พ่อปลาไหล ตอนที่ 7
บทประพันธ์ : กนกเรขา บทโทรทัศน์ : ปัทมา และ จอมใจ
เอม เนื้ออ่อน และรอน ยืนแอบดูเจตน์กับเคนคุยกันผ่านทางหน้าต่างบ้าน เห็นเจตน์พับแขนเสื้อนั่งทาสีรั้วอย่างขยันขันแข็ง ส่วนเคนนั่งกระดิกเท้าเล่นมือถือย่างสบายอารมณ์
เนื้ออ่อนตกใจและโมโหกว่าใคร “ไหนว่าจะไปเร่งให้งานเสร็จเร็วๆ ทำไมไปทาสีแทนนายเคนซะงั้น”
รอนกลับชอบใจ “เจ้าคนนายคนต้องมีจิตวิทยาขั้นสูงถึงจะพูดให้คนอื่นทำงานให้ได้ แต่นี่คุยกันไม่กี่นาทีผู้บริหารกลับต้องลงมือทำงานกรรมกรซะเอง ผมว่าคนที่มีจิตวิทยาเจ้าคนนายคนน่าจะเป็นนายเคนมากกว่า”
“ได้พรจากปีศาจมารึไง พูดอะไรใครก็เชื่อ” เอมเหน็บด้วยความหมั่นไส้
“คุณเจตน์เป็นแขกพิเศษของครอบครัวเรา แม่ยอมให้คนชั้นต่ำหลอกใช้เค้าถึงในบ้านไม่ได้”
เนื้ออ่อนเดินออกไปอย่างไม่พอใจ เอม กะรอนรีบตาม
เจตน์ทาสีไปคุยกับเคนไป
“จีบคุณเอมแข่งกับผม แต่เปิดโอกาสให้ผมทำดีโชว์คุณเอม ไม่กลัวเสียคะแนนเหรอ”
“ผมไม่เชื่อเรื่องทำดีเอาคะแนน อยู่ด้วยแล้วมีความสุขต่างหาก ที่จะทำให้ผู้หญิงรักคุณ”
“ไม่มีความดีก็อยู่กันไม่มีความสุขหรอก” เจตน์ว่า
“ถ้าเข้าใจกันยังไงก็มี เอาเป็นว่า คุณกับผมเชื่อคนละอย่าง ผมทำวิธีผม คุณทำวิธีคุณ ที่เหลือขึ้นอยู่กับคุณเอมว่าจะเลือกใคร”
เนื้ออ่อน เอม รอน เดินเป็นขบวนออกมาเคนหันไปเห็น
“มากันแล้ว”
เจตน์ทำเป็นเหนื่อย ปาดเหงื่ออย่างที่คิดว่าเท่ เนื้ออ่อนรีบไปจับแขนเจตน์ไม่ให้ทำ
“พอค่ะ ไม่ต้องทำ” จากนั้นก็หันมาเฉ่งเคน “กล้าดียังไงถึงหลอกใช้คุณเจตน์”
“ผมอาสาเองครับ”
เอม เนื้ออ่อน รอน มองฉงน แปลกใจ
“คุณเคนทำช้าไม่ทันใจ ผมเลยขอทำเอง งานเสร็จเร็วผมจะได้พาคุณเอมออกไปเที่ยวน่ะครับ”
“เคลียร์แล้วนะครับคุณนาย” เคนว่า
“ไม่ต้องรอให้งานเสร็จหรอกค่ะ พายัยเอมออกไปได้เลย”
เอมตกใจมองเนื้ออ่อนเชิงถาม
“แม่จะคุมงานให้เอง”
“ไม่ต้องคุมแล้วครับ คุณสุภาพบุรุษท่านนี้ทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เชิญคุณนายตรวจรับงานครับ” เคนบอก
“ฝีมือคุณเจตน์ไม่ต้องตรวจก็รู้ว่าดี งานเสร็จแล้วนายก็ออกจากบ้านฉันไปได้แล้ว”
“นี่แหละครับที่สุดของความต้องการตอนนี้” เคนหันไปหาเอมพูดกวนประสาทเล่น “คุณเจตน์เป็นคนดี มีน้ำใจมากๆๆๆเลยนะครับ จับโจรก็ได้ งานช่างก็เด่น แฟนคุณเจ๋งจริงๆ”
“บอกตั้งหลายครั้งแล้วว่าเค้าไม่ใช่แฟนฉัน”
“ทำให้ใช่สิครับ จะได้ไม่พลาดคนดีๆ”
เจตน์ยิ้มแฉ่ง เนื้ออ่อนยิ้มพอใจ รอนมองสงสารลูกสาว
“ไม่ต้องมายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉัน” เอมโมโห
“ก็ด้ะ ขอบคุณนะครับที่ทำแผลให้” เขาไหว้ลารอนและเนื้ออ่อน “ลานะครับ”
เคนเดินออกไป เอมมองตามด้วยความหมั่นไส้
ทางฝ่ายสมบูรณ์ด่าทอต่อว่าชั้นด้วยความโมโหอยู่ที่หลังบ้าน
“คิดว่าตัวเองเจ๋งมากสินะที่ทำร้ายคนอื่นได้ สูงใหญ่กล้ามแน่นอย่างพี่เคนถ้าเค้าสู้ พี่หมอบคามือเค้าไปแล้ว แต่ที่เค้าไม่ทำเพราะเค้ามีสติปัญญาไม่ใช้กำลังแก้ปัญหาเหมือนอันธพาลอย่างพี่”
“เลิกโกรธพี่ซะทีเถอะน่า พี่ทำไปเพื่อปกป้องสมบูรณ์นะ” ชั้นง้อ
สมบูรณ์แหวใส่อีก “ไม่ต้องปกป้อง บางทีฉันก็อยากโดนคนหล่อหรูดูดีทำร้ายให้ชีวิตมีรสชาติบ้าง”
“นังโรคจิต อยู่ดีไม่ว่าดี อยากเจ็บปวด แต่แม่ก็คือแม่ยอมให้ลูกโดนหลอกไม่ได้”
ฉวีทนฟังไม่ไหวถลาเข้าไปหยิบมือถือจากกระเป๋ากางเกงสมบูรณ์
สมบูรณ์พยายามแย่งคืน “เอาคืนมา”
“ดูก่อนว่าแกคุยอะไรกับไอ้เคนบ้าง”
สมบูรณ์จะเข้ามาแย่ง ฉวีโยนมือถือให้ชั้น
“เปิดอ่านซิ”
ชั้นเปิดอ่านข้อความไลน์ที่สมบูรณ์คุยกับเคน
“กินข้าวรึยังจ๊ะ ทำงานเสร็จแล้วคุยกันบ้างนะคิดถึง ฝันดีนะจุ๊บๆ”
สมบูรณ์นั่งหน้างอ ฉวีฟังอย่างตั้งใจ
ชั้นอ่านต่อ “กินข้าวรึยังจ๊ะ ทำงานเสร็จแล้วคุยกันบ้างนะคิดถึง ฝันดีนะจุ๊บๆ...กินข้าวรึยังจ๊ะ ทำงานเสร็จแล้วคุยกันบ้างนะคิดถึง ฝันดีนะจุ๊บๆ” ชั้นชักงง “มีแต่ข้อความซ้ำๆ ที่สมบูรณ์ส่งให้มัน”
“บอกว่าคิดถึงทุกวันๆ คิดบ้างมั้ยว่าผู้ชายเค้าจะดูถูก” ฉวีด่า
“คิดอย่างนั้นคงไม่ส่งหรอกแม่ แล้วพี่เคนก็ไม่เคยดูถูกฉันเลยแทบไม่ตอบอะไรด้วยซ้ำ”
ชั้นเลื่อนดูจนเจอบางอย่างร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“เจอที่มันตอบแล้ว...คุณเอมชอบดอกไม้อะไร...ถามทำไมจ๊ะ...ผ่านไปแถวนั้นจะได้ซื้อไปฝาก เอาใจเค้า เค้าจะได้เลิกกล่าวหาว่าพี่หลอกน้องสมบูรณ์...ดอกลิลลี่จ้ะ” ชั้นเงยหน้ามาบอกฉวีงงๆ “ข้อความมันมีแค่นี้เอง ทำไมมันบอกว่าคุยกับสมบูรณ์เช้าสายบ่ายเย็น”
“ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน” สมบูรณ์ฉกมือถือคืน “ฉันไปถามเค้าก่อนนะ”
สมบูรณ์จะวิ่งไป ฉวีจับไว้ทัน “ไม่ต้อง” บอกชั้นว่า “มันคงโกหกยั่วโมโหแก”
ฉวีตำหนิลูกสาวหน้าตาซีเรียส “ไม่เชื่อฉันก็เชื่อคุณเอมบ้าง เค้าสั่งไม่ให้แกยุ่งกับมัน ขัดคำสั่งนาย เดี๋ยวได้โดนไล่ออก ไปช่วยงานในครัวเลย”
สมบูรณ์งอนแม่ เดินสะบัดสะบิ้งเข้าครัวไป ฉวี กะชั้น มองสมบูรณ์อย่างหนักใจ
เอมกับเจตน์เดินเข้ามาตรงจุดขายตั๋วโรงหนังในห้างดัง
“ช่วงนี้มีหนังสนุกๆ น่าดูหลายเรื่องเลยครับ แต่ถ้าคุณไม่ถูกใจจะบินไปดูละครเวทีที่อังกฤษก็ได้นะ ผมจะพาไปเดี๋ยวนี้เลย ผมทำได้ทุกอย่างเพื่อความสุขของคุณ”
เอมเซ็งไม่หาย “ฉันงานยุ่งไม่มีเวลาไปหาความสุขถึงอังกฤษหรอกค่ะ คุณอยากดูเรื่องไหนไปเลือกเลย นาตาลีมาทำงานที่นี่ มิ้นกำลังมา พวกเค้ามีธุระจะคุยกับฉันพอดี เลือกรอบได้แล้วไลน์บอกเวลาละกัน ฉันจะมาดูด้วย”
“คุณไปเลือกก่อนดีกว่าครับ ผมกลัวเลือกไม่ถูกใจ”
“ถูกใจหรือไม่ถูกใจฉันก็ต้องดูกับคุณอยู่ดี” เอมว่า
“แต่ผมอยากไปกับคุณ ไม่ได้เจอเพื่อนๆ คุณนานแล้ว”
“ไปเจอ พวกเค้าก็ไม่มีเวลาคุยกับคุณ วันหลังละกัน”
“โอเค ไม่ขัดใจตามใจทุกอย่างครับ”
เอมเซ็งเหลือเกินเดินออกไป เจตน์มองโปรแกรมหนัง ยิ้มมีแผน
ฝ่ายนาตาลีแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จแล้ว นั่งอ่านสคริปต์อยู่ในห้องแต่งตัวงานวันนี้ แต่ไม่มีสมาธิเอาเลย คอยมองไปที่ประตูอย่างร้อนใจ
สักครู่จึงเห็นมิ้นยิ้มหน้าบานเข้ามา “มาแล้วจ้า”
“สมหวัง ยิ้มแร็งมาเลย”
“ก็ต้องงั้นอยู่แล้ว”
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เอมเปิดประตูเข้ามา
“ฮัลโหล ยินดีด้วยสำหรับนายแบบใหม่ในสังกัด”
“ขอบพระคุณค่ะ” มิ้นยิ้มแป้นกับเอม แล้วบอกนาตาลีว่า “พร้อมหน้าแล้วว่าเรื่องร้อนที่อยากเมาท์มอยมาเลยค่ะคู้ณณณณ”
สามสาวนั่งเมาท์มอยกันอยู่ในห้องแต่งตัว
มิ้นตกใจมากเมื่อได้ฟัง “นายเคน เป็นลูกคุณลุงณรงค์”
เอมก็ไม่เชื่อ “รู้มาจากไหน”
“ชาช่า”
“ฟันธงเลยว่าไม่จริง แหล่งข่าวเชื่อถือไม่ได้” มิ้นว่า
“เชื่อถือไม่ได้ตรงไหน ชาช่าคบกับนายเคน ยังไงก็ต้องรู้จักครอบครัวนายเคนบ้าง” นาตาลีท้วง
เอมนิ่งคิด “โกหกเป็นไฟอย่างนายนั่นจะปั้นเรื่องหลอกใครยังไงก็ได้ ฉันว่าเค้าเอาโปรไฟล์คุณกอล์ฟมาอ้าง คุณพราวกับคุณช่าจะได้ยอมคบด้วย”
“เห็นด้วย ถ้าคุณกอล์ฟไม่ใช่ลูกคุณลุงณรงค์ วันนี้ตอนพูดถึงครอบครัวเค้า เค้าคงบอกฉันแล้ว” มิ้นบอก
“ไปเจอเค้าที่โรงพักตั้งหลายครั้งเห็นป้ายชื่อนามสกุลเค้ามั้ย เค้านามสกุลเดียวกับคุณลุงณรงค์รึเปล่า” นาตาลีถาม
“ไม่เคยสังเกต เดี๋ยวนะ” มิ้นหยิบสัญญาออกมาดูลายเซ็น “เซ็นซะอ่านไม่ออก”
“เซ็นสัญญาต้องแนบบัตรประชาชน เค้าเป็นข้าราชการก็ต้องมีบัตรข้าราชการ สำเนาคุณกอล์ฟล่ะ” เอมถาม
“ไปเซ็นกันที่สนามยิงปืนเค้าบอกลืมเอามา แต่บอกว่าจะถ่ายรูปส่งไลน์มาให้”
นาตาลีเร่ง “ทวงเลย”
ที่ออฟฟิศของเคน เขาโวยวายอย่างไม่พอใจ เมื่อรู้ว่ากอล์ฟเซ็นสัญญากับมิ้นแล้ว
“เซ็งเป็ด เซ็งไก่ เซ็งห่าน บอกว่าจะเชื่อฟังกู แต่พอเจอหน้าคุณมิ้นก็ใจอ่อน ไปเซ็นสัญญากับเค้าง่ายๆ”
แดนด่าผสมโรง “แล้วคุณมิ้นจะเห็นมึงเป็นของแพงได้ยังไง”
ป้องเอาด้วย “ผมไม่ได้ว่านะพี่ พี่ไม่ได้เรื่องเลยว่ะ”
กอล์ฟเซ็ง “เออ กูไม่ได้เรื่องเองที่ท้าคู่ต่อสู้แบบไม่ได้ดูแบ็คกราวน์ กูคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเค้าจะยิงปืนแม่นระดับทีมชาติ”
“นี่มึงยิงปืนแพ้คุณมิ้น เลยต้องยอมเซ็นสัญญากับเค้าเหรอ” เคนแปลกใจ
“เออ แต่เรื่องกูน่ะเอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้มีเรื่องใหญ่กว่า คุณมิ้นคิดว่ากูเป็นลูกคุณลุง”
“ถ้าคุณมิ้นคิดงั้น คนในแก๊งก็ต้องคิดกันหมด รวมไปถึงพ่อแม่คุณเอมด้วย” เคนยิ้มร่าดีใจฝุดๆ “ขอบคุณสวรรค์ที่เข้าข้างผม”
“แต่ไม่เข้าข้างกู ตอนเซ็นสัญญากูแกล้งเซ็นชื่อนามสกุลให้อ่านไม่ออก แล้วก็โกหกว่าลืมเอาบัตรไป นี่เค้าไลน์มาทวงแล้ว ถ้าส่งไปเค้าต้องรู้ว่ากูไม่ได้นามสกุลเดียวกับคุณลุง แล้วก็ต้องโกรธที่กูไม่บอกความจริงแล้วคงไม่มองหน้ากูอีกเลย”
เคนดึงกอล์ฟมากอดอย่างซาบซึ้งใจ กอล์ฟสยองดิ้นหนี
“ขอบใจที่ยอมผิดศีลเพื่อกู อย่าวิตกจริตไปเลยเพื่อนเดี๋ยวกูจัดให้เอง”
ทุกคนมองเคนด้วยความแปลกใจ
เครื่องปริ้นต์ในออฟฟิศกำลังปริ้นต์บัตรข้าราชการของกอล์ฟออกมา
“แค่นี้มึงก็นามสกุลเดียวกับพ่อกูแล้ว”
“ปลอมแปลงเอกสารผิดกฎหมายนะมึง” กอล์ฟปราม
“ผิดตั้งแต่ที่มึงรู้ว่าเค้าเข้าใจว่ามึงเป็นกู แต่ยังสาระแนเซ็นสัญญากับเค้าแล้ว” เคนด่า
“แค่ส่งให้คุณมิ้นไม่ได้เอาไปหลอกใคร ไม่เป็นไรหรอกน่า” แดนปลอบใจกอล์ฟ
“เวลาเค้าจะจ่ายค่าจ้างก็ให้จ่ายในนามบริษัท จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องชื่อเจ้าของบัญชี” ป้องว่า
“ถ้ามีใครรู้ว่าเจ้าหน้าที่ทำผิดกฎหมายซะเอง กูต้องโดนไล่ออกแน่ๆ” กอล์ฟบ่น
“ถ่ายรูปส่งให้เค้า แล้วบัตรก็เก็บเข้าลิ้นชักไว้ที่นี่ ไม่มีใครรู้หรอก” แดนบอก
กอล์ฟกังวลไม่หาย “แต่วันนึงพวกเค้าก็ต้องรู้ความจริง”
เคนยิ้มกริ่ม “กว่าจะถึงวันนั้น คุณมิ้นก็ตกหลุมรักจนยอมให้อภัยมึงทุกอย่าง...มึงกับกูมาไกลเกินกว่าจะกลับลำแล้ว ทางเดียวที่ทำได้คือเดินหน้าต่อ”
กอล์ฟมองเคนด้วยสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
สามสาวรุมกันดูรูปบัตรที่กอล์ฟส่งมาทางไลน์มิ้น
“นามสกุลเดียวกับคุณลุงณรงค์ คุณกอล์ฟเป็นลูกคุณลุง” เอมว่า
“ถ้านายเคนสวมโปรไฟล์คุณกอล์ฟ แล้วทำไมคุณกอล์ฟถึงยอม” นาตาลีคาใจไม่หาย
“อาจจะหลอกคุณกอล์ฟด้วยก็ได้” เอมบอก
“ชาช่าเป็นพรีเซนเตอร์ให้ คุณพราวก็ทำธุรกิจกับคุณลุง ถ้านายเคนอ้างตัวว่าเป็นลูกคุณลุง ยังไงชาช่ากับคุณพราวก็ต้องรู้ว่าไม่ใช่” นาตาลีท้วงอีก
“นายเคนคารมดีจะตาย วันนี้ยังหลอกล่อจนคุณเจตน์ยอมซ่อมรั้วบ้านแทน นายนั่นอาจจะหลอกคนที่อยู่รอบตัวหมดทุกคนเลยก็ได้” เอมิกาบอก
“พวก 18 มง เวลาสร้างสตอรี่เค้าไม่ได้หลอกแค่คนๆ เดียวนะจ๊ะ หลอกคนทั้งโลก” มิ้นว่า
นาตาลีอึ้งไป
“ฉันจะให้คุณแม่พาไปหาคุณลุงณรงค์กับน้าเพ็ญ ฉันจะเปิดโปงให้หมดว่านายเคนแอบอ้างเป็นลูกหลานเค้า ทุกคนจะได้เห็นธาตุแท้นายเคนซะที”
มิ้นเสริมว่า “ถ้าโดนนายเคนหลอกจริงๆ พวกเค้าอาจจะไม่เชื่อคำพูดเธอง่ายๆ พูดไป เธออาจจะถูกเข้าใจผิดแล้วโดนโกรธก็ได้”
“งานนี้ต้องมีหลักฐาน” นาตาลีว่า
มิ้นพยักหน้าเห็นด้วย
ชาช่านั่งอยู่ที่โซฟามุมรับแขกในคอนโด แจ๊ดเอากล้องเล็กๆ ติดไว้ในหนังสือที่เจาะรูแล้วไปวางบนชั้นมุมหนึ่งของห้อง
ชาช่าดูภาพในมือถือบอกว่า “ซ้ายนิดนึง”
แจ๊ดขยับหนังสือ
“หยู้ดดดด หยุดตรงนั้นเลย ชัดแจ๋ว” ชาช่าล้มตัวลงนอนบนโซฟาอย่างอิ่มเอม “เห็นจะๆ ทุกมุม”
แจ๊ดมานั่งข้างชาช่าดูภาพในมือถือ
“เริด มีภาพหลุดคุณเคนก็ดิ้นไม่หลุด ยังไงก็ต้องแต่งกับขุ่นน้อง”
“ฉันเสียงานแต่มันเสียคุณเคน งานนี้นังพราวมีกรี๊ดโลกแตก”
ชาช่ากะแจ๊ด หัวเราะให้กันด้วยความสะใจ
ฝั่งพราวเปิดประตูเข้ามาอย่างหงุดหงิดแล้วชะงักเมื่อเห็นกุหลาบแดงเต็มห้อง เคนยืนหันหลังเท่ๆชมวิว ได้ยินเสียงเปิดประตูก็หันมาเห็นพราวยิ้มหวานให้
พราวเห็นเคนก็ยิ้มมีความสุข เคนจูงพราวมานั่งโซฟา มีชุดน้ำชาสวยหรูวางอยู่
“เจอปัญหาใหญ่ ต้องตอบคำถามบอร์ดคุณคงเครียดมาก ผมเปลี่ยนห้องทำงานคุณให้เป็นสวนดอกไม้ หวังว่าจะช่วยให้คุณหายเครียดได้บ้างนะครับ”
“ช่วยได้เยอะเลยค่ะ”
เคนเทชากุหลาบที่เตรียมไว้ ให้พราว
“ชากุหลาบที่คุณชอบ”
พราวรับแก้วชามองเคนอย่างซึ้งใจ
“ถ้าไม่มีคุณคอยให้กำลังใจพราวคงเครียดกว่านี้”
“ผมช่วยได้แค่แก้ปัญหาปลายเหตุคือทำให้คุณเครียดน้อยลง แก้ที่ต้นเหตุสิครับแล้วคุณจะได้ไม่ต้องเครียดอีก”
พราวหน้าตึง ไม่พอใจขึ้นมาอีก “จะให้พราวยกโทษให้คนที่ทำร้ายพราวเหรอคะ”
“ทำร้ายกันไม่จบไม่สิ้นคุณก็ไม่มีวันมีความสุข”
“มันให้คนมาปาระเบิดใส่ห้างพราวนะคะไม่เห็นรึไงว่ามันร้ายกาจแค่ไหน ทำไมมาบอกให้พราวเป็นฝ่ายหยุดทำไมไม่ไปบอกมัน”
“บางทีอาจจะไม่ใช่ฝีมือเค้า คู่แข่งทางธุรกิจของคุณอาจจะฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ให้คุณเข้าใจผิดก็ได้”
“คุณเข้าข้างมันเหรอ”
“เข้าข้างเค้าคงไม่มาหาคุณ”
พราวงอนไม่หาย
“ที่ผมพูดเพราะอยากให้คุณคิดหลายๆมุม แต่ก็แล้วแต่คุณนะครับ ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจยังไงไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ” พูดถึงตอนนี้เคนสวมกอดพราว “ไม่อารมณ์เสียนะครับ”
พราวมองเคนงอนๆ ก่อนจะยิ้มอย่างผู้ชนะ เคนครุ่นคิดบางอย่างวางแผนหาทางช่วยชาช่า
ป๊อปคอร์นเอย น้ำดื่ม และน้ำอัดลม วางเต็มโต๊ะ เจตน์นั่งรออยู่ จนเอมเดินมาหามองของกินบนโต๊ะอย่างเซ็งๆ
“ซื้อไปไหนเยอะแยะคะ”
“ผมไม่รู้ว่าคุณชอบรสไหนเลยซื้อมาให้คุณเลือก”
“แล้วอันที่ฉันไม่ได้เลือกจะเอาไปไว้ที่ไหน”
“ถังขยะไงครับ อันไหนคุณไม่ชอบก็ทิ้งไป”
เอมมองเจตน์อย่างเซ็งๆ ภาพบ้านเด็กกำพร้าแว่บเข้ามา
เห็นเด็กๆ กินขนม เล่นของเล่นที่พวกเอมมาแจกอย่างมีความสุข เอมมองเด็กๆ น้ำตาคลอ ยิ้มชื่นมีความสุขไปด้วย จนมีมือใครคนหนึ่งยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ เอมหันไปมองเห็นเคนยืนยิ้มแฉ่ง
“มามะ ผมซับน้ำตาให้”
เอมหมั่นไส้ “ไม่ต้อง”
“เห็นเด็กๆ มีความสุขกับของที่คุณให้แล้วปลื้มใช่ม้า”
“นายไม่ปลื้มรึไง”
“ได้เป็นสะพานให้คุณข้ามมาทำให้เด็กๆมีความสุข ปลื้มแรงยิ่งกว่า...ยังไงก็ขอฝากเด็กๆ ไว้ในอ้อมใจคุณด้วยนะครับ มีอะไรเหลือกินเหลือใช้ก็อย่าทิ้ง เก็บมาให้พวกเค้าบางทีของไม่มีค่าสำหรับคุณอาจจะมีค่ามหาศาลสำหรับเค้าก็ได้”
เอมมองเด็กๆ อย่างสงสาร
เอมดึงความคิดกลับมา มองของที่เจตน์ซื้อมาอย่างเสียดาย
“ซื้อของมาทิ้งขว้างมันน่าเสียดายนะคะ”
“แค่ป็อปคอร์นไม่กี่ถุงจะไปเสียดายทำไม”
“ของที่ไม่มีค่าสำหรับคุณ อาจจะมีค่ามหาศาลสำหรับคนอื่นก็ได้ ฉันเอาถุงเดียว” เอมหยิบป๊อปคอร์นมาหนึ่งถุง “ที่เหลือเอาไปแจกให้คนอื่น ฉันจะรอตรงนี้
“สวย เป็นคนดี มีน้ำใจ ถ้าประกวดนางงามต้องได้ตำแหน่งแน่ๆ เลยครับ”
เจตน์รีบหยิบป๊อปคอร์นไปไล่แจกคนที่มาดูหนัง เอมมองเจตน์อย่างเซ็งๆ
เอมิกานั้นไม่มีใจให้เจตน์สักน้อย ทุกครั้งที่อยู่กับเจตน์จึงดูเซ็งๆ ไม่มีชีวิตชีวาตลอด
เอม กะเจตน์นั่งเก้าอี้สวีทหรูหราสองคน เอมกินป๊อปคอร์นไปดูหนังตัวอย่างไป เจตน์ลอบมองเอม ยิ้มมีแผน ภาพในความคิดเจตน์ผุดขึ้น
หนังผีในจอถึงตอนน่ากลัวชวนสยอง เอมดูหนังอย่างหวาดกลัว พอผีโผล่ออกมาเอมตกใจมากกรี๊ดลั่นโผกอดเจตน์ที่นั่งข้างๆ เจตน์กอดปลอบ
“ไม่ต้องกลัวนะครับ ไม่ต้องกลัวนะ”
ที่แท้เจตน์นั่งฝันหวานอยู่
หนังจริงบนจอถึงตอนตื่นเต้นน่ากลัว คนดูลุ้นระทึกว่าผีจะโผล่มาตอนไหน เจตน์ดูหนังอย่างหวาดกลัว
“ทำไมน่ากลัวอย่างนี้”
เจตน์หันไปมองเอม เห็นเอมดูหนังอย่างตื่นเต้น ลุ้นระทึก
ผีโผล่ออกมา คนในโรงกรี๊ดลั่น เจตน์สะดุ้งโหยงหลับตาปี๋เอาหน้าซุกไหล่เอม
“เฮ้ย”
เอมรีบขยับตัวออกจากเจตน์
“อย่าฉวยโอกาส”
“ไม่ได้ฉวยครับ”
“หน้าซีดเชียว กลัวจริงเหรอเนี่ย” เอมหัวเราะขำ “ไม่ยักรู้ว่าคุณกลัวผี”
เจตน์เสียฟอร์ม “แค่ตกใจเสียงกรี๊ดน่ะ คุณไม่กลัวเหรอ”
“ไม่เห็นน่ากลัวตรงไหน ตื่นเต้นสนุกจะตาย”
เอมหันไปดูหนังต่อ เจตน์มองเอมอย่างเซ็งๆ หันไปดูหนังต่อ แต่หลับตาปี๋อย่างหวาดกลัว เอมลอบมองเจตน์ยิ้มขำ
ฝ่ายรอนกำลังดูแลตัดแต่งต้นไม้สุดรัก จนเนื้ออ่อนถือโทรศัพท์วิ่งออกมาอย่างตื่นเต้น
“คุณคะคุณ คุณเพ็ญเพิ่งโทร.หาฉัน”
“จะวางแผนให้ยัยเอมกับคุณกอล์ฟเจอกันอีกแล้วเหรอ”
“มันเลยจุดเจอมาแล้วค่ะ ตอนนี้ถึงจุดที่ต้องสร้างความคุ้นเคยกันแล้ว คุณณรงค์จะจ้างยัยเอมออกแบบชุดพนักงานแล้วก็ให้คุณกอล์ฟจัดอีเว้นท์ ยัยเอมกับคุณกอล์ฟต้องไปคุยคอนเซปแล้วทำงานด้วยกัน คราวนี้ยัยเอมก็จะได้ใกล้ชิดกับคุณกอล์ฟ ได้ศึกษาดูใจกันมากขึ้น” เนื้ออ่อนฝันหวาน
“คุณณรงค์ลงมาเล่นเกมจับคู่กับเค้าด้วย แสดงว่าต้องถูกใจยัยเอมไม่เบาถึงอยากให้ลูกชายทำความรู้จัก”
“ลูกเราเป็นเด็กมีเสน่ห์ มี ณ เมตตามาแต่กำเนิดใครเห็นก็เอ็นดู คุณกอล์ฟดูดีกว่าคุณเจตน์หลายขุม ถ้ายัยเอมกับคุณกอล์ฟถูกตาต้องใจกัน ฉันจะมีความสุขมากกกกกกกกก”
“แล้วถ้าไม่เป็นอย่างที่คุณคิด”
“หาเป้าหมายใหม่จนกว่าจะถูกใจทั้งแม่ทั้งลูก ฉันโทรบอกยัยเอมก่อนนะคะ อุ้ย ไปกับคุณเจตน์โทรไปเดี๋ยวคุณเจตน์จะรู้ว่าหาคู่ใหม่ให้ยัยเอม ไลน์ดีกว่า”
เนื้ออ่อนพิมพ์ไลน์อย่างอารมณ์ดี รอนมองเมียทั้งหนักใจเหนื่อยใจ
เอมเดินออกจากโรงหนัง อ่านไลน์มาตามทาง ถอนหายใจเซ็งๆ
“วันนี้ต้องมากับคนนี้ พรุ่งนี้ต้องไปเจออีกคน เป็นลูกคุณนายเนื้ออ่อนนี่ไม่ง่ายเลย” หญิงสาวนึกได้มองหาเจตน์ “ทำไมยังไม่ออกมาอีก”
สักครู่จึงเห็นเจตน์เดินโผเผออกมา
“เป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“เวียนหัว คลื่นไส้”
“กลัวผี เอ้ย ตกใจเสียงกรี๊ดจนความดันขึ้นเลยเหรอคะ” เอมประคองเขาให้นั่งเก้าอี้แถวนั้น “นั่งพักก่อน เดี๋ยวฉันไปซื้อน้ำหวานมาให้ดื่มเผื่อจะดีขึ้น”
เจตน์ยิ้มปลื้ม
“ขอบคุณนะครับที่ดูแลผม ค่อยยังชั่วแล้วผมจะพาคุณ...”
เอมรีบแทรก “กลับบ้านค่ะ คุณไม่สบายอย่างนี้ไปไหนต่อก็คงไม่สนุก กลับบ้านพักผ่อนนะคะ”
เจตน์เซ็งจ๋อยตามระเบียบ “ก็ได้ครับ”
เอมยิ้มโล่งใจ
ค่ำนั้น กอล์ฟนั่งรอมิ้นอย่างใจจดใจจ่อเห็นมิ้น นาตาลี เดินมาก็ยิ้มดีใจ มิ้น นาตาลี เดินมาหากอล์ฟ
“ขอแนะนำให้รู้จักกับเทรนเนอร์ของคุณ นาต้าลี”
กอล์ฟยิ้มทัก “เป็นเกียรติมากเลยครับ”
“ยัยมิ้นไม่อยากเสียเงินเลยยกให้เป็นหน้าที่ฉัน เป็นเด็กในสังกัดยัยมิ้นต้องทำใจหน่อยนะ ใช้คุ้ม”
“เธอเก่งกว่าเทรนเนอร์ จะต้องจ้างให้เปลืองทำไม”
“ไม่ต้องชม บอกมาตรงๆเลยว่างก”
สามคนหัวเราะขำเฮฮา นาตาลีมองหมวดหนุ่มรูปงาม
“ดูหุ่นคุณก็รู้แล้วว่าออกกำลังประจำ ปกติคุณเล่นอะไรบ้าง”
“วิ่งแล้วก็เวตครับ”
“เป็นนายแบบกำลังขาต้องสตรองมาก แค่วิ่งไม่พอหรอก คุณต้องเล่นอย่างอื่นด้วย ฉันจะจัดคอร์สให้คุณเอง”
นาตาลีบอก
เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานดังไปทั้งห้อง กอล์ฟ มิ้น นาตาลี กระโดดอยู่บน Trampoline
นาตาลีนำ กอล์ฟ มิ้น ทำตาม
นาตาลีกระโดดข้ามไป กอล์ฟ มิ้น กระโดดตาม Trampoline หลายอันที่วางเรียงกัน มิ้นโดดผิดจังหวะ กอล์ฟยังไม่ทันโดดไป มิ้นก็โดดไปอันเดียวกับกอล์ฟ เลยชนกอล์ฟล้มลง
“ว้าย” / “เฮ้ย”
มิ้น กอล์ฟ กลิ้งตกลงมาจาก Trampoline มากอดกันอยู่บนพื้น
กอล์ฟมองอึ้งๆ มิ้นไม่คิดอะไรรีบลุกขึ้น
“โทษที”
นาตาลีเดินมาหา “โดดผิดจังหวะอีกแล้วสิ”
“ใจร้อนไปหน่อย”
มิ้นยื่นมือให้กอล์ฟที่ยังนั่งอยู่ที่พื้น กอล์ฟมองเขินๆ แล้วจับมือมิ้นลุกขึ้นมา
“กระดูกยังอยู่ครบ เดินได้ปกติใช่มั้ยคะ” มิ้นแซว
กอล์ฟยิ้มขำ “ไม่เจ็บตรงไหน ไม่มีอะไรสึกหรอครับ”
“งั้นก็ต่อเลย”
นาตาลีท้วงว่า “คุณกอล์ฟเพิ่งเล่นครั้งแรก ครึ่งชั่วโมงก็พอแล้วหนักไปเดี๋ยวจะไม่ดี วันนี้พอก่อนพรุ่งนี้ค่อยต่อ”
“กลับไปนอนที่บ้านหรือนอนที่แฟลตคะ”
“แฟลตครับ”
“แล้วปกติคุณอาบน้ำนานมั้ย” มิ้นซัก
กอล์ฟงง “ทำไมเหรอครับ”
“เราต้องทำงานด้วยกัน ฉันก็ต้องรู้กิจวัตรประจำวันของคุณ ต้องรู้ว่าคุณใช้เวลากับแต่ละเรื่องมากน้อยแค่ไหน เวลานัดมาทำงานจะได้เผื่อเวลาให้คุณถูก”
“ก็ประมาณ 15 นาทีครับ”
“เคร เจอกันพรุ่งนี้นะคะ”
มิ้น นาตาลีเดินออกไป กอล์ฟมองตามมิ้น ยิ้มฟินตามเดิม
มิ้น นาตาลี เดินออกมาหน้าห้องยิม เหลียวกลับไปมองกอล์ฟที่กำลังเก็บของแล้วหันมองหน้ากัน
“เรามีเวลา 15 นาที”
ทั้งคู่ รีบวิ่งออกไป
สองสาวเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วรีบวิ่งมาที่รถ นาตาลีขึ้นรถแล้วสตาร์ตเครื่อง มิ้นดูนาฬิกาแล้วมองไปที่ประตูเห็นกอล์ฟสะพายกระเป๋าเดินออกมา
“เวลาเป๊ะเว่อร์”
“ไม่เหมือนเธอ บอกว่า45 นาทีค่อยเบรกเค้า แค่ครึ่งชั่วก็โมงก็เบรกแล้ว”
“ก็อยากรีบไปหาหลักฐานเรื่องนายเคนเร็วๆ”
กอล์ฟขึ้นรถขับออกไป มิ้นร้องบอก
“คุณกอล์ฟไปแล้ว”
นาตาลีขับตามไปห่างๆ
ชาช่านั่งที่โซฟาดูภาพจากกล้องวิดีโอผ่านมือถือ เห็นภาพตัวเองนั่งยิ้มดีใจ ดูหน้า จัดผมให้เข้าที่
เสียงออดหน้าประตูดังขึ้น ชาช่าสั่งเรคคอร์ดกล้องจากมือถือ ปิดหน้าจอ วางมือถือแล้ววิ่งไปเปิดประตู
เคนยืนยิ้มเผล่อยู่หน้าห้อง ชาช่ารีบดึงเคนเข้ามาแล้วปิดประตู เคนคว้าชาช่ามาจูบ ชาช่าชะงักหันไปมองที่ซ่อนกล้อง มองโซฟา แล้วแกล้งสะบัดสะบิ้งเบือนหน้าหนี
“ขอโทษนะคะ วันนี้ช่าเครียดเกินไป”
ชาช่าเดินไปนั่งที่โซฟา เคนเดินตามมานั่งข้างๆแล้วกอด
“กอดของผมช่วยได้มั้ยครับ”
ชาช่ายิ้มสมใจแล้วหันมาพูดกับเคน
“กอดคุณอุ่นจัง”
ชาช่าจูบเคนอย่างดูดดื่ม จะปลอดกระดุมเสื้อ เคนจับมือยั้งไว้แล้วผละออกมา
“อยู่แต่ในนี้มันอุดอู้เดี๋ยวจิตจะตกเอาง่ายๆ ออกไปเที่ยวข้างนอกกันดีกว่าครับ”
“โลกข้างนอกมันโหดร้ายมีแต่คนซุบซิบนินทาที่ช่าโดนเทงาน ยามคอนโดช่ายังอายจนไม่กล้าสบตาด้วย ช่ายังไม่พร้อมที่จะออกไปเผชิญหน้ากับใครค่ะ”
“ผมจะพาคุณไปที่ๆ เป็นส่วนตัวที่สุด จะไม่ให้ใครมารบกวนให้คุณรำคาญใจ โลกทั้งใบจะมีแค่เราสองคน ไปเปลี่ยนบรรยากาศกันซักสองสามชั่วโมงแล้วค่อยกลับมาต่อที่นี่นะครับ”
ชาช่ามองเคนครุ่นคิด
สองคนอยู่ในห้องวีไอพีคลับหรู เคน กับ ชาช่า ชนแก้วไวน์แล้วจิบ เคนยิ้มเบิกบาน ส่วนชาช่าหน้าเครียด
“ยิ้มหน่อยสิครับ อย่าเครียดเลย”
“ช่ากำลังจะหมดอนาคต ยิ้มไม่ออกหรอกค่ะ”
“ถ่ายรูปกันมั้ย”
ชาช่าแปลกใจ “คุณไม่เคยถ่ายรูปคู่กับช่าเลย นึกยังไงถึงชวนคะ”
“อยากให้คุณยิ้ม”
“ได้ผลซะด้วย”
เคนยกมือถือขึ้นมาเซฟฟี่
“มองกล้องนะครับ ยิ้ม”
ชาช่ายิ้มหวานมุมสวย เคนหันไปมองหน้าชาช่ากดชัตเตอร์ แล้วเอารูปให้ชาช่าดู
“ไม่เห็นหน้าคุณเลย คุณไม่มองกล้อง”
“ผมอยากมองคุณ อยากเห็นรอยยิ้มของคุณ”
“แต่ช่าอยากมีรูปคู่ที่เห็นหน้าคุณด้วย”
“เห็นหน้าผมคุณก็ไม่ได้งานคืนน่ะสิครับ”
“คุณหมายความว่าไง
เคนยิ้มเจ้าเล่ห์แทนคำตอบ พลางกดส่งรูปให้ใครบางคน
แดน กะป้อง นั่งดื่มอยู่ที่ผับสักระยะหนึ่งแล้ว เบิ่งสาวๆ อย่างมีความสุข
“คนนั้นก็สวย”
“คนนั้นก็เจ๋ง แต่ผมถูกใจคนโน้นมากกว่า ไปล่ะ”
ป้องจะไปจีบสาว
แดนดึงไว้ “เดี๋ยว ไอ้เคนสั่งไว้ว่าไง”
“ทำงานให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่ะสำเริงสราญ” ป้องหยิบมือถือขึ้นมา “เมื่อไหร่จะส่งมาอยากเมาแล้วอะ อยากเมาแล้ว”
ไม่ทันขาดคำดี ไลน์ป้องดังขึ้น ป้องยิ้มกว้าง
“พี่เคนได้ยินที่ผมพูด รีบส่งมาเลย”
“มโนเก่งนะมึงเนี่ย เปิดดูซิ”
ป้องเปิดรูป แดนยื่นหน้าเข้าไปดูด้วย
“รีบทำตามแผนเลย จะได้เมากันซะที”
ป้องรีบกดส่งรูปต่อ
พราวนั่งจิบไวน์อยู่ที่ห้อง เล่นมือถือแก้เหงา จนคลิกไปเห็นรูปเคน กะชาช่าในเว็บข่าวบันเทิง
“งานร่วงรักรุ่งเพราะมีเจ้าชายคอยปลอบใจ อยากรู้จังว่าเจ้าชายของชาช่าเป็นใคร คุณเคนอยู่กับนังชาช่า”
พราวแค้นแสนแค้น
สองคนนั่งดื่มนั่งคุยกันอยู่สองต่อสอง
“แน่ใจเหรอคะว่าวิธีของคุณจะทำให้ช่าได้งานคืน”
ไม่ทันขาดคำ มือถือดังขึ้น ชาช่ารับสาย
“ค่ะพี่แจ๊ด อะไรนะ”
ชาช่ามองเคนอย่างทึ่งสุดๆ เคนยืดอก ยิ้มภูมิใจ
“ค่ะๆ รับสายเจ้าของงานก่อนแล้วค่อยเม้าท์กันนะคะ” ชาช่าวางสายยิ้มร่ากับเคน “พี่แจ๊ดโทร.มาบอกว่ามีรูปช่ากับคุณลงโซเชี่ยลนักข่าวโทร.หาสายแทบไหม้ ถามว่าเจ้าชายของช่าเป็นใคร งานที่เซิลไปก็โทร.กลับมาจ้างทุกงานเพราะถ้าช่าไปนักข่าวต้องตาม วิธีของคุณได้ผล”
“ผมทำให้คุณเดือดร้อน ผมก็ต้องแก้ปัญหา แต่คุณห้ามบอกนักข่าวนะครับว่าเป็นผม”
“ทำไมละคะ”
“ไม่มีความลับ นักข่าวก็ไม่ตามน่ะสิครับ ทำตัวให้เป็นกระแสเข้าไว้ นักข่าวตามงานก็เพียบ”
ชาช่าสวมกอดเคน “คุณเป็นผู้ชายที่ฉลาดที่สุดในโลกเลยค่ะ”
“ได้งานคืนแล้วสบายใจรึยัง”
ชาช่ายิ้มหวาน อ่อยแกมยั่ว “สบายใจจนอยากกลับคอนโดเร็วๆ”
“ผมไปส่ง”
“ไหนว่าจะอยู่ต่อด้วยกัน”
“เพิ่งนึกได้ว่าพรุ่งนี้มีประชุมกับคุณพ่อแต่เช้า ต้องกลับไปเตรียมงานน่ะครับ ประชุมเสร็จแล้วจะรีบไปหานะ”
ชาช่าแกล้งงอน “ก็ได้ค่ะ”
เคนมองชาช่ายิ้มโล่งใจ
กอล์ฟขับรถมาจอดที่ลานหน้าแฟลตตำรวจ นาตาลีขับรถมาซุ่มดูอยู่มุมหนึ่ง มิ้นมองกอล์ฟที่หิ้วกระเป๋าลงจากรถแล้วมองสภาพแฟลตแล้วรำพึงรำพัน
“เป็นถึงลูกมหาเศรษฐีนึกยังไงถึงมาทำงานที่ต้องเสี่ยงชีวิต ต้องอยู่แฟลตเก่าๆ โทรมๆ หาความสะดวกสบายไม่ได้อย่างนี้”
“ถามฉันแล้วฉันจะถามใคร ทำไมไม่ถามเค้า”
“ไม่ได้ถาม รำพึงรำพันเข้าใจมะ”
นาตาลีหัวเราะขำ “รู้ที่กบดานของนายเคนแล้ว มาซุ่มดูบ่อยๆ ยังไงก็ต้องเจอตัว เราต้องตามจนกว่าจะรู้ว่าบ้านนายเคนอยู่ที่ไหน”
“เจอบ้านก็ต้องเจอหลักฐาน แล้วนายเคนก็ต้องจบชีวิต 18 มง”
“เราต้องเปิดโปงความชั่วของนายเคนให้ได้”
มิ้นกับนาตาลียกมือขึ้นมาตีกัน “จัด”
สีหน้ามิ้น กะ นาตาลี จริงจังมุ่งมั่นมาดหมายที่จะเปิดโปงนายเคนให้จงได้
พราวอยู่ที่คอนโด กดมือถือย่างหงุดหงิด
“โทร.เป็นสิบๆ ครั้งทำไมยังไม่รับสายอีกนะ”
พราวชะงักเมื่อได้ยินเสียงมือถือเคนดังอยู่หน้าห้อง รีบไปเปิดประตูเห็นเคนเอามือถือแนบประตูห้องพราว ยิ้มแฉ่ง
“ทำไมไม่รับสายพราวคะ”
“คุยงานอยู่ แล้วก็รู้ว่าคุยทางโทรศัพท์คงไม่รู้เรื่อง เลยมาคุยด้วยที่นี่ หน้างออย่างนี้จะยอมให้ผมเข้าห้องมั้ยครับเนี่ย”
พราวมองค้อน แล้วเดินสะบัดสะบิ้งเข้าห้องไป เคนยิ้มสมใจเดินตาม
พราวเดินเข้ามา เคนรีบถลามากอดจากด้านหลัง
“คุณพ่อจะจัดงาน ผมเลยต้องไปคุยคอนเซ็ปต์งานกับชาช่าน่ะครับ”
พราวสะบัดออกจากเคนหันมาพูดอย่างไม่พอใจ
“คุยงานกันสองต่อสองรึไงคะ ถึงมีรูปคุณกับมันแค่สองคน”
“ไอ้แดนไอ้ป้องก็ไปครับ แต่คนที่แอบถ่ายคงอยากอยากเอารูปไปขายให้นักข่าวเลยถ่ายแค่ผมกับชาช่า ไม่เชื่อคุณโทร.ถามไอ้แดนไอ้ป้องก็ได้”
“เพื่อนคุณถามไปยังไงก็ต้องเข้าข้างคุณ”
“งั้นก็ไม่ต้องถาม เพราะตอนนี้ผมอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว อย่างน้อยคุณก็รู้แล้วว่าคุยงานเสร็จผมก็รีบมาหา ไม่ได้ไปเกเรที่ไหน ไปคุยงานมาเหนื่อยมากเลยขออะไรดื่มหน่อยได้มั้ยครับ”
พราวมองค้อน แล้วเดินไปเทไวน์ให้ เคนมองตามยิ้มโล่งใจ ก่อนจะเดินไปนั่งรอที่โซฟากดไลน์หาเอมฆ่าเวลา
เอมกำลังออกแบบชุดพนักงานให้ณรงค์ เสียงไลน์ดังขึ้น หยิบมือถือมาอ่าน
“ดูหนังกับคุณเจตน์สนุกมั้ย”
“ยุ่งกับฉันเหลือเกิ๊นนนนน” เอมพิมพ์ตอบไปว่า “อย่ายุ่งกับฉัน”
จากนั้นก็กดบล็อกไลน์ บล็อกเบอร์เคน
เคนอ่านข้อความจากเอมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มีความสุข
“ฮึ อย่ายุ่งกับฉัน” เคนพิมพ์ข้อความตอบไปว่า “ไม่ได้ยุ่งแค่อยากรู้” แต่ต้องเซ็งที่เอมไม่ยอมอ่าน
“อ้าว ไม่อ่านซะแล้ว สงสัยบล็อกไปแล้ว”
พราวถือแก้วไลน์เดินออกมา เคนวางมือถืออย่างเนียนๆยิ้มแฉ่ง
“ขอบคุณครับ” เคนรับแก้วไวน์แล้วดึงพราวมานั่งตักกอดไว้ “ทำงานเหนื่อยๆ แล้วมีคุณดูแล ผมมีความสุขจัง”
พราวยิ้มสมใจ แต่แกล้งหันไปพูดงอนๆ ใส่
“สุขเท่าตอนอยู่กับนังชาช่ามั้ยคะ”
“มากกว่าร้อยเท่า เพราะผมไม่ได้รักเค้า แต่รักคุณ”
พราวยิ้มชื่น “พูดจริงใช่มั้ย”
“ผมไม่เคยโกหกหัวใจตัวเอง”
“รักพราวก็อย่าทำให้พราวเสียใจนะคะ”
“ผมจะทำให้คุณมีแต่ความสุข”
เคนดึงพราวเข้ามากอดทำท่าจะจูบ พราวผละออกมามองหน้าเคนอย่างอ่อนโยน
“แต่งงานกันเมื่อไหร่ พราวจะยอมเป็นของคุณ”
“ผมจะรักษาเกียรติคุณจนกว่าจะถึงวันนั้นครับ”
เคนดึงพราวเข้ามากอดอย่างอ่อนโยน พราวกอดตอบยิ้มชื่น
ถึงจะเป็นสาวหัวนอก แต่พราวก็รักนวลสงวนตัว
รุ่งเช้า เนื้ออ่อน นั่งกินกาแฟอยู่กับรอน ออกอาการตื่นเต้นกระดี๊กระด๊า
“ถ้าฉันไปประชุมกับยัยเอมด้วยจะน่าเกลียดมั้ยคุณ”
“น่าเกลียดมาก” รอนบอก
“แต่ฉันอยากอยู่ในบรรยากาศการพูดคุยกันของคุณกอล์ฟกับยัยเอม ฉันอยากไปด้วย”
“งั้นก็ไปเลย”
เนื้ออ่อนกลับบอกเองว่า “มันน่าเกลียด”
“ห้ามก็อยากไป ยุก็บอกน่าเกลียด ผมเอาใจคุณไม่ถูกแล้วนะเนี่ย”
เนื้ออ่อนดุ “งั้นก็นั่งฟังเฉยๆ ไม่ต้องออกความเห็นอะไรทั้งนั้น”
“จ้ะ” รอนจ๋อยตามระเบียบ
เอมเดินเข้ามาสมทบอย่างอารมณ์ดี “โดนแต่เช้าเลยเหรอคะคุณพ่อ
“ตลอดเวลา พ่อชินซะแล้ว”
เอมยิ้มขำ เนื้ออ่อนมองชุดลูกสาวอย่างพิจารณา
“แม่ว่าลูกใส่ชุดนี้แล้วแปลกๆ ยังไงชอบกล ไปเปลี่ยนชุดอื่นดีกว่าจ้ะ”
“เจ้ากี้เจ้าการกับชุดเอมอย่างนี้ นอกจากคุณลุงกับน้าเพ็ญแล้ว คุณกอล์ฟก็ประชุมด้วยใช่มั้ยคะ”
“แหม รู้ทัน”
“เอมไปพรีเซ้นต์งานนะคะไม่ได้ไปเดท ชุดนี้เหมาะสมแล้วค่ะ”
“พรีเซ้นต์เต็มที่เลยนะลูกพวกเค้าจะได้เห็นว่าลูกแม่เก่งแค่ไหน”
“ไม่ทำให้เสียชื่อคุณพ่อคุณแม่แน่นอนค่ะ”
เนื้ออ่อน กับรอนมองลูกสาวแล้วยิ้มภาคภูมิใจ
เคนมีครีมเต็มหน้า นอนหนุนตักเพ็ญอย่างมีความสุข เพ็ญกำลังนวดหน้าให้เขา
“นอกจากแม่แล้วก็มีตักน้าเพ็ญนี่แหละที่อุ่นที่สุด”
“เรานี่ปากหวานจริงๆ”
“ผมพูดจริงนะครับ ว่าแต่วันนี้มีอะไรพิเศษเหรอครับถึงปลุกผมมาทำหล่อแต่เช้า”
เพ็ญชะงักนิดๆ รีบพูดไม่ให้มีพิรุธ
“เคนนอนดึกทุกวันหน้าโทรมหมดแล้ว นานๆ เข้าบริษัทที น้ายอมให้พนักงานเห็นหน้าเคนหมองไม่ได้ เดี๋ยวเค้าจะนินทาเอาว่าผู้บริหารคนต่อไปไม่มีสง่าราศี”
“ผู้บริหารคนต่อไปไม่ใช่ผมหรอกครับ น้าเพ็ญก็รู้ว่าผมอยากสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวเองไม่อยากพึ่งมรดกจากคุณพ่อ”
“อยากหรือไม่อยากก็ต้องพึ่ง เพราะเคนเป็นลูกคนเดียว มรดกไม่ให้เคนแล้วจะให้ใคร”
“น้าเพ็ญไงครับ”
“ไม่เอาหรอก ขี้เกียจรับภาระ”
“เลยโบ้ยมาให้ผม”
เพ็ญยิ้มขำ “ใช่ หยุดพูดแล้วนอนนิ่งๆได้แล้ว เดี๋ยวไปประชุมสายโดนคุณพ่อเตะน้าไม่ช่วยนะ”
สองหน้าหลานหัวเราะขำมีความสุข
เพ็ญมองเคนยิ้มสมใจ วันนี้แหละเคนจะได้รู้จักกับเอมิกาซักที
เอมิกาในชุดสวยทันสมัยเป็นตัวเอง เดินเข้ามาในออฟฟิศคุณณรงค์ด้วยท่าทางมั่นใจ เลขาที่รออยู่เดินเข้ามาหา
“คุณเอมิกาใช่มั้ยคะ”
“ค่ะ”
“ท่านประธานให้ดิฉันมารอรับคุณค่ะ เชิญทางนี้ค่ะ”
เลขาเดินนำเอมตามไป
คุณณรงค์ คุณเพ็ญ เคน แดน ป้อง นั่งอยู่ในห้องประชุม เคนเอ่ยขึ้นว่า
“เริ่มเลยนะครับ แบบว่าบริษัทผมงานเยอะต้องรีบประชุม จะได้รีบไปทำงานอื่นต่อน่ะครับ”
ณรงค์หมั่นไส้ “พูดจาน่าหมั่นไส้แต่เช้า ฉันเห็นทั้งบริษัทแกมีฉันเป็นลูกค้าอยู่เจ้าเดียว”
“นั่นมันอดีตครับ หลังจากงานเปิดตัวสินค้าที่ดังกระหึ่มไปทั้งวงการ ก็มีคนมาจ้างงานผมเพียบ”
“ซ้าธุ ขอให้จริง” ณรงค์ประชดส่ง
“จริงครับคุณพ่อ พวกผมนี่ไม่มีเวลาพักผ่อนเลยครับ กลับบ้านเช้าแทบทุกคืน” แดนว่า
“คิดงาน” เพ็ญถาม
“กินเหล้า” ป้องว่า
ทุกคนหัวเราะขำกับมุกป้อง
ณรงค์ดูนาฬิกา “อีก 5 นาทีถึงจะถึงเวลานัด เดี๋ยวค่อยเริ่ม”
“ชวนคุยถ่วงเวลา ดูฤกษ์ดูยามก่อนประชุมเหมือนรอใคร” เคนแซว
เลขาเคาะประตูห้องเปิดเข้ามา
“คุณเอมิกามาแล้วค่ะ”
เอมเดินเข้ามาไหว้ณรงค์กับเพ็ญ กลุ่มของเคน มองเอมอย่างตกใจ
“ผมขอ...” เคนพูดไม่ทันจบคำ เพ็ญขัดขึ้นว่า
“ไม่ต้องขอไปไหนทั้งนั้น นั่งเลย”
เคนไปนั่งมองเอม อย่างร้อนใจ
ณรงค์ยิ้มทักทาย “เชิญเลยหนู”
เอมเดินไปนั่ง ลอบมองเคนอย่างหมั่นไส้
เพ็ญกะณรงค์มองเอมที มองเคนที พากันยิ้มสมใจ ขณะที่สองหนุ่มสาวร้อนรุ่มใจ
อ่านต่อ ตอนที่ 8
#พ่อปลาไหล #thaich8 #โชคดีมีสุข #ฟิล์มยีน #ยีนฟิล์ม #ทีมพ่อปลาไหล #ทีมเอม #lakornonlinefan #ละครออนไลน์ #ลมหายใจคือละคร