xs
xsm
sm
md
lg

หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 6 : เอาผู้ชายใส่หีบเข้าวังเซ่นขันที !

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตอนที่ 6

บทประพันธ์ : วรรณวรรธน์
บทโทรทัศน์ : เอกลิขิต

ยามบ่าย ที่ตำหนักกรมขุนวิมลภักดี แมงเม่ากำลังอธิบายการถอดกลตารางกลีบดอกบัวให้กรมขุนวิมล เจ้าจอมเพ็ญ และเจ้าจอมอำพันฟัง โดยมีเลื่อนนั่งหมอบฟังอยู่ใกล้ๆเจ้าจอมเพ็ญด้วย 


แมงเม่าคลี่ตารางกลีบดอกบัวมาอธิบายประกอบด้วย
"การจะแก้กลนี้ ต้องแก้ตามลักษณะการเดินของตัวโคนในหมากรุกเพคะ - (ชี้ไปที่กลีบดอกบัวเฉียงซ้ายบนที่เขียนว่า “พร”) พร (ชี้ไปที่กลีบดอกบัวเฉียงขวาบนที่เขียนว่า “โพยม”) โพยม (ชี้ไปที่กลีบดอกบัวกลีบบนตรงกลางที่เขียนว่า “แจ่มแจ้ง”)แจ่มแจ้ง เราก็จะได้บรรทัดแรกว่า “พรโพยมแจ่มแจ้ง” จากนั้นก็อ่านตามกลอักษรงูกลืนหาง ก็จะได้เป็น “พรโพยมแจ่มแจ้ง โพยมพร” เป็นวรรคแรกเพคะ"
กรมขุนวิมลภักดี และเจ้าจอมอำพันพากันอึ้งไปหมด ไม่คิดว่าเจ้าจอมเพ็ญจะเล่นแรงขนาดนี้ ถึงขนาดเอากลหมากรุกมาซ่อนเอาไว้กลอนกลบทอีกที
ในขณะที่เจ้าจอมเพ็ญ หน้าซีดเผือด ไม่คิดว่าเด็กอย่างแมงเม่าจะถอดได้
เจ้าจอมอำพันเจ็บใจ
"มิแปลกใจแล้วว่าเหตุใดถอดกันไม่ได้ เอากลหมากรุกมาซ่อนเอาไว้ในกลกลอน ไม่เกินฝ่ายในไปโขอยู่หรือแม่เพ็ญ พวกกลหมากรุก กลทัพ กลศึก เป็นเรื่องของฝ่ายหน้า พวกทหาร ครูบามหาเถรเขาเรียนรู้กัน จะให้ฝ่ายในอย่างพวกเรารู้ได้อย่างไร"
เจ้าจอมเพ็ญหน้าเสีย แต่ก็ยังแกล้งปั้นยิ้มกลบเกลื่อน
"ผู้ใดว่าถอดไม่ได้กันจ๊ะ แม่อำพัน" แล้วหันไปมองแมงเม่า "ก็เพิ่งจะถอดได้อยู่นี่มิใช่รึ"
เจ้าจอมอำพันโดนเถียงข้างๆคูๆกลับมาก็ยิ่งโกรธหนัก "แม่เพ็ญ"
กรมขุนวิมลภักดีปราม
"พอได้แล้วแม่อำพัน" แล้วหันไปพูดกับแมงเม่า "ต่อไปซิเจ้าตัวดี ฉันอยากรู้ว่าเจ้าจะถอดว่าอย่างไร"
"เพคะ การเดินของโคนยังเหลืออีกสองทาง (ชี้ไปที่กลีบดอกบัวเฉียงซ้ายล่างที่เขียนว่า “แผ้วผ่อง”) แผ้วผ่อง (ชี้ไปที่กลีบดอกบัวเฉียงขวาล่างที่เขียนว่า “กลางอัมพร”) กลางอัมพร ก็จะได้วรรคที่สองว่า “แผ้วผ่องกลางอัมพร ผ่องแผ้ว” จากนั้น หม่อมฉันขอเติมอีกสองวรรค คือ ดาษดาวดาสลอน ดาวดาษ ล้อมแวดดาวเดือนแพร้ว แวดล้อมเดือนดาว เพคะ"

พรโพยมแจ่มแจ้ง           โพยมพร
แผ้วผ่องกลางอัมพร        ผ่องแผ้ว
ดาษดาวดาสลอน           ดาวดาษ
ล้อมแวดดาวเดือนแพร้ว    แวดล้อมเดือนดาว

กรมขุนวิมลภักดียิ้มพอใจมาก
"เก่ง เก่งมาก ทั้งแก้กลบทแลยังเติมได้ไพเราะนัก" แล้วหันไปพูดกับเจ้าจอมเพ็ญ "จริงหรือไม่แม่เพ็ญ"
เจ้าจอมเพ็ญใจจริงเจ็บใจที่เสียหน้า แต่ต้องปั้นยิ้มไว้ก่อน
"จริงเพคะ" เจ้าจอมเพ็ญหันไปจ้องแมงเม่าเขม็ง แต่ใบหน้ายิ้มแย้ม
"เก่งมาก เก่งเกินหญิงเสียด้วยซ้ำ"
เลื่อนรีบช่วยนายประชด
"ชะรอยจะเป็นเชื้อสายปราชญ์ราชบัณฑิตกระมังแม่ ถึงได้มีปัญญาแลศักดิ์ให้กรมขุนท่านทรงเรียกใช้สอยได้"
แมงเม่ารู้ว่าเลื่อนแขวะ แต่ทำเป็นไม่รู้ หน้านิ่งๆ "กรมขุนท่านทรงใช้คนตามความสามารถ ไม่เกี่ยงไพร่ผู้ดีแลยศศักดิ์ดั่งเช่นคนถือยศมากกว่าปัญญากระทำกันดอกจ้ะ แลฉันเองก็เป็นเพียงแต่ลูกพ่อค้ากระดาษเท่านั้น ไม่ใช่เชื้อสายปราชญ์กระไร แต่ได้อ่านหนังสือหนังหามามากจึงพอมีวิชาความรู้อยู่บ้างเท่านั้นเอง"
เลื่อนเจอย้อนเข้าก็ไม่พอใจ แต่ต่อหน้ากรมขุนวิมลภักดีก็ไม่กล้า
ในขณะที่กรมขุนวิมลยิ้มบางๆไม่ว่าอะไร พอใจในการวางตัวของแมงเม่ามาก
ส่วนเจ้าจอมอำพันได้แต่ยิ้มเยาะสะใจ
เจ้าจอมเพ็ญฉุกคิดขึ้น
"บุตรสาวเจ้าของโรงทำกระดาษ เจ้าคงเป็นแม่แมงเม่า ที่เสด็จท่านทรงเอ็นดูให้ใช้พระนามกระมัง"
แมงเม่าไหว้เจ้าจอมเพ็ญ "เจ้าค่ะ"
เจ้าจอมเพ็ญโปรยยิ้มหวานทันที ในที่สุด ก็เจอตัวคนที่ได้กลักและหนังสือลับไปแล้วอย่างง่ายดายชนิดคาดไม่ถึงทีเดียว

ครู่ต่อมา ขันทองเดินอยู่ในตำหนักกรมขุนวิมลภักดีจะไปรับแมงเม่า ขณะนั้นเอง ก็มีนางข้าหลวงสองคน เดินถือพานใส่ผ้าหลายพับสวนมา
ข้าหลวง 1ยิ้มทักทาย
"วุ๊ย พ่อปันหยี พักนี้ เห็นที่ตำหนักนี้บ่อยนะจ๊ะพ่อ ติดใจกระไรที่นี่หรือจ๊ะ"
พวกข้าหลวงหัวเราะกันคิกๆคักๆ ชอบใจที่ได้แซว
ขันทองยิ้มๆ
"ฉันมารับแม่แมงเม่าจ้ะ กรมขุนท่านให้ฉันมารับแม่แมงเม่ากลับเรือน หลังจากเข้าเฝ้าเสร็จ" ขันทองมองไปรอบๆ "แลนี่ยังเข้าเฝ้าไม่เสร็จอีกหรือจ๊ะ"
ข้าหลวง 2 ยิ้มแย้ม
" เสร็จแล้วล่ะจ้ะ แต่เพิ่งออกไปกับเจ้าจอมเพ็ญท่านเมื่อครู่นี้เอง"
ขันทองตกใจ
"ไปกับเจ้าจอมเพ็ญ แล้วเหตุใดถึงไปกับเจ้าจอมท่านได้ล่ะจ๊ะ"
"เจ้าจอมท่านพอใจ ที่แม่แมงเม่าแก้กลอักษรได้ จึงพาไปประทานรางวัลให้จ้ะ" ข้าหลวง 1 บอก

ขันทองหน้าซีดเผือด รู้ว่าเจ้าจอมเพ็ญมีแผนแน่ๆ เพราะรับใช้มานาน รู้ว่าการให้รางวัลแบบนี้ไม่ใช่นิสัยเจ้าจอมเพ็ญเด็ดขาด

ครู่ต่อมา ข้าหลวงยกสำรับขนมหวานมาให้แมงเม่า เป็นขนมจำพวกทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง แต่ทำอันเล็กๆน่ารัก

เจ้าจอมเพ็ญกึ่งนั่ง กึ่งนอนอยู่บนตั่ง
เจ้าจอมเพ็ญยิ้มบางๆ ปั้นสีหน้าเอ็นดู
"กินเสียสิ ขนมหวานพวกนี้ ไม่ใช่หากินง่ายๆนะ"
แมงเม่าไหว้ "เป็นพระคุณเจ้าค่ะ"
ใช้ส้อมจิ้มกินเล็กน้อย ยิ้มแย้ม
"เอร็ดอร่อยเหลือเกินเจ้าค่ะ อร่อยกว่าที่อิฉันเคยกินที่หมู่บ้านพุทธะเกศเสียอีก"
เพ็ญนึกไม่ถึง "เคยกินมาก่อนรึ"
"เจ้าค่ะ อันนี้เรียกว่าทองหยิบ อันนี้เรียกว่าทองหยอด ส่วนอันนี้เรียกว่าฝอยทอง ฟังว่าเราดัดแปลงมาจากอาหารของเมืองพุทธะเกศ (โปรตุเกส) เจ้าค่ะ แต่ที่อิฉันเคยกิน เทียบไม่ได้กับที่เจ้าจอมท่านเมตตาประทานเลยเจ้าค่ะ"
เจ้าจอมเพ็ญยิ้มขำๆ
"ฉันคงไม่ได้ออกจากวังนานเกินไป เลยไม่รู้ว่าประเดี๋ยวนี้ พวกชาวบ้านก็หากินกันได้แล้ว เอาเถิด ถ้าเจ้าชอบก็กินให้มากๆ ไม่ต้องรีบร้อน"
"เป็นพระคุณเจ้าค่ะ"
ขณะนั้นเอง ก็มีข้าหลวงคนหนึ่งคลานเข่าเอากระจกส่องหน้าบานหนึ่งเข้ามาให้เจ้าจอมเพ็ญ
"กระจกเจ้าค่ะหม่อมแม่"
เจาจ้าจอมเพ็ญรับกระจกมาแล้วยื่นให้แมงเม่า
"นี่เป็นกระจกจากเมืองฝาหรั่ง ฉันให้เป็นรางวัลที่เจ้าแก้กลบทของฉันได้"
แมงเม่าคลานเข้าไปรับกระจก "เป็นพระคุณเจ้าค่ะ"
แมงเม่ารับกระจกมาดู เนื้อกระจกใส ดีกว่ากระจกจากเมืองจีนเสียอีก ก็ยิ้มดีใจ แต่พอพลิกกระจกไปดูด้านหลังก็ต้องตกใจ
ด้านหลังกระจกแกะสลักลวดลายรูปผีเสื้อ ซึ่งเป็นลวดลายเดียวกับที่อยู่บนกลักเปี๊ยบ
เพ็ญสังเกตสีหน้าแมงเม่า "มีกระไรรึ"
แมงเม่ารีบปั้นยิ้ม "ลายแกะสลักรูปผีเสื้อนี้งามนักเจ้าค่ะ วิจิตรราวกับจะบินออกมาได้เลยนะเจ้าคะ"
"ลายผีเสื้อนี้ เป็นลายประจำตัวฉัน ของใช้ของฉันเกือบทุกชิ้นก็สลักลายนี้ไว้"
แมงเม่าอึ้งๆไป อย่างแอบเก็บข้อมูล
"เจ้านี่ถูกใจฉันนัก นอกจากจะมีปัญญาแก้กลบทได้แล้ว ยังชอบกระไรเหมือนฉันอีก ถ้าอย่างไร ก็อยู่พูดคุยกับฉันก่อนเถิด อย่าเพิ่งรีบกลับเลย"
แมงเม่าไหว้
"เป็นพระคุณเจ้าค่ะ"
เจ้าจอมเพ็ญมองแมงเม่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ดูมีเมตตา แต่แท้ที่จริงแอบซ่อนแผนการบางอย่างไว้
เลยรั้งตัวแมงเม่าให้อยู่กับตน

ถ่วงเวลาแมงเม่า เพื่อให้เลื่อนแอบขึ้นมาบนเรือนคุณท้าวโสภา
เลื่อนมองซ้ายมองขวาให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ ก่อนจะแกล้งเรียก
"คุณท้าว คุณเท้าเจ้าขา คุณท้าว"
ไม่มีเสียงตอบกลับมา เลื่อนเริ่มได้ใจ เลยเดินไปเปิดประตูห้องนอนเล็กออก แล้วรีบเข้าไปข้างในทันที
เลื่อนรีบเข้าไปค้นหาของในห้องนอนทันที เพราะเข้าใจว่าเป็นห้องที่แมงเม่านอนเมื่อคืน
เลื่อนค้นจนทั่ว แต่เจอแต่ผ้า สไบ ที่แมงเม่าเตรียมไว้ผลัดเปลี่ยนก่อนกลับ แต่กลับไม่เจอกลักที่ตนต้องการเลย
ทันใดนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงคุณท้าวโสภาดังขึ้น
" ทำกระไรน่ะนังเลื่อน"
เลื่อนตกใจมาก หันกลับไปมอง เห็นคุณท้าวโสภา เป้ายืนจ้องเขม็งอยู่ที่หน้าประตู
คุณท้าวตวาดแว๊ด
"ข้าถามว่าทำกระไร คิดจะขโมยของรึ"
เลื่อนหน้าเสีย ก่อนรีบโวยวายกลบเกลื่อน
"พูดกระไรอย่างนั้นเจ้าคะ หวายให้อีฉันแล้ว อีฉันก็มาหาคุณท้าวน่ะสิเจ้าคะ"
เป้าสงสัย
"มาหาคุณท้าว พี่เลื่อนมีกระไรหรือจ๊ะ"
เลื่อนอึกๆอักๆ
"เอ่อ หม่อมแม่ให้ฉันมาบอกคุณท้าว เรื่อง เลื่อนคิดหนัก พยามยามเอาตัวรอด ก่อนจะฉุกคิดขึ้น "เอ่อ เรื่องภัตตาหารเพลวันพรุ่ง หม่อมแม่จะต้องไปถือศีล เลยอยากจะให้คุณท้าวทำเครื่องคาวหวาน
ไปถวายเพลด้วย"
เป้ามองเลื่อนด้วยสายตาระแวง
"แล้วเหตุใดเข้ามาในห้องนี้ล่ะจ๊ะ ที่นี่ไม่ใช่ห้องคุณท้าวเสียหน่อย"
"ฉันจะไปรู้ได้อย่างไรเล่า ว่าห้องใดเป็นห้องของคุณท้าว เมื่อครู่ ฉันก็ร้องเรียกแล้ว แต่ไม่มีใครขาน ฉันก็เลยถือวิสาสะเข้ามาดู แล้ว" เลื่อนอึกๆอักๆ พยายามหาเรื่องโกหก "เอ่อ สร้อยข้อมือฉันขาดตอนไหนก็ไม่รู้
ก็เลยหาดู ไม่ได้คิดอกุศลจะขโมยกระไรเลยนะแม่เป้า"
เป้าระแวง
"แล้วหาเจอหรือยังล่ะจ๊ะ ให้ฉันช่วยหาดีหรือไม่"
เลื่อนละล่ำละลัก
"ไม่ต้องๆ ฉันหาเจอแล้ว"
เป้า และคุณท้าวโสภามองแบบไม่เชื่อแม้แต่น้อย
เลื่อนรีบหลบตา ไม่กล้าพูดอะไรมาก
คุณท้าวโสภามองแบบไม่เชื่อ แต่ไม่มีหลักฐานจะมีปัญหากับคนของเจ้าจอมเพ็ญก็ไม่ดี
"ช่างเถิด อย่างไรเสีย ห้องนี้ก็มีแต่ผ้าผ่อนแลของใช้เล็กน้อยของแม่แมงเม่า ไม่มีกระไรให้ขโมยอยู่แล้ว เอ้า เอ็งบอกข้าหมดแล้ว เหตุใดยังไม่กลับไปอีกเล่า"
"เจ้าค่ะๆ"
เลื่อนรีบเดินหนีไปทันที
เป้ามองตามเลื่อนไป
"ไม่น่าเชื่อถือเลยนะเจ้าคะคุณท้าว ฉันว่าต้องมีกระไรซ่อนอยู่เป็นแน่"
"ใช่ว่าฉันไม่รู้ แต่ไม่มีหลักฐาน จะให้ทำอย่างไร" คุณท้าวโสภาถอนใจออกมา "แม้แต่จะตีหมาก็ต้องดูหน้าเจ้าของนะแม่เป้า"
" เจ้าค่ะ"

คุณท้าวโสภาและ เป้า มองตามด้วยความหวาดระแวง ไม่เชื่อเลื่อนเลยซักนิด

ฝ่ายขันทองยืนกระวนกระวายอยู่หน้าตำหนักเจ้าจอมเพ็ญ แต่จะเข้าไปก็ไม่ได้ เพราะมีโขลนเฝ้าอยู่

ขันทองห่วงแมงเม่ามาก แต่ก็ทำได้เพียงแค่ชะเง้อมอง
ขณะนั้นเอง แมงเม่าก็เดินออกมาจากตำหนัก มือถือกระจกที่เป็นของรางวัลออกมาด้วย
ขันทองเห็นแมงเม่าเข้าก็ถอนใจโล่งอก
แมงเม่าเห็นขันทองเข้าก็เดินยิ้มแย้มเข้าไปหา
"ออกหลวง มารับฉันหรือเจ้าคะ แล้วเหตุใดไม่เข้าไปในตำหนักเล่าเจ้าคะ"
ขันทองเหล่ไปทางโขลนนิดนึง ก่อนจะเดินนำแมงเม่าเลี่ยงออกมา เพื่อไม่ให้โขลนได้ยิน
"แต่ก่อน ฉันก็เข้านอกออกในได้อยู่ดอก แต่จำเพาะวันนี้ เจ้าจอมท่านสั่งไม่ให้ทุกคนเข้าไป ฉันจึงต้องรออยู่ข้างหน้า"
แมงเม่าแกล้งตกใจ
"พุทโธ่ นี่เจ้าจอมท่านอยากโอภาปราศรัยกับฉันมากถึงเพียงนี้เชียว"
ขันทองมองแมงเม่า อุตส่าห์ห่วงยังจะกวนอีก
แมงเม่าขำๆ
"ฉันเย้าเล่นน่ะเจ้าค่ะ ออกหลวงอย่าห่วงฉันเลย เจ้าจอมท่านไม่ได้โกรธเคืองที่ฉันแก้กลบทได้ดอก ยังประทานกระจกฝาหรั่งมาเป็นรางวัลให้ฉันอีก" พลางอวดกระจกให้ดู
" ไม่เป็นกระไรก็ดีแล้ว แต่เจ้าอย่าเข้าใจผิด ว่าฉันห่วงใย ที่ฉันถามก็เพราะกรมขุนวิมลท่านใช้ให้ฉันดูแลเจ้าดอก"
แมงเม่าหัวเราะคิกๆ
"ปากหนักเสียจริงนะเจ้าคะ คนเราห่วงใยกัน ไม่เห็นจะเป็นกระไร" แมงเม่าตีต้นแขนขันทองเบาๆ "ไม่เห็นต้อง..."
แมงเม่าตีตรงจุดที่ขันทองถูกดาบฟัน จนขันทองเจ็บเผลอตัวร้องออกมา
"โอ๊ย"
แมงเม่าตกใจ เข้าไปดูอาการ "เป็นกระไรเจ้าคะ"
ขันทองรีบเบี่ยงตัวออก
"ไม่มีกระไร ฉันเซอะจนได้แผล แต่แผลเล็กน้อยเท่านั้นแลเจ้าเป็นหญิง ไม่ควรแตะต้องเนื้อตัวชาย"
"แต่ออกหลวงไม่ใช่ผู้..." แมงเม่านึกขึ้นได้ว่าอาจจะทำร้ายจิตใจขันทอง จึงไหว้ขอโทษ "ขอประทานโทษเจ้าค่ะ"
"เจ้าจะบอกว่าฉันไม่ใช่ผู้ชายกระมัง เจ้าพูดจริง ฉันไม่โกรธดอก"
"ถึงไม่โกรธก็ไม่ควรพูดเจ้าค่ะ เราเป็นมิตรที่ดีต่อกัน มิตรไม่ควรทำร้ายมิตร ไม่ว่ากาย วาจา หรือใจ แต่ฉันเป็นคนปากเร็วใจเร็ว บางคราทำกระไรไม่ยั้งคิด แต่ฉันสัญญานะเจ้าคะ ว่าจะแก้ไข จะไม่ทำให้ออกหลวงต้องลำบากใจอีกเจ้าค่ะ"
ขันทองพยักหน้ารับ " ไปกันเถิด ฉันต้องไปส่งเจ้าที่เรือนอีก"
ขันทองหันหลังเดินนำไป โดยมีแมงเม่าเดินตาม
พอขันทองหันหลังให้แมงเม่า ก็แอบยิ้มชอบใจแมงเม่า แม้แมงเม่าจะแสบ แต่ก็เป็นคนที่มีจิตใจดีมากทีเดียว

ตอนเย็น ในตำหนักเจ้าจอมเพ็ญ
พระยาพลเทพกำลังตกใจ นึกไม่ถึง
"เป็นไปไม่ได้ แม้กลบทที่กระผมตั้ง จะไม่ได้ยากนัก แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ปัญญาของหญิงจะแก้ได้เป็นอันขาด"
พระยาพลเทพกำลังคุยกับเจ้าจอมเพ็ญด้วยสีหน้าเคร่งเครียด โดยมีเลื่อนนั่งพับเพียบอยู่ใกล้ๆ
"แต่ก็แก้ไปแล้ว ต่อหน้าต่อตาฉันนี่ล่ะ ฉันว่าท่านเจ้าคุณดูแคลนผู้หญิงเกินไป ระวังเถิด จะตายเพราะผู้หญิงซักวัน"
พระยาพลเทพไม่พอใจ แต่ไม่อยากเถียงด้วย หันไปพูดกับเลื่อน
"แล้วเอ็งล่ะนังเลื่อน เจอของที่เจ้าจอมท่านใช้ให้ไปหาหรือไม่"
"ไม่เจอเจ้าค่ะ อีฉันค้นจนทั่วห้องแล้ว ไม่พบกระไรเลยนอกจากเสื้อผ้ามาผลัดเปลี่ยนเท่านั้น"
"ฉันแกล้งถ่วงเวลาให้นังเลื่อนโขอยู่ นานขนาดนั้น นังเลื่อนไม่น่าพลาดได้ดอก ชะรอย ของจะอยู่ที่เรือนของนังเด็กนั่นมากกว่า"
พระยาพลเทพพยักหน้ารับ
"น่าจะเป็นเช่นนั้น แม้นังเด็กนั่นจะไม่รู้ความสำคัญของมัน แต่ก็ไม่น่าจะพกติดตัวเข้าวังมาด้วย"
เลื่อนสงสัยมาก
"เอ่อ หม่อมแม่เจ้าขา ท่านเจ้าคุณเจ้าคะ ของที่ให้อีฉันไปหาคือกระไรหรือเจ้าคะ เพียงแค่กลัก..."
เจ้าจอมเพ็ญตวาดสวน
"อย่าสู่รู้นังเลื่อน สิ่งใดที่ข้าไม่ได้บอก ขี้ข้าอย่างเอ็งไม่ต้องอยากรู้"
เลื่อนกลัว
"เจ้าค่ะ บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ"
"ออกไปได้แล้ว"
เลื่อนตกใจ
"แต่มันผิดกฎนะเจ้าคะ หม่อมแม่จะอยู่กับชายสองต่อสองไม่ได้ แม้จะเป็นท่านเจ้าคุณก็ตาม"
เจ้าจอมเพ็ญโมโห ชี้หน้าเลื่อน
"นี่เอ็งคิดว่าข้าจะทำเรื่องบัดสีรึนังเลื่อน อยากหลังขาดรึ ถึงได้คิดอัปรีย์เช่นนี้"
เลื่อนออกอาการกลัวมาก "มิได้เจ้าค่ะ"
" ออกไปเถิด เอ็งเฝ้าอยู่หน้าห้องก็ได้ ข้าคุยกับเจ้าจอมท่านไม่กี่คำดอก"
"เจ้าค่ะ"
เลื่อนคลานเข่าเลี่ยงออกมา ก่อนจะลุกขึ้นแล้วออกจากห้องไป
"เจ้าจอมท่านมีสิ่งใดกังวลหรือขอรับ"
" นังเด็กนั่นแก้กลบทของท่านเจ้าคุณได้ ฉันเลยเกรงว่ามันจะแก้กลในหนังสือลับได้นะซี แต่ครั้นจะฆ่าเสียก็เกรงกรมขุนวิมล ท่านเจ้าคุณเห็นว่าควรจะทำอย่างไร"
"กลอักษรในหนังสือลับ ยากกว่าโจทย์ที่กระผมตั้งให้เจ้าจอมท่านมากนัก ผู้ที่จะถอดได้ ต้องชำนาญเชิงอักษรในระดับ เดียวกับกระผมเท่านั้น ซึ่งกวาดตาดูทั่วแผ่นดินแล้ว เกรงว่าไม่น่ามีเกินสาม แลไม่มีผู้ใดอยู่ในอโยธยาแม้แต่ผู้เดียว"
"แต่เจ้าคุณสีหะราชเดชะก็ยังถอดได้ไม่ใช่รึ แม้จะเสียเวลาอยู่นานปีก็ตาม"
พระยาพลเทพพยักหน้ารับ
"จริงของเจ้าจอมท่าน ถ้าเช่นนั้น เราก็ไม่ควรนอนใจ แลควรต้องหาแผนไว้สำหรับการนี้"
พระยาพลเทพใช้ความคิด สีหน้าแววตาเจ้าเล่ห์ไม่น่าไว้ใจ

เจ้าจอมเพ็ญยังมีสีหน้ากังวลใจอยู่ไม่น้อย

บนเรือนมิ่ง อินกำลังดูกระจกสลักลายผีเสื้อของเจ้าจอมเพ็ญอย่างชื่นชม

แมงเม่า ม่วง มิ่ง ชื่น อยู่ใกล้ๆ ซึ่งม่วงนั่งอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย กำลังมวนยาเส้นอยู่
อินยิ้มแย้ม ชอบกระจกมาก
"สมกับเป็นของในรั้วในวัง ขนาดกระจก ยังงามถึงเพียงนี้"
แมงเม่ายิ้มรับ
"นอกจากกระจกของเจ้าจอมเพ็ญท่านแล้ว กรมขุนท่านยังทรงประทานเงินให้อีกสองชั่ง แลวันพรุ่ง จะมีของประทานอื่นมาให้อีกด้วยจ้ะ"
มิ่งตบเข่าฉาด
"บ๊ะ หลงคิดมาเสียตั้งนาน ว่าการที่เจ้าแมงเม่ามันรู้มาก มีแต่จะยุ่งยาก ไม่คิดเลย ว่ามันจะมีคุณเข้าสักวัน"
แมงเม่าทิ้งค้อน
"ก็เพราะพ่อคิดอย่างนี้นี่เล่า ถึงได้คิดแต่จะขังฉันไว้ในเรือน ดีที่ฉันดื้อรั้น มิเช่นนั้นคงไม่ได้ดีดอก"
มิ่งหัวเราะชอบใจ ไม่โวยวายแม้แต่น้อย
ชื่นงงๆ
"พี่มิ่งไม่เคืองรึ นั่นเจ้าแมงเม่ามันเถียงพี่นา"
มิ่งกระหยิ่มยิ้มย่อง
"จะเคืองทำกระไร มันพูดถูก เพราะมันดื้อ เพลานี้ถึงได้มีชื่อเสียง ป่านฉะนี้ ในรั้วในวังคงไปโจษกันจน
ทั่วเรื่องที่แก้กลอักษรได้ ไม่ช้าไม่นาน ต้องมีผู้ชายมาสู่ขอจนหัวกระไดไม่แห้งเป็นแน่"
มิ่งหัวเราะชอบใจ แมงเม่าหน้าหงิกงอ เซ็งสุดๆ
ส่วนชื่นค้อนปะหลับปะเหลือก วันๆสามีคิดแต่เรื่องนี้
แมงเม่าเซ็งๆ หันไปพูดกับม่วง
"พี่ม่วง คืนนี้จะอยู่เรือนหรือไม่จ๊ะ"
ม่วงเหล่มองอิน ทั้งคู่สบตากัน ต่างฝ่ายต่างกระอักกระอ่วนด้วยกันทั้งคู่
" อยู่ มีกระไรรึ"
แมงเม่ามีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

คืนนั้น
ม่วงดูลายผีเสื้อบนกระจก เทียบกับลายผีเสื้อบนกลัก มีแมงเม่ายืนหน้าเครียดอยู่ใกล้ๆ
" ลายเดียวกันไม่ผิดแน่ นี่แสดงว่าเจ้าจอมเพ็ญ"
" จ้ะ จะมากจะน้อย เจ้าจอมเพ็ญท่านต้องเกี่ยวข้องกับการตายของเจ้าคุณสีหะราชเดชะเป็นแน่"
ม่วงตกใจกว่าเดิม "เจ้าคุณ คนที่ตายเป็นถึงพระยาเชียวรึ"
แมงเม่าถอนใจเครียดๆ พยักหน้ารับ
"จ้ะ ฉันได้ยินกรมขุนท่านกับเจ้าจอมอำพันคุยเรื่องนี้กับหู แลกรมขุนท่านดู จะไม่ชอบท่านเจ้าคุณผู้นี้เท่าใด เพราะหนีทัพคราศึกพระเจ้าอลองพญา"
"บุญแล้วเจ้าแมงเม่าเอ๊ย ที่ไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร นับวัน เรื่องนี้จะพิกลมากขึ้นทุกที แลยิ่งรู้มาก ก็ยิ่งอันตราย"
แมงเม่าเริ่มกลัว "แล้วฉันควรจะทำอย่างไรดีเล่าพี่ม่วง"
"เชื่อพี่เถิดวะ ทำลายกลักนี่เสีย เก็บไว้ก็มีแต่จะนำเภทภัยมาให้ ทำลายเสียจะได้สิ้นกังวล"
ม่วงสีหน้าไม่สบายใจ เป็นห่วงความปลอดภัยของทุกคน
แมงเม่าเครียดหนักว่าจะทำยังไงดี

เช้ารุ่งขึ้น เรือนขันทอง
พระราชาข่านวางยาขวดหนึ่งลงบนโต๊ะนั้นลงต่อหน้าขันทอง แน่น ทั้งคู่หน้าซีดเผือดทันที ที่เห็นยาขวดนี้
"รู้แล้วใช่หรือไม่ ว่าจะมีการเสด็จประพาสป่าแลฝ่ายในจะตามเสด็จไปด้วย" พระราชาข่านพูดพลางไอโขลกเป็นระยะ
"ทราบแล้วขอรับ"
"ก็เหมือนคราก่อน ยาในขวด จะทำให้พวกเจ้าลดกำหนัด พวกเจ้าจะได้ทำงานโดยไม่ขาดตกบกพร่อง รับไปเสียสิ"
"ขอรับ" แน่นเอื้อมมือไปหยิบยามา
" คุณพระขอรับ กระผมมั่นใจ ว่าควบคุมตัวเองได้ ไม่ทำให้เสียงาน ฉะนั้น อย่าให้กระผมกินยานี้เลยนะขอรับ คราก่อนที่กระผมกิน กระผมทั้งอาเจียนแลเวียนศีรษะอย่างหนัก จนทำงานทำการใดไม่ได้เลย"
" เอ็งก็รู้ ว่าพวกฝ่ายในเพลาตามเสด็จประพาสป่า กินอยู่ไม่ใคร่มิดชิด ไม่ว่าจะผ้าผ่อน อาบน้ำอาบท่า หรือหลับนอน ก็ประเจิดประเจ้อกว่าอยู่ในวังมากนัก แล้วเอ็งจะให้ข้าเชื่อ ว่าเอ็งจะทนสิ่งเย้ายวนพวกนั้นได้รึ"
"กระผมไม่ถูกกับยานี้จริงๆ กินเข้าไปก็คงล้มเจ็บอีก แลหากตามหมอมารักษา ตรวจโรคขึ้นมาแล้วรู้กระผมกินยานี้ ความไม่แตกกันพอดีหรือขอรับ"
" อ้างโน่นอ้างนี่ ข้าไม่อยากฟัง ตกลง เอ็งจะกินหรือไม่กิน"
ขันทองคิดหนัก ไม่อยากทำให้พระราชาข่านลำบากใจ แต่กินเข้าไป ตนก็ลำบากแทน
"กินเข้าไปเถิดวะ ถ้าเอ็งล้มหมอนนอนเสื่อขึ้นมา ข้าดูแลเอง อย่าขัดใจคุณพระท่านเลย"
ขันทองลังเลไปมา
ในขณะที่พระราชาข่านก็จ้องเขม็งมาที่ขันทองเหมือนคาดคั้นจะเอาให้ได้

เยื้อนกำลังถูเรือนอยู่
ขณะนั้นเอง พระราชาข่านก็เดินออกมาจากข้างในด้วยความโมโห โดยมีขันทอง และแน่น
เดินตามหลังมา
" ในเมื่อเอ็งเลือกแล้ว ก็ไม่มีกระไรต้องพูดกันอีก ทำตามที่เอ็งพูดให้ดีก็แล้วกัน ถ้าดีแต่ปาก ก็ระวังคอบนบ่าของเอ็งเอาไว้เถิด"
พระราชาข่านหันกลับไป เห็นเยื้อนมองด้วยความตกใจ
พระราชาข่านยิ่งหงุดหงิดหนัก ไม่พอใจตั้งแต่ที่ขันทองรับเยื้อนเข้ามาแล้ว ยังมาเผลอหลุดปากด่า
ขันทองให้เยื้อนได้ยินอีก
พระราชาข่านเลยเดินกระแทกเท้าลงจากเรือนไปด้วยความโมโห
เยื้อนแปลกใจ
"เกิดกระไรขึ้นหรือเจ้าคะ บ่าวไม่เคยเห็นออกพระราชาข่านโมโหโกรธาถึงเพียงนี้เลย ปกติ ก็พูดจากับออกหลวงท่านโดยดี แต่นี่ถึงขั้นขู่บั่นคอกันเชียวนะเจ้าคะ"
"ไม่มีกระไรดอก ฉันทำผิด ออกพระท่านเลยดุด่าสั่งสอนเท่านั้นเอง อีกครู่ท่านก็หายแล้ว เจ้าอย่าได้ยึดถือเป็นจริงเป็นจังเลย ... ไปจัดสำรับเช้ามาให้ฉันเถิด ฉันหิวแล้ว"
"เจ้าค่ะ"
เยื้อนเดินเลี่ยงไป
แน่นมองตามหลังเยื้อนจนเหลียวหลัง
แน่นยิ้มตาเป็นประกาย
"คุณพระไม่เชื่อเอ็ง แต่ข้าเชื่อ ว่าเอ็งต้องไม่หลงกับความเย้ายวนของอิสตรีเป็นแน่"
" เหตุใดเอ็งถึงเชื่อข้า"
"ก็นังเยื้อนงามถึงเพียงนี้ เอ็งยังห้ามใจได้ ถ้าอยู่ร่วมเรือนเดียวกับข้าแล้วล่ะก็... " แน่นหัวเราะกรุ้มกริ่ม
ขันทองส่ายหน้าเซ็งเพื่อน ก่อนจะถามด้วยสีหน้าจริงจัง
"เรื่องที่ข้าให้จัดการ เรียบร้อยแล้วหรือไม่"
"ทำไมจะไม่เรียบร้อยเล่า เพียงแค่สับเปลี่ยนเวรให้เอ็งได้ออกไปซื้อหาของที่นอกวังเท่านั้น แต่เอ็ง แน่ใจแล้วรึ ที่จะสืบหาหลักฐานจากบุตรสาวเศรษฐีมิ่ง"
"ข้าแน่ใจ เทพยดาฟ้าดินช่วยเราแล้ว เพราะความระแวงของออกญาพลเทพแท้ๆ หวังจะฆ่าปิดปากน้าพันหาญด้วยเพราะเป็นลูกน้องเก่าพ่อข้า เช่นนี้แล้วเขาจะไม่เกี่ยวข้องกับการตายของพ่อข้าได้อย่างไร"
แน่นคิดตามที่ขันทองพูด
"คงไม่ต้องตีความอันใดอีก ว่าไส้ศึกของอังวะในศึกอลองพญาเป็นใคร"
แน่นพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
"แลสิ่งที่ออกญาพลเทพอยากได้หนักหนาจากเจ้าแมงเม่า ก็ไม่พ้นต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเช่นกัน"
"แต่วิสัยหญิง จะเก็บของที่เอ็งต้องการไว้อีกหรือ ยิ่งรู้ว่าจะนำภัยมาให้ ข้าว่าน่าจะทิ้งไปแล้วเสียมากกว่า"

"ไม่ดอก เจ้าแมงเม่า ไม่เหมือนหญิงใดที่ข้าเคยพบ ถ้าไม่รู้ว่าของที่ตนได้ไปคือกระไร เจ้าแมงเม่าไม่มีทางทิ้งไปเป็นอันขาด"

แมงเม่ากำลังดูผ้าผืนสวยอยู่บนเรือนตอนสายวันรุ่งขึ้น

พระยากำแหงเอาของรางวัลจากกรมขุนวิมลภักดีและบรรดาเจ้าจอมที่อยู่ฝ่ายเดียวกับกรมขุนวิมลภักดีฝากมาให้แมงเม่า
นอกจากผ้าแล้วยังมีโถลายคราม ผ้าปัก ฯลฯ ตั้งอยู่เต็มไปหมด ซึ่งล้วนแต่เป็นของมีราคาทั้งสิ้น
มิ่ง ชื่น และม่วง คอยต้อนรับพระยากำแหงด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
แมงเม่าดูผ้าเสร็จก็ยิ้มแย้มชอบใจ ไหว้พระยากำแหง
"ขอบพระคุณท่านเจ้าคุณนักเจ้าค่ะ ที่เอารางวัลมาให้ด้วยตนเอง อันที่จริง งานเล็กน้อยเช่นนี้
ไม่ควรต้องรบกวนท่านเจ้าคุณเลย"
"เล็กน้อยกระไรกัน ข้าวของพวกนี้ มีทั้งของที่กรมขุนวิมลท่านทรงประทานมาให้ แลพวกคุณข้างในยังฝากมาให้อีก เพื่อขอบน้ำใจแม่แมงเม่าที่ช่วยแก้กลบทให้ ถ้าฉันไม่มาด้วยตนเอง จะเป็นการ
ไม่สมควรเสียมากกว่า"
มิ่งเกรงใ
"พุทโธ่ ท่านเจ้าคุณเป็นถึงกรมวัง มาเหยียบเรือนกระผม ถือเป็นพระคุณหาที่สุดมิได้แล้ว จะถือเป็นการไม่ สมควรได้อย่างไรขอรับ"
"อย่าพูดเช่นนั้นเลย เอ่อ พ่อมิ่ง พ่อมิ่งเป็นเศรษฐี มีทรัพย์มากแต่ยังใจบุญสุนทาน มีชื่อเสียงเลื่องลือ
ฉันตั้งใจจะจะมากราบ ฝากเนื้อฝากตัวอยู่นานแล้ว"
มิ่งอึ้งๆไป ไม่คิดว่าพระยากำแหงจะพูดอย่างนี้
ในขณะที่ม่วง และชื่น หันไปมองหน้ากัน จู่ๆพระยากำแหงพูดอย่างงี้ ชักจะยังไงๆแล้ว
มิ่งตั้งสติได้ เกรงใจมาก
"พูดกระไรอย่างนั้นขอรับ ท่านเจ้าคุณเป็นถึงพระยา จะมากราบไพร่อย่างกระผม หาสมควรไม่
กระผมไม่กล้ารับดอกขอรับ"
ขณะนั้นเอง อินก็ยกของว่างมาให้พระยากำแหง ขัดจังหวะพอดี
"ของว่างเล็กๆน้อยๆเจ้าค่ะ" อินบอก สีหน้ารู้สึกผิด "พูดไปแล้วก็น่าละอายนัก ท่านเจ้าคุณมาถึงเรือนแท้ๆ แต่กลับมีของว่าง เล็กน้อยเพียงเท่านี้ ไม่สมเกียรติท่านเจ้าคุณเลย"
พระยากำแหงยิ้มใจ
"ของกระไรฉันก็กินได้ทั้งนั้น อย่าห่วงไปเลย"
ม่วงและ ชื่น หันไปมองหน้ากันเป็นนัยๆ
ชื่นพยักหน้าให้ม่วง แบบรู้กัน
ม่วงแกล้งพูดลอยๆ
"วันนี้มีขนมของโปรดเจ้าแมงเม่าเสียด้วยสิ ชะรอยจะไม่เหลือถึงฉันแล้วกระมังน้าชื่น"
แมงเม่าหันมาเถียง
"พี่ม่วงก็พูดเกินไป ฉันไม่ได้ตะกละเป็นชูชกเสียหน่อย"
" ขนมพวกนี้ เป็นของโปรดแม่แมงเม่ารึ เอ่อ ถ้าอย่างไร มากินด้วยกันดีหรือไม่"
ชื่นแอบตบเข่าตัวเองเบาๆ ประมาณ คิดแล้วไม่มีผิด
"ไม่สมควรดอกเจ้าค่ะ เชิญท่านเจ้าคุณตามสบายเถิด พี่ม่วงก็เย้าฉันเล่น ของพวกนี้ อยากกินเมื่อใด ก็ทำกินได้เมื่อนั้นล่ะเจ้าค่ะ"
พระยากำแหงยิ้มรับ แล้วตักขนมมากินพร้อมกับมองหน้าแมงเม่าไป ด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
ชื่นหันไปกระซิบกับมิ่งเบาๆ
"พี่มิ่ง คิดเหมือนฉันหรือไม่ ท่าทางท่านเจ้าคุณมองเจ้าแมงเม่าแปลกๆอยู่นา"
มิ่งพูดเบาๆ ยิ้มกริ่มพอใจ
"เฉยไว้ๆ รู้แล้วก็เฉยไว้"
พระยากำแหงกินขนมแล้วก็ชวนแมงเม่าคุยเรื่องของรางวัลด้วย
แมงเม่าก็พูดคุยด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

ม่วงกำลังเล่าประวัติพระยากำแหงให้มิ่ง อิน และชื่น ฟังอยู่ที่ห้องหนึ่งของเรือน
"ท่านเจ้าคุณกำแหง เพิ่งรับตำแหน่งกรมวังได้ไม่นาน ตระกูลนี้รับราชการในวังมาหลายรุ่น แต่เพิ่งมีเจ้าคุณกำแหงขึ้นมาถึงพระยาได้เป็นคนแรก เท่าที่รู้มา เอกภรรยาท่านเสียไปก่อนที่ท่าน
จะเป็นพระยา แลยังมิได้ยกย่องผู้ใดขึ้นมาเป็นเอกภรรยาอีก"
มิ่งตบเข่าฉาดด้วยความพอใจ
ส่วนชื่น และอินพยักหน้ารับทราบช้าๆ
"ควรแล้ว ที่ให้พ่อม่วงดูแลเรื่องการค้าขาย คนสำคัญในอโยธยามีผู้ใดบ้าง พ่อม่วงก็รู้จนสิ้น แลอย่างนี้จะไม่จำเริญรุ่งเรืองได้อย่างไร" ชื่นว่า
มิ่งขัด"โอ๊ย แม่ชื่น เพลานี้จะสนใจเรื่องการค้าขายไปไย ไม่ได้ยินที่อ้ายม่วงพูดรึ ท่านเจ้าคุณยังไม่มีเอกภรรยา ถ้าเจ้าแมงเม่าออกเรือนไป คงไม่แคล้ว ได้เป็นคุณหญิงที่สาวที่สุดในอโยธยาเป็นแน่"
มิ่งหัวเราะลั่น

ที่ใต้ถุนเรือน
ติ่น และผล เดินย่องๆมาแอบฟังพวกมิ่งคุยกันอยู่
อินพูดเบาๆกลัวคนอื่นได้ยิน
"พ่อท่านอย่าเพิ่งพูดดังไป เกลือกท่านเจ้าคุณกำแหงมิได้คิดกระไรเกินหน้าที่ เจ้าแมงเม่าจะเสื่อมเสียได้นะเจ้าคะ"
"ไม่คิดกระไรเล่าแม่อิน ทั้งกิริยา ทั้งคำพูด แทบจะฝากตัวเป็นลูกเขยอยู่แล้ว" ชื่นบอก
ม่วงยิ้มแย้มชอบใจ
"ทุกคราที่มีเหตุเช่นนี้ เจ้าแมงเม่าเป็นต้องแผลงฤทธิ์ทุกครั้งไป แต่ครานี้ กลับพูดจากับท่านเจ้าคุณ ด้วยดี ดูท่า คงจะพึงใจท่านเจ้าคุณอยู่บ้าง แลท่านเจ้าคุณสูงวัยกว่าเจ้าแมงเม่าโขอยู่ เจ้าแมงเม่าคงไม่กล้าดื้อรั้นเหมือนที่ผ่านมาเป็นแน่"
มิ่งบอก"ให้มันได้อย่างนี้ซีวะ มีลูกเขยเป็นพระยา จะมีกระไรสุขใจเท่านี้ ไม่เสียแรง ที่ดูตัวล้มเหลวมาหลายคราว ของดี มันต้องอดใจรอจริงๆ"
มิ่งหัวเราะชอบใจ
ติ่น และ ผล ทั้งคู่หูผึ่งทันที กับข่าวที่ตนได้ยินมา

แมงเม่ากำลังเซ็งสุดๆ เมื่อรู้เรื่อง
" ข้านึกแล้วไม่มีผิด พอออกญาวังกลับไป ก็รีบปิดประตูห้องประชุมกันทันที"
แมงเม่าถอนใจเฮือกใหญ่
แมงเม่ากำลังฟังติ่น ผลรายงาน หลังจากให้ไปสืบความลับ
" แต่ออกญาท่าน ก็เหมาะเป็นคู่ตุนาหงันกับแม่หญิงอยู่นะขอรับ งามสมกันไม่มีผิด" ผลบอก
ติ่นกระหยิ่มยิ้มย่อง "เป็นเอกภรรยาของพระยา ก็ต้องได้เป็นคุณหญิง วาสนาแม่หญิงของอ้ายติ่น ช่างสูงส่งเหลือเกิน"
ติ่น และผล หัวเราะชอบใจ
แมงเม่าหมั่นไส้ เลยมะเหงกเขกหัวติ่น ผล ไปคนละที
"นี่แน่ะคู่ตุนาหงัน นี่แน่ะเอกภรรยา อ้ายทะลึ่ง ทะลึ่งทั้งคู่"
ติ่น และผลโดนเขกหัวจนร้องลั่น ได้แต่คลำหัวที่ถูกเขก หน้าจ๋อยๆ
"ที่ออกญาวังพูดเป็นนัย ไม่ใช่ข้าไม่รู้โว้ย ข้ารู้อยู่เต็มอก แต่แกล้งทำเฉยเสีย เพราะข้าไม่มีใจให้ท่าน แลที่ข้า พูดดีด้วย เพราะออกญาท่านดีกับข้าก่อนต่างหาก พวกเอ็งไม่ต้องสู่รู้ให้มากความเลย"
ติ่น / ผล จ๋อยๆ "ขอรับ"

แมงเม่าสีหน้าบูดบึ้ง หงุดหงิดที่ถูกจับคู่อีกแล้ว คราวนี้จับคู่กับพระยากำแหง ยิ่งลำบากกว่าเดิม

แมงเม่าเดินเซ็งๆมาตามริมคลอง ไม่รู้จะทำยังไงกับปัญหาครั้งใหม่ดี จริงๆก็มีเรื่องอื่นให้กลุ้มพออยู่แล้ว ยังมาเจอเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนี้อีก เลยยิ่งเซ็ง

ขณะนั้นเอง ก็มีเรือลำหนึ่ง พายเข้ามาจอดเทียบ ชายผู้นั้นสวมชุดอย่างชาวบ้าน ใส่งอบกดต่ำบังหน้าตาไว้
แมงเม่าเหลือบไปเห็นเข้า
"มาซื้อกระดาษหรือพ่อ" พลางชี้นิ้วให้ดู "ท่าเรืออยู่ด้านกระโน้น ไปผูกเรือไว้ที่นั่นเถิด"
ผู้นั้นเปิดงอบออกเห็นหน้าชัดๆ ยิ้มทักทาย
"ฉันไม่ได้มาซื้อกระดาษดอก"
" คุณหลวง" แมงเม่าอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็หลุดหัวเราะออกมา ไม่เคยเห็นขันทอง
ใส่ชุดนี้ เลยอดขำไม่ได้
" ขำกระไร ไม่เห็นมีกระไรน่าขำ"
แมงเม่าหัวเราะ
"ขอประทานโทษเจ้าค่ะ แต่ไม่เคยเห็นคุณหลวงใส่ชุดเช่นนี้จึงอดขำไม่ได้ แลยังใส่งอบอีก"
"ฉันคุมคนออกมาซื้อของ ซื้อเสร็จแล้วไม่อยากรีบกลับ จึงพายเรือเล่น แต่ครั้นจะใส่ชุดอย่างขันทีก็มีแต่คนมอง จึงจำต้องผลัดเปลี่ยนชุด แลนี่ก็เป็นชุดที่ใส่กันทั่วไป ไม่เห็นจะน่าขำ"
แมงเม่าหัวเราะ
" รู้เจ้าค่ะๆ"
แมงเม่าพยายามกลั้นหัวเราะ แต่ก็หลุดขำออกมาอีก
ขันทองถอนใจเซ็งๆ แมงเม่าช่างกวนประสาทได้ตลอดเวลาจริงๆ

บรรยากาศริมคลอง ดูเงียบสงบ สวยงาม
ขันทองกำลังพายเรือให้แมงเม่านั่งอยู่
" คุณหลวงก็พายเรือเก่งเหมือนกันนะเจ้าคะ ที่เมืองโต้ระกี่คงจะมีแม่น้ำลำคลองอยู่ไม่น้อยกระมังเจ้าคะ"
"เจ้านี่อยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกเรื่อง รู้ตัวหรือไม่ ว่าตั้งแต่เจอหน้ากัน เจ้ายังไม่หยุดพูดเลย"
แมงเม่าทิ้งค้อนงอนๆ แล้วนั่งนิ่งๆไม่พูดไม่จา
"เป็นกระไร"
"ก็รำคาญที่ฉันพูดมากไม่ใช่หรือเจ้าคะ ฉันก็ไม่พูดแล้วอย่างไรเล่าเจ้าคะ"
ขันทองถอนใจเฮือกใหญ่
"ฉันขอโทษ พอใจแล้วหรือไม่"
แมงเม่ายิ้มแย้มหน้าเป็นทันที
"ไม่ต้องขอโทษก็ได้เจ้าค่ะ ฉันไม่ได้โกรธเคืองกระไร"
ขันทองส่ายหน้ายิ้มๆ ไม่รู้จะทำไงกับแมงเม่าดี
แมงเม่ามองไปรอบๆอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหน้าขรึมลง
"คุณหลวงรู้หรือไม่เจ้าคะ ว่านานแล้ว ที่ฉันไม่ได้ผ่านมาทางคลองนี้เลย"
แมงเม่าถอนใจยาวออกมา
ขันทองหน้าขรึมลง พอเดาได้ว่าเพราะอะไร แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ "ทำไมรึ"
แมงเม่าหน้าเครียด ยังขวัญเสียไม่หาย
"ฉันเคยถูกดักทำร้ายที่คลองนี้เจ้าค่ะ ดีแต่ว่ามีคนมาช่วยไว้เลยรอดมาได้ นับแต่นั้น ฉันก็ไม่กล้าผ่านคลองนี้อีกเลย"
ขันทองแกล้งตกใจ
"จริงรึ พวกมันเป็นใคร เจ้าแจ้งความเอาเรื่องพวกมันไปแล้วหรือไม่"
" ฉันอยากจะลากคอพวกมัน ไปตีตรวนจำตรุใจจะขาดเจ้าค่ะ แต่มีเหตุสำคัญบางอย่าง ทำให้ฉันจำต้องนิ่งเสีย"
ขันทองแกล้งแปลกใจ
"จะมีเหตุใด สำคัญไปกว่าความปลอดภัยของตัวเจ้าอีกรึ"
"กล่าวไปแล้วยาวนัก แลเรื่องนี้... เอ่อ"
แมงเม่าลังเลว่าจะเล่าดีมั้ย
ขันทองแกล้งน้อยใจ "ถ้าเจ้าระแวง ก็อย่าเล่าเลย"
"มิได้เจ้าค่ะ ฉันไว้ใจคุณหลวงแต่..." แมงเม่าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดใจพูด "แต่เรื่องนี้สำคัญนัก ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชีวิตฉันเพียงคนเดียว แต่อาจรวมถึงชีวิตของตระกูลฉันทั้งหมดก็เป็นได้"
"ฉันสัญญา ว่าจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครเป็นอันขาด เจ้าวางใจเถิด"
" คุณหลวงจำวันที่ฉันปลอมเป็นชายได้หรือไม่เจ้าคะ วันนั้น หลังจากแยกจากคุณหลวงแล้ว ฉัน... " แมงเม่าสังเกตเห็นอะไรบางอย่างลอยมาที่เรือตน "นั่นกระไรเจ้าคะ"
ขันทองหันไปมองตาม เห็นบางอย่างลอยมา เลยยื่นเอาพายไปพลิกดูว่าเป็นอะไร แต่พอพลิกกลับก็ต้องตกใจสุดๆ เมื่อเป็นศพผู้ชายคนหนึ่งลอยน้ำมานั่นเอง
แมงเม่าตกใจสุดๆ กรีดร้องลั่น
แมงเม่าโผเข้ากอดขันทองซุกหน้าหลับตาปี๋กับอกขันทอง อย่างหวาดกลัวและลืมตัว
ขันทองอึ้งๆไปที่ถูกสาวน้อยมากอดซบอก แต่เห็นแมงเม่ากลัวก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร ยอมให้แมงเม่ากอดคลายความกลัวไปก่อน
ขันทองชำเลืองมองไปที่ศพ ด้วยความแปลกประหลาดใจ ไม่คิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี้เข้า

เวลาต่อมา
แมงเม่าเดินออกมาจากตึกที่ทำการของกรมเวียง หลังจากมาแจ้งเรื่องเจอศพ
กรมเวียง มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “กรมพระนครบาล” มีหน้าที่เหมือนตำรวจสมัยนี้ สมัยอยุธยาเรียก “กรมเวียง” หรือ “กรมเมือง” ต่อมาสมัยธนบุรีมีการปรับระบบราชการ จึงเรียกกรมนี้ว่า “นครบาล”
ขณะนั้นเอง พระยากำแหงก็เดินเข้ามาหาแมงเม่าด้วยความเป็นห่วง
" แม่แมงเม่า"
แมงเม่าหันไปตามเสียงเห็นพระยากำแหง ยกมือไหว้
"ท่านเจ้าคุณ มีกิจธุระที่กรมเวียงหรือเจ้าคะ"
"มิได้ ลูกน้องฉันจำแม่แมงเม่าได้ จึงมาบอก ว่าแม่แมงเม่าอยู่ที่กรมเวียง เพราะเจอศพคนตายเข้า ฉันเป็นห่วง จึงมาหา"

" ไม่มีกระไรมากดอกเจ้าค่ะ ฉันพายเรือเล่น แลไปเจอศพลอยน้ำมาเท่านั้น จึงมาแจ้งกรมเวียงตามหน้าที่"

ย้อนกลับไปตอนบ่าย แมงเม่ายืนกระวนกระวายคอยขันทองอยู่ริมคลอง

อึดใจขันทองก็รีบเดินเข้ามาหาแมงเม่า
" เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ"
"ฉันให้คนเอาศพไปไว้ที่วัดแล้ว กำลังรอคนจากกรมเวียงอยู่ แต่เจ้าอาจต้องไปให้การที่กรมเวียงด้วย"
"เรื่องเล็กน้อย ไม่เป็นกระไรดอกเจ้าค่ะ แลฉันจะบอกว่าฉันเจอศพแต่ผู้เดียว ไม่ให้กระทบถึงออกหลวงโดยเด็ดขาด โปรดวางใจเถิดเจ้าค่ะ"
"รู้ดีนักนะเจ้า แต่อย่างไรก็ต้องขอบน้ำใจเจ้านัก ฉันเป็นฝ่ายในแลเป็นขันที หากความรู้ว่าฉันแอบออกมาเที่ยวเล่นคงโดนโทษหนักแน่"
แมงเม่ายิ้มรับ รู้ดีว่าควรจะต้องทำยังไง

แมงเม่ากำลังคุยกับพระยากำแหงอยู่
พระยากำแหงแปลกใจ
"ดูท่าทางแม่แมงเม่าจะไม่หวาดกลัวเท่าใดเลย หากเป็นหญิงอื่น เจอศพคนตายเช่นนี้ คงตกใจสิ้นสติสมประดีไปแล้ว"
"ฉันก็ตกใจเจ้าค่ะ แต่เคยเห็นคนตายต่อหน้ามาก่อน จึงตั้งสติได้เร็วเท่านั้นเอง"
"แม่แมงเม่าเคยเห็นคนตายต่อหน้าด้วยรึ"
แมงเม่ารู้ตัวว่าพลั้งปาก รีบปั้นยิ้ม
"ญาติกันน่ะเจ้าค่ะ ชรามากแล้ว ตอนล้มป่วยฉันเป็นคนดูแล จึงได้เห็นตอนตาย"
"มิน่าเล่า"
พระยากำแหงมองแมงเม่าด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
"แม่แมงเม่านี่แปลกนัก ฉันไม่เคยเจอหญิงใดเหมือนแม่มาก่อนเลย"
แมงเม่ายิ้มๆไม่พูดอะไร
พระยากำแหงก็ยิ่งมองด้วยสายตาปลาบปลื้มยิ่งขึ้นไปอีก ไม่เพียงแมงเม่าจะสวยน่ารักแต่
ยังไม่เหมือนผู้หญิงที่ตนเคยเจอมาก่อนด้วย

พระยากำแหงเดินมาส่งแมงเม่าที่บ้าน
กำแหงยิ้มกรุ้มกริ่ม
"วันเดียว ได้มาเรือนแม่แมงเม่าถึงสองครา คงเรียกว่าเป็นวาสนาผูกพันกันได้กระมัง"
แมงเม่ายิ้มๆ แต่รีบเปลี่ยนเรื่องพูด
"เอ่อ ท่านเจ้าคุณพอทราบหรือไม่เจ้าคะ ว่าคนที่ตายเป็นใคร ฉันดูจากศพแล้ว แม้จะเห็นไม่ชัดนัก แต่ก็คงมาจากการถูกฟันด้วยอาวุธเป็นแน่"
"ฉันไม่รู้ดอก อาจเป็นพวกนักเลงหัวไม้วิวาทกันก็เป็นได้ เหตุเช่นนี้ก็เกิดขึ้นอยู่เป็นนิจ เพียงแต่น้อยครั้งนัก ที่จะพบศพกลางวันแสกๆเท่านั้นเอง"
" เช่นนั้นหรือเจ้าคะ แต่ฉันว่ามีข้อพิกลอยู่ ไม่เหมือนพวกนักเลงวิวาทกันธรรมดา อย่างคนที่ตาย ฉันก็ไม่เคยเห็นหน้า หากเป็นนักเลงในละแวกนี้จริง จะมากจะน้อย คงต้องผ่านตาฉันมาบ้าง เพราะพี่ม่วงพี่ชายฉันเป็นคนใจกว้าง มีคนนับหน้าถือตาอยู่พอควร แลการวิวาทถึงขั้นฆ่าแกงกันนั้น ก็ไม่ใช่นิสัยของคนถิ่นนี้เสียด้วย"
พระกำแหงยิ้มแย้ม
"แม่แมงเม่าเป็นหญิง ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ดอก"
ทั้งคู่เดินมาถึงทางเข้าบ้านแมงเม่า ซึ่งเป็นอาณาเขตทั้งหมด ส่วนเรือนคือที่อยู่และเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน
"ถึงแล้ว แต่ฉันคงต้องฝากแม่แมงเม่าขออภัยท่านเศรษฐีด้วย ที่ไม่อาจเข้าไปกราบท่านได้ ด้วยฉันมีราชการต้องรีบไป"
" ไม่เป็นกระไรดอกเจ้าค่ะ แค่ท่านเจ้าคุณเดินมาส่ง ก็เป็นพระคุณนักแล้ว"
แมงเม่าไหว้ลา
พระยากำแหงรับไหว้ ก่อนที่แมงเม่าจะเดินเข้าเขตบ้านไป
พระยากำแหงมองตามจนแมงเม่าพ้นไปก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

ณ ทิมมหาดเล็ก ตอนกลางคืน
ขุนรักษ์เทวากำลังงงๆ
"ศพตายลอยน้ำ แล้วมันเกี่ยวกระไรกับขันทีอย่างพวกเราเจ้าคะ"
พระยากำแหงกำลังประชุมกับเหล่าขันที ทั้งขันทอง แน่น พระราชาข่าน หลวงศรีมะโนราช ขุนเทพชำนาญ ขุนรักษ์เทวา และเหล่าขันทีคนอื่นๆ
" ที่เกี่ยวข้อง ก็เพราะศพนี้ได้รับการยืนยันจากกรมเวียงแลกลาโหมแล้ว ว่าคือศพของหมื่นชำนาญไพรสณฑ์ อุปนิกขิตที่กลาโหมส่งไปเป็นสายอยู่ทางหัวเมืองด้านตะวันตกมานานปี เพิ่งกลับเข้าอโยธยาเมื่อบ่ายนี้เอง"
ขันทองหน้านิ่งๆ ไม่พูดอะไร ไม่ทำอะไรเป็นพิรุธ ทั้งๆที่ตนอยู่ในเหตุการณ์ด้วยซ้ำ
" ยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่เจ้าค่ะ พวกเราเป็นขันที อยู่ในรั้วในวัง หามีส่วนเกี่ยวข้องกับอุปนิกขิต หรือจารบุรุษคนใดไม่"
ขันทองบอก
"ท่านเจ้าคุณเกรงว่าการตายของหัวหมื่นท่านนี้ จะมีส่วนเชื่อมโยงกับผู้ที่ปลอมตัวเป็นขันทีเข้ามาเมื่อคราก่อนกระมังขอรับ"
พระยากำแหงพยักหน้ารับ
"คุณหลวงเข้าใจถูกแล้ว หมื่นชำนาญไม่อยู่ในอโยธยาเสียนาน เพิ่งกลับมาก็ถูกลอบฆ่า ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดจากความแค้นส่วนตัว ข้อหนึ่งที่เป็นไปได้ คือถูกฆ่าเพราะฐานะอุปนิกขิตถูกเปิดเผย"
ขุนเทพชำนาญเซ็งๆ
"พวกเราอยู่ในวัง ไม่มีทางไปฆ่าใครได้ดอกเจ้าค่ะ" แล้วหันไปมองขันทอง ยิ้มกวนๆ
"อ้อ แต่วันนี้หลวงศรีขันทิน ออกไปซื้อข้าวของข้างนอกไม่ใช่รึ"
แน่นรีบรับแทน "จะป้ายสี ว่าหลวงศรีขันทินเป็นคนฆ่าก็ว่ามา ตรงๆเถิด การพูดจาสองแง่สองง่ามให้คิดนั้น ไม่ได้ทำให้ดูเฉลียวฉลาดขึ้นสักเท่าใดดอก"
เทพชำนาญจ้องหน้าแน่นเขม็งแบบจะเอาเรื่อง แน่นก็จ้องกลับแบบไม่กลัว
ราชาข่านปราม
"พอได้แล้ว ท่านเจ้าคุณไม่ได้โทษผู้ใด แต่เราไม่รู้ว่าก่อนตายอ้ายจารบุรุษคนนั้น สืบได้กระไรไปบ้าง ไม่แน่ ว่าการที่ฐานะของหมื่นชำนาญถูกเปิดเผย อาจเพราะเหตุนี้ก็เป็นได้"
"ขอบน้ำใจคุณพระนัก ที่ช่วยฉันอธิบาย นับแต่นี้ ฉันจะกวดขันมากกว่าเดิม เพราะขันที เป็นกลุ่มเดียวที่จารบุรุษจะลอบเข้ามาได้ง่ายที่สุด" พระยากำแหงฉุกคิด เพราะเห็นขันทีไม่ครบ "เหตุใดขุนเทพรักษาไม่มา
ฉันกำชับให้มาทุกคนไม่ใช่รึ"
หลวงศรีมะโนราชรีบตอบแทน
"ท่านขุนเทพรักษาได้ไข้เจ้าค่ะ แต่ท่านเจ้าคุณวางใจ คำของท่านเจ้าคุณ ดีฉันจะบอกต่อขุนเทพรักษาทุกคำ เจ้าค่ะ"
แน่นสะดุดใจ หันไปมองหลวงศรีมะโนราชอย่างสงสัย แต่ไม่พูดอะไร
" อย่าให้เป็นเช่นนี้อีกก็แล้วกันคุณหลวง เพราะเหตุการณ์ในบ้านเมืองเพลานี้ไม่น่าวางใจนัก ฉันไม่อยากระแวงผู้ใด แต่ทุกคนก็ต้องไม่ทำให้ฉันระแวงด้วย"
ทุกคนรับคำพร้อมกัน "เจ้าค่ะ"
พระยากำแหงมองไปรอบๆ ก่อนจะหยุดนิ่งที่ขันทอง ในจำนวนขันทีทั้งหมด ตนรู้สึกมาตลอดว่า
ขันทองน่าสงสัยที่สุด แต่ก็ไม่มีหลักฐาน
ในขณะที่ขันทองก้มหน้า ไม่สบตากับพระยากำแหง สีหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงพิรุธ

ขุนเทพรักษานอนหลับสนิทกับชายหนุ่มหน้าตาดีในห้องนอน
ทันใดนั้น หลวงศรีมะโนราชก็เปิดประตูห้องนอนออกด้วยใบหน้าถมึงทึง พร้อมกับเทพชำนาญ
ขุนเทพรักษากับชายหนุ่มสะดุ้งตกใจตื่น สีหน้าหวาดกลัว แต่พอเห็นเป็นหลวงศรีมะโนราชก็โล่งอก
" คุณหลวงน่ะเอง ตกใจเสียแทบแย่"
"ยังมีหน้ามาพูดอีกรึ ฉันกำชับหนักหนาว่าไม่ให้เอาลูกสวาทเข้ามาในวัง แล้วทำไมยังกล้าฝ่าฝืน"
เทพรักษากับชายหนุ่มหน้าเจื่อนๆไป
" ขออภัยเถิดคุณหลวง แต่... เอ่อ แต่อย่างที่เคยบอก ว่ายากนักที่จะไม่ให้เอาเข้ามา" ขุนเทพรักษาชำเลืองมองชายหนุ่ม สายตารักใคร่
หลวงศรีมะโนราชโมโหมาก เข้าไปบีบคอเทพรักษาทันที
"มันยากกว่าการรักษาหัวบนบ่านักหรือ ถ้ากระนั้น ฉันจะช่วยสงเคราะห์ให้ก็แล้วกัน"
ขุนเทพรักษาโดนบีบคอจนลิ้นจุกปาก สีหน้าหวาดกลัวสุดๆ
ขุนเทพชำนาญรีบห้าม ดึงมือศรีมะโนราชออก
"ใจเย็นก่อนเถิดคุณหลวง อย่าให้ถึงขั้นฆ่าแกงกันเลย อย่างไร เราก็พวกเดียวกันนะเจ้าคะ"
หลวงศรีมะโนราชขบกรามแน่นก่อนจะดึงมือออกมา เทพรักษาไอโขลก แต่ก็รอดตายหวุดหวิด
"เอามันออกไปจากวัง"
" เจ้าค่ะๆ"
เทพชำนาญรีบดึงมือชายหนุ่มออกจากห้องไปกับตนทันที

หลวงศรีมะโนราชมองหน้าเทพรักษาด้วยความโมโห เทพรักษากลัวจับใจ ไม่กล้าเถียงอะไรอีก

ขุนเทพชำนาญนำชายหนุ่มมาที่หน้าเรือน

บริเวณหน้าเรือนมีหีบเสื้อผ้าขนาดใหญ่วางแอบๆอยู่ด้วย
" เหตุใด คุณหลวงถึงต้องโมโหโกรธาถึงเพียงนี้ด้วย ทำราวกับจะฆ่าแกงกัน"
"เกิดเหตุในวังขึ้นหลายอย่าง เจ้าอย่าถามให้มากความเลย รีบๆลงหีบไปได้แล้ว ฉันจะได้ให้คนหามออกไปนอกวัง"
ชายหนุ่มยิ้มกรุ้มกริ่ม เข้ามากอดเทพชำนาญจากทางด้านหลัง
"แต่กระผมยังไม่อยากกลับเลย ขอไปค้างที่เรือนท่านขุนต่อไม่ได้รึ"
ขุนเทพชำนาญรีบเบี่ยงตัวออก แกล้งทำดุ
"อย่าประเจิดประเจ้อ หากขุนเทพรักษามาเห็นเข้าจะเป็นเรื่องราวใหญ่โตไปเสีย อย่าลืม ว่าเจ้าเป็นลูกสวาทที่ขุนเทพรักษาเลี้ยงดูอยู่"
ชายหนุ่มเข้ามาจับมือเทพชำนาญไว้ ยิ้มกรุ้มกริ่ม
"กระผมไม่ลืมดอก แลไม่ลืมด้วย ว่าท่านขุนเองก็เมตตากระผมไม่น้อยเช่นกัน"
ขุนเทพชำนาญแอบอมยิ้มดีใจ ผลักชายหนุ่มออกอย่างมีจริต
" เข้าหีบไปได้แล้ว ประเดี๋ยวคุณหลวงลงมาจะโดนเอ็ดเอาอีก"
ชายหนุ่มเซ็งๆ "กระผมไม่ชอบอยู่ในหีบเลย มันอึดอัดนัก"
"ฉันเจาะรูระบายลมในหีบไว้ให้แล้ว คงพอช่วยได้บ้างดอก ไป รีบลงไปเร็วเข้า"
ชายหนุ่มเดินไปที่หีบ ก่อนจะเปิดหีบออกแล้วลงไปซ่อนข้างใน
ขุนเทพชำนาญปิดฝาหีบลง ก่อนจะเดินเลี่ยงไปตามคนมายกหีบ
ห่างออกไป แน่นที่แอบดูอยู่
"นึกแล้วไม่มีผิด"
แน่นกระหยิ่มยิ้มย่อง มองตามเทพชำนาญไป

ตำหนักเจ้าจอมเพ็ญยามเช้า
เจ้าจอมเพ็ญเดินออกมาจากข้างในพร้อมกับเลื่อน โดยมีขันทองนั่งพับเพียบที่พื้นรออยู่แล้ว
เจ้าจอมเพ็ญยิ้มแย้ม
"มาทันใจดีจริงคุณหลวง ฉันมีเรื่องจะไหว้วานคุณหลวงอยู่สักหน่อย"
เจ้าจอมเพ็ญนั่งลงบนตั่ง เลื่อนก็รีบนั่งพับเพียบลงที่พื้นใกล้ๆ
ขันทองไหว้
"เชิญสั่งมาเถิดเจ้าค่ะ"
"คุณหลวงคงทราบเรื่องที่" เจ้าจอมพนมมือขึ้นเหนือหัว "พระพุทธเจ้าอยู่หัว ท่านจะทรงเสด็จประพาสป่า เพื่อคล้องช้างแลล่าสัตว์แล้วกระมัง"
"ทราบแล้วเจ้าค่ะ"
"ฉันจะตามเสด็จไปด้วย คุณหลวงช่วยไปเตรียมการให้ฉันที"
"ข้อนั้นเป็นหน้าที่ดีฉันอยู่แล้ว แต่เจ้าจอมท่านมีหน่อพระพุทธเจ้าอยู่ในครรภ์ มิบังควรจะไปตรากตรำในป่านะเจ้าคะ"
"ได้อย่างไรเจ้าคะออกหลวง ขืนหม่อมแม่ไม่ตามเสด็จไป คนอื่นก็แย่งกันเอาหน้า หาคุณเข้าตัวกันหมดซีเจ้าคะ" เลื่อนบอก
"แต่หน่อพระพุทธเจ้า"
เจ้าจอมเพ็ญตัดบท
"ฉันมั่นใจในบุญวาสนาของลูกฉัน คุณหลวงอย่าห่วงเลย"
"เจ้าค่ะ"
"อีกประการ เพลาอยู่ในป่า ฝ่ายในเราคงมีการประชันกลบทกันเหมือนทุกคราว"
เจ้าจอมเพ็ญยิ้มเจ้าเล่ห์
"ฉันจึงอยากให้คุณหลวง ไปตามแม่แมงเม่าให้ไปด้วยกันกับฉันที"
ขันทองตกใจ
"แต่แม่แมงเม่าไม่ใช่คนในวัง จะตามไปได้กระไรเจ้าคะ"
"บอกว่าหม่อมแม่ท่านชักชวน จะมีใครกล้าขัดได้เล่าเจ้าคะออกหลวง"
" ฉันชอบใจในความเฉลียวฉลาดของแม่หญิงคนนี้นัก คราก่อน แม่แมงเม่าแก้กลบทของฉันได้ ครานี้ฉัน อยากจะแก้มือบ้าง คุณหลวงไปจัดการตามนี้เถิด"
ขันทองพนมมือไหว้ สีหน้าเคร่งขรึมลงอย่างกังวลใจ "เจ้าค่ะ"

แมงเม่ากำลังตกใจนึกไม่ถึง
"พิกลแล้ว หากเป็นรับสั่งของกรมขุนวิมลท่าน ฉันจะไม่แปลกใจเลย แต่นี่เจ้าจอมเพ็ญท่านกลับชวนฉันเสียเอง"
แมงเม่ากำลังคุยอยู่กับขันทอง โดยมีมิ่ง ชื่น และอิน อยู่ใกล้ๆ
" เจ้าจอมท่านก็คงเมตตาเจ้าน่ะล่ะ จะแปลกใจกระไร" อินว่า
แมงเม่าส่ายหน้ารัวๆ
"ฉันไม่เชื่อดอกพี่อิน คนเพิ่งพบหน้ากันคราเดียว จะเมตตากระไรกันหนักหนา มีแผนกระไรก็ไม่รู้"
ชื่นได้ยินเข้า ตกใจตีแขนแมงเม่าทันที
"ตายแล้ว พูดอย่างนี้ต่อหน้าคุณหลวงท่านได้อย่างไร"
แมงเม่าถูกตีแขนจนเจ็บ ก่อนจะหันไปมองขันทองด้วยใบหน้าหงิกงอ
"ไม่เป็นกระไรดอกแม่นาย ฉันได้ยินจนคุ้นชินแล้ว ไม่ถือโกรธกระไรดอก"
แมงเม่าแอบเหยียดปากใส่ขันทอง
มิ่งกะลิ้มกะเหลี่ย
"เอ่อ คุณหลวงขอรับ ไม่ทราบว่าออกญาวังท่านตามเสด็จด้วยหรือไม่ขอรับ"
"ไม่ได้ตามดอก หน้าที่คุ้มกันเป็นของราชองครักษ์ ออกญาท่านทำหน้าที่อยู่แต่ในวังเท่านั้น"
มิ่ง และชื่น ออกสีหน้าอาการเสียดาย อยากให้พระยากำแหงไปด้วย จะได้เจอกับแมงเม่า
อินแอบขำๆกับท่าทางของพ่อกับแม่เลี้ยงสามี
ขันทองมองมิ่งอย่างงงๆ
มิ่งเห็นสีหน้าขันทอง รีบหันไปพูดกับแมงเม่ากลบเกลื่อน
"จะอย่างไร เจ้าจอมท่านก็ชักชวนมา เอ็งจะบิดพลิ้วไม่ได้นานัง แมงเม่า หาไม่จะเป็นการไม่เคารพท่าน"
" ฉันมีทางบ่ายเบี่ยงได้หรือไม่เจ้าคะ"
ขันทองยิ้มบางๆ แล้วส่ายหน้า เป็นเชิงบอกว่าหมดทางเลี่ยง
แมงเม่าถอนใจเฮือกใหญ่ ไม่อยากไปเลยจริงๆ

ผ่านเวลา 7-8 วัน ตอนเช้า
เจ้าจอมเพ็ญในชุดสวยงามกว่าปกติ เดินออกมาจากตำหนักด้านใน ด้วยท่าทางสง่างามราวกับนางพญา มีเลื่อนคอยตามรับใช้อยู่ด้านหลัง
พอออกมา ก็เห็นขบวนของตนรออยู่หน้าตำหนัก เป็นขบวนที่ตกแต่งอย่างสวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย โดยมีโขลนกลุ่มหนึ่งเป็นคนแบกเสลี่ยงคานหาม ส่วนโขลนที่เหลือถืออาวุธรายล้อมเพื่อป้องกัน มีขบวนข้าหลวงล้อมหน้า ล้อมหลัง มีนักดนตรีเตรียมพร้อมไว้ เพื่อแห่ประโคมขณะเคลื่อนขบวน
ขันทอง และแน่น นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น พอเจ้าจอมเพ็ญออกมา ก็ยกมือไหว้
เจ้าจอมเพ็ญมองขบวนของตน ยิ้มพอใจ หันไปพูดกับขันทอง
"ฉันสั่งงานไปเพียงแค่ 7-8 วัน ยังจัดการได้ดี ไม่มีที่ติเทียว"
"เพราะแม่เลื่อนคอยบอกว่าเจ้าจอมท่านประสงค์สิ่งใด จึงจัดออกมาได้ดีเจ้าค่ะ"
เลื่อนยิ้มดีใจ ที่ขันทองพูดให้ความชอบตน
"แล้วเรื่องแม่แมงเม่าเล่า"
"ดีฉันไปรับมาแต่รุ่งสาง เพลานี้อยู่ในขบวนเสด็จของกรมขุนวิมลภักดีเจ้าค่ะ"
เพ็ญยิ้มพอใจ ทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการ จึงเดินขึ้นไปนั่งบนเสลี่ยง
เลื่อนคอยประคอง
พอเจ้าจอมเพ็ญนั่งเสร็จก็หันไปสั่งทุกคน เลื่อนสั่ง "เคลื่อนขบวนได้"
ขาดคำ นักดนตรีก็บรรเลงเพลงทันที พวกข้าหลวงที่อยู่ด้านหน้า ก็โปรยกลีบดอกไม้นำทางไป พร้อมๆกับที่โขลนยกเสลี่ยงขึ้น แล้วเคลื่อนขบวนไป
แน่นพูดเบาๆ หมั่นไส้มาก
"กรมขุนวิมลภักดีเป็นใหญ่เหนือฝ่ายในทั้งหมด ขบวนเสด็จยังไม่ประโคมโหมถึงเพียงนี้เลย"
ขันทองปราม "หยุดพูดได้แล้ว"
ขันทอง และแน่น เดินตามขบวนไป

ขบวนของเจ้าจอมเพ็ญ โอ่อ่าอลังการ มีเพลงประโคมโหม มีการโรยดอกไม้ไปตลอดทาง โดยมีเจ้าจอมเพ็ญ นั่งอยู่บนเสลี่ยงคานหาม ด้วยท่าทีหยิ่งยโสเต็มที่
 
อ่านต่อตอนที่ 7


กำลังโหลดความคิดเห็น