พ่อปลาไหล ตอนที่ 14
บทประพันธ์ : กนกเรขา บทโทรทัศน์ : จอมใจ และปัทม์
ชายคนหนึ่งใส่เสื้อสีฉูดฉาดเตะตา นั่งหันหลังรออยู่ที่โต๊ะมุมด้านในของร้านอาหาร เมื่อเห็นหน้าชัดๆ พราวกับชาช่าถึงกับอึ้ง พูดไม่ออกเลยทีเดียว
“ถึงกับหุบปากเงียบสงัดด้วยความอึ้ง อึ้งอะไร อึ้งอะไรคะนี่คือ ผู้ช่วยของเราค้า”
ผู้ชายคนที่แจ๊ดตามให้มาเป็นผู้ช่วยของพราวกับชาช่าก็คือ เจตน์ นั่นเอง
เจตน์นั่งวางมาดเก๊กหล่อ และจิบกาแฟเสียงดังโฮก ด้วยท่าทางมั่นใจเวอร์
“ทำไมต้องเป็นตาบ้านี่ด้วยค่ะ” ชาช่าหงุดหงิด
เช่นเดียวกับพราวที่อารมณ์เสียมาก “นั่นสิ ฉันไม่อยากยุ่งกับคนสติไม่ดี”
เจตน์โดนด่าถึงกับสำลักกาแฟพรวด โวยแจ๊ดทันที
“อะไรเนี่ยคุณแจ๊ด ไหนบอกว่ามีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน จะคุยกับผมไง นี่มาถึงคุณพราวกับคุณชาช่าก็ด่าผมเอา ด่าผมเอา ผมรวยมากนะ คุณรู้มั้ย ต้องให้ย้ำอีกสักกี่ครั้ง คนรวยเขาไม่มานั่งให้ใครด่าหรอก”
“โอย หลงตัวเองเข้าไปอีกจ้า” ชาช่าหมั่นไส้
พราวเบ้ปาก “ขนลุก อนาถใจคนเพิ่งจะเคยรวย”
“ผมกลับดีกว่า”
เจตน์ทำท่าจะลุกหนี แจ๊ดดึงไว้ “เดี๋ยวค่ะ ฟังคอนเทนท์ของเราก่อน เชื่อแน่ว่า ต้องเป็นประโยชน์กับคนหล่อและรวยมากอย่างคุณค่ะ”
พอได้ยินคำว่าหล่อและรวยมาก เจตน์เลยยอมนั่งลง แต่ยังฟอร์มเชิดๆ อยู่
พราวกับชาช่าทำหน้าทำตาอยากจะอ้วกที่แจ๊ดอวยเจตน์ แจ๊ดขึงตาปรามสองสาวไม่ให้พูดอะไร
ที่โถงรับแขกบ้านเอมิกา รอนมองซ้ายแลขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใคร จึงเอามือถือมาเลื่อนๆ ดูเบอร์เคน เอมเดินเข้ามาในนั้น มองหน้าพ่อแล้วยิ้มให้ รอนรู้สึกเสียวสันหลังวาบกับรอยยิ้มเย็นๆ ของลูก เอมยังสงสัยเรื่องที่รอนหนีเที่ยวกับเคนอยู่
“สวดมนต์เสร็จแล้วเหรอคะคุณพ่อ”
รอนร้อนๆ หนาวๆ กับคำถามของเอม เพราะรู้สึกได้ถึงการจับผิด
“จ้า”
รอนทำเป็นไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ทำตัวให้เนียนที่สุด
“คุณแม่ไปเยี่ยมคุณป้านะคะ พาสมบูรณ์ไปด้วย ตอนนี้ เราอยู่กัน 2 คน”
เอมยิ้มให้ แล้วเดินขึ้นชั้นบนไป
รอนโล่งใจ เอามือถือออกมาเลื่อนๆ หาเบอร์เคน แล้วจะย่องออกไปโทร.หาเคน
“จะโทร.หาใครเหรอคะคุณพ่อ”
รอนสะดุ้งนิดๆ เมื่อหันมาเห็นเอมหอบแฟ้มเอกสารงานลงมา จะมานั่งทำงานที่ห้องรับแขก
“จะโทร.หาคุณเคนเหรอค่ะ คงมีธุระมั้งคะ ตอนที่กลับมากับเอม ให้เข้ามา...คุย...กันในบ้านก่อน ยังไม่เข้ามาเลยค่ะ” เอมมองหน้าพ่อจ้องจับผิด “ไม่รู้หนีอะไรนะคะ คุณเคนนี่ตลกดีนะคะ”
เอมหัวเราะหึๆ เสียงเย็นๆ รอนอึ้งนิดๆ มองหน้าลูกสาวงงๆ ก่อนจะหัวเราะตามแล้วกลับมานั่งอ่านหนังสือเหมือนเดิม เอมนั่งทำงานไป รอนนึกว่าหมดเรื่องแล้ว จู่ๆ เอมก็ถามขึ้นว่า
“แล้วจะโทร.หาคุณเคนเรื่องอะไรเหรอคะคุณพ่อ”
“ไม่ได้จะโทร.หาใคร๊ จะเอามือถือออกมาดูรูปกล้วยไม้ที่ถ่ายไว้หนูก็รู้ คนปฏิบัติอย่างพ่อ ไม่ส่งจิตออกนอก หาความวุ่นวายอยู่แล้ว”
เอมมองหน้าพ่อยิ้มเยือกเย็น “อ๋อ ค่ะ”
รอนโล่งอก นึกว่าหมดเรื่องแล้ว
“ไม่รู้เอมคิดไปเองรึเปล่านะคะ พักนี้คุณพ่อดูสนิทกับคุณเคนจังนะคะ”
เอมยิ้มให้มองหน้าพ่อรอฟังคำตอบ รอนอึกอักพูดไม่ออก จนไอด้าลูกน้องของเอมิกาเดินเข้าบ้านมา
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ สวัสดีค่ะพี่เอม”
เอมเสียดายที่ยังไม่ได้คำตอบ แต่ก็ต้องตัดใจไปทำงานแล้ว
“คุยกันไปนะ พ่อไปดูกล้วยไม้ดีกว่า”
รอนออกไป เอมมองอย่างเสียดายที่ไม่ได้ซักรอนต่อ
“มาสรุปออเดอร์ใช่มั้ย”
“ค่ะ”
รอนโล่งออกที่รอดการซักฟอกของเอมมาได้หวุดหวิด
ทางฝั่งเจตน์นั่งเก๊กรอฟังแจ๊ดอธิบายเรื่องผลประโยชน์
“ทางเราทราบดีว่า คุณเจตน์ชอบคุณเอม แต่ปัญหาคือ...”
พราวพูดแทรกว่า “ยายเอมชอบมาอ่อยเคนของฉัน”
ชาช่าแย้งทันควัน “จริงๆ แล้วเคนเป็นของฉัน แต่ว่ายายเอมก็อ่อยจริงๆ”
เจตน์ไม่พอใจโกรธแทนเอม “คุณเอมไม่เคยอ่อยใครนอกจากผม เพราะว่าผมรวย”
แจ๊ดกุมขมับบ่นบ้าเซ็งๆ “โอย เหมือนนั่งดูคนบ้าทะเลาะกัน”
สามคนหันขวับมามองแจ๊ดตาขวาง
“เอ่อ คือ อย่างนี้ค่ะ คือไม่ว่าสถานการณ์อย่างไรก็ตาม เรามีความต้องการร่วมกันคือ
“เรา” พราวกะชาช่าไม่พอใจ เสียงขุ่น
“เอ่อ คือ ความต้องการของชะนีสองนางนี้ กับคุณเจตน์ ที่มีร่วมกันเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนกัน ก็คือ คุณเคนกับยาย เอ่อ คุณเอม ต้องแยกกัน ห่างกัน สต๊อป ปึ้ง ไม่ว่าจะมีความสัมพันกันในรูปแบบใด”
แจ๊ดพูดจบก็หันไปมองหน้าพราว ชาช่า เชิงถามว่า พอใจพวกหล่อนรึยัง
“แล้วคนรวยอย่างผมต้องทำอะไรบ้าง”
“ทำตามที่พวกเราบอกก็พอค่ะ” แจ๊ดบอก
“เพราะคุณคงคิดอะไรไม่ได้” พราวว่า
ชาช่าเสริมว่า “แล้วก็อย่ามาเป็นตัวถ่วงก็พอ”
แจ๊ดเห็นว่าพราวกับชาช่าปากเสียอีกแล้วจึงให้ข้อคิดว่า
“แต่ทั้งหมดก็จำเป็นต้องอาศัยความหล่อรวยของคุณเจตน์นั่นแหละค่ะ งานนี้ทั้งคุณเคน คุณเอม เสร็จพวกเรา เอ่อ พวกคุณแน่ค่ะ”
พราว ชาช่า และเจตน์หัวเราะพอใจให้กันเหมือนกลุ่มคนบ้าโรคจิต
ทางฝั่งเอมกับเคนถึงกับจามเมื่อถูกทั้งสามคนกล่าวถึง
แจ๊ดปาดเหงื่อเหนื่อยใจที่ต้องคุยกับพราว ชาช่า เจตน์ในเวลาเดียวกัน
รอนหลบมาโทร.หาเคนจากเรือนกล้วยไม้
“คุณเคน”
เคนอยู่กับแดนและป้องที่ร้านกาแฟประจำ
“สวัสดีครับคุณน้ารอน มีอะไรครับ”
“ผมว่ายายเอมมันชักจะสงสัย...”
“ก็ทำได้แค่สงสัยนั่นแหละครับ อย่างที่ผมบอกไงครับ ถ้าเราเนียนพอก็ไม่มีใครทำอะไรเราได้ คุณน้าอย่าถอยกำลังตัวเองครับ มั่นไว้ มั่นไว้”
“มั่นไว้เหรอ”
รอนสูดลมหายใจลึกๆ
“มั่นไว้...มั่นไว้”
“ดีครับ”
รอนวางสายจากเคน หายใจลึกๆ สร้างความมั่นให้ตัวเองอีก
เคนวางสาย นึกถึงเอมแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา แดนนึกสงสัย
“คุณน้ารอนโทร.มามีอะไรรึเปล่าวะ”
“คุณเอมรุกหนักจับผิดคุณน้ารอน ช่วงนี้กูก็คงจะโดนคุณเอมประกบเหมือนกัน กูคงต้องห่างๆ กับคุณน้ารอนก่อน”
“แล้วพี่จะทำยังไง” ป้องถามขึ้น
“เอางี้ คะแนนกูในสายตาคุณน้ารอนกำลังมา พวกมึงไปคอยดูแลคุณน้าอย่าให้อดอยากปากแห้ง ส่วนกูจะอยู่ให้คุณเอมประกบให้ชิดเลยมึง”
“ทำพ่อเขาใจแตก แถมยังหลอกลูกสาวเขาอีก พี่นี่ เหี้ย...มมม จริงๆ” ป้องด่าทีเล่นทีจริง
แดนผสมโรงว่า “นั่นดิ ใจคอมึงทำด้วยอะไร โคตรแมนเลยว่ะ”
“นี่มึงชมกูใช่มั้ย แต่กูก็ชอบนะ ฟังดูอินดี้มีความเป็นตัวตน”
แดนกับป้องมองหน้ากัน เหมือนมีเรื่องจะพูด แต่อ้ำๆอึ้งๆ เคนดูออก
“พวกมึงมีอะไรเม้มไว้รึเปล่า คายออกมา”
“คือ กูสองคนปรึกษากันแล้ว กูว่าจะทำบริษัทอีเวนท์ต่อว่ะ ถ้ามึงต้องไปทำงานกับพ่อมึง มึงก็เป็นที่ปรึกษาให้พวกกู”
“มึงมีทุนแล้วเหรอ”
“มี” แดนพูดสำเนียงอีสานว่า “ให้บักหำป้องไปขออีพ่ออีแม่มาแหน่”
เคนเล่นด้วยถามด้วยสำเนียงอีสาน “ได้หลายอยู่บ่”
ป้องเว้าอีสานชัด “กะหลายอยู่จ้า”
“ซ่ำนั้นแล้ว ก็แล้วแต่พวกมึง อิหล่าพริตตี้ ไคโยตี้น้อยสิได้มีง๊าน” เคนเล่นต่อ
“ของจะได้ไม่ขาดด้วยใช่มั้ยวะมึง”
แก๊งพ่อปลาไหล มองหน้ารู้กันว่า งานอีเวนท์จะทำให้ทั้ง 3 คนมีสาวๆ ในสต๊อกต่อเนื่อง
อีกฝั่งหนึ่ง มิ้นกับกอล์ฟเดินมาที่รถหลังจากประชุมงานกับลูกค้าเสร็จ ทั้งคู่เดินมาเงียบๆ เหมือนไม่มีเรื่องคุยกัน
มิ้นทนเงียบไม่ไหว “เดี๋ยวฉันจะไปส่งคุณที่แฟลตนะคะ”
“ครับ”
กอล์ฟตอบห้วนสั้น จนมิ้นรู้สึกว่าไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
อัธแฟนของเด็กในสังกัดมิ้นเดินเข้ามาขวางหน้าไว้ มองหน้ามิ้นอย่างโกรธแค้น อาการเหมือนคนจิตหลุดพร้อมสติแตกทุกขณะ
“ผมติดต่อมีมี่ไม่ได้ มีมี่มาหาคุณหรือติดต่อคุณบ้างรึเปล่า”
“เปล่า”
“โกหก มีมี่ทำงานกับพี่ แล้วจะไม่มาหาพี่ ไม่ติดต่อพี่ได้ไง”
“มีมี่ไม่ได้เป็นเด็กของฉันแล้วนะ”
“ผมไม่เชื่อ”
“ไม่เชื่อฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด”
มิ้นจะเดินหนีแต่ถูกอัธจับแขนกระชากไว้ไม่ให้ไป มิ้นตกใจ กอล์ฟจับมืออัธไว้ แล้วแกะมือเขาออกจากแขนมิ้น และบีบแน่นเป็นการเตือน
“ค่อยๆ พูดกันดีๆ ดีกว่านะครับ”
อัธยังฮึดฮัด กอล์ฟบีบมือแน่นกว่าเดิม จ้องตาด้วยสีหน้าเอาจริง
“มิ้นไม่มีอะไรจะคุยค่ะ”
“ได้ยินแล้วนะครับ คุณมิ้นไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ”
กอล์ฟจ้องหน้าอัธอย่างเอาจริง อัธเริ่มกลัว เลยยอมเดินหนีไป
กอล์ฟเห็นมิ้นอยู่ในอาการตกใจก็เป็นห่วง “คุณมิ้นไม่เป็นไรนะครับ”
“ค่ะ”
“กลับเถอะครับ ผมขับรถให้นะครับ”
กอล์ฟขอกุญแจ มิ้นส่งให้ กอล์ฟเดินไปเปิดประตูรถให้ มิ้นมองกอล์ฟเชิงขอบคุณ
กอล์ฟขับรถพามิ้นออกไป โดยมีอัธมองตามมิ้นไปด้วยแววตาแข็งกร้าว
กอล์ฟขับรถมาจอดที่หน้าคอนโดมิ้น กอล์ฟกับมิ้นลงจากรถ
“ทำไมไม่ขับไปที่แฟลตคุณก่อนคะ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมกลับเอง ขออนุญาตนะครับคุณมิ้น ผู้ชายที่มาหาเรื่องคุณมิ้นเป็นใครครับ”
“แฟนของเด็กที่เคยอยู่ในโมของมิ้นค่ะ ชอบใช้ความรุนแรงจนฝ่ายหญิงทนไม่ไหว ก็เลยบอกเลิก”
“งั้นก็ให้เขามาเคลียร์เรื่องของเขาให้เรียบร้อยสิครับ คุณมิ้นจะได้ไม่ต้องเดือดร้อน”
“น้องเขาไม่ได้อยู่สังกัดมิ้นแล้วค่ะ”
“แล้วเขาไปอยู่ไหนล่ะครับ”
กอล์ฟมองหน้ามิ้นรอคำตอบ
อีกฟาก แจ๊ดเดินคุยโทรศัพท์ออกมาจากร้านกาแฟแห่งนั้น
“บอกแล้วว่าน้องมีมี่อยู่กับพี่งานมันจะแน่นๆ หน่อยนะ แต่ต้องทำตามพี่ ห้ามไปกลับไปคบกับไอ้หน้าข้อศอกหมานั่นอีก มันเสียโปรไฟล์ ไม่ต้องทวนซ้ำเนอะ”
ที่แท้แจ๊ดเป็นคนฉกมีมี่เด็กในสังกัดของมิ้นมา
แจ๊ดวางสายหันมาเจอชาช่าที่เดินตามออกมาพร้อมกับ พราว และ เจตน์
“ฉกเด็กคนอื่นอีกแล้วใช่มั้ย คราวนี้ใคร เม้าท์มา” ชาชาถามขึ้น
“ตัวเด็ดเลย มีมี่เน็ตไอดอล เด็กยายมิ้น”
“เลิศ เล่นเด็กยายมิ้น ก็เหมือนเล่นยายเอม” พราวหัวเราะชอบใจ
แจ๊ดกับชาช่ามองหน้าพราวงงๆ เกี่ยวอะไรด้วย
“อะไรๆ ตอนนี้ต้องร่วมมือกันไง ไม่ใช่เวลาแบ่งพวก”
“โอเค ดิว”
แจ๊ด กะ ชาช่าประสานเสียง ตบมือดิวกับพราว
เจตน์ไม่ชอบใจนัก “แต่ก็อย่าให้เดือดร้อนมาถึงคุณเอม มันขัดกับผลประโยชน์ของผม”
“โอเค ดิว”
ชาช่ากะพราวประสานเสียง แล้วตบมือดิวกับเจตน์
แจ๊ดเอือม “เรียกได้ว่าในพื้นที่ผลประโยชน์ทับซ้อน ไว้ใจใครไม่ได้เลยทีเดียว”
“โดยเฉพาะแก” พราวด่าแจ๊ด
“งั้นผมขอตัวก่อน พอดีมีธุรกิจมากมายรอให้ไปบริหาร”
เจตน์เดินกร่างออกไป พราว กะ ชาช่า มองตามอย่างเบ้ปากไล่หลังเจตน์ไป
ชาช่ากับพราวมองจนแน่ใจว่าเจตน์พ้นตัวไปแล้ว
“พี่แจ๊ด เรื่องที่บอกจะจัดการให้เรียบร้อยมั้ย”
“พี่แจ๊ดซะอย่าง มีเหรอจะไม่เรียบร้อย รอให้ยายเอมมาให้เล่นงานถึงที่ได้เลยคร้า”
แจ๊ดยิ้มชั่วออกมา มั่นใจในแผนการที่จะเล่นงานเอม
เอมนั่งดูรายละเอียดงานที่ไอด้านำมาให้
“ลูกค้ารายนี้ หนูพยายามปิดดิวกับเขาแล้วนะคะ แต่ว่า ลูกค้าค่อนเยอะ เอ่อ มีข้อสงสัยมาก ยืนยันว่าต้องการเจอพี่เท่านั้นค่ะ”
“คงเป็นพวกเซเลบที่ต้องการงานเนี้ยบๆ ก็มีข้อสงสัย ความกังวลเยอะแบบนี้แหละ” เอมอ่านรายละเอียดงาน แล้วจึงบอกว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ไปเอง ยังไงก็ต้องไม่ให้เสียคอนเซ็ปไม่ง้อหน้าร้านของเรา”
เอมนั่งตรวจรายละเอียดงานอีกครั้ง ตาขวาเอมกระตุกอีก
ไอด้าแปลกใจ “พี่เอมเป็นอะไรรึเปล่าค่ะ”
“เปล่าจ้า”
เอมรู้สึกว่าตากระตุกไม่หาย
มิ้นพากอล์ฟเข้ามาในห้อง
“ขออนุญาตนะครับ”
กอล์ฟสำรวจรอบๆ ห้อง
“คอนโดนี้เข้าออกต้องมีคีย์การ์ดเท่านั้นใช่มั้ยครับ”
“ใช่ค่ะ”
“คุณนาตาลีล่ะครับ”
“ไปถ่ายแบบที่ญี่ปุ่นค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ ถึงขอเข้ามาดูห้องมิ้น”
“ผมแค่อยากจะแน่ใจว่าจะไม่มีใครแปลกปลอมเข้ามาได้น่ะครับ”
“คุณกอล์ฟ กลัวว่าอัธจะมาหามิ้นอีกเหรอคะ”
“ระวังไว้หน่อยก็ดีครับ ผมว่าท่าทางเขาเครียดๆ ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ หลายคดีที่ผมเคยเจอ ผู้ก่อเหตุ ลงมือก่อเหตุเพราะอารมณ์ชั่ววูบจากความเครียดให้เห็นอยู่บ่อยๆ ครับ”
“ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง”
“ผมก็ทำตามนิสัยตำรวจ เห็นอะไรผิดปกติ ก็ต้องตรวจดูให้แน่ใจไว้ก่อน”
มิ้นหน้าเสีย กอล์ฟหันมาเห็นสีหน้านั้นพอดี
“คุณมิ้น เป็นอะไรรึเปล่าครับ”
มิ้นยังไม่ทันตอบ ท้องเจ้ากรรมก็ร้องเสียงดัง สองคนมองหน้ากันแล้วหัวเราะขำออกมาทั้งคู่
“หิวเหรอครับ”
“ก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า”
“งั้น ผมจัดการให้นะครับ”
กอล์ฟเปิดตู้เย็นสำรวจ พบว่าในนั้นมีแต่ไข่ไก่กับผักเล็กๆ น้อยๆ เช่น มะเขือเทศ หอมใหญ่ หมวดหนุ่มหันมามองหน้ามิ้น มิ้นหน้าเสียรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความพร้อมอะไรเลย
“คือ ช่วงนี้มิ้นอยู่คนเดียว ส่วนใหญ่จะสั่งมากิน เลยไม่ค่อยมีอะไรติดตู้เย็น”
กอล์ฟยิ้มเอ็นดูมิ้น
“ไม่เป็นไรครับ”
กอล์ฟหยิบไข่ไก่และผักเท่าที่มีไป มิ้นอึ้งกับรอยยิ้มใจดีของกอล์ฟ
กอล์ฟทำข้าวผัดไข่อย่างคล่องแคล่ว มิ้นทำได้แค่เป็นลูกมือคอยส่งของให้ มิ้นมองกอล์ฟอย่างปลื้มๆ จะเอื้อมหยิบจานใส่อาหาร กอล์ฟเข้ามาข้างหลัง
มิ้นหันมามองหน้ากอล์ฟอึ้งไปชั่วขณะ กอล์ฟหยิบจานให้มิ้น เพราะคิดว่ามิ้นเอื้อมไม่ถึง
กอล์ฟเอาจานไปใส่ข้าวผัด
มิ้นผิดหวังนิดๆ ที่กอล์ฟแค่หยิบจานไม่ทำโรแมนติกใดๆ
กอล์ฟกับมิ้นนั่งกินข้าวด้วยกัน มิ้นกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย
“พอทานได้มั้ยครับ”
“อร่อยเลยหละค่ะ เวลามิ้นทำนะไม่เคยอร่อยแบบนี้เลย นาตาลีกับยายเอมชอบว่ามิ้นทำข้าวผัดทะเล”
“ทำไมล่ะครับ”
“สองคนนั่นบอกว่า เค็มเหมือนผัดในทะเล แถมยังว่ามิ้นอีก ว่าถ้าใครได้ไปมีหวังอดตาย”
“ก็ไม่เห็นยาก หาคนที่ทำอาหารเป็นสิครับ”
กอล์ฟไม่ได้ตั้งใจจะอวยตัวเอง แต่พอพูดแล้วจึงนึกได้ สองคนต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันอึ้งๆ
“ขอโทษครับ ผมลืมไปว่าคุณมิ้น ไม่คิดเรื่องแบบนี้”
“จริงๆ ก็...” มิ้นจะอธิบายแต่มือถือกอล์ฟดัง
“ขออนุญาตนะครับ คงมีงานด่วนน่ะครับ”
กอล์ฟลุกไปคุยสาย “ว่าไงจ่า”
มิ้นมองอย่างเสียดายที่ไม่ได้มีโอกาสอธิบายว่า เธอเริ่มจะเปลี่ยนความคิดแล้ว
ไม่นานต่อมา มิ้นลงมาส่งกอล์ฟที่หน้าตึก
“ให้มิ้นไปส่งดีกว่ามั้ยคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ขอบคุณนะคะสำหรับวันนี้ ทั้งงานแล้วก็อาหาร”
“ครับ”
มีแท็กซี่แล่นมาพอดี กอล์ฟเรียกแล้วขึ้นรถไป มิ้นเดินกลับเข้าคอนโด
ในรถที่กอล์ฟนั่งแล่นผ่านใครคนหนึ่งที่ยืนหันหลังให้ กอล์ฟเหลียวมองอย่างไม่วางใจ
รถแท็กซี่แล่นผ่านไป เห็นว่าคนที่ยืนหันหลังอยู่คืออัธนั่นเอง
มองจากด้านหลัง เห็นรอนเหมือนนั่งสมาธิอยู่ แต่จริงๆแล้ว รอนเปิดไลน์หน้าแชทของน้องม่อน ทักไปว่า
“ทามรัยยุ” แต่ม่อนยังไม่เปิดอ่าน
รอนบ่นงึมงำ “ทำไมไม่อ่านไลน์”
สักครู่ม่อนอ่านข้อความแล้ว แต่ไม่ตอบใดๆ
“อ่านแล้วไม่ตอบ”
รอนเริ่มร้อนรนกระสับกระส่าย มือถือรอนดังขึ้น เป็นเคนโทร.เข้ามา
“คุณเคน”
ขณะเดียวกัน เอมคุยโทรศัพท์กับเนื้ออ่อนอยู่ บนโต๊ะมีกองงานของเอมอยู่เต็ม
“คุณแม่จะค้างที่บ้านคุณป้าเหรอคะ ค่ะ เอมจะบอกคุณพ่อให้”
เอมวางสายจากเนื้ออ่อน เห็นรอนเดินลงมาจากชั้นบน ใส่ชุดดำ หน้าสลดๆ
“วันนี้คุณแม่จะค้างที่บ้านคุณป้านะคะ แล้วนั่นคุณพ่อจะไปไหนคะ”
“จำสมศักดิ์เพื่อนพ่อได้มั้ย”
“ค่ะ คุณลุงสมศักดิ์ที่บ้านอยู่ชานเมือง”
“มันเสียแล้ว พ่อเพิ่งรู้ข่าว เลยจะไปงานสวดศพมันหน่อยหรือว่าพ่อจะไม่ไปดี หนูอยู่บ้านคนเดียว”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เอมอยู่ได้ คุณพ่อขับรถดีๆ หรือว่าจะให้เอมขับไปให้มั้ย”
“ไม่เป็นไร พ่อไปได้”
“ค่ะคุณพ่อ”
รอนพ้นตัวไปแล้ว เอมนั่งคิดอย่างไม่วางใจเท่าไหร่
“คุณพ่อคงไม่กล้ากุเรื่อง เพื่อไปกับพวกนายเคนหรอกนะ”
รอนขับรถมาที่จุดนัดพบ เห็นว่าแดนกับป้องจอดรถรออยู่ รอนลงจากรถไปหาแดนกับป้อง
“คุณเคนล่ะ”
“วันนี้ไอ้เคนมันติดธุระน่ะครับ”
“อ้าว”
“ไม่ต้องอ้าวครับ เราสองคนมีหน้าที่มาพาคุณน้าไปทำให้หายอบอ้าว” ป้องบิวท์
“จะมีแต่อ้าว ซี๊ด อ้าว แน่นอนครับ” แดนเสริม
รอนแค่นึกภาพตามก็สะท้านไปทั้งตัว แดน ป้อง พารอนขึ้นรถไป
เสียงออดหน้าบ้านเอมิกาดังขึ้น เอมเดินออกมาเปิดประตู เห็นเคนยืนอยู่ ในมือถือถุงบะหมี่มาด้วย
“มาทำไม”
“ก็เมื่อกลางวันคุณบอกมีเรื่องจะคุยกับผม”
“กลางวันก็ส่วนกลางวันสิ ตอนนี้ฉันไม่ว่าง”
เคน ผมก็ไม่ว่าง แต่สะดวก
เคนเดินเข้ามาในบ้านโดยไม่รอให้เอมชวน
“เร็วคุณ ผมซื้อบะหมี่มาฝากทุกคนเลย”
เอมมองตามอย่างจับผิด เคนยิ้มกริ่ม วางแผนให้ป้องกลับแดนพารอนไปเที่ยว ส่วนตัวเองแวะมาหาเอมที่บ้าน เพื่อให้เอมคิดว่าไม่ได้ไปด้วยกัน
เคนเดินนำเข้าบ้านราวกับเป็นบ้านของตัวเองกระนั้น
“คุณน้าเนื้ออ่อน คุณน้ารอน สมบูรณ์ครับ ผมซื้อบะหมี่มาฝาก”
“ไม่มีใครอยู่ คุณจะแหกปากทำไม”
เอมพูดออกไปแล้วก็นึกได้ว่าไม่น่าบอกเลยว่าตนอยู่บ้านลำพัง
เคนหันขวับกลับมามองหน้าเอมด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
ไม่นานนักเคนยกชามบะหมี่มาให้เอม ที่นั่งทำงานอยู่
“บะหมี่มาแล้วครับ”
เอมทำงานโดยไม่สนใจ เคนเข้ามาจับปากกาและรวบกองงานต่างๆ ให้ออกห่างตัวเอม
“เวลากินก็กิน เวลาทำงานก็ทำงาน กินไปทำงานไปมันไม่มีอะไรดีสักอย่าง”
“ฉันไม่หิว”
เสียงท้องเอมร้องดังมาก เอมหน้าเสีย เสียฟอร์ม เคนตีท้องตัวเอง
“ร้องทำไม ไม่อายคุณเอมบ้างหรือไง”
เอมทั้งเขินทั้งขำเคน
“มากินกันนะ”
เอมขึงตาใส่ “หะ”
“หมายถึงกินบะหมี่ คุณนี่คิดลึกเนอะ แต่ถ้าคุณอยากกินอย่างอื่นก็ได้อยู่นะ”
“ทะลึ่ง”
“หมายถึงน้ำไง ไม่ดื่มน้ำก็ติดคอแย่สิ ทะลึ่งอ่ะคุณน่ะ”
เคนกินบะหมี่นำร่องไปก่อนอย่างเอร็ดอร่อย
เอมหิวจนทนไม่ไหว เข้ามานั่งกินด้วย ชิมไปคำแรกก็รับรู้ถึงความอร่อย แต่พอเคนหันมามอง ก็ทำเป็นนิ่ง
“กินเยอะๆ นะคุณ” หนุ่มกะล่อนตีหน้าเศร้า “ตอนนี้ผมก็เลี้ยงคุณได้แค่นี้แหละ”
“จริงๆ ไม่ต้องซื้ออะไรมาก็ได้ หิวก็บอกฉันก็จบ”
“จริงดิ” เคนทำหน้าทะเล้นใส่
“จะทำอาหารให้กิน”
“ก็อาหารสิ แหม ใครจะไปคิดเป็นอื่น” เขายิ้มกรุ้มกริ่มพลางจ้องหน้าเอม “อร่อยมั้ย”
เอมไม่ทันตั้งตัว พยักหน้าทั้งที่บะหมี่ยังคาปากอยู่ เคนเลยใช้ตะเกียบในมือคีบเส้นจากชามเอมมากิน
“อร่อยจริงด้วย”
เอมมองตาค้าง อึ้งที่อยู่ๆ เคนก็มาคีบบะหมี่ในจาน
เคนสาวเส้นบะหมี่กินไปเรื่อยๆ พอบะหมี่พ้นจากชาม พบว่าปลายเส้นทั้งหมดอยู่ที่ปากเอม
เอมอึ้งอยู่อย่างนั้น จนเคนรีบกินบะหมี่เข้าไปใกล้หน้าเรื่อยๆ
พอเคนเข้าไปใกล้เอมจนหน้าเกือบชิดกัน เอมเลยกัดเส้นบะหมี่ขาด แล้วผลักชามให้เคน
“อยากกินนัก ก็เอาไปเลย”
เอมลุกไปนั่งทำงาน หน้าแดงจัดเพราะเขินหนัก เคนมองตามยิ้มขำๆ
เอมนั่งทำงาน เคนเดินเข้ามาหา
“ผมล้างจานเรียบร้อยแล้วนะ”
“กินเสร็จแล้ว ล้างจานแล้ว ก็กลับไปได้แล้ว”
เอมพูดโดยไม่มองหน้าเคน แต่พอเห็นว่าเคนเงียบ ไม่ตอบ เอมเงยหน้ามอง เห็นเคนหน้าเศร้าๆ
“นี่เศร้าจริงหรือการแสดง”
เคนนั่งลงใกล้ๆ เอม “ไอ้ป้องกับไอ้แดนมันจะทำบริษัทต่อ มันไปขอทุนมาจากพ่อแม่”
“ก็ดีนะคุณจะได้ทำงานที่คุณอยากทำไง”
“ไม่ได้หรอกคุณ มันไม่ใช่เงินผมสักบาท”
“อ้าว ทีตอนที่คุณเอาเงินพ่อคุณไปลงทุน สองคนนั้นยังทำงานกับคุณได้เลย”
เคนเงียบไม่ตอบ
“หรือว่าคุณเริ่มอยากจะทำงานกับพ่อคุณ”
“ก็ถ้าทำได้ มันก็เป็นการพิสูจน์ตัวเองใช่มั้ยล่ะ แต่ตอนนี้จะได้เหรอ ก็พ่อตัดผมออกจากกองมรดกแล้ว”
เอมมองเคนอย่างเห็นใจ “ฉันจะช่วยพูดให้คุณเองดีมั้ย”
“ลำบากคุณไปซะทุกเรื่องเลย”
“อย่ามาสะดิ้งให้มาก จะให้ช่วยมั้ย”
เคนอึ้งที่เอมด่า ได้แต่พยักหน้า
“คืนนี้คุณจะมาขอค้างที่นี่อีกเหรอ”
เอมทำสีหน้าอึดอัดลำบากใจ เพราะตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้าน
“คืนนี้ผมจะไปนอนบ้านไอ้แดน แต่จะรอให้พ่อคุณกลับมาก่อน ค่อยไป” เขามองหน้าเอมนิ่งๆ “เห็นคุณอยู่คนเดียว ผมเป็นห่วง”
พร้อมกับว่าเคนยิ้มมาให้ เอมอดวาบหวิวกับสายตาคู่นั้นไม่ได้ หลบตาวูบ เคนยิ้มเจ้าเล่ห์ พอใจที่เอมไม่กล้าสู้ตาตน
เคนมองดูงานที่เอมทำอยู่
“นี่คุณทำอะไร”
“กำลังเคลียเรื่องออเดอร์ กับเตรียมไปวัดตัวลูกค้าพรุ่งนี้”
เคนแปลกใจ “ปกติ คุณมีลูกน้องทำให้ไม่ใช่เหรอ”
“ลูกค้ารายนี้ เยอะ เอ่อ ความต้องการมากน่ะ ฉันก็เลยจะไปเอง จะได้จบทีเดียว” เอมคิดได้เงยขึ้นมองหน้าเคน “พรุ่งนี้ฉันเสร็จงาน เราไปคุยกับพ่อคุณด้วยกัน ดีมั้ย”
คราวนี้เป็นเคนเองที่หวั่นไหวกับท่าทีห่วงใยและความมีน้ำใจของเอม
ตกกลางคืน มิ้นเดินหิ้วถุงอาหารที่เพิ่งออกไปซื้อมา เดินตรงไปที่ลิฟต์ มือถือดังขึ้น มิ้นรับสาย
เป็นกอล์ฟโทร.มาจากผับแห่งหนึ่ง
“เหตุการณ์ปกติดีใช่มั้ยครับคุณมิ้น”
“ปกติดีค่ะ คงไม่มีอะไรหรอกมั้งคะคุณกอล์ฟ นี่คุณอยู่ที่ไหนคะ เสียงดังจัง”
“ผมอยู่ที่ผับน่ะครับ”
มิ้นหน้าเสียคิดว่าเขาไปเที่ยวกับก๊วนเพื่อน
“มาตรวจน่ะครับ ช่วงนี้เข้มงวดเรื่องห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 เที่ยวสถานบันเทิงครับ”
“อ๋อค่ะ”
คราวนี้มิ้นยิ้มแก้มแทบแตก โล่งใจที่กอล์ฟไปได้ไปเที่ยว
“คุณมิ้นครับ เสร็จงานแล้ว ผมจะขออนุญาตโทร.หาคุณอีกทีผมอยากแน่ใจว่าคุณปลอดภัยดีนะครับ”
“ค่ะ ได้ค่ะ”
มิ้นวางสายจากกอล์ฟ ลิฟต์มาพอดี เธอเดินเข้าลิฟต์ไป
มีชายคนหนึ่งเดินตามมิ้นมาจะเข้าลิฟต์ด้วยแต่ไม่ทัน เพราะลิฟต์ปิดเสียก่อน
ฝ่ายกอล์ฟวางสายจากมิ้น หันมามองไปรอบๆ ผับ สบตากับตำรวจนอกเครื่องแบบอีก 4 –5คน
กอล์ฟมองไปที่เวที เห็นไคโยตี้กำลังเต้นอยู่บนนั้น ด้านหน้าเวที มีหนุ่มๆ ทั้งเต้น ทั้งถ่ายภาพ ถ่ายคลิปกันเป็นที่สนุกสนาน
กอล์ฟเพ่งมองชัดๆ พบว่าในกลุ่มหนุ่มๆ หน้าเวทีมี รอน แดน ป้อง รวมอยู่ด้วย และรอนแอบส่งสายตาให้ไคโยตี้นางหนึ่ง
ป้องเดินนำรอนกลับมาที่โต๊ะ รอนหอบแฮกๆ เพราะเต้นลืมวัยไปหน่อย
“อุ๊ยๆ มีอะไรติดมือมาด้วยก็ไม่รู้”
แดนตามเข้ามา พร้อมจูงมือไคโยตี้ที่รอนแอบเหล่มาด้วย รอนตาวาว
“นั่งตรงไหนดี นั่งตรงไหนดี ตรงคุณน้ารอนดีมั้ย”
รอนกระดี๊กระด๊า “ไม่นะ ไม่นะ”
ไคโยตี้ก็ไปนั่งข้างๆ รอน แค่แขนเบียดชนกัน รอนก็ซู่ซ่าไปทั้งตัว
“ใช่เหรอๆ นั่งตรงนั้นได้ยังไง”
รอนหน้าเสียนึกว่าถูกป้องแย่งไป ไคโยตี้ลุกขึ้น รอนมองตามตาละห้อย ไคโยตี้ก็นั่งลงที่ตักรอน รอนตาลุกวาว
“ใช่ แบบนี้ถึงจะถูกที่ถูกทาง” ป้องว่า
แดน ป้อง และไคโยตี้สบตากัน ไคโยตี้ลูบแขนตัวเองท่าทีเหมือนหนาว
แดนบอกรอนว่า “คุณน้ารอนครับ รู้สึกว่าน้องเขาจะหนาวนะครับ”
“หนาวเหรอ เอาเสื้อพี่ไปใส่มั้ย”
“แบบนั้นมันจะหายหนาวเหรอครับ มันต้อง”
ป้องว่าแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์กับแดน รอนมองหน้าทั้งสองแสบเชิงถาม
“ได้เหรอ”
“ได้หมดครับ” สองหนุ่มประสานเสียง
รอนกอดไคโยตี้ทันที “หมับเข้าให้”
“อุ่นมั้ยครับน้อง” ป้องยิ้มกริ่ม
“น้องอุ่นมั้ย ไม่รู้ แต่พี่รอนอุ่นมว๊ากกก”
รอนฟินกอดไคโยตี้แน่นกว่าเดิม และจะเอาหน้าซุกที่ต้นคอ แต่กอล์ฟเข้ามาทักขัดจังหวะซะก่อน
“สวัสดีครับคุณน้ารอน”
เคนแอบคุยโทรศัพท์อยู่กับแดนมุมหนึ่ง
“มันไปตรวจเด็กอายุต่ำกว่า 18 แล้วเกี่ยวอะไรกับคุณน้ารอนวะ”
เคนหงุดหงิดเมื่อรู้จากแดนว่า เจอกอล์ฟที่ผับ
“ไอ้แดน มึงก็จัดตามเหมาะสมแล้วกัน แต่ได้เที่ยวคุณน้าก็คงฟินแล้วอย่างอื่นค่อยจัดให้วันหลัง”
เคนวางสายจากแดนบ่นงึมงำ
“ไอ้กอล์ฟ ไอ้มือปราบพิทักษ์ศีลธรรม”
เคนเดินมาหาเอม เห็นเอมกำลังกดโทรศัพท์หารอน
“โทร.หาคุณน้ารอนเหรอคุณ”
“ใช่ ไม่รับสายฉันเลย”
“อาจจะคุยหรือ ไปทานข้าวต่อกับเพื่อนรึเปล่า พอแก่ตัวคนเราก็ได้เจอเพื่อนเก่ากันตามงานศพนั่นแหละ”
“พูดซะเห็นภาพเลย”
เอมยังกดโทรศัพท์หารอนต่อ
ที่ผับ กอล์ฟนั่งร่วมวงกะรอนแดนและป้องด้วย โดยไคโยตี้ขยับไปนั่งห่างรอน ทุกคนนั่งเกร็ง ไม่กระดี้กระด๊าเหมือนตอนแรก
“คุณน้ารอนมากับไอ้พวกชั่วนี่ได้ยังไงครับ” กอล์ฟถามไม่ไว้หน้าสองปลาไหล
“ก็...บังเอิญผ่านมาน่ะครับ”
“แล้วคุณเอมรู้มั้ยครับว่าคุณน้าผ่านมาทางนี้”
“เอ่อ...” รอนอีกอัก
แดนไม่พอใจ “อะไรของมึงวะไอ้กอล์ฟ นี่พ่อคุณเอม ไม่ใช่พ่อคุณมิ้น หรือ พ่อมึง มึงมายุ่งอะไร”
รอนสะดุ้งทุกครั้งที่แดนพูดคำว่าพ่อ
“พ่อใครกูก็จะยุ่ง ถ้ามีไอ้พวกชั่วชักจูงไปในทางที่ไม่ดี”
“พี่กอล์ฟก็พูดยังกับคุณน้ารอนเป็นวัวเป็นควาย พวกเราถึงจะจูงจมูกได้ง่ายๆ”
รอนสะดุ้งเมื่อป้องพูดคำว่าวัว ควาย
“คือ น้าอยากมาเปิดประสบการณ์ คุณแดนคุณป้อง ก็เลยพามา”
กอล์ฟมองรู้ทัน “โดยมีไอ้เคนจัดให้ใช่มั้ยครับ เดาว่าคุณเอมคงสงสัย แต่ยังจับไม่ได้”
มือถือรอนที่วางอยู่บนโต๊ะสั่น กอล์ฟเห็นว่าเอมโทร.เข้ามา จึงแอบกดรับสายโทรศัพท์ของรอน ในโดยที่ไม่มีใครมันสังเกต
เอมฟังโทรศัพท์ได้ยินเสียงดังจากในผับ เอมหันไปมองเคนที่นั่งพิมพ์ไลน์อยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง
อีกฟากหนึ่ง มีเสียงเคาะประตูดังจากหน้าห้องมิ้น มิ้นลุกมาส่องดู แต่ไม่เห็นใคร
เสียงเคาะประตูดังอีก มิ้นเลยเปิดประตูออกมาดู มองไปทั่วทางเดินแต่ไม่เห็นมีใครจึงกลับเข้าห้อง
รอน แดน ป้อง มองหน้ากัน ไม่รู้จะจัดการกับกอล์ฟยังไงดี กอล์ฟนั่งนิ่งๆ เหมือนจงใจนั่งเป็นไม้กันหมาไคโยตี้หน้าบูด มองทุกคนอย่างอึดอัดและทนไม่ไหว
“โอ๊ย พี่จะนั่งจ้องกันอีกนานมั้ยค่ะ หนูไปโต๊ะอื่นแล้วนะ ไม่สนุกเลย”
ไคโยตี้ออกไป รอนมองอย่างเสียดาย แต่ไม่กล้าพูดอะไร เพราะกอล์ฟอยู่
เสียงไลน์ของแดนดัง เห็นเป็นข้อความจากเคน
แดนอ่านข้อความแล้วแอบส่งให้ป้องอ่าน 2 คนมองตารู้กัน
เคนบอกทางไลน์ว่า “ให้ตะโกนดังๆ ว่าไอ้กอล์ฟมาตรวจบัตรนักเที่ยว”
ป้องตะโกนขึ้นเสียงดัง “มาพี่กอล์ฟ ไหนๆ น้องเขาก็ไม่อยู่แล้ว ดื่มกันหน่อย”
“ไม่” กอล์ฟปฏิเสธเสียงแข็ง
แดนเสียงดัง “ทำไมวะ หรือว่าอยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ มึงมาทำอะไรวะ ตรวจเด็กอายุต่ำกว่า 18 เหรอ
สิ้นเสียงของแดน ขาเที่ยวทั้งผับชะงักแล้วก็มีเสียงคนตะโกนว่า “ตำรวจ”
จากนั้นความวุ่นวายก็อุบัติขึ้น บรรดานักเที่ยวที่อายุไม่ถึง 18 ก็วิ่งกันวุ่น ทั้งผับวุ่
กอล์ฟต้องละมือจากกลุ่มของรอน ไประงับความวุ่นวายก่อน
รอนหมอบและเอาทั้งสองมือขึ้นมาบังหน้าเหมือนเวลานักเที่ยวถูกจับในผับ
“ปิดหน้าทำไมครับ” ป้องงง
“ตำรวจมาจับเด็กต่ำกว่าสิบแปด”
“คุณน้ารอน สิบแปดแล้ว สิบแปดอีกมาหลายรอบแล้วนะครับ เขาไม่จับหรอกครับ”
“ถ้าจะโดนจับก็ผมกับไอ้ป้องนี่ละครับ ข้อหาพกพาวัตถุโบราณในที่สาธารณะ” แดนเสริม
“ไหนเคยบอกว่าน้ายังไม่แก่ไง” รอนหงุดหงิด
แดนรู้ว่าพลาดที่ปากเสียว่ารอนแก่ออกไปรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“หนีครับ ไปเร็ว”
แดน ป้อง พารอนออกหนีไป
กอล์ฟและตำรวจนอกเครื่องแบบต้องช่วยกันจัดการความวุ่นวาย
“อยู่ในความสงบด้วยครับ นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอให้ทุกท่านแสดงบัตรประชาชนด้วยครับ”
กอล์ฟระงับเหตุไปก็มองหารอนไป
มีเสียงเคาะประตูที่หน้าห้องมิ้นดังอีก คราวนี้มิ้นเปิดประตูผลัวะออกมาด้วยความโกรธจัด
“ใครเล่นบ้าอะไรเนี่ย”
อัธที่รอจังหวะอยู่เข้าประชิดตัว โดยที่มิ้นไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะลากเข้าห้องไปปิดประตูลง
เคนเดินกลับมานั่งกับเอม ในขณะที่เอมทำงานไป เหมือนไม่สนใจ พูดลอยๆโดยไม่มองหน้าเคนว่า
“แปลกจังเมื่อกี้โทร.หาคุณพ่อ ได้ยินเสียงเพลงดังมาก ไม่เหมือนอยู่ในงานศพเลย”
เอมหันมามองหน้าเคน
“เหรอ”
“อืม”
“หรือว่า คุณน้ารอนแวะตลาดโต้รุ่งกับเพื่อนๆ รึเปล่า ขับรถไปตั้งไกล คงหิวแหละ”
เอมมองเคนอย่างไม่ไว้ใจ
“นี่คิดไม่ดีกับผมอีกแล้วใช่มั้ย จะกล่าวหาว่าผมพาพ่อคุณหนีเที่ยวอีกใช่มั้ย ยังไงคุณ ผมจะแยกร่างไปยังไง”
“ถ้าใจมันรักจะทำชั่ว ตัวไม่อยู่ ก็หาทางจนได้แหละคุณ”
เอมจะพูดต่ออีกยาว แต่เคนรวบตัวเอมมากอดไว้แน่น เอมอึ้งตกใจที่ถูกเคนจู่โจมกอด
ฝ่ายแดนกับป้องพารอนหนีออกมาหน้าผับ รอนยังเอามือปิดหน้าปิดตาไม่หยุด แดนแปลกใจ
“ไม่ต้องปิดแล้วครับ”
“อันนี้ไม่ได้ปิดหนีตำรวจ ปิดหนีวงจรปิด เผื่อมีการเช็คภาพ”
“เดี๋ยวนี้คุณน้าชักจะรอบครอบกว่าพวกผมอีกนะครับ” ป้องยิ้มชม
“แล้วแบบนี้คุณกอล์ฟจะไม่โทร.ไปบอกยายเอมเหรอ” รอนกังวลใจ
ป้อง กะแดนมองหน้ากัน “เออว่ะ”
รอนคิดปราดเดียว “ไม่เป็นไร น้ามีวิธี”
พร้อมกับว่ารอนเดินนำออกไปที่รถ แดนกับป้องมองหน้ากันทึ่งๆ
“เดี๋ยวนี้ มีวิธีเป็นของตัวเองด้วยว่ะ”
“คนเขามีหัว”
แดนกับป้องตามรอนไป
คล้อยหลังสามคนไม่นานนัก กอล์ฟกับตำรวจนอกเครื่องแบบพาตัวนักเที่ยวที่อายุไม่ถึง 18 ออกมา
“ผมฝากพาตัวไปโรงพักนะจ่า”
“ได้ครับหมวด”
พอตำรวจคุมตัวนักเที่ยวออกไป กอล์ฟก็กดโทร.หามิ้น แต่มิ้นไม่รับสาย จนกอล์ฟชักเริ่มรู้สึกเป็นห่วงมิ้น
“คุณมิ้น”
กอล์ฟขึ้นรถรีบขับออกไปมิ้นทันที
ด้านเคนยังกอดเอมไว้แน่น
“ตัวผมก็อยู่นี่แล้ว อยู่กับคุณตรงนี้ ผมจะไม่ไปไหน จะอยู่ตรงนี้เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ผมอยากให้คุณมองผมในแง่ดีบ้าง”
สีหน้าเคนจริงจังมั่นใจมากว่าเอมจะต้องหลงคารม ยิ่งเห็นเอมเงยหน้าสบตายิ้มให้ เคนคิดในใจว่า
“เป็นไงล่ะ เจอคารมผมเข้าไป ระทวยสิคุณเอม”
เอมยิ้มหวานให้ เคนยิ้มตอบ จู่ๆ เอมก็ตีเข่าใส่เป้าเคนอย่างแรง ร่างเคนร่วงลงไปกองอยู่ที่พื้น
“รู้ไว้เลยนะว่า ถ้าฉันไม่ได้อยากให้คุณอยู่รอเจอคุณพ่อเพื่อเคลียร์กันให้รู้เรื่อง ว่าคุณพาพ่อฉันนอกลู่นอกทางรึเปล่า ฉันไล่คุณกลับไปนานแล้ว คุณมันไม่น่าไว้ใจ”
สีหน้าแววตาของเอมดุดันและจริงจังมาก
เคนพยายามจะลุกขึ้นมาหาอีก เอมคว้าแจกันดอกไม้บนโต๊ะแถวนั้นมาขู่
“และจนกว่าคุณพ่อจะกลับมา คุณอยู่ห่างๆ ฉันเลย ฉันโทร.ตามคุณพ่อมาเลยดีกว่า”
เอมยังไม่ทันที่จะหยิบมือถือมาโทร.หารอน เสียงมือถือเธอก็ดังขึ้น
รอนนั่นเองโทรหาเอมจากลานจอดรถผับ
“เอมเหรอลูก พ่อเห็นโทร.มาหลายที มีอะไรรึเปล่าลูก พอดีพ่อตระเวนส่งเพื่อนๆ แล้วก็แวะกินข้าวในตลาด เสียงดังมาก พ่อเงี๊ยปวดหูปวดหัวไปหมด”
เอมนิ่งฟัง หรี่ตาไม่ไว้ใจรอน
“เหรอคะคุณพ่อ งั้นขอเอมคุยกับเพื่อนคุณพ่อหน่อยได้มั้ยคะ”
เคนอึ้งที่เอมพยายามไล่ต้อนรอนให้จนมุม
เอมหรี่ตาสีหน้ามั่นใจว่า ต้องจับพิรุธพ่อได้แน่
ขณะที่เอมกับเคนลุ้นเยี่ยวเหนียวอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงชายสูงวัยดังผ่านโทรศัพท์ออกมา
“หนูเอมเหรอลูก ลุงขอโทษนะที่ทำให้พ่อกลับดึก พ่อเขามัวแต่ส่งเพื่อนๆ สูงวัยกันทั้งนั้น พอมืดค่ำแล้วก็กลับบ้านกันไม่ถูก”
เอมอึ้ง คาดไม่ถึง
“ไม่เป็นไรค่ะคุณลุง ขอเอมคุยกับคุณพ่อหน่อยค่ะ”
ที่ลานจอดรถผับ รอน แดน ป้อง อยู่กับ ลุงเก็บขยะแก่ๆ คนหนึ่ง โดยในมือลุงมีบทพูดที่รอนจดให้
“มีอะไรรึเปล่าเอม ตกลงโทร.จิกพ่อมีอะไร”
เอมเริ่มหน้าเสียที่ถูกรอนซักกลับบ้าง
“ไม่มีอะไรค่ะคุณพ่อ รีบกลับนะคะ”
เอมวางสายจากรอน เอมหันมาเจอเคนที่ยืนมองหน้าเอมอย่างผู้พ้นผิด
รอนจ่ายค่าจ้างให้ลุงเก็บขยะ แดนกับป้องมองรอนอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ว่ารอนจะมีเล่ห์เหลี่ยมแบบนี้
“กูว่าพ่อคุณเอมนี่ไม่ธรรมดาว่ะ” แดนอย่างทึ่ง
“ออกแนวอั้น พอมีโอกาสก็ปล่อยด้านมืดที่เก็บไว้เต็มที่” ป้องเห็นด้วย
รอนหันมาหาสองหนุ่ม
“ว่าอะไรนะ”
“กำลังชมคุณน้าครับ” แดนว่า
“ใช่ๆ ครับ แผนของคุณน้านี่สุดยอด” ป้องบอก
“รีบไปกันเร็ว เดี๋ยวยายเอมมันจะสงสัย”
รอนเดินนำไปที่รถ แดนกับป้องมองหน้ากันงงๆ ที่ตอนนี้รอนเป็นฝ่ายนำเกม
กอล์ฟจะเข้ามาในคอนโด แต่ติดที่ไม่มีคีย์การ์ด พอดีมีคนในคอนโดรูดคีย์การ์ดเข้าตึก กอล์ฟรีบแทรกตัวเข้ามาด้วย เจ้าหน้าที่ตรงฟร้อนต์เห็นกอล์ฟไม่คุ้นหน้า จึงเรียกไว้
“คุณครับ มาพบใครครับ”
กอล์ฟยื่นบัตรตำรวจให้ดู
“ผมเป็นตำรวจ คุณพาผมขึ้นไปที่ห้อง 360 เดี๋ยวนี้เลย”
“ครับๆ”
เจ้าหน้าที่รีบพากอล์ฟไปยังลิฟต์โดยเร็ว
กอล์ฟกับเจ้าหน้าที่มาที่หน้าห้องมิ้น กอล์ฟเคาะประตูอย่างร้อนใจ
“คุณมิ้น คุณมิ้นครับ”
เงียบกริบไม่มีเสียงตอบใดๆ จากมิ้น
เจ้าหน้าที่แปลกใจ “มีอะไรรึเปล่าครับคุณตำรวจ”
“ผมกำลังสงสัยว่า มีคนลอบเข้ามาทำร้ายคุณมิ้น”
“แต่ที่นี่เข้าออกด้วยคีย์การ์ด คนนอกเข้าไม่ได้หรอกครับ”
กอล์ฟตั้งสติคิด กอล์ฟโทร.หาลูกน้อง
“จ่า ขอกำลังเจ้าหน้าที่มาที่คอนโดสุภาวดี สุทธิสารด่วนนะ”
กอล์ฟวางสายแล้วหันไปสั่งเจ้าหน้าที่คอนโด
“เดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่นี่ คุณมีคีย์การ์ดหรือกุญแจสำรองที่จะเปิดห้องนี้ได้มั้ย”
“เดี๋ยวผมรีบลงไปเอามาครับ”
เจ้าหน้าที่ออกไป กอล์ฟยืนรอหน้าห้องมิ้นอย่างร้อนใจ
กอล์ฟคิดบางอย่างออก เขาเดินไปที่ห้องข้างๆ ห้องมิ้น เคาะประตูเรียก เจ้าของห้องเปิดประตูให้ กอล์ฟเอาบัตรประจำตัวให้ดู
“ผมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขออนุญาตเข้าไปในห้องคุณหน่อย”
เจ้าของห้องตกใจ รีบเปิดประตูให้กอล์ฟเข้าไป
กอล์ฟเดินเข้ามาในห้องในห้องข้างๆ ห้องมิ้น อย่างร้อนใจ หมวดหนุ่มมองไปที่ระเบียงด้วยสีหน้าครุ่นคิด
มิ้นถูกอัธจับมัดไว้กับโต๊ะ แถมใช้ผ้ามัดปากไว้ด้วย มิ้นมองอัธด้วยสายตาวาวโรจน์ทั้งโกรธทั้งกลัว
“อย่ามองผมแบบนั้นนะ เพราะคุณ มีมี่ถึงเปลี่ยนไป พอเขาเริ่มมีชื่อเสียง เขาก็จะทิ้งผม แล้วก็คุณใช่มั้ย ที่ห้ามมีมี่ติดต่อกับผม”
มิ้นพยายามจะเถียงแม้แต่โดนปิดปากไว้
“เอาอย่างงี้นะ ถ้าคุณยอมบอกว่ามีมี่อยู่ที่ไหน ผมจะปล่อยคุณ”
มิ้นมีท่าทีสงบลงพยักหน้ารับว่ายอมทำตามที่บอก ทันทีที่อัธเปิดผ้าปิดปากมิ้นก็ร้องตะโกนสุดเสียง
“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย”
อัธพุ่งเข้ามาจะเอาผ้าปิดปากมิ้นอีก แต่มิ้นดิ้น และใช้จังหวะที่อัธเข้ามาใกล้ ถีบเข้าที่เป้าอัธอย่างแรง อัธจุก เซไปมุมห้อง
“บอกแล้วไงว่ามีมีไม่ได้อยู่กับฉันแล้ว”
อัธโกรธจัดทะยานเข้ามาตบมิ้นจนหน้าหัน
“ตอแหล โทร.เรียกมีมี่มา ไม่งั้นคุณก็ตาย”
อัธดูโกรธถึงขีดสุด และดูคล้ายคนโรคจิตมากในตอนนี้
“ก็เพราะแกชอบใช้กำลังแบบนี้ไง มีมี่เขาถึงทนไม่ไหว จะเลิกกับแก”
“ก็เพราะคุณนั่นแหละที่พามีมี่เข้าวงการ จนเขาเปลี่ยนไป คุณต้องรับผิดชอบคุณมิ้น”
อัธเอามีดพกออกมา เดินเข้าหามิ้นอย่างประสงค์ร้าย มิ้นอึ้งทำอะไรไม่ถูก
แต่ก่อนที่อัธจะถึงตัวมิ้น กอล์ฟก็พุ่งเข้ามาชาร์จอัธไว้ได้ทัน
มิ้นตะลึง “คุณกอล์ฟ”
อัธเห็นกอล์ฟเข้ามาช่วยมิ้น ก็ยิ่งคลั่ง ฮึดสะบัดหลุดจากกอล์ฟ แล้วเข้าไปเอามีดจี้มิ้นไว้ กอล์ฟชะงัก ดูเชิง อัธแก้มัดมิ้น แล้วเอามิ้นมาเป็นตัวประกัน กอล์ฟพยายามเกลี้ยกล่อม
“คุณจะทำร้ายคุณมิ้นทำไม ทำแบบนี้ แฟนคุณยิ่งจะไม่มาหานะ”
“คุณอย่าเสือก ก็เพราะอีนี่ไง แฟนผมถึงทิ้ง ถึงไม่มาหาผม”
“คุณรักแฟนคุณมากมั้ย”
“มากสิ มากจนไม่อยากให้ใครแย่งไป ผมทนไม่ได้ ได้ยินมั้ย ผมทนไม่ได้ ทนไม่ได้ที่เขาจะเลิกกับผม”
“แล้ว ตอนที่เขาอยู่กับคุณ คุณดีกับเขารึเปล่า”
อัธอึ้งกับคำถามดังกล่าว กอล์ฟรู้ว่าตัวเองเริ่มมาถูกทาง
“คุณพลั้งมือไปทำร้ายเขาเหรอ”
“ใช่ ผม ผมคุมตัวเองไม่ได้”
“เสียใจใช่มั้ย”
“ใช่ผมเสียใจ มีมี่คงไม่ให้อภัยผมแล้ว”
“คุณรู้ใช่มั้ยว่า เราเป็นผู้ชาย ควรจะสุภาพ อ่อนโยนกับผู้หญิง”
คำถามของกอล์ฟเหมือนจี้ใจดำอัธจังๆ เขาปล่อยมือจากมิ้นเอามือจิกผมตัวเองเครียดจัด แต่อีกมือยังเอามีดจ่อมิ้นไว้ มิ้นเห็นแต่ยังไม่กล้าวิ่งหนีออกมา
“ผมรู้ ผมรู้ แต่ผมทำไม่ได้”
“ได้สิ ถ้าคุณอยากจะทำ คุณต้องสุภาพ อ่อนโยนกับผู้หญิงทุกคน ถ้าคุณอ่อนโอนกับทุกคนได้ คุณก็อ่อนโยนกับแฟนคุณได้”
อัธฟังกอล์ฟแล้วเริ่มจะอ่อนลง มองมิ้นอย่างรู้สึกผิด
“ถ้าคุณรักใครคุณต้องทะนุถนอม ดูแล ให้ความจริงใจกับเขา ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเขา ไม่ทำอะไรที่เป็นการทำร้ายทั้งร่างกาย และก็จิตใจของเขา”
มิ้นฟังที่กอล์ฟพูดแล้วยิ่งรู้สึกประทับใจกับความคิดของหมวดตี๋หล่อ
“ผมทำร้ายมีมี่ ผมซ้อมเขา ผมทุบตีเขา เขาเจ็บ เขาเกลียดผม แล้วเขาก็หนีผมไป”
“อยากขอโทษเขาใช่มั้ย”
“ครับ ผมอยากเจอมีมี่ อยากขอโทษเขา”
มิ้นสบช่องพูดแทรกขึ้นว่า “ฉันช่วยคุณได้นะ ฉันจะหาทางติดต่อมีมี่ ให้คุณได้เจอมีมี่ได้ขอโทษเขา ดีมั้ย”
อัธมีท่าทีอ่อนลง
มีเสียงรูดคีย์การ์ดเปิดห้องดังขึ้น อัธหันขวับไปมองเห็นว่าตำรวจ 2 คน เข้ามาพร้อมกับเจ้าหน้าที่คอนโด ก็คลั่งขึ้นมาอีก
“พวกคุณหลอกผม”
กอล์ฟตกใจทะยานเข้าไปดึงตัวมิ้นออกมาจากอัธโดยเร็ว
อัธตกใจจะเอามีดแทงมิ้นแต่กอล์ฟกระชากมิ้นจนพ้นทางไป กลายเป็นกอล์ฟถูกอัธแทงจังๆ เข้าที่ท้อง
กอล์ฟยังตั้งสติได้บิดมืออัธแย่งมีดมาได้ เจ้าหน้าที่และตำรวจเข้ารวบตัวอัธไว้ได้
“ปล่อยผม ผมจะไปหามีมี่ ปล่อยๆ”
“พาตัวไปที่โรงพักก่อน”
ตำรวจคุมตัวอัธออกไป มีเจ้าหน้าที่คอนโดตามไปด้วย
มิ้นเข้าไปดูกอล์ฟ แต่แทนที่จะห่วงตัวเอง กอล์ฟกลับเป็นห่วงมิ้น
“คุณมิ้น คุณเป็นไรรึเปล่า”
“ยังจะมาห่วงคนอื่นอีก”
กอล์ฟยิ้มดีใจที่มิ้นปลอดภัย
“ยังจะมายิ้มอีก ไม่เจ็บหรือไง”
“ผมดีใจที่คุณปลอดภัย”
มิ้นอึ้งไปซึ้งใจที่กอล์ฟเป็นห่วงเธอมากกว่าตัวเอง “รีบไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ”
มิ้นพยุงกอล์ฟออกไป
ฝ่ายเคนดูมองนาฬิกา ประเมินเวลาว่ารอนน่าจะใกล้กลับมาถึงแล้ว จึงลุกขึ้น
“คุณจะไปไหน”
“ผมจะกลับแล้ว พ่อคุณคงใกล้จะถึงแล้ว หมดหน้าที่ผมแล้ว”
“หน้าที่อะไรมิทราบ”
“ก็หน้าที่” เขาหยุดมองหน้าเอมซึ้งๆ “อยู่ดูแลเวลาที่คุณไม่มีใครไง”
เอมหมั่นไส้ “เน่า”
เคนแกล้งทำเป็นหน้าเสียที่ถูกต่อว่า จนเอมเริ่มรู้สึกผิด
“ผมกลับก่อนนะ”
เคนจะออกไป เอมเรียกไว้
“คุณเคน”
เคนหยุด ยิ้มในสีหน้าพอใจ คิดอยู่แล้วว่าเอมต้องเรียก
“พรุ่งนี้ฉันต้องไปเจอลูกค้าตอน 10 โมง เสร็จงานแล้ว เราไปหาคุณพ่อคุณกันนะ”
“ครับ แชร์โลเคชั่นมาแล้วกัน เดี๋ยวผมจะไปหา”
เคนลอบยิ้มพอใจแล้วออกไป เอมมองเคนอย่างรู้สึกผิด
เคนออกมาจากบ้านเอม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พอใจที่แผนการของตัวเองสำเร็จ
“ยังไงมึงก็ทำลายแผนการของกูไม่ได้หรอกไอ้กอล์ฟ ขอเยาะเย้ยซะหน่อย ซะหน่อย”
เคนโทร.หากอล์ฟ กะคุยข่ม
“ว่าไงไอ้กอล์ฟ ได้ข่าวว่ามึงพยายามจะขัดขวางปฏิบัติการของกู” พอฟังแล้วร้องลั่น “หา มึงถูกแทง ใจเย็นนะมึง มึงคอยนิ่งเลย เดี๋ยวกูไปหา อย่าขยับนะมึง เดี๋ยวเลือดพุ่ง กูจะรีบไปหามึงเดี๋ยวนี้เลย”
เคนบอกให้กอล์ฟใจเย็น แต่ตัวเองลนลาน เพราะเป็นห่วงเพื่อนมาก รีบออกรถทะยานไปอย่างรวดเร็ว
เคนห่วงเพื่อนมาก รีบเข้ามาหากอล์ฟที่แฟลต เห็นกอล์ฟนอนเอนอยู่ที่โซฟา
“มึงเป็นไงบ้าง นอนเลยมึง อย่านั่ง เลือดมันจะไหลจากที่สูงลงที่ต่ำมึงไม่เคยเรียนลูกเสือเหรอ”
เคนจะจับกอล์ฟให้นอน
“อะไรของมึง กูแค่โดนแทงถากๆ”
“เหรอ”
เคนจับตัวกอล์ฟหันไปหันมา จะดูแผล
“จะแหกเหงือกกูดูด้วยเลยมั้ย คือถ้ากูจะเจ็บก็เพราะมึงนี่แหละ”
“แล้วใครพามึงไปหาหมอ”
กอล์ฟอ้อมแอ้มบอก “คุณมิ้น”
เคนยิ้มรู้ทัน “อ๋อ มิน่า เจ็บแค่ไหนมึงก็ทนได้ แล้วคุณมิ้นไปไหน”
“กูให้กลับไปแล้ว ผู้หญิงผู้ชายจะให้มาอยู่สองต่อสองดึกๆ ดื่นๆ ได้ไงวะ”
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย กูก็เพิ่งไปอยู่กับคุณเอมมา”
เคนพูดจบหันมาเห็นกอล์ฟจ้องหน้าตนอยู่
“อะไรมึง”
“กูเจอคุณน้ารอนที่ผับกับไอ้แดน ไอ้ป้อง ฝีมือมึงใช่มั้ย มึงมีแผนอะไรกับคุณเอมอีก”
เคนมองถุงยาของกอล์ฟ คิดอะไรขึ้นมาได้
“กินยาดีกว่ามึง”
กอล์ฟยังมองเคนอย่างจับผิด ไม่ไว้ใจ
“ดูมึงมองเหมือนกูเป็นอาชญากร ถึงแผลมึงอาจจะไม่ลึก แต่มันก็ทำให้เป็นบาดทะยักได้ มึงอย่าประมาท กินยานอนพักเลยมึง”
เคนจัดแจงแกะยา หาน้ำให้เสร็จสรรพ กอล์ฟรับยามามองเคนอย่างไม่ไว้ใจ และ ยังไม่ยอมกิน
“อะไรมึง ยาไง หมอเป็นคนจ่าย มึงไม่ไว้ใจกูก็ไว้ใจหมอหน่อยมะ”
กอล์ฟเห็นเคนยืนยันหนักแน่นเลยยอมกินยา ไม่นานยาออกฤทธิ์กอล์ฟเริ่มรู้สึกง่วง แล้วก็ไหลตัวนอนไปกับโซฟา ง่วงจนลิ้นแข็งพูดไม่รู้เรื่อง
“มึงฟังกูนะ ถ้า....”
เคนรอฟัง
“มึงรักคุณเอมจริงๆ มึง...” กอล์ฟหาวหวอดๆ
“ลำบากมั้ยมึง ไว้ค่อยคุยกันก็ได้”
“มึง...ควรจะเลิก...กะล่อน แล้วก็รักษาคุณเอมไว้...ด้วย...ความจริงใจ”
พูดเท่านั้นกอล์ฟก็ผล็อยหลับไป
เคน มองถุงยาของกอล์ฟ แล้วหยิบแฝงยาแก้แพ้ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
“ยานี้หมอสั่ง แต่ยาแก้แพ้ล้มช้างนี่กูสั่งให้มึง คุณมิ้นเห็นมึงเป็นขนาดนี้ เขาต้องกลับมาเยี่ยมมึงอีก”
เคนใช้มือตบหน้ากอล์ฟเบาๆ ให้แน่ใจว่ากอล์ฟหลับจริง
“กูจำเป็นต้องวางยามึง ไม่งั้นมึงแรดออกไปทำงาน จะพลาดโอกาสถูกดูแล หลับรอเนียนๆ อยู่นี่นะเพื่อน”
เคนมองกอล์ฟอย่างมั่นใจในแผนการของตัวเอง แล้วออกไป กอล์ฟหลับลึกเพราะฤทธิ์ยา
มิ้นเดินคุยโทรศัพท์กับเอมมายังหน้าห้องกอล์ฟที่แฟลตตำรวจ
“แล้วคุณกอล์ฟเป็นอะไรมากรึเปล่า”
“หมอบอกว่าแผลไม่ลึกมากเท่าไหร่ เมื่อคืนพอมาส่งที่ห้องเสร็จก็ไล่ฉันกลับเลย ไม่ให้อยู่เฝ้า”
“เธอเองก็ต้องระวังตัวให้มากนะมิ้น”
“คงไม่มีอะไรแล้วละ มีมี่ก็ไม่ได้อยู่ในสังกัดฉันแล้ว จะว่าไป คุณกอล์ฟ ก็ต้องมาเดือนร้อนเพราะฉันแท้ๆ”
“มิ้น เสียงเธอเป็นห่วงคุณกอล์ฟมากเลยอ่ะ ดีอ่ะ”
“บ้า ดีอะไร ห่วงที่ไหน”
“ดีดิ ฉันอยากให้เธอดีกับคุณกอล์ฟบ้าง ฉันเชื่อว่าเขาไม่ได้กะล่อนเหมือนเพื่อนๆ เขาหรอก”
มิ้นฟังเอมพูด สีหน้ามิ้นบอกว่า เริ่มเห็นด้วยกับเอม
“ขอพูดอีกครั้ง และจะพูดอีกหลายๆ ครั้งจนกว่าเธอจะเกท ถ้าเธอคิดจะล้มนโยบายอยู่เป็นโสดตลอดชีวิต คุณกอล์ฟนี่แหละที่เธอควรจะพิจารณา แค่นี้นะฉันจะออกไปทำงานแล้ว”
มิ้นวางสายจากเอม เดินมาหยุดที่หน้าห้องกอล์ฟ ตัดสินใจอยู่นาน สุดท้ายก็เคาะประตู แต่ไม่มีเสียงตอบจากด้านใน
“คุณกอล์ฟ คุณกอล์ฟค่ะ”
เมื่อไม่มีเสียงตอบจากกอล์ฟ มิ้นลองบิดลูกบิดประตู พบว่าห้องไม่ได้ล็อค
มิ้นเปิดประตูเข้ามาในห้อง เห็นกอล์ฟนอนหลับอยู่ที่โซฟามีผ้าพันแผลพันที่ชายโครงอย่างรู้สึกผิด
เอมเดินถือกระเป๋าอุปกรณ์สำหรับวัดตัวลูกค้ามาที่หน้าร้านกาแฟ นึกถึงเรื่องที่คุยกับเคนไว้เมื่อคืน
“พรุ่งนี้ฉันต้องไปเจอลูกค้าตอน 10 โมง เสร็จงานแล้ว เราไปหาคุณพ่อคุณกันนะ”
“ครับ แชร์โลเคชั่นมาแล้วกัน เดี๋ยวผมจะไปหา”
เอมแชร์โลเคชั่นให้เคน ก่อนจะเดินเข้าไปในร้านกาแฟอย่างมุ่งมั่น
ตอนสายวันนี้เอมเปิดประตูร้านกาแฟเดินเข้ามา ส่องสายตามองหาลูกค้าที่นัดไว้ แต่แล้วก็ต้องชะงัก ตกใจนิดๆ เพราะคนที่รออยู่คือ พราว ชาช่า และแจ๊ด
“มาแล้วเหรอคะคุณเอม” แจ๊ดยิ้มทัก
เอมอึ้งคาดไม่ถึง
แจ๊ดสะใจเมื่อเห็นเอมอึ้ง เอานิ้วชี้ตัวเอง “ลูกค้าที่นัดไว้ไงคะ นัดไว้มาวัดตัวคุณพราวกับคุณชาช่า”
“เริ่มเลยมั้ยคะ รออะไร”
“ใช่ มารับจ้างเขาทำงาน ก็ให้มันเร็วหน่อย เวลาฉันเป็นเงินเป็นทอง”
พราวกับชาช่ามองเอมอย่างเชือดเฉือน เอมหายใจลึกๆ เตรียมรับศึก
กอล์ฟรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ได้ยินเสียงกุกกักมาจากทางครัว
“ไอ้เคนเหรอ แกเอายาอะไรให้ฉันกินวะ โคตรง่วงเลย”
กอล์ฟรู้สึกเหนียวตัว เลยถอดเสื้อออก
มิ้นเดินยกถ้วยซุปออกมาจากครัว เห็นกอล์ฟถอดเสื้อเห็นผิวขาวโอโม่ซิกซ์แพ็กแน่น มิ้นชะงัก กอล์ฟหันมาเห็นมิ้น ก็อึ้งไป
“คุณมิ้น” เขารีบคว้าเสื้อมาใส่คืนด้วยความเกรงใจ
“มิ้นคิดว่าคุณตื่นมาคงจะหิว”
“จริงๆ ไม่ต้องรบกวนคุณมิ้นก็ได้นะครับ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณเจ็บเพราะมิ้นนะคะ”
มิ้นเอาถ้วยซุปมาวางที่โต๊ะ ท่าทีเก้ๆ กังๆ อยากจะช่วยป้อนซุปให้แต่ก็ไม่กล้า
กอล์ฟมองถ้วยซุป แล้วมองมิ้นอย่างน้อยใจ ขณะที่มิ้นเองน้อยใจคิดว่ากอล์ฟไม่กล้ากิน เพราะเธอทำอาหารไม่เป็น
“ซุปนี้กินได้ค่ะ มิ้นซื้อมา ไม่ได้ทำเอง”
“ขอบคุณครับ”
กอล์ฟตักกินเอง มิ้นหน้าเสียแต่ก็ฟอร์มทำเป็นนิ่ง
กอล์ฟกินซุปของมิ้นเกือบหมด
“ถ้ามิ้นทำเอง รับรองคุณกินได้ไม่เยอะขนาดนี้แน่”
“ถ้าคุณมิ้นทำให้ยังไงผมก็กินครับ”
กอล์ฟพูดอย่างตรงไปตรงมา มิ้นยิ่งรู้สึกหวั่นไหวมากๆ
“คุณกอล์ฟท่าทางเพลียๆ นอนพักก่อนดีมั้ยคะ”
“ครับ คุณมิ้นจะได้ไปทำงาน”
กอล์ฟล้มตัวลงนอน คิดว่ามิ้นจะไปทำงาน
รอจนเห็นว่ากอล์ฟเหมือนหลับแล้ว มิ้นจึงเอามือมาแตะหน้าฝากกอล์ฟ ดูว่ามีไข้มั้ย
“ตัวร้อนเชียว”
มิ้นเดินไปเตรียมอ่างใส่น้ำมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัว แล้วเช็ดตัวให้กอล์ฟที่ยังนอนหลับอยู่
มิ้นเช็ดตัวเสร็จเอาอ่างใส่น้ำกับผ้าเช็ดตัวไปเก็บ กอล์ฟลืมตาขึ้นมามองมิ้นยิ้มดีใจ แล้วก็ค่อยๆหลับไป
กอล์ฟรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกที เขามองไปรอบๆ ไม่เห็นมิ้นอยู่แล้ว หมวดหนุ่มซิกซ์แพ็กแน่นหลับตาลงอย่างเศร้าๆ
อีกฟากหนึ่ง เคนมาตามที่เอมแชร์โลเคชั่นให้ เบื้องแรกจะเข้าไปหาเอมด้านในร้านแต่เกิดเปลี่ยนใจ
“ขอแอบดูเวลาสาวมั่นอย่างคุณทำงานหน่อยนะคุณเอม”
เคนย่องเข้าไปในร้านให้ไม่มีใครทันสังเกต ภาพที่เคนเห็นคือพราวกับชาช่ายืนกอดอก วางตัวอย่างเย่อหยิ่งมาดเจ้านายใส่เอม
“พระเจ้า สองคนนี้รวมตัวกันได้ไงวะ”
เคนมองเอมที่กำลังเตรียมอุปกรณ์อย่างเป็นห่วง
“คุณเอม”
เอมเริ่มวัดตัวให้พราวก่อน พราวจงใจพูดดังๆ ให้แขกในร้านได้ยิน
“เหนื่อยมั้ยทำงานใช้แรงงานแบบนี้”
คำพูดนั้นของพราวทำให้แขกในร้านหันมามองเอมทำงานเป็นตาเดียว
“ไม่ค่ะ ใช้แรงทำงาน ดีกว่าใช้ปากถากถางคนอื่น พูดมากๆ บางทีมันแสดงให้คนอื่นเห็นว่าไม่มีสมอง ดีแต่สั่ง ดีแต่ใช้อำนาจ” เอมมองหน้าพราวนิ่งๆ “ดูโรคจิตน่ะค่ะ”
พราวปรี๊ดหน้าเสียที่ถูกเอมตอกกลับแต่ต้องเก็บอาการ ชาช่าพยักพเยิดกับพราวเชิงบอกว่า ฉันเอง
“ชุดของฉันทำให้มันหรูๆ หน่อยได้มั้ย ฉันต้องใส่ไปเดินพรมแดง”
“จะพยายามนะคะ แต่บางคน ใส่แต่ของก๊อปของเลียนแบบ พอใส่เสื้อผ้าดีๆ” เอมมองหน้าชาช่านิ่งๆ “มันก็ดูปลอมหนะค่ะ”
ชาช่าหน้าเสีย
แจ๊ดกระซิบชาช่า “ถ้ารู้ว่าสู้ไม่ได้ อย่าฝืนนะ มันจะแหกถึงโบท็อกซ์”
“รู้แล้วน่าพี่แจ๊ด”
พราวส่งสัญญาณให้ชาช่าเชิงบอกว่าฉันเอง
“มีบริการหารองเท้าเข้ากับชุดให้ด้วยมั้ย”
“ถ้าลูกค้ารีเควส ก็จัดให้ได้ค่ะ จะได้คุมลุคให้ด้วย เพราะลูกค้าบางคน”
เอมมองพราวกับชาช่า
“รสนิยมแย่ เลือกอะไรเองก็พัง พวกชอบถมแบรนด์นึกว่าดูดีน่ะค่ะ บางทีถมหนัก ซะยังกับมาสคอต”
พราวกับชาช่ารู้ว่าเอมหลอกด่า
พราวไม่ยอมแพ้มองหน้าเอม “ฉันจำไม่ได้ว่าใส่รองเท้าเบอร์อะไร ปกติมีคนจัดให้ วัดไซส์เท้าให้หน่อยได้มั้ย”
พร้อมกับว่าพราวสะบัดรองเท้าออก แล้วยื่นเท้ามาข้างหน้า จ้องหน้าเอม เคนนึกโกรธแทนที่พราวทำกับเอมขนาดนี้ ชาช่าเห็นพราวเล่นงานเอม ก็เอาบ้าง
“ฉันด้วย” ชาช่ายื่นเท้าออกมาเช่นกัน
คนทั้งร้านมองพราวกับชาช่าเป็นตาเดียวกัน เอมหันมามองทั้งสองคนอย่างไม่กลัวเกรง แจ๊ดชักเห็นท่าไม่ดีรีบกระซิบชาช่า
“พอก่อนมะ พี่ว่านางกำลังจะจัดใหญ่มาเสิร์ฟให้”
ชาช่าไม่ฟัง “ไม่”
เอมไม่วัดเท้าให้ทั้งคู่ แต่เก็บอุปกรณ์ทั้งหมด
“อ้าวจะไปไหน” พราวหงุดหงิด
“กฎของแบรนด์เอมิกา ถ้าลูกค้าหยาบคาย มีความประพฤติต่ำทราม เราจะไม่ขายให้ค่ะ เพราะมันเสียอิมเมจแบรนด์ของเรา”
คนทั้งร้านมองมายังพราวกับชาช่าอย่างดูถูก
“จะแชร์ลงโซเชียลก็ได้นะคะว่าฉันไม่รับลูกค้า จะรอเข้าไปตอบค่ะว่าเพราะอะไร”
เอมจ้องหน้าสองสาวอย่างเอาจริง เก็บของแล้วเดินสวยเชิด ออกไปนิ่งๆ
คนทั้งร้านมองเอมอย่างชื่นชมที่จัดการสองสาวซะไปไม่เป็น
พราวกับชาช่าจะกรี๊ด แจ๊ดยกมือห้าม “หยุดค่ะ ถ้าเป็นพี่ พี่จะไม่กรี๊ด แค่นี้ก็หมามากแล้วค่ะ”
สองสาวไม่ฟังจะกรี๊ดให้ได้
“หยุดค่ะ” แจ๊ดเอามืออุดปากทั้งคู่ไว้
เอมเดินออกมาจากร้านด้วยหน้าตาเบิกบานที่เล่นงานพราวกับชาช่าได้ เคนยืนรออยู่หน้าร้าน
“เก่งอ่ะ 3 ต่อ 1 ยังกินคุณไม่ลง”
“ก็รู้ไว้ซะว่าคุณกำลังเล่นอยู่กับใคร ระวังตัวก็แล้วกัน”
“ผมชักจะกลัวคุณแล้วละ” เคนจ้องหน้าเอมจังๆ “กลัวจะตกหลุมรักคุณ”
“ไม่ต้องมารักฉันเลย โน่น ไปรักคุณพราวกับคุณชาช่าโน่น”
“ไม่รับปากนะว่าจะห้ามใจได้”
เคนมองเอมด้วยสายตาเจ้าชู้ จนเอมหวิวๆ รีบเปลี่ยนเรื่อง
“ฉันเสร็จธุระแล้ว คราวนี้ก็ธุระของคุณ ไปหาพ่อ คุณกัน”
เอมเดินนำไป เคนทำท่าลังเล เอมหันมาคว้าข้อมือลากเคนไป
จากมุมหนึ่งเจตน์ควงกับสาวสวยทรงสะบึมอี๋อ๋อเข้ามา พอเห็นเอมกับเคน เจตน์ก็สะบัดสาวที่มาด้วยทิ้งทันที เล่นเอาชะนีงง
“อะไรอ่ะคะพี่”
เจตน์ควักเงินให้สาว 1 ฟ่อน
“เอาเงินไปช็อปเล่นๆ ก่อน วันนี้พี่มีธุระ”
เจตน์พุ่งตามเคนกับเอมไปโดยเร็ว
เจียดเปิดประตูให้ เอมขับรถเข้ามาจอด เคนมองหน้าเอม
“ทำไมป๊อดเหรอ”
“กลัวที่ไหน”
เอมลงจากรถ เดินนำไป เจียดกับชูศรีเห็นเอมมากับเคนรีบเข้ามาหา
“สวัสดีค่ะคุณเอม”
เอมยังไม่ทันตอบกลับชูศรี เคนเดินตามมาทัน
“คุณเอมมากับคุณเคน ลักษณะวันนี้จะมีเหตุการณ์สำคัญ”
“ฉันจะมาหาพ่อคุณเคนน่ะจ๊ะ”
ระหว่างนี้เจตน์จอดรถรีบตามเข้ามา
“คุณเอมจะไปหาพ่อมัน.. เอ่อ พ่อไอ้คุณเคนทำไมครับ”
เอมกับเคนอึ้งที่เจตน์ตามมา
เคนมองเจตน์อย่างหงุดหงิด
“ไอ้เจียด ชูศรีฉันบอกแล้วใช่มั้ย ว่าช่วงนี้ฝนมันตก ระวังตัวเงินตัวทองมันจะเข้าบ้าน”
“บอกตอนไหนครับ” พอเห็นเคนหันมาดุเจียดก็รับมุกทันที “บอกก็ได้ครับ”
“ก็เอาไม้มาไล่มันออกไปสิวะ”
เจตน์ไม่พอใจ “นี่แกว่าฉันเป็นตัวเงินตัวทองเหรอ”
“พูดเองนะ”
ณรงค์กับเพ็ญได้ยินเสียงเจตน์โวยวาย จึงออกมาดู
“คุณเอมยังไม่ได้บอกเลยนะครับ ว่าจะไปคุยกับพ่อไอ้คุณเคนทำไม” เจตน์คิดเองเออเองแล้วก็โวยวายเองว่า “หรือว่าคุณเอมจะไปคบกับมัน ไม่ได้นะครับ คุณเอมไม่รู้ข่าวบ้างเหรอ ไอ้คุณเคนมันถูกตัดออกจากกองมรดกแล้ว”
“ตัดแล้ว ก็เอาเข้าใหม่ได้”
เจตน์โวย “เฮ้ย ได้ไงอะ ผมไม่เข้าใจ”
“จะเข้าใจได้ไง ก็มันเป็นเรื่องของคนในครอบครัวเขาจะคุยกัน”
คราวนี้เคนเป็นฝ่ายดึงมือเอมจะพาเข้าไปในบ้าน แต่เจตน์ดึงมืออีกข้างของเอมไว้
“แต่คุณเอมไม่ใช่คนในครอบครัว มะ คุณ”
“อ๊ะ ไอ้คุณเจตน์นี่พูดไม่รู้เรื่องเหรอครับ คนในครอบครัวเขาจะคุยกัน”
“คุณจะหลอกอะไรคุณเอมอีก ข้ามศพผมไปก่อน”
“ได้ งั้นคุณมึงนอนลงเลยครับ”
เอมรำคาญโพล่งขึ้น “หยุดทะเลาะกันได้แล้ว”
เคนกับเจตน์ยอมสงบลง เพ็ญเห็นท่าไม่ดีเลยเข้าไปไกล่เกลี่ย
“หยุดทะเลาะกันแล้วก็ไปทานอาหารกลางวันดีกว่าค่ะ จัดเสร็จพอดี นะคะหนูเอม ทานข้าวแล้วมีอะไรค่อยคุยกัน”
เอมกับเคนจะตามเพ็ญกับณรงค์เข้าบ้าน เจตน์ขยับจะตามด้วย เอมบอกขึ้นว่า
“คุณเจตน์คะ ฉันมีธุระจะต้องคุยกับคุณลุงณรงค์ คุณน้าเพ็ญ เข้าใจนะคะ”
“ครับผมเข้าใจ” เจตน์ยิ้มให้เอมอย่างว่าง่าย
บนโต๊ะอาการที่บ้านเคน
“ถึงมื้อนี้จะไม่อร่อยเหมือนบะหมี่ที่เราทานกันสองคน (หันไปมองหน้าเจตน์) เมื่อคืน แต่ก็ทานเยอะ นะครับคุณเอม
ณรงค์ เพ็ญมองหน้ากันยิ้มพอใจ ที่ได้ยินว่าเคนอยู่กับเอมเมื่อคืน
“ขอบคุณค่ะ” เอมยิ้มขอบคุณ
“นี่เมื่อคืนไอ้คุณเคนอยู่บ้านคุณเอมเหรอครับ”
เจตน์นั่งคั่นระหว่างเอมกับเคน
“ทำไมผมไม่เห็นได้อยู่กับคุณเอมสองคนตอนกลางคืนบ้าง”
“ไอ้คุณเจตน์ครับ ที่บอกว่าเข้าใจว่า คุณเอมมีธุระจะคุยกับพ่อผม แต่ว่าเสล่อมานั่งร่วมโต๊ะอาหารด้วยแบบนี้ ยังไม่พอ ยังจะโวยวายอะไรอีกครับ”
เจตน์หันไปอ้อน ขอความเห็นใจจากเอมิกา “คุณเอม”
“คือตอนที่คุณเจตน์ไป มันมีอาหารที่เหลือๆ จากมื้ออื่นอยู่เยอะน่ะค่ะ เลยไม่เคยทำให้กิน”
“ประทานโทษครับ นี่ผมกับนังชูศรีจัดอาหารให้คุณเจตน์ผิดรึเปล่าครับ ต๊ายแล้ว ของเหลือ ต้องเรียนเชิญหลังบ้านครับ”
“พี่เจียด คุณเจตน์ไม่ใช่กระรอก” ชูศรีทำเป็นเอ็ดเจียด
เจตน์ลืมตัวพูดออกมาซะเองว่า “หมา” แล้วหน้าเสียเพราะเสียฟอร์ม “ทานข้าวสิครับ ผมหิวแล้ว”
เจตน์มองอาหารบนโต๊ะ พบว่ามีพวกน้ำพริก ยำ อาหารรสจัดจ้าน ถึงกับหน้าเสีย เคนจับสังเกตอยู่ เลยรู้ว่าเจตน์คงจะไม่ชอบกินอาหารรสเผ็ด
“คุณเอมทานน้ำพริกนี่สิครับ แซบสะท้านโลกฝีมือชูศรีเขา” เคนว่า
“รับประกันความแซบค่ะ”
เคนมองหน้าเอม แล้วก็มองเจตน์ แล้วตักน้ำพริกข้ามหน้าเจตน์มาใส่ในจานเอม
เอมตักชิม “แซบสะท้านโลกจริงด้วย อร่อยมากเลยชูศรี คุณเจตน์ลองทานดูสิคะ”
“ผมตักให้”
เคนตักน้ำพริกให้เจตน์จนพูนช้อน แค่เห็นสีน้ำพริกเจตน์ก็เหงื่อแตกแล้ว
“ทำไมไม่ทานละครับ ไม่ชอบแซบๆ ก็ไม่ใช่คอเดียวกันกับคุณเอมสิครับ”
เอมยิ้มให้เจตน์เชิงชวนให้ลองชิมน้ำพริก เจตน์ขัดไม่ได้ ตักเข้าปากแล้วก็น้ำหูน้ำตาไหล ร้องโวยวาย
“คุณเอมมัน...” เจตน์จะบอกว่าเผ็ดมากแต่เอมชิงบอกว่า
“อร่อยมากใช่มั้ยคะ เอมตักให้อีกค่ะ ป้อนให้เลยดีกว่าค่ะ”
เอมไม่ได้ป้อนน้ำพริกให้เจตน์ธรรมดา แต่ใช้ทั้งช้อนกระซวกเข้าปากเจตน์เลย
เคนกับเอมผลัดกันตักอาหารรสจัดให้เจตน์ สุดท้ายพบว่าเจตน์ปากเบิร์น บวม แดง เพราะความเผ็ด ณรงค์กับเพ็ญมองแล้วอดขำไม่ได้
“ท่าทางคุณเจตน์จะเผ็ดนะครับ น่าสงสารจัง” เคนว่า
“แหม พูดเหมือนคุณเป็นคนมีเมตตาเลยนะครับ”
เคนหันไปเรียก “เจียด”
“เตรียมไว้ให้แล้วครับคุณเคน” เจียดเดินไปยกน้ำผลไม้เข้ามา “น้ำผลไม้แก้ปากเบิร์น เอ๊ยแก้เผ็ดครับคุณเจตน์”
เจตน์เห็นน้ำผลไม้รีบรับไปดื่มทันที เอมมองหน้าเคน แล้วมองที่แก้วน้ำผลไม้มั่นใจว่าเคนต้องใส่อะไรไว้แน่ เคนยิ้มเจ้าเล่ห์เพทุบายมาให้
สักพักเจตน์ก็หาว ชักจะง่วงนอน
“พอดีเมื่อเย็นผมเอายาแก้แพ้ล้มช้างให้ไอ้กอล์ฟกินแล้วมันเหลือก็เลย...”
ยังไม่ทันที่เคนจะพูดจบ เจตน์ก็ฟลุบลงกับโต๊ะ
“ไอ้เจียด ชูศรี ส่งแขกไปที่ชอบ ที่ชอบ”
เจียดกะชูศรี ประสานเสียงรับเอาคำว่า “ครับคุณเคน” / “ค่ะคุณเคน”
เจียดกับชูศรีช่วยหันหิ้วปีกเจตน์ออกไป เคนยิ้มสะใจ
เคนกับเอมอดหัวเราะขำไม่ได้ที่ได้แกล้งเจตน์
ณรงค์กับเพ็ญมองหน้ากัน ยิ้มให้กัน พอใจที่เคนกับเอมดูเข้ากันได้
พราวเดินอารมณ์เสียออกมาจากร้าน แล้วนึกอะไรได้บางอย่าง หยิบโทรศัพท์กดโทร.หาเคน
“เคนขา คืนนี้มาหาพราวที่ห้องหน่อยได้มั้ยอะค่ะ พราวคิดถึ๊งคิดถึงคุณค่ะ พราวจะรอนะคะ”
พราววางโทรศัพท์แล้วออกไป โดยไม่รู้ว่าชาช่ากับแจ๊ดแอบฟังอยู่มุมหนึ่ง ชาช่าแทบคลั่นจะกระโจนไปเอาเรื่องพราว ที่หักหลังแอบนัดเคน แต่แจ๊ดดึงไว้
“อย่ามาห้ามได้มั้ยพี่แจ๊ด ไม่เห็นเหรอว่ามันหักหลัง แอบนัดเคนไปกินที่คอนโด”
“หยุดโง่ 5 นาทีค่ะ ในเมื่อมันหักหลังเรา เราก็หักหลังมันบ้างสิคะ”
“ยังไงคะ”
“หยุดโง่ไม่ได้จริงๆ”
ชาช่าโกรธ “พี่แจ๊ด”
“ในเมื่อมันอยากกินคุณเคน เราก็จะส่งปฏิกูลไปให้มันกิน”
แจ๊ดยิ้มร้ายมีแผนชั่วในหัวแน่นวลล
เคนวางสายจากพราว เดินมารวมกลุ่มกับ เอม ณรงค์ เพ็ญ ที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะรับแขก เอมหรี่ตามองเคนอย่างจับผิด เคนยิ้มแหยๆ ให้
เจียดกับชูศรีผลไม้ กาแฟ และชามาให้เสิร์ฟเสร็จ เจียดกับชูศรีก็ยังนั่งเสนอหน้าไม่ยอมออกไป
ณรงค์กับเพ็ญมองหน้าเจียด เจียดเหมือนเข้าใจ เจียดเอานมตรามะลิหลอดบีบ วางในถาดให้ณรงค์
ณรงค์ยังมองหน้าเจียดอีก เจียดเข้าใจว่าณรงค์ให้บีบนมตรามะลิใส่กาแฟให้
“อ๋อ”
เจียดบีบนมตรามะลิแบบหลอดใส่แก้วกาแฟให้ณรงค์ ณรงค์เอากาแฟมาดื่มอย่างพอใจในรสชาติ ได้กาแฟที่พอใจแล้ว ณรงค์ก็หันไปมองหน้าเพ็ญ ให้จัดการกับเจียดและชูศรี
“เจียดค่ะ ชูศรีคะ ถ้าอยากรู้ขนาดนี้ มานั่งคุยด้วยกันเลยมั้ยคะ”
“ไม่เป็นไรครับคุณเพ็ญ เดี๋ยวผมกับนังชูศรีไปนั่งอยู่ห่างๆ ตามประสาคนรับใช้ดีกว่าครับ”
เจียดกับชูศรีไปนั่งห่างออกไป แต่ไม่มาก เพ็ญยังมองดุๆ มา
“ไม่กล้านั่งไกลมาก” เจียดบอก
“กลัวเจ้านายเรียกใช้แล้วจะไม่ได้ยินค่ะ” ชูศรีว่า
เพ็ญหันมามองเคนกับณรงค์ที่ยังนิ่งดูเชิงกัน เพ็ญมองหน้าณรงค์ส่งซิกให้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน
“แกมีอะไรก็ว่ามา”
“พ่อสิครับ มีอะไรก็ว่ามา”
“เอมขออนุญาตนะคะ แค่เริ่มก็ไม่น่าจะคุยกันรู้เรื่องแล้ว เรื่องที่คุณลุงตัดคุณเคนออกจากกองมรดก แล้วก็เรื่องที่คุณลุงจะให้คุณเคนไปทำงานที่โรงงานนมข้นหวาน”
ณรงค์มองหน้าเคนด้วยสายตาเชือดเฉือนไม่ยอมให้
“ฉันไปตัดออกจากกองมรดกตอนไหนมิทราบ ฉันรู้นะว่าเป็นแผนของแก”
เคนมองณรงค์ตอบอย่างดื้อรั้น
“แต่พ่อก็ยอม”
“ก็ถ้ามันจะทำให้ฉันได้หนูเอมมาเป็นสะใภ้ ฉันก็โอเค”
“พ่อลูกจะเอายังไงก็ว่ามา” เพ็ญแทรกขึ้น
เอมิกานั่งอยู่กลางวงโทรจิตของ เคน ณรงค์ และเพ็ญ
เสียงเจียดดังขึ้นว่า “สงสารคุณเอม จะรู้เรื่องกับเขามั้ยเนี่ย”
ตามด้วยเสียงชูศรี “นั่นสิ”
สรุปว่ามีเอมคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องด้วย
“คุณเคนยอมตกลงไปทำงานที่โรงงานของคุณลุงแล้วนะคะ”
ณรงค์กับเพ็ญหันไปมองหน้าเคน
“ถ้าคุณเอมยอมเป็นที่ปรึกษาให้ผม” เคนว่า
ณรงค์กับเพ็ญหันไปมองหน้าเอม
“ค่ะ แต่แค่ช่วงเริ่มต้นนะคะ เพราะเอมก็ต้องเข้าไปจัดการเรื่องเครื่องแบบพนักงานให้คุณลุง”
“กว่าจะยอม ต้องให้เดือดร้อนไปถึงหนูเอม” ณรงค์ติง
เพ็ญดุณรงค์หันมายิ้มให้เอมเชิงขอบคุณ “พี่ณรงค์คะ ขอบคุณมากนะหนูเอม ที่ช่วยสงบศึกให้”
“ค่ะคุณน้า”
เอมยิ้มสุขใจที่ได้ช่วยครอบครัวเคนให้เข้าใจกัน เคนมองเอมปลื้มลืมโลก
กอล์ฟอยู่ที่ห้องพักแฟลตตำรวจ แต่งตัวเสร็จเตรียมไปทำงาน มิ้นเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับอาหารเย็น
“อาหารเย็นค่ะคุณกอล์ฟ จะไปทำงานแล้วเหรอคะ หายไข้แล้วเหรอ”
“หะ...” กอล์ฟจะบอกว่าหายแล้ว แต่ยังไม่ทันตอบ มิ้นเอามือแตะหน้าผากตรวจไข้ กอล์ฟอึ้ง ทั้งคู่สบตากัน กอล์ฟจับมือมิ้นไว้ มิ้นอึ้งหนัก แต่กอล์ฟกลับดึงมือมิ้นออกจากหน้าผาก
“คุณมิ้นกำลังรู้สึกผิดที่ผมบาดเจ็บเพราะคุณใช่มั้ยครับ ตอนนี้ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว คุณมิ้นไม่ต้องเห็นห่วงหรอกครับผมขอตัวไปเข้าเวรก่อน”
กอล์ฟจะเดินออกห้องไป มิ้นทักขึ้น
“แต่เมื่อวานคุณยังดูอ่อนเพลียอยู่เลยนะคะ”
กอล์ฟหันกลับมาหา “เมื่อวาน ไอ้เคนมันเอายาแก้แพ้อย่างแรงให้ผมกินครับมันจะให้ผมใช้อาการป่วย เรียกร้องความสนใจจากคุณ”
มิ้นอึ้งที่กอล์ฟพูดออกมาตรงๆ
“แต่นั่นวิธีของมัน และผมก็คงจะแกล้งป่วยไม่ได้หรอกครับผมมีงานต้องทำ”
กอล์ฟเดินออกไปเลย มิ้นมองตามอย่างอึ้งๆ ในความตรงไปตรงมาของกอล์ฟ
สีหน้ามิ้นยามนี้แสดงออกชัดแจ้งว่ากำลังแพ้ทางกอล์ฟอย่างแรง
ตรงมุมทำงานในห้องนอน เอมกำลังเย็บเก็บทรงเสื้อคอลเล็คชั่นใหม่ที่สวมอยู่บนหุ่น เสียงมือถือดังขึ้น เป็นเคนโทร.มา เอมรับสาย
“โทร.มาทำไม ฉันจะนอนแล้ว”
“ผมรู้ว่าคุณยังทำงานอยู่”
เอมอมยิ้มที่เคนรู้ทัน
“ขอบคุณมากนะ ที่คุณช่วยผมทุกอย่าง”
“ฉันก็แค่กำจัดคุณออกไปจากบ้านเท่านั้นเอง”
“คุณมันปากไม่ตรงกับใจผมรู้ ห่วงผมก็บอกมาเถ๊อะ”
เอมเขินหนัก เคนรู้ทันอีกแล้ว
“คุณเขินอยู่ ผมรู้”
“บ้า ทำไมฉันต้องเขินคุณ”
“ก็คุณเริ่มมีใจกับผมแล้วไง ไม่งั้นคุณคงไม่ช่วยผมแกล้ง ไอ้...คุณเจตน์หรอก”
“เออจริงสิ เจียดกับชูศรีเอาคุณเจตน์ไปไว้ที่ไหน”
เคนเล่าว่า เจตน์หลับลึกถึงขั้นกรนสนั่น ไม่รู้ตัวว่าถูกเอามาทิ้งไว้ข้างกองขยะ และภาพดังกล่าวอยู่ในมือถือของเจียดเรียบร้อย
“ถ่ายไว้ทำไมที่เจียด” ชูศรีถาม
“ฉันจะไม่ยอมเห็นภาพนี้คนเดียว”
เจียดอัพภาพเจตน์ลงเฟซ พร้อมแคปชั่น “จุดจบสายเปร์ ถูกหลอกรูดทรัพย์ทิ้งกองขยะ”
เอมรู้เรื่องถึงกับหัวเราะคิกขำเจตน์ แต่ก็พยายามเก็บอาการ
“คุณก็ไม่น่าไปแกล้งเขาเลย”
“เหรอ ที่โต๊ะอาหารคุณเล่นไอ้คุณเจตน์หนักกว่าผมอีกเหอะคุณเอ๊ม”
เอมกับเคนต่างฝ่ายต่างหัวเราะมีความสุข
ระหว่างนี้ณรงค์กับเพ็ญแอบดูเคนคุยโทรศัพท์กับเอมอยู่
“นอกจากตอนที่พี่รินอยู่ ฉันไม่เคยเห็นตาเคนยิ้มหัวเราะมีความสุขแบบนี้เลยค่ะ” เพ็ญว่า
“มันมัวแต่วิ่งหาความสุขจอมปลอมอยู่ไงคุณเพ็ญ พอเจอของจริงเข้ามันก็ต้องมีความสุขเป็นธรรมดา เหมือนผมตอนนี้ไง”
ณรงค์มองเพ็ญตาหวาน
“ฉันไปนอนก่อนดีกว่าค่ะ อย่าไปหาเรื่องทะเลาะอะไรกับลูกอีกนะคะ”
เพ็ญตัดบทด้วยการกำชับสั่งเสียแล้วเดินออกไป ณรงค์หันไปมองเคนด้วยแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ยิ่งเห็นเคนมีความสุข สายตาของณรงค์เป็นประกายเจิดจ้า มีความสุขไปด้วย
พอวางสายจากเอม เคนก็หันมาเจอณรงค์ยืนมองจ้องอยู่
“หัวเราะไว้ตอนนี้ก็ดี เพราะพรุ่งนี้แกอาจหัวเราะไม่ออก”
“อะไรอีกเนี่ยพ่อ”
“บอกให้นะเว้ย คนเก่าคนแก่ของฉันที่โรงงาน สายแข็งทั้งนั้นนะเว้ยถ้าไม่แน่จริง เอาไม่อยู่หรอก”
“ก็ให้มันรู้ไป พ่ออย่าตุกติกก็แล้วกัน”
พ่อลูกมองหน้ากันอย่างท้าทายครู่หนึ่งก่อนที่เคนเดินออกไป
“แล้วแกจะออกไปไหน”
“ออกไปร่อน ตามประสาคนหนุ่ม ทำเป็นไม่ชินนะพ่อ”
ณรงค์มองตามอย่างเอือมๆ
“ก็ได้ ฉันจะปล่อยแกสนุกวันนึง เพราะต่อไป แกอาจจะสนุกไม่ออก”
เจตน์เริ่มรู้สึกตัวตื่น มองไปรอบๆ พบว่าตัวเองนอนอยู่ข้างกองขยะก็ตกใจและแค้นใจ
“ไอ้เคน มึงเล่นกูซะแล้ว”
เสียงไลน์ที่มือถือเจตน์เข้า เห็นข้อความของชาช่า ว่า “นัดประชุมทีมด่วน”
เจตน์อ่านไลน์แล้วมองสภาพตัวเอง
“แล้วมานัดอะไรตอนนี้วะ”
เจตน์รีบลุกออกไปจากกองขยะ
ที่คอนโดของพราว สาวไฮโซแต่งตัวสุดเซ็กซี่จัดบรรยากาศในห้องสุดแสนโรแมนติก พราวเอามือถือเซลฟี่ตัวเองในท่วงท่าแสนเซ็กซี่ ส่งไลน์ให้เคน
ในรถที่แล่นมาตามทาง เคนเปิดดูไลน์จากพราว เห็นเป็นรูปสุดยั่วยวนที่สางมา พร้อมข้อความว่า “รออยู่นะคะ”
เคนยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วปิดไลน์ขับรถทะยานออกไป
พราวดับไฟทั้งห้องเหลือแต่แสงสลัวจากเทียนสร้างความโรแมนติก แทบจะมองเห็นหน้าไม่ชัด
“พราวรู้ว่ายิ่งมืด คุณยิ่งชอบ”
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น พราวยิ้มหรี่ตาสมใจ แววตาหื่นกระหายทีท่าโหยหิวผู้ชายมาก
อ่านต่อ ตอนที่ 15
#พ่อปลาไหล #thaich8 #โชคดีมีสุข #ฟิล์มยีน #ยีนฟิล์ม #ทีมพ่อปลาไหล #ทีมเอม #lakornonlinefan #ละครออนไลน์ #ลมหายใจคือละคร