xs
xsm
sm
md
lg

กะรัตรัก - Diamond Lover ตอนที่ 31

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กะรัตรัก - Diamond Lover ตอนที่ 31

ทีน่าอดีตหัวหน้ามี่เหม่ยลี่ ออกมาพบเยี่ยฉีตามที่โทร.ไปนัด สองคนคุยเรื่องมี่โตะ

“งั้น...คุณเจอเธอครั้งสุดท้ายตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่วันที่เธอลาออก ต่อมา ดูเหมือนเธอจะเกิดอุบัติเหตุ หลังจากนั้นฉันก็ไม่เจอเธออีกเลย”
“คุณไม่ได้ข่าวคราวของเธอเลยเหรอ”
“ไม่เลยค่ะ ก่อนหน้านี้ฉันเคยไปหาเธอ แต่เธอไม่อยู่ที่เดิมแล้ว มีเพื่อนเธอคนหนึ่งออกมาบอก”
เยี่ยฉีถามอย่างสนใจ “เพื่อนเหรอ ผู้ชายเหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะ ผู้หญิง อ้อจริงสิ ก่อนหน้านี้ที่เคยลงหนังสือพิมพ์ คือแฟนของประธานเซี่ยวบริษัทเทซีโร่ ตอนแรกฉันรู้สึกแปลกใจมาก เพราะว่าเราเคยร่วมงานกัน แต่ไม่เคยรู้ว่าแฟนของเขารู้จักมี่เหม่ยลี่”
“ขอบคุณมากค่ะคุณทีน่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ”

ทางด้านเหม่ยลี่กำลังก้มหน้าก้มตาทำเกี๊ยวรูปสัตว์ หน้าตาน่ารักอยู่ในห้องรับแขกที่ห้องพักใหม่ อย่างขะมักเขม้น สักพักเซี่ยวเลี่ยงก็โทร.มาหา
“ฮัลโหล”
เหม่ยลี่ก้มคุยสายจากมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะ “นี่ ฮัลโหลเซี่ยวเลี่ยง ไหนคุณบอกว่าจะฉลองให้ฉันไม่ใช่เหรอ ฉันอยู่บ้านเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว”
“อ้อ อืม...ตอนนี้ผมมีงานสังสรรค์ อาจจะกลับช้าหน่อย”
“ไม่เป็นไร งั้นฉันรอคุณที่บ้านนะ บ๊ายบาย” เหม่ยลี่ง่วนกับการเตรียมอาหารเพื่อฉลองบ้านใหม่กับคนรัก

เมื่อเซี่ยวเลี่ยงมาถึงห้องก็พบว่ามี่โตะของเขาหลับคาโต๊ะอยู่ ข้างๆ เป็นจานเกี๊ยวพร้อมทาน เขาหยิบผ้าตรงโซฟามาห่มคลุมกันหนาวให้คนรัก แล้วหยิบเกี๊ยวมาลองชิมชิ้นหนึ่ง ปรากฏว่ารสชาติถูกลิ้นจึงยกมาทั้งจานใช้ตะเกียบตักกินอย่างเอร็ดแอร่ม ปล่อยให้มี่โตะหลับยาว

“ตรวจสอบประวัติการเกิดอุบัติเหตุของมี่เหม่ยลี่ไปถึงไหนแล้ว”
เยี่ยฉีหิ้วกระเป๋างาน เดินเข้าร้านมา พร้อมกับถามลูกน้องคนที่ให้ไปสืบเรื่องมี่โตะ ขณะตรงเข้าไปในห้องทำงาน
“ตรวจสอบชัดเจนแล้วค่ะ แต่อุบัติเหตุครั้งนี้เกี่ยวข้องกับคุณเซี่ยวด้วย”
เยี่ยฉีตกใจ “ว่าไงนะ”
“ตอนนั้นรถของคุณเซี่ยวก็ผ่านที่เกิดเหตุ พูดได้ว่าเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ”
“มี่เหม่ยลี่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เข้าโรงพยาบาลที่เหลยอี้หมิงทำงานอยู่ ต่อมาเธอก็ทำศัลยกรรม”
“ค้นหาค่าใช้จ่ายทั้งหมด และประวัติการทำศัลยกรรมของมี่เหม่ยลี่มาให้ฉัน”
“ค่ะ” ลูกน้องนักสืบเดินกลับไป
เยี่ยฉียืนนิ่งมีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด

มี่เหม่ยลี่ในชุดพนักงานขายเดินลงบันไดมาจากชั้นบน เจอเพื่อนพนักงานหญิงของช็อปสาขาเดินมาหา
“มี่โตะ มีลูกค้าคนหนึ่งมารอเธอนานแล้ว”
“ขอบคุณค่ะ”

เหม่ยลี่ต้องแปลกใจเมื่อเดินเข้าบูธมาแล้วพบว่าลูกค้าที่นั่งรออยู่เป็นเยี่ยฉี
“คุณเยี่ย”
“ฉันต้องการซื้อสร้อยเส้นหนึ่ง นั่งรอเธอตั้งนาน” เยี่ยฉีว่าโดยไม่ยอมลุกขึ้น
“คุณชอบเส้นไหนเป็นพิเศษเหรอคะ”
“มีแน่นอน เส้นที่เธอใส่อยู่น่ะสิ” เยี่ยฉีบอก
“อ้อ ‘สร้อยคอราชินีของฉัน’ เส้นนี้มีหลายยี่ห้อ คุณสามารถเลือกเส้นที่คุณชอบได้ตามใจค่ะ”
เยี่ยฉียิ้มเย้ย “ดูเหมือนเธอจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด ฉันต้องการเส้นที่เธอใส่อยู่ในตอนนี้ไงล่ะ”
เหม่ยลี่หน้าเสีย “คุณหมายความว่ายังไง”
เยี่ยฉีจ้องหน้าเหม่ยลี่ ยิ้มอย่างเป็นต่อ “เป็นอะไร ได้รับอุบัติเหตุครั้งเดียวความจำเสื่อมแล้วเหรอ นี่คุณมี่เหม่ยลี่ อาการเสแสร้งของคุณน่ารักมากเลยนะ”
“ใช่ ฉันเคยประสบอุบัติเหตุ และเคยเปลี่ยนชื่อ แต่คงไม่จำเป็นจะอธิบายให้คุณเยี่ยฟัง ถ้าคุณไม่ซื้อของล่ะก็ ฉันขอตัวก่อนค่ะ” เหม่ยลี่จะเดินหนี แต่คำพูดดักคอของอีกฝ่ายทำให้เธอต้องหยุดหันมาหา
“เธอคิดว่าฉันจะไร้เดียงสาเหมือนคุณเซี่ยว และหลอกง่ายเหมือนเขาเหรอ เธอแน่ใจเหรอว่าแค่เปลี่ยนชื่อ จะให้ฉันเอารูปถ่ายในอดีตมารื้อฟื้นความจำหน่อยมั้ย ฉันลงทุนไปมากมาย กว่าจะค้นหาประวัติของเธอได้”
เหม่ยลี่ตั้งสติ “คุณกำลังทำผิดกฎหมาย คุณกำลังเล่นกับไฟนะคุณเยี่ย”
เยี่ยฉีหัวเราะไม่สะทกสะท้าน “ฉันไม่เป็นไรอยู่แล้ว นี่เป็นไพ่ใบสุดท้ายที่อยู่ในมือฉัน และอาจจะเป็นไพ่ใบที่ทำให้ฉันได้รับสิ่งที่สูญเสียไปเพราะเธอ กลับคืนมา”
“คุณเยี่ย เพื่อผู้ชายที่ไม่รักคุณ คุณทำแบบนี้รู้สึกเหนื่อยบ้างมั้ย”
เยี่ยฉียิ้มเยาะลุกขึ้นยืนประจันหน้า “ประโยคนี้ฉันควรถามเธอมากกว่า เพื่อผู้ชายที่ไม่สามารถรักเธอได้ เธอทำถึงขนาดนี้ ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ แต่ถือว่าเธอเก่งมาก เธอทำได้แล้ว ทำแบบนี้เธอไม่รู้สึกละอายใจบ้างเหรอ ถ้าเธอต้องการแก้ปัญหานี้ ฉันช่วยเธอได้นะ”
“หลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้น ฉันจำเป็นต้องทำการศัลยกรรม หรือว่ามันเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากเหรอ อีกอย่างเรื่องทั้งหมดนี้ฉันบอกเซี่ยวเลี่ยงแล้ว เขายกโทษให้ฉันแล้วด้วย”
เยี่ยฉีไม่เชื่อ “งั้นเหรอ แต่ฉันว่าเซี่ยวเลี่ยง ยังไม่รู้เรื่องที่เธอศัลยกรรมอย่างแน่นอน เห็นเขาเชื่อเธอเหมือนคนโง่แบบนี้แล้ว ฉันสงสารเขาจริงๆ ฉันเป็นศัตรูยังไม่กล้าทำร้ายเขา แต่ตอนนี้เธอเป็นแฟนของเขา เธอทำได้ยังไง”
เหม่ยลี่แปลกใจ “เป็นไปได้ยังไง ฉันเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขารู้แล้วนี่”
เยี่ยฉีหัวเราะเยาะอีกครั้ง “มี่เหม่ยลี่ เล่นละครกับฉันจะมีความหมายอะไร แน่นอน ฉันไม่มีทางเอาหลักฐานทั้งหมด ให้เซี่ยวเลี่ยงแน่นอน เพราะจะทำให้เขาเสียใจมาก ฉันไม่อยากเห็นเขาเสียใจ และอีกอย่าง ในเรื่องความรักฉันรู้มากกว่าเธอ”
“คุณต้องการอะไร”
“เมื่อกี้ฉันบอกแล้วไง วันนี้ที่ฉันมาเพื่อช่วยเธอนะ ฉันให้เธอมีสิทธิ์ในการเลือก ว่าจะให้ความจริงเปิดเผย แล้วทำให้เซี่ยวเลี่ยงเจ็บปวด หรือจะทำให้เขามีความทรงจำที่ดี โดยการที่เธอจากไปเงียบๆ” เยี่ยฉียื่นหน้ามาพูดข่มขู่ใกล้ๆ “ฉันให้เวลาเธอหนึ่งวัน ภายในหนึ่งวัน ออกไปจากชีวิตของเซี่ยวเลี่ยงอย่างเงียบๆ ออกไปจากชีวิตของเขาซะ และไม่ต้องกลับมาอีกไม่อย่างนั้น ฉันจะบอกความลับของเธอให้ทุกคนรู้ ทำให้ชีวิตเธอล่มจม ถ้าเธอต้องการให้เซี่ยวเลี่ยงล่มจมเหมือนเธอ จะลองดูก็ได้นะ ฉันเยี่ยฉีพูดแล้วต้องทำได้ แล้วก็ห้ามให้เซี่ยวเลี่ยงรู้ว่าฉันมาหาเธอ และอย่าคิดจะกลับมาอีก ฉันต้องการให้เธอออกไปจากชีวิตเขา ไม่พบเจอเขาอีกตลอดไป”
เยี่ยฉีเดินยิ้มสะใจออกไป เหม่ยลี่ยืนตัวสั่นเหมือนคนจะหมดแรง

เหม่ยลี่มานั่งซึมอยู่ในร้านกาแฟไม่ยอมเข้าบ้านจนมืดค่ำ กังวลหนัก เวลานี้ทั้งเยี่ยฉีและจื่อเหลียงต่างข่มขู่คุกคามเธอเรื่องความลับในอดีต
จื่อเหลียงขู่ว่า “ผมสนใจความลับของคุณ เพราะความลับของคุณ สามารถทำร้ายชีวิตของเซี่ยวเลี่ยงได้ ถึงคุณจะไม่ตั้งใจปิดบัง ช้าเร็วเซี่ยวเลี่ยงก็ต้องรู้ ถ้าความจริงถูกเปิดเผย คนที่เจ็บปวดคือใครกันล่ะ”
เยี่ยฉีก็ขู่ว่า “ฉันให้เธอมีสิทธิ์ในการเลือก ว่าจะให้ความจริงเปิดเผย แล้วทำให้เซี่ยวเลี่ยงเจ็บปวด หรือจะทำให้เขามีความทรงจำที่ดี โดยการที่เธอจากไปเงียบๆ”
เหม่ยลี่น้ำตาไหลริน ตัดสินใจโทร.หาเซี่ยวเลี่ยง “ฮัลโหล ตอนนี้คุณว่างมั้ยคะ ฉันอยากเจอคุณ”

สองคนเดินเข้ามาในร้านปิ้งย่างริมถนน ท่ามกลางฝนโปรยสายปรอยๆ เหม่ยลี่สั่งอาหารกับเครื่องดื่มคล่องปรื๋อ
“ร้านนี้เลย เถ้าแก่เนื้อย่างสามสิบไม้ เบียร์สองขวด”
“ได้เลย” เจ้าของพยักหน้ารับ
“นั่งสิ” เหม่ยลี่จับเซี่ยวเลี่ยงลงนั่ง
“เอ่อ เราเปลี่ยนร้านใหม่เถอะ” เซี่ยวเลี่ยงเก้ๆ กัง ไม่เคยเข้าร้านแบบนี้
“ไม่ได้ ที่ผ่านมาฉันเชื่อฟังคุณทุกอย่าง วันนี้คุณต้องเชื่อฟังฉัน กินร้านนี้เถอะนะ ฮิๆๆ ฉันเอาใจเก่งใช่มั้ย มีความสุขมากใช่มั้ยล่ะ”
สองคนหัวเราะไปด้วยกัน
เจ้าของร้านเสิร์ฟเนื้อย่างกะเบียร์สองขวดให้
“มาแล้วครับ กินกันเถอะ ที่เหลือจะทยอยมา”
เหม่ยลี่ยิ้มบอก “ขอบคุณ”
“เนื้อย่างกับเบียร์เข้ากันมากเลยนะ” ชายเจ้าของร้านบอกแล้วเดินไป
เหม่ยลี่ยิ้มร่า ถอดเนื้อย่างออกจากไม้คีบป้อนเซี่ยวเลี่ยง
“ให้คุณไม้หนึ่ง โอ้โห มา อ้าปากค่ะ อ้ำ”
“เป็นผู้ชายให้ผู้หญิงป้อนมันน่าอาย ผมกินเอง”
เซี่ยวเลี่ยงจะกินเอง แต่เหม่ยลี่ไม่ยอม “ไม่ได้ๆ ฉันจะป้อนให้คุณเอง อ้าปาก ฮิๆๆ อื้ม เก่งมาก ฮ่าๆๆ อร่อยมั้ย”
“เนื้อแก่ส่วนผสมไม่อร่อย รสชาติแย่มาก” เซี่ยวเลี่ยงติขนานใหญ่
“เป็นไปได้ไงล่ะ อร่อยจะตาย” เหม่ยลี่จะชิม
เซี่ยวเลี่ยงกลับคำตอนหลัง “แต่เพราะว่ามีคุณผมให้ร้อยคะแนน”
เหม่ยลี่หัวเราะร่า “พอแล้ว รีบกินเร็ว”
เซี่ยวเลี่ยงกินเนื้อย่างอย่างเอร็ดแอร่ม แถมป้อนเหม่ยลี่จากไม้เดียวกัน “อะ”
“อื้ม” เหม่ยลี่หัวเราะชอบอกชอบใจ “อะ อ่ะ”
เซี่ยวเลี่ยงยิ้มจนตาหยี เหม่ยลี่จ้องหน้าเขาไม่วางตา บอกตัวเองในใจน้ำเสียงเศร้า
“ฉันอยากให้ เวลาหยุดอยู่ตรงนี้จังเลย จะได้เห็นรอยยิ้มของคุณตลอดไป”

คืนนั้นเซี่ยวเลี่ยงต้องประหลาดใจเมื่อแบกเหม่ยลี่มาส่งถึงเตียงนอน ถูกเธอจับมือไว้ ชวนให้นอนด้วยกัน
“ถ้าตอนนี้ฉันอยากให้คุณอยู่ด้วย คุณจะหาว่าฉันไม่รักนวลสงวนตัวมั้ยคะ”
“ปล่อยมือ” เซี่ยวเลี่ยงถอดสูทออก กระโดดขึ้นนอนตะแคงบนเตียงตบที่อกตัวเองเชิงบอก “อื้ม”
เหม่ยลี่ขยับมานอนซบอกแกร่งของเขาแทนหมอน เซี่ยวเลี่ยงลูบผมอย่างอ่อนโยน “นอนเถอะ”
“คุณรู้มั้ยว่า ทุกวินาทีที่ได้อยู่กับคุณ ฉันรู้สึกเหมือนกำลังฝันไปทุกครั้ง”
เซี่ยวเลี่ยงยิ้มตาหยี “ขนาดนั้นเชียวเหรอ”
“ใช่ค่ะ ฉันอยากให้มัน เป็นความฝันที่ไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้จริงๆ”
“ไม่ตื่นแน่นอน ผมจะทำให้คุณฝันต่อไป”
เซี่ยวเลี่ยงนอนกอดเหม่ยลี่จนผล็อยหลับไปทั้งคู่

เซี่ยวเลี่ยงต้องแปลกใจเป็นอย่างมากเมื่อตื่นมาไม่เจอมี่โตะ หาจนทั่วก็ไม่เห็น และต้องตกใจเมื่อพบว่าเสื้อผ้าของเธอหายไปจนหมด
“มี่โตะ มี่โตะ ทำไมจู่ๆ มี่โตะหายไปล่ะ”
เมื่อเขาโทร.หา มีแต่เสียงเหม่ยลี่ให้ฝากข้อความไว้ตลอดๆ
“สวัสดีค่ะฉันคือมี่โตะ ขณะนี้ไม่สะดวกรับโทรศัพท์ของคุณ กรุณาฝากข้อความเสียงค่ะ”
เซี่ยวเลี่ยงถอนใจ “เฮ้อ”
จนสายตามองไปเห็นจดหมายลาที่เหม่ยลี่ทิ้งไว้ให้ เซี่ยวเลี่ยงหยิบมาอ่าน
“เซี่ยวเลี่ยง ยกโทษให้ฉันที่ไปโดยไม่ร่ำลาด้วย ช่วงเวลาที่อยู่กับคุณ ทำให้ฉันรู้สึกถึงความสุขที่ไม่เคยได้รับ ฉันเป็นแค่เด็กบ้านนอกคนหนึ่ง ที่มีความฝันเล็กๆ และอยากทำให้มันเป็นจริง มาถึงเมืองหลวงมีผู้คนมากมาย ฉันโชคดีที่ได้เจอคุณ คุณคงไม่รู้ว่าคุณเอง สำคัญสำหรับฉันมากแค่ไหน คุณช่วยเหลือฉันมาตลอด แต่ฉันกลับไม่เคยรู้ความฝันที่แท้จริงของคุณ ความจริงฉันอยากค่อยๆ อธิบายเรื่องนี้กับคุณ เพราะมีคำพูดมากมาย ที่ฉันอยากค่อยๆ พูดให้คุณฟัง แต่ว่าตอนนี้มันไม่สำคัญแล้วล่ะ เพราะความจริงความทุกข์ที่คุณได้รับมันมากกว่าฉัน ไม่ต้องตามหาฉัน คุณตามหาฉันไม่เจอหรอก ขอบคุณสำหรับความอ่อนโยนที่ให้ฉัน มี่โตะ”
เซี่ยวเลี่ยวใจหาย เหมือนคนจะหมดแรง ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอทิ้งเขาไป

เจิ้นตงทานมือเช้ากับเจ๊หลินสองต่อสอง
“เรื่องพนักงานประชาสัมพันธ์ ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว คุณไม่ต้องกังวลนะ”
“ค่ะ ฉันจะเป็นห่วงอะไรได้ล่ะ แต่ฉันไม่รู้ว่า พวกเขารู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
“ดูเหมือนพวกเขาจะแอบได้ยินตอนที่ผมคุยเรื่องงานกับจื่อเหลียงน่ะ เขาเลยต้องการเอาเรื่องนี้ ไปบอกพวกผู้สื่อข่าว เฮ้อ ไม่มีอะไรมากไปกว่าคนโลภมากหรอก”
“ขอแค่คุณสบายใจก็พอ”
“ทำไมผมรู้สึกว่า เหมือนคุณอยากให้เรื่องนี้ ถูกเผยแพร่เลยล่ะ”
“เฮ้อ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ฉันคิดว่า ฉันเข้ามาอยู่ในที่นี่หลายปีแล้ว จื่อเหลียงก็โตแล้ว ระยะนี้รู้สึกว่าเขาจะมีแฟนแล้ว แต่ไม่กล้าบอกฉัน ฉันคิดว่า ถ้าเขามีภรรยาแล้ว ได้เจอแม่อย่างฉัน แม้เราจะแต่งงานกันแล้ว แต่ฉันไม่รู้ว่าจะบอกอีกฝ่ายว่ายังไงน่ะสิ”
“หลายปีที่ผ่านมา ทำให้คุณทุกข์ใจมากสินะ”
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ควรพูดเรื่องนี้”
“เรื่องนี้ผมเคยทบทวนดูแล้ว รอให้ถึงเวลาที่เหมาะ แล้วผม จะจัดการเรื่องนี้เอง”

จู่ๆ เซี่ยวเลี่ยงก็พรวดพราดเข้ามา พร้อมความโกรธแค้น
“พ่อทำอะไรมี่โตะ ผมถอนตัวจากการเป็นประธานแล้ว พ่อยังไม่พอใจอีกเหรอ”
เจ๊หลินลุกขึ้นพยายามไกล่เกลี่ย “เซี่ยวเลี่ยง มีอะไรค่อยพูดค่อยจากัน”
เซี่ยวเลี่ยงผลักเจ๊หลินออกอย่างแรง “หลบไป”
เจ๊หลินตกใจล้มลงไปที่เก้าอี้ “อ๊าย”
“คุณไม่มีสิทธิ์มาสอนผม”
เจิ้นตงโกรธจัด ตวาดลั่น “บ้าไปแล้วเรอะ เป็นบ้าอะไรตั้งแต่เช้าอีกล่ะ”
เซี่ยวเลี่ยงได้สติ “ขอโทษครับ เมื่อกี้ผมเสียมารยาทไปหน่อย พ่อ ถ้าพ่อบอกที่อยู่ของมี่โตะผมจะยอมทำตามทุกอย่างได้มั้ย”
“เขาหายตัวไปแกก็มาโวยวายกับฉัน ฉันบอกแต่แรกแล้วว่า ถ้าแกถอนตัวจากบริษัท เขาจะไปจากแกทันที มันต่างอะไรกับเยี่ยฉีล่ะ เขาไป เพราะนั่นเป็นทางเลือกของเขา”
เซี่ยวเลี่ยงจับแขนขอร้องพ่อ “ได้โปรดบอกผมมาว่ามี่โตะอยู่ที่ไหน”
เจิ้นตงสะบัดออก “ฉันไม่รู้ แกออกไปเลยนะ ออกไป ฉันไม่อยากเจอหน้าแกอีก”
เมื่อไม่ได้คำตอบที่ต้องการ เซี่ยวเลี่ยงก็ผลุนผลันออกไป
เจ๊หลินเข้าประคองพามานั่ง
“นั่งก่อนค่ะ คุณอย่าโกรธเลยนะ อย่าโมโหแบบนี้สิคะ”
“มันจะเกินไปแล้ว อารมณ์เขารุนแรงกว่าตอนอยู่กับเยี่ยฉีซะอีก”
เจิ้นตงบ่นสีหน้าเครียดจัด เจ๊หลินชะงัก สะดุดหูกับคำพูดสามี
“เอาล่ะๆ ยังมีจื่อเหลียงอยู่ทั้งคนนะคะ”
เจิ้นตงพึมพำแปลกใจไม่น้อยที่จู่ๆ เหม่ยลี่หายตัวไป
“ไหนบอกว่าหนึ่งเดือน ทำไมจู่ๆ ถึงหายไปล่ะ”

ทางฝ่ายเกาเหวินกำลังเดินชี้นิ้วสั่งให้เจสันถ่ายรูปมุมต่างๆ ที่จะเปลี่ยนเครื่องแต่งบ้านใหม่แทบทั้งหลัง
“มีแค่นี้แหละ อย่าลืมล่ะ”
เจสันพยักหน้า “อื้ม”
“ยังมีอีก อ้อ สีของบันไดเข้มเกินไป เปลี่ยนให้เป็นสีสันสดใสหน่อยฉันต้องการสีชมพูสีส้มหรือไม่ก็ที่มีสีสันฟรุ๊งฟริ๊งหน่อย เอ่อ..แล้วก็...ห้องนอนของเหลยอี้หมิง กำแพงห้องของเหลยอี้หมิง ทุกด้าน ติดภาพโปสเตอร์ของฉันให้หมดทั้งสี่ด้าน แล้วก็...อืม เพดานก็ติดด้วยนะ อื้ม บนพื้นก็ต้องติด” เกาเหวินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พูดไปหัวเราะไปอย่างเบิกบานใจ “ฉันอยากทำให้เขามองเห็นฉันตลอดเวลา จำได้รึยัง”
เจสันรับปากเซ็งๆ งงๆ “อื้ม”
“จำได้แล้วจริงเหรอ”
“จำได้แล้ว”
“แน่ใจ๊”
“แน่ใจสิ”
“ทวนให้ฉันฟังหน่อยสิ” มีเสียงกริ่งดังขึ้นที่ประตู “โชคดีไป คราวนี้ถือว่าโชคดี” เกาเหวินหันไปมองก่อนจะเดิน
ประตูถูกทุบติดๆ กัน เสียงดังโครมคราม ตามด้วยเสียงเซี่ยวเลี่ยงที่ ร้องเรียกหาคนรัก เกาเหวินชะงักเปลี่ยนใจไม่เปิดประตู
“มี่โตะ คุณอยู่มั้ย มี่โตะ เปิดประตูสิ เปิดประตูมี่โตะ มี่โตะ”
เซี่ยวเลี่ยงทั้งทุบประตู ทั้งกดออด แต่ไม่เห็นมีใครออกมา
เกาเหวินเดินห่างจากประตูชี้มือให้เจสันที่อ้าปากจะถาม หุบปากก่อน
เซี่ยวเลี่ยงถอนตัวจากไปด้วยความผิดหวัง
เจสันอดรนทนไม่ไหวถามขึ้นอย่างงงๆ
“เอ่อ...เซี่ยวเลี่ยงมาหามี่โตะที่นี่เขามาผิดที่รึเปล่า”
“ไม่ผิดหรอก ที่นี่เป็นบ้านของมี่โตะ”
“หะ ไม่มั้ง เธอล้อเล่นอะไรบ้านของเธอกับเหล่าเหลยไม่ใช่เหรอ เอ๊ะมี่โตะเคยอยู่ที่นี่เหรอ”
“เปลี่ยนโคมไฟนี้ด้วย เห็นแล้วรู้สึกขัดตาไงไม่รู้”
“ไม่ได้สิ เธอต้องอธิบายให้ฉันเข้าใจก่อน มี่โตะกับเหลยอี้หมิงเกี่ยวข้องกันยังไง ทำไมมี่โตะถึงเคยอยู่ที่นี่ หะ” เจสันคาใจไม่หาย
“นั่นเป็นเรื่องในอดีตแล้วล่ะ ฉันไม่อยากให้ใครรู้ โดยเฉพาะเซี่ยวเลี่ยง”
“เธอไม่อยากให้เซี่ยวเลี่ยงรู้ อ๋อ เธอจะปล่อยให้พวกเขาหลอกเธอเหรอ หะ ฉันจะบอกเธอไม่ได้นะ ฉันจะไปบอกเซี่ยวเลี่ยงตอนนี้เลย ฉันไม่ยอมให้เธอถูกรังแกแน่ พวกเขาทำเกินไปแล้ว”
เจสันทำท่าจะออกไปฟ้องเซี่ยวเลี่ยง เกาเหวินโมโหขึ้นเสียงใส่
“หยุดนะ รู้มั้ยถ้าเธอพูดออกไปมี่โตะกับเซี่ยวเลี่ยงจะสิ้นสุดลง พวกเขาเป็นเพื่อนรักของฉัน ฉันไม่อยากให้พวกเขาเลิกกัน”
“แต่ว่า พวกเธอ ฉัน...”
“ทำไมเขายังไม่ถึงบ้านอีก ปล่อยให้เซี่ยวเลี่ยงมาหาถึงที่นี่”
เกาเหวินประหลาดใจมาก
ด้วยความเป็นห่วง เธอจึงกดโทร.หา กลับมีแต่เสียงเหม่ยลี่ให้ฝากข้อความไว้
“สวัสดีค่ะฉันคือมี่โตะ ขณะนี้ไม่สะดวกรับโทรศัพท์ของคุณ กรุณาฝากข้อความเสียงค่ะ สวัสดีค่ะฉันคือมี่โตะ ขณะนี้ไม่สะดวกรับโทรศัพท์ของคุณ กรุณฝากข้อความเสียงค่ะ”
“มี่โตะก็ย้ายบ้านแล้ว แต่เซี่ยวเลี่ยงยังมาหามี่โตะที่นี่ โทรศัพท์มี่โตะก็ไม่มีคนรับ แย่แล้ว ต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับมี่โตะแน่”
เกาเหวินใจคอไม่ดี เป็นห่วงมี่โตะเอามากๆ กดโทรศัพท์หาตลอดๆ

เซี่ยวเลี่ยงวิ่งเข้ามาในแผนกออกแบบท่าทีร้อนรนใจ จื่อเหลียงคุยงานกับซือหยวนอยู่หันมามองงงๆ ฉีหยูเดินลงมาจากชั้นบนเจอเจ้านายเข้า รีบวิ่งมาถามด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
“คุณเซี่ยว คุณเป็นอะไรครับ”
“ฉีหยู มี่โตะมาทำงานมั้ย”
“ไม่มาครับ เรากำลังรอคุณประชุมอยู่” เซี่ยวเลี่ยงวิ่งออกไปทันทีไม่ฟังที่ฉีหยูเรียกไว้ “คุณเซี่ยวๆๆ”
ทั้งแผนกออกแบบมองลุกมามองตามอย่างประหลาดใจ ซือหยวนเอาก็ถามจื่อเหลียงอย่างงงๆ
“คุณเซี่ยวเป็นอะไรคะ”
จื่อเหลียงยิ้มร้ายสะใจสมใจ “แผนการของท่านประธานกำลังจะสำเร็จแล้ว เห็นท่าทางของเขาตอนนี้ ทำให้ผมนึกถึงเมื่อห้าปีก่อน คุณรอดู ท่าทางบ้าของเซี่ยวเลี่ยงแล้วกัน”

ในรถที่วิ่งทะยานมาตามท้องถนน เซี่ยวเลี่ยงกดโทรศัพท์หามี่โตะตลอดเวลาอย่างร้อนใจ
“สวัสดีค่ะ ฉันคือมี่โตะ ขณะนี้ไม่สะดวกรับโทรศัพท์ของคุณ กรุณฝากข้อความเสียงค่ะ...สวัสดีค่ะฉันคือมี่โตะ ขณะนี้ไม่...”

อี้หมิงตรวจคนไข้หญิงอยู่ที่แผนกฯ ส่งประวัติคนไข้คืนให้
“ไม่ต้องเป็นห่วง คุณไม่เป็นอะไรแล้ว กลับบ้านพักผ่อนมากๆ นะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“เอ่อ...” มีสายเข้าพอดี เขากดรับสายของเกาเหวิน “ฮัลโหลเกาเหวิน มีอะไรผมกำลังยุ่งอยู่”
น้ำเสียงเกาเหวินร้อนรนใจมาก “เอ่อ...คือว่า...มี่โตะหายตัวไป โทร.ไปก็ปิดเครื่องตลอด เราตามหาเธอไม่เจอเลย”
“เป็นไปได้ไง เวลานี้เขาน่าจะทำงานอยู่ อาจไม่สะดวกรับโทรศัพท์ก็ได้”
“ไม่มีทาง ถ้าไม่เรื่องอะไรเซี่ยวเลี่ยงไม่มาหาเขาถึงที่บ้านแน่” เกาเหวินถอนใจกลุ้มหนัก “ฉันรู้ว่าคุณรู้จักเขาดี ช่วยตามหาเขาหน่อยได้มั้ย ยังไง เราทุกคน...ก็ไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเขา”
อี้หมิงถอนใจ รีบกดโทร.หา ได้ยินแต่เสียงให้ฝากข้อความไว้เช่นกัน
“สวัสดีค่ะฉันคือมี่โตะ ขณะนี้ไม่สะดวกรับโทรศัพท์ของคุณ กรุณาฝากข้อความเสียงค่ะ”

เหม่ยลี่อยู่กับเจิ้นตงที่มุมส่วนตัวในร้านกาแฟร้านเดิม “ฉันคิดดูอย่างรอบคอบแล้ว ฉันยอมรับข้อเสนอของคุณ”
“ฉันก็คิดว่าควรเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างงั้น เธอจะไปเมื่อไหร่ล่ะ” เจิ้นตงถาม
“จัดการเอกสาร คงต้องใช้เวลาอีกหน่อย ฉันคิดว่า น่าจะประมาณหนึ่งอาทิตย์ค่ะ”
“ดีมาก” เจิ้นตงอึ้งไปเมื่อเหม่ยลี่ยื่นเช็คคืนให้ “เธอหมายความยังไง”
“เงินพวกนี้ คุณเอากลับไปเถอะค่ะ”
เจิ้นตงประหลาดใจมาก “เธอไม่รับเงินเหรอ เธอ...ไม่รับเงิน แล้วทำไมต้องไปจากลูกชายฉันล่ะ”
เหม่ยลี่ยิ้มบางๆ “สำหรับคุณแล้ว เพื่ออนาคตของเขา ฉันรู้ว่าคุณรักเซี่ยวเลี่ยงมาก ฉะนั้นเพื่อเขาแล้วคุณจึงยอมทำทุกอย่างได้ เพื่อสร้างอนาคตที่ดีให้กับเขา แม้ฉันจะไม่เห็นด้วยกับการแสดงความรักแบบนี้ แต่ฉันก็ต้องยอมรับว่าเป็นความรักที่บริสุทธ์จากพ่อสู่ลูก ถ้าหากเป็นเพราะฉันทำให้เขาสูญเสียอนาคต หรือเป็นเพราะความผิดพลาดของฉันทำให้เขาต้องเสียใจ ฉันต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน”
เจิ้นตงอึ้งไปเลย “ตอนนี้ ฉันเข้าใจแล้วว่า เพราะอะไรเซี่ยวเลี่ยงถึงได้ชอบเธอ เธอไม่เหมือนเยี่ยฉีเลย เธอมีเหตุผล มากกว่าเขาอีกด้วย”
“ฉันอยากขอร้องคุณหนึ่งอย่าง”
“ว่ามา”
“หลังจากที่ฉันจากไป เซี่ยวเลี่ยงจะต้องไปตามหาฉัน ฉันหวังว่าคุณจะไม่บอกเขาว่า ฉันไปไหน และก็ห้ามบอกเขา เรื่องที่เราตกลงกัน แค่ให้เซี่ยวเลี่ยงรับรู้เพียงว่า ฉันเลือกที่จะจากไปหรือทำให้เขาคิดว่าฉันทอดทิ้งเขาไป เพราะเซี่ยวเลี่ยงไม่มีแม่ตั้งแต่เล็กเขาจึงรู้สึกต่ำต้อยมาตลอด ฉันไม่ต้องการให้เขาต้องขาดพ่ออย่างคุณไปอีก”

เจิ้นตงอึ้งหนักกว่าเดิม “เรื่องนี้เซี่ยวเลี่ยงเป็นคนบอกเธอเหรอ เพราะว่าเขาไม่มีแม่ เลยทำให้รู้สึกต่ำต้อยเหรอ”
“ใช่ค่ะ เพราะชีวิตสุขสบายที่คุณให้เขา ไม่สามารถทดแทนความรักของแม่ได้ แต่การถูกคนที่รักทอดทิ้ง ไม่ว่าจะเจ็บปวดมากเพียงใด ฉันเชื่อว่าท่านประธานคงจะเข้าใจดี ดังนั้นถ้าเลือกได้ล่ะก็ ฉันไม่มีทางไปจากเขาในเวลานี้ แต่ว่าเรื่องราวมันซับซ้อนกว่าที่ฉันคิด เขาต้องเจอกับความกดดัน นี่คือสิ่งที่ฉันยอมไม่ได้ ฉันจึงเลือกที่จะไปจากเขา ฉันกลัวจะแสดงความอ่อนแอออกมาให้คุณเห็น ลาก่อนค่ะท่านประธาน”
เหม่ยลี่ถอนสะอื้น รีบลุกแล้วออกไปโดยเร็ว ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมา
เจิ้นตงสะท้อนใจ อดนึกถึงคำพูดเซี่ยวเลี่ยงที่พูดถึงมี่โตะก่อนหน้านี้ไม่ได้
“ตอนที่มี่โตะเกิดเรื่องเธอโทรหาผม บอกว่าเธออยู่ในกองเพลิงแล้ว อาจจะออกมาไม่ได้อีก นี่คือเสียงครั้งสุดท้ายของเธอ ในเวลาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เธอยังโทร.มาหาผม พูดขอโทษผมอย่างไม่ขาดปาก บอกรักผมอย่างไม่ยอมหยุด คนที่เผชิญกับความตายแต่ยังบอกรักผม ผมไม่เชื่อว่าเธอจะทิ้งผมเพราะเรื่องพวกนั้นหรอก และผมก็จะไม่ทิ้งเธอเพราะเรื่องนั้นเหมือนกัน”
ท่านประธานแห่งเทซีโร่มีสีหน้าเครียดเคร่งดูออกว่าไม่สบายใจนัก

ในที่สุดอี้หมิงตามหามี่เหม่ยลี่จนเจอ เขามาดักรอที่หน้าห้องพัก ทอดถอนใจด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นเธอเดินคอตกกลับมา
“จะเลิกติดต่อฉันเหรอยัยอ้วน เธอลืมแล้วเหรอ โทรศัพท์ฉันจับตำแหน่งของเธอได้”
อี้หมิงขยับจะเดินมาปลอบ แต่เหม่ยลี่ร้องห้าม
“อย่าขยับ อย่าพยายามปลอบโยนฉันอีกเลย ฉันไม่อยากทำลายความหวังดีที่ทุกคนให้ฉันอีก”

ไม่นานต่อมา สองคนอยู่ในห้องเช่าด้วยกันเหม่ยลี่นั่งหน้าเศร้าอยู่ริมเตียง อี้หมิงเดินไปริมหน้าต่าง แปลกใจไม่หายตัดสินใจหันมาหา ถามขึ้นในจังหวะหนึ่ง
“ทำไมต้องเลิกกับเซี่ยวเลี่ยง”
เหม่ยลี่ตัดสินใจบอกเขา “ไม่รู้ว่าเยี่ยฉีใช้วิธีไหน ค้นหาข้อมูลศัลยกรรมของฉันเจอ เขาใช้สิ่งนี้มาขู่ฉัน ให้ฉันไปจากเซี่ยวเลี่ยง”
อี้หมิงคาดไม่ถึง “เป็นไปได้ยังไง เธอบอกเรื่องนี้กับเซี่ยวเลี่ยงแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมต้องกลัวเขาด้วยล่ะ”
เหม่ยลี่หน้าเศร้า “ฉันบอกเขาไปแล้วจริงๆ แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันบอก อาจจะเป็นความผิดพลาด ที่สวรรค์กำหนดไม่ให้ฉันอยู่กับเขาก็ได้ ความจริงฉันเตรียมใจมานานแล้ว ว่าสักวันจะต้องไปจากเขา แต่คิดไม่ถึงว่าจะเร็วขนาดนี้ และคิดไม่ถึงว่าต้องไปด้วยเหตุผลนี้”
“ยัยอ้วนไม่ต้องกังวล ตอนนี้เยี่ยฉียังไม่เอาหลักฐานออกมา เรายังพอมีหนทางอื่น” อี้หมิงพยายามปลอบ
“ตอนนี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เยี่ยฉีแต่อยู่ที่ฉัน เรื่องราววุ่นวายไปหมดฉันไม่สามารถเผชิญกับมันได้ ถ้าตอนนี้เซี่ยวเลี่ยงรู้ความจริงว่า มี่โตะที่เขารัก ก็คือมี่เหม่ยลี่ที่อ้วนและน่าเกลียดเขาจะคิดยังไงล่ะ ยิ่งไปกว่านั้นแฟนเก่าของเขาเป็นคนบอก คนที่แข็งแกร่งอย่างเขา จะกล้าเผชิญกับเรื่องตลกพวกนี้ได้ยังไงล่ะ ดังนั้นการยอมรับข้อเสนอของเยี่ยฉี เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วล่ะ ตอนนี้ฉันรู้สึกละอายใจต่อเขามาก เพราะฉันหนีปัญหามาตลอด เพราะงั้นให้ทุกอย่างจบสิ้นเถอะ ให้ฉันจากไปโดยวิธีนี้ ทิ้งความทรงจำที่ดีให้เขาดีกว่า กลายเป็นตอนจบที่โหดร้ายเถอะ ฉันคิดดีแล้วเหลยอี้หมิง ฉันตัดสินใจจากไป ฉันรับปากท่านประธานเซี่ยวแล้ว ว่าจะไปเรียนต่อที่เกาหลี ช่วงนี้อาจจะไม่กลับมาชั่วคราว”
อี้หมิงใจหาย ลงนั่งตรงหน้าเหม่ยลี่ “ยัยอ้วน เรื่องยังไม่ถึงขั้นนี้เราหาทางอื่นก่อนยังไงต้องมีทางแก้แน่”
“แก้ไม่ได้หรอก เยี่ยฉีไม่มีทางปล่อยพวกเราไปง่ายๆ แน่ ท่านประธานก็ไม่มีทางเห็นด้วยกับเรา จากไปเป็นวิธีที่ดีที่สุด”
“แล้วเซี่ยวเลี่ยงล่ะ เธอคิดถึงเซี่ยวเลี่ยงบ้างสิ เขาต้องเจ็บปวดแค่ไหนเธออยากให้เขาเจ็บปวดเหรอ”
“แต่ถ้าเขาต้องสูญเสียทุกอย่าง ฉันยอมให้เขาเสียใจเพราะฉันดีกว่า ฉันคิดรอบคอบแล้ว ฉันซื้อตั๋วเครื่องบินแล้วด้วย ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงความคิดของฉันได้”
อี้หมิงลุกขึ้นอย่างคนหมดแรง “แล้วเธอจะไปเมื่อไหร่ล่ะ”
“น่าจะอาทิตย์หน้า” เหม่ยลี่เงยหน้าไปมองเขา “เหลยอี้หมิง หลังจากฉันไปแล้ว นายต้องดูแลตัวเองให้ดี และต้องรักเกาเหวินให้มากๆ เขาเป็นผู้หญิงที่ดีมากๆ นะ นายต้องรักษาเขาไว้ให้ดี”
อี้หมิงยื้อจนวินาทีสุดท้าย “แล้วถ้าไม่ใช่เพื่อเซี่ยวเลี่ยงแต่เพื่อฉันล่ะ เพื่อเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอ เพื่อเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกันอย่างฉัน เธอยินดีจะอยู่ต่อมั้ย เธอจะทิ้งฉันไปได้ลงคอเชียวเหรอ”
“ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่ว่าฉันจะคบใคร เราไม่มีทางเปลี่ยนเพราะเวลาหรือสถานที่หรอก เพราะเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดไป”

เหลยอี้หมิงหันหน้าหนีไปนอกหน้าต่างตัดสินใจสารภาพออกมา “แล้วถ้าตอนนี้ ไม่ใช่ในฐานะเพื่อนแต่เป็นฐานะของผู้ชายคนหนึ่ง ที่ขอร้องให้คนที่รักอยู่ต่อไป เธอจะอยู่ต่อมั้ย”
เหม่ยลี่อึ้งไปมองหน้าเขาอย่างคาดไม่ถึง “นายพูดอะไร”
อี้หมิงเดินมานั่งลงตรงหน้า “ยัยอ้วน ฉันจะพูดทีละประโยคให้เธอเข้าใจ ฉัน...ชอบเธอ ฉันชอบเธอมาตั้งนานแล้ว”
เหม่ยลี่อึ้งหนัก นึกถึงคำพูดที่เขาเคยหลุดปากออกมา ตอนเธอขอร้องให้ช่วยสอนวิธีง้อเซี่ยวเลี่ยงให้
“เธอยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนเธอ และไม่อยากช่วยเธอ ฉันไม่มีทางรักใครเพราะในใจฉันมีแต่เธอ”
แต่สุดท้ายเขาก็แก้ตัวว่าเป็นแค่การล้อเล่นเท่านั้น “ฉันอยากบอกเธอตั้งแต่กลางวันแล้ว แต่เมื่อวานเป็นเพราะว่าฉันโกรธ ดังนั้นเลยล้อเธอเล่น เพราะอยากให้เธอหุบปากเท่านั้น”
เหม่ยลี่ยังอึ้งๆ อยู่ “งั้นที่นายบอกว่าชอบฉัน ก็ไม่จริงน่ะสิ”
“ไม่ใช่แน่นอน”
เหม่ยลี่ทบทวนไปมา ก่อนจะถามย้ำ “นายล้อเล่นเหรอเหลยอี้หมิง ฉันคือยัยอ้วนนะ เราสองคนเป็นเพื่อนรักกันมาตลอด นายจะชอบฉันได้ยังไงล่ะ”
อี้หมิงถอนใจเฮือก ลุกเดินมานั่งริมเตียงใกล้ๆ กัน สารภาพออกไปจนสิ้น
“ใช่ ที่ผ่านมาฉันเป็นคนหลายใจ ฉันไม่สามารถคบกับใครได้นาน โดยเฉพาะผู้หญิง ฉันไม่มีความรับผิดชอบ ฉันเป็นคนรักความอิสระ ฉะนั้น ฉันจึงปิดกั้นหัวใจมาตลอด ฉันไม่ยอมให้ใครเข้ามา ฉันปิดกั้นหัวใจตัวเองมาตลอด แต่ก็ยังมีคนพังมันเข้ามา เขาคนนี้อ้วนมาก หน้าตาก็ไม่สวย ไม่ใช่สเป็คของฉันเลย แต่เวลาอยู่กับเขาฉันรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ฉันคิดเสมอว่าฉันไม่มีทางรักเขา จนกระทั่งวันหนึ่งเขาประสบอุบัติเหตุ เขาต้องเจ็บปวดทั้งกายและใจ นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันรับรู้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดของเขา”
เหม่ยลี่น้ำตาร่วงหยดเผาะ และไหลรินออกมาเป็นสายไม่กล้าหันไปมองหน้าเขา ในขณะที่อี้หมิงน้ำตารื้น ตาแดงๆ ใกล้จะร้องไห้แล้ว
“หลังจากนั้นฉันก็ดูแลเขามาตลอด ช่วยปกปิดความลับของเขา ฉันพยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้รักเขา แต่ว่า...แต่เมื่อฉันเห็นเธอพบเจออุปสรรคมากมาย เมื่อเห็นเธอไปรักใครคนหนึ่ง เมื่อฉันเห็นเธอร้องไห้เพื่อคนอื่นยิ้มเพื่อคนอื่น ฉันก็เลยต้องการ ที่จะเป็นคนๆ นั้นของเธอบ้าง แต่ว่าฉันทำไม่ได้ เพราะเมื่อไหร่ที่ฉันเห็นเธอฉันรู้สึกเจ็บปวดมาก ฉันเจ็บปวดมากจริงๆ ฉันเตือนสติตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน ฉันบอกว่า ห้ามไปหลงรักเขาเด็ดขาด เพราะถ้าเมื่อไหร่ฉันหลงรักเขา เราจะไม่สามารถเป็นเพื่อนกันได้อีก แต่มาถึงวันนี้ ฉันขอโทษ ฉันไม่สามารถหลอกตัวเองและหลอกเธอต่อไปได้อีก ฉันแค่อยากให้เธอมีความสุข ง่ายแค่นี้เอง เฮ้อ ดังนั้นนับจากนี้ไป เราไม่สามารถเป็นเพื่อนกันได้อีกแล้ว ยัยอ้วน ถ้าเธอคิดจะไปจริงๆ ฉันจะไปกับเธอ ไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเราเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ ถ้าอยู่กับเซี่ยวเลี่ยงแล้วมันลำบากขนาดนี้ ก็ลืมเขาไปซะเถอะ ลืมทุกอย่างที่นี่ไปให้หมด”
เหม่ยลี่น้ำตาร่วงบอกเสียงเศร้า “เราไม่สามารถกลับไปเหมือนเดิมได้แล้วเหรอ”
“ใช่”
เหม่ยลี่รวบรวมความกล้าบอกไปทั้งน้ำตานองหน้า “งั้นนายปล่อยฉันไปเถอะ เมื่อก่อนตอนที่ฉันยังเป็นมี่เหม่ยลี่ แม้ว่าฉันจะเป็นยัยอ้วนที่ขี้เหร่ แต่อย่างน้อยฉันก็ยังมีนายอยู่ แต่ว่าตอนนี้ นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่จอมปลอมนี้ ฉันก็ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว”
“ความจริง คนที่ไม่มีอะไร คือฉันต่างหากล่ะ”
อี้หมิงหน้าเศร้า นึกถึงวันที่เลี้ยงอำลาเหม่ยลี่
ในตอนหนึ่งเหม่ยลี่กำชับให้เขาดีและรักเกาเหวินมากๆ
“เพราะฉะนั้น นายต้องรักเกาเหวินให้มากๆ นะ สู้ๆ
อี้หมิงชนขวดบอก “สู้ๆ”
“มาๆๆ”
“ชนแก้วๆ”
“ดื่มเพื่อมิตรภาพ” เหม่ยลี่ว่า
“เพื่อมิตรภาพ” อี้หมิงบอก
สองคนนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอะไรออกมาอีก ปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ของมันไป

เกาเหวินได้ยินเสียงประตูเปิด เธอจึงลุกลงบันไดมาจากห้องนอน เดินมาหาเหลยอี้หมิงที่นั่งคอตกอยู่ตรงเคาน์เตอร์หน้าครัว
“เจอมี่โตะรึเปล่า” เกาเหวินถาม พร้อมกับเดินมานั่งด้วยข้างๆ
“ยังไม่นอนเหรอ ผม...ผมอยากคุยกับคุณ”
อี้หมิงหันมาหา เกาเหวินบ่ายเบี่ยง ชวนคุยเรื่องอื่น รู้ดีว่าเขาจะพูดอะไรออกมา
“ฉันก็มีเรื่องอยากคุยกับคุณพอดี อืม...วันนี้ฉันกับเจสันเลือกวอลเปเปอร์แล้ว พรุ่งนี้ก็เริ่มตกแต่งได้เลย เริ่มตกแต่งจากห้องฉันก่อนแล้วกัน แล้วก็...”
อี้หมิงสวนออกไปว่า “มี่โตะจะไปแล้วไปเกาหลี และจะไม่กลับมาที่นี่อีก”
เกาเหวินทำเป็นไม่ได้ยิน ฝืนยิ้มหัวชวนคุยเรื่องแต่งบ้านต่อ “จริงสิ ฉันอยากเปลี่ยนเครื่องครัวให้หมดด้วย ที่คุณใช้อยู่มันเก่ามากแล้ว อืม..คิดว่า ถ้าตกแต่งหมดทั้งบ้านฉันว่าบัตรเครดิตของคุณคงไม่พอแน่ ฮิๆๆ”
“เกาเหวิน ผมขอโทษ ผม...”
เกาเหวินจะร้องไห้ “ฉันขอร้อง คุณหยุดพูดสักทีได้มั้ย”
“เดิมที ผมคิดว่าถ้าลองคบกับคุณต่อไป ผมอาจจะรักคุณได้ แต่เมื่อผมรู้ว่ามี่โตะจะไปจากที่นี่ ผมถึงรู้ว่าผมตัดใจจากเขาไม่ได้ ดังนั้น เราเลิกกันเถอะ”
“คุณต้องพูดให้ได้เลยใช่มั้ย คุณคิดถึงเขาตลอดเวลาคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ เราสองคนไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ เพราะคุณยังต้องการเวลาเท่านั้น และอีกไม่นานเวลาจะช่วยให้คุณลืมเขาเอง คุณเป็นคนพูดเองนะ คุณรับปากฉันแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ผมไม่อยากโกหกคุณและโกหกตัวเองอีกต่อไปแล้ว ผมหวังว่าคุณจะเชื่อผม ผมลองพยายามแล้วแต่ผมพบว่า ผมไม่สามารถรักคุณได้จริงๆ จนกระทั่งเมื่อมี่โตะจะจากไป ผมถึงได้รู้ว่า หัวใจตัวเองสับสนไปหมด ฉะนั้นผมจึงไม่สามารถพยายามต่อไปได้อีกแล้ว”
เกาเหวินนิ่งงันไปนาน คล้ายรวบรวมเรี่ยวแรง
“คุณ...จะไม่ลองพยายามอีกรอบเหรอ เซี่ยวเลี่ยงยังสามารถลืมเยี่ยฉีได้ ฉันก็ลืมหานปิงได้แล้วทำไมคุณทำไมได้ล่ะ”
“เพราะความรัก ไม่ใช่แค่พยายามก็สามารถทำได้ ผมเคยพยายามลืมใครบางคนแต่ว่าต่อมาผมไม่เพียงลืมเขาไม่ได้ แต่ยิ่งทำให้ผมรักเขามากขึ้น”
“แล้วเขาล่ะ เขารักคุณมั้ย”

เกาเหวินย้อนถามออกไปทั้งน้ำตา

อ่านต่อ ตอนที่ 32

#กะรัตรัก #DiamondLover #NOW26 #ละครออนไลน์
กำลังโหลดความคิดเห็น