xs
xsm
sm
md
lg

เพลิงรักไฟมาร ตอนที่ 24 จบบริบูรณ์

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เพลิงรักไฟมาร ตอนที่ 24 จบบริบูรณ์

วิษธรเก็บเสื้อผ้าข้าวของเตรียมตัวกลับบ้าน ดนัยมองอย่างไม่สบายใจ แต่ก็ห้ามไม่ได้

“แกนี่ดื้อจริงๆ พักให้โอเคก่อนก็ได้ เรื่องทุกอย่างก็จบแล้ว ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้วนี่”
“ผมโอเคแล้วพี่ ผมเป็นห่วงแม่ อยากกลับมาดูแลแม่เอง ในเมื่อไม่มีคนโปรดแม่คอยดูแลอีกแล้ว ผมอยากทำให้แม่มีความสุขจริงๆ เสียที”
“แล้วตัวแกเองล่ะมีความสุขจริงไหม”
วิษธรนิ่งงันไป ในใจคิดถึงภัทร์ธีรา แต่ต้องรีบสลัดความคิดออกไปจากหัว ตอบไปแบบที่ควรตอบ
“ทำไมผมจะไม่มีความสุขล่ะพี่ กำลังจะได้แต่งงานสร้างครอบครัวกับผู้หญิงที่ดีพร้อมและไม่รังเกียจแม่ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”
“ถ้านั่นทำให้แกมีความสุขจริงๆ ฉันก็ยินดีด้วย”
“ขอบคุณพี่”
“งั้นรีบไปหาน้าภาเถอะ น้าภาคิดถึงแกจะแย่อยู่แล้ว”
วิษธรพยักหน้า แล้วเดินออกไป

ประภามองหน้าพรพจีอย่างอาฆาตแค้น เกลียดชังฝังลึก
“นังพรพจี ในที่สุดแกก็มา”
ประภาเดินเข้าหาพรพจีแบบเคียดแค้น พรพจีมองประภาอย่างตกใจก้าวถอยหลังอย่างกลัวๆ
“เขาตายเพราะแก เพราะแกคนเดียว แกฆ่าเขา นังพรพจี”
“คุณพูดเรื่องอะไร”
“อีพรพจี แกมันเลว แกหลอกเขา แกทำให้เขาตาย แก.. แก.. แกฆ่าวราห์” ประภาปล่อยโฮออกมา
“วราห์” พรพจีตกใจ “คุณวราห์นะเหรอ”
ภาพในอดีตผุดขึ้นมาย้ำเตือนพรพจี
“ปล่อยฉันนะ”
“ผมไม่ตั้งใจจะหลอกคุณ”
“ฉันไม่เชื่อน้ำหน้าอย่างคุณอีกแล้ว”
วราห์ถูกพรพจีผลักออกอย่างไม่ไยดี ประภาคว้ามือพรพจีไว้ได้
“หยุด เธอจะไปไหนไม่ได้ เธอต่างหากที่หลอกเอาเงินผัวฉันไป เธอหลอกให้เอาไปลงทุนจนหมดตัว แล้วสุดท้ายก็เจ๊ง เป็นเพราะเธอ เอาเงินของฉันคืนมา”
ประภาหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด “แกฆ่าวราห์” แล้วลืมตาโพลงจ้องพรพจีอย่างอาฆาตแค้น “ฉันจะฆ่าแก”
พรพจีตกใจถดตัวถอยห่าง กำลังจะวิ่งหนี แต่ประภาปราดเข้ามาจะบีบคอหมับพรพจีกรี๊ดลั่น
“ฉันจะฆ่าแก”
“ปล่อยฉันนะ! ฉันไม่รู้เรื่อง ปล่อย ปล่อยฉัน”
พรพจีผลักเต็มแรง ประภาล้มลง แต่ไม่ยอมแพ้ คลานไปคว้าข้อเท้าพรพจีไว้ได้ขณะอีกฝ่ายจะวิ่งหนี พรพจีล้มลง
ประภาขึ้นคร่อมบนตัวพรพจีบีบคออย่างหมายฆ่าให้ตาย
“แกต้องตาย นังพรพจี! ตายซะเถอะ”
ประภาตาลุกวาวอย่างสติแตก มือเริ่มบีบแน่นขึ้น แน่นขึ้น/พรพจีเริ่มหายใจไม่ออกดิ้นทุรนทุรายสายตาเหลือบไปเห็นโคมไฟ พยายามเอื้อมมือไปคว้า แต่คว้าไม่ถึง
ประภาบีบแรงขึ้นอย่างอาฆาตแค้น/พรพจีทำท่าเหมือนจะหมดสติ
เสียงคำผายดังขึ้น “นายหญิง นายหญิงคะ”
ประภาหยุดบีบคอหันไปหาเสียงเรียก/พรพจีได้โอกาสคว้าโคมไฟฟาดไปที่แขนประภา/ประภาเสียหลักล้มลง พรพจีรีบลุกขึ้น/ประภาเอื้อมมือจะคว้าพรพจีอีกรอบด้วยนัยน์ตาอาฆาตแค้น พรพจีเตะมือออกอย่างรังเกียจ แล้วรีบวิ่งหนีไป

พรพจีวิ่งเตลิดหนีมา คอยเหลียวมองหลังอย่างระแวงระวัง เสียงประภาก้องอยู่ในหัว
“อีพรพจี แกมันเลว แกหลอกเขา แกทำให้เขาตาย แก...แก...แกฆ่าวราห์”
พรพจีส่ายหน้าปฏิเสธอย่างไม่ยอมรับความจริง “ฉันไม่ได้ฆ่าเขา ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”
“แกทำให้เขาตาย แก... แก... แกฆ่าวราห์ ฉันจะฆ่าแก”
พรพจีทบทวนเรื่องราว
“วราห์...เป็นไปไม่ได้”
จนเริ่มนึกได้ ตอนที่เธอตีจาก เมื่อรู้ว่าวราห์มีครอบครัวแล้ว และไม่ได้ร่ำรวยอะไรมาก วราห์ไม่ยอม
“ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะโกหกคุณนะ”
พรพจีสะดุดรากไม้ล้มลง “ไม่”
“ผมผิดเอง เป็นความผิดของผมเอง ให้โอกาสผมได้แก้ตัวอีกครั้งเถอะนะ”
พรพจีล้มลุกคลุกคลาน พยายามกระเสือกกระสนลุกขึ้น
“ไม่”
“จี อย่าไปนะ”
พรพจีหอบหายใจอย่างรุนแรง จำได้หมดแล้ว แต่ยังคงปฏิเสธว่าไม่ใช่ความผิดของตน
“ไม่”
ประภาด่าพรพจีว่าเป็นคนฆ่าวราห์
“แกทำให้เขาตาย แก... แก... แกฆ่าวราห์”
“ไม่จริง”
พรพจีสติหลุดกำมือทุบต้นไม้อย่างแรง มองไปข้างหลังอย่างระแวง แล้ววิ่งต่อไปด้วยแววตาแข็งกร้าวไม่ยอมใคร

ฟากภัทร์ธีราเดินหน้าซีดเข้ามาในห้องอาหาร สวาทถือถาดอาหาร มีถ้วยซุปฝาปิดอยู่ วางลงให้ มองภัทร์ธีราด้วยความเป็นห่วง
“หน้ายังซีดอยู่เลยนะคะ ป้าว่าไปหาหมอหน่อยดีไหม”
“จ๋าไม่เป็นไรค่ะ นอนพักอีกนิดคงดีขึ้น”
“นี่คุณจ๋าก็นอนพักมาแล้วนะคะ ยังดูเพลียๆอยู่เลย ไม่รู้แหละถ้าพรุ่งนี้ไม่ดีขึ้นต้องไปหาหมอนะคะ”
ภัทร์ธีราพยักหน้ารับอย่างขัดไม่ได้
“เดี๋ยวนี้คุณจ๋าทานข้าวน้อยน้อย หรือเพราะอาหารไม่ถูกใจคะ วันนี้ป้าทำแต่ของโปรดของคุณจ๋าทั้งนั้นเลย คุณจ๋าต้องกินเยอะๆ เลยนะคะ”
คุณหนูจ๋าพยักหน้าให้ สวาทเปิดฝาครอบอาหารออก กลิ่นโชยแรงภัทร์ธีราทำหน้าพะอืดพะอม
“แล้วที่สำคัญต้องต้องลองชิมไก่ตุ๋นยาจีนที่คุณจ๋าชอบ...”
“จ๋าไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
ภัทร์ธีราสวนขึ้น เอามือปิดปากปิดจมูก ข่มกลั้นความรู้สึกคลื่นไส้ ไม่ให้มีพิรุธ
สวาทแปลกใจพอๆ กับเป็นห่วง “คุณจ๋าเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“เปล่าค่ะ เดี๋ยวน้องจ๋ามา”
ภัทร์ธีราลุกพรวดขึ้น เมื่อเดินออกไปไม่กี่ก้าวก็เป็นลมร่างทรุดลงไปกับพื้น
“คุณจ๋า”
สวาทวิ่งเข้าไปรับไว้ ร้องเรียกหาคนในบ้านให้มาช่วย
“เต่า สวย เกลี้ยง ใครก็ได้มาช่วยพาคุณจ๋าไปโรงพยาบาลที”


วิษธรเปิดประตูเข้ามาเห็นประภากรีดร้องอยู่อย่างบ้าคลั่ง มีคำผายพยายามปลอบอยู่ข้างๆ
“แอร๊ย ปล่อยฉัน! ฉันจะฆ่ามัน! ปล่อยยยยยย!”
คำผายปลอบ “ใจเย็นๆ นะคะ”
“แม่”
วิษธรวิ่งเข้าไปดูแม่ด้วยความเป็นห่วง ประภายังคงดิ้นหนีไม่หยุด
“แม่ เกิดอะไรขึ้น ทำไมแม่ถึงเป็นแบบนี้”
“ฉันจะฆ่ามัน ปล่อยฉัน”
“ผมอยู่นี่แล้ว ไม่มีอะไรแล้ว”
วิษธรปลอบจนประภาค่อยๆ สงบลง พาไปนอนที่เตียง แล้วจึงเดินมาคุยกับคำผายเสียงเบาๆ
“นี่มันเรื่องอะไรกัน อยู่ๆทำไมแม่ถึงอาการกำเริบได้”
“หนูก็ไม่รู้จ้ะนาย หนูเข้าไปเอาน้ำให้นายหญิงแป๊บเดียว อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงโวยวาย เลยรีบวิ่งออกมาดู มาถึงก็เห็นคุณเป็นแบบนี้แล้ว หนูปลอบอยู่ตั้งนานแต่ยังไม่ดีขึ้นเลยค่ะ” คำผายนึกขึ้นได้ “อ้อ เห็นนายหญิงบอกว่าคนชื่อพรพจีมาหาแกด้วยนะคะ”
วิษธรตกใจ “ว่าไงนะ พรพจีเหรอ”
“นังพรพจี อ๊าย...” ประภากรี๊ดลั่น สติหลุดอีกรอบ “นังพรพจี มันมาหาแม่ มันจะมาฆ่าเราทุกคน แม่ต้องฆ่ามัน
วิษธรถลามาที่เตียง “พรพจีไม่ได้อยู่ที่นี่ครับ แม่ดูดีๆ สิ ที่นี่มีแต่ผมกับคำผายเห็นไหม”
“มันหนีไปแล้ว ธร มันมาหาแม่ แล้วมันก็หนีไป แม่ต้องหามันให้เจอ ก่อนที่มันจะกลับมาฆ่าเรา”
ประภาจะวิ่งออกไป
“แม่ครับ แม่! ผมจะไปเองครับ”
ประภาหยุดมองหน้าวิษธร
“ผมจะไปหาพรพจีเอง ผมจะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนนั้นมาทำร้ายแม่หรือใครได้อีก”
วิษธรดึงแม่เข้ามากอดไว้ ประภาเริ่มสงบลง
“ต่อไปนี้ผมจะกลับมาดูแลแม่เอง แม่ไม่ต้องกลัวใครจะมาทำร้ายเราอีกนะ”
ประภาพยักหน้ารับ วิษธรหันไปทางคำผาย “พาแม่เข้าไปพักก่อน เดี๋ยวฉันมา”
“ค่ะนายใหญ่” คำผายประคองประภาไป “ไปค่ะนายหญิง”
วิษธรมองตาม ถอนหายใจสีหน้าเศร้า

วิษธรเดินออกมาที่หน้ารีสอร์ต สอดส่ายสายตาหาพรพจีอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เมื่อไม่มีวี่แวววิษธรหยุด และกำลังจะหันหลังกลับ
“คุณธรคะ”
พนักงานที่ฟรอนต์เดินเข้ามาหาวิษธรอย่างเร็ว
“เมื่อเช้ามีคนมารอพบคุณธรค่ะ ตุ๊กแจ้งไปแล้วว่าคุณธรไม่อยู่ เธอก็ยืนยันจะรอ และขอเช่าห้องไว้ค่ะ”
“เธอ ผู้หญิงเหรอ”
“ใช่ค่ะ”
“ชื่ออะไร ใช่ภัทร์ธีราหรือเปล่า”
“ไม่ใช่ค่ะ เธอชื่อพรพจี...พรพจี ธนาพัทธ์”
“พรพจี”
วิษธรตกใจ นึกไม่ถึง

ภัทร์ธีรานอนพักฟื้นอยู่บนเตียงในห้องผู้ป่วย สวาทคอยเฝ้าอยู่ข้างๆ อย่างเป็นห่วง สักครู่หมอจึงเดินเข้ามาหา สวาทลุกขึ้น
“คุณจ๋าเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ”
“อาการคุณภัทร์ธีราเกิดจากการพักผ่อนน้อยและความเครียดสะสมครับ ต่อไปนี้ต้องดูแลตัวเอง พักผ่อนให้เพียงพอนะครับ เพราะถ้ายังมีอาการเครียด หรือพักผ่อนไม่พอต่อไปจะส่งผลถึงเด็กในท้องด้วย”
สวาทตกใจไม่อยากเชื่อหู “เด็กในท้อง! หมายความว่ายังไงคะคุณหมอ”
“คุณภัทร์ธีราเธอตั้งครรภ์ครับ อายุครรภ์ยังน้อยอยู่ แต่ยังไงก็ต้องดูแลร่างกายให้แข็งแรงตลอดนะครับ”
“คุณจ๋า...”
สวาทเหลียวไปมองภัทร์ธีราบนเตียงอย่างตื่นตกใจ ภัทร์ธีรายิ้มให้อย่างสตรอง
“ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ ต่อไปนี้ฉันจะดูแลตัวเองอย่างดีเพื่อลูกค่ะ”
“ดีครับ เดี๋ยวหมอจะจ่ายยาบำรุงครรภ์ให้”
“ขอบคุณค่ะ”
หมอเดินออกไป สวาททรุดตัวลงนั่งข้างๆ เตียง
“ไหนเล่าให้ป้าฟังซิคะ เรื่องมันยังไงกันแน่”
ภัทร์ธีราตอบเลี่ยงๆว่า “อย่างที่หมอบอกนั่นแหละค่ะ”
“แล้วใครเป็น...”
ภัทร์ธีราหนักใจ “ป้าหวาดอย่าถามจ๋าเลยนะคะ รู้แค่ว่ามีหลานป้าหวาดอีกคนที่กำลังจะเกิดมาก็พอ จ๋าจะดูแลเขาให้ดีด้วยตัวเอง”
“คุณจ๋า” สวาทจับมือภัทร์ธีรามากุม “คุณจ๋ายังมีป้านะคะ ป้าเลี้ยงคุณจ๋ามาได้ หลานอีกคนป้าก็เลี้ยงได้ค่ะ ป้าจะช่วยคุณจ๋าเองนะคะ”
ภัทร์ธีรายิ้มอย่างเข้มแข็ง “ขอบคุณป้าหวาดมากนะคะ”
สวาทลูบหัวคุรหนูจ๋าอย่างอ่อนโยน “อย่าคิดอะไรที่ไม่สบายใจเลยนะคะ พักผ่อนเถอะค่ะ”
ภัทร์ธีราพยักหน้าแล้วหลับตาลง สวาทจัดแจงห่มผ้าให้แล้วออกไป ภัทร์ธีราลืมตาขึ้น น้ำตาหยดริน ยกมือขึ้นมาลูบท้องอย่างแผ่วเบา

ด้านสรัชนั่งอมทุกข์สีหน้าเหม่อลอย หมกตัวอยู่แต่ในบ้าน กระทั่งเวลานี้ก็ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าโรจนาแวะมาเยี่ยม และเดินเข้ามาหาสักครู่แล้ว
“คุณเอ้”
สรัชหลุดจากภวังค์ แปลกใจที่เห็นโรจนา
“คุณโรส”
“คุณเอ้ไม่ได้ไปที่ร้านตั้งหลายวัน” โรจนาวางจานขนมลงตรงหน้าสรัช “ช่วยชิมเค้กให้โรสหน่อยได้ไหมคะ ถ้าคุณเอ้โอเค โรสจะได้ใส่เข้าไปในเมนู”
“ได้ครับ” สรัชตักชิมหน้าตาไม่มีชีวิตชีวานัก “อื้ม” พอลิ้นสัมผัสทำงาน หน้าตาก็สดชื่นขึ้น “อร่อยมาก”
โรจนาอมยิ้ม “เพราะแบบนี้ไงโรสเลยชอบทำอาหาร”
สรัชมองฉงน
“คุณต้องเห็นหน้าตัวเองเมื่อกี้ ตอนแรกคุณซึมมาก แต่พอกินเค้กเข้าไปดูสดชื่นขึ้นเหมือนต้นไม้ได้น้ำ”
สรัชอึ้ง มองเชฟคนสวยอย่างแปลกใจหนักเข้าไปอีก โรจนารู้ตัว “คือ...โรสชอบมองเวลาที่คนอื่นได้กินอาหารของโรสแล้วอารมณ์ดีขึ้นน่ะคะ”
“เหมือนคุณมีเวทย์มนต์เลยนะ หรือคุณใส่อะไรลงไปในอาหาร
“เปล่านะคะ”
“ล้อเล่นครับ” สรัชยิ้มได้มองหน้าโรจนาเชิงขอบคุณ “อาหารของคุณมาถูกจังหวะตลอด คุณรู้ได้ยังไงว่าผมกำลังแย่”
โรจนาเข้าใจและเห็นใจ “จ๋ากลับมาแล้ว โรสนึกว่านั่นจะทำให้คุณดีใจ”
“ผมดีใจครับ แต่...แต่มีบางอย่างที่แปลกไป”
“อะไรแปลกไปคะ”
“ผมรู้สึกว่าระหว่างผมกับน้องจ๋ามีบางอย่างที่...ไม่เหมือนเดิม...”
สรัชถอนหายใจ คิดไม่ตก โรจนามองสรัชด้วยความสงสาร หากทำได้อยากรับความเจ็บปวดไว้แทน
“อย่าคิดมากสิคะ คุณอย่าลืมสิว่าคุณอานรินทร์เพิ่งเสียไป เป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายในชีวิต สิ่งที่คนรักกันควรทำคืออยู่เคียงข้าง ไม่ใช่นั่งระแวงกันนะคะ”
สรัชได้สติ “จริงของคุณ เวลานี้ผมควรจะไปอยู่ข้างๆน้องจ๋ามากกว่าที่จะมานั่งคิดอะไรบ้าๆ แบบนี้”
โรจนายิ้มให้กำลังใจ “เอาตัวช่วยของโรสไปด้วยไหมคะ”
“ตัวช่วย อะไรครับ”
“เวทย์มนต์ของโรสไงคะ”
โรจนาหยิบเค้กอีกกล่องยื่นให้ สรัชเข้าใจ ยิ้มกว้าง


เย็นนั้น สวาทประคองภัทร์ธีราลงนั่งที่โซฟา มองด้วยความสงสาร
“คุณจ๋าไม่ต้องคิดอะไรมากนะคะ ทุกปัญหามันมีทางออกอยู่แล้ว เชื่อป้านะคะ”
พรพจีเดินเข้ามาในบ้าน สีหน้าเคร่งเครียด
“น้องจ๋า อามีเรื่องจะคุยด้วย”
สวาทมองภัทร์ธีราอย่างเป็นกังวล
“คุณจีคะ น้าว่ามีอะไรไว้คุยกันวันหลังดีกว่า คุณจ๋าเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล”
“ไม่ได้ ฉันต้องรู้เรื่องวันนี้” พรพจีเสียงเข้ม
“คุณจี! คุณจ๋ากำลัง...”
ภัทร์ธีราพูดสวนขึ้น “ไม่เป็นไรค่ะป้าหวาด อาจีมีอะไรจะคุยกับจ๋าเหรอคะ”
“บอกอามาว่าที่น้องจ๋าหายไป ไปไหนมากันแน่”
“จ๋าไปเที่ยวมาไงคะ”
“ไปเที่ยว ที่เรือนวรากานต์ ใช่ไหม”
ภัทร์ธีรานิ่งอึ้งไป
“บอกอามาสิ ที่น้องจ๋าหายไปน่ะ น้องจ๋าไปหาธรมาใช่ไหม”
ภัทร์ธีราน้ำตาคลอ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกดดัน
“ได้ค่ะ ถ้าอาจีอยากรู้จ๋าก็จะบอก แต่อาจีก็ต้องบอกความจริงจ๋ามาเหมือนกัน”
“ความจริงอะไร”
ภัทร์ธีราย้อนถามไปว่า “แล้วมีความจริงอะไรบ้างล่ะคะที่อาจีไม่เคยบอกจ๋า”
พรพจีฉุนกึก “ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง บอกอามาว่าที่หายไปเป็นเดือนไปอยู่กับธรมาใช่ไหม”
ภัทร์ธีราน้อยใจ ประชดออกไป “อาจีคิดว่าจ๋าไปทำอะไร จ๋าก็ทำอย่างนั้นล่ะค่ะ จ๋าชดใช้หนี้ทุกอย่างให้อาจีแล้ว ทีนี้อาจีก็สบายใจได้แล้วนะคะ ไม่มีใครมาตาม ทวงคืนอะไรอาจีอีก”
พรพจีประหลาดใจ “หนี้อะไร ฉันไม่เคยมีหนี้อะไรทั้งนั้น”
ภัทร์ธีราร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้นตันทรวง “หนี้ที่อาจีเคยหลอกใช้ผู้ชายคนหนึ่ง จนทำให้ครอบครัวของเขาต้องพังพินาศไงคะ”
พรพจีอึ้งมองระแวงว่าภัทร์ธีราไปรู้อะไรมา สุดท้ายทำอะไรไม่ถูก เดินหนีออกไปนอกบ้าน ภัทร์ธีราเดินตามออกไป สวาทรีบห้ามไว้
“คุณจ๋า อย่าค่ะ”

พรพจีเดินหนีออกมาที่สวนสวย มือไม้สั่นหน้าซีดตื่นตระหนกตกใจ ภัทร์ธีราตามมาติดๆ มีสวาทตามมาดูอย่างเป็นห่วงสองอาหลาน
“อาจีรู้จักคนที่ชื่อ วราห์ วรนิติหรือเปล่าล่ะคะ”
พรพจีตกใจหันขวับมาหา เดินเข้ามาจับตัวภัทร์ธีราเขย่าอย่างแรง “รู้จักชื่อนี้ได้ยังไง รู้ได้ยังไง”
ภัทร์ธีรามองหน้าพรพจีด้วยความผิดหวัง
“จ๋าไม่รู้จักเขาหรอกค่ะเพราะเขาตายไปแล้ว แต่จ๋ารู้จักลูกเขา รู้จักครอบครัวของเขา ที่อาจีเคยทำลายไงคะ”
พรพจีตวาดแว้ด “หยุดนะ”
“จ๋าไม่หยุด อาจีไปทำลายครอบครัวเขาทำไม”
“ฉันบอกให้หยุด”
พรพจีตบหน้าภัทร์ธีราจนหน้าหัน สวาทอึ้ง ภัทร์ธีราน้ำตาร่วงด้วยความน้อยใจ เสียใจ พรพจีเริ่มสติหลุด นึกบางอย่างได้ จับตัวภัทร์ธีราเขย่าแรงขึ้นเรื่อยๆ
“ลูกเขาเป็นใคร เป็นใคร ตอบมา”
สวาทเข้าห้ามปราม “คุณจีอย่าทำแบบนั้นเลยค่ะ”
พรพจีไม่สน “ตอบมาสิ ตอบฉัน ตอบ”
พรพจีเขย่าตัวอย่างรุนแรงจนภัทร์ธีราล้มลงไปกับพื้น
“คุณจ๋า”
สวาทถลาเข้าไปประคองอย่างเป็นห่วง ภัทร์ธีราจับกุมท้องอย่างเจ็บปวด พรพจีตกตะลึง
“คุณจ๋า! เป็นยังไงบ้าง” สวาทลูบท้องภัทร์ธีราอย่างเป็นห่วง
พรพจีมองอย่างสงสัย
“คุณจี คุณจีคุณควรระวังมากกว่านี้นะคะ รู้หรือเปล่าว่าคุณจ๋า...”
ภัทร์ธีราพยายามห้าม “ป้าหวาด”
สวาทไม่ฟังแล้ว “ยังไงคุณจีก็ต้องต้องรู้ค่ะ คุณจีคะ คุณจ๋าท้องค่ะ”
พรพจีช็อก “ท้อง”
เสียงสรัชดังขึ้น “น้องจ๋า”
ทุกคนหันไปทางเสียง เห็นสรัชยืนช็อกๆ อยู่ ในมือถือเค้กที่เตรียมมาปลอบใจภัทร์ธีรา
“พี่เอ้”
“พี่เข้าใจแล้ว...ว่าทำไมน้องจ๋าถึงหายไป”
สรัชมือไม้อ่อนปล่อยเค้กร่วงลงข้างตัวอย่างคนหมดแรง วิ่งขึ้นรถขับออกไปทันที
ภัทร์ธีราตกใจ “พี่เอ้”
“คุณจ๋าค่อยๆ ค่ะ”
ภัทร์ธีรายันกายลุกขึ้นโดยมีสวาทช่วย จะวิ่งตามไป พรพจีเข้าขวางตาวาววับ
“ใครเป็นพ่อเด็ก”
ภัทร์ธีราหยุดกึก
สวาทปรามในที “คุณจี”
“ไม่ใช่เอ้ใช่ไหม แล้วใครเป็นพ่อเด็ก”
ภัทร์ธีราเงียบ ปล่อยน้ำตาให้ไหลริน
“ธรใช่ไหม ท้องกับธรใช่ไหม”
พรพจีถามเสียงเบาหวิว น้ำตาไหลอาบแก้มเป็นสาย ภัทร์ธีราไม่อยากตอบอะไรอีก
“จ๋าเหนื่อย ขอไปพักก่อนนะคะ”
ภัทร์ธีราเดินหนีเข้าบ้านไป
“น้องจ๋าบอกอามา บอกมา” พรพจีคาดคั้นจะเอาคำตอบให้ได้
สวาทมาจับพรพจีเอาไว้
“ไว้ใจเย็นแล้วค่อยคุยกันเถอะค่ะคุณจี วันนี้พอก่อนนะคะ ให้คุณจ๋าไปพักก่อนเถอะค่ะ”
พรพจีทรุดลงร้องไห้อย่างหนักหน่วงรุนแรงอยู่ครู่เดียว แววตาเศร้าสร้อยก็เปลี่ยนเป็นโกรธแค้นสุดจะประมาณ
“วิษธร”

ค่ำวันเดียวกันนี้ วิษธรนั่งเหม่ออยู่หน้าทีวี กดรีโหมตเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ แล้วก็หยุดที่ช่อง 8 ซึ่งกำลังเป็นรายการข่าว
“เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.มีชาวบ้านได้พบศพของหญิงสาวอายุประมาณ 30 ปี ซึ่งถูกฝังไว้ข้างตึกร้างแห่งหนึ่ง มีร่องรอยถูกกระสุนปืนยิงสองนัด ผู้เสียชีวิตมีรูปพรรณสัณฐานตรงกับนางสาวจิรดา สุขสราญภิรมย์”
วิษธรมีสีหน้าตกใจเมื่อได้ยินชื่อจิรดา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นวิษธรสะดุ้ง วิษธรมองข่าวในทีวีสลับกับมือถืออย่างครุ่นคิด แล้วก็ตัดสินใจกดเบาเสียงทีวี แล้วรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล”
“มาเจอดี้หน่อยนะคะ ดี้มีเรื่องสำคัญจะบอกคุณ เรื่องของจิรดา”
วิษธรมองไปที่ข่าวในทีวี ขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด
“ซึ่งเมื่อสองวันก่อนมีญาติได้เข้าแจ้งความว่านางสาวจิรดา สุขสราญภิรมย์ ได้หายตัวไป...”

ที่ร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง บนเคาน์เตอร์บาร์ที่สรัชนั่ง มีแก้วเปล่าวางอยู่ 5-6 แก้ว แสดงให้เห็นว่าเขาดื่มไปหลายแก้วแล้ว สักพักหนึ่งโรจนาเดินเข้ามามองหา พอเห็นจึงเดินเข้าไปช้าๆ
สรัชกำลังจะยกแก้วขึ้นดื่ม เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดูเห็นชื่อน้องจ๋าโทร.หา สรัชทำท่าจะกดรับ โรจนายืนมองอยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าไปเพราะคิดว่าสรัชคงรับโทรศัพท์แล้วดีกัน สุดท้ายสรัชวางโทรศัพท์ลงแล้วดื่มต่อ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกแต่เขาก็ไม่รับสาย ดูออกว่าพยายามตัดใจอย่างหนัก
สรัชยกแก้วขึ้นเพื่อดื่มอีก โรจนาเดินเข้ามาลงนั่งข้างๆ คว้าแก้วเอาไว้
“ทำไมไม่รับล่ะคะ”
สรัชมองหน้าโรจนาอย่างแปลกใจ เชฟคนสวยยิ้มให้ วางแก้วลง
“คุณโรสรู้ได้ไงว่าผมอยู่นี่”
“โรสมีสายสืบค่ะ”
สรัชแปลกใจ เสียงโทรศัพท์สั่นดังขึ้นอีก
“รับเถอะค่ะ”
สรัชส่ายหน้า
“ก็ได้ค่ะ ถ้าไม่รับโรสรับเอง”
โรจนาคว้ามือถือสรัชมา จะกดรับ
“อย่านะครับ”
สรัชคว้ามือถือคืนโรจนาชูหนี สองคนแย่งกันไปมาจนหน้าอยู่ใกล้กันระยะประชิด โรจนาใจเต้นโครมคราม ยอมคืนโทรศัพท์ให้สรัชไป
“โอเคค่ะ”
เสียงสั่นดังต่อเนื่อง สรัชพยายามหักห้ามใจไม่รับ หยิบแก้วขึ้นมาใหม่
โรจนาคว้าแก้วไว้ แล้ววางลงกับโต๊ะ “แน่ใจนะคะว่าไม่รับแล้วจะไม่เสียใจ”
สรัชลังเล ทำท่าจะหยิบมือถือขึ้นมา แต่เสียงสั่นก็เงียบไป หลังจากน้องจ๋า โทร.หาถึง 8 ครั้ง
เสียงโทรศัพท์ดังอีกครั้ง แต่เป็นข้อความไลน์จากภัทร์ธีราส่งมาว่า
"จ๋าขอโทษสำหรับทุกอย่าง ขอบคุณทุกสิ่งที่พี่เอ้ทำให้ ขอให้พี่เอ้ได้เจอคนที่ดีกว่าจ๋า โชคดีนะคะ"
สรัชมองหน้าจอน้ำตาไหลริน หันไปหาโรจนา น้ำตาเต็มตา
“มันจบแล้วล่ะครับ ต่อให้ผมเสียใจแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์”
สรัชก้มหน้าร้องไห้อย่างเจ็บปวดรวดร้าว โรจนายื่นมือไปจะแตะไหล่สรัช หยุดค้างไว้ชั่วขณะ แล้วก็ตัดสินใจลูบไหล่เขาเบาๆ สรัชหันมายิ้มให้ คว้าแก้วขึ้นมา มองหน้าโรจนาเชิงถาม
“ไม่ห้ามแล้วเหรอครับ”
โรจนายิ้มให้ พลางหันสั่งเหล้ากับบาร์เทนเดอร์ “เอาเหมือนกันอีกที่ค่ะ ยกให้วันนึงแล้วกัน แต่ห้ามขับรถนะเดี๋ยวโรสให้คนมารับ”
“โอเคครับ”
สรัชกับโรจนาหัวเราะให้กัน


เช้าวันนี้พรพจีนั่งอ่านไอแผดด้วยสีหน้าสงบ สวาทถือถาดที่ใส่วิตามินบำรุงพร้อมน้ำมาให้
“ขอบใจจ้ะ” พรพจีหยิบกิน “ว่าแต่น้องจ๋าตื่นหรือยัง”
สวาทยืนจ้องหน้าพรพจีนิ่งนาน
พรพจีหัวเราะขำๆ “ทำไมน้าหวาดมองฉันอย่านั้นล่ะ”
“คุณจีหายโกรธคุณจ๋าแล้วเหรอคะ”
“น้าหวาดก็รู้นี่ ฉันโกรธน้องจ๋าได้ไม่นานหรอก”
ภัทร์ธีราเดินลงมาจากชั้นบน จะเลยไปที่ห้องทานอาหาร
“เอ่อ น้องจ๋าไปกินข้าวก่อนนะคะป้าหวาด”
พรพจีเรียกไว้ น้ำเสียงอ่อนโยน “น้องจ๋า”
ภัทร์ธีราหันกลับมาหา “คะ”
“คุยกับอาสักครู่ได้ไหม”
ภัทร์ธีรามองหน้าสวาทเชิงถาม สวาทพยักหน้าสนับสนุน
“คุยกันไปก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าไปเตรียมข้าวต้มร้อนๆ ไว้ให้”
สวาทเดินออกไปทางครัว ภัทร์ธีรานั่งลง
“เรื่องเมื่อคืนมันผ่านไปแล้วปล่อยให้มันผ่านไปได้ไหมจ๊ะ”
ภัทร์ธีราแปลกใจ “อาจีไม่โกรธน้องจ๋าแล้วเหรอคะ”
“อาจะโกรธน้องจ๋าได้ยังไง น้องจ๋าไม่ได้ทำอะไรผิดนี่จริงไหม แต่อาจะโกรธน้องจ๋ามากถ้าน้องจ๋าไม่ให้อาช่วยดูแล”
พรพจีขยับเข้าใกล้ มองท้องภัทร์ธีรา แล้วยื่นมือไปจับลูบเบาๆ
“น้องจ๋ารู้ใช่ไหม ที่อาพูดไปทั้งหมดเพราะเป็นห่วงน้องจ๋า”
“จ๋ารู้ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น อาจะได้ช่วยดูแลหลานใช่ไหม”
ภัทร์ธีรายิ้ม “ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ อาจีเป็นเหมือนแม่ของจ๋า”
พรพจียิ้มเยือกเย็น “น้องจ๋าก็รู้ว่าอารักน้องจ๋ามาก แล้วก็จะรักลูกของน้องจ๋าด้วย”
ทั้งสองอาหลานโผเข้ากอดกัน
“ขอบคุณนะคะ”
“น้องจ๋าคือคนสำคัญที่สุดในชีวิตอาตอนนี้ จากนี้ไปเราจะอยู่ด้วยกันนะลูก”
พรพจีละตัวออกจับหน้าภัทร์ธีราไว้ บอกอย่างอ่อนโยน
“เราไปอยู่อเมริกาด้วยกันนะ ไปให้เร็วที่สุด แค่เราสามคน”
ภัทร์ธีราอึ้งไป “อเมริกา”
“ใช่ ตอนนี้กิจการเรากำลังแย่ อาดูแลไม่ไหวก็เลยทยอยขายหุ้นจนได้เงินมาก้อนหนึ่งที่พอจะให้เราอยู่อย่างสบาย”
ภัทร์ธีรามองไปรอบๆ “แล้วรมย์ฤดีล่ะคะ”
“อาจะขายด้วย”
“แต่ที่นี่เป็นบ้านของเรา...” ภัทร์ธีราใจหาย
“อารู้ว่าน้องจ๋ารักที่นี่มาก อาก็รักบ้านหลังนี้ แต่ตอนนี้อามองไปทางไหนก็เห็นแต่ภาพอาริน อาทนอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว” พรพจีร้องไห้ออกมา “ไปอยู่อเมริกากับอาเถอะนะ ไปสร้างความทรงจำดีๆ ด้วยกันใหม่นะน้องจ๋า”
ภัทร์ธีรานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยิ้มออกมา
“ตกลงค่ะ” ภัทร์ธีราจับมือพรพจีกุมไว้ “อาจีอยู่ที่ไหนจ๋าก็จะอยู่ด้วย เพราะอาจีก็เป็นทุก
อย่างในชีวิตจ๋า จ๋ารักอาจีนะคะ” สองอาหลานสวมกอดกัน
พรพจีลูบผมภัทร์ธีราสีหน้าเรียบเฉยในแววตาอันล้ำลึก

ที่ร้านอาหารย่านชานเมืองแห่งนี้ ไม่ค่อยมีลูกค้ามากนัก วิษธรนั่งรอใครบางคนอยู่มุมหนึ่ง จนเห็นอรดีใส่หมวกสวมแว่นตาดำพรางตัว เดินเข้ามาหา มองซ้ายมองขวาด้วยท่าทีระแวดระแวง ก่อนนั่งลง
“ธร”
“คุณบอกว่ามีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับคุณดา”
อรดีมองซ้ายแลขวาอีกรอบ ก่อนจะถอดแว่นออกกระซิบถาม “ธรเห็นข่าวจิรดาแล้วใช่ไหม”
“ครับ ถ้าคุณมีเบาะแสเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณควรรีบบอกตำรวจนะ”
“ดี้กลัวนี่คะ สิ่งที่ดี้รู้มันมากกว่าเบาะแสเสียอีกค่ะ ดี้รู้ว่าใครฆ่าจิรดา”
“ว่าไงนะครับ”
อรดีมีสีหน้าหวาดกลัว

อรดีเล่าว่า เธอออกไปพบจิรดาที่โทร.มานัดหลังนรินทร์เสียชีวิตแล้ว และนั่งมองเชิงกับจิรดา อยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่อรดีจะกดดูวิดีโอที่พรพจีทำให้นรินทร์ตกบันไดจากมือถือจิรดา
“เรื่องจริงเหรอเนี่ย”
จิรดาคว้ามือถือคืน กลอกตามองบน “ก็บอกแล้ว”
“แล้วแกเอามาให้ฉันดูทำไม”
“ก็เพราะเรามีศัตรูคนเดียวกันน่ะสิ”
“แกจะอยากให้ฉันทำอะไรก็พูดมาตรงๆ”
“ฉันอยากให้เธอ เอาคลิปนี้ไปให้คุณธรดูก่อน คุณธรจะได้ไม่หลงเชื่อมันอีกแล้ว เธอก็จะเป็นไพ่ตายของฉัน ถ้าเกิดนังพรพจีมันเล่นไม่ซื่อ ไม่ทำตามข้อตกลงฉันจะบอกให้เธอแชร์ ทุกคนจะได้รู้ความเลวของมัน”
“ตกลงอะไรกับนางไว้ล่ะ”
“เธอไม่ต้องรู้หรอก รู้แค่ว่าถ้าเธอเอาคลิปนี้ให้คุณธรดู เธอก็จะได้ทำคะแนน ไม่ดีหรือไง”
“แล้วทำไมแกไม่ทำเอง”
“ฉันจะวางมือจากเรื่องนี้แล้วไปอยู่ที่อื่น ฉันเห็นว่าเธอชอบคุณธรเหมือนกัน อาจจะอยากทำคะแนน แต่ถ้าเธอไม่ต้องการก็ไม่เป็นไร งั้นฉัน...” จิรดาลุกขึ้นจะออกไป อรดีเรียกไว้
“เดี๋ยว”
จิรดายิ้มพอใจ นั่งลง
“จำไว้นะ ฉันบอกก่อนค่อยแชร์ ถ้าฉันไม่บอก ให้คุณธรดูแค่คนเดียว อีกอย่าง เรื่องทั้งหมดนี้ต้องเป็นความลับ ถ้าเธอไม่อยากเป็นอันตราย”
อรดีกังวลไม่หาย กดบันทึกไฟล์วิดีโอที่จิรดาส่งมาให้ลงเครื่อง จิรดายิ้มสมใจ

วิษธรดูคลิปในโทรศัพท์มือถืออรดีด้วยสีหน้าเครียดเคร่ง อรดีนั่งมองอย่างกังวล
“โหดเหี้ยมจริงๆ” วิษธรส่งโทรศัพท์คืนอรดี “แล้วคุณดี้จะทำยังไงต่อครับ จะแชร์แบบที่คุณจิรดาบอกหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ ดี้ยังไม่อยากตายเหมือนจิรดา”
“คุณคิดว่าจีฆ่าจิรดาเหรอ”
“เรื่องนี้ดี้ไม่มีหลักฐานหรอกค่ะ แต่ดี้มั่นใจว่าต้องใช่นังพรพจี วันก่อนหน้าที่จิรดาจะหายตัวไป นางส่งข้อความมาหาดี้ บอกให้ดี้เตรียมตัวไว้ นางน่าจะหมายถึงให้ดี้เตรียมตัวแชร์คลิป แต่อยู่ๆ นางก็ขาดการติดต่อไป ดี้ถามไปก็ไม่ตอบ เห็นอีกทีก็ในข่าวนั่นแหละค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นนี่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ คุณดี้ควรเอาหลักฐานทั้งหมดไปให้ตำรวจนะ”
“ดี้ไม่กล้าหรอกค่ะ ที่ดี้เอามาให้ธรดูเนี่ยก็กล้ามากๆแล้วนะคะ เพราะดี้เป็นห่วงคุณ”
“งั้นผมจะเอาไปให้ตำรวจเอง”
“อย่านะคะ ธรก็เห็นว่านังพรพจีมันร้ายกาจขนาดไหน ผัวตัวเองมันยังฆ่าได้ คนที่รู้เรื่องก็ค่อยๆ ตายไปทีละคน ใครที่รู้เรื่องเลวๆ ของมัน หรือขวางทางมัน ดี้ว่ามันต้องฆ่าไม่เลือก ต่อให้เป็นคนใกล้ตัวหรือคนที่มันรักก็เถอะ ธรอย่าเสี่ยงเลยนะ ดี้กลัว”
“งั้นผมก็ยิ่งต้องทำ ผมไม่อยากให้จีทำร้ายใครอีก ผมไม่อยากให้น้องจ๋าเป็นอันตราย”
อรดีหมั่นไส้ “นี่ธรยังห่วงคนอื่นอีกเหรอ”
“น้องจ๋าไม่ใช่คนอื่น”
อรดีอึ้ง นิ่งงันไป “ดี้เข้าใจแล้ว ที่น้องจ๋าหายตัวไปหลายวันนี่ ไปกับธรมาจริงๆ ใช่ไหม”
วิษธรไม่ตอบ “ผมขอหลักฐานทั้งหมดมาเก็บไว้ ส่วนคุณดี้ก็ลบหลักฐานทั้งหมดซะ แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกว่าเรื่องจะจบ เก็บตัวเงียบไปก่อนจะได้ไม่เป็นอันตราย แล้วผมจะจัดการเรื่องทั้งหมดเอง”
วิษธรลุกไปอย่างเร่งรีบ อรดีมองตามด้วยความน้อยใจและเสียใจ

ภัทร์ธีรากำลังจัดกระเป๋าอยู่อย่างซึมๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หน้าจอเป็นชื่อ วิษธร ภัทร์ธีราหยิบมาดูด้วยแววตาเจ็บปวด ตัดสายทิ้ง แล้วเก็บของต่อ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก ภัทร์ธีราถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตัดสินใจปิดเครื่องไปเลย ภัทร์ธีราหยิบสร้อยที่วิษธรให้มาดูด้วยความเศร้าใจ ทรุดตัวลงปิดหน้าร้องไห้ ทั้งเสียใจทั้งสับสน

พรพจีจัดกระเป๋าไปด้วยสีหน้าพึงพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการ จนเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พรพจีหยิบขึ้นมาดูหน้าจอเป็นชื่อวิษธรโทร.มา
พรพจีลังเลว่าจะรับดีหรือไม่ ปล่อยให้มือถือดังอยู่สักพักหนึ่งเธอจึงกดรับ พรพจีรับโทรศัพท์ขึ้นแนบหูยังไม่ทันพูดอะไร เสียงวิษธรก็ดังขึ้นอย่างร้อนรน
“ฮัลโหลจี คุณอยู่บ้านหรือเปล่า” พรพจีกำลังจะตอบ แต่วิษธรถามขึ้นมาอีกว่า “จ๋าอยู่กับคุณใช่ไหม ผมมีเรื่องจะคุยด้วย...จีได้ยินที่ผมพูดหรือเปล่า จี”
“เวลาคนที่รักหายไปมันทรมานมากใช่ไหม”
วิษธรคุยโทรศัพท์กับพรพจีอยู่หน้าร้านอาหารชานเมืองหลังแยกจากอรดี
“จี น้องจ๋าอยู่ไหน”
“น้องจ๋าอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้ว...ที่ที่คุณจะไม่มีวันหาเจอ” พรพจียิ้มอำมหิต
“คุณคิดจะทำอะไร อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ”
“คิดว่าฉันจะทำอะไรเหรอ นั่นหลานฉันนะ ฉันจะดูแลหลานทั้งสองคนอย่างดีไม่ต้องห่วง”
พรพจีกดวางด้วยสีหน้าสะใจ
“หลานทั้งสองคน คุณหมายความว่ายังไง จี พรพจี”
วิษธรดูโทรศัพท์พบว่าพรพจีวางสายไปแล้วก็ยิ่งใจคอไม่ดี
“น้องจ๋า หรือว่า...”
ด้านพรพจีพูดออกอย่างเจ็บปวด
“คุณจะต้องทรมานมากกว่าฉัน ทรมานเหมือนตายทั้งเป็น...วิษธร วรนิติ”


เกลี้ยงขนกระเป๋าขึ้นรถที่หน้าตึกบ้านรมย์ฤดีเรียบร้อย สวยและเต่ายืนรอส่งพรพจีกับภัทร์ธีราอย่างซึมๆ สวาทยืนมองน้ำตาคลอ
ภัทร์ธีรากอดสวาทน้ำตาคลอ “ขอบคุณป้าหวาดสำหรับทุกอย่างนะคะ แล้วน้องจ๋าจะกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ”
“ป้าขอให้คุณจ๋ามีชีวิตที่ดีและมีความสุขเสียทีนะคะ”
สวยกะเต่าประสานเสียง “โชคดีนะคะคุณจ๋า”
ภัทร์ธีรายิ้มให้ “ขอบใจจ้ะ”
“น้องจ๋า รีบไปเถอะ อาไม่อยากให้ถึงค่ำ”
พรพจีเดินเข้ามากอดลาสวาท
“ขอบคุณนะจ๊ะน้าหวาด ที่ช่วยดูแลฉันกับน้องจ๋าอย่างดีมาตลอด”
“ต่อจากนี้ก็ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ”
“จ้” พรพจีละตัวออกมา บอกกับสวย เต่า และเกลี้ยงว่า “โชคดีนะจ๊ะ”
“สวัสดีค่ะคุณจี” / “สวัสดีครับคุณจี” สามคนไหว้ลา
พรพจีมองรมย์ฤดีครั้งสุดท้ายอย่างอาวรณ์ลึกๆ “ฉันคงไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว ลาก่อนนะรมย์ฤดี”
“พูดอะไรเป็นลางอย่างนั้นคะ เดี๋ยวกลับมาคุณจีก็แวะมาได้น่ะ”
“จะกลับมาได้ยังไง ก็ฉันประกาศขายไปแล้ว เอาละ ฉันต้องไปแล้ว ไปกันเถอะน้องจ๋า ลาก่อนนะทุกคน”
เต่า สวย เกลี้ยงยกมือไหว้ลาอีกครั้ง พรพจีพยักหน้ารับ หันไปส่งสายตาให้ภัทร์ธีรารีบไป
ภัทร์ธีราน้ำตาคลอ เงยหน้ามองตึกบ้านรมย์ฤดีอย่างอาวรณ์ ยกมือไหว้ทุกคนและกอดสวาทเป็นครั้งสุดท้ายก่อนขึ้นรถไป
พรพจีขึ้นรถแล้วขับออกไป สวาทปล่อยโฮเสียงดัง เหล่าคนใช้ช่วยกันกอดปลอบ ภัทร์ธีราโบกมือลาสวาทจนสุดสายตา
คนใช้ยืนกอดกันกลม โบกมือลารถพรพจีที่ค่อยๆ ขับออกมาจากรมย์ฤดีห่างออกไปเรื่อยๆ

ในบ้านเช่าหลังขนาดกะทัดรัด แต่เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ภัทร์ธีรายืนมองไปรอบๆ อย่างสำรวจ พรพจีเดินถือกระเป๋าตามเข้ามา
“เป็นไงอยู่ได้ไหมจ๊ะ ที่นี่เล็กกว่ารมย์ฤดีเยอะ แต่เราต้องอยู่ที่นี่ไปก่อนพอเรื่องวีซ่าเรียบร้อยเราก็เดินทางได้เลย”
“อยู่ได้สิคะ ตอนจ๋าอยู่อเมริกาคนเดียวห้องเล็กกว่านี้อีก มาค่ะ เดี๋ยวน้องจ๋าทำเอง”
ภัทร์ธีราเข้าไปจะคว้ากระเป๋า พรพจีชักมือหนี
“ไม่ต้องจ้ะ” พรพจีวางกระเป๋าลง ประคองภัทร์ธีราไปนั่ง “หน้าที่ของน้องจ๋าคือนั่งเฉยๆ ดูแลตัวเองให้ดี ส่วนเรื่องอื่นปล่อยให้เป็นหน้าที่อา”
“แต่...”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้นจ้ะ คนท้องคนไส้มายกของหนักได้ยังไง ถ้าน้องจ๋าดื้ออาจะไม่สบายใจนะ”
“ก็ได้ค่ะ”
“เด็กดีของอา ตอนนี้เราเหลือกันแค่สามคนอาหลานแล้วนะ น้องจ๋าจะไม่ทิ้งอาไปไหนใช่ไหมลูก”
“น้องจ๋าไม่ทิ้งอาจีไปไหนหรอกค่ะ”
“อาจะดูแลน้องจ๋ากับลูกให้ดีที่สุด อารักน้องจ๋านะ”
“น้องจ๋าก็รักอาจีค่ะ”
พรพจียิ้มให้ลูบผมภัทร์ธีราอย่างหวนแหน แววตาเลื่อนลอยอย่างประหลาด

ด้านวิษธรวิ่งเข้ามาในโถงบ้านรมย์ฤดีอย่างร้อนรนใจ มองหาภัทร์ธีราไปทั่ว สวาทเดินมาเห็นเข้า
“คุณธร หายไปไหนตั้งนานคะ”
“ป้าหวาด ผมอยากพบจ๋าครับ ช่วยเรียกจ๋าให้ผมหน่อยได้ไหม”
สวาทแปลกใจ “ทำไมถึงเพิ่งมา คุณจ๋าไปแล้วค่ะ”
วิษธรตกใจ “ไปไหนครับ แล้วไปกับใคร”
“ป้าบอกไม่ได้หรอกค่ะ คุณธรกลับไปเถอะ คุณจ๋าไม่อยากเจอคุณธรอีก”
สวาทจะหันหลังกลับ วิษธรตัดสินใจคุกเข่าลง
“ผมขอร้องนะครับป้าหวาด ช่วยบอกผมที ผมอยากพบน้องจ๋า”
“คุณธร ลุกขึ้นเถอะค่ะ” สวาทตกใจรีบดึงวิษธรให้ลุกขึ้น แต่เขาไม่ยอม
“ได้โปรดเถอะครับ ผมต้องรู้ว่าจ๋าอยู่ไหน ผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับเขา”
“ก็ได้ค่ะ แต่คุณธรจะต้องเล่าความจริงระหว่างคุณจ๋ากับคุณธรให้ป้าฟังทั้งหมด ป้าก็จะบอกว่าคุณจ๋าอยู่ไหน”
วิษธรครุ่นคิดตัดสินใจ

ภัทร์ธีรานั่งอ่านบทความคู่มือคุณแม่มือใหม่ในไอแพดอยู่ในห้องโถง พรพจีนั่งข้างๆ ปอกแอปเปิ้ลอย่างเก้ๆ กังๆ ภัทร์ธีรามองยิ้มขำๆ วางไอแพดลง
“ให้จ๋าทำเถอะค่ะ”
“ไม่เป็นไรอาทำได้จ้ะ”
“ให้จ๋าทำเถอะค่ะ แค่ปอกแอปเปิ้ลเอง ไม่ได้ออกแรงอะไรเลย มาค่ะ”
พรพจียิ้มอ่อนๆ แล้วยื่นมีดให้ภัทร์ธีราช้าๆ วิษธรพรวดพราดเข้ามาเห็นพอดี ตกใจกระโจนเข้าไปคว้ามีดโยนทิ้ง
“จะทำอะไรน่ะ”
“ธร มาที่นี่ได้ยังไง”
วิษธรเข้าไปดูน้องจ๋าด้วยความเป็นห่วง “เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ฉันจะเป็นอะไรได้ยังไง คุณนั่นแหละเป็นบ้าอะไรอยู่ๆ ก็โผล่เข้ามาคว้ามีดไป” ภัทร์ธีราชะงัก เห็นแผลมีดบาดที่มือเขาคว้าทิชชูมากดแผลไว้ “คุณเลือดออกนี่”
พรพจีมองภาพที่สองคนห่วงใยกันอย่างเจ็บใจ
“มาที่นี่ทำไม”
“ผมไม่เป็นไรแล้ว คุณมานี่” วิษธรมองหน้าอย่างซาบซึ้งดึงภัทร์ธีราไว้ข้างหลัง แล้วหันไปมองพรพจีอย่างระแวง
“คุณคิดจะทำอะไร น้องจ๋าเป็นหลานคุณนะ”
“ฉันจะทำอะไร ฉันไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย”
“ก็เห็นอยู่ว่าคุณมีมีด”
พรพจีน้อยใจ “ในสายตาคุณ ฉันดูเป็นนางมารร้ายที่ฆ่าได้แม้กระทั่งหลานตัวเองหรือไง”
ภัทร์ธีราสะบัดมือออกจากวิษธร “อาจีไม่ได้จะทำอะไรแบบที่คุณคิด อาจีแค่จะปอกผลไม้ให้ฉันกินเท่านั้น”
พรพจียิ้มเยาะ “ได้ยินแล้วนะ ว่าน้องจ๋าอยู่กับฉันไม่มีอันตรายอะไร คุณมากกว่าที่เป็นตัวอันตรายที่นี่”
วิษธรมองจ้องท้องภัทร์ธีรา “ลูกของเราใช่ไหม”
ภัทร์ธีราอึ้งๆ พรพจีมองสองคนอย่างเจ็บปวด
“ลูกของฉัน ไม่ใช่ลูกของเรา"
“ผมไม่เชื่อ ป้าหวาดบอกความจริงผมหมดแล้ว ผมจะรับผิดชอบเอง” วิษธรคว้ามือเธอมากุม
“รับผิดชอบ” ภัทร์ธีราค่อยๆ แกะมือวิษธรออก “ฉันไม่ต้องการ ฉันจะดูลูกเอง คุณได้ทุกอย่างที่คุณต้องการแล้วนี่ คุณได้แก้แค้นแล้ว คุณก็น่าจะพอใจไม่ใช่เหรอ กลับไปซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก”
“ได้ยินแล้วนี่ กลับไปสิ น้องจ๋าอยากอยู่กับฉัน น้องจ๋าไม่ต้องการคุณ ไม่ได้ยินหรือไง กลับไป”
วิษธรไม่ยอม “ไม่ จ๋าต้องกลับไปกับผม คุณฆ่าผมพ่อผมไปคนนึงแล้ว ผมจะไม่ยอมให้คุณพรากคนที่ผมรักไปอีก”
พรพจีมองหน้าวิษธรอึ้งๆ ก่อนจะหันมามองภัทร์ธีรา “นี่คือคำตอบที่อาเคยถามน้องจ๋าใช่ไหม ว่าใครเป็นลูกของวราห์”
วิษธรตอบเองว่า “ใช่ วราห์ วรนิติ คือพ่อของผมเอง คุณจำได้แล้วใช่ไหมว่าคุณเคยหลอกพ่อผมยังไง ทำให้พ่อผมต้องล้มละลาย ฆ่าตัวตายต่อหน้าเมียและลูก แม่ผมต้องเป็นบ้า ตั้งแต่วันที่พ่อผมตาย ผมก็บอกกับตัวเองว่าผมจะทำให้ชีวิตคุณพังพินาศเหมือนกับที่คุณทำกับครอบครัวผม”


ความหลังในวันที่พรพจีบุกไปถึงบ้านวิษธรผุดขึ้นมาในห้วงคิดของทั้งคู่ ประภากับวราห์ทะเลาะกันใหญ่โต
“ผมผิดเอง เป็นความผิดของผมเอง ให้โอกาสผมได้แก้ตัวอีกครั้งเถอะนะ”
“ตื่นเสียทีเถอะ! ผู้หญิงคนนี้ครอบครัวเรากำลังจะล้มละลาย ถ้าคุณไม่เห็นแก่ฉันก็เห็นแก่ลูกบ้าง คุณรักมันมากนักหรือไง รักมากกว่าฉันมากกว่าลูก ถ้าไม่มีมันแล้วคุณจะตายหรือไง”
“ใช่ ตายไปซะยังจะดีกว่า”
ประภาร้องไห้โฮ
“ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันไม่ทำให้ครอบครัวใครแตกแยกหรอก ฉันจะไม่มาพบคุณวราห์อีก ตลอดไป..ลาก่อน...”
พรพจีค่อยๆ หันหน้ากลับมามองตัวบ้าน ถอดแว่นกันแดดออกกวาดตามองกวาดไปรอบๆ บ้านอย่างดูแคลน จนสายตาไปหยุดที่เด็กชายวิษธร สองคนสบสายตากันจังๆ วิษธรมองจ้องพรพจีอย่างโกรธแค้นเคืองขุ่น ส่วนพรพจีมองเด็กชายด้วยสีหน้าสมเพชเวทนา
สายตาของเด็กชายวิษธร ซ้อนทับกับสายตาวิษธรยามนี้ เป็นสายตาที่โกรธเกลียดพรพจีสุดจะประมาณ
พรพจีจำสายตาคู่นั้นได้ “คุณคือเด็กคนนั้น”
“ผมคือเด็กคนนั้น คนที่คุณทำลายครอบครัวเขาจนเขาต้องตายทั้งเป็น” น้ำเสียงวิษธรเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“แล้วคุณก็กลับมาแก้แค้นฉัน” พรพจีแค่นหัวเราะ “หลอกฉันมาตลอด ที่เข้ามาช่วยฉัน ทำดีกับฉันก็เพราะต้องการจะแก้แค้นเท่านั้นสินะ”
“ผมก็ทำแบบที่คุณทำกับพ่อผมไง”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น วราห์ฆ่าตัวตายเอง ทำไมทุกคนต้องโทษฉันทั้งๆ ที่ฉันไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ” พรพจีโต้
“แย่งสามีคนอื่น สูบเงินจนเขาล้มละลายไม่ผิดงั้นเหรอ”
“ไม่ ฉันไม่ผิด ฉันมารู้ทีหลังว่าวราห์มีลูกมีเมียแล้ว ฉันถึงได้บอกเลิกเขา”
พรพจีกรีดร้องตะโกนก้อง พร้อมกับทรุดลงไปนั่งข้างกระเป๋าสะพายอย่างหมดแรง
“อาจี”
ภัทร์ธีราร้องเรียกด้วยความสงสาร จะวิ่งเข้าไปหาพรพจี แต่วิษธรคว้ามือไว้
“จ๋าอย่า”
“ปล่อยฉัน”
วิษธรไม่ยอมปล่อย
พรพจีร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บช้ำ “คุณไม่เคยรักฉันเลยใช่ไหม”
“ผมไม่เคยรักคุณ คนที่ผมรักคือน้องจ๋า”
วิษธรหันไปมองหน้าภัทร์ธีราอย่างจริงใจ ภัทร์ธีราตะลึงมองหน้าวิษธรอย่างสับสน
แววตาพรพจีเปลี่ยนเป็นเคียดแค้นแข็งกร้าว
“โกหก แกหลอกน้องจ๋าเหมือนที่หลอกฉันนั่นแหละ แกหลอกเราทุกคน แกต้องการทำลายพวกเราทุกคน น้องจ๋า อย่าไปเชื่อมัน มาหาอา อารักน้องจ๋า อาจะดูแลน้องจ๋าเอง”
“อาจี” ภัทร์ธีราพยายามสะบัดมือออก “ปล่อยฉันนะคุณธร”
“ส่งน้องจ๋ามาให้ฉัน ฉันจะไม่ยอมให้น้องจ๋ากับแก”
พร้อมกับว่าพรพจีควักปืนจากกระเป๋าขึ้นมาขู่ ภัทร์ธีราร้องขึ้นด้วยความตกใจ
“อาจี”
“ส่งน้องจ๋ามา”
พรพจีเล็งปืนขู่วิษธรอย่างคนสติแตก

รถตำรวจแล่นมาจอดที่บริเวณหน้าบ้านแล้ว ดนัย และกำลังตำรวจลงจากรถ ดนัยดูโลเคชั่นที่วิษธรส่งมาให้ บอกอย่างมั่นใจ
“ที่นี่แหละครับคุณตำรวจ”
ตำรวจหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องที่ตามกับรถอีกคัน ทั้งหมดพยักหน้ารับเอาคำ กระจายกำลังตามจุดต่างๆ หน้าบ้าน ประทับปืนขึ้นมาเล็งแลในท่าเตรียมพร้อม

พรพจียกปืนส่ายไปมาอย่างสติแตก
“น้องจ๋ามาหาอาเดี๋ยวนี้”
วิษธรเอาตัวมาบังภัทร์ธีราไว้
“จี คุณใจเย็นๆ ก่อน วางปืนลงก่อนนะ เรามาคุยกันดีๆ เถอะ”
“ไม่ ฉันต้องการให้คุณออกไปจากที่นี่ เดี๋ยวนี้”
“จ๋าต้องไปกับผมด้วย”
ภัทร์ธีรากังวลใจ “ธร”
“แกจะไม่ไปดีๆ ใช่ไหม ได้”
พรพจีบันดาลโทสะ ยิงปืนขู่ขึ้นหนึ่งนัด
“ระวัง”
ภัทร์ธีราร้องลั่นเอาตัวมาบังวิษธรเอาไว้
“อาจีหยุดเถอะค่ะ อย่าทำร้ายเขาเลย”
พรพจีโกรธ “น้องจ๋ากำลังปกป้องคนที่หลอกลวงอาเหรอ”
“จ๋าแค่ปกป้องพ่อของลูกจ๋าค่ะ”
วิษธรมองภัทร์ธีราอย่างคาดไม่ถึง “จ๋า”
พรพจีแค้นแทบกระอัก “น้องจ๋ารักมันเหรอ”
ภัทร์ธีราร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้น “จ๋าไม่อยากให้อาจีทำผิด อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ”
วิษธรเอาตัวมาบังภัทร์ธีราไว้
“จี ผมยอมรับว่าผมก็มีส่วนผิดที่แก้แค้นคุณ แต่ตอนนี้ผมพร้อมจะแก้ไขให้มันถูกต้อง ผมรักน้องจ๋าด้วยใจจริง เราจบเรื่องบ้าๆ นี่สักทีเถอะจี คุณอยากให้ผมชดใช้อะไรก็บอกมา”
ภัทร์ธีราไม่ยอม “คุณทำอะไรนะ หลบไปนะ อาจีไม่ยิงฉันหรอกแต่จะยิงคุณ”
“ผมยอมให้คุณกับลูกโดนลูกหลงไม่ได้”
พรพจีมองสองคนแสดงความห่วงใยกันด้วยความเจ็บปวด
“ได้! อยากชดใช้ใช่ไหม ถ้างั้นก็ชดใช้ด้วยชีวิตก็แล้วกัน”
พรพจียิงเปรี้ยงไปที่ไหล่ของวิษธร
ภัทร์ธีราร้องลั่น “ธร”
อีกนัดยิงเฉียดเข้าที่ขาของวิษธรติดๆ กัน
ภัทร์ธีราตัดสินใจเข้าไปแย่งปืนจากพรพจี อาหลานยื้อยุดกันไปมาอย่างน่าหวาดเสียว
“น้องจ๋าปล่อยนะ”
วิษธรโดนยิงจนร่างทรุดลงไป แต่ยังพยายามกระเสือกกระสนไปช่วยภัทร์ธีรา
“จ๋าอย่า”

เสียงปืนสามนัด เรียกกำลังตำรวจให้บุกเข้ามาด้านใน ยกปืนขึ้นขู่พรพจีจากหน้าประตู
“หยุดนะ นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ วางปืนลงเดี๋ยวนี้”
พรพจีตกใจดึงร่างภัทร์ธีรามาล็อกคอไว้เป็นตัวประกัน พร้อมกับยกปืนเล็งขู่
“อย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา”
พรพจีมองหาทางหนีทีไล่ ก่อนจะพาภัทร์ธีราหนีออกไปทางประตูหลังบ้าน ตำรวจรีบตามไป
วิษธรพยายามลุกขึ้นตามไปอย่างทุลักทุเล ดนัยเข้ามาประคอง
“แกคิดจะทำอะไร”
“ผมจะตามจ๋าไป”
“ตอนนี้แกไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ”
“ไม่ พี่ปล่อยผม”
วิษธรสะบัดดนัยออกแล้วรีบวิ่งไปลืมความเจ็บปวดหมดสิ้น
“เฮ้ย ไอ้ธร”
ดนัยรีบวิ่งตามออกไป

พรพจีลากภัทร์ธีราให้วิ่งไปด้วยกันอย่างทุลักทุเล ตำรวจวิ่งตามมาติดๆ ภัทร์ธีราหอบหายใจรั้งพรพจีไว้ ขอร้องทั้งน้ำตา
“อาจีหยุดเถอะค่ะ อาจียังไม่ได้ฆ่าใคร ถ้าอาจีหยุดตอนนี้เรายังสู้คดีได้นะคะ”
“อาหยุดไม่ได้แล้วน้องจ๋า อาหยุดไม่ได้ ไป เราหนีไปด้วยกัน”
ตำรวจวิ่งตามเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ พรพจียิงสวนไปอย่างสะเปะสะปะ
“น้องจ๋าไปเร็ว”
พรพจีลากภัทร์ธีราไปต่อ ภัทร์ธีราวิ่งจนเหนื่อยอ่อน ล้มลง
“น้องจ๋าลุกขึ้น”
“จ๋าไปต่อไม่ไหวแล้วค่ะอาจี พอแค่นี้เถอะนะคะ นะคะอาจี อย่าให้เรื่องมันเลวร้ายไปกว่านี้เลย”
“ไม่มีอะไรเลวร้ายกว่าการที่ทุกคนทิ้งอาไปหรอก”
“อาจี” ภัทร์ธีราหนักใจ
“อาบอกแล้วไงถ้าน้องจ๋าไม่ทิ้งอา อาก็จะไม่ทิ้งน้องจ๋า แต่ถ้าน้องจ๋าทิ้งอา...”
พรพจียกปืนขึ้นเล็งใส่ภัทร์ธีรา ทั้งคู่มองตากัน น้ำตาเต็มตา
“ยังไงอาก็รักน้องจ๋าอยู่ดี”
พรพจีมองภัทร์ธีราเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะยิงขู่ใส่ตำรวจแล้ววิ่งหนีไป ภัทร์ธีราร้องไห้โฮด้วยความเสียใจ
“อาจี ไม่ อย่าทำแบบนี้ ไม่”


พรพจีวิ่งหนีตำรวจไปด้วยพลางยิงสวนไปด้วย
“หยุดแล้วยอมมอบตัวซะ” ตำรวจหัวหน้าทีมตะโกนบอก
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด”
พรพจียิงสวนตำรวจไปอีกนัด ตะโกนก้อง
“อย่าเข้ามานะ แกจับฉันไม่ได้ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด”
“วางอาวุธ แล้วมอบตัวนะครับ โทษหนักจะได้เป็นเบา”
“ไม่มีทาง”
พรพจียิงกราดใส่ ทำให้ตำรวจต้องยิงสวนกลับ พรพจีโดนยิงเข้าที่ไหล่จังๆ เธอนึกถึงตอนยิงวิษธรเข้าที่ไหล่
พรพจียิงสวนไปอีกนัดอย่างไม่ยอมแพ้ เลยโดนยิงสวนเข้าที่อก เธอนึกถึงตอนจิรดาถูกยิงเข้าที่หน้าอก
พรพจีซวนเซโงนเงนจะร่วงลงไป สำนึกสุดท้ายพรพจีนึกถึงตอนนรินทร์หลุดออกจากรถเข็นมองมาที่พรพจียื่นมือมากะจะให้ช่วย
“จี”
แต่พรพจีกลับปล่อยมือ ร่างนรินทร์กลิ้งตกลงมากระแทกกับพื้นตีนบันไดเสียงดังโครมใหญ่ เลือดสีแดงฉาน ค่อยๆไหลซึมออกมานองเต็มพื้น นรินทร์ตายคาที่
ร่างที่กำลังล้มลงพรพจีลืมตาขึ้นน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ร่างของพรพจีร่วงลงไปกองกับพื้น
สำนึกสุดท้าย เธอนึกถึงตอนภัทร์ธีราโบกมือให้ด้วยท่าทางสดใสร่าเริง
“บ๊ายบายค่ะอาจี”
ภัทร์ธีราเห็นพรพจีตายไปต่อหน้าต่อตาถึงกับช็อกทรุดตัวลงร้องไห้โฮ
“อาจี ไม่”
วิษธรวิ่งเข้าไปหาภัทร์ธีรากอดประคองไว้
“น้องจ๋า”
ดนัยวิ่งตามมาติดๆ
“ไอ้ธร”
ตำรวจพากันสำรวจที่เกิดเหตุ ภัทร์ธีรานั่งร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ ส่วนวิษธรถูกหามขึ้นรถพยาบาลไป

ในห้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพ วิษธรนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ควานคว้ามือผู้หญิงคนหนึ่งมาแนบอก
“น้องจ๋า...น้องจ๋า...น้องจ๋า”
วิษธรสะดุ้งตื่นขึ้น พบว่ามือที่จับอยู่เป็นของม่านแก้ว จึงรีบปล่อย
“พี่ขอโทษครับ พี่นึกว่าเป็น...”
ม่านแก้วต่อให้ว่า “นึกว่าเป็นจ๋า”
วิษธรอึ้งไป “เอ่อ...”
“คุณจ๋ามาที่นี่ค่ะ เพิ่งกลับไป เธอไม่เคยอยู่รอพี่ธรตื่นเลย”
วิษธรดีใจ “จ๋ามาที่นี่เหรอครับ”
“ค่ะ เขาดูเป็นห่วงพี่ธรมากนะคะ”
วิษธรมองม่านแก้วอย่างประหลาดใจในท่าทีและคำพูด “น้องม่าน”
“ม่านรู้เรื่องหมดแล้วล่ะค่ะ ว่าพี่ธรและคุณจ๋าต้องผ่านอะไรกันมาบ้าง รู้ว่าคุณจ๋าดูรักพี่ธรมาก และก็รู้ว่าคนที่พี่ธรรักและเป็นห่วงคือคุณจ๋า” ม่านแก้วเสียงเครือๆ แต่พยายามเข้มแข็ง “ไม่ใช่ม่าน”
“พี่ขอโทษครับ”
วิษธรขอโทษอย่างจริงใจ ม่านแก้วรับรู้แล้วว่าความรู้สึกที่วิษธรมีต่อภัทร์ธีราเป็นเรื่องจริง ฝืนยิ้มให้เขา
“พี่ธรไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกค่ะ เรื่องหัวใจมันบังคับกันไม่ได้ ม่านควรรู้เรื่องตั้งนานแล้ว จะได้ไม่ต้องรั้งพี่ธรไว้ ม่านขอโทษนะคะ”
“พี่ต่างหากที่ผิด พี่ต่างหากที่เป็นคนเห็นแก่ตัวหลอกม่านหลอกทุกคนไม่อย่างนั้นวันนี้น้องม่านคงมีผู้ชายที่ดีกว่าพี่คอยดูแล พี่ขอโทษนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ธรทำเพื่อรักษาน้ำใจของม่านกับคุณป้าวลัย จากนี้ไปเรากลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมนะ”
“ขอบคุณนะครับน้องม่าน ขอบคุณจริงๆ”
“งั้นม่านขอตัวกลับก่อน พี่ธรพักผ่อนนะคะ”
วิษธรพยักหน้าค่อยๆ หลับตาอย่างโล่งใจ ทันทีที่หันหลังให้ม่านแก้วน้ำตาไหลรินออกมาเป็นสาย

ม่านแก้วมาแอบร้องไห้ที่มุมหนึ่ง ดนัยเดินเข้ามาหายื่นผ้าเช็ดหน้าให้ ม่านแก้วเงยหน้ามามองด้วยความแปลกใจ เห็นเป็นดนัยก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น
“พี่ธรไม่ได้รักม่าน ไม่เคยรักม่าน ทำไมม่านเพิ่งรู้”
ดนัยมองม่านแก้วด้วยความสงสาร เก้ๆกังๆก่อนจะทำได้แค่ตบบ่าเบาๆเพื่อให้กำลังใจ
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องร้องนะคนดี พี่อยู่นี่แล้ว”
ม่านแก้วโผเข้ากอดดนัยเต็มแรง ดนัยกอดตอบเต็มรัก ลูบหัวอย่างแผ่วเบา
“พี่อยู่ข้างม่านเสมอนะ”

ภัทร์ธีรามองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างห้องพักฟื้นของโรงพยาบาลด้วยใบหน้าหมองเศร้า สรัชแอบมองอยู่หน้าห้องครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ เปิดประตูเดินเข้ามาหยุดข้างเตียง
“พี่เอ้...”
“พี่เสียใจด้วยนะคะ เรื่องอาจี และเรื่องอื่นๆ ที่เกิดขึ้น”
“ขอบคุณค่ะ จ๋าดีใจนะที่พี่เอ้ยอมพูดกับจ๋าอีก”
“พี่ผิดเองที่ไม่ถามเหตุผล พี่รู้เรื่องจากป้าหวาดแล้วล่ะ”
ภัทร์ธีราหน้าเศร้า “เป็นความผิดของจ๋าเองค่ะ”
“ถ้าจะโทษใครก็โทษเวรกรรมเถอะ เราทุกคนก็มีส่วนก่อกรรมขึ้นมาทั้งนั้น เราโกรธกันเกลียดกันก็ต่อกรรมกันไปไม่สิ้นสุด”
ภัทร์ธีรายิ้มเย้า “ไม่เจอกันแป๊บเดียวพี่เอ้ศึกษาธรรมะด้วยเหรอคะ”
“ก็น้องจ๋าอยากหักอกพี่ พี่ก็ต้องพึ่งทางธรรมนี่แหละ”
ทั้งสองคนยิ้มให้กันในท่าทีอันผ่อนคลาย
“น้องจ๋า เราจะยังเป็นพี่น้องกันได้ใช่ไหม”
“ถ้าพี่เอ้ยังใจดีรับจ๋าเป็นน้องสาว จ๋าก็ยินดีค่ะ”
“พี่ยินดีที่สุดเลยค่ะ น้องสาวของพี่” สรัชลูบหัวภัทร์ธีราเบาๆ
“ขอบคุณนะคะพี่ชาย”

วันนี้ คนบ้านรมย์ฤดี ช่วยกันเก็บกวาดเช็ดถูบ้านครั้งใหญ่
“เอ้าเร็วเข้า คุณจ๋าจะไปวันสองวันนี้แล้ว ทำตรงนี้เสร็จก็ไปทำในครัวต่อ เอ้อ เก็บน้ำพริกที่ฉันทำให้คุณจ๋าไปกินที่นั่นด้วย” สวาทพูดไปพูดมา เสียงเริ่มเครือสั่นเหมือนกำลังจะร้องไห้ “อยู่ที่นู่นคงไม่มีน้ำพริกอร่อยๆกิน”
เต่า สวย และเกลี้ยง ประสานเสียง “จ้า”
“ป้าบอกเราเป็นสิบๆ รอบแล้วจ้ะ” สวยเย้า
“ก็พวกแกมันไม่ใส่ใจจำ ฉันก็ต้องคอยย้ำบ่อยๆ ไง” สวาทว่า
“แล้วรูปคุณๆ ที่วางอยู่พวกนั้นล่ะจ๊ะ ต้องเอาออกไหม” เต่าถาม
“เดี๋ยวจ๋าเก็บเองค่ะ”
ภัทร์ธีราเดินถือลังลงมาด้วยสีหน้าสงบ
“พวกแกไปทำความสะอาดในครัวได้แล้ว”
สวยเต่าเกลี้ยงเดินออกไป
ภัทร์ธีราเดินมาดูรูปครอบครัว เป็นรูปภาพ นรินทร์ พรพจี โอบกอดภัทร์ธีราในวัยเด็กด้วยรอยยิ้ม ภัทร์ธีราลูบไล้รูปนั้น ช้าๆ ด้วยความคิดถึง ก่อนจะหยิบรูปเก็บลงกล่องไป
“น้องจ๋าอยากเก็บไว้แค่รูปเดียว ส่วนรูปอื่นฝากป้าหวาดจัดการทีนะคะ”
“ค่ะ ป้าจัดการทำความสะอาดบ้านตามที่คุณจ๋าสั่งเรียบร้อยแล้วนะคะ”
ภัทร์ธีราขอบคุณค่ะ รมย์ฤดีจะได้สะอาดต้อนรับเจ้าของคนใหม่
“มีคนติดต่อซื้อแล้วเหรอคะ”
“ค่ะ”
“ใครคะ”
“จ๋าให้คุณทนายช่วยจัดการ ยังไม่ได้ถามรายละเอียดเลยค่ะ”
“คุณจ๋าจะไปจริงๆ เหรอคะ คุณจ๋าไม่ต้องไปแล้วก็ได้นี่ กลับมาอยู่ด้วยกัน จะได้ไม่ต้องขายรมย์ฤดีด้วย”
“รมย์ฤดีมันใหญ่เกินไปค่ะ ใหญ่และเหงา จ๋าอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ค่ะป้าหวาด จ๋าอยากลืมเรื่องทุกอย่างที่นี่”
ภัทร์ธีราน้ำตาคลอสวาทสวมกอดเธอไว้ ทั้งสองมองรมย์ฤดีด้วยความรักและผูกพัน


สรัชนั่งเหม่ออยู่ในสวนสวย คุณหญิงทอศรีกับท่านสุทธินั่งประกบอย่างห่วงใยลูก
“ไงลูก คุยกับหนูจ๋าเป็นไงบ้าง”
“จบกันจริงๆแล้วใช่ไหม แม่จะได้หาแฟนใหม่ที่เลิศกว่าไว้เลย” คุณหญิงว่า
ท่านสุทธิมองตำหนิ “มันใช่เวลาไหมคุณ”
“ใช่สิ เวลาแบบนี้แหละที่ตาเอ้ต้องการคนมาเยียวยาหัวใจที่สุด”
“นี่คุณยังจะคลุมถุงชนลูกอีกเหรอ”
“ฉันแค่แนะนำคนดีๆให้ลูกย่ะ ก็ดูคนที่ลูก...”
สรัชสวนขึ้น “แม่ครับ พ่อครับ ขอเอ้อยู่คนเดียวก่อนนะครับ”
“ก็ได้ลูก แต่ถ้าอยากคุยเรียกพ่อนะ”
“เรียกแม่ด้วยนะ”
ท่านสุทธิตบไหล่ให้กำลังใจลูกชาย แล้วพาคุณหญิงออกไป สรัชถอนหายใจเฮือกใหญ่ กดดูรูปในมือถือ ค่อยๆ กดลบรูปคู่กับภัทร์ธีราไปทีละรูป จนทั่งทั่งรับรู้ว่ามีคนมานั่งลงข้างๆ เขาเงียบๆ
“แม่ครับ เอ้บอกแล้วไงว่าขออยู่คนเดียวแป๊บนึง”
สรัชหันไปมอง เห็นโรจนานั่งทอดยิ้มมาให้อย่างสดใส เขายิ้มตามโดยไม่รู้ตัว
“คุณโรส”
“แล้วถ้าเป็นโรส คุณเอ้จะให้โรสนั่งข้างๆ ได้ไหมคะ”
“ความจริงคุณโรสก็อยู่ข้างๆ ผมมาตลอดนี่ครับ ขอบคุณนะครับ”
ทั้งสองคนยิ้มให้กัน

ทางด้านอรดีร้องไห้ฟูมฟายจะเป็นจะตายอยู่ที่บ้าน
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
อิชยาเข้ามาดู “พี่ดี้เป็นอะไรไป”
“ก็คุณธรน่ะสิ พี่อุตส่าห์เสี่ยงชีวิตช่วยเอาหลักฐานให้เขาแฉนังอาจี แต่สุดท้ายแล้วเขาก็กลับไปเลือกยัยจ๋าเพื่อนแกอยู่ดี”
“ก็เขารักกันนี่คะพี่ดี้”
อรดีรับไม่ได้ “โอ๊ย...รักเริกอะไรกัน แก้แค้นอาแล้วกลับมารักหลานเนี่ยนะ ฉันไม่เชื่อหรอก หวังสมบัติล่ะมากกว่า”
เสียงอุราดังขึ้น “ยอมรับความจริงบ้างเถอะดี้”
อรดีกับอิชยาหันไป เห็นอุราเดินเข้ามา
“เลิกคิดอิจฉาริษยาคนอื่นเสียที จนป่านนี้แล้วยังไม่สำนึกอีกเหรอ”
อรดีอึ้งหนัก อุราบอกอีกว่า “เขาสองคนรักกันขนาดยอมตายแทนกันได้ ลูกยังคิดว่าตัวเองยังจะมีโอกาสไปแทรกกลางระหว่างพวกเขาอีกหรือไง”
“แต่ดี้...ดี้รักคุณธร”
“ไม่ใช่ ลูกเพียงแต่อยากเอาชนะเท่านั้น”
อรดีอึ้งไปอีกรอบ
“ที่จริงลูกยังมีโอกาสเจอผู้ชายดีๆ อีกมาก ทำไมต้องไปแย่งคนที่เขาไม่เคยมองลูกอยู่ในสายตาเลย ที่ผ่านมาลูกคอยวิ่งตามเขามาตลอด แม่อยากให้ดี้ตาสว่าง แล้วยอมรับความจริงว่าคุณธรเขาไม่เคยสนใจดี้เลย ถอยออกมาเสียเถอะ แล้วลูกแม่จะมองเห็นว่าถึงไม่มีน้องจ๋า เขาก็ไม่เคยมีลูกอยู่ในสายตา แล้วดี้ยังจะทำตัวไร้ค่าให้เขาดูถูกอีกงั้นเหรอ”
อรดีน้ำตาคลอเมื่อได้ยินคำพูดจี้ใจดำจังๆ อุราลูบผมลูกสาวอย่างแผ่วเบา
“แม่รู้ว่าลึกๆ แล้วลูกแม่เป็นเด็กดี อย่าให้ความรักมันบังตาจนทำให้เราทำผิดเลยนะลูก”
อิชยาเข้ามากอดอรดีอีกข้าง อุราสวมกอดลูกสาวทั้งสองไว้เต็มวงแขน

วันนี้ภัทร์ธีรานั่งรอใครบางคนอยู่ ข้างๆ ตัวมีกระเป๋าเดินทางวางอยู่ สวาทชะเง้อมองอย่างกระวนกระวายใจ
“ทำไมถึงมานัดกะทันหันแบบนี้นะ ทนายก็บอกทำเรื่องเรียบร้อยหมดแล้ว ยังจะคุยอะไรอีก จะคุยนานหรือเปล่าก็ไม่รู้ จ๋ากลัวตกเครื่องจังเลยค่ะ”
“น่า...คุยกับเขาหน่อยเถอะค่ะ เขาอุตส่าห์มาซื้อบ้านเรานะคะ ยังมีเวลานี่นา คุณจ๋าเผื่อเวลาไว้ตั้งนาน นะคะ”
ภัทร์ธีราถอนใจ “ก็ได้ค่ะ”
“งั้นป้าไปเคลียร์ของในครัวต่อก่อนนะคะ คุยกันดีๆ นะ”
สวาทเดินออกไป ภัทร์ธีราทำหน้างง แต่พอเห็นใครเดินเข้ามาก็ถึงกับชะงัก
“สวัสดีครับคุณภัทร์ธีรา”
สายตาภัทร์ธีราเป็นประกายเจิดจ้า เปลี่ยนเป็นดีใจ
“คุณหายดีแล้วเหรอ”
เป็นวิษธรที่เดินเข้ามา “คุณเป็นห่วงผมเหรอ”
“ฉันแค่รู้สึกผิด”
“ถ้ารู้สึกผิดก็กลับมาดูแลผมสิ”
ภัทร์ธีราน้อยใจ “ดูแลคุณเพื่อชดใช้แทนอาอีกฉันสินะ”
“คุณก็รู้ว่ามันไม่ใช่การชดใช้อีกต่อไปแล้ว ผมต้องการให้คุณมาอยู่กับผมเพราะผมอยากดูแลคุณกับลูก เรื่องทั้งหมดก็จบแล้ว ผมขอให้คุณให้โอกาสผมสักครั้งได้ไหม ลืมเรื่องทั้งหมดแล้วมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกันนะจ๋า”
“คุณขอให้ฉันลืมเรื่องทั้งหมด ทั้งๆ ที่คุณใช้เวลาเป็นสิบๆ ปี เพื่อกลับมาแก้แค้นงั้นเหรอ ฉันไม่โกรธคุณแล้ว ฉันอภัยให้คุณ แต่ถ้าจะให้ฉันลืม ฉันลืมไม่ได้หรอกค่ะ ภาพอาจีที่ตายต่อหน้าฉันมันยังติดตาทุกครั้งที่เห็นหน้าคุณ ฉันคงไม่สามารถลืมภาพนั้นได้ในเร็วๆนี้หรอกนะ”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะรอ”
“คุณไม่จำเป็นต้องรอฉันหรอกค่ะ ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปมีชีวิตใหม่ ก็ฟังดูเป็นตอนจบที่ดีนะ”
“ผมจะรอ เพราะผมรักคุณ”
ภัทร์ธีรามองหน้าวิษธรอย่างหวั่นไหว วิษธรเดินเข้ามาใกล้ ลูบผมเบาๆ
“ทุกอย่างที่เป็นของคุณ ผมคืนให้ รวมถึงบ้านหลังนี้ รมย์ฤดี ผมรู้ว่าคุณรักมันมาก ผมเลยอยากซื้อเก็บไว้ให้คุณ ทุกอย่างที่เคยเป็นของคุณจะรอคุณอยู่ที่นี่นะ รวมทั้งผมด้วย”
วิษธรหยิบสร้อยที่ภัทร์ธีราใส่อยู่ที่คอขึ้นมาดู แล้วมองหน้าภัทร์ธีราด้วยความรักดึงเธอเข้ามากอด
“รีบกลับมานะ”
ภัทร์ธีรากอดตอบอย่างโหยหา แต่ก็ต้องตัดใจผละออก “ลาก่อนค่ะ”
ภัทร์ธีราเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย วิษธรมองตามเธอไปจนลับสายตา

ไวเหมือนโกหก วันเวลาล่วงเลย ไป 4 ปีแล้ว
วันเวลา 4 ปี ในชีวิตวิษธร ผ่านไปอย่างแห้งแล้งไร้ชีวิตชีวา ดนัยเดินประคองม่านแก้วในชุดคลุมท้องมาด้วย ทั้งสองคนยิ้มแย้มสดใส คุยกันกระหนุงกระหนิง
“หวานกันขนาดนี้ สงสัยผมจะมีหลานหัวปีท้ายปีซะแล้วมั้ง”
“คุณภรรยาของฉันกำลังท้องกำลังไส้ ก็ต้องดูแลเป็นพิเศษหน่อยสิโว้ย ว่าแต่แกเถอะ เมื่อไหร่จะมีบ้าง”
“ผมก็อยากมีนะ แต่ติดตรงที่ท้องไม่ได้นี่แหละ”
“ยังมาตลกอีก ฉันหมายถึงมีเมียโว้ย”
“พี่ก็รู้ว่าผมมีแล้ว แล้วผมก็จะไม่มีอีก”
ดนัยหมั่นเขี้ยว “ดูๆ พูดแค่นี้ต้องคิดมาก ฉันพูดเพราะหวังดีนะโว้ย”
คำผายวิ่งเข้ามาหาวิษธร
“นายใหญ่คะ นายหญิงรับพยาบาลพิเศษคนใหม่มาทำงานวันนี้นะคะ ท่านให้มาแจ้ง ตอนนี้พากันไปเดินเล่นที่ด้านหลังรีสอร์ตค่ะ”
“ทำไมแม่ต้องรับพยาบาลพิเศษด้วย อาการแม่ดีขึ้นมากจนเกือบเป็นปกติแล้ว ฉันก็ดูแลแม่เองด้วย”
“ท่านบอกว่าถูกใจพยาบาลคนนี้เป็นพิเศษค่ะ” คำผายบอก
“งั้นตามใจแม่แล้วกัน แต่ฉันไปดูหน่อยดีกว่า”
คำผายหันมายกนิ้วโอเคให้ดนัยและม่านแก้ว สองคนแปะมือกันอย่างมีแผน

วิษธรเดินเข้ามาในสวนสวยด้านหลังรีสอร์ต ยินเสียงหัวเราะลอยมาไกลๆ มีเสียงหนึ่งที่คุ้นเคย เขาหยุดชะงัก สีหน้าสงสัย ค่อยๆ เดินเข้าไปช้าๆ เสียงหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆ
“ไหนเรียกย่าสิลูก”
“คุณย่า”
“เก่งมากหลานย่า”
วิษธรยิ้มกว้างดีใจ น้ำตารื้นขึ้นมา ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

ในแสงแดดที่ส่องประกาย ผู้หญิงคนหนึ่งกับเด็กชายตัวเล็กๆ อีกคนหนึ่ง กำลังพูดคุยหัวเราะกับประภาอย่างเบิกบาน สนุกสนาน เด็กชายวัยราว 3 ขวบ นั่งตักประภา จนเมื่อทั้งหมดเห็นวิษธรก็หันมามอง
วิษธรยิ้มกว้าง “น้องจ๋า” เขามองไปที่เด็กผู้ชายอึ้งๆ
ภัทร์ธีราบอกกับลูกว่า “น้องธี ไปหาคุณพ่อสิครับ”
“พ่อ”
วิษธรหัวเราะร่า อุ้มน้องธีขึ้นมากอดเต็มรัก ภัทร์ธีราและประภายิ้มชื่นดีใจ
วิษธรอุ้มลูกเดินเข้าไปหาภัทร์ธีราแล้วกอดเธอไว้อีกข้าง ประภาเข้าไปกอดลูกกับหลานอีกที

ทุกคนหัวเราะ ยิ้มหัวให้กันอย่างมีความสุข

จบบริบูรณ์

#เพลิงรักไฟมาร #thaich8 #ละครออนไลน์
กำลังโหลดความคิดเห็น