะหยิบดาบขึ้นมา แต่ขันทองไวกว่า สะบัดสไบมัดข้อมือทหารคนนั้นไว้ก่อนจะหยิบดาบ แล้วกระตุกสไบจนทหารคนนั้นเสียหลัก ตีลังกากลางอากาศแล้วร่วงฟาดลงกับพื้น สลบเหมือดไป
อีกคน
ขันทองจัดการทั้งคู่ได้อย่างสวยงาม แต่พอหันกลับมาก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นแมงเม่ายืนถือไม้มองมาทางตนด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าขันทองจะเก่งขนาดนี้
ขันทองกระอักกระอ่วน ไม่คิดว่าแมงเม่าจะมารู้ความลับว่าตนมีฝีมือการต่อสู้เข้าโดยบังเอิญ

ในกระโจมเจ้าจอมเพ็ญที่กำลังหงุดหงิด
"สู้อุตส่าห์วางแผนให้นังเด็กนั่นมาถึงในป่า ก็ยังไม่เจออีกรึ"
เจาจอมเพ็ญกำลังดุใส่เลื่อนที่นั่งพับเพียบจ๋อยๆอยู่
"บ่าวค้นจนทั่วแล้วนะเจ้าคะ ครานี้ละเอียดยิบทุกซอกทุกมุม แต่ก็ไม่เจอจริงๆเจ้าค่ะ"
" มันไปอาบน้ำ ทั้งเนื้อทั้งตัวมีผ้าพันกายไม่กี่ผืน ย่อมไม่สามารถซ่อนกระไรได้ ถ้ายังไม่เจออีก ก็แสดงว่ามันไม่ได้เก็บของไว้ที่ตัวเป็นแน่"
" ถ้ากระนั้น เราก็ต้องหาทางเข้าไปค้นที่เรือนมันสิเจ้าคะ"
เจ้าจอมเพ็ญตวาดแว๊ด "เอ็งไม่ต้องมาสอนข้า"
" ขอประทานโทษเจ้าค่ะ"
" ข้ากับท่านเจ้าคุณพลเทพวางแผนไว้หมดแล้ว ระหว่างที่ตัวนังเด็กนั่นอยู่ที่นี่ คุณพระนายน้องข้า ก็เตรียมการค้นเรือนมันอยู่ อย่างไรเราก็ต้องเจอ"
เจ้าจอมเพ็ญสีหน้าจริงจังบึ้งตึง จนดูน่ากลัว
นอกกระโจม แน่นกำลังแอบฟังอยู่

แน่นเครียดหนัก พูดเบาๆ "พลาดจนได้"

หัวค่ำ ขันทองกำลังคุยกับแน่นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดที่มุมหนึ่งในป่า

" อุตส่าห์วางแผนไว้ดิบดี กะฉวยโอกาสที่แม่แมงเม่าไปอาบน้ำค้นหาของสักหน่อย แต่ก็พลาดไปเสียหมด เอ็งจะเอาอย่างไรต่อวะ"
"ครานี้เราแพ้ปัญญาพวกมัน ข้าก็มัวแต่ห่วงว่าเจ้าแมงเม่าจะถูกทำร้าย แต่คิดไม่ถึง ว่าพวกมันจะส่งคนไปค้นที่เรือนด้วย"
"น้าพันหาญก็ไม่อยู่แล้ว จะกลับไปตอนนี้ก็ไม่ได้ นี่เราต้องทนดู พวกมันได้หลักฐานกลับคืนไปจริงๆ หรือวะอ้ายขันทอง"
ขันทองตบบ่าเพื่อนตัดใจ
"ถือเสียว่าเป็นบทเรียนเถิดอ้ายแน่น เราประมาทเกินไป จึงเป็นเช่นนี้ แต่การต่อสู้ครานี้ยังไม่จบดอก ถึงข้าไม่มีหลักฐาน ก็ต้องหาทางแก้แค้นแทนพ่อให้จงได้"
ขันทอง สีหน้าแข็งกร้าว แววตาดุดัน ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

ในกระโจม นางรำกลุ่มหนึ่งกำลังร่ายรำอย่างสวยงาม ตามเสียงจังหวะดนตรี เพื่อให้พวกโขลน และข้าหลวง ชมกันอย่างสนุกสนาน
ขันทองเดินเครียดๆกลับมา หลังจากรู้เรื่องจากแน่น ก็อดเสียดายไม่ได้ แต่ก็ต้องปลอบใจแน่นไปก่อน
ขณะนั้นเอง ขันทองก็เหลือบเห็นแมงเม่านั่งดูนางรำตาแป๋ว กำลังเพลิดเพลิน
ขันทองหน้าขรึมลง ก่อนจะเดินเข้าไปหาแมงเม่า
"ทำไมมาดูรำดูละครที่นี่ ไม่ไปดูที่พลับพลาเล่า ที่นั่นมีละคร คณะใหญ่เชียวนะ"
"กรมขุนวิมลท่านไม่ให้ฉันไปเจ้าค่ะ ฉันเลยดูได้แต่ที่นี่"
ขันทองยิ้มบางๆ
"จริงซี กรมขุนทรงห่วงเจ้า ย่อมไม่ให้ไป ฉันก็ลืมไปเสียได้ ขอฉันนั่งข้างเจ้าได้หรือไม่"
" ก็นั่งซีเจ้าคะ ไม่ใช่ป่าของฉันเสียหน่อย"
ขันทองนั่งลงใกล้ๆแมงเม่า
"ทหารที่แอบดูพวกข้าหลวง เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ"
"ส่งตัวไปลงโทษตามกฎแล้ว เรื่องเช่นนี้ไม่บังควรเกิดขึ้นเลย แสดงถึงระเบียบวินัยที่หย่อนยานนัก เคราะห์ดี ที่ไม่มีศึกใหญ่อย่างคราวศึกพระเจ้าอลองพญา หากเกิดศึกแล รบด้วยทหารเช่นนี้ ฉันไม่อยากคิดเลย ... เอ่อ เจ้าตกใจหรือไม่"
"เรื่องเมื่อเย็นน่ะหรือเจ้าคะ" แมงเม่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง "เรียกว่าตกใจคงไม่ถูกนัก เรียกว่าคาดไม่ถึงจะถูกกว่า ว่าคุณหลวงจะเก่งฉกาจถึงเพียงนี้"
ขันทองหน้าขรึมลง
"ฉันไม่ได้อยากปกปิดเจ้าดอกนะ แต่ในวัง มีเรื่องราวซับซ้อนมากมาย ฉันจำเป็นต้องทำเพื่อความปลอดภัยของตนเอง"
"เหมือนคราวแก้กลบทน่ะหรือเจ้าคะ" แมงเม่าถอนใจ "เอาเถิดเจ้าค่ะ คุณหลวงไม่เคยคิดร้ายต่อฉัน แล้วเหตุใดฉันจะช่วยคุณหลวงปกปิดไม่ได้เล่าเจ้าคะ"
" ขอบน้ำใจเจ้านัก เอ่อ แล้วเมื่อเย็น เจ้าตามฉันไปทำไมกัน"
แมงเม่าสีหน้าจริงจัง
"ก็ฉันกลัวคุณหลวงถูกทำร้าย ก็เลยตามไปช่วยน่ะซีเจ้าคะ"
ขันทองหัวเราะ
"คิดว่าจะช่วยได้จริงรึ"
แมงเม่าโวยวาย
"นี่ดูแคลนกันหรือเจ้าคะ เสียแรงเป็นห่วงใย ถ้ารู้อย่างนี้ล่ะก็ นอกจากจะไม่ตามไปแล้ว ฉันยังจะไปพาคนมารุมเล่นงานคุณหลวงเสียด้วยซ้ำ"
ขันทองหัวเราะ นึกขำ
"อย่าเพิ่งเคืองซิเจ้า ฉันไม่ได้ดูหมิ่นถิ่นแคลน ตรงข้าม ฉันกลับซาบซึ้งในน้ำใจเจ้านัก ที่เจ้าสู้อุตส่าห์ขโมยเสื้อขุนรักษ์เทวามาสวมแล้วตามไปช่วยฉัน"
แมงเม่าทุบเข้าไปที่ต้นแขนขันทองดังผัวะ จนขันทองร้องลั่น ก่อนที่แมงเม่าจะทิ้งค้อนแถมให้
ขันทองมองแมงเม่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม มีความสุขมากขึ้นทุกทีที่อยู่ใกล้แมงเม่า
พระราชาข่านแอบดูทั้งคู่อยู่ ห่างออกไปพอสมควร
พระราชาไอโขลกต่อเนื่อง แต่สายตาที่จ้องมาทางทั้งคู่ เต็มไปด้วยความหวาดระแวงมากขึ้นทุกที

คืนเดียวกัน มิ่งกำลังคุมเหล่าทาสชาย-หญิงตั้งหม้อต้มเยื่อกระดาษกันเต็มไปหมด
บรรยากาศดูวุ่นวายมาก
ม่วงนำทาสขนฟืนมาจำนวนมากเพื่อช่วยในการต้ม
ชื่น อิน และพวกทาสหญิงยกอาหารมากันเต็มไปหมด เพื่อเลี้ยงทุกคน จะได้มีแรงทำงานต่อให้เสร็จ
กล้ากำลังแอบดูทุกคนทำงานอยู่ พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะรีบหลบไป

กล้าเดินคุยมากับจมื่นศรีสรรักษ์ผ่านมาทางสวน โดยมีลูกน้อง 3-4 คน ถือบันไดไม้ขนาดใหญ่ตามหลังมาด้วย
"เอ็งแน่ใจนะอ้ายกล้า ว่าพวกมันอยู่ที่โรงกระดาษกันหมด"
" กระผมเห็นมากับตาขอรับ คืนนี้พวกมันทำกระดาษจนรุ่งสางเป็นแน่ บนเรือนไม่มีใครอยู่สักคนเลยขอรับ"
กล้าพาจมื่นศรีสรรักษ์มาถึงใต้หน้าต่างห้องนอนแมงเม่า
"ถึงแล้วขอรับคุณพระนาย นี่ล่ะ ห้องนอนนังแมงเม่า"
"เอ็งรู้ได้อย่างไรวะ"
กล้ากระหยิ่มยิ้มย่อง
"กระผมคิดจะปีนหน้าต่างไปปล้ำมันอยู่นานแล้วขอรับ แต่เรือนมันมีคนพลุกพล่าน ไม่ได้โอกาสสักที เสียดายที่คืนนี้มันไม่อยู่ แต่ได้สูดกลิ่นหอมจากที่นอนหมอนมุ้งของนังแมงเม่า ก็นับว่าไม่เสียเที่ยวแล้ว"
กล้าสีหน้าลามก เคลิ้ม สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
จมื่นศรีสรรักษ์มองด้วยสีหน้าแววตารังเกียจ ก่อนจะหันไปพูดกับลูกน้อง
"เอ้า รีบพาดกระไดซีวะ"

พวกลูกน้องรีบพาดกระไดให้จมื่นศรีสรรักษ์กับกล้าปีนขึ้นไปทันที

พระยาพลเทพกำลังเครียด ออกอาการหงุดหงิดอยู่

"บนเรือนก็ไม่มีรึ"
พระยาพลเทพกำลังคุยกับจมื่นศรีสรรักษ์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ที่บนเรือนพระยาพลเทพตอนเช้าวันใหม่
" ขอรับ กระผมค้นห้องนอนนังเด็กนั่นจนทั่ว แลอ้ายกล้ายังพากระผมค้นห้องนอนพ่อกับพี่ชายมันด้วย แต่ก็ไม่เจอกลักใส่หนังสือลับเลยขอรับ"
" เป็นไปได้อย่างไร ทางฝ่ายเจ้าจอมท่านก็ไม่เจอ ทางเราก็ยังไม่เจออีก"
" หรือว่าเราจะเข้าใจผิด แท้ที่จริงแล้ว กลักไม่ได้อยู่ที่นังเด็กนั่น"
" มาถึงขั้นนี้ ฉันก็คาดเดากระไรไม่ถูกแล้ว แต่ถ้าจะให้สิ้นระแวง เห็นที คงต้องฆ่านังแมงเม่ากระไรนี่ทิ้งเสียแล้ว"
จมื่นศรีสรรักษ์ตกใจมาก
"ฆ่าเชียวรึ ไม่ใช่ว่าท่านเจ้าคุณกับคุณพี่ เกรงกรมขุนวิมลดอกหรือขอรับ"
" หากยามปกติ ก็ต้องเกรงกันจริงๆ แต่เพลานี้อยู่ในป่า มันมีเป็นร้อยวิธี ที่จะฆ่าคนในป่าโดยทำให้เป็นเหมือนเหตุบังเอิญ แล้วจะต้องกลัวอันใดเล่า"
พระยาพลเทพสีหน้าแววตาเจ้าเล่ห์ขึ้นมา
จมื่นศรีสรรักษ์ค่อยยิ้มออกมาอย่างชอบใจ พอมองเห็นช่องทาง
พระยาพลเทพใช้ความคิด แววตาอำมหิต

กระโจมของฝ่ายหน้าตอนสาย มีการตั้งกระโจมอยู่เรียงราย และมีการเลี้ยงช้างไว้ใช้งานด้วย โดยมีพวกควาญคอยดูแล
ฝ่ายหน้าคือพวกทหาร ขุนนาง เชื้อพระวงศ์ที่เป็นผู้ชาย
ทหารคนหนึ่งกำลังนั่งดูพวกช้างอยู่ ขณะนั้นเอง ก็มีทหารอีกคนมานั่งข้างๆ ทั้งคู่ทำเฉยเมยไม่มองหน้ากัน
แต่ทหารคนที่เพิ่งมานั่ง กลับหยิบห่อยาออกมา แล้วแอบยื่นให้ทหารคนที่นั่งอยู่ก่อนแอบรับไป
ทหาร 1บอก "ผสมกับน้ำให้ช้างกิน"
พอสั่งเสร็จ ทหารคนนั้นก็ลุกขึ้นเดินหนีไป
ทหารคนที่รับห่อยามา เอายาเก็บเข้าอกเสื้อ แล้วนั่งดูช้างต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

บรรยากาศภายในกระโจมกรมขุนวิมลภักดี กำลังมีการแข่งแก้กลบทอยู่ โดยแบ่งเป็นสองฝั่ง คือฝั่งเจ้าจอมเพ็ญ เลื่อน และเจ้าจอมอื่นๆ กับข้าหลวงอีกจำนวนหนึ่ง กับอีกฝั่งคือเจ้าจอมอำพัน แมงเม่า คุณท้าวโสภา เจ้าจอมอื่นๆ และข้าหลวงอีกกลุ่ม
กรมวิมลภักดีนั่งตรงกลางอยู่บนตั่ง ใครแก้กลบทได้ก็เขียนใส่กระดาษไปให้กรมขุนวิมลอ่าน
เจ้าจอมเพ็ญแก้กลบทเสร็จ ก็ใช้พู่กันเขียนใส่กระดาษแล้วส่งให้เลื่อน เลื่อนก็คลานเข่าไปส่งให้
กรมขุนวิมลภักดี
กรมขุนวิมลยิ้มรับ รับกระดาษมา
"แม่เพ็ญแก้ได้แล้ว"

จนแต่นก            จกเต้นหนา           จาตามแน่น
มองหน้าสู           หมู่นกแสน           แม่นเนตรใส
จับไม้น้าว            เจ่าโมกนอน         จอนมากใน
จิตรเปลี่ยวเหงา   เจ่าเปลี่ยวไหง     ใจปลอดงง

กรมขุนวิมลภักดี หันไปยิ้มให้เจ้าจอมเพ็ญ "เก่งมากแม่เพ็ญ"
เพ็ญยิ้มรับ ไหว้ "ขอบพระทัยเพคะ กลบทกบเต้นสลักเพชร จะว่าไป ก็ไม่นับว่ายากเท่าใดเพคะ"

แมงเม่าใช้พู่กันเขียนใส่กระดาษเรียบร้อย ก็เอาให้เจ้าจอมอำพันกับคุณท้าวโสภาอ่านก่อน
ทั้งคู่พยักหน้ายิ้มพอใจ
แมงเม่าเลยคลานเข่าเอากระดาษคำตอบถวายให้กรมขุนวิมล
กรมขุนวิมลรับกระดาษมา ยิ้มแย้ม
"มาดูซิ ว่าเจ้าตัวดีของฉันแก้ว่าอย่างไร"

เห็นเสือสิงห์ กระทิงกระแทะ อิแกะอิเก้ง
ก็โป่งก็เป่ง ระเห็จระหัน ช่างขันช่างขึง
พยัคฆ์ทะยาน ก็รานก็ร้อง ก็ก้องก็อึง
ตะลานตะลึง ก็รุงก็เริง ก็เจิ่งก็จร

"สำคัญนักเจ้าตัวดี แปลกพิกลอย่างนี้ยังคิดออกมาได้" กรมขุนวิมลภักดีว่า
" เรียกว่ากลบทตะเข็บไต่ขอนเพคะ มีวันหนึ่งหม่อมฉันไปเที่ยวตลาดแลไปเห็นเข้า จึงจำมาเพคะ"
เลื่อนหน้าตาบึ้ง ไม่พอใจแมงเม่า
แต่เจ้าจอมเพ็ญกลับยิ้มๆไม่ว่าอะไร เพราะใจจริงรู้ว่าแมงเม่าต้องแก้ได้อยู่แล้ว และไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องคราวนี้เท่าไหร่
กรมขุนวิมลภักดียิ้มแย้ม
"เล่นกันมาแต่เช้า ไม่มีผู้แพ้แลชำนะ ถือว่าเสมอกันทั้งสองฝ่ายก็แล้วกัน นี่ก็จวนได้เพลาที่" แล้วพนมมือไหว้เหนือหัว "พระพุทธเจ้าอยู่หัวจะเสด็จกลับมาแล้ว ฉันว่าพวกเราไปเตรียมรับเสด็จกันเถิด"
ทุกคนพร้อมกัน "เพคะ"
เจ้าจอมเพ็ญจะลุกขึ้น แต่แกล้งเวียนหัวนั่งลงไปอีก
เลื่อนรีบรับลูก เข้าไปประคองเจ้าจอมเพ็ญ
"เป็นกระไรไปเจ้าคะหม่อมแม่"
เจ้าจอมเพ็ญแกล้งเวียนหัว "ข้าเวียนหัวเหลือเกินนังเลื่อน เห็นทีจะแพ้ท้อง คงไปรับเสด็จไม่ไหวเป็นแน่" แล้วแกล้งผะอืดผะอมเหมือนจะอ้วก
"ไม่ไหวก็อย่าฝืนเลยเจ้าค่ะ หน่อพระพุทธเจ้าในครรภ์สำคัญกว่านะเจ้าคะ บ่าวจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าอยู่หัว แลกราบทูล ให้ทรงทราบเองเจ้าค่ะ" เลื่อนแกล้งเน้นเสียงเพื่อข่มทุกคน "พระองค์ทรงโปรดหม่อมแม่กว่าผู้ใด ต้องเสด็จมาเยี่ยมหม่อมแม่เป็นแน่เจ้าค่ะ"
เลื่อนค่อยๆประคองเจ้าจอมเพ็ญออกจากกระโจมไป
เจ้าจอมเพ็ญ และเลื่อน หันมองหน้ากัน แล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กัน สะใจที่ได้ข่มเจ้าจอมคนอื่น
รวมทั้งกรมขุนวิมลด้วย
เจ้าจอมอำพันหมั่นไส้จนอดใจไม่ไหว
"เล่นกลบทได้เป็นนานสองนานไม่เป็นกระไร ทีตอนนี้ทำราวกับง่อยเปลี้ยเสียขา มารยาล่ะไม่ว่า"
เจ้าจอมอำพันทิ้งค้อนประหลับประเหลือก
คุณท้าวโสภาบอก
"คงหมายจะให้" พนมมือไหว้เหนือหัว "พระพุทธเจ้าอยู่หัวเสด็จมาเยี่ยมเพื่อประกาศความสำคัญกระมัง" แล้วหันไปพูดกับกรมขุนวิมลภักดี "นี่ถ้าได้เป็นใหญ่กว่านี้ มิรู้จะเป็นอย่างไรเลยนะเพคะ"
กรมขุนวิมลภักดีถอนใจ
"ช่างเถิด เป็นบุญของผู้ที่จะมาเกิด เราแก้ไขกระไรไม่ได้ดอก" แล้วหันไปพูดกับแมงเม่า "เจ้าไม่ต้องตามฉันไปรับเสด็จดอก กลับไปที่กระโจมของเจ้าเถิด"
แมงเม่าไหว้ "เพคะ"
กรมขุนวิมลภักดี เจ้าจอมอำพัน และ ท้าวโสภา มีสีหน้าท่าทางเคร่งเครียดขึ้นมาทันที เมื่อเห็นมารยา
เจ้าจอมเพ็ญ

แมงเม่าสังเกตท่าทีทุกคนแล้ว ก็อดเป็นห่วงกรมขุนวิมลภักดีไม่ได้

ฝ่ายขันทองเดินกลับเข้ามาในกระโจม พอเข้ามาก็เห็นพระราชาข่านนั่งรออยู่
 
ขันทองมองไปรอบๆเห็นว่าไม่มีใคร
"ออกพระท่านมีธุระกระไรกับกระผมหรือขอรับ"
" ไม่มีกระไร ข้ามีไข้แลปวดหัวนัก จึงตั้งใจจะมาสั่งงานเอ็ง ให้เอ็งทำงานแทนข้าที"
ขันทองยิ้มรับ
"เชิญว่ามาเถิดขอรับ เอ่อ ออกพระเจ็บไข้ได้ป่วยเช่นนี้ มีหยูกยากินแลหาหมอหรือยังขอรับ"
ราชาข่านไอโขลก ส่ายหน้า
"กระผมมียาอยู่บ้าง ออกพระรอสักครู่นะขอรับ"
ขันทองเดินไปเปิดหีบเสื้อผ้าใบใหญ่เพื่อค้นหายา
พระราชาข่านไอโขลก แต่สายตาจับจ้องไปที่ขันทองที่หันหลังให้ตนเขม็ง ก่อนจะค่อยๆล้วงขวดยาและผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกมา ไม่ให้ขันทองเห็น
ขณะขันทองค้นยาไป พูดไป
"กระผมเห็นออกพระ ป่วยกระเสาะกระแสะมานานนับปี น่าจะรักษาให้หายขาดเสียทีดีกว่านะขอรับ ปล่อยไว้จนเรื้อรังจะยิ่งรักษายาก"
ราชาข่านค่อยๆเปิดจุกขวดยา แล้วเทน้ำยาลงบนผ้าเช็ดหน้า
"ใช่ว่าข้าไม่อยากรักษา แต่งานราชการมีมากนัก ไว้ใจผู้ใดก็ไม่ได้"
"ก็จริงขอรับ แต่..." เจอห่อยา "เจอพอดี เอายานี้ไปต้ม น้ำสามชาม"
ทันใดนั้น พระราชาข่านก็เอาผ้าเช็ดหน้าที่มีน้ำยา โปะหน้าขันทองทันที
ขันทองตกใจ ผลักพระราชาข่านออกไป แต่ก็สายเกินไป ยาของพระราชาข่านออกฤทธิ์
ขันทองมึนงงมาก ก่อนที่จะทรุดลงกับพื้น
ขันทองพยายามจะยันตัวลุกขึ้น แต่ก็ไม่ไหว ทรุดร่วงลงไปอีก ได้แต่มองหน้าพระราชาข่านที่มองมาทางตนด้วยสายตาถมึงทึงดูน่ากลัว

บรรยากาศรอบๆกระโจมหนึ่ง มีข้าหลวงอยู่ไม่กี่คน จับกลุ่มคุยกันอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส เพราะข้าหลวงส่วนใหญ่และพวกโขลนต้องไปรับเสด็จพระมหากษัตริย์ จึงเหลือคนอยู่ไม่มากนัก
แมงเม่าเดินคุยมากับเป้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ขณะนั้นเอง แมงเม่าก็เห็นแน่นกับขุนรักษ์เทวา เดินคุยกันมา
แมงเม่าเข้าไปหาทั้งคู่ ยิ้มแย้ม ไหว้
"ท่านขุนจิตใจภักดิ์ ท่านขุนรักษ์เทวา ฉันไหว้เจ้าค่ะ"
เป้าไหว้ตาม "ฉันไหว้เจ้าค่ะ"
แน่น และขุนรักษ์เทวารับไหว้ แน่นมีสีหน้ายิ้มแย้ม แต่รักษ์เทวามีท่าทางหวาดระแวง
" ไหว้พระเถิดแม่หญิงทั้งสอง"
แน่นชำเลืองมองเป้า เห็นเป้าสวยน่ารักถูกใจ แต่ตนอยู่ในสภาพขันที เลยไม่กล้าแสดงอะไรมาก
ต้องทำนิ่งๆไว้ก่อน
ขุนรักษ์เทวาพูดสวนขึ้น
"ที่ต้องไหว้พระ เป็นฉันต่างหาก" แล้วกระชับเสื้อแน่น มองแมงเม่าด้วยสายตาหวาดระแวง "ไม่รู้จะถูกขโมยเสื้ออีกหรือไม่ ต้องขอให้พระท่านคุ้มครองไว้ก่อน"
แมงเม่าหัวเราะ อ้อน
"พุทโธ่ ท่านขุนเจ้าขา ฉันผิดไปแล้ว แต่ที่ฉันทำไป ก็เพราะห่วงหลวงศรีขันทินกลัวจะถูกทำร้ายนะเจ้าคะ หาใช่มือไวใจเร็วไม่"
"แล้วช่วยได้หรือไม่เล่า สุดท้าย ก็พวกทหารด้วยกันล้อมจับให้ทั้งนั้น"
แมงเม่ายิ้มๆไม่พูดอะไร ให้ทุกคนเข้าใจว่าทหารช่วยกันจับก็ดีแล้ว เรื่องจะได้ไม่มาถึงขันทอง
" แล้วนี่ท่านขุนทั้งสอง ไม่ไปรับเสด็จหรือเจ้าคะ" เป้าถาม
แน่นประชดยิ้มๆ
"เรื่องเช่นนี้ มีคนแย่งกันเอาหน้าอยู่มากนัก ไม่ถึงพวกฉันดอก นี่กำลังคุยกัน ว่าจะไปดูสัตว์เสียหน่อย อย่างไรเสีย ก็ไม่มีงานการกระไร แลเข้าป่ามาแล้ว ยังไม่เห็นสัตว์ใหญ่สักตัว"
แมงเม่าตื่นเต้น "ดูสัตว์หรือเจ้าคะ ให้ฉันไปด้วยนะเจ้าคะ"
เป้ากลัว ห่วงแมงเม่
" จะไปทำกระไรกันแม่แมงเม่า ในป่าน่ากลัวออกจะตาย มีทั้งพวกสัตว์ป่า ทั้งงูเงี้ยวเขี้ยวขอ แลเราเป็นหญิง ไปเที่ยวตะลอนในป่า มันไม่งามนะจ๊ะ"
" พุทโธ่ แม่เป้า อ้ายโน่นก็ไม่งาม อ้ายนี่ก็ไม่งาม อย่างนี้มิต้องอยู่แต่ในเรือนจนง่อยเปลี้ยเสียขากันเลยรึ ถึงจะสมเป็นหญิง"
เป้าอึกๆอักๆ ไม่รู้จะพูดยังไงดี
ขุนรักษ์เทวา
"เป็นผู้หญิงยิงเรือ จะเข้าป่าเข้าดงไปให้ลำบากทำกระไร"
แมงเม่าเข้าไปกอดแขนขุนรักษ์เทวา ออดอ้อน
"ก็ฉันอยากเห็นสัตว์ป่านี่เจ้าคะ อยู่ในอโยธยา เห็นแต่สัตว์เลี้ยง หรืออย่างดีก็พวกกระรอก พวกนก
ยังไม่เคยเห็นสัตว์ที่อยู่ในป่าจริงๆเลย ให้ฉันไปด้วยนะเจ้าคะ นะเจ้าคะ "

ขุนรักษ์เทวา และแน่น หันไปมองหน้ากันว่าจะเอาไงดี

ขันทองมึนหัวมากเพราะฤทธิ์ยา พยายามจะลุกขึ้นก็ลุกไม่ไหว ต้องล้มลงไปทุกครั้ง

พระราชาข่านยืนมองด้วยสายตาเย็นชา หน้าตาถมึงทึง น่ากลัว
"อย่าดิ้นรนไปเลย ยาเมานี้เป็นตำรับลับเฉพาะของเมืองโต้ระกี่ เอ็งไม่มีทางเอาชำนะได้ดอก"
"เหตุใด ออกพระถึงทำเช่นนี้"
"ข้าจำเป็น เอ็งเป็นบุรุษ มีเลือดมีเนื้ออย่างที่บุรุษทุกคนมี ช้าเร็ว เอ็งก็ต้องพ่ายแพ้แก่เสน่ห์ของอิสตรี เมื่อถึงวันนั้น ทั้งเอ็ง ทั้งข้าคงไม่ได้ตายดี"
ขันทองมึนหัวมาก "ออกพระจะฆ่ากระผม"
"ระหว่างเราไม่มีเรื่องแค้นเคืองกัน แลที่ผ่านมา เอ็งก็ดีกับข้าไม่น้อย ข้าไม่ฆ่าเอ็งดอก ข้าเพียงแต่ต้องการรักษาความลับนี้ไว้เท่านั้น"
พระราชาข่านเข้าไปประคองขันทองให้นอนลง
ขันทองมึนหัวมาก ไม่มีเรี่ยวแรงขัดขืนแม้แต่น้อย
ราชาข่านหยิบยาอีกขวดนึงออกมา
"นี่เป็นยา ที่จะทำให้เอ็งไม่เจ็บปวดในยามลงมีด กินเสียเถิด"
ขันทองมึนหัวมาก เริ่มสังหรณ์ไม่ดี "ลงมีด"
"ใช่ ข้าจะลงมีด สะบั้นความเป็นชายของเอ็งเสีย จากนั้น เราก็ไม่มี กระไรต้องกังวลอีกแล้ว"
ขันทองหวาดกลัวสุดๆ แต่ไม่ทันจะทำอะไร
พระราชาข่านก็เปิดจุกขวดยาออก แล้วเข้าไปบีบปากขันทอง
ขันทองพยายามสะบัดหน้าขัดขืน แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรง เลยถูกพระราชาข่านจับกรอกยาเข้าปากจนได้

เลื่อนเข้ามาในกระโจม โดยมีเจ้าจอมเพ็ญนั่งรออยู่
เจ้าจอมเพ็ญลุ้นๆ "เป็นอย่างไรบ้างนังเลื่อน"
เลื่อนรีบนั่งพับเพียบลง พนมมือไหว้เหนือหัว
"พระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงทราบแล้วว่าหม่อมแม่แพ้ท้อง ตรัสว่าจะเสด็จมาเยี่ยมหม่อมแม่เจ้าค่ะ"
เจ้าจอมเพ็ญดีใจ กระหยิ่มยิ้มย่อง
"เอ็งทำได้ดีมากนังเลื่อน ครานี้ทุกคนในฝ่ายในก็คงรู้กันเสียที ว่าผู้มีอำนาจสูงสุดในฝ่ายในคนใหม่เป็นใคร"
" ก็ต้องเป็นแม่หยั่วเมืองของหม่อมฉันอยู่แล้วเพคะ คนอื่น มีหรือจะกล้าแข่งวาสนาได้เพคะ"
เจ้าจอมเพ็ญแกล้งดุ
"เอ็งใช้ราชาศัพท์กับข้าทำกระไร ข้าไม่ใช่เจ้าเสียหน่อย"
" เพลานี้ยังไม่ใช่ แต่อีกไม่นานดอกเพคะ หม่อมฉันหัดเรียกไว้ก่อน เพลาจริงมาถึง จะได้ไม่ผิดพลาดเพคะ"
" พูดก็ไม่ฟัง อีนังนี่ ระวังเถิด ใครมาได้ยินเข้าจะถูกเอามะพร้าวห้าวยัดปาก"
เลื่อนยิ้มประจบประแจงไปมา
เจ้าจอมเพ็ญทิ้งค้อน แต่ก็แอบยิ้มดีใจ การประจบของเลื่อนช่างถูกใจสุดๆ

บรรยากาศในป่า อุดมสมบูรณ์ เขียวขจี
แมงเม่า แน่น ขุนรักษ์เทวา และเป้า กำลังซุ่มดูสัตว์อยู่
แมงเม่าสุดเซ็ง บ่นๆ ไม่หยุดปาก
"ธูปจะหมดดอกอยู่แล้ว ยังไม่เห็นกระทั่งหมูป่าสักตัว มีแต่พวกนกกระจิบกระจอก ไม่ได้ต่าง
จากที่เรือนเลย"
แน่นบอก
"สัตว์ป่านะเจ้า ไม่ใช่นกหมากาไก่จะได้เห็นกันง่ายๆ ของเช่นนี้มันต้องอดทน"
"นั่นซี ไม่มีใครชวนแม่เลยนะ รั้นมาเองแท้ๆแล้วยังจะมาบ่นอีก" ขุนรักษ์เทวาทิ้งค้อนใส่ให้อีกขวับ
" ขุนท่านทั้งสองรุมรังแกฉัน แม่เป้า ช่วยฉันหน่อยซี"
เป้าเงียบกริบ สายตาจับจ้องดูสัตว์นิ่ง จริงๆแล้วอยากดูมากกว่าแมงเม่าอีก
" แม่เป้า"
เป้าลุกขึ้นพรวด เสียงดังลั่น "ออกมาแล้ว นั่นปะไร" แล้วตบหน้าขาฉาดใหญ่ "ฉันเห็นหางไวๆ ตรงนั้น ต้องเป็นเสือแน่ๆเจ้าค่ะ เสือแน่ๆ"
ท่าทางสะใจที่ได้เห็น หลุดภาพเรียบร้อยนุ่มนิ่มไปเยอะ
แมงเม่า แน่น และขุรรักษ์เทวา สะดุ้งเฮือก ไม่คิดว่าเป้าจะตื่นเต้นสะใจขนาดนั้น
เป้าถามทุกคน"เป็นกระไรไปเจ้าคะ"
ขุนรักษ์เทวาประชด
"ถ้าเป็นเสือจริง หล่อนแหกปากลั่นป่าอย่างนี้ คงโดนจับไปกินแล้วล่ะ"
" ขอประทานโทษเจ้าค่ะ"
แน่น และแมงเม่าหัวเราะชอบใจ กับท่าทางของเป้า
เป้าเห็นทั้งคู่หัวเราะ ก็ยิ่งอายหนักขึ้นไปอีก
แน่นเหล่ๆมองเป้า ชักรู้สึกว่าเป้าน่ารักดี

ขันทองนอนนิ่ง ขยับเขยื้อนไม่ได้แม้แต่น้อย ได้แต่นอนตาลอย กรอกลูกตาไปมา รู้สึกตัวทุกอย่างแต่ขยับไม่ได้
พระราชาข่านยืนมองขันทองนิ่ง เพื่อรอเวลายาออกฤทธิ์เต็มที่
ราชาข่านเอื้อมมือไปเบิกเปลือกตาขันทอง เพื่อดูดวงตาว่ายาออกฤทธิ์แค่ไหนแล้ว
"ยาออกฤทธิ์แล้ว ไม่ต้องกลัว ข้าบอกแล้วว่าเอ็งจะไม่เจ็บแม้แต่น้อย"
พระราชาข่านหยิบมีดสั้นออกมา แล้วดึงมีดออกจากฝัก เห็นมีดคมกริบ เป็นประกายวาววับ
ขันทองเหลือบตามอง แววตาหวาดกลัว
พระราชาข่านเดินไปที่โต๊ะเล็กๆ ซึ่งมีเชิงเทียนตั้งอยู่ พระราชาข่านจุดเทียนขึ้นมา แล้วเอามีดลนไฟก่อนจะตอนขันทอง
ขันทองพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงเต็มที่ พูดอย่างยากลำบาก "อย่า"
"ยังพูดได้อีกรึ คนที่กินยาตำรับนี้เข้าไป แม้กระดิกนิ้วยังทำไม่ได้ แต่เอ็งกลับเปล่งเสียงเป็นคำได้ ช่างใจสู้นัก"
พระราชาข่านลนไฟกับมีดต่อ
" ข้าเตรียมการไว้หมดแล้ว หลังจากความเป็นชายของเอ็งสิ้นไป ข้าจะบอกกับทุกคนว่าเอ็งเจ็บหนักเป็นไข้ ป่า แลรีบพาเอ็งกลับไปรักษาตัวที่อโยธยา ไม่นาน เอ็งก็จะหายเหมือนเดิม"
พระราชาข่านลนไฟกับมีดซักพัก ก็เดินกลับมาหาขันทอง
" อย่าโกรธเคืองข้าเลย เพราะข้าไม่ได้ทำร้ายเอ็ง ข้ารับเงินทองของเอ็งมา ก็ช่วยเหลือเอ็งให้เข้ามาในวังตามที่รับปาก แลเพลานี้ ข้าก็กำลังช่วยเอ็ง เมื่อใดที่ข้าสะบั้นความเป็นชายของเอ็ง เอ็งก็จะอยู่ในวังได้นานเท่านาน แลข้าก็ไม่ต้องกังวลว่าผู้ใดจะล่วงรู้ความลับอีกต่อไป"
พระราชาข่านไอโขลก ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงผ้าคาดเอวของขันทองออก แล้วดึงเชือกรัดกางเกง
ที่ผูกอยู่ เพื่อจะทำการตอน
กางเกงของขันทองถูกดึงลงมากองที่ปลายขา
พระราชาข่านเงื้อมีดขึ้น
ขันทองมองไปที่มีดเขม็ง พยายามรวบรวมแรงเต็มที่ แต่ก็ขยับไม่ได้แม้แต่น้อย
พระราชาข่านเอื้อมมือไป (ประมาณว่าเอื้อมมือไปจับขันทองน้อย เตรียมจะตัด)
พระราชาข่านตั้งท่าเงื้อง้าเตรียมจะเฉือน
แต่ทันใดนั้น เพียงเสี้ยววินาที ก็ได้ยินเสียงช้างร้องดังลั่นขัดขึ้น
พระราชาข่านตกใจ หันกลับไปมองตามเสียง

ทั้งสี่คนกำลังซุ่มดูสัตว์อยู่
ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงช้างร้องดังลั่นมาจากทางที่ตั้งกระโจม
ทั้งสี่คนหันกลับไปมอง ก่อนที่จะได้ยินเสียงช้างร้องอีกหลายครั้ง และไม่ใช่เสียงแค่ช้างตัวเดียวด้วย

แมงเม่า แน่น ขุนรักษ์เทวา เป้า หันมามองหน้ากันด้วยความตกใจ

ช้างหลายเชือกกำลังคลั่ง อาละวาดทำลายข้าวของในบริเวณที่ตั้งกระโจมของเจ้าจอมเพ็ญ โดยมีพวกโขลน ข้าหลวง กรีดร้องหนีตายด้วยความตกใจสุดๆ

เลื่อนกำลังช่วยพาเจ้าจอมเพ็ญหนีจากการอาละวาดของช้าง
" ระวังเจ้าค่ะหม่อมแม่ มาทางนี้เจ้าค่ะ"
" ช่วยข้าด้วยนังเลื่อน เกิดกระไรขึ้น นี่มันช้างที่เราเลี้ยงไม่ใช่รึ ทำไมมันบ้าคลั่งเช่นนี้"
" อย่าเพิ่งหาสาเหตุเลยเจ้าค่ะ หนีก่อนเถิดเจ้าค่ะ"
ขาดคำ ก็มีพวกกระบุง ตะกร้าลอยลิ่วปลิวเข้าหาเจ้าจอมเพ็ญ และเลื่อน
ทั้งคู่กรีดร้อง รีบก้มหลบ กระบุงตะกร้าปลิวเฉียดหัวไปนิดเดียว
ทั้งคู่กรีดร้อง รีบวิ่งหนีไปด้วยความหวาดกลัวสุดๆ

พระราชาข่านหันกลับมาทำภารกิจต่อ แค่ตั้งมีดขึ้นอีกครั้งก็มีเสียงช้างร้องดังมาพร้อมกับเสียงกรีดร้องโวยวายดังมาจากด้านนอกกระโจม
พระราชาข่านลังเลว่าจะเอาไงดี แต่เสียงกรีดร้อง เสียงข้าวของถูกรื้อทำลาย ดังไม่หยุด โดยที่ตนก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ในที่สุด พระราชาข่านก็ทนไม่ไหว เลยออกจากกระโจมไปดูเหตุการณ์
ขันทองนอนนิ่งอยู่บนเตียง สีหน้าแววตาโล่งอก ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พระราชาข่านออกไป ก็พอมีเวลาได้ตั้งหลัก
ขันทองมีสีหน้าพยายามฝืนสู้สุดกำลัง
ขันทองค่อยๆกระดิกนิ้วได้ทีละน้อย

พระราชาข่านออกมาที่หน้ากระโจม
โขลนคนหนึ่งถูกช้างเหวี่ยงกระเด็นมากระแทกพื้นต่อหน้าพระราชาข่าน แม้ไม่ตายแต่ก็บาดเจ็บหนัก
พวกข้าหลวง กับโขลนคนอื่นช่วยกันประคองโขลนที่บาดเจ็บไป
พระราชาข่านงงไปหมด ไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ได้ยังไง ได้แต่ยืนถือมีดอยู่อย่างงั้น
ข้าหลวง 1 เห็นพระราชาข่านก็รีบเข้ามาหา กลัวสุดๆ
"ออกพระเจ้าขา ทำอย่างไรดีเจ้าคะ"
ราชาข่านเครียดหนัก ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ข้าหลวง 1กลัวลนลาน
"รีบสั่งการมาเถิดเจ้าค่ะ พวกฉันทำกระไรไม่ถูกแล้ว"
พระราชาข่านขบกรามแน่น มาถึงขั้นนี้แล้วจะปล่อยขันทองไปไม่ได้เด็ดขาด พระราชาข่านเลยตัดสินใจ เดินกลับไปทางกระโจมทันที
" ออกพระๆ อย่าเพิ่งไปเจ้าค่ะ ช่วยพวกเราด้วย"
ข้าหลวง 1 เหลือบเห็นช้างวิ่งมาทางตน กรีดร้องแล้วรีบวิ่งหนีไปทันที

ในกระโจม พระราชาข่านถือมีดตรงเข้ามาหาขันทองที่ยังนอนเปลือยช่วงล่างอยู่ ด้วยสีหน้าถมึงทึงน่ากลัว....
" ถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่าจะเกิดกระไรขึ้น ข้าก็ต้องจัดการให้เสร็จสิ้น"
พระราชาข่านเงื้อมีดขึ้น แต่ทันใดนั้น กระโจมทั้งกระโจมก็สั่นไหวอย่างรุนแรง พร้อมกับได้ยินเสียงช้างกำลังรื้อกระโจม ส่งเสียงแผดร้อง
พระราชาข่านตกใจ ที่กระโจมกำลังจะพัง หันไปมองขันทอง แล้วก็มองสภาพกระโจมสลับกันไปมา
ในที่สุด พระราชาข่านก็กลัวตายมากกว่า เลยรีบวิ่งหนีออกจากกระโจมไป

พระราชาข่านวิ่งหนีออกมา
ทันใดนั้น งวงช้างเข้ามาเหวี่ยงกระแทกพระราชาข่านกระเด็นไปอย่างแรง
มีดสั้นของพระราชาข่านหลุดจากมือ หล่นอยู่บนพื้น
ร่างของพระราชาข่านถูกช้างเหวี่ยงกระเด็น กระแทกลงพื้นอย่างแรง พระราชาข่านเจ็บหนัก
ขยับตัวไม่ได้ หวาดกลัวสุดขีด เมื่อเห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตน
ขาช้างขนาดใหญ่กำลังยกขึ้นหมาย จะเหยียบลงบนตัวพระราชาข่าน

แมงเม่า แน่น เป้า รักษ์เทวากำลังวิ่งกันมาเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ขณะนั้นเอง ก็สวนกับข้าหลวง และโขลนกลุ่มหนึ่งที่วิ่งหนีมาพอดี
เป้าร้อนใจสุดๆ รีบดึงตัวข้าหลวงคนหนึ่งไว้ "เกิดกระไรขึ้น"
ข้าหลวง 1กลัวมาก
"พวกช้างมันบ้าคลั่งขึ้นมา มิรู้ว่าตกมันหรือไม่ แต่มันอาละวาดทำลายข้าวของจนไม่เหลือชิ้นดีแล้ว"
ข้าหลวง 1 พูดเสร็จก็รีบวิ่งหนีไปอีกคน
แมงเม่าเป็นห่วงกรมขุนวิมล
"กรมขุนวิมล ป่านฉะนี้ท่านจะทรงเป็นอย่างไรบ้าง"
"กรมขุนวิมลกับพวกเจ้าจอมทั้งหลาย ไปรับเสด็จที่ฝ่ายหน้า คงไม่ทรงเป็นกระไรดอก" แน่นบอกและ หันไปพูดกับขุนรักษ์เทวา "ท่านขุน แม่แมงเม่า แม่เป้า คอยช่วยเหลือคนอยู่ทางนี้ ฉันจะไปขอความช่วยเหลือจากทางฝ่ายหน้าก่อน"
แน่นรีบวิ่งไปอีกทางทันที
แมงเม่ายืนละล้าละลังอยู่กับเป้า ขุนรักษ์เทวา ไม่รู้จะเอาไงดี
ทหาร 2 คนซึ่งเป็นทหารที่เอายาให้ช้างกิน กำลังซุ่มดูอยู่
ทหาร 1จะออกไปทำร้ายแมงเม่า
ทหาร 2 ดึงแขนเพื่อนไว้ อย่าเพิ่ง
"เราสู้อุตส่าห์วางยาช้าง จนวุ่นวายถึงเพียงนี้ แล้วจะรอกระไรอีก"
ทหาร 2 บอก "คนยังพลุกพล่านนัก ข้ายังไม่อยากเสี่ยง"
ทหารทั้งสองกำลังลังเลอยู่
"ฉันห่วงกรมขุนวิมลท่านนัก ทนรออยู่ที่นี่ไม่ได้ดอก ขอฉันไปหากรมขุนก่อนนะท่านขุน"
แมงเม่ารีบเดินตามแน่นไปทันที
เป้าห่วงแมงเม่า
"แม่แมงเม่า ประเดี๋ยวก่อน แม่แมงเม่า"
ขุนรักษ์เทวาโวยวาย
"โอ๊ย แม่คู๊น นึกอยากไปก็ไป เกิดกระไรขึ้น อย่ามาโทษที่ฉันก็แล้วกัน"
ทหาร 2 คน เห็นแมงเม่าแยกตัวออกไปคนเดียวก็แสยะยิ้มพอใจ รีบสะกด
รอยตามแมงเม่าไปทันที
ขุนรักษ์เทวากำลังหงุดหงิดอยู่ ขณะนั้นเอง เลื่อนก็ประคองเจ้าจอมเพ็ญหนีมาอย่างทุลักทุเล
สภาพเจ้าจอมเพ็ญอ่อนแรงมาก
ขุนรักษ์เทวาหันไปเห็นเจ้าจอมเพ็ญ ตกใจ "ว้าย เจ้าจอมเจ้าขา"
ขุนรักษ์เทวา เป้ารีบเข้าไปช่วยเจ้าจอมเพ็ญทันที
เลื่อนเหนื่อยหอบ
"ท่านขุน ช่วยเจ้าจอมด้วย ฉันไม่ไหวแล้ว"
ขุนรักษ์เทวาเข้าไปประคองเจ้าจอมเพ็ญ
"มาเจ้าค่ะ ดีฉันพาไปนั่งพักนะเจ้าคะ"
ขุนรักษ์เทวาประคองเจ้าจอมเพ็ญ แต่ไปได้นิดเดียว เจ้าจอมเพ็ญก็ปวดท้องขึ้นมา
เจ้าจอมเพ็ญปวดท้องมาก "โอ๊ยๆ"
" เป็นกระไรไปเจ้าคะหม่อมแม่"
" ข้าปวดท้อง นังเลื่อน ช่วยข้าด้วย"
เป้าตกใจ "นั่งลงก่อนเจ้าค่ะ"
ขุนรักษ์เทวา เป้า ค่อยๆประคองเจ้าจอมเพ็ญลงนั่ง แต่ทันใดนั้นก็ต้องตกใจสุดๆ
ขาของเจ้าจอมเพ็ญมีเลือดไหลเป็นทาง
ขุนรักษ์เทวา และเป้าตกใจสุดขีด หันมองหน้ากัน รู้ว่าเจ้าจอมเพ็ญกำลังจะแท้งลูกนั่นเอง

บริเวณรอบๆกระโจมขันทองถูกช้างรื้อพังทลายจนยับเยิน ข้าวของพังพินาศหมด แม้แต่กระโจมของขันทองก็ถูกรื้อลงมาเป็นกองผ้าคลุมอยู่บนพื้นดิน แต่รอบๆไม่มีใครอยู่แล้ว แม้แต่ช้างก็ไม่อยู่
ขณะนั้นเอง ขันทองก็ค่อยๆตะเกียกตะกายคลานออกมาจากกองผ้ากระโจมที่คลุมตัวเอาไว้
ฤทธิ์ยาค่อยๆหมด ทำให้ขยับได้บ้าง แต่ไม่มีเรี่ยวแรงพอจะลุกขึ้นได้
ขันทองคลานออกมาอย่างลำบาก แล้วกระชับกางเกง ผูกเชือกเข้าหากัน
พอผูกเสร็จ ขันทองก็เหลือบไปเห็นศพของพระราชาข่านนอนตายตาเหลือกค้าง เลือดทะลักออกมาทางปากดูน่าสะพรึงกลัว
ขันทองรีบคลานเข้าไปหาพระราชาข่านทันที
" ออกพระ ออกพระขอรับ"
ขันทองเขย่าตัวดู ก็รู้ว่าพระราชาข่านตายแล้ว
ขันทองถอนใจออกมา ก่อนจะใช้มือมาปิดเปลือกตาให้พระราชาข่านตายตาหลับ
ขณะนั้นเอง แมงเม่าก็เดินลิ่วมาด้วยความเป็นห่วงกรมขุนวิมล
แมงเม่าเหลือบเห็นขันทองเข้า ตกใจมาก
"คุณหลวง เป็นอย่างไรบ้าง" แมงเม่าตกใจสุดๆ เห็นศพพระราชาข่านกับตา รีบเบือนหน้าไป
ด้วยความสยดสยอง
"ฉันไม่มีแรง แต่ไม่บาดเจ็บกระไร เจ้าช่วยพาฉันไปนั่งพักที" ขันทองบอก
"เจ้าค่ะ"
แมงเม่าจะเข้าไปประคองขันทอง
แต่ทันใดนั้น ทหารทั้งสองก็เดินเข้ามาหาแมงเม่า
แมงเม่าเห็นทหารก็ดีใจ
"พี่ชาย มาช่วยคุณหลวงทีเถิด ฉันคนเดียวคงประคองไม่ไหว"
ทหารทั้งสองคนหันไปมองหน้ากัน
ทหาร1หน้านิ่งเครียด
"ถึงจะมีคนอื่นอยู่ ก็คงต้องลงมือแล้ว"
ทหาร2 ชักดาบออกจากฝัก แล้วเดินเข้าไปหาแมงเม่า
แมงเม่าแปลกใจ แต่เริ่มรู้สึกไม่ดี
ขันทองฉุกคิดขึ้น ตะโกนลั่น "หนีไป มันจะฆ่าเจ้า"
แมงเม่าตกใจ จังหวะเดียวกันนั้น ทหาร 2 ก็ฟันดาบใส่แมงเม่าทันที
แมงเม่ารีบก้มหัวหลบตามสัญชาติญาณ ทำให้หลบไปได้หวุดหวิด
แมงเม่ารีบวิ่งหนีไปตั้งหลัก ก่อนจะหยิบเศษไม้ที่ตกอยู่แถวนั้นเป็นอาวุธ แล้วฟาดมั่วๆใส่ทหาร 2 ที่
หลบได้อย่างง่ายดาย
ขันทองรู้ว่าแมงเม่าสู้ไม่ได้แน่ มองไปรอบๆหาทางช่วยเหลือ
แล้วเห็นมีดของพระราชาข่านตกอยู่ ไม่ห่างจากที่ตนอยู่นัก
ขันทองรีบตะเกียกตะกายคลานไปที่มีดทันที
ทหาร 1 เห็นขันทองคลาน นึกว่าจะคลานหนี เลยชักดาบออก แล้วเดินไปที่ขันทอง กะฆ่าปิดปาก
ขันทองคลานไปที่มีด แล้วหยิบมีดขึ้นมา ก่อนจะพลิกตัวกลับนอนหงาย เอามีดซ่อนเอาไว้
ทหาร 1 เดินเข้ามาหาขันทองแล้วเงื้อดาบขึ้น กะฆ่าให้ตาย
แมงเม่าพยายามฟาดไม้แต่ไม่โดน ทหาร 2ได้โอกาส จับไม้แมงเม่าไว้
แมงเม่าจะดึงคืนก็ไม่ไหว ทหาร 2 เงื้อดาบขึ้นจะฟันแมงเม่า
ทหาร 1 เงื้อดาบขึ้น จะแทงใส่ขันทอง แต่จังหวะนั้นเอง ขันทองรวบรวมแรงลุกขึ้นนั่ง แล้วใช้มีดในมือปักใส่หลังเท้าทหาร 1 ทันที
ทหาร1 ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดสุดๆ หงายล้มลงไปพยายามจะดึงมีดออก
ทหาร 2 ตกใจ หันกลับไปมองเพื่อน แมงเม่าได้โอกาส เลยเตะเข้าเต็มๆกล่องดวงใจของทหาร 2
จนจุก ทรุดร่วงลงไป
แมงเม่ารีบวิ่งเข้ามาหาขันทอง
"หนีเจ้าค่ะคุณหลวง"

แมงเม่าประคองขันทองขึ้นมา แล้วกัดฟันพาขันทองหนีไปด้วยกันทันที
 
อ่านต่อตอนที่ 8


กำลังโหลดความคิดเห็น