รากนครา ตอนที่ 8 ออกอากาศ วันศุกร์ที่ 29 ก.ย. เวลา 20.00 น.
ศุขวงศ์ (หมาก ปริญ) มาบอกศรีวงศ์ (ต้น ตระการ) ว่าต้องไปทำงานสำคัญ ไม่ให้แม้นเมือง (แต้ว ณฐพร) รู้ เจ้าน้อย รู้ที่ซ่อนของอาวุธ ที่หน่อเมือง (นิว ชัยพล) แอบไว้ จึงคิดแผนทำลายอาวุธให้หมด คืนนั้นเกิดการต่อสู้กันระหว่างศุขวงศ์และสมุนของหน่อเมือง ศุขวงศ์ อินทร (ถนอม สามดทน) และลูกสมุน ขนอาวุธออกไปได้ แต่ศุขวงศ์ไม่ทำร้ายคนของหน่อเมือง เพราะเห็นว่าเป็นพี่น้อง ได้แต่จับมัดไว้ แล้วขนอาวุธออกไป นำไปเผาไม่ให้เหลือซาก เพราะหากสยามรู้ เชียงเงินก็จะต้องอยู่ในข้อหาสะสมอาวุธ และเป็นกบฏ
ฝ่ายเมืองมัณฑ์นั้น ทางด้านเสนาบอกกับกษัตริย์ ให้ยับยั้งเรื่องการสร้างวิหารทองคำ เพราะอยากให้ไปดูแลเรื่องกองทัพมากกว่า บ้านเมืองกำลังระส่ำระสายทั้งศึกจากภายนอก และภายใน กองทัพอังกฤษขุ่นเคืองใจไม่น้อยที่เราให้สัมปทานเดินเรือทับซ้อนแก่ฝรั่งเศส และเป็นไปได้มากที่อังกฤษจะยกกองทัพมาโจมตีในไม่ช้านี้ แต่ปัทมสุดา (น้ำฝน พัชรินทร์) ไม่เห็นด้วย ยังคงหยิ่งทะนงในตนเองเช่นเดิม กษัตริย์ ให้ฟังเสนาบ้าง ทำให้ปัทมสุดาโกรธจัด มิ่งหล้า (มิวน ษฐา) แอบเข้ามาปลอบกษัตริย์ ส่วนปัทมสุดเปลี่ยนแผน จะนำเงินทอง ไปแจกแก่ราษฎรผู้ยากไร้แทน เพื่อสร้างบารมีให้แก่ตน
ศุขวงศ์กลับมาอย่างปลอดภัย หมอฝรั่งบอกว่า ลูกแม้นเมืองปลอดภัยดีแล้ว ศุขวงศ์กับแม้นเมืองดีใจมาก ศุขวงศ์ไปหาเจ้าย่า (โย ทัศน์วรรณ) รู้ว่าไม่สบาย เลยพาหมอฝรั่งไปรักษา ย่าขอให้ศุขวงศ์กินข้าวเย็นด้วยกัน ละอองคำ (พลอย ภัทรากร) จัดเตรียมที่นอนไว้ให้ ศุขวงศ์ไม่กล้าปฎิเสธย่า แม้นเมืองเริ่มกังวล ศุขวงศ์ไม่กลับมานอนที่เรือน
ศุขวงศ์เข้าไปส่งเจ้าย่านอน เมื่อกลับมาที่ห้องตนเอง ละอองคำก็มาหาที่ห้อง ศุขวงศ์เกือบเผลอตัว เผลอใจไปกับละอองคำ แต่สุดท้ายเขาก็หยุดยั้งใจตนเองไว้ได้ บอกกับละอองคำว่าเธอคือน้องสาวที่น่ารักของเขาเท่านั้น ละอองคำเจ็บปวด และอับอาย เป็นอย่างมาก
รากนครา ตอนที่ 9 ออกอากาศ วันเสาร์ที่ 30 ก.ย. เวลา 2015 น.
รุ่งขึ้น ละอองคำตัดสินใจผูกคอตาย แต่บัวผันช่วยไว้ได้ทัน แม้นเมืองพอจะเดาเหตุการณ์ออก เจ้าย่าตัดสินใจ บอกกับแม้นเมืองว่าขอให้ละอองคำเป็นเมียอีกคนของเจ้าน้อย ศุขวงศ์ลำบากใจ แล้วแม้นเมืองก็เข้าไปหาละอองคำที่ห้อง แม้นเมืองบอกว่ายังรักละอองคำเป็นน้องเช่นเดิม ไม่ได้ต่อว่าอะไร ยิ่งทำให้ละอองคำรู้สึกผิด และละอายใจยิ่งขึ้น ยอมแพ้ต่อความรัก และความดีของแม้นเมืองในที่สุด ศุขวงศ์บอกกับแม้นเมือง ว่าจะไม่มีงานแต่งของเขากับละอองคำ เกิดขึ้นแน่นอน เพราะเขามีเมียคนเดียวที่ชื่อแม้นเมืองเท่านั้น แม้นเมืองอึ้งไป ศุขวงศ์บอกว่า เรือนที่กำลังปลูก คือเรือนหอที่เขาตั้งใจปลูกให้แม้นเมือง ไม่ใช่ละอองคำ และเขากำลังเพาะต้นชมพูป่า และจะนำไปปลูกที่ภูผาเมือง อีกหน่อยจะได้บานเต็มป่าเชียงพระคำ ความรักระหว่างศุขวงศ์กับแม้นเมือง เหมือนจะเบ่งบานมากขึ้นทุกวัน
ขิ่นแหม่ (ก้อย ศิรินุช) บอกกับปัทมสุดา เรื่องที่นางมิ่น (เหมี่ยว ปวันรัตน์) ยักยอก ทรัพย์สินเงินทอง ไว้กับตัวเอง ปัทมสุดาโกรธจัด สั่งเฆี่ยนมิ่นอย่างไม่หยุดยั้ง มิ่งหล้า ฟองจันทร์ เห็นเหตุการณ์ ขยาดในความโหดเหี้ยมของปัทมสุดา มิ่นแค้นจัด เพราะถูกเฆี่ยนจนแทบเอาชีวิตไม่รอด ปัทมสุดาเริ่มเห็นความดีขิ่นแหม่ จะตั้งให้เป็นคุณท้าวขิ่นแหม่ มิ่นหาหนทางเอาชีวิตรอด มิ่งหล้าให้ฟองจันทร์ช่วยมิ่นไว้ หวังใช้ความแค้นของมิ่น กำจัด ปัทมสุดา
ศรีวงศ์ (ต้น ตระการ) มาปรึกษาศุขวงศ์อยากให้จักรคำ (บอล จิตรภาณุ) แต่งงาน ศุขวงศ์จึงไปหาจักรคำ จักรคำสารภาพว่าเขานั้นชอบในตัวละอองคำ แต่ดูเหมือนว่าละอองคำ จะมีคนอื่นอยู่ในใจ จักรคำรีบไปเยี่ยมละอองคำ เมื่อรู้ว่าเธอป่วย ละอองคำเริ่มรู้สึกดีต่อจักรคำ
หน่อเมืองมาหาแม้นเมืองที่เชียงพระคำ แล้วมอบยาพิษให้กับแม้นเมือง เพื่อนำไปฆ่าศุขวงศ์ บอกว่าให้แม้นเมือง ทำเพื่อบรรพบุรุษเชียงเงิน เมื่องานสำเร็จแล้ว จะมารับแม้นเมืองกลับเชียงเงิน แม้นเมือง อื้ออึงกับสิ่งที่ตนเองได้ยิน ไม่รู้จะทำยอย่างไรต่อไป
มีฎีกาถวายต่อกษัตริย์ เรื่องที่ นางปัทมสุดาทรงพระครรภ์จริงหรือไม่ กษัตริย์ เรียกเสนาบดี พร้อมทั้งปัทมสุดา มาที่ท้องพระโรงทันที ปัทมสุดาปฎิเสธเสียงแข็ง แล้วทำที เป็นลมหมดสติ กลางท้องพระโรง เมื่อฟื้นขึ้น ปัทมสุดา สั่งให้ขิ่นแหม่ ไปทำงานสำคัญทันที โดยให้ทหาร นำตัวหมอหลวง ไปฆ่าเสีย เพื่อจะไม่ได้มีพยาน ยืนยัน ว่านางนั้นท้องจริงหรือไม่
มิ่งหล้าตัดสินใจมาพบกษัตริย์ แล้วบอกว่าตน เป็นคนถวายฎีกาฉบับนั้นเอง ที่ท้องพระโรงวันต่อมา ยังมีการพูดถึงฎีกาไม่หยุด ปัทมสุดาโกรธมาก สุดท้าย มิ่งหล้า ก็เดินมาที่ท้องพระโรง และบอกว่า ตนเป็นคนยื่นฎีกาฉบับนั้นเอง ปัทมสุดาอยากจะฆ่ามิ่งหล้าเสียให้ได้ แล้วปัทมสุดา ก็ทำทีให้กษัตริย์ นำหมอหลวงมาเป็นพยาน เพราะตนเองรู้ดีแล้ว ว่าสั่งให้ขิ่นแหม่ และทหารไปฆ่าหมอหลวงกับครอบครัวตายเสียสิ้น มิ่งหล้าบอกไม่ต้องกังวล เพราะเธอมีพยานคนสำคัญ นั่นคือนังมิ่น ปัทมสุดาแทบช็อก เมื่อเห็นมิ่นย่างกรายออกมาเป็นพยานสำคัญ และบอกว่า ปัทมสุดาทำทีว่าท้อง เพื่ออยากให้กษัตริย์เอาใจ จะได้สร้างวิหารทองคำได้อย่างสมใจ ปัทมสุดา เข้าไปตบตีมิ่นด้วยความแค้น อย่างระงับอารมณ์ตนเองไม่อยู่ สุดท้ายจึงบอกว่า ตนเองท้องจริง แต่แท้งตั้งแต่เดือนแรก จึงยังไม่กล้าบอกต่อกษัตริย์ มิ่งหล้ากับปัทมสุดา มองกันด้วยความแค้น
กษัตริย์ปรึกษากับเสนาบดี และได้ข้อสรุปว่า โทษของปัทมสุดา คือให้ปลดออกจากสถานะกลับคืนสู่คนสามัญแลให้ประหารชีวิตด้วยการตัดคอ แต่เห็นแก่คุณงามความดีที่เคยค้ำชูแผ่นดินแลราชบัลลังก์มา จึงเห็นสมควรให้ลดโทษประหารแลไม่จำเป็นต้องปลดออกจากตำแหน่งราชินี แต่มีข้อแม้ว่า ปัทมสุดาต้องกลับสู่ตำแหน่งราชินีภายใต้กฎมณเฑียรบาล เหมือนเมื่อครั้งแผ่นดินรัชกาลก่อน หาใช่กฎมณเฑียรบาลที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขโดยฝีมือปัทมสุดา ส่วนมิ่งหล้า กษัตริย์ ก็แต่งตั้งให้เป็น สมเด็จพรบรมราชเทวี ตอบแทนความกล้าหาญ แลมุ่งมั่นที่จะปกป้องเกียรติภูมิราชบัลลังก์เมืองมัณฑ์
มิ่งหล้าดีใจ รีบบอกให้ฟองจันทร์ส่งทหาร กลับไปส่งข่าวที่เชียงพระคำทันที ส่วนมิ่น ก็เกรงกลัวว่าจะถูกฆ่า มิ่งหล้าจึงให้มิ่นอยู่ด้วยต่อไป หน่อเมืองกับแสนอินทะ ดีใจที่ได้รับข่าวจากมิ่งหล้า แต่เพียงชั่วครู่เดียว ก็ได้รับรายงานเรื่องที่ข่ายคำ เอายาขับเลือดกรอกปากบุญมา จนบุญมาตกเลือด เสียชีวิตในที่สุด แสนอินทะโกรธข่ายคำมาก ข่ายคำพรั่งพรูเรื่องที่แสนอินทะ รักแต่พี่สาวตนเอง แม่ของหน่อเมืองและแม้นเมือง แต่ไม่เคยรักเธอเลย ข่ายคำสารภาพ ว่าเธอเป็นคนเอายาพิษ ฆ่าพี่สาวตนเอง แสนอินทะ ตกใจในความโหดเหี้ยมของข่ายคำ
จักรคำ และละอองคำ มาหาศุขวงศ์และแม้นเมืองที่เรือน บอกว่า เดือนเก้าหลังออกพรรษาแล้วเจ้าหลวงจะจัดงานแต่งงานละอองคำกับจักรคำให้ ทุกคนต่างดีใจไปด้วยกัน
แม้นเมืองกลับไปที่ห้องเพื่อหาขวดยาพิษ แต่ศุขวงศ์เจอเข้าเสียก่อน เธอจึงสารภาพความจริงกับศุขวงศ์ ว่าเธอรักศุขวงศ์และลูก เกินกว่าจะทำร้ายศุขวงศ์ได้ ศุขวงศ์สงสาร กอดแม้นเมืองไว้ ศุขวงศ์สารภาพเรื่องที่ ไปทำลายอาวุธของเชียงเงิน ที่ซ่องสุมกำลัง เพราะหากเรื่องรู้ถึงเมืองสยาม เชียงเงินก็ตกที่นั่งลำบาก สักวันหน่อเมืองจะเข้าใจและนึกขอบคุณความหวังดีนั้นของพี่...อดีตเราเป็นเนื้อแผ่นเดียวกัน ปัจจุบันเราเห็นต่างกันด้วยอุดมการแต่อนาคตจะไม่มีอะไรมาทำลายสายใยของความเป็นบ้านพี่เมืองน้องของเราลงได้ ทั้งเชียงเงินและเชียงพระคำจะต้องรอดไปด้วยกัน...ศุขวงศ์บอกแม้นเมืองไปเช่นนั้น แม้นเมืองซึ้งใจศุขวงศ์ เพราะศุขวงศ์เอง ก็บอกจะยอมตาย หากแม้นเมืองไม่ได้รักตนจริง ทั้งสองสารภาพความในใจกันอย่างหมดเปลือกในครั้งนี้เอง
รากนครา ตอนที่ 10 ออกอากาศ วันอาทิตย์ที่ 1 ต.ค. เวลา 20.15 น.
มิ่งหล้าย้ายเข้าไปอยู่ตำหนักหลังใหม่ โดยมีมิ่นคอยดูแล ไม่ให้คนของปัทมสุดามาสอดแนมได้ มิ่งหล้ากับปัทมสุดา ยังคงชิงไหวชิงพริบ เพื่อความเป็นหนึ่งในเมืองมัณฑ์อยู่เช่นเดิม
ความเข้าอกเข้าใจกันระหว่างแม้นเมือง กับศุขวงศ์ มีมากขึ้นทุกวัน จนทำให้ทั้งคู่มีความสุข แล้ววันหนึ่งเจ้าน้อยก็เข้าป่าไปดูช้างเผือก หน่อเมืองแค้นใจที่ยังไม่ได้ยินข่าวการตายของเจ้าน้อย จึงมาหาแม้นเมืองอีกครั้ง เขาต่อว่าแม้นเมืองอย่างรุนแรง ที่ไม่รักแผ่นดินของตน แม้นเมืองเสียใจหนัก ศุขวงศ์กลับมาพอดี หน่อเมืองกับศุขวงศ์จึงต่อสู้กัน แม้นเมืองเอาตัวเข้ากำบังศุขวงศ์ไม่ให้ถูกทำร้าย หน่อเมืองแค้นจัด ศุขวงศ์บอกว่ารักแผ่นดิน ที่เป็นบ้านพี่เมืองน้องของกันและกัน ให้หน่อเมืองกลับใจ รวมสองเมืองให้แข็งแกร่ง จะได้รอดไปด้วยกัน แต่หน่อเมืองไม่เชื่อ จู่โจมศุขวงศ์ จนต่างได้รับบาดเจ็บ แล้วหน่อเมืองก็หายไปในความมืด แม้นเมืองเป็นทุกข์หนัก ทั้งเรื่องความรัก และบ้านเมือง ที่ตนเองต้องเผชิญ
มิ่งหล้าได้รับคำสั่งให้เข้าถวายงานกษัตริย์ในคืนนี้ แต่นางกลับส่ง ธิดาเมืองฉานเข้าไปแทน โดยมิ่งหล้าหวังว่า จะหาจังหวะวันที่ดี เข้าถวายงาน เพื่อจะได้มีทายาทเสียที มิ่งหล้าให้มิ่นไปกลั่นแกล้งปัทมสุดา จนเสลี่ยงที่ปัทมสุดานั่ง หักลงมา จนทำให้ปัทมสุดา ตกลงมาอย่างไม่เป็นท่า ก่อนที่กษัตริย์ มิ่งหล้า และปัทมสุดา จะไปพบกันที่วัด หมอดูทักว่า กรรมเก่าของปัทมสุดา จะกลับมาย้อนหาตัว จึงให้ปัทมสุดา ไปถือศีลที่วัดหนึ่งเดือน ปัทมสุดาได้ที ชวนกษัตริย์ไปถือศีลด้วย มิ่งหล้าขัดใจ เพราะอยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังกับกษัตริย์
แม้นเมืองเจ็บท้องคลอด ศุขวงศ์ตื่นเต้นจนนั่งไม่ติด เขียนจันทร์ (อรอนงค์ ปัญญาวงศ์) ช่วยทำคลอดให้กับแม้นเมือง แม้นเมืองคลอดลูกชาย ศุขวงศ์ดีใจมาก ตั้งชื่อให้ลูกชายว่า เจ้าไศลรัตน์ (ทัศน์พลวิวิธวรรธ์) เพราะลูกเกิดมาด้วยความเข้มแข็งอดทนอย่างหินผาเหมือนกับแม้นเมือง
ปัทมสุดา พากษัตริย์ ไปถือศีลที่วัด มิ่งหล้าร้อนใจ สั่งให้มิ่นหาทางออกให้ได้ เสนาบดีนำจดหมายมาแจ้งแก่กษัตริย์ว่า อังกฤษมีจดหมาย ส่งมาแจ้งให้เมืองมัณฑ์ยกเลิกสัญญากับฝรั่งเศสทันทีมิเช่นนั้นจะยกกองทัพโจมตีเมืองมัณฑ์ กษัตริย์เครียด ไม่อยากให้เกิดสงคราม แต่ปัทมสุดา บอกว่าไม่กลัว เพราะมั่นใจในกองทัพของตน
กษัตริย์ แอบไปหามิ่งหล้า ปัทมสุดาเห็นแค้นจัด หลังจากที่กษัตริย์กลับไปที่วัด ขิ่นแหม่ ก็นำกลุ่มทหาร บุกเข้าไปที่ตำหนักมิ่งหล้า มิ่นเข้าไปแอบในหีบ ส่วนฟองจันทร์จะเข้าไปช่วยมิ่งหล้า แต่ไม่ทัน ถูกทำร้ายจนสลบไปก่อน มิ่งหล้า ถูกมัดมือ มัดเท้า แล้วถูกผ้าคลุม นำตัวไป
มิ่นออกมาจากที่ซ่อน พยายามขนเครื่องเพชร พลอย เงิน ไปให้ได้มากที่สุด หวังจะกลับบ้านเกิด แต่กลับเจอเข้ากับทหารก่อน ถึงแม้มิ่นจะหยิบยื่นเงินทองให้ แต่ก็ไม่อาจเอาชีวิตรอดได้ ถูกฆ่าตายอย่างอนาถ
ขิ่นแหม่ นำตัวมิ่งหล้ามาให้ปัทมสุดาทรมาน ปัทมสุดา กรอกน้ำขับเลือดใส่ปากมิ่งหล้าจนหมดคนโท มิ่งหล้าเจ็บปวดด้วยความทรมาน เลือดไหลยังไม่หยุด
แม้นเมืองฝันเห็นมิ่งหล้าถูกทรมาน นึกเป็นห่วงมิ่งหล้าจับใจ ส่วนข่ายคำมาลาแสนอินทะ ไม่ขออยู่ที่เชียงเงินอีกต่อไปแล้ว
ที่เมืองมัณฑ์ เสนาบดีทูลกษัตริย์กับปัทมสุดา ว่าเชียงเงินซ่องสุมกำลัง อาวุธ เพื่อก่อกบฏ โดยมีคนในเป็นสายให้ ปัทมสุดาได้ที โทษว่าเป็นความผิดมิ่งหล้าทันที ซ้ำเสนาบดียังบอกว่า มิ่งหล้าหนีไปกับคนที่ลักลอบเข้ามาในเขตพระราชฐานอีกด้วย กษัตริย์งงกับสิ่งที่ตนเองได้รับรู้
ปัทมสุดาให้ขิ่นแหม่ นำมิ่งหล้ามาขังที่คุกใต้ดิน ฟองจันทร์แอบสะกดรอยตามมาหามิ่งหล้า ฟองจันทร์ถึงกับปล่อยโฮ เมื่อได้เห็นสภาพอันน่าเวทนาของมิ่งหล้า คิดหาทางช่วยมิ่งหล้าให้รอดพ้นจากความตายให้ได้
รากนครา ตอนที่ 11 ออกอากาศ วันจันทร์ที่ 2 ต.ค. 60 เวลา 20.20 น.
กษัตริย์เครียดจัด กินข้าวไม่ลง นึกถึงเหตุการณ์บ้านเมือง และเรื่องของมิ่งหล้า ส่วนมิ่งหล้าเองก็เจ็บหนัก อยู่ในห้องกักกันในตึกดิน โดยมีฟองจันทร์ดูแล มิ่งหล้าเอ่ยชื่อเจ้าน้อยให้ฟองจันทร์ได้ยิน ทำให้ฟองจันทร์ คิดหาหนทอง ให้เจ้าน้อย ศุขวงศ์ มาช่วยมิ่งหล้า ออกไปจากเมืองมัณฑ์
ส่วนศพของมิ่น ถูกแขวนประจาน นกแร้งรุมทึ้ง จิกกิน จนไม่เหลือซาก ขิ่นแหม่ให้ปัทมสุดากำจัด กรมวังด้วยอีกคน ก่อนสิ้นใจกรมวังสาปแช่งปัทมสุดา จนนางต้องลงมือฆ่ากรมวังด้วยตนเอง
ฟองจันทร์ไปหาซื้อยาที่ในตลาดที่กำลังวุ่นวาย เพราะกำลังจะเกิดสงคราม โชคดีเจอเข้ากับคนของเจ้าน้อย นางร้องไห้ด้วยความดีใจ โอกาสรอดของมิ่งหล้าได้มาถึงแล้ว
ที่เมืองมัณฑ์ เสนาบดีบอกแก่กษัตริย์ว่า ทหารอังกฤษ ตีกองเรือที่ปากอ่าวแตกตั้งแต่สองวันที่แล้ว
ส่วนที่เมืองเชียงเงิน แสนอินทะบอกกับหน่อเมืองว่า เมืองมัณฑ์พ่ายแพ้อย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ จะประกาศความเป็นอิสระของเชียงเงินทันที
ที่เมืองเชียงพระคำ อินทรรายงานเจ้าน้อย เรื่องที่เมืองมัณฑ์ กำลังจะเกิดสงคราม เจ้าน้อยเริ่มเป็นห่วงมิ่งหล้า เจ้าน้อยบอกแม้นเมือง จะช่วยมิ่งหล้าให้ได้ ฟองจันทร์ได้พบกับเจ้าน้อยในที่สุด เจ้าน้อยสัญญาจะช่วยมิ่งหล้าออกมา เจ้าน้อยไปหาแบร็กกิ้น เพื่อให้ช่วยมิ่งหล้าออกมาอีกแรง แบร็คกิ้น มาคนไปช่วยมิ่งหล้า ออกมาจากเมืองมัณฑ์ โดยมีเจ้าน้อย และอินทร มารอรับตัวมิ่งหล้าอีกที เมื่อมิ่งหล้า ได้พบหน้าเจ้าน้อย ศุขวงศ์ เธอร้องไห้ด้วยความดีใจ เจ้าน้อยให้แบร็กกิ้น หาหมอมารักษามิ่งหล้า แล้วเจ้าน้อยก็รีบพามิ่งหล้าหนีไป เมื่อขิ่นแห่ม บอกกับปัทมสุดา ว่ามีคนพามิ่งหล้าหนีไปแล้ว ทำให้ปัทมสุดาแค้นใจ ที่ไม่เห็นมิ่งหล้า ตายต่อหน้าตนเอง
ข่ายคำจะมาหามิ่งหล้า แต่ถึงแค่ชายป่าเมืองมัณฑ์ ก็ถูกโจรปล้นทรัพย์สมบัติจนหมด ข่ายคำเพ้อถึงมิ่งหล้า จนแทบเป็นคนเสียสติ เธอเสียใจที่ไม่ได้พบหน้ากับลูกสาวอีก และไม่รู้ชะตากรรมของลูกสาวตนเอง
เขียนจันทร์พาฟองจันทร์มาหามิ่งหล้า ฟองจันทร์ร้องไห้เสียใจ ที่พามิ่งหล้ากลับมาได้ในสภาพที่เจ็บป่วย จนเอาชีวิตแทบไม่รอด เมื่อแม้นเมืองเห็นสภาพมิ่งหล้า ก็ร้องไห้เสียใจหนัก เจ้าน้อยให้แม้นเมืองปิดเป็นความลับ เพราะหากเมืองมัณฑ์ตกเป็นของอังกฤษก็หมายความว่า มิ่งหล้าตกเป็นเชลยสงครามไปด้วย เจ้าน้อยจึงให้แม้นเมืองไปอยู่ที่เรือนเจ้าย่าชั่วคราว เพื่อปกปิดเรื่องนี้แก่เจ้าย่าไปก่อน
แม้นเมืองพาลูกมาอยู่ที่เรือนเจ้าย่า ส่วนศรีวงศ์บอกกับเจ้าน้อยว่ามีประชุมด่วนที่เชียงใหม่ ให้เจ้าน้อยไปกับจักรคำ เพราะทันทีที่เมืองมัณฑ์ตกเป็นของอังกฤษ อังกฤษต้องถือโอกาสนี้เพื่อเข้าครอบครองเมืองเล็กเมืองน้อยต่างๆด้วย นอกจากเมืองมัณฑ์แล้ว ก็รวมถึง เชียงเงิน เชียงพระคำด้วย ที่ตกอยู่ในอันตราย
แม้นเมืองมาดูอาการมิ่งหล้า แต่มิ่งหล้ายังไม่ยอมพูดด้วย แม้นเมืองเสียใจ บอกให้มิ่งหล้า รักษากายใจให้ดี เพราะที่นี่เป็นของมิ่งหล้ามาตั้งแต่ต้น มิ่งหล้าเองก็รู้สึกผิด แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดจาอย่างไร เพราะรู้ตัวดีว่า ตนเองที่เป็นคนทะเยอทะยาน จนเกิดเหตุต่างๆ มากมาย
แม่ทัพเข้ามารายงานกษัตริย์กับปัทสุดา แม่กองทัพอังกฤษเข้าโจมตี จนเมืองมัณฑ์ใกล้แพ้แล้ว ทั้งคู่ช็อก ปัทมสุดารับไม่ได้ กษัตริย์ เตรียมตัวพบกับทูตอังกฤษ กษัตริย์ทรุดตัวลงแล้วค่อยๆ ถวายบังคมลาบรรพกษัตริย์ ข่ายคำเองก็เสียสติจนกลายเป็นคนบ้าคลั่ง จะเข้าไปหามิ่งหล้า แต่ก็พลัดหลงไปกับผู้คนที่กำลังแตกตื่น
ที่ประตูวังเมืองมัณฑ์ แม่ทัพอังกฤษให้เกียรติเดินนำกษัตริย์และปัทมสุดามาจนถึงประตูวัง...ขิ่นแหม่ถือกระเป๋าใบใหญ่ให้ปัทมสุดา แต่สุดท้าย กษัตริย์และปัทมสุดา ก็ถูกคุมตัวไปลงเรือเพียงลำพัง ไปอยู่ยังประเทศอินเดีย ขิ่นแหม่ ร้องไห้อย่างน่าเวทนายิ่งนัก
ศุขวงศ์บอกกับจักรคำ และศรีวงศ์ ว่า กษัตริย์และปัทมสุดา ถูกเนรเทศไปอยู่อินเดีย ศุขวงศ์บอกว่า ตนเองมั่นใจว่าเชียงพระคำ จะรอดพ้น เพราะอยู่ภายใต้บารมีพระเจ้าแผ่นดินสยาม ศุขวงศ์เป็นห่วงเชียงเงิน เพราะรู้ดีว่า เชียงเงินต้องการอิสระ ไม่อยากขึ้นอยู่กับสยาม ซึ่งจะทำให้อังกฤษรุกรานเชียงเงินได้อย่างง่ายดาย แต่ศุขวงศ์มั่นใจว่า เชียงเงินจะต้องขึ้นอยู่กับสยามด้วยเหมือนกัน เพราะแม้นเมืองเป็นหลักฐานยืนยันสายสัมพันธ์ระหว่างเชียงเงินกับเชียงพระคำ
ศุขวงศ์บอกเจ้าย่าเรื่องที่จะไปเชียงใหม่ เพื่อประชุมกำหนดเขตแดน ฝ่ายเมืองมัณฑ์จะมีผู้แทนจากอังกฤษมาหลายคน ศุขวงศ์บอกเจ้าย่า ว่าอังกฤษ พยายามปลุกปั่นให้เชียงเงินเป็นอิสระจากสยาม เพื่อจะได้เข้ายึดครองเชียงเงินได้อย่างง่ายดาย ง่ายกว่าการตัดเฉือนเอาจากสยาม ศุขวงศ์ยังสารภาพกับเจ้าย่าอีกว่า ได้ไปลักพาตัวมิ่งหล้าออกมาจากเมืองมัณฑ์ ก่อนที่เมืองมัณฑ์จะแตกเสียอีก ศุขวงศ์พาเจ้าย่าพาเยี่ยมมิ่งหล้า
เสด็จในกรมมาที่คุ้มเจ้าหลวงเชียงพระคำ บอกว่า จะฉวยโอกาสนี้ยึดอำนาจเชียงเงินจากแสนอินทะและหน่อเมือง ศุขวงศ์ส่งอินทรไปเชียงเงิน ส่วนตนเองจะไปเชียงใหม่
หน่อเมืองมาหาแม้นเมืองที่เชียงพระคำ บอกว่า จะประกาศความเป็นอิสระ ของเชียงเงินที่เชียงใหม่ ขากลับ จะแวะมารับตัวแม้นเมือง กลับเชียงเงินด้วยกัน... แม้นเมืองอึ้งช็อคไป หน่อเมืองบังคับให้แม้นเมืองทำเพื่อบ้านเกิด และไม่ให้นำลูกไปด้วย แม้นเมืองเหมือนถูกกระชากใจ เจ็บปวดยิ่งนัก แต่ก็ต้องรับปากพี่ชาย
ศุขวงศ์เข้ามาได้ยินพอดี และเสียใจมากที่ความรักที่เขามีให้ ไม่มีค่าใดๆ ต่อแม้นเมืองเลย
รากนครา ตอนที่ 12 ตอนอวสาน ออกอากาศ วันอังคารที่ 3 ต.ค. 60 เวลา 20.20 น.
เจ้าน้อยมาลาเจ้าย่าเรือนคำ จะออกเดินทางไปเชียงใหม่ เจ้าย่าขอให้ไปลาแม้นเมืองด้วย แต่ทั้งสองก็ยังไม่ได้พูดกันอยู่ดี แม้นเมืองเสียใจที่ศุขวงศ์ให้ตนมาอยู่เรือนเจ้าย่า ส่วนศุขวงศ์ก็น้อยใจที่ได้ยินแม้นเมืองรับปากกับหน่อเมือง ว่าจะกลับบ้านเมืองตนเอง ทิ้งให้เขาอยู่กับลูกลำพัง
คืนนั้นที่คุ้มเจ้าหลวงเชียงเงิน ผาคำ พากำลังทหารมายึดเชียงเงิน บังคับให้แสนอินทะ มอบตราประทับเจ้าหลวงเชียงเงินให้กับตน ด้านหน่อเมืองได้สานสัมพันธ์กับชาวอังกฤษให้ช่วยเหลือ ในการปลดปล่อยตนเองให้เป็นอิสระ จากสยาม
รุ่งขึ้น ถึงวันประชุม ที่โถงตึกฝรั่งเชียงใหม่ เสด็จในกรม ทักทายกับพวกฝรั่ง ศุขวงศ์ จักรคำ ก็มาด้วย ศุขวงศ์เอง ก็ได้พบกับ จอห์น แบร็กกิ้นที่นี่ ในฐานะที่เขาเป็นตัวแทนจากรัฐบาลอังกฤษ ศุขวงศ์เริ่มกังวล กลัวแบร็กกิ้น จะแฉเรื่องที่ตนไปช่วยมิ่งหล้าออกมาจากเมืองมัณฑ์
ในที่ประชุม หน่อเมืองบอกว่า เชียงเงินเป็นรัฐอิสระ ในนามตัวแทนเจ้าหลวงแห่งเชียงเงิน ไม่ขึ้นต่อสยาม แต่ศุขวงศ์อ้างเรื่อง ที่หน่อเมือง เดินทางมารับตำแหน่งและตราตั้งเจ้าอุปราชจากบางกอกที่เชียงใหม่ และการเกี่ยวดองกันระหว่าง ศุขวงศ์กับแม้นเมืองด้วย ศุขวงศ์ไม่ต้องการให้เชียงเงินแยกออกจากสยาม เพราะอังกฤษจะเข้ายึดครองได้ง่าย แต่หน่อเมืองก็ประกาศว่า เชียงเงินเป็นรัฐอิสระ ไม่ขึ้นกับสยามอีกต่อไป
แต่แล้วศุขวงศ์ ก็งัดเอาหนังสือ ที่มีตราประทับของ เจ้าหลวงแสนอินทะออกมา เจ้าหลวงแสนอินทะลงนามกำกับการประทับตราแต่งตั้งเจ้าผาคำคนของายาม สำเร็จราชการแทนเจ้าหลวงแสนอินทะ และสั่งปลดหน่อเมืองออกจากการเป็นอุปราชแห่งเชียงเงินแล้ว หน่อเมืองช็อค อินทรมาทันเวลา เอาเอกสารที่มีตราประทับมาพอดี หน่อเมืองแค้นจัด จึงแฉเรื่องที่ศุขวงศ์ไป ช่วยมิ่งหล้ามาจากเมืองมัณฑ์ โดยแบร็คกิ้น รู้เห็นเป็นใจด้วย แต่แบร็คกิ้น กับปฎิเสธเรื่องที่รู้จักกับมิ่งหล้า หน่อเมืองโกรธจัด จะเข้าทำร้ายแบร็คกิ้นส์ หน่อเมืองถูกลากตัวออกไป เขาอาฆาตแค้นศุขวงศ์ ให้ชดใช้ด้วยชีวิต ทางอังกฤษเอง ก็จะต้องหาหลักฐานมายืนยัน เรื่องราชธิดาเชียงเงินให้ได้ แล้วค่อยมาคุยกันเรื่องเขตแดนต่อ ซึ่งศุขวงศ์เอง กังวลใจกับเรื่องนี้ไม่น้อย
มิ่งหล้าเริ่มมีอาการดีขึ้น ยอมรับกับแม้นเมืองว่า ตนเองได้ตายไปแล้ว ความทะเยอทะยาน อยากเอาชนะ ทำให้ตนมีสภาพเช่นนี้
หน่อเมืองหนีจากห้องคุมขังได้ในที่สุด บริวารของหน่อเมืองมาบอกว่าเรื่องที่แสนอินทะ ถูกยึดอำนาจจากผาเมือง หน่อเมืองแค้น ตัดสินใจ ยังไม่กลับเชียงเงิน แต่ขอไปชำระหนี้แค้นที่เชียงพระคำก่อน
หน่อเมืองเข้าไปรับแม้นเมืองที่เชียงพระคำ หน่อเมืองเล่าเหตุการณ์ที่เชียงใหม่ให้ฟัง หน่อเมือง จะกลับบ้านเมืองตน แล้วหยิบดาบต่อสู้ และเอาอิสระกลับมาให้ได้ หน่อเมืองบอกจะซุ่มเด็ดหัวศุขวงศ์ให้ได้ แม้นเมืองได้ฟัง ใจหายวาบ หน่อเมืองเจอฟองจันทร์ที่เรือนแม้นเมือง ถามถึงมิ่งหล้า
ศุขวงศ์สังหรณ์ใจว่าหน่อเมือง จะไปหาแม้นเมือง จึงให้อินทร ไปส่งข่าวผาคำและบุญสูงที่เชียงเงิน ส่วนตนเอง จะกลับเชียงพระคำ
แม้นเมืองพาหน่อเมืองมาเยี่ยมมิ่งหล้า มิ่งหล้าสารภาพว่าศุขวงศ์เป็นคนไปช่วยเหลือตนเองออกมา หน่อเมืองแค้น จะไปแจ้งอังกฤษว่าศุขวงศ์ลักพาตัวมิ่งหล้ามา แม้นเมืองไม่รู้จะทำเช่นไร เพราะหน่อเมือง ยืนยัน ไม่ให้แม้นเมืองเอาภูแก้วไปด้วย แม้นเมืองจึงออกอุบาย บอกกับหน่อเมืองว่า จะนัดแนะ ให้ศุขวงศ์ขึ้นไปพบกับหน่อเมือง ที่บนภูผาเมือง การพบปะจะได้องอาจเปิดเผย ไม่ใช่การลอบดักกันอยู่ริมทางเดิน จะให้เขาขึ้นไปคนเดียว และเก็บเป็นความลับ โดยจะอ้างว่าหน่อเมืองยึดตัวภูแก้วไว้เป็นประกัน โดยแม้นเมืองขอให้หน่อเมืองสัญญาว่า เมื่อได้ชีวิตหนึ่งชดใช้แล้ว หน่อเมืองจะจากไป...จะไม่ย้อนกลับมาเกี่ยวข้องจองเวรกับใครที่นี่อีก หน่อเมืองรับปากในที่สุด
บัวผันบอกกับเจ้าย่าเรือนคำและแม้นเมือง ว่าหาแม่นมมาช่วยเลี้ยงภูแก้วได้อีกคน แม้นเมืองแอบเบาใจ บอกขอบใจบัวผัน และลาเจ้าย่ากลับไปนอนที่เรือน แม้นเมืองพูดขอบใจเขียนจันทร์และคำแก้วอีกด้วย แล้วแม้นเมืองก็ให้ฟองจันทร์ ไปส่งจดหมายแก่หน่อเมืองที่ตะเคียนคู่ในคืนนั้นเอง เสร็จแล้วแม้นเมืองก็แต่งตัว ถือดาบของศุขวงศ์ออกไป ก่อนจาก ไปล่ำลาภูแก้วให้นมลูกเป็นครั้งสุดท้าย
แม้นเมืองอุ้มลูกมาให้มิ่งหล้า ฝากฝังให้มิ่งหล้าเป็นแม่ของภูแก้ว และเป็นแม้นเมือง ไม่มีคนชื่อมิ่งหล้าอยู่ในโลกนี้อีกแล้ว แล้วแม้นเมือง ก็จับมิ่งหล้ามัดไหว พร้อมอธิบายเรื่องราวทุกอย่าง ว่าตนเองทั้งรักบ้านเมือง และศุขวงศ์ แต่ก็ไม่อาจหันหลังให้กับเชียงเงินได้ จึงขออุทิศชีวิตตนเอง เพื่อชดใช้ให้กับทุกคน ชีวิตของแม้นเมืองจะไถ่ถอนชีวิตของเจ้าศุขวงศ์ จะปิดทางไม่ให้อังกฤษหาเรื่องบีบคั้นได้ เพราะจะไม่มีมิ่งหล้าอีกต่อไป มีแต่แม้นเมืองที่เจ็บหนักอยู่ที่นี่ มิ่งหล้าร้องไห้เสียใจ เจ็บปวดที่แม้นเมืองต้องสละชีวิตช่วยทุกคน
แม้นเมืองเปลี่ยนชุดเป็นชุดเดินป่าของศุขวงศ์ แล้วใช้ดาบตัดผม วางไว้ที่ข้างเบาะที่นอนของภูแก้ว แล้วแม้นเมืองก็จากไปกับความมืด มิ่งหล้ายอมจำนน พ่ายแพ้แก่หัวใจอันยิ่งใหญ่ของแม้นเมือง
ศุขวงศ์กลับมาแต่ไม่พบแม้นเมือง รีบบอกเจ้าย่าและทุกคน ว่าหน่อเมืองเป็นกบฏ ศุขวงศ์รีบตามหาแม้นเมือง ตกใจ เมื่อเห็นว่าชุดเดินป่ากับดาบของตนหายไป แล้วก็ได้ยินเสียงภูแก้วร้องขึ้น จึงรีบวิ่งมาที่เรือนมิ่งหล้า พบมิ่งหล้า พยายามหนีออกไปช่วยแม้นเมือง แต่หมดแรงเสียก่อน เลือดก็ไหลไม่หยุด มิ่งหล้าเล่าทุกอย่างให้ศุขวงศ์ฟัง แล้วรีบบอกให้ไปช่วยแม้นเมืองให้ทันเวลา
ฟองจันทร์ขึ้นมาบนเขา ไม่พบหน่อเมือง จึงฝากจดหมายแม้นเมืองเอาไว้ให้ แล้วรีบกลับไปที่เรือน ตามที่ได้ให้สัญญากับแม้นเมือง ว่าจะรีบกลับไปดูแลมิ่งหล้า ก่อนฟ้าสาง
แม้นเมืองขี่ม้า ไปบนภูผาเมือง ด้วยชุด และดาบของศุขวงศ์ หน่อเมืองเข้าใจผิด คิดว่าแม้นเมืองคือศุขวงศ์ ทั้งสองขี่ม้าเข้าหากัน ต่อสู้กัน แม้นเมืองจงใจเปิดช่องโหว่รับปลายดาบ หน่อเมืองแทงเข้าอกเฉียดขั้วหัวใจศัตรู แล้วชักม้าไปกลับลำ หมวกของชุดเดินป่าคือสิ่งแรกที่ลอยละลิ่วกลางอากาศ แล้วดาบก็หลุดร่วงจากมือสู่พื้น ร่างแม้นเมืองร่วงลงมา หยดเลือดที่ดาบหน่อเมืองไหลลงมาเช่นกัน หน่อเมืองกระหยิ่มใจ ที่ฆ่าศุขวงศ์ได้ โดยที่ไม่รู้ว่านั่นคือน้องตนเอง แม้นเมืองยิ้มพอใจที่ภารกิจสำเร็จแล้ว จนเสียงฝีเท้าม้าของศุขวงศ์ดังเข้ามา หน่อเมืองบังคับม้าให้ไปอีกทาง คิดว่ามีคนมาช่วยศุขวงศ์ หน่อเมืองจากไปแล้ว ศุขวงศ์เข้ามาดูร่างของแม้นเมืองที่เลือดไหลไม่หยุด ร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจด้วยความอาลัยเมียรัก
หน่อเมืองไปที่ตะเคียนคู่ตามนัด แต่ไม่พบแม้นเมือง มีเพียงจดหมายที่ทหารเก็บไว้ให้จากฟองจันทร์ หลังจากอ่านจดหมายจบก็เสียใจสุดกำลัง ขี่ม้าเตลิดหนีหายไป ข้อความในจดหมาย เป็นเรื่องราวที่แม้นเมืองบอกถึงความรักที่ตนเองมีต่อแผ่นดินเกิด และหน่อเมือง รวมถึงความรักที่มีต่อศุขวงศ์ และลูกน้อย แม้นเมืองขอให้การตายของเธอ จบเรื่องราวความบาดหมางทุกอย่าง หน่อเมืองเสียใจเหลือแสน ไม่คิดว่าตนเอง จะเป็นคนปลิดชีวิตน้องสาวที่ตนเองรักที่สุด ขณะที่เจ้าแสนอินทะหมดอาลัยในชีวิต เพราะนับแต่นั้นก็ยังไม่ได้ข่าวคราวหน่อเมืองอีกเลย
ก่อนที่แม้นเมืองจะสติขาดหาย เธอได้สารภาพว่ารักศุขวงศ์ รักตั้งแต่วันแรกที่เจอ รักด้วยชีวิต แล้วแม้นเมืองก็จากไป ทิ้งให้ศุขวงศ์ร่ำไห้เพียงลำพัง
มิ่งหล้าในชื่อแม้นเมืองเลี้ยงดูภูแก้ว หรือเจ้าไศลรัตน์ เป็นอย่างดี ทางด้านหน่อเมืองนึกถึงคำขอร้องของแม้นเมืองในจดหมาย ว่าแม้นเมืองขอไถ่โทษทัณฑ์ทั้งหมดด้วยชีวิต ขอให้ทิ้งซากของแม้นเมืองไว้ที่ภูผาเมือง พร้อมขอร้อง อย่าให้หน่อเมืองกลับมาที่นี่อีก หน่อเมืองเย็บตาและปากของตนเอง ยอมรับบทลงโทษ และบาปกรรมของตนเองที่ก่อไว้
20 ปีผ่านไป เจ้าไศลรัตน์ โตเป็นหนุ่มรูปงาม ศุขวงศ์ตัดสินใจเล่าเรื่องราวในอดีตทุกอย่างให้ลูกชายฟัง ไศลรัตน์ก้มลงกราบเจดีย์ของแม้นเมือง
ศุขวงศ์บอกลูกชายว่า ที่นี่เป็นที่เก็บกระดูกของหญิงที่มากไปด้วยความเสียสละ และความรักที่มีต่อทุกคน พร้อมกับมอบภาพถ่ายของตนกับแม้นเมืองตัวจริง ที่แบรกกิ้นเป็นคนถ่าย ให้เจ้าไศลรัตน์ ผู้เป็นลูกชายอย่างภาคภูมิ