xs
xsm
sm
md
lg

กะรัตรัก - Diamond Lover ตอนที่ 27

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กะรัตรัก - Diamond Lover ตอนที่ 27

มี่เหม่ยลี่บอกกับบรรดาลูกค้าชายหญิงที่ออกันอยู่เต็มหน้าเคาน์เตอร์ที่เธอขายของอยู่ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

“ตอนนี้เป็นเวลาทำงานของดิฉัน คงไม่สะดวกจะถ่ายรูปด้วยค่ะ”
“อ๋อ งั้นเหรอ ฉันเห็นเรื่องราวของพวกคุณถึงได้มาที่นี่ แต่ว่าฉันมีเงินไม่มาก ไม่รู้ว่าจะซื้อสร้อยคอแบบเดียวกับคุณได้รึเปล่า” หญิงชุดฟ้าถามแทนคนอื่นๆ
“รูปแบบ สร้อยคอราชินีของฉัน เราสามารถปรับเปลี่ยนแบบตามความต้องการของผู้บริโภคได้ ถ้าเป็นรูปแบบที่คุณเห็นเมื่อกี้ราคายังไม่ค่อยเหมาะสมกับคุณ คุณสามารถเลือกจี้เพชรที่เล็กกว่าเส้นนั้นได้ค่ะ”
“จี้เพชรเล็กๆ เหรอ งั้นฉันก็ไม่งามสง่าเท่าคุณน่ะสิ” หญิงคนเดิมสงสัย
“การซื้อเพชรไม่จำเป็นต้องแข่งกับคนอื่น เพราะสิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่เม็ดใหญ่หรือเล็ก แต่อยู่ที่ความหมายของมันต่างหาก ก็เหมือนกับความรักนั่นแหละ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะยากจนหรือร่ำรวย ถ้าเรามีความรักจริง ก็ไม่สามารถตีราคาได้จริงมั้ยคะ”
หญิงชุดฟ้าคนนั้นพยักหน้า “อื้ม แต่ฉันยังลังเลอยู่ว่าจะซื้อหรือเปล่า ถ้าอย่างงั้นเอาไว้วันหลังได้มั้ยคะ”
“ได้ค่ะไม่มีปัญหา ถ้าเป็นไปได้ล่ะก็ คุณลองเดินดูก่อนว่ามีแบบที่ตัวเองชอบจริงๆ หรือเปล่า ถ้าฉันทำธุระเสร็จแล้วฉันจะไปถ่ายรูปกับคุณ”
หญิงชุดฟ้าเป็นปลื้ม “ได้ ฉันไม่ได้ซื้อของคุณ ยังยินดีถ่ายรูปกับฉันเหรอคะ”
เหม่ยลี่ยิ้มแย้ม “ไม่มีปัญหาแน่นอนค่ะ ในเมื่อคุณเข้ามาในร้านของเรา ก็คือลูกค้าคนหนึ่งเหมือนกัน ฉะนั้นฉันจะเป็นตัวแทนของบริษัท ขอบคุณการสนับสนุนของคุณค่ะ”
“น้องสาวช่วยเอาแหวนวงนี้ให้ผมดูหน่อย” ชายชุดเทาบอก
“รอซักครู่นะคะ”
“น้องสาวผมเอาวงนี้” ชายคนดังกล่าวบอก

ระหว่างนี้ผู้จัดการช็อปสาขาจับตาดูเหม่ยลี่ พร้อมกับโทร.รายงานเจิ้นตงไปด้วย
“ได้ค่ะ ได้ค่ะท่านประธาน หลังจากวางแผงชุดพระราชินีของฉัน มีลูกค้าไม่น้อยมารออยู่หน้าเคาน์เตอร์ของมี่โตะ แม้ของจะมีไม่พอกับความต้องการของลูกค้า แต่มี่โตะก็พยายามทำทุกอย่างให้ลูกค้าพึงพอใจ เพื่อช่วยให้สาขาของเราเพิ่มยอดขายและยังเสนอจะทำโอทีเองด้วย”
“ดี คุณช่วยผมเฝ้าดูเธอต่อไป” เสียงเจิ้นตงดังลอดออกมา
“ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ”
ผู้สื่อข่าวทีวีรายงานข่าวเรื่องความนิยมในอัญมณีของเทซีโร่
“หลังจากบริษัทจดทะเบียน ประธานเซี่ยวเลี่ยงของเทซีโร่ประกาศเลิกรากับดาราสาวเกาเหวิน เพราะมีข่าวพัวพันกับพนักงานหญิง แต่ศูนย์การขายของเทซีโร่ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับผลกระทบ แต่กลับมีความนิยมมากขึ้น...”
เจิ้นตงดูข่าวนี้อยู่ที่คฤหาสน์ กดปิดทีวี แล้วอดนึกถึงคำพูดเชิงขอร้องของเซี่ยวเลี่ยงเมื่อวันประมูลการกุศลไม่ได้
“พ่อ มี่โตะไม่เหมือนเยี่ยฉีจริงๆ พ่ออย่าตัดสินคนอื่นแค่ภายนอกเลยได้มั้ย ผมขอร้องล่ะ เชื่อในสายตาของลูกชายพ่อเถอะ ให้โอกาสมี่โตะสักครั้ง ลองทำความรู้จักกับเธอ พ่อ เราต้องการคำอวยพรจากพ่อนะครับ เพราะว่า...เพราะพ่อเป็นพ่อของผม”
เซี่ยวเจิ้นตงถอนใจเบาๆ ในสีหน้าครุ่นคิด

อี้หมิงลงมาข้างล่าง แล้วต้องแปลกใจ เมื่อเห็นเกาเหวินอยู่บ้าน และทำแซนด์วิชให้เขาทานด้วยตัวเอง
“เอ๊ะ คุณต้องไปถ่ายละครเช้าทำไมไม่ไปล่ะ”
“พาดหัวข่าวของวันนี้ เป็นฉันอีกแล้ว กองถ่ายกลัวจะมีผลกระทบเลยเลื่อนออกไปก่อน” เกาเหวินว่า
“พาดหัวข่าวของคุณอีกแล้วเหรอ”
เกาเหวินหยิบหนังสือพิมพ์ให้แล้วลงนั่ง “ใช่แล้ว นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ฉันเป็นตัวประกอบ ข่าวฉาวของคนอื่นคือมี่โตะ แต่อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน ยังไงต่อไปเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับฉัน ข่าวฉาวแบบนี้ไม่มีซะดีกว่า”
“มี่โตะถูกเปิดเผยตัวแบบนี้ จะไม่มีผลกระทบกับเธอเหรอ” อี้หมิงอ่านพาดหัวด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ไม่มีผลกระทบอะไรมากหรอก แค่เดินอยู่บนถนนแล้วมีคนรู้จัก หรือถูกนักข่าวขุดคุ้ยอดีตที่ไม่ดีของเขาเท่านั้น แต่คนอย่างมี่โตะคงไม่มีเรื่องไม่ดีให้ขุดคุ้ยหรอก ฉันตั้งใจเตรียมอาหารเช้า คุณไม่กินเหรอ”
“กินสิ” อี้หมิงใจลอย ไม่รู้ตัวว่าใช้มีดตักหั่นจานเปล่าๆ เกาเหวินมองจ้องยิ่งแปลกใจ เมื่อเห็นอี้หมิงยกช้อนส้อมเข้าปาก
“อร่อยมั้ย คุณไม่มองแม้แต่น้อยเลย”
“อ้อ น่ารักจังเลย” อี้หมิงมองจานขนมปังคู่แสนน่ารัก พอจะตักแบ่งกินเกาเหวินกลับจับมือยั้งไว้ ห้ามไปทุกจุด
“คุณอยากให้เราแยกจากกันเหรอ คุณจะฆ่าฉันหรือไง นั่นเตียงของเรานะ”
เลยหยิบขนมหวานมากินแก้เก้อ แต่กลืนไม่ลงเมื่อเห็นพาดหัวข่าวอีก เป็นห่วงยัยอ้วนจับใจ

ที่สำนักงานใหญ่เทซีโร่ มีนักข่าวมาสัมภาษณ์เซี่ยวเลี่ยงที่ห้องทำงาน ถามขึ้นในช่วงท้ายๆ ของการสัมภาษณ์
“หลังจากความสัมพันธ์ของคุณกับมี่โตะถูกเปิดเผย สถานะของพวกคุณแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มีคนบอกว่าคุณปกป้องคุณมี่เสมอ ฉะนั้นตัวตนของเธอจึงไม่ถูกเปิดเผย ไม่ทราบเป็นอย่างนี้หรือเปล่าครับ”
“เอ่อ...ถ้าถามว่าผมปกป้องอะไรเธอบ้าง ผมหวังว่าเธอจะสามารถใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาได้ ผมไม่อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนทำให้ความเป็นส่วนตัวของเธอ ต้องถูกลิดรอน สำหรับความแตกต่างทางสถานะ ที่จริงผมกับเขาไม่มีอะไรต้องปิดบัง เพราะผมไม่ได้คิดว่าเรามีความแตกต่างกันเลย เราเกิดมาในโลกนี้ ก็เพื่อแสวงหาซักคน ที่สามารถเข้ากับเราได้ไม่ใช่เหรอ” เซี่ยวเลี่ยงย้อนถามในตอนท้าย
“งั้นคุณพูดเรื่องของคุณมี่ย่อๆ ได้มั้ยครับ ก่อนหน้านี้มีคนพูดว่าเขาเคยเป็นแอร์โฮสเตส แต่จะเป็นความจริงหรือไม่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ เราจึงรู้สึกว่าเธอมีความลึกลับมาก”
เซี่ยวเลี่ยงถอนใจ “อดีตของเธอเรียบง่ายมากไม่ลึกลับอย่างที่พวกคุณคิดหรอก ขอโทษด้วย ผมต้องรีบไปประชุมด่วน คงสัมภาษณ์ได้เพียงเท่านั้น”
“คุณเซี่ยวคุณเกรงใจแล้วครับ แค่ยอมรับการสัมภาษณ์ก็เป็นเกียรติของเราแล้ว”
“ขอบคุณครับ” สองคนจับมือกัน
รอจนนักข่าวพ้นตัวไป ฉีหยูจึงเดินเข้ามาหา “คุณเซี่ยวครับ ท่านประธานรอคุณอยู่ที่ห้องประชุม”
เซี่ยวเลี่ยงพยักหน้ารับเอาคำ สีหน้าครุ่นคิด

ทุกคนอยู่ในห้องประชุมแล้ว เจิ้นตงนั่งหัวโต๊ะ หญิงชุดดำฝ่ายการตลาดรายงานต่อที่ประชุมเสียงดังฉะฉาน มีกราฟฟิกข้อมูลการขายอัญมณีคอลเล็คชั่น MY QUEEN ประกอบบนจอโพรเจ็กเตอร์ขนาดใหญ่
“ด้วยข่าวส่วนตัวของคุณเซี่ยว นำมาซึ่งความนิยมรวมทั้งผลกระทบที่ได้รับจากงานประมูลก่อนหน้านี้ด้วย ตอนนี้ชุดราชินีของเราได้กลายเป็นผลงานที่โดดเด่นของบริษัทมาก และยังดึงยอดขายของบริษัทขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยรวมแล้ว หลังจากประกาศความสัมพันธ์ของคุณเซี่ยวภายในสามวัน ยอดขายของชุดราชินีในศูนย์การขายทุกสาขาเพิ่มขึ้นมาก และในเวลาเดียวกัน มีชุดราชินีของเราคอยดึงดูดและกระตุ้นยอดขายของสินค้าอื่นๆ ด้วย หลังจากเริ่มฤดูกาลใหม่นี้บริษัทของเรามีสถิติการขายสูงมากเป็นประวัติการณ์ ดังนั้นจึงมีแต่ผลกระทบในทางที่ดีค่ะ”
“เอ่อ สำหรับสถิตินี้ แต่ละฝ่ายมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง” เซี่ยวเลี่ยงถามที่ประชุม ทุกคนเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง
จื่อเหลียงหันมาทางเซี่ยวเลี่ยงและเจิ้นตงเอ่ยขึ้นเชิงขออนุญาต
“ท่านประธาน คุณเซี่ยว ผมขอเป็นตัวแทนของฝ่ายออกแบบพูดอะไรนิดหน่อย”
เจิ้นตงยกมือเชิงอนุญาต
“ใช้ข่าวอื้อฉาวมาเพิ่มยอดขายของบริษัท นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บริษัทเราเคยทำ ก่อนหน้านี้เรื่องของเกาเหวินทุกคนก็น่าจะรู้แล้ว แม้ข่าวอื้อฉาวของเธอจะเพิ่มยอดขายให้บริษัทกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ แต่หลังจากที่รูปหวือหวาของเธอถูกเผยแพร่ ก็สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของบริษัทอย่างมาก หรือว่าทุกคนไม่กลัวว่า กระแสในครั้งนี้ จะเกิดความผิดพลาดเหมือนในตอนนั้น”
การตั้งข้อสังเกตของจื่อเหลียงทำให้เกิดเสียงวิจารณ์เซ็งแซ่ในกลุ่มพนักงาน เจิ้นตงถอนหายใจ
“ความรักเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ ถ้าเอาเรื่องนี้มาทำการตลาดล่ะก็ ต้องเกิดปัญหาภายหลังแน่ ฉะนั้นผมขอแนะนำ ให้ไล่พนักงานที่มีข่าวอื้อฉาวออก เพราะการทำแบบนี้จะไม่ส่งผลกระทบกับบริษัท และยังสามารถปกป้องคุณเซี่ยวได้ ยังไงเรื่องราวประเภทนี้สามารถขายได้นานเท่าไหร่ ทุกคนต่างก็รู้ดี”
เซี่ยวเลี่ยงแย้งขึ้นว่า “ท่านรองหลินคุณเข้าใจผิดหรือเปล่า ผมกับมี่โตะเราคบกันอย่างเปิดเผย ไม่ใช่ข่าวฉาวและไม่ใช่กระแสด้วย”
สองคนจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมแพ้
เจิ้นตงสรุป “และข้อสุดท้าย การเพิ่มขึ้นของยอดขาย เหตุผลที่แท้จริงก็คือผลจากความพยายาม และความมุ่งมั่นของทั้งบริษัท อีกอย่าง ไม่ว่าเป็นเพราะเหตุผลอะไร ยอดขายเพิ่มขึ้น ก็เป็นเรื่องที่ดี ดังนั้น พนักงานที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ บริษัท ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะลงโทษ”
เจิ้นตงลุกเดินออกไปเลย เซี่ยวเลี่ยงลุกขึ้นยืนส่ง แปลกใจที่รูปการณ์ออกมาแบบนี้ ขณะที่จื่อเหลียงมองตาขวางไม่พอใจมากๆ

ในรถที่เซี่ยวเลี่ยงขับแล่นมาตามท้องถนน เหม่ยลี่จับสร้อย MY QUEEN บนคอไม่ยอมปล่อย เจื้อยแจ้วให้เขาฟังอย่างเบิกบาน
“คุณรู้มั้ยว่า วันนี้มีคนมากมายมาซื้อสร้อยคอเส้นนี้ และยังมีคนมากมายอยากถ่ายรูปคู่กับฉัน ทำอย่างกับฉันเป็นดาราเลยล่ะ”
เซี่ยวเลี่ยงยิ้มสุขใจ นึกขึ้นได้ “ดาราเหรอ วันนี้ผมให้สัมภาษณ์นักข่าวคนหนึ่ง เขาถามเรื่องในอดีตของคุณด้วย”
เหม่ยลี่อึ้งไป “เรื่องของฉันเหรอ ฉันไม่ได้เป็นคนดังอะไรซักหน่อย ทำไมต้องถามเรื่องในอดีตของฉันด้วย”
“คงเป็นเพราะอยากรู้อยากเห็นน่ะ อ้อ แต่จะว่าไปแล้วคุณไม่เคยพูดเรื่องในอดีตกับผมเลยนะ”
“เมื่อก่อนเหรอ เมื่อก่อนฉัน...ก็เป็นคนธรรมดาแบบนี้แหละ”
เซี่ยวเลี่ยงพูดทีเล่นทีจริง “ตอนยังไม่รู้จักผมคงไม่มีผู้ชายคนอื่นนะ”
เหม่ยลี่อึ้งอีก “หืม”
เซี่ยวเลี่ยงหันมามองคาดคั้น “มีจริงๆ เหรอ”
“ไม่มีจริงๆ ฉันไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลย ก่อนที่จะรู้จักคุณ ฉันก็ไม่เคยชอบผู้ชายคนไหนเลย”
เซี่ยวเลี่ยงโล่งใจ ดีดนิ้วดังเป๊าะ “งั้นผมคือรักแรกของคุณน่ะสิ”
เหม่ยลี่ยิ้มร่า

อีกฟากหนึ่ง หญิงชุดขาว เพื่อนร่วมงานเก่าขิองมี่เหม่ยลี่นั่งอ่านข่าวเซี่ยวเลี่ยงกับมี่โตะอยู่ในร้านกาแฟ ครุ่นคิดในใจ
“มี่โตะคนนี้ ทำไมหน้าคุ้นๆ นะ เหมือนเคยเจอที่ไหนเลย”

เหม่ยลี่กังวลใจเรื่องที่เซี่ยวเลี่ยงบอกวันนี้ หลบมานั่งหน้าเครียดอยู่คนเดียวในสวนสาธารณะใกล้บ้าน
“ดาราเหรอ วันนี้ผมให้สัมภาษณ์นักข่าวคนหนึ่ง เขาถามเรื่องในอดีตของคุณด้วย”
“เรื่องของฉันเหรอ”
“คงเป็นเพราะอยากรู้อยากเห็นน่ะ อ้อ แต่จะว่าไปแล้วคุณไม่เคยพูดเรื่องในอดีตกับผมเลยนะ”
เหม่ยลี่จับสร้อยบนคอคิดหนัก “ถ้าทุกคนให้ความสนใจฉันแบบนี้ เซี่ยวเลี่ยงจะสงสัยอดีตของฉันหรือเปล่านะ ถ้าเขารู้ว่าฉันคือมี่เหม่ยลี่จะทำยังไง ฉันไปบอกเขาตามตรงเลยดีมั้ยนะ”
บังเอิญอะไรเบอร์นี้ หลินจื่อเหลียงเดินคุยโทรศัพท์ผ่านมาพอดี วางสายแล้วเดินมาทักเหม่ยลี่
“โอเคผมรู้แล้ว งั้นแค่นี้นะ”
จือเหลียงถือวิสาสะลงนั่งด้วย ประชดประชันในที “โอ้ว คุณมี่โตะที่กำลังโด่งดังนี่นา ได้เจอตัวจริงของคุณผมดีใจมากจริงๆ เป็นยังไง ความรู้สึกที่เป็นคนดังมีความสุขหรือเปล่า คราวนี้คุณหนีไม่พ้นหรอก”
เหม่ยลี่ขี้เกียจทะเลาะด้วยลุกเดินหนี จื่อเหลียงพูดข่มขู่ไม่หยุด
“ความลับทั้งหมดของคุณ อดีตที่คุณปิดบังเอาไว้ ต้องถูกคนอื่นแฉอย่างแน่นอน และผมก็คิดไม่ถึงว่า คนที่ผลักดันเรื่องทั้งหมดนี้ จะเป็นเซี่ยวเลี่ยงของคุณ”
เหม่ยลี่หน้าเสีย รีบปรับสีหน้าหันมาหา “ฉันไม่เข้าใจความหมายที่คุณพูด แต่กรุณาให้เกียติฉัน และให้เกียรติเซี่ยวเลี่ยงด้วย”
จื่อเหลียงลุกยืนจ้องหน้า ยิ้มเจ้าเล่ห์ “เป็นอะไร กลัวเหรอ คุณอย่ากลัวไปเลยน่า เพราะผมไม่สนใจตัวคุณหรอก ผมสนใจความลับของคุณต่างหากล่ะ เพราะว่าความลับของคุณ ทำร้ายเซี่ยวเลี่ยงได้มากแค่ไหนคุณคงจะรู้ดี”
“ฝันไปเถอะ ฉันไม่ยอมให้เซี่ยวเลี่ยงเสื่อมเสียเพราะฉันแน่”
จื่อเหลียงยิ้มเยาะ “แม้ว่าคุณจะปิดบังไว้ ไม่นานเซี่ยวเลี่ยงก็ต้องรู้ เมื่อความจริงกระจ่าง คนที่ถูกทำร้ายจะเป็นใครได้ล่ะ คนที่คุณต้องการปกป้องจะเป็นเซี่ยวเลี่ยง หรือว่าเพื่อนของคุณ เหลยอี้หมิงล่ะ”
“คุณต้องผิดหวังแล้วล่ะ ถ้าคุณจะทำร้ายพวกเขา ต้องข้ามศพฉันไปก่อนเท่านั้น”
“เป็นคนดีมาก มี่โตะ คุณรอดูไปแล้วกัน คราวนี้คุณหนีไม่พ้นแน่”
จื่อเหลียงปรบมือเยาะเย้ย ข่มขู่ทิ้งท้ายแล้วเดินหนีไป เหม่ยลี่เครียดจัด

เหม่ยลี่เข้าบ้านมา ว้าวุ่นกังวลใจไม่หายเรื่องอดีตของเธอที่กำลังถูกขุดคุ้ย
“ถ้าเซี่ยวเลี่ยงรู้อดีตของฉัน คงไม่มีทางให้อภัยฉันแน่ ไม่ได้ อย่าบอกนะว่า พวกเขาตรวจสอบเจอเรื่องที่ฉันผ่าตัด”
คิดขึ้นมาดังนี้เธอกดมือถือหาอี้หมิงทันที
อี้หมิงอยู่กับกลุ่มแฟนคลับเกาเหวินที่กองถ่าย กดรับสายจากเหม่ยลี่
“ฮัลโหลยัยอ้วน”
“ฮัลโหลเหลยอี้หมิงนายสะดวกคุยหรือเปล่า”
“คือว่าฉัน...พอดีตอนนี้ฉันอยู่ที่กองถ่ายละครของเกาเหวิน เดี๋ยวฉันโทร.กลับนะ แค่นี้ก่อน”
เหม่ยลี่วางสายไปสีหน้าเครียด

เกาเหวินหัวเราะร่า แฮปปี้สุดๆ โบกไม้โบกมือให้อี้หมิงที่อยู่ในกลุ่มแฟนคลับ
ผู้กำกับกำลังบรีฟฉากที่จะถ่ายทำ “มา ผมจะอธิบายพวกคุณหน่อย เดี๋ยวเราจะถ่าย ตอนที่สิบ ตอนนี้คือฉากจูบ นะ พวกคุณสองคนจูบให้สมจริงหน่อย ให้ผมรู้สึกถึงความรักที่ลึกซึ้ง เราต้องสร้างความรู้สึกที่โรแมนติก ให้กับท่านผู้ชม โอเคมั้ย มา ช่างกล้องเตรียมตัวนะ”
เกาเหวินกลับบอกว่า “ผู้กำกับ...ผู้กำกับ เปลี่ยนฉากจูบไปถ่ายวันหลังได้มั้ยคะ”
“เราซ้อมไว้แล้วไม่ใช่เหรอ จะมีปัญหาอะไรอีก” ผู้กำกับว่า
“ฉันรู้สึกว่าอารมณ์ของฉันไม่ค่อยได้”
ผู้กำกับขัดใจ “ตลกแล้วน่า คุณคือเกาเหวินนะ บทไหนบ้างที่แสดงไม่ได้ หะ เฮ้อ ไป เตรียมตัว มาๆ ช่างกล้องเตรียมตัว มา นับถอยหลัง ห้า สี่ สาม สอง แอ็คชั่น”
“ที่รัก ขอบคุณที่คุณมาหาผม ผมประซาบซึ้งใจมาก ผมรักคุณ” นักแสดงชายบอกแล้วโน้มหน้ามาจูบ เกาเหวินดันเบี่ยงหน้าหนี
ผู้กำกับร้องลั่น“นี่ คัทๆๆ”

อี้หมิงจะเข้ามาโวยวายเจสันเห็นรีบแถออกไปหา ลากไปคุยที่อื่น
“ไม่มีอะไรๆ ควบคุมสถานการณ์หน่อย”
ผู้กำกับงง “เกิดอะไรขึ้น”
เจสันรีบบอก “ไม่มีอะไรๆ ไปๆๆ ควบคุมหน่อย คุณเป็นอะไรของคุณเนี่ย”
“ฉากจูบปาก ผู้กำกับใช้มุมกล้องถ่ายได้ไม่ใช่เหรอ” อี้หมิงโวย
เจสันอธิบาย “จูบปากเหรอ จูบปากอะไร นี่คือฉากเลิฟซีนมันคือศิลปะ เกาเหวินของเราเป็นมืออาชีพเข้าใจมั้ย เห็นมั้ย จูบจริงแล้ว เอ๊ะ ยืนนิ่งๆ เลย คุณจะทำอะไร ผมจะบอกให้นะ เกาเหวินเสียโอกาสเพื่อคุณไปหนึ่งครั้งแล้ว ถ้าครั้งนี้คุณทำให้เธอสูญเสียอีก ผมเล่นงานคุณแน่ไม่เชื่อคอยดู”
อี้หมิงไม่เก็ต “ไม่ใช่ คุณหมายความว่าไง เสียโอกาสไปหนึ่งครั้งคืออะไร คุณหมายถึงอะไรกันแน่”
เจสันสารธาย “เกาเหวินของเรา กลับมาครั้งนี้คุณรู้มั้ยว่าลำบากแค่ไหน เดิมทีเราจะใช้กระแสของเซี่ยวเลี่ยงทำให้โด่งดัง แต่เพื่อคุณเธอกลับทิ้งไป ยังมีอีก คุณรู้มั้ยว่าดาราต้องปกป้องความนิยมของตัวเอง และต้องแอบมีความรัก แต่เพื่อคุณเธอก็ทิ้งไป คุณดูสิ นี่คือฉากเลิฟซีน เป็นศิลปะ คุณอย่าคิดว่า สกปรกสิ คิดแบบนั้นได้ยังไงล่ะ นี่มันคืองานนะ นี่ จะว่าไปแล้ว ถ้าการแสดงในวันนี้ เกาเหวินไม่สามารถถ่ายได้เพราะคุณ ผู้กำกับไม่พอใจ เปลี่ยนเกาเหวินเป็นคนอื่น จะทำยังไง หะ”
เหลยอี้หมิงเครียดไม่น้อย นึกถึงคำพูดนักข่าวตอนงานพรมแดง
“ถ้าพวกคุณเป็นเพื่อนธรรมดาทั่วไป,ทำไมต้องมาปรากฏตัวในเวลาแบบนี้ด้วย”
เกาเหวินยิ้มระรื่นตอบไปว่า “เพราะฉันกับเซี่ยวเลี่ยงเป็นแค่เพื่อนเลยไม่จำเป็นต้องหลบ อีกอย่าง แค่แฟนฉันไม่ว่าอะไรฉันก็ไม่สนใจความคิดคนอื่น”

อี้หมิงหลบออกมาเพื่อให้เกาเหวินทำงานได้อย่างสบายใจ พอถ่ายเสร็จเกาเหวินก็รีบมาหาเขาที่รถ
“เอ่อ เข้ามาเร็ว”
“เฮ้อ ทำไมดูไม่ทันจบก็ออกมาล่ะ เห็นฉันแสดงฉากเลิฟซีนแล้วโกรธใช่มั้ย”
“เปล่า ผมแค่คิดว่า จะส่งผลกระทบต่อการแสดงของคุณเลยออกมารอ”
“ที่จริงแล้วฉากจูบของฉันกับเขาไม่ได้จูบจริง เราแค่ใช้สลับมุมกันเท่านั้น ถ้าคุณไม่ชอบล่ะก็คราวหน้าฉันจะไม่ถ่ายอีกแล้วคุณอย่าโกรธนะ”
“งั้นตอนที่ผมผ่าตัดคนไข้ ผมก็ต้องเห็นร่างกายของพวกเขา คุณจะห้ามไม่ให้ผมไปผ่าตัดหรือเปล่า ที่จริงงานของเราก็เหมือนกัน ในเมื่อเป็นอาชีพของคุณ ผมก็จะเคารพมัน” อี้หมิงอธิบาย
เกาเหวินซึ้งใจ “หมิงหมิง”
“ไม่ว่าต่อไป คุณจะแสดงฉากไหนถ้าคุณบอกผมก่อนล่วงหน้า ผมจะสนับสนุนอย่างไร้เงื่อนไข ถ้าคุณรู้สึกอึดอัดหรือลำบากใจ ผมจะไม่มารับคุณที่กองถ่าย คุณทำหน้าที่นักแสดงของคุณให้ดีจากนั้นค่อยไปคิดเรื่องแฟน เพราะมันเป็นอาชีพของคุณ ผมจะไม่ใช้ความรู้สึกของตัวเองไปขัดขวาง”
เกาเหวินซาบซึ้งยื่นหน้าไปจูบอี้หมิง อีกฝ่ายอึ้งๆ ทำตัวไปม่ถูก เกาเหวินละตัวออก บอกเขินๆ ว่า
“เอ่อ...ถือซะว่าซ้อมการแสดงฉากต่อไปของฉัน ถ้าต่อไป ฉันเล่นฉากเลิฟซีนกับนักแสดงชายอีก ฉันจะหลับตาไม่มองเขาแล้วจินตนาการว่าเป็นคุณ เอ่อ...”
มีสายเรียกเข้า เกาเหวินดูหน้าจอเห็นเป็นชื่อ “ยัยอ้วน” โทร.มา
“อ้อ โทษทีผมไปรับโทรศัพท์เดี๋ยวนะ” อี้หมิงรถลงไป
เกาเหวินเห็นชื่อ และค้างคาใจมาก “ยัยอ้วน ยัยอ้วนคือใครกันแน่ มาขัดจังหวะจนได้”
อี้หมิงหลบมุมคุยสายกับเหม่ยลี่ “เธอมีเรื่องอะไร”
“นายมีเวลามาเจอฉันมั้ย เรื่องนี้ต้องเจอกันเท่านั้นถึงจะคุยรู้เรื่อง”
“เรื่องอะไรลึกลับขนาดนี้”
“วันนี้เซี่ยวเลี่ยงถามฉันเกี่ยวกับเรื่องในอดีตของฉันน่ะสิ”
อี้หมิงฟังแล้วอึ้งหนัก แจ้นไปหายัยอ้วนของเขาทันควัน

เจสันแวะมาทานอาหาร พนักงานชายเสิร์ฟของที่สั่งให้เรียบร้อยแล้วเดินออกไป
“เชิญตามสบายนะครับ”
“อื้ม ขอบคุณๆ” จู่ๆ เกาเหวินก็โผล่พรวดเข้ามานั่งชูนิ้วเซลฟี่ด้วย เจสันแปลกใจ
“เอ๊ะ เธอไปหาเหลยอี้หมิงแล้วไม่ใช่เหรอ”
เกาเหวินคว้าน้ำส้มเจสันมาดื่ม “อย่าพูดถึงเลย เขาทิ้งฉันไปคนเดียวแล้วล่ะ”
“ไปคนเดียวเหรอ”
เกาเหวินพยักหน้า “อื้ม”
“คงไม่ใช่เพราะโกรธเรื่องที่ฉันพูดหรอกนะ ผู้ชายคนนั้นอารมณ์รุนแรงดีนี่” เจสันหมั่นไส้
เกาเหวินสะดุดหู “เธอพูดอะไรกับเขา”
เจสันตัดบท “ไม่มีอะไรมากหรอก”
“มานี่สิ ตรงนี้มีอะไรติดอยู่”
“ตรงไหน”
“ตรงนี้”
เจสันร้องลั่นถูกเกาเหวินเอาด้ามช้อนยัดเข้ารูจมูกจังๆ “โอ๊ยๆๆๆ”
เกาเหวินจ้องหน้า ใช้ด้ามช้อนขู่อีก “เธอพูดอะไรกับเขา”
“ฉัน...ฉันไม่ได้พูดอะไรเลย”
เกาเหวินคาดคั้น “บอกมาเร็วเข้า”
“ฉันพูดๆๆ แค่ผู้ชายคนเดียวต้องทำขนาดนี้เชียวเหรอ จะบอกให้ตอนนี้ฉันเสียใจมากนะ”
“อย่าพูดมาก มานี่เร็วเอาหน้ามานี่มานี่ๆ” เกาเหวินขู่ไม่เลิก
“พอแล้วๆ ฉันบอกเธอก็ได้ ฉันบอกเขาว่า เธอดีกับเขามากให้เขาดูแลเธอให้ดี”
“แค่นี้เหรอ”
เจสันพยักหน้า “อืม...และยังบอกเขา เรื่องข่าวฉาวของเธอกับเซี่ยวเลี่ยง บอกให้เขาอย่าเป็นตัวถ่วงความเจริญของเธอ”
เกาเหวินปรี๊ด “ฉันว่าแล้ว ทำไมหลายวันนี้เขาดูแปลกๆ ที่แท้ลับหลังฉันเธอกดดันเขาเหรอ มาๆๆ มานี่ๆ”
เจสันสยอง ร้องลั่น “อย่า”
“มานี่เร็ว เอาจมูกมาทางนี้ด้วย”
เจสันรำคาญ สารภาพออกมา “หยุดๆๆ ฉันหวังดีกับเธอนะ ดูสิเอะอะเขาก็ไม่ให้เธอ เอ๊ย เอะอะเขาก็ไม่ให้เธอถ่ายเลิฟซีน แล้วบทในอนาคตเขาจะรับได้เหรอ หะ เราเพิ่งย้อนกลับความนิยมยังไม่กลับมา เธอก็ประกาศว่าเธอมีแฟน คนมากมายรอดูความพินาศของเธออยู่นะ ถ้ามีคนพูดว่าเธอล่มจมเพราะผู้ชายเธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปยังไง ปากคนมันน่ากลัวนะวงการบันเทิงก็ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิดด้วย”
“ก็ให้พวกเขาพูดไปสิ ในวงการบันเทิงมีแต่คนธรรมดามีความรักไม่ได้รึไง อีกอย่างพวกเขาไม่รู้เลยว่า ตอนที่ฉันตกต่ำเหลยอี้หมิงอยู่เคียงข้างฉันเสมอ ถึงจะถูกแบนฉันก็ไม่กลัว แค่มีเหลยอี้หมิงก็คุ้มแล้ว”
เจสันหมั่นไส้ “คุ้มเหรอ อย่างนี้เขาเรียกเอาแต่ใจต่างหาก”
“เธอพูดถูกแล้วล่ะ เมื่อก่อนฉันเอาแต่ใจบางครั้ง ฉันหวังว่าต่อไปเธอจะไม่ทำลายความรักระหว่างฉันกับเหลยอี้หมิงอีก เข้าใจมั้ย”
“โอเคๆๆ ไม่ทำลายก็ได้ จะให้ฉันไปอธิบายกับเขามั้ย บอกเขาว่าไม่ต้องงอนเธอแล้ว”
“ไม่ต้องหรอก เขาไม่ได้ไปเพราะคำพูดของเธอหรอก เขาออกไปหาเพื่อนเท่านั้น”
เจสันแปลกใจ “เพื่อนงั้นเหรอ ใครสำคัญกว่าเธอล่ะ”
“เธอรู้สึกว่าแปลกเหรอ ฉันก็รู้สึกว่าแปลก มีใครสำคัญกว่าฉันล่ะ” เกาเหวินใช้ความคิด
“ฉันต้องเตือนเธอไว้ก่อน ก่อนเหลยอี้หมิงจะมาคบกับเธอเป็นผู้ชายเจ้าชู้มาก ระวังเขาแอบไปหาผู้หญิงคนอื่นนะ”
เกาเหวินไม่เชื่อ “อย่าพูดเพ้อเจ้อได้มั้ย เหล่าเหลยของฉันไม่ใช่คนแบบนั้น”
“ไม่ใช่นะ ฉันจะบอกให้ ผู้ชายนอกใจมีอยู่สามประเด็น รับโทรศัพท์ไม่หยุด แล้วอยู่ๆ ก็หายไป แล้วก็ที่บ้านเขาจะมี ของของผู้หญิงโผล่ออกมา เธอคิดดูสามข้อนี้มีข้อไหนที่เขาเคยทำ หะ” เจสันพูดชวนคิด
“กิน รีบกินเร็ว เอ้า กินๆ” เกาเหวินตัดอาหารยัดใส่ปากเจสัน
“กินอะไร ฉันพูดอยู่ตั้งนานแล้ว”
เกาเหวินเครียดจัด

อี้หมิงอยู่กับเหม่ยลี่ที่บ้านแล้ว ถอนใจเฮือกหลังฟังจบ
“เธอยังกังวลเรื่องศัลยกรรมอีกเหรอ เธอไม่ต้องห่วงหรอกน่า โรงพยาบาลเก็บข้อมูลของคนไข้ไว้เป็นความลับอยู่แล้ว อีกอย่างข้อมูลประจำตัวของเธอก็เปลี่ยนแล้ว ไม่มีใครตรวจเจอหรอก”
“ตอนนี้ฉันไม่ได้กังวลเรื่องนี้ ฉันแค่รู้สึกผิดต่อจิตสำนึก ไม่กล้าเผชิญหน้ากับเซี่ยวเลี่ยง”
“แล้วเธอจะบอกเขาว่าไงล่ะ”
“ฉันคิดได้หลายวิธี แต่ทั้งหมดก็ใช้ไม่ได้ ในเมื่อตอนนี้ฉันก็เสียใจแล้ว ฉันเสียใจที่ปิดบังเรื่องผ่าตัดอุบัติเหตุกับเขา เพราะว่าฉันมีปมด้อย และความขี้ขลาด ทำให้เรื่องที่เกิดขึ้นซับซ้อนยิ่งขึ้น ตอนนี้แม้ว่าอยากอธิบายก็ไม่ชัดเจนแล้ว และยิ่งเซี่ยวเลี่ยงดีกับฉันมากแค่ไหน ในใจฉันก็ยิ่งเจ็บปวดเท่านั้น เพราะฉันมักจะรู้สึกผิดต่อเขา นายว่าถ้าเขารู้เรื่องว่า คนที่นอนอยู่ข้างเขาทั้งคืนคือมี่เหม่ยลี่ เขาจะเป็นบ้าตายหรือเปล่า เฮ้อ ทำไงดี ฉันคิดว่าฉันเติบโตแล้ว,แต่ตอนนี้ฉันเพิ่งรู้ว่า ฉันไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่คิดไว้เลย เพราะฉันไม่กล้าเผชิญหน้ากับเรื่องพวกนี้”
“ถ้าเขารักเธอจริง เขาจะให้อภัยเธอแน่นอน”
“แต่มันอาจจะไม่เสมอไปก็ได้นี่ ขนาดฉันยังกลัวความจริงเลย ฉันจะผ่านเรื่องนี้ไปได้มั้ยนะ” เหม่ยลี่กังวลไม่คลาย
“ยัยอ้วน ทำยังไง เธอถึงจะรู้สึกดีขึ้น บอกฉันมาฉันจะช่วยเธอเอง”
เหม่ยลี่ถอนใจเฮือก “เฮ้อ ฉันก็ไม่รู้ อยากพูดแต่ไม่กล้าไม่พูด ก็อึดอัดใจ ตอนนี้ฉันอยากกลับไปเป็นมี่เหม่ยลี่คนเดิมจริงๆ ถึงเขาจะอ้วนมาก ไม่มีใครรัก แต่อย่างน้อยเขาก็อยู่อย่างเปิดเผยได้ทุกวัน แม้จะชอบใครคนหนึ่งที่ไม่มีความหวังเลย แต่อย่างน้อยเขาก็มีความสุขทุกวัน แต่ฉันในตอนนี้ แม้จะมีทุกอย่างที่มี่เหม่ยลี่ต้องการ แต่ฉันก็ต้องอยู่อย่างเป็นกังวลทุกวัน เพราะความหวาดระแวงนี้คือความทุกข์ที่สุด ที่แท้สิ่งที่ฉันต้องการ กลับนำมาซึ่งความทุกข์ที่สุดจนได้”
“คงถึงเวลา ที่ฉันควรไปจากเธอแล้วล่ะ” อี้หมิงบอกหน้าเศร้า
“หมายความว่าไง” เหม่ยลี่งง
“คนเดียวที่รู้ความลับของเธอคือฉัน ถ้าเราแยกจากกัน คนอื่นก็จะไม่รู้ นี่คือสิ่งเดียวที่ฉันสามารถทำให้เธอได้”
เหม่ยลี่ใจหาย ไม่เห็นด้วย “แต่เราไม่จำเป็นต้องตัดขาดกันนี่นา”
“ไม่ได้ ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง ฉันไม่อยากทำร้ายเกาเหวินอีกแล้ว ที่จริงชะตาของเราเหมือนกัน ยิ่งฝ่ายตรงข้ามเชื่อใจเราแค่ไหน เราก็จะยิ่งรู้สึกผิด ตอนนี้เราต่างมีชีวิตใหม่เป็นของตัวเอง ถ้าไม่มีความจำเป็น เราอย่าเจอกันอีกเลย”
“การไม่เจอกันแก้ปัญหาได้จริงเหรอ”
อี้หมิงถอนใจ “ไม่รู้สิ บางที เวลาอาจพิสูจน์ได้ อีกอย่าง นี่คือการทำเพื่อคนที่เรารัก ไม่ใช่เหรอ”

ดึกมากแล้วอี้หมิงยังไม่กลับบ้าน เกาเหวินเดินมาดูในห้องคิดเครียด
“เฮ้อ ดึกขนาดนี้แล้วยังไม่กลับมาอีก โทรศัพท์ก็ไม่โทรมา เอ๊ะ นี่มันสร้อยของมี่โตะไม่ใช่เหรอ”
เกาเหวินหยิบสร้อยผีเสื้อบนโต๊ะหัวเตียงมาดู สงสัยคาใจอีกแล้ว

วันต่อมา สองสาวอยู่ในร้านกาแฟด้วยกัน เกาเหวินเป็นฝ่ายนัดเจอเหม่ยลี่ และตัดสินใจนำสร้อยผีเสื้อมาคืนด้วยตัวเอง ชูให้ดู
“นี่ของเธอใช่มั้ย”
เหม่ยลี่ดีใจมาก “ว้าว ในที่สุดก็เจอ ฉันหาอยู่ทั้งคืนนึกว่าทำหายแล้วซะอีก เศร้าอยู่เกือบทั้งวัน ทำไมถึงอยู่กับเธอล่ะ”
“เหล่าเหลยของฉันหาเจอน่ะ”
เหม่ยลี่อึ้งไป “เอ่อ คุณหมอเหลยหาเจอเหรอ งั้นฝากขอบคุณเขาด้วยนะ”
เกาเหวินยิ้ม ถามหยั่งเชิง “ท่าทางเธอชอบสร้อยเส้นนี้มากเลยนะ มีความหมายพิเศษอะไรกับเธอเหรอ”
เหม่ยลี่ลูบสร้อยผีเสื้อเล่าให้เกาเหวินฟัง “สร้อยคอเส้นนี้ เพื่อนที่ดีที่สุดของฉันซื้อให้ฉัน และเพราะหลังจากได้รับสร้อยคอเส้นนี้ หลายสิ่งหลายอย่างก็เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นสำหรับฉันแล้ว สร้อยเส้นนี้มีความหมายมาก เป็นเหมือนเครื่องรางของฉันก็ว่าได้”
เกาเหวินคิดตาม “เพื่อนที่สำคัญที่สุดซื้อให้เหรอ ทำไมฉันไม่เคยได้ยินเธอพูดถึงเขาเลย เขาคือใคร”
เหม่ยลี่อึ้งนิดๆ “น่าเสียดายตอนนี้เราไม่ได้ติดต่อกันแล้ว เขามีชีวิตของเขาแล้ว ฉันเลยไม่อยากไปรบกวนเขา”
“เขามีชีวิตของเขาแล้วเธอเลยไม่อยากรบกวน ทำไมฉันรู้สึกเหมือนเธอพูดถึงแฟนเก่าเลยล่ะ หรือว่าเขาคือรักแรกของเธอ”
“ไม่ใช่หรอก” เหม่ยลี่หน้าเศร้าลงเห็นชัดแจ้ง
เกาเหวินจ้องจับผิด ยิ้มขำๆ “ยังจะโกหกอีกดูสิแววตาของเธอทรยศแล้ว”

กลับถึงบ้านเหม่ยลี่กังวลสับสนในใจ หยิบสร้อยผีเสื้อขึ้นมามอง นึกถึงตอนอี้หมิงสวมให้
“ในเมื่อเหลยอี้หมิงเก็บสร้อยคอได้ ทำไมเขาถึงไม่บอกฉันล่ะ ตอนนี้แม้แต่โทรศัพท์ก็โทรไปไม่ได้ แม้แต่โอกาสจะถามเขา ก็ยังไม่มี สร้อยเส้นนี้เป็นของเหลยอี้หมิง เป็นตัวแทนในอดีตของฉัน” เหม่ยลี่จับสร้อย MY QUEEN นึกถึงตอนเซี่ยวเลี่ยงสวมให้ ในงานประมูล “เส้นนี้เป็นของเซี่ยวเลียง เป็นตัวแทนปัจจุบันของฉัน ใช่แล้ว ฉันควรมองไปข้างหน้าจึงจะถูก”

ซือหยวนเข้ามาหาในห้องทำงานรองหลิน และย้อนถามจื่อเหลียงด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“คุณว่าไงนะ ลูกค้าจะดูการออกแบบงั้นเหรอ”
“ลูกค้าต้องการให้มี่โตะรับผิดชอบการออกแบบให้” จื่อเหลียงบอก
“แต่เขาเป็นคนของศูนย์การขาย ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะออกแบบ ทำไมถึงมาแย่งหน้าที่ของฉันได้ล่ะ”
“ผมรู้แต่แรกแล้วว่ามี่โตะต้องทำแบบนี้ เขาไปอยู่ศูนย์การขายก็ยังต้องการออกแบบ แต่ผมดูภาพร่างแล้ว ถ้าเขาอยากออกแบบจริงๆ ล่ะก็ ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆ คุณดูสิ” จื่อเหลียงชี้แบบให้ดู
ซือหยวนโกรธ “อย่างนี้มันรังแกฉันอย่างเปิดเผยแล้ว ฉันต้องอดทนต่อไปเรื่อยๆ เหรอ”
จื่อเหลียงขัดใจ “ถ้าเรื่องแค่นี้ไม่ทนจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ให้เขากินพอหอมปากหอมคอจะเป็นไรไปล่ะ”
“ฉันไม่ชอบหน้าเขานี่”
“ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่คุณจะทำแบบนั้น คุณน่ะ ต้องเก็บอารมณ์ของตัวเองหน่อย อย่าคิดว่าผมเอาใจคุณแล้ว คุณจะทำอะไรตามอำเภอใจได้” จื่อเหลียงดุ
ซือหยวนน้อยใจประชดส่ง “งั้นฉันจะเชื่อฟังคุณทุกอย่างแล้วกัน”
“คุณหมายความว่าไง”
“ฉันไม่ได้มีความหมายอื่น คุณเป็นหัวหน้าฉัน ระหว่างเรามันคือธุรกิจไม่ใช่เหรอ”
ซือหยวนเดินหุนหันออกไป

เหม่ยลี่ยิ้มต้อนรับชายชุดสูทที่เดินมาหาตรงเคาน์เตอร์ “มีอะไรให้ฉันช่วยมั้ยคะ”
“อ้อ ไม่ทราบว่าคุณคือแฟนของคุณเซี่ยวใช่มั้ยครับ”
เหม่ยลี่อึกอักนิดๆ “เอ่อ ใช่ค่ะ”
“สวัสดีครับผมคือนักข่าวมาจากสำนักพิมพ์ ขอสัมภาษณ์คุณสั้นๆ ได้มั้ยครับ”
เหม่ยลี่นิ่งคิดก่อนยิ้มบอก “สัมภาษณ์เหรอคะ อืม...ต้องขอโทษด้วยค่ะ ตอนนี้ฉันทำงานอยู่ เกรงว่าคงไม่มีเวลาให้สัมภาษณ์”
ซือหยวนเดินเข้ามาในมือถืองานดีไซน์ พูดสวนออกไปทันทีว่า “ไม่มีเวลาเหรอ ในเมื่อยุ่งขนาดนี้ ยังมีเวลาแย่งลูกค้าฉันอีกเหรอ ลูกค้าของฉันเจาะจงเลือกแบบนี้ เธอเป็นคนออกแบบใช่มั้ย”
ซือหยวนยื่นแบบออกมาตรงหน้า
“เอ่อ พี่ซือหยวน เราไปคุยทางโน้นเถอะ” เหม่ยลี่เห็นท่าไม่ดี บุ้ยใบ้บอกซือหยวนให้ไปคุยตรงบันไดทางขึ้นชั้นบน
“เรื่องนี้ควรคุยเป็นการส่วนตัว ไม่จำเป็นต้องพูดต่อหน้านักข่าวหรอกมั้ง”
ซือหยวนยิ้มเยาะ “เธอกับเซี่ยวเลี่ยงเป็นแฟนกัน ก็เพื่อให้คนทั้งโลกสนใจไม่ใช่เหรอ เป็นอะไร กลัวแล้วเหรอ”
“พี่ซือหยวน อยู่บริษัท พี่จะว่าฉันยังไงก็ได้ แต่อยู่ข้างนอกเราต่างเป็นพนักงานเหมือนกัน ฉันหวังว่าพี่จะระวังคำพูดแล้วรักษาภาพลักษณ์ของบริษัทหน่อย”
“ดีมาก คำก็ภาพลักษณ์สองคำก็บริษัท เธอคิดว่าตัวเองเป็นนายหญิงจริงๆ เหรอ”
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่งฉันต้องอธิบายให้พี่เข้าใจ เรื่องที่ลูกค้าไม่พอใจในเคสการออกแบบฉันจึงเสนอกรณีที่แก้ไขแล้วเพื่อแก้ปัญหา อีกอย่างการทำงานก็ต้องมีการแข่งขันอยู่แล้ว เมื่อเจอปัญหาเราก็ควรแก้ไขเพื่อรักษาลูกค้าไว้ไม่ใช่เหรอ”
ซือหยวนหัวเราะเยาะ “นี่เธอหมายถึง การออกแบบของฉันด้อยกว่าเธอเหรอ ฟังให้ดีนะ ที่มีนักข่าวมาสัมภาษณ์เธอ ที่เธอมีวันนี้ได้ เพราะคุณเซี่ยวนำพาให้เธอ ไม่ใช่ความมุ่งมั่น เธอคิดว่าเธอมีสิทธิ์มาเทียบฉันเหรอ”
เหม่ยลี่สุดทนไหว ยิ้มบางๆ “หากเป็นอย่างนี้จริง ทำไมพี่ต้องขโมยงานออกแบบของฉันล่ะ ฉันหวังว่าทุกคนจะใช้จิตใต้สำนึกพูด และใช้ความสามารถทำงาน”
ซือหยวนคุมแค้น “อย่าคิดว่าเธอมีคุณเซี่ยวแล้วจะมีทุกอย่างได้ เพราะคุณเซี่ยวเป็นแค่หนึ่งในทายาทของเทซีโร่เท่านั้น เธอคิดว่าตัวเองมีที่พึ่งพาคนเดียวเหรอ”
“ฉันไม่เข้าใจว่าพี่หมายถึงอะไร”
ซือหยวนหลุดปากออกไปว่า “เธอเป็นแฟนของเขาไม่ใช่เหรอ เขาไม่เคยบอกเธอเหรอ ว่าท่านรองหลินเป็นน้องชายของคุณเซี่ยว เขาสามารถได้ครอบครองเทซีโร่เช่นเดียวกัน อย่าคิดว่าตัวเองเป็นนายหญิงคนเดียวสิ กลับไปขายแหวนเถอะ”
รุ่นพี่ขี้อิจฉาเดินฉับๆ ลงบันไดไป เหม่ยลี่เครียดจัด

ลูกน้องผู้หญิงที่เยี่ยฉีให้ไปสืบประวัติเหลยอี้หมิงกับเหม่ยลี่ นำข้อมูลมารายงาน เยี่ยฉีอยู่ตรงโต๊ะทำงานในร้านเสื้อ
“คุณเยี่ยคะ ที่คุณให้ฉันสืบเรื่องสองคนนั้นได้เรื่องแล้วค่ะ”
“พูดสิ”
“ประวัติก่อนหน้านี้ของมี่โตะมีแต่ความว่างเปล่า ก่อนที่เธอจะเข้าเทซีโร่...ตรวจสอบไม่เจอประวัติเลย สำหรับเหลยอี้หมิงคนนั้น ตรงกันข้ามกับมี่โตะโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้รอบตัวของเขามีผู้หญิงรายล้อม เป็นแค่ผู้ชายเจ้าชู้ธรรมดาเท่านั้น แต่ว่าเพราะเขามีเพื่อนคนหนึ่งที่เกิดอุบัติเหตุ เขากลับตัวกลับใจจนกลายเป็นอย่างทุกวันนี้”
เยี่ยฉีสนใจ “เพื่อนเหรอ”
“เพื่อนคนนั้นชื่อมี่เหม่ยลี่ เป็นคนเจ้อเจียง ก่อนหน้านี้สนิทสนมกับเหลยอี้หมิงมาก ต่อมา..ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย การเปลี่ยนแปลงของเหลยอี้หมิง ก็เริ่มจากในเวลานั้นค่ะ”
เยี่ยฉีคิดทบทวน “บังเอิญมาก แซ่มี่ เป็นคนเจ้อเจียงเหมือนกัน มีข้อมูลของเขารึเปล่า”
“รายละเอียดไม่มีค่ะ อ้อ มีรูปถ่ายสมัยเรียนของเขาสองใบ เด็กอ้วนคนนั้นค่ะ” หญิงคนนั้นยื่นรูปให้ เยี่ยหยีรับมาดู เป็นรูปถ่ายเหม่ยลี่ตอนเด็กถ่ายกับอี้หมิงและเพื่อนๆ อีกหลายคน
“รูปถ่ายเมื่อหลายปีก่อน จะดูอะไรออกล่ะ ยังสืบเจออย่างอื่นมั้ย สืบได้มั้ยว่ามี่โตะกับเหลยอี้หมิงเกี่ยวข้องกันยังไง”
“การติดต่อของเขาสองคน เริ่มต้นจากเกาเหวินค่ะ แต่ว่า ก็ไม่มีอะไรน่าสงสัยนี่คะ”
“ไม่ใช่ ถ้าพวกเขารู้จักกันผ่านทางเกาเหวิน และเหลยอี้หมิงก็เป็นแฟนสายฟ้าแลบของเกาเหวิน แล้วทำไมเขาต้องไปบ้านมี่โตะคนเดียวตอนดึกๆ ด้วยล่ะ เธอไม่สงสัยเหรอ ฉันคิดว่าต้องมีอะไรอย่างแน่นอน ในเมื่อสืบจากตัวมี่โตะไม่ได้ งั้นก็ลองสืบจากเหลยอี้หมิง ฉันมีสัญญาติญาณหนึ่ง ยัยอ้วนคนนี้ ต้องมีความสัมพันธ์พิเศษกับมี่โตะแน่” เยี่ยฉีว่า
“งั้น...เราจะสืบพวกเขาต่อไปมั้ยคะ”
“สืบต่อไป ถ้ามีเวลา ฉันจะทดสอบพวกเขาเอง”
“ค่ะ”
ลูกน้องเดินออกไป เยี่ยฉีจ้องรูปในมือสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด

อี้หมิงบ่นบ้าด่าตัวเองมาตามโถงทางเดินโรงพยาบาล ไม่ให้โทร.หาเหม่ยลี่
“บอกแล้วไงว่าอย่าโทร.ไปหายัยอ้วน ทำไมแกไม่จำเลย ไม่จำใส่ใจเลย”
อี้หมิงยกมือปิดหน้า เดินผ่านกลุ่มแฟนคลับเกาเหวินตั้งแถวยืนรออยู่
ชายชุดลายในกลุ่มบ่นขึ้นมา “เมื่อไหร่คุณหมอเหลยจะมา”
กลุ่มคนส่งเสียงจอแจ
พยาบาลอธิบาย “เดี๋ยวก็มาแล้วนะคะ ขอให้ทุกคนอดทนรอหน่อย”
“คุณหมอเหลยกับเกาเหวิน คบกันเมื่อไหร่เหรอครับ”
อี้หมิงแหวกกลุ่มคนเข้าประตูไป “ขอโทษนะครับขอทางหน่อย”
“คุณหมอเหลย” หญิงคนหนึ่งจำได้ร้องทัก
ชายชุดลายส่งเรียกเรียกตาม “คุณหมอเหลย คุณหมอเหลยๆ”
ผู้คนพากันส่งเสียงแทรกจอกแจก จอแจ ฟังไม่ได้ศัพท์
เสี่ยวก๋อลากอี้หมิงเข้ามาแล้วปิดประตูทันที
อี้หมิงงงมาก “นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“พวกเขาเป็นแฟนคลับของเกาเหวิน มาติดตามคุณค่ะ” เสี่ยวก๋อบอก
เหลยอี้หมิงงงเด้ “แฟนคลับของเกาเหวินมาตามผมทำไม”
“มาตรวจร่างกายกับคุณไง” เสี่ยวก๋อว่า
“แล้วผู้ชายคนนั้นจะอธิบายยังไง”
“คุณหมอเหลยๆ คุณหมอเหลยเปิดประตูนะ คุณหมอเหลย”

ทางด้านเจสันดี๊ด๊ายกให้ รีบนำข่าวในไอแพดมาให้เกาเหวินดูที่โต๊ะแต่งหน้าในออฟฟิศ
“ที่รัก ดูสิ รีบดูสิ”
“นี่อะไร” เกาเหวินรับมาคลิกดู เป็นภาพข่าวตอนอี้หมิงคอยดูแลเกาเหวินตอนถ่ายฉากกระโดดน้ำวันก่อน
“ความรักที่มีพลังบวกระหว่างดารากับคนธรรมดา เธอมักจะคัดค้านเรื่องที่ฉันห้ามเธอมีแฟนไม่ใช่เหรอ คราวนี้ฉันจะไม่ยุ่งกับข่าวของเธออีก ฉันจะลาออกจากหน้าที่นี้ ฉันจะให้พวกเขาเห็นว่าอะไรคือความรักที่แท้จริง และหลังจากความสับสนวุ่นวายที่ทุกคนเห็นแล้ว พวกเขาก็จะตาสว่าง ที่รัก ดูสิเธอกับคุณหมอเหลยรักกันแค่ไหนล่ะ นี่ ฉันเริ่มจะเชื่อความรักอีกครั้งแล้วล่ะ”
“เหล่าเหลยของใครกันล่ะ”
เจสันประจบเอาใจ “เหลยเหลย เสี่ยวเหลยเหลย นายท่านเหลย”
เกาเหวินจ้องหน้า “คิดอะไรอยู่ ทำไมต้องเรียกเหลยเหลยของฉันด้วยน้ำเสียงแปลกๆ ด้วยล่ะ”
“ทำไมเธอน่าเกลียดอย่างนี้เนี่ย ฉันกำลังเปิดไหวพริบความฉลาดของฉันอยู่ นี่ เธอรู้มั้ยว่าโพสต์นี้ดังแค่ไหน เหลยอี้หมิงมีกลุ่มแฟนคลับเกิดขึ้นทันที ฉันจะตั้งฉายาว่า “จ้าวพายุ” ให้เขาดีมั้ย”
เกาเหวินงง “กลุ่มอะไรนะ”
“แฟนคลับกลุ่มเล็กๆ ของเหลยอี้หมิงไง นี่ แฟนคลับของเขารู้สึกว่าเหลยอี้หมิงเป็นผู้ชายอบอุ่น ตอนนี้ยังมีคนไปตามเขาที่โรงพยาบาลด้วย เฮ้อ ฉันชื่นชมตัวของฉันจริงๆ เพราะมือที่อ่อนโยนคู่นี้ สร้างความรักที่สมบูรณ์ขึ้น นี่เธอจะไปไหน ไม่ชมฉันเลยเหรอ มือที่อ่อนโยน” เจสันเพ้อจูบมือตัวเองไปมา ท่าทีน่าขัน

ที่โรงพยาบาล อี้หมิงนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องตรวจ ฟังคนไข้หญิงชุดชมพูเจื้อยแจ้วในมือถือไอโฟนเปิดเว็บไซต์ขายเสื้อของเกาเหวิน
“พี่เหลยดูสิคะ เสื้อผ้าของฉันซื้อมาจากร้านเสื้อผ้ามือสองเว็บไซต์หมอกู่ของดาราเกาเหวิน ไม่เสียชื่อที่พี่เกาเหวินเป็นดาราดัง เน้นความเป็นแฟชั่นมากๆ เสื้อผ้าลักษณะเดียวกัน กระเป๋าก็ต้องเข้ากัน ดีที่แย่งได้ไว ไม่งั้นคงขายหมดเกลี้ยงตั้งนานแล้ว”
“คุณมาตรวจร่างกายไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันมาหา...แฟนที่เหมือนกับดารา”
อี้หมิงงง “หมายความว่าไง”
“อืม...แฟนแบบเดียวกันไงคะ”
อี้หมิงเซ็ง “ที่นี่โรงพยาบาล ไม่ใช่สำนักหาคู่ คนต่อไป”
เกาเหวินสวมแว่นทรงโต เดินมาหยุดหน้าห้องตรวจ ถอดแว่นออก กระแอมกระไอ
หญิงชุดดำในกลุ่มจำได้ “เกาเหวิน ทุกคนมาเร็วเกาเหวินมาแล้ว เกาเหวินมาแล้วฉันขอลายเซ็นด้วยค่ะ”
“ผมขอลายเซ็นด้วยครับ”
กลุ่มแฟนคลับส่งเสียงจอแจแย่งกันขอลายเซ็นต์ เกาเหวินโบกมือให้ พลางจุ๊ปาก
“ชูว์ อย่าเสียงดัง แฟนฉันทำงานอยู่อยากได้ลายเซ็น ตามฉันมา”
“ได้ค่ะๆ” ทุกคนตามเกาเหวินออกไปจากประตู

“คนต่อไป คนต่อไป หายไปไหนหมดแล้วล่ะ”
ทุกคนหายไปจนหมดเมื่ออี้หมิงเปิดประตูออกมาดู
จนได้ยินเสียงเกาเหวินแจกลายเซ็นต์อยู่อีกมุม จึงเดินไปหา
“ขอบคุณจ้ะๆๆ โอเค ขอบคุณจ้ะๆ”
“ขอด้วยค่ะ”
อี้หมิงกระแอม “ขอโทษนะครับทุกคน ผมต้องขอตัวแฟนของผมแล้ว ขอบคุณการสนับสนุนของพวกคุณ วันนี้เราพอแค่นี้ก่อนนะครับ”
กลุ่มติ่งพากันร้อง “ว้า”
“กลับไปก่อนเถอะ”
“ขอโทษด้วยนะ บ๊ายบาย” เกาเหวินโบกมือให้แฟนๆ
“ขอบคุณนะ”
“บ๊ายบาย”
“บ๊ายบาย”
เกาเหวินแปลกใจมากจึงถามขึ้น “ทำไมต้องไล่แฟนคลับของฉันไป อยากได้แฟนคลับของฉันเหรอ”
“ไล่อะไรกัน แบบนี้เขาเรียกว่าส่งกลับ ถ้าพวกเขาไม่ไปคุณเอาแต่ยืนอยู่ตรงนี้ แล้วเมื่อไหร่จะได้กลับล่ะ”
เกาเหวินพยักหน้าเข้าใจ “อืม”
อี้หมิงมองสำรวจเกาเหวินแต่งตัว เอ่ยทักอย่างห่วงใย
“จริงสิ ผมบอกคุณแล้วนี่ว่าอย่าใส่รองเท้าส้นสูงบ่อย เวลาเดินมันเหนื่อยมาก มารีบนั่งลง เร็ว มาโรงพยาบาลเวลานี้ คุณคงไม่ทิ้งงานอีกแล้วนะ”
“ทิ้งงานแล้วทำไม ฉันต้องการแฟน ไม่ได้ต้องการเงิน”
“แฟนคุณอยู่ตรงนี้ไม่หายไปไหนหรอก สำหรับพวกแฟนคลับคุณไม่ต้องห่วงหรอก ผมจะจัดการให้ดีเอง”
“ฉันจะไม่เป็นห่วงได้ไง ฉันเจียดเวลาออกมานิดนึงเท่านั้นเอง คุณเป็นแฟนของฉันฉันมาหาไม่ได้หรือไง”
“ได้อยู่แล้ว ผมแค่ไม่อยากให้คุณเสียงานเพราะผมเท่านั้นเอง ผมไม่อยากไปเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณ ถ้าระหว่างเราสองคนต้องมีใครเปลี่ยนแปลง คนที่เปลี่ยนแปลงควรจะเป็นผม เพราะผมชอบที่คุณเป็นแบบนี้มากเลยล่ะ”
“เหลยอี้หมิง” เกาเหวินซึ้ง
“จริงสิ คุณดูสิ”
เกาเหวินมองฉงน “หืม”
“นี่คือส้มที่แฟนคลับของคุณให้ผม เขาบอกว่า อันนี้ให้ผม ส่วนลูกใหญ่นี่ให้คุณ”
“ทำไมต้องเอาลูกใหญ่ให้ฉันด้วยล่ะ”
“เพราะคนที่เขาชอบคือคุณ แฟนคลับผู้ชาย อยากกินมั้ยล่ะ”
“อยากสิ”
“งั้นผมปอกให้”
“ของจริงเหรอ”
“ของจริงแน่นอน”
เกาเหวินยิ้มพิมพ์ใจซบไหล่อี้หมิงอย่างเป็นปลื้ม

“ผมไม่อยากฟังคำอธิบาย รีบแก้ไขเดี๋ยวนี้ เข้าใจมั้ย” เซี่ยวเลี่ยงคุยโทรศัพท์เสียงดังลั่นห้องทำงาน ก่อนจะวางสายไปอย่างหยุดหงิด
เหม่ยลี่เคาะห้องเชิงขออนุญาต เขาจึงหันมา แปลกใจเมื่อเห็นเธอที่ออฟฟิศใหญ่
“คุณมาได้ยังไง
“ฉันมาส่งเอกสารให้คุณ เลยถือโอกาสเข้ามาหาคุณ” เหม่ยลี่เดินมานั่งด้วย เห็นสีหน้าคนรัก จึงถามอย่างเป็นห่วง “มีอะไร เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
เซี่ยวเลี่ยงฮึดฮัดหน้าเครียดจัด “พูดไม่ได้หรอก”
“ขนาดพูดไม่ได้ยังโมโหขนาดนี้”
“ฝ่ายประชาสัมพันธ์ มีพนักงานคนหนึ่งเปิดเผยเรื่องส่วนตัวของบ้านผมให้นักข่าว แต่ตอนนี้จัดการได้แล้ว”
“เรื่องส่วนตัวของบ้านคุณ เกี่ยวข้องกับฝ่ายแม่คุณเหรอคะ”
“ไม่ใช่”
เหม่ยลี่นึกขึ้นได้เรื่องที่ซือหยวนพูด “อืม...หรือว่าคือ...”
เซี่ยวเลี่ยงแปลกใจ “คืออะไร”
“เอ่อ...เปล่าค่ะ” เหม่ยลี่เปลี่ยนใจ
“คุณมีเรื่องอะไร อยากคุยกับผมใช่มั้ย”
“ที่จริงฉันอยากพูดว่า ทุกครอบครัว ต่างก็มีปัญหาเหมือนกัน ไม่ว่าจะมีความสุขขนาดไหนแต่ยังไงก็ต้องมีปัญหา อย่าให้เรื่องพวกนี้ทำให้คุณไม่สบายใจเลย คุณคิดดูสิ คนเราเกิดมาไม่มีใครเลือกเกิดได้ และก็ไม่สามารถเลือกได้ว่าอยากเป็นพี่น้องกับใคร”
“คุณรู้อะไรมาใช่มั้ย”
“ขอโทษนะคะ ฉันไม่อยากปิดบังคุณ ความจริงแล้ว ความสัมพันธ์ของคุณกับท่านรองหลิน ฉันรู้แล้วล่ะ ท่านรองหลินเป็นน้องชายของคุณ”
เซี่ยวเลี่ยงอึ้งไปครู่หนึ่ง ขึ้นเสียงใส่เหม่ยลี่อย่างไม่พอใจ

“หลินจื่อเหลียงไม่ใช่น้องชายของผม”

อ่านต่อ ตอนที่ 28


#กะรัตรัก #DiamondLover #NOW26 #ละครออนไลน์
กำลังโหลดความคิดเห็น