กะรัตรัก - Diamond Lover ตอนที่ 31
อี้หมิงตัดสินใจบอกออกไปจนได้ว่า
“เราเลิกกันเถอะ”
เกาเหวินเสียใจเหลือเกิน ฝืนกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล “คุณต้องพูดให้ได้เลยใช่มั้ย คุณคิดถึงเขาตลอดเวลาคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ เราสองคนไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ เพราะคุณยังต้องการเวลาเท่านั้น และอีกไม่นานเวลาจะช่วยให้คุณลืมเขาเอง คุณเป็นคนพูดเองนะ คุณรับปากฉันแล้วไม่ใช่เหรอ”
อี้หมิงเองก็เสียใจสุดจะประมาณ “ผมไม่อยากโกหกคุณและโกหกตัวเองอีกต่อไปแล้ว ผมหวังว่าคุณจะเชื่อผม ผมลองพยายามแล้วแต่ผมพบว่า ผมไม่สามารถรักคุณได้จริงๆ จนกระทั่งเมื่อมี่โตะจะจากไป ผมถึงได้รู้ว่า หัวใจตัวเองสับสนไปหมด ฉะนั้นผมจึงไม่สามารถพยายามต่อไปได้อีกแล้ว”
เกาเหวินยื้อสุดชีวิต “คุณจะไม่ลองพยายามอีกรอบเหรอ เซี่ยวเลี่ยงยังสามารถลืมเยี่ยฉีได้ ฉันก็ลืมหานปิงได้แล้วทำไมคุณทำไมได้ล่ะ”
“ผมเคยพยายามลืมใครบางคน แต่ว่าต่อมาผมไม่เพียงลืมเขาไม่ได้ แต่ยิ่งทำให้ผมรักเขามากขึ้น”
เกาเหวินสะท้อนสะท้านในใจ “แล้วเขาล่ะ เขารักคุณมั้ย”
อี้หมิงบอกหน้าเศร้า “ไม่รัก นอกจากนี้ แม้แต่ความเป็นเพื่อนเขาก็ไม่ให้ผมอีกแล้ว”
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้คุณยังจะรักเขาอีกเหรอ”
“ใช่ ผมขอโทษนะเกาเหวิน ผมไม่เคยคิดจะทำร้ายคุณเลย”
“หันหน้ามา มองหน้าฉันแล้วพูดอีกทีสิ”
อี้หมิงหันมาช้าๆ “ผมขอโทษ”
เกาเหวินในสภาพน้ำตาเต็มตาตบหน้าอี้หมิงเต็มแรงจนหน้าสะบัด ก่อนจะตะเพิดส่ง “ไป ไปเซ่” จากนั้นก็ร้องไห้โฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น
อี้หมิงลุกเดินจากไปช้าๆ หยุดที่หน้าประตู หันมามองเกาเหวินที่ก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความสงสาร แต่ไม่รู้จะทำยังไง
น้ำตาลูกผู้ชายไหลริน
เซี่ยวเลี่ยงดื่มเหล้าอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์ร้านเหล้า ในสภาพเมาแอ่น หัวโยกหัวคลอน ขณะที่เยี่ยฉีเดินเข้ามาหาบริกร
“ขอบคุณที่ช่วยเขารับโทรศัพท์”
“ไม่เป็นไรครับ”
เยี่ยฉีคว้าแก้วไว้ไม่ให้เขาดื่ม “เลิกดื่มเถอะ คุณเมาแล้ว”
“ปล่อยนะ” เซี่ยวเลี่ยงไม่ยอมปลดมือเธอออก ดื่มหมดแก้ว
เยี่ยฉีวางกระเป๋าถือตรงเคาน์เตอร์ ลงนั่งข้างๆ “ตอนที่ฉันจากไป คุณก็ดื่มจนเมาอย่างนี้ใช่มั้ย”
เซี่ยวเลี่ยงยกนิ้วขึ้นส่ายไปมาบอกว่าไม่เหมือน “มี่โตะไม่เหมือนคุณหรอกน่า”
“เธอต้องแตกต่างแน่นอน อย่างน้อยฉันก็เคยพยายามเพื่อคุณ แต่เธอกลับเดินจากไปอย่างง่ายดาย จนตอนนี้แล้วคุณยังคิดว่าเขารักคุณอีกเหรอ ลืมเขาเถอะ ลืมเหมือนตอนที่คุณลืมฉันไงล่ะ” เยี่ยฉีว่า
เซี่ยวเลี่ยงส่ายหน้า “ผมทำไม่ได้”
“ทำได้แน่ ฉันรอคุณได้”
เซี่ยวเลี่ยงหันมาจ้องหน้าเยี่ยฉี บอกอย่างเหนื่อยใจ “เฮ้อ ผมไม่ต้องการให้คุณรอผม คุณรู้มั้ย ถ้าผมยังไม่ลืมคุณล่ะก็ ผมจะไม่มีวันรักเขาเด็ดขาด”
เซี่ยวเลี่ยงฟุบลงนอนกับเคาน์เตอร์ เยี่ยฉีลูบผมเขา บอกโดยที่เขาไม่ได้ยิน
“แต่เขาจากคุณไปแล้ว คุณกลับมารักฉันอีกครั้งได้มั้ย”
สุดท้ายเยี่ยฉีประคองพาเซี่ยวเลี่ยวมาที่ห้องพักของเธอในโรงแรมหรูอย่างทุลักทุเล “ระวัง ค่อยๆ เดิน ระวัง”
เธอวางเขาลงนอนบนโซฟายาวมุมรับแขก ขยับศีรษะให้นอนในท่าสบายๆ ลูบไล้ใบหน้าด้วยความรัก
“สักวันคุณจะเข้าใจ ทุกอย่างที่ฉันทำลงไป ก็เพื่อเราสองคน”
เยี่ยฉีน้ำตาไหลริน ก้มลงไปหมายจะจูบ แต่จู่ๆ เสียงสามีเยี่ยฉีก็ดังขึ้น “ที่รัก”
เยี่ยฉีชะงักลุกขึ้นหันไปทางเสียง “คุณมาที่นี่ทำไม”
แล้วก็เกิดการโต้เถียงกันตามเคย ชายผู้เป็นสามีชี้ไปยังเซี่ยวเลี่ยงอย่างไม่พอใจ
“คุณกล้าพาผู้ชายกลับบ้านเหรอ”
ในสภาพน้ำตานองหน้า เยี่ยฉีจับคอเสื้อผลักเขาออกห่างจากเซี่ยวเลี่ยง
“เรื่องส่วนตัวของฉัน คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่ง”
ชายผู้เป็นสามีผลักมือเยี่ยฉีออก “ผมว่าแล้ว ทำไมคุณถึงรีบร้อนหย่า ตอนเจอพวกคุณผมก็รู้สึกผิดปกติแล้ว จนตอนนี้แล้วคุณยังรักเขาอีกเหรอ”
“ฉันจะบอกให้นะ เมื่อกระต่ายโมโหจะกัดคนได้ ถ้าคุณอยากจบความสัมพันธ์ของเราด้วยดี คุณอย่าทำร้ายคนอื่นเด็ดขาด” เยี่ยฉีขู่
“ได้ ในเมื่อคุณได้เขากลับมาแล้ว คงรีบหย่ามากกว่าเดิมสินะ ผมสามารถช่วยคุณได้ แต่เงื่อนไขคือคุณต้องคืนของๆ ผมที่เอาไปกลับมาให้หมดทุกอย่าง”
เยี่ยฉีไม่ยอม “นั่นคือสิ่งที่ฉันสมควรจะได้”
ชายผู้เป็นสามีโมโหยิ้มหยัน “ควรได้เหรอ เงินที่คุณขุดไปจากผมมันยังน้อยไปอีกเหรอ”
“คุณเป็นคนเต็มใจให้ฉันเองนี่”
“ผมเต็มใจให้เงินคุณ เพื่อให้คุณเอาไปอยู่กับคนอื่นเหรอ เยี่ยฉีผมจะบอกให้ กรณีอย่างนี้ถ้าขึ้นศาลคุณจะไม่ได้อะไรทั้งนั้น ทางที่ดีคุณรีบรับเงินแล้วคืนบริษัทให้ผมเถอะ ไม่งั้นผมจะไม่มีวันหย่ากับคุณ และยังเอาความสัมพันธ์ของเรา ไปบอกเซี่ยวเลี่ยงด้วย ถึงตอนนั้นเราค่อยมาดูกัน ว่าเขาจะคบกับผู้หญิงที่เคยแต่งงานหรือเปล่า”
พร้อมกับว่าเขาตะโกนปลุกเซี่ยวเลี่ยงเสียงดังลั่น “เฮ้ย เซี่ยวเลี่ยง”
เยี่ยฉีโพล่งออกไปทันที “ฉันตกลง แต่ตอนนี้บริษัทยังไม่มีกำไร เงินที่คุณต้องการก็ไม่ใช่น้อยๆ ฉันต้องการเวลา”
“คุณไม่ต้องมาเล่นลิ้นกับผม ในเมื่อคุณมาหาเขาแล้ว สำหรับคุณเรื่องเงินจะมีปัญหาเหรอ ผมให้เวลาคุณหนึ่งเดือน หลังจากหนึ่งเดือนแล้ว ถ้าคุณไม่คืนเงินให้ผม ก็อย่าหวังว่าผู้ชายคนนี้จะมองหน้าคุณอีก”
สามีผู้กำลังจะเป็นอดีตของเยี่ยฉีเดินจากไปทันที
เยี่ยฉียืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบมือถือมากดโทร.หาใครคนหนึ่ง
“ฮัลโหล คุณรีบมาหาฉันตอนนี้เลย”
เธอวางสายแล้วหันไปมองเซี่ยวเลี่ยงที่นอนหลับอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
ไม่ใช่ใครเป็นหลินจื่อเหลียงนั่นเอง เยี่ยฉีลงมาคุยกับเขาในรถที่จอดอยู่ในลานจอดของโรงแรม จื่อเหลียงหงุดหงิดใส่ทันทีที่ประตูปิดลง
“คุณเข้าใจความสัมพันธ์ของเราสองคนผิดแล้ว ผมรับปากว่าจะช่วยคุณ แต่ผมไม่ใช่คนรับใช้ที่จะเรียกมาเมื่อไหร่ก็ได้”
“หลังจากฉันกลับมา นับตั้งแต่เราเจอกันครั้งแรก คุณกับฉันก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ใครช่วยใครไม่สำคัญ ฉันมีความจำเป็นถึงได้เรียกคุณมา ฉันต้องการเงินก้อนหนึ่ง”
จื่อเหลียงหันมามองอย่างไม่พอใจ “ถ้าคุณต้องการเงินละก็ คงไม่ใช่จำนวนน้อยๆ แน่ ทำไมไม่ไปหาเซี่ยวเลี่ยงล่ะ”
“แม้ว่าฉันเยี่ยฉีจะลำบาก แต่ก็ไม่ตกต่ำถึงขั้นขอเงินผู้ชาย ฉันแค่ต้องการใช้บริษัททำเงินอีกก้อนหนึ่ง อยากให้คุณช่วยคิดหาวิธี”
“บริษัทเหรอ ครั้งก่อนคุณร่วมมือกับเรา พ่อของผมก็สงสัยมากแล้ว ถ้าผมยังช่วยคุณอีก ผมต้องโดนหางเลขเข้าไปด้วยแน่ๆ”
“แล้วบริษัทอื่นล่ะ ยังมีหนทางมั้ย”
“ตามที่คุณพูดมา ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางอื่น เพียงแต่ว่า...”
เยี่ยฉีชะงักมือที่จะเปิดประตู หันมาหา “อะไร”
“บริษัทของพวกคุณค่อนข้างเล็ก ถ้าจะหมุนเงินมากขนาดนี้ ในระยะเวลาอันสั้นๆ คงต้องเร่งการดำเนินงาน หรือไม่ ก็ไปกู้เงินจากธนาคารเอง”
“คุณแค่มอบโปรเจ็กต์ให้ฉันก็พอแล้ว เรื่องอื่นฉันจัดการเองได้”
“โอเค งั้นคุณกลับไปรอฟังข่าวได้เลย”
“หนี้บุญคุณในครั้งนี้ฉันจะจำเอาไว้”
เยี่ยฉีลงรถไปปิดประตูปัง จื่อเหลียงมองตามก่อนจะหันกลับมาใช้ความคิดหนัก
เซี่ยวเลี่ยงตื่นขึ้นมาร้องโอดโอย มองรอบๆ ห้อง พยายามนึกว่าอยู่ที่ไหน จนเห็นเยี่ยฉีซึ่งเพิ่งกลับขึ้นมา ถามขึ้นอย่างแปลกใจ
ผมมาอยู่ที่นี่ได้ไง”
“คุณเมาเหล้า ฉันเลยประคองคุณมาที่นี่ ดีขึ้นมั้ยคะ”
เซี่ยวเลี่ยงลุกขึ้น ขยับเนคไทจับเสื้อผ้าให้เข้าที่ “ขอบคุณ ผมขอตัวก่อน”
“คุณนั่งอีกสักพักสิ ฉันจะต้มซุปแก้เมาให้คุณ”
“ไม่ต้องหรอก คิดซะว่าคืนนี้ผมไม่ได้มา”
เซี่ยวเลี่ยงจะเดินออกไป เยี่ยฉีขวางทางไว้
“เดี๋ยวก่อน จำที่คุณพูดกับฉันตอนอยู่ที่บาร์ได้มั้ย”
“ผมพูดอะไร”
“คุณพูดว่า คุณจะไม่ลืมฉัน และยินดีที่จะรักฉัน”
“คุณเข้าใจผิดแล้ว” เซี่ยวเลี่ยงไม่แน่ใจว่าเขาพูดจริง แต่ไม่อยากฟังเดินออกไปเลย
เยี่ยฉีพูดต่อว่า “ถ้าไม่มีมี่โตะ คุณจะรักฉันอีกครั้งมั้ย”
เซี่ยวเลี่ยงหยุดหันกลับมาหา
“ถึงผมจะเคยพูดแบบนั้นกับคุณจริงๆ แต่เรื่องของเรา เป็นได้แค่อดีตเท่านั้น”
เซี่ยวเลี่ยงหันหลังถอนใจอย่างเบื่อหน่าย แล้วเดินจากไปเลย
ทิ้งเยี่ยฉีให้ยืนน้อยใจเสียใจและแค้นใจอยู่เพียงลำพัง
เช้าวันต่อมา เหม่ยลี่ต้องแปลกใจเมื่อเยี่ยฉีรู้ที่อยู่ของเธอ และเวลานี้ตามเข้ามาในห้อง
“ฉันเลิกกับเซี่ยวเลี่ยงแล้ว คืนนี้กำลังจะจากไป คุณยังไม่พอใจอีกเหรอ”
เยี่ยฉีมองสภาพห้องอย่างสมเพช “เลิกเหรอ คุณคิดว่าเลิกกันมันง่ายมากเหรอ คืนนี้คุณไม่ต้องไปแล้ว ฉันจะให้คุณทำร้ายเซี่ยวเลี่ยงให้หนักๆ ให้เขาเป็นเหมือนตอนอกหักจากฉันเมื่อก่อน เขาจะได้ตัดใจจากคุณ ฉันจะให้คุณจบสิ้นกับเขาอย่างสมบูรณ์”
เหม่ยลี่โกรธจัด “คุณทำร้ายคนอื่นมากไปแล้ว คุณคิดว่าที่ฉันไปจากเซี่ยวเลี่ยงเพราะคุณข่มขู่เหรอ คุณประเมินความรักระหว่างเราต่ำไปแล้ว เซี่ยวเลี่ยงไม่ใช่เครื่องมือที่คุณอยากรังแกตามใจได้ คุณคิดว่าทำอย่างนี้แล้ว เขาจะกลับมารักคุณอีกงั้นเหรอ”
เยี่ยฉียิ้มเยาะเดินคุกคามเข้ามาจนใกล้ แสดงความร้ายกาจออกมาไม่มีเม้ม
“เขาไม่ใช่เครื่องมือแน่นอน แต่คุณใช่ ถ้าคุณไม่ทำตามความต้องการของฉัน ฉันมีวิธีทำให้คุณ น่ารังเกียจในสายตาเขายิ่งกว่าฉันอีก ระหว่างทำร้ายเซี่ยวเลี่ยง กับการทำลายตัวเอง คุณควรจะเลือกอย่างไหน คงไม่ต้องให้ฉันบอกหรอกมั้ง”
พูดจบเยี่ยฉีก็เดินยิ้มอย่างเป็นต่อ ออกไปเลย เหม่ยลี่ยืนคุมแค้นในสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
ในที่สุดคืนนั้นเหม่ยลี่ตัดสินใจโทร.หาเซี่ยวเลี่ยง ขณะเขาเดินซังกะตามาขึ้นรถที่ใต้ตึกเทซีโร่ เมื่อเห็นชื่อมี่โตะเขากดรับด้วยน้ำเสียงลิงโลด
“มี่โตะ มี่โตะคุณจริงๆ เหรอ อย่าวางสายนะ คุณอยู่ที่ไหน”
ที่แท้เหม่ยลี่แอบข้างเสาอยู่ไม่ไกลจากเขานัก “ฉันจะไปแล้ว ต่อไปจะไม่กลับมาอีก”
เซี่ยวเลี่ยงไม่เข้าใจอยู่ดี “มี่โตะ ทำไมคุณต้องไปโดยไม่บอกผมด้วย ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่สนใจพ่อผมทำไมคุณยังไปอีกล่ะ”
“เพราะว่าคุณก็มีความฝัน พ่อคุณเคยบอกฉันว่า คุณฝันที่จะพัฒนาบริษัทมาก นอกจากนี้ฉันก็ไม่เหมาะสมกับคุณทุกประการ ฉันมีความลับอย่างหนึ่งที่ไม่เคยบอกคุณเลย เมื่อฉันพูดจบแล้ว คุณจะไม่มีวันรักฉันอีกแน่นอน”
“มี่โตะ ผมไม่อยากรู้ความลับอะไรของคุณเลย ถ้ามันเป็นความลับที่ทำให้เราต้องแยกกัน ผมไม่อยากรับรู้มันหรอก ผมแค่ต้องการให้คุณกลับมา มี่โตะ แค่คุณกลับมาอยู่กับผม ผมไม่สนใจเรื่องไหนทั้งนั้น ไม่ว่าคุณจะทำอะไรลงไป ผมก็สามารถให้อภัยคุณได้”
“งั้นคุณจำคำพูดในตอนนี้เอาไว้ ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณต้องจดจำแต่เรื่องดีๆ ของเรานะคะ”
“ผมไม่ตำหนิคุณแน่ คุณรีบกลับมาได้มั้ย”
“ฉันไม่มีวันกลับไปอีกแล้ว”
เซี่ยวเลี่ยงเซี่ยงชักโกรธ “มี่โตะ ไม่ว่าคุณหนีไปไหนผมจะไปตามคุณกลับมา คุณได้ยินมั้ย”
เหม่ยลี่ยิ้มขำ “ไม่เสียชื่อที่เป็นแฟนฉัน แม้แต่ข่มขู่ยังหล่อขนาดนี้”
เซี่ยวเลี่ยงเหลียวหาไปรอบๆ ใจจะขาดรอนๆ “คุณอยู่ไหน อยู่ใกล้ๆ ผมใช่มั้ย หะ”
เหม่ยลี่กดตัดสายก่อนเขาจะเดินมาถึง เซี่ยวเลี่ยงใจหายที่สายตัดไปเลย วิ่งพล่านร้องตะโกนหา ไปทั่วลานจอดรถ
“มี่โตะ มี่โตะ มี่โตะ”
เหม่ยลี่มองดูเซี่ยวเลี่ยง เช็ดน้ำตาที่ร่วงรินด้วยความปวดร้าวใจ
วันต่อมา เกาเหวินบอกลาเหลยอี้หมิง และตัดใจไปเมืองนอก
“เดิมทีฉันอยากอยู่ที่นี่กับคุณตลอดชีวิต แต่คงเป็นไปไม่ได้แล้ว นี่คงเป็นชะตากรรมของนางฟ้าสินะ ที่กำหนดไว้ว่าฉันไม่สามารถคบกับคุณได้”
“ถ้าเป็นไปได้ คุณรีบลืมผมโดยเร็วที่สุดเถอะ”
“ฉันไม่ทำหรอก ฉันจะจำทุกอย่างของคุณไว้ ท่องวันละรอบทุกวันเพื่อให้ลูกหลานรู้ว่า คุณเป็นหนี้ความรักของฉัน”
อี้หมิงยิ้มให้ “ได้สิ ทำอะไรก็ได้ ขอแค่คุณสบายใจก็พอ”
เกาเหวินจะร้องไห้ “ฮือ...คุณอย่ายิ้มให้ฉันอีกได้มั้ย คุณยิ้มแบบนี้ ถ้าฉันอยากแย่งคุณกลับมาอีกจะทำยังไง”
“เกาเหวิน เมื่อก่อนผมคิดอยู่เสมอ ว่าในเรื่องความรักผมเป็นผู้ชนะตลอด แต่หลังจากได้พบคุณ ผมพบว่าผมแพ้แล้ว ไม่มีวันเอาชนะได้ เมื่อก่อนผมคิดมาตลอด ว่าการถูกคนอื่นทำร้ายเจ็บปวดที่สุด แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่า การทำร้ายคนอื่น มันเจ็บปวดยิ่งกว่า ดังนั้นเกาเหวิน ถ้ามีโอกาสได้เริ่มใหม่อีกครั้ง คุณต้องจำไว้ว่า ผมจะกลับมาหาคุณ และจะรักคุณให้มากกว่าที่คุณรักผม”
“ถือว่าคุณยังรักดี” อี้หมิงยื่นมือไปลูบผมบอกลา
เจสันซึ่งขนกระเป๋าสัมภาระที่เพิ่งขนมาออกไปจนเกลี้ยง เดินมากระแอมกระไอเรียก
“ที่รัก ถึงเวลาแล้ว ไปได้แล้ว”
เกาเหวินหันหลังเดินจากไปได้สองก้าวก็หยุด เดินเข้ามากอดอี้หมิงสั่งลาเร็วปรื๋อ
“ถึงรักเขามากแค่ไหน คุณห้ามคบกับเขาทันที เราเพิ่งเลิกกันคุณต้องไว้อาลัยให้ความรักของเราสามเดือน หลังจากสามเดือน ฉันก็ลืมคุณได้แล้วฉันจะปล่อยมือคุณ แต่คุณไม่ต้องรับปากฉัน เพราะว่าเรื่องไหนที่คุณรับปากคุณไม่เคยทำได้เลย”
เกาเหวินสั่งเสียเป็นครั้งสุดแล้วเดินร้องไห้ออกไป
เจสันใช้กำปั้นทุบอกอี้หมิงสั่งลา “ขอให้โชคดีนะ”
เกาเหวินเดินบ่นบ้าร้องไห้สะอึกสะอื้นมาที่รถซึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน
“เรื่องที่รับปากฉันไม่เคยทำได้เลยซักเรื่อง ฮือๆๆ”
เจสันลากกระเป๋าใบสุดท้ายตาม พลอยร้องไห้ไปด้วย “นี่ ในเมื่อเธอชอบเขาขนาดนั้นทำไมเธอไม่รั้งเขาไว้ล่ะ”
“ฉันเลิกหรือว่าเธอเลิกกันแน่เนี่ย เธอร้องไห้ทำไม”
“ฉันไม่ได้ร้อง ถ้างั้น เดี๋ยวเธอจะไปไหน ฉันว่าเธออย่าเพิ่งกลับบ้านเลย ฉันกลัวเธอทำใจไม่ได้ แล้วจะเจ็บปวด”
“เฮ้อ ฉันไม่กลับบ้านแน่นอน ฉันมีเรื่องต้องจัดการ เลยอยากรีบไปจัดการตอนที่ยังอารมณ์ร้อนๆ”
เกาเหวินขึ้นรถแล้วขับออกไปเลย ทิ้งเจสันไว้กับกระเป๋าของเธอ
“นี่ๆ ทิ้งฉันไว้ตรงนี้ได้ไง ยังมีกระเป๋าของเธออีกนะ ฉัน...”
เจสันเดินตูดบิดลากกระเป๋าออกไปเรียกรถที่ถนนใหญ่ด้วยความแค้น
คนที่เธอนัดเจอคือมี่โตะ สองสาวอยู่ในร้านอาหารบรรยากาศดีงามด้วยกัน
“วันนี้...เมื่อวานเหลยอี้หมิงเลิกกับฉันแล้ว ฉันเคยบอกเธอแล้วว่าอย่ามาหาเขาอีก อย่ามาทำให้เราแยกกัน”
เหม่ยลี่หน้าเศร้า “ฉันไม่เคยคิดจะแยกพวกเธอเลยนะ”
“แต่เธอก็ทำให้แยกกันแล้วนี่”
เหม่ยลี่เสียใจสุดซึ้ง พยายามอธิบาย“เกาเหวิน ฉันรู้ตอนนี้ฉันพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เพราะฉันเลือกปิดบังเธอตั้งแต่แรกเอง แม้กระทั่งยังทำบางอย่างที่ผิดต่อเธอ แต่ฉันไม่เคยคิดจะทำร้ายเธอเลยนะ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องมันจะเลยเถิดมาถึงวันนี้ ถ้าหากชดเชยให้เธอได้ หรือแม้แต่ทำอะไรให้เธอเจ็บปวดน้อยที่สุด ฉันก็ยินดีทำ”
เกาเหวินต่อว่าเร็วปรื๋อ “ฉันขอให้เธอไปจากเหลยอี้หมิงตลอดชีวิต เธอทำได้มั้ย ดีที่เธอไม่ได้รับปากฉัน ไม่งั้นฉันจะได้เกลียดเธอต่อไป ในเมื่อทำลงไปแล้วก็ช่างเถอะ เธอหลอกฉันได้ก็ใช่ว่าเธอจะโกหกได้ดี แต่เป็นเพราะว่าฉันเต็มใจเชื่อเธอต่างหาก เธอทำร้ายฉัน แต่เป็นเพราะว่าฉันเห็นเธอเป็นเพื่อน จึงให้โอกาสนี้กับเธอ”
เหม่ยลี่ใจหาย “เกาเหวิน”
เกาเหวินลุกขึ้น บอกลาบอกความห่วงใยในแบบของเธอ “แต่ต่อไปเธอไม่มีโอกาสนี้อีกแล้ว เราไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อไป ดูแลตัวเองให้ดีด้วยล่ะ”
เยี่ยฉียืนสีหน้าเครียดเคร่งอยู่ริมน้ำแห่งหนึ่ง มีเครื่องบันทึกเสียงขนาดจิ๋วอยู่มือ ก่อนจะรีบเก็บลงกระเป๋าเสื้อคลุม หันมารับหน้าจื่อเหลียงที่เดินเข้ามาหา พร้อมซองเอกสารสีน้ำตาลในมือ
“เยี่ยฉี นี่คือโปรเจ็กต์ที่ผมหาให้คุณ แต่คุณต้องจำไว้ ห้ามติดต่อกับฝ่ายตรงข้ามเอง ต้องผ่านคนกลางอย่างผมเท่านั้น”
“ทำไม”
“เพราะบิลที่หามาได้อย่างเร่งด่วน จะทำอย่างเปิดเผยได้ยังไงล่ะ พวกเขาต้องการเติมสินค้าล็อตหนึ่งอย่างเร่งด่วน จึงมาหาผมเป็นการส่วนตัว เยี่ยฉี คุณต้องจำไว้ ถ้าจะรับบิลนี้เองล่ะก็ ค่าใช้จ่ายในเบื้องต้นจะเป็นของคุณทั้งหมด
“รายการแบบนี้ฉันรับด้วยตัวเองก็ได้นี่”
“ก็ได้ ไม่เอาใช่มั้ย งั้นก็ช่างเถอะ”
จื่อเหลียงหันหลังเดินออกไปอย่างฉุนเฉียว เยี่ยฉีเรียกไว้เสียงดังลั่น
“เดี๋ยวก่อน เอาสัญญามาให้ฉัน”
จื่อเหลียงยื่นซองให้กับมือ ก่อนจะชี้หน้าเยี่ยฉีอย่างไม่พอใจ “คุณต้องจำไว้เยี่ยฉี ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มีความอดทนเหมือนผม แล้วก็ ผมขอเตือนคุณ อย่าใช้น้ำเสียงแบบเมื่อกี้มาขอให้ผมช่วยอีก เพราะว่าผมเกลียดน้ำเสียงแบบนี้ที่สุด”
สองคนเดินคุยกันมาตามทางโถงทางเดินในบริษัท มุ่งหน้าไปทางห้องทำงานเซี่ยวเลี่ยง
“เกาเหวินรู้มั้ยว่ามี่โตะอยู่ที่ไหน”
“คุณเกาบอกว่าหลังจากเจอกับมี่โตะก็ติดต่อเธอไม่ได้แล้ว แต่เธอรู้สึกว่ามี่โตะยังไม่ไป น่าจะยังอยู่ในเมือง” ฉีหยูบอก
เซี่ยวเลี่ยงหยุดเดินคิดตาม “ก็แปลว่าเธอกำลังหลบฉัน”
“ถ้ามี่โตะยังไม่ไปล่ะก็ อาจแปลว่าเธอไม่อยากไปจากคุณก็ได้นะครับ”
เลขาหน้าห้องเดินมาหา “คุณเซี่ยวคะ คุณเยี่ยของบริษัทเสื้อผ้ามาหาคุณค่ะ”
เซี่ยวเลี่ยงเดินเข้ามาในห้อง ตรงมายังโต๊ะทำที่เยี่ยฉีนั่งรออยู่แล้ว
“ถ้าคุณจะพูดถึงเรื่องเมื่อคืนล่ะก็ เลิกพูดไปได้เลย ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์แม้แต่จะปฏิเสธคุณ”
“วันนี้ฉันมาเพื่อคุยเรื่องธุรกิจเท่านั้น”
เซี่ยวเลี่ยงแปลกใจ “มีอะไร”
“คุณเคยพูดว่า นอกจากเรื่องความรัก เรื่องอื่นสามารถชดเชยให้ฉันได้”
“คุณต้องการเท่าไหร่”
“อย่าเข้าใจฉันผิด ฉันแค่อยากให้คุณช่วยเหลือ เป็นผู้ค้ำประกันกับธนาคาร ถือว่าช่วยฉันเป็นครั้งสุดท้าย”
เซี่ยวเลี่ยงตอบโดยไม่ต้องคิด “ได้ ผมตกลง”
เยี่ยฉียิ้มสมใจ ขณะที่เซี่ยวเลี่ยงมีสีหน้าคลางแคลงใจ
ด้านอี้หมิงอยู่ที่โต๊ะทำงานในแผนกสูตินรีเวช เอาแต่ใจลอยคิดถึงเหม่ยลี่ทั้งวัน
“ฉันจะพูดทีละประโยคให้เธอเข้าใจ ฉัน ชอบเธอ”
“นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่จอมปลอมนี้ ฉันก็ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว”
“คนที่ไม่มีอะไร คือฉันต่างหากล่ะ”
เสี่ยวก๋อเดินเข้ามาหยุดมองอี้หมิงอย่างเป็นห่วง เห็นเขาหยิบมือถือซ่อนตรงโน้นแล้วหยิบออกมาซ่อนตรงนี้ให้วุ่นอยู่นานสองนานแต่ไม่เป็นที่พอใจ จึงเดินเข้ามาหา
“คุณหมอเหลย ยังไม่กลับเหรอคะ”
“ผมอยากอยู่ที่นี่อีกซักพัก”
“วันนี้ฉันเห็นคุณใจลอยแบบนี้มาทั้งวันแล้ว มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเกาเหวินหรือเปล่าคะ”
“เราเลิกกันแล้วล่ะ”
เสี่ยวก๋องง “เพราะอะไรคะ พวกคุณรักกันดีอยู่เสมอไม่ใช่เหรอ”
“จบแล้วก็คือจบ ไม่มีเหตุผลอะไรต้องอธิบายหรอก”
“ที่จริง หลังจากเราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ดูเหมือนว่าคุณจะมีแฟนมาตลอด ทุกครั้งหลังจากเลิกกับแฟนคุณจะมีแฟนใหม่อย่างรวดเร็ว แต่ว่าฉัน ก็ชินกับการรอคุณ”
อี้หมิงอึดอัด หามือถือทั่วโต๊ะ “เอ่อ มือถือผมล่ะ เอ่อ เมื่อกี้ยังวางอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เหรอ”
“คุณเก็บไว้ในลิ้นชักแล้วค่ะ”
“ใน...ในลิ้นชักเหรอ ฮิๆ ใช่แล้ว ลืมได้ไงเนี่ย ผมนึกขึ้นได้ว่าต้องไปดูคนไข้ห้องแปดหน่อย คุณรีบกลับบ้านเถอะ รีบกลับไปพักผ่อน
“ฉันชอบคุณค่ะ” เสี่ยวก๋อโพล่งขึ้นมา ตัดสินใจสารภาพออกไป “ฉันรู้ว่าชอบคนที่ไม่ได้รักคงไม่มีทางสมหวัง ที่ผ่านมาเรื่องที่ฉันมีความสุขที่สุดในทุกๆ วัน คือการได้เห็นหน้าคุณที่โรงพยาบาล เวลาคุณมีความสุขฉันก็มีความสุขไปกับคุณ คุณทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปเร็วมาก เวลาคุณเศร้า ไม่ว่าฉันจะยุ่งแค่ไหนก็จะทำตัวให้ว่างเหมือนไม่มีอะไรทำ เพราะต้องการให้คุณหันมาสนใจฉัน และฉันอยากแบ่งเบาความทุกข์ของคุณ หรือว่าแค่คุณคุยกับฉันซักคำก็ยังดี คุณยังจำได้มั้ย ทุกครั้งที่คุณผ่าตัดเสร็จฉันจะเอาน้ำไปส่งให้คุณ แม้ว่าจะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่มันก็เป็นความเคยชินอย่างหนึ่งในชีวิตของฉัน ถ้าไม่ได้ทำฉันจะรู้สึกไม่สบายใจ แต่ดูเหมือนว่าคุณจะไม่เคยแคร์ฉันเลย”
เสี่ยวก๋อเริ่มร้องไห้ออกมา “ไม่ว่ายังไงคุณก็เห็นฉันเป็นแค่เพื่อน ทำไมเราต้องเป็นเพื่อนกันตั้งแต่แรกด้วย คุณสามารถชอบคนแปลกหน้าได้ตั้งมากมาย แล้วทำไมถึงไม่สามารถชอบฉันได้ล่ะ เพราะอะไร”
อี้หมิงฟังแล้วสะท้อนใจ “เอาล่ะ อย่าทำอย่างนี้เลย ไม่ว่ายังไงคุณก็ยังได้เห็นหน้าคนที่คุณชอบ แต่บางคนหลังจากที่ถูกปฏิเสธแล้ว ไม่มีแม้แต่โอกาสจะเจอคนที่ตัวเองชอบ ดังนั้น คุณต้องพอใจจึงจะถูก ขอบคุณมาก”
อี้หมิงเดินจากไปแล้ว เสี่ยวก๋อสะอื้นไห้ทรุดลงนั่งอย่างคนหมดแรง
เยี่ยฉีเดินเข้ามาในออฟฟิศร้าน SEVEN7BABY ลูกน้องคนสนิทที่รับจ็อบเป็นนักสืบอีกวาระ เดินเข้ามาทักด้วยสีหน้าแช่มชื่น
“สวัสดีค่ะคุณเยี่ย คุณเซี่ยวเป็นผู้ค้ำประกันเรื่องสินเชื่อ อีกไม่นานธนาคารก็คงจะอนุมัติ คุณเยี่ยตอนนี้เราสั่งของได้แล้วใช่มั้ยคะ”
“สั่งได้เลย แต่ต้องจำไว้ ต้องสั่งซื้อทั้งหมดในรอบบิลเดียว”
“ค่ะ”
เหม่ยลี่เปิดประตูตามเสียงเคาะเรียก แต่เมื่อเห็นแก้วกาแฟรสโปรดยื่นมาตรงหน้าถึงกับตะลึง คาดไม่ถึง
“ตะลึงอะไร ฉันแค่มาเยี่ยมเธอในฐานะเพื่อนเท่านั้น และไปส่งก่อนที่เธอจะไป” อี้หมิงยื่นแก้วกาแฟให้ เหม่ยลี่รับมา “ว่าไง จะให้ฉันยืนอยู่ตรงนี้ทั้งวันเหรอ”
“เข้ามาสิ” สองคนเดินเข้ามาในห้อง “ตอนนี้ฉันยังไม่ไป คงจะอยู่ต่ออีกซักพักหนึ่ง”
“เธอจะอยู่ต่อเหรอ” อี้หมิงแปลกใจ ลึกๆ ดีใจ
“เยี่ยฉีเดิมพันกับฉันว่า เธอจะเอาประวัติคนไข้ของฉัน ไปให้เซี่ยวเลี่ยงทั้งหมด”
“เฮ้อ เดี๋ยว เขาบอกว่าจะไม่เอาออกมาไม่ใช่เหรอ”
“บางทีนี่อาจเป็นผลกรรมก็ได้ ฉันเคยใช้ความสวยงามนี้แลกทุกอย่างมา ตอนนี้ต้องสูญเสียทั้งหมดไปก็เพราะสิ่งนี้ ตอนที่ตัดสินใจปิดบังอดีตไว้ ทำไมฉันไม่คิดถึงวันนี้เลยนะ”
“คิดถึงแล้วไงล่ะ ยังไงอุบัติเหตุก็เกิดขึ้นแล้ว คนๆ หนึ่งอยากใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างสมบูรณ์ ใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไปมันผิดเหรอ ทำไมเธอถึงต้องการให้เซี่ยวเลี่ยงอภัยด้วย ทำไมเธอต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานด้วย เธอไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย”
“แต่ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้ต้นเหตุมาจากฉัน ฉันทำผิดต่อคนทุกคน เซี่ยวเลี่ยง เกาเหวิน รวมทั้งนายด้วย เพราะฉันทุกอย่างถึงได้กลายเป็นแบบนี้ นายไม่เคยโทษฉันบ้างเลยเหรอเหลยอี้หมิง”
“ฉันจะโทษเธอทำไม ฉันควรขอบคุณเธอด้วยซ้ำ หากไม่ใช่เพราะเธอ ชีวิตนี้ ฉันก็คงยังรักใครไม่เป็น เธอ...ไม่อยากสูญเสียเซี่ยวเลี่ยงขนาดนี้เลยเหรอ สมมุตินะ ฉันหมายถึงสมมติ สมมุติว่าไม่มีเขา เธอจะไม่รักผู้ชายคนอื่นแล้วเหรอ”
“ถ้าความรักสามารถบังคับกันได้ ฉันหวังว่า คนแรกที่ฉันจะชอบก็คือนาย”
“ได้ยินแค่นี้ก็พอแล้ว ฉันมีธุระ ต้องกลับโรงพยาบาลก่อน ว่างจะมาเยี่ยมเธอใหม่”
อี้หมิงยิ้มให้แล้วเดินออกจากห้องไป เหม่ยลี่มองตาม ท่าทางดูโล่งอกเบาใจมากขึ้น
ต่างจากตอนเช้าลิบลับ เมื่อลูกน้องคนสนิทรีบร้อนเข้ามารายงานเยี่ยฉีในห้องทำงาน ด้วยสีหน้าวิตกกังวลชัดแจ้ง
“คุณเยี่ยแย่แล้วค่ะ”
เยี่ยฉีหงุดหงิด “อะไรแย่อีกล่ะ”
“บริษัทที่ร่วมมือกับเรามีปัญหาค่ะ”
“หมายความว่าไง”
“ทางเราเริ่มผลิตสินค้าคิดว่าค่อยคอนเฟิร์มกับฝ่ายตรงข้าม แต่จู่ๆพวกเขาก็ไม่ยอมรับสัญญาส่วนนี้เลย สุดท้ายก็ขาดการติดต่อไปค่ะ”
“เป็นไปได้ยังไง เห็นได้ชัดว่าสัญญานี้...หลินจื่อเหลียงแนะนำมา”
เยี่ยฉีชะงักกึก เหมือนคิดอะไรได้
“คุณเยี่ยคะ ถ้าเป็นอย่างนี้เราต้องสูญเสียมหาศาลนะ ด้านธนาคารก็จะมีปัญหา ถ้าครบกำหนดไม่มีเงินคืนจะมีปัญหานะคะ”
เยี่ยฉีรู้ทันทีว่าถูกจื่อเหลียงหลอกใช้เป็นเครื่องมือเท่านั้น
ขณะที่เซี่ยวเลี่ยงเดินลงบันไดมาพร้อมฉีหยู ผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินมาหา
“สวัสดีค่ะประธานเซี่ยว”
“สวัสดีครับ”
“เรื่องที่คุณค้ำประกันให้บริษัทเยี่ยฉีมีปัญหาเราต้องการตรวจสอบคุณค่ะ ไม่ทราบตอนนี้คุณสะดวกมั้ยคะ”
“เชิญทางนี้ครับ”
เซี่ยวเลี่ยงเดินนำกลับขึ้นห้องทำงานไป โดยไม่รู้ว่าจื่อเหลียงยืนยิ้มร้ายมองตามไป ด้วยความสะใจ
จื่อเหลียงรับสายจากเยี่ยฉีด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ฮัลโหล”
“คุณทำร้ายฉัน” เยี่ยฉีเสียงสั่น
“คุยโทรศัพท์ไม่สะดวก ผมจะไปบ้านคุณ แล้วค่อยคุยกัน”
จื่อเหลียงวางสาย เหลียวมองขึ้นไปยังห้องทำงานเซี่ยวเลี่ยง ยิ้มร้ายสะใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไป
ส่วนเยี่ยฉีวางสายแล้วรีบลุกเดินออกไปทันที
เยี่ยฉียืนกระวนกระวายใจรอจื่อเหลียงอยู่ที่ห้องพักในโรงแรม มีสายแปลกๆ โทร.มา เยี่ยฉีกดรับสาย “ใคร”
“ผมเอง เหลยอี้หมิง ผมอยากคุยกับคุณ” อี้หมิงคุยสายอยู่ในรถ ซึ่งจอดอยู่ริมถนนหน้าโรงแรมนั่นเอง
เยี่ยฉีหงุดหงิดงุ่นง่านรำคาญไปหมด “คุณจะมาเจรจากับฉันเพื่อมี่โตะเหรอ ขอโทษทีฉันไม่มีเวลา”
“บางทีในตัวผม อาจมีสิ่งที่คุณต้องการอยู่ก็ได้”
“หมายความว่าไง”
“เพื่อนผมรู้จักสามีเก่าของคุณ ได้ยินว่า คุณกำลังต้องการการสนับสนุนด้านธุรกิจ ผมคิดว่า บางทีผมอาจช่วยคุณได้”
เยี่ยฉียิ้มหยัน “คุณคิดจะต่อรองกับฉันเหรอ คุณได้เงินมาเท่าไหร่ล่ะ”
“เฮ้อ ไม่มากหรอก แต่พอจะซื้อบ้านได้ซักหลัง”
“ได้ งั้นมาคุยที่บ้านฉัน”
อี้หมิงสตาร์ตเครื่องบึ่งรถไปยังโรงแรมที่พักเยี่ยฉีทันที
วางสายจากอี้หมิงเยี่ยฉีวุ่นอยู่กับเครื่องบันทึกเสียงอีกอันที่เตรียมไว้อัดเสียงจื่อเสียง แต่มีเสียงกดออดหน้าห้องเธอจึงลุกเดินไป โดนวางเครื่องบันทึกเสียงอีกอันไว้ข้างๆ โน้ตบุ๊ค ที่ปิดจอพับไว้อยู่
จื่อเหลียงเดินเข้ามาในห้อง มองไปรอบๆ อย่างสำรวจตรวจตรา
“คุณเยี่ย ไม่มีคนอื่นอยู่เหรอ หืม”
เยี่ยฉีไม่ตอบ เดินนำเข้ามาในห้องรับแขก แล้วหันไปจ้องหน้าจื่อเหลียงอย่างแค้นเคืองใจ
“สัญญานั่นคุณทำขึ้นมาเองใช่มั้ย”
จื่อเหลียงไม่สะทกสะท้าน “ในเมื่อคุณรู้แล้ว ก็อย่าเสียเวลาอีกเลย งั้นดำเนินการตามแผนขั้นต่อไปของผมได้เลย” เขาควักบัตรกดเงินออกมาจากประเป๋าเสื้อคลุมชูให้เธอดู “ในบัตรใบนี้มีเงินจำนวนมาก พอที่จะให้คุณใช้ตลอดชีวิต คุณรับไปแล้วไปจากที่นี่ ส่วนเรื่องสามีเก่าของคุณ ผมจะช่วยจัดการให้เอง”
เยี่ยฉีคุมแค้น “แล้วไงล่ะ หลังจากที่ฉันไปแล้ว คุณก็สามารถเอาน้ำครำทั้งหมดไปสาดใส่เซี่ยวเลี่ยง ให้เขาถูกตราหน้าว่าทำธุรกิจด้วยการฉ้อโกง จากนั้นก็ค่อยเข้าไปแทนที่ตำแหน่งเขาใช่มั้ย ฉันควรคิดได้แต่แรกแล้ว ว่าคุณไม่มีทางหวังดีแน่”
จื่อเหลียงยิ้มเยาะ ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาหน้าโต๊ะกลางที่วางโน้ตบุ๊คและเครื่องบันทึกเสียงอยู่
“อย่าพูดจาน่าเกลียดแบบนั้นสิ จริงมั้ยล่ะ หืม เพื่อให้คุณไว้ใจอย่างไม่สงสัย ผมก็พยายามไปไม่น้อย เอ๊ะ ผมไม่ได้ให้คุณไปขอความช่วยเหลือเขาซักหน่อย คุณทำของคุณเองนี่ แต่ถ้าคุณไม่ทำแบบนี้ เรื่องราวจะราบรื่นได้ไงล่ะ ถ้าจะเปรียบว่านี่คือการพนัน ก็เหมือนคุณข้ามน้ำข้ามทะเล เอาเงินพนันมาส่งให้ตำรวจนั่นแหละ รู้มั้ยนี่เรียกว่าอะไร ชะตากรรมไงล่ะ”
เยี่ยฉีโกรธจนน้ำตาไหลออกมา ตะโกนใส่หน้า “แกเลวมาก”
“แกไม่เลวหรือไง” จื่อเหลียงลุกพรวดมาตะโกนตอกใส่ “คุณเข้าใกล้เซี่ยวเลี่ยงก็เพื่อเงินไม่ใช่เรอะ เพียงแต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนคนให้เท่านั้น ราคาก็งามมากด้วย คุณควรจะพอใจไม่ใช่เหรอ”
“คุณคิดว่าฉันกลับมาเพื่อเงินจริงเหรอ ฉันจะบอกให้ ฉันต้องการเซี่ยวเลี่ยงเท่านั้น” เยี่ยฉียิ้มเยาะออกมา จื่อเหลียงสะกิดใจในรอยยิ้มนั้น “คุณทำได้ทุกอย่าง แต่กลับมองฉันผิดไป คุณไม่เคยคิดว่าฉันรักเขาจริง” เธอควักเครื่องบันทึกเสียงจิ๋วออกมา สีหน้าจื่อเหลียงเปลี่ยนไปทันควัน “ข้างในนี้ มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับงานชิ้นนี้ อ้อจริงสิ ยังมีเทปบันทึกเสียงครั้งแรกที่คุณเอาสัญญาให้ฉัน คงเพียงพอเอาผิดคุณได้นะ”
จื่อเหลียงยิ้มเยาะ “จะแบล็คเมลล์ผมเหรอ”
“ขอโทษทีนะ ฉันไม่เคยทำอะไรโดยไม่มีหลักฐาน” เยี่ยฉียิ้มอย่างผู้ชนะ กำเครื่องบันทึกเสียงไว้ในมือ
“คุณต้องการอะไร”
“ช่วยฉันปกป้องเซี่ยวเลี่ยง และแก้ปัญหาความสูญเสียทั้งหมดของบริษัทฉัน”
“ถ้าผมไม่ทำล่ะ”
เยี่ยฉียิ้มอย่างเป็นต่อยกเครื่องบันทึกเสียงขึ้นมาขู่ “ง่ายนิดเดียว วันรุ่งขึ้น มันจะปรากฏอยู่ที่ศาลอย่างแน่นอน หรือถ้าจะให้ง่ายกว่านั้น ก็มอบให้พ่อของคุณโดยตรง เพราะสำหรับคุณแล้ว การถูกไล่ออกจากตระกูลเซี่ยว คงทุกข์มากกว่าติดคุกซะอีกนะ”
จื่อเหลียงกระโจนเข้าใส่พยายามแย่งเครื่องบันทึกเสียงนั้นมา “เอามา”
“แกจะทำอะไร”
“เยี่ยฉี เอามันมาให้ผม”
“บ้าไปแล้วเหรอ ปล่อยฉันนะ”
ช่วงชุลมุนนั้นเองเยี่ยฉีล้มลงไปนั่งที่โต๊ะกลางมือของเธอปัดไปโดนเครื่องบันทึกเสียงอันแรกกระเด็นไปตกตรงมุมห้อง
สองคนยื้อยุดกันไปมา เครื่องบันทึกเสียงหลุดจากมือกระเด็นไปตกที่พื้น
“เอามันมาให้ผม เอามา เอามา เยี่ยฉี เอามาให้ผมเดี๋ยวนี้”
“หลินจื่อเหลียงบ้าไปแล้วเรอะ” เยี่ยฉีตามไปตะครุบไว้ได้
“เอามาเซ่ ปล่อยนะ เยี่ยฉี ถอยไป”
เยี่ยฉีถูกจื่อเหลียงแย่งเครื่องบันทึกเสียงไปจนได้ แล้วผลักร่างเธอกระเด็นไป หัวฟาดขอบโต๊ะกลาง สลบคาที่ ไม่รู้เป็นหรือตาย จื่อเหลียงคว้าเครื่องบันทึกเสียงมาได้เก็บเข้ากระเป๋า แต่พอเห็นเยี่ยฉีแน่นิ่งอยู่ก็ตกใจ พยายามเรียกแต่อีกฝ่ายก็ไม่ฟื้น
“เยี่ยฉีๆๆ”
จื่อเหลียงตั้งสติ ตอนแรกจะใช้มือถือตัวเองโทร.แจ้งตำรวจ แต่เปลี่ยนใจหยิบมือถือเยี่ยฉีบนโต๊ะมาโทร.ออกแทน
“ฮัลโหล ผม...โทรจากโรงแรมยิงจี๋เก๋อ ห้อง 810 คือว่า ที่นี่มีคนบาดเจ็บ รีบมาด่วนเลย”
จื่อเหลียงวางมือถือเยี่ยฉีลง ใช้แขนเสื้อเช็ดร่องรอยตัวเองตามที่ต่างๆ แล้ววิ่งหนีมาหยุดตรงประตู มองดูความเรียบร้อยอีกครั้ง แล้วจึงเปิดออกไป โดยไม่ทันปิดประตูลง
เวลาเดียวกันนี้อี้หมิงสวมหมวกแก๊ปหรุบบังใบหน้า เดินออกจากลิฟต์เลี้ยวไปทางห้องเยี่ยฉี
ไม่นานนักจื่อเหลียงวิ่งมาหยุดที่หน้าลิฟต์อีกตัวรีบร้อนจนเกือบชนผู้หญิงคนหนึ่งที่ออกลิฟต์มา เธอมองงงๆ แล้วเลี้ยวไปทางห้องพัก รองหลินพุ่งเข้าลิฟต์กดลงไปยังชั้นจอดรถทันที
ในรถที่แล่นทะยานมาตามท้องถนน ท่ามกลางรถคับคั่ง หลินจื่อเหลียงขับรถหนีมาสักระยะหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเบรกอย่างกะทันหันบนทางยกระดับสายเปลี่ยว หยุดหอบหายใจอย่างรุนแรง ปลอบตัวเองไปมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก มือไม้ ปากคอสั่น อยู่ในรถคันนั้น
“ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไร”
หลินจื่อเหลียงเปิดประตูรถออกมา โซเซมาเกาะราวเหล็กริมทางหยุดหอบหายใจ แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อตั้งสติ
อ่านต่อ ตอนที่ 33
#กะรัตรัก #DiamondLover #NOW26 #ละครออนไลน์