กะรัตรัก - Diamond Lover ตอนที่ 26
เหม่ยลี่พยายามให้กำลังใจเซี่ยวเลี่ยงที่หน้าจ๋อยสนิท เพราะดึงเท่าไหร่ก็ดึงไม่สำเร็จ
“ไม่เป็นไร ลองอีกทีสิ ลองเส้นนั้นสิ อ้อ ไม่เป็นไร โธ่เอ๊ย ฉันว่ายิ่งเล่นยิ่งไม่สนุกเลย จะดึงได้ไงล่ะ ไม่เล่นแล้ว เราไปทางโน้นเถอะ ไปทางโน้นกันดีกว่า”
สองคนจะเดินไป เกาเหวินเรียกไว้ดันอี้หมิงเข้าไปดึง “นี่ๆ รอเดี๋ยวๆ เหลยอี้หมิงยังไม่ได้ดึงเลยรู้ได้ไงว่าดึงไม่ได้ เร็วสิ สู้ๆ คุณทำได้ฉันเชื่อคุณ”
อี้หมิงไม่ยอม “ไม่เอาผมดึงไม่เป็น”
“ไปดึง เร็วสิ สู้ๆ”
“งั้นผมดึงมั่วแล้วกัน”
“อื้ม ดึงเส้นนี้ สู้ๆ ว้าว” เกาเหวินพูดไปหัวเราะไป ดีใจเวอร์ที่อี้หมิงดึงทีเดียวก็ได้ตุ๊กตาหมี เซี่ยวเลี่ยงเองก็ยังตะลึง
“นึกแล้วเหล่าเหลยของฉันต้องทำได้ คุณทำได้จริงๆ ด้วย”
เหม่ยลี่เดินไปรับตุ๊กตามาจากแม่ค้ามาให้อี้หมิง “เอ่อ ของนาย”
อี้หมิงรู้ว่ายัยอ้วนอยากได้ “ในเมื่อเธอชอบ ถือว่าเป็นของขวัญที่พวกเธอคืนดีกัน ฉันให้เธอ”
เหม่ยลี่ดีใจ “ขอบคุณนะ”
เกาเหวินโวยวายแย่งมากอด “ไม่ได้สิ นี่เป็นของขวัญที่คุณจับได้ มันต้องเป็นของฉันสิ”
อี้หมิงหน้าเสียจะอธิบายกับเหม่ยลี่ “คือ...”
“ถูกมั้ยล่ะ” เกาเหวินจุ๊บตุ๊กตาเริงร่าหน้าบานสุดๆ
“ใช่ ในเมื่อนายจับได้ก็ควรให้เกาเหวินมากกว่า ฉันมีเซี่ยวเลี่ยงทั้งคน นอนกอดตุ๊กตา ฉันกอดเซี่ยวเลี่ยงดีกว่าจริงมั้ย” เหม่ยลี่กอดแขนเซี่ยวเลี่ยงหัวเราะแก้เก้อ
อี้หมิงหมั่นไส้ “พอแล้วๆ ฉันรู้ว่าพวกเธอรักกันมาก เธอไม่ต้องแสดงความรักในที่สาธารณะหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวพวกเธอทะเลาะกันเรื่องตุ๊กตา ฉันคงไม่ยอมดึงมันหรอก”
“ใช่ เหล่าเหลยของฉันหวังดีกับพวกเธอนะ อุ๊ย ขอโทษ”
“ขอบใจมาก” เซี่ยวเลี่ยงว่า
“ไม่เป็นไร เพื่อนเกาเหวินก็เหมือนเพื่อนของฉัน ขอแค่พวกเธอรักกันก็พอ” อี้หมิงหน้าจ๋อยๆ
เหม่ยลี่ลากเซี่ยวเลี่ยงนำออกไป “ไปเถอะๆๆ”
เกาเหวินจุ๊บตุ๊กตาหมีอีก ดีใจเว่อร์ “ไปเถอะค่ะ”
ทั้งสี่คนเดินออกมาหน้าสวนสนุก เหม่ยลี่บอกเซี่ยวเลี่ยงว่า “สนุกจังเลย คราวหน้ามาใหม่นะ”
เกาเหวินควงอี้หมิงตามหลังมาติดๆ บอกหมอเหลยว่า “ฉันเหนื่อยแล้ว”
“แล้วไงล่ะ”
“แบกฉัน เร็วสิ เร็วๆๆ” เกาเหวินกดอี้หมิงลงแล้วขึ้นขี่หลัง “ฉันตัวเบามากใช่มั้ย”
อี้หมิงเซ็ง “เบามาก”
เกาเหวินหัวเราะร่าเริงสุดๆ “ว้าวๆ ดูสิ คุณดูทางโน้นดูทางโน้นสิ เมื่อกี้เรายังไม่ได้เล่นเลยทำไงดี”
“คราวหน้าค่อยเล่นใหม่”
เกาเหวินงอแง “ฉันอยากเล่นอีก จริงนะ คุณจะมากับฉันใช่มั้ย”
02.30
เหม่ยลี่เห็นภาพอี้หมิงแบกเกาเหวินไป อดนึกถึงตอนเขาแบกเธอไม่ได้
ตอนนั้นเธอพูดไปร้องไห้ไป “ฉันเจ็บมากๆ เหลยอี้หมิง”
“พอแล้วๆๆ เจ็บก็กลับบ้าน”
“กลับบ้านไหนล่ะ”
“ถามโง่ๆ กลับบ้านเราสิ”
เซี่ยวเลี่ยงเห็นเหม่ยลี่ยืนเหม่ออยู่นานจึงเรียกขึ้น “มี่โตะ”
เหม่ยลี่ได้สติ “คุณเหนื่อยมั้ย ฉันแบกคุณด้วยดีมั้ยคะ”
“คุณกำลังอิจฉาพวกเขาใช่มั้ย”
“ถึงคุณจะเล่นเกมไม่เก่ง ไม่ชอบเอาใจใส่คนอื่น ไม่รู้จักเทคแคร์ แต่ว่า...รูปร่างคุณดีมาก และใบหน้าหล่อรูปไข่ ฮิๆๆ แค่นี้ก็พอแล้ว”
เซี่ยวเลี่ยงอดขำไม่ได้ “ยัยติ๊งต๊องเอ๊ย”
สองคนเดินออกไปด้วยคนอย่างมีความสุข
ค่ำคืนนั้น สองคนอยู่ที่ร้านเหล้ากินดื่มด้วยกันมาพักหนึ่งแล้ว จื่อเหลียงพูดไปหัวเราะไปไม่หยุดหลังรู้เรื่องว่าเซี่ยวเลี่ยงคืนดีกับเหม่ยลี่แล้ว
“เยี่ยฉีคุณแพ้ให้มี่โตะได้ยังไง คุณนี่ตลกจริงๆ”
“ตอนนี้ยังตัดสินไม่ได้ว่าใครแพ้ใครชนะ”
“เหรอ”
จื่อเหลียงเอาแต่หัวเราะ จนเยี่ยฉีชักโมโห “ตลกมากเลยเหรอ”
“ไม่ใช่ ผม...ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เอาอย่างนี้ ๆ มา ผมให้ของขวัญคุณ เปิดดูสิ”
เยี่ยฉีรับซองรูปมาเปิด หยิบมาดู เห็นเป็นรูปอี้หมิงที่ส่งสายตามองเหม่ยลี่อย่างห่วงใยที่สวนสนุกเมื่อเช้า ก็งุนงง
“หมายความว่าไง”
“พรุ่งนี้ตอนเช้า จะมีการแถลงข่าว”
“จะประกาศเรื่องความรักของเซี่ยวเลี่ยงเหรอ”
“สำหรับพวกเขาแล้ว มี่โตะก็แค่ทางผ่านเท่านั้นเอง ประเด็นสำคัญคือ เกาเหวินกับเซี่ยวเลี่ยงต่างหากล่ะ พวกเขาเคยเป็นแฟนกัน ตอนนี้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ก็ต้องมีการแฉสิ”
“ฉันมั่นใจแต่แรกแล้ว ว่าพวกเขาไม่ได้รักกัน รูปถ่ายนี้ไม่มีความสำคัญกับฉันเลย” เยี่ยฉีไม่ใส่ใจ
“งั้นคุณลองเปิดตาดู ให้ดีๆ อีกครั้งสิ”
เยี่ยฉีหยิบมาดูอีกครั้ง “ความหมายของคุณคือมี่โตะกับแฟนของเกาเหวิน เขาสองคน...”
จื่อเหลียงยิ้มเจ้าเล่ห์ “เพราะสายตา สามารถบ่งบอกได้ทุกอย่างไงล่ะ”
เกาเหวินมองรูปสองคนแล้วอึ้งไป คาดไม่ถึง
จื่อเหลียงวางกล่องของขวัญขนาดใหญ่ลงบนโต๊ะกลาง เป็นของขวัญที่เขามอบให้ซือหยวนเป็นครั้งแรก
“ผมให้คุณ ลองแกะออกดูสิ”
ซือหยวนอึ้งไป คาดไม่ถึง ลงนั่งจับกล่องอย่างปลาบปลื้ม “ให้ฉันเหรอคะ”
“อื้ม เป็นอะไร ทำไมไม่แกะล่ะ”
“นี่เป็นครั้งแรก ที่ฉันได้รับของขวัญอย่างเป็นทางการ เลยรู้สึกพิเศษมากน่ะค่ะ”
“ถ้าคุณชอบล่ะก็ ผมจะสั่งให้คนซื้อมาให้ทุกวัน”
“สั่งให้คนซื้อจะมีความหมายอะไรล่ะ ของขวัญคุณต้องให้ด้วยตัวเอง ถึงจะมีความหมาย”
“งั้นผมรับปากคุณ ของขวัญของคุณ ผมจะซื้อให้คุณเอง” จื่อเหลียงบอก
ซือหยวนตื่นเต้น “จริงเหรอคะ”
“ทำไมต้องถามจริงจังด้วย คุณรีบแกะดูสิ”
ซือหยวนเปิดดู เห็นเป็นชุดราตรีสวยแบรนด์ดัง หยิบออกมาดู อึ้งๆ “นี่คือ...”
“ไกล้ถึงวันประมูลของบริษัทแล้ว ผมอยากพาคุณไปร่วมงานด้วย”
ซือหยวนงงๆ “ได้ยังไงคะ ในเมื่อเรา...”
“เราทำไมล่ะ เมื่อก่อนคุณชอบออกไปกับผมไม่ใช่เหรอ”
“นั่นมันเมื่อก่อน แต่ตอนนี้เราไม่ใช่เจ้านายกับลูกน้องแล้ว ถ้าใครเห็นเข้าล่ะก็...”
“เห็นแล้วจะทำไม แค่ไปออกงานประมูลต้องกลัวอะไรล่ะ”
ซือหยวนไม่สบายใจ “ฉันกลัวท่านประธานเห็น ถ้าท่านรู้ความสัมพันธ์ของเรา เขาจะโทษคุณได้นะ”
“มี่โตะกับเซี่ยวเลี่ยงยังคบกันได้เลย ทำไมผมจะคบกับคุณไม่ได้ล่ะ มัวเหม่ออะไรอยู่ รีบไปเปลี่ยนชุดสิ”
ซือหยวนยิ้มเขิน เดินหายเข้าห้องไป จื่อเหลียงมองตามสีหน้าเรียบเฉย
วันต่อมา เจสันอยู่ที่ออฟฟิศ เดินดี๊ด๊าหยิบหนังสือพิมพ์บันเทิงเอามาให้เกาเหวินดู
“ที่รัก ดูนี่”
“ดูอะไร” เกาเหวินเล่นมือถือไปโดยไม่แยแส
“เธอกับเซี่ยวเลี่ยงไปถ่ายรูปด้วยกัน บวกกับเธอถ่ายโฆษณาให้เขา ทุกคนต่างพูดว่าพวกเธอจะคืนดีกัน”
เกาเหวินดูพาดหัวข่าวแล้วเม้ง “นี่มันเซี่ยวเลี่ยงที่ไหน เหลยเหลยของฉันต่างหากล่ะ นักข่าวที่ถ่ายรูปตาบอดรึเปล่าเนี่ย”
“ใครจะรู้ว่าเหลยเหลยของเธอเป็นใคร ทุกคนสนใจแต่เซี่ยวเลี่ยงคนเดียว นี่ ทุกคนพูดว่า เหลยอี้หมิงเป็นแค่ตัวหลอก เธอกับเซี่ยวเลี่ยงต่างหากที่รักกัน”
เกาเหวินฟาดเจสันเข้าใส่ “จะทำลายความรักของฉันกับเหลยเหลยเหรอ เอาไปทิ้งซะ”
“ทิ้งไม่ได้นะ คุณนายทิ้งไม่ได้เด็ดขาด พวกเราเพิ่งกลับมา ฉันว่าเราแกล้งเป็นข่าวซะบ้างก็ดี พวกนักข่าวจะได้ให้ความสนใจไงล่ะ”
เกาเหวินประชดส่ง “อ้อ เราต้องขอบคุณพวกเขาสินะ”
“ใช่น่ะสิ”
“ใส่ร้ายฉันแล้ว ฉันต้องขอบคุณอีกเหรอ พวกเขาทำลายชื่อเสียงและความรักของฉันแล้วฉันก็ต้องยอมงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ ออกไป”
เกาเหวินโมโหลุกเดินหนี เจสันตามมาเกลี้ยกล่อม และโน้มน้าวเป็นการใหญ่
“ไม่ใช่นะ นี่ คุณนาย เธอจะไปไหน อย่าโกรธเลยได้มั้ย นี่ เธอดูหน่อยสิ ดูหน่อยนะ เธอว่านานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้ขึ้นหน้าหนึ่ง ครั้งล่าสุดที่เธอดังก็เพราะข่าวกับเซี่ยวเลี่ยง นี่ นักลงทุนเห็นเธอยังให้คะแนนเลย จริงมั้ยล่ะ ตอนนี้เราได้ร่วมงานกับเซี่ยวเลี่ยงแล้ว เราต้องใช้โอกาสนี้ดังให้ได้อีกครั้ง จะได้ช่วยงานของเธอ เริ่มต้นใหม่อีกครั้งไงล่ะ”
แต่ไม่ได้ผล เมื่อเกาเหวินกลอกตารำคาญ ยืนกรานความคิดหนักแน่น “คิดว่าฉันดีใจจนตัวลอยสินะ ถ้าต้องใช้วิธีนี้ทำให้ตัวเองดังฉันยอมดับดีกว่า อย่าว่าแต่พาดหัวข่าวพวกนี้เลย ถึงต้องแลกกับการรับรางวัลฮอลลีวู้ด ก็สู้เหลยเหลยของฉันไม่ได้ ถ้าจะให้ฉันพึ่งข่าวฉาวเพื่อโด่งดัง ฉันขอ...กลับบ้านมีความรักดีกว่า”
เกาเหวินหยิบหนังสือปิดหน้าผู้จัดการแล้วเดินออกไป เจสันเหนื่อยใจ บ่นบ้าตามหลังไป
“ฉัน...นี่ ฉันจะช่วยชี้แจงให้เธอไม่ดีเหรอ เธอค่อยพูดค่อยจาสิ ทำตัวไม่สมเป็นกุลสตรีเลย”
เสี่ยวก๋อเห็นข่าวแล้ว เดินมาหา เลียบๆ เคียงๆ ถามเหลยอี้หมิงขึ้นด้วยความเป็นห่วง “คุณหมอเหลย คุณยุ่งอยู่เหรอคะ”
“มีอะไรว่ามา”
“พาดหัวข่าวนี่ไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ยคะ ตอนนี้คุณคงกำลังโกรธอยู่สินะ”
“โกรธเหรอ โกรธเรื่องอะไรล่ะ”
“ในนี้พูดว่า เกาเหวินกับเซียงเลี่ยงต่างหากที่รักกัน คุณ...เป็นแค่เพียงตัวหลอกเท่านั้น”
“อ้อ งั้นก็น่าสงสารมาก ทุกคนควรเห็นใจฉัน จริงสิ เธอดูภาพถ่ายรึยัง คิดว่าฉันหล่อมั้ย นี่ ฉันว่านักข่าวใช้มุมกล้องถ่ายได้สวยมากเลยล่ะ หึๆๆ”
“เอ่อ แต่จะว่าไปแล้ว คุณไม่ได้เป็นคนของประชาชนเหมือนเกาเหวินนี่ ถูกเปิดเผยขึ้นหน้าหนึ่งแบบนี้ รู้สึกไม่เป็นส่วนตัวใช่มั้ยล่ะ” เสี่ยวก๋อว่า
อี้หมิงงง “หมายความว่าไง”
“เพราะต้องมีนักข่าวมาสัมภาษณ์คุณ อย่างเช่น ครอบครัวคุณทำงานอะไร เพื่อนสมัยประถมของคุณ ความรักช่วงมหา’ลัยของคุณ คุณหมอเหลย คุณไม่รู้สึกกังวลบ้างเหรอคะ คุณหมอเหลยเป็นอะไร เอ่อ…”
อี้หมิงทวนคำสีหน้าครุ่นคิดแล้วเดินออกไป พึมพำเบาๆ “เพื่อนสมัยประถมเหรอ”
ด้านฉีหยูเดินออกจากตึกมากับเซี่ยวเลี่ยง และกำลังพูดให้คำปรึกษาเขาอยู่
“ถ้าคุณจะอธิบายเรื่องไปเที่ยววันนั้น คงต้องประกาศความรักระหว่างคุณกับมี่โตะก่อนนะครับ”
เซี่ยวเลี่ยงหยุดเดินหันมาหงุดหงิดใส่ “นายมีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนเรื่องของฉัน ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเปิดตัว ฉันไม่อยากให้พวกนักข่าวยุ่งกับชีวิตของเธอ”
“แต่ถ้าท่านประธานรู้จะเข้าใจผิดได้นะครับ”
“ฉันจัดการเองน่า”
เซี่ยวเลี่ยงบอกหน้าเครียด สองคนเดินไปที่รถ
ฟากจื่อเหลียงทำเป็นรีบร้อนมาหาเจิ้นตงที่กำลังรินชาดื่มอยู่ที่คฤหสาน์ ในมือถือหนังสือพิมพ์บันเทิงมาด้วยชี้ให้ดูข่าวเซี่ยวเลี่ยงกับเกาเหวินบนหน้าหนึ่ง
พ่อ…พ่อ…เกิดเรื่องกับเซี่ยวเลี่ยงแล้ว”
“เขาทำอะไรอีกล่ะ”
“พ่อดูหนังสือพิมพ์สิ เกาเหวินกับเซี่ยวเลี่ยง เลิกกันแล้วไม่ใช่เหรอครับ ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ”
เจิ้นตงไม่สนใจสักนิด “หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ฉันอ่านแล้วเมื่อตอนเช้า ครั้งก่อนเกิดเรื่องเอกสารหายที่บริษัทเยี่ยฉี แกลืมไปแล้วเหรอ ถ้าดูภาพถ่ายนั้นให้ชัดๆ คนที่ไม่สมควรอยู่ที่นี่ ทำไมถึงมาปรากฏตัวอยู่ รีบโทรศัพท์หาคนถ่ายสิ”
จื่อเหลียงอึ้ง นิ่งงันไปเลย
ที่ช็อปสาขาของเทซีโร่ เหม่ยลี่นั่งคุยอยู่กับลูกค้าชายสูงวัยที่มาซื้อแหวนให้ลูกสาว มอบแบบดีไซน์แหวนให้ดู
“นี่คือการออกแบบตามความต้องการของคุณเชิญดูได้ค่ะ”
“ไม่เลวๆ เหมือนที่ผมคิดไว้เลย เหมือนมากจริงๆ” ชายสูงวัยรับมาดู แล้วหัวเราะพึงพอใจ “เอาตามนี้เลย”
“อืม แต่ฉันไม่ใช่พนักงานออกแบบของบริษัท ถ้าต้องการออกแบบเหมือนอย่างนี้ คงต้องรอบริษัทอนุมัติก่อน”
“โธ่เอ๊ย ง่ายนิดเดียว ผมกับบริษัทของคุณ ร่วมงานกันมานาน บริษัทของคุณเห็นความสำคัญของลูกค้ามาตลอด ผมจะไปคุยกับบริษัทของคุณให้เปลี่ยนตัวนักออกแบบ เรื่องนี้คุณไม่ต้องกังวลหรอก” ลูกค้าหัวเราะเบิกบาน
เหม่ยลี่ยิ้มดีใจ “ขอบคุณที่เชื่อใจฉันค่ะ”
ผู้จัดการเดินออกเรียกหาเหม่ยลี่สัยงดัง “มี่โตะ…มี่โตะ”
“รอสักครู่นะคะ ผู้จัดการ”
เหม่ยลี่ลุกเดินไปหาผู้จัดการ “บริษัทของเราจะมีกิจกรรม ต้องการส่งพนักงานไปต้อนรับแขก เธอมาจากสำนักงานใหญ่ คงจะรู้เรื่องพวกนี้เป็นอย่างดี เธอไปกับฉันเดี๋ยวนี้เลย”
“งั้นฉันขอลาลูกค้าก่อนแล้วจะรีบไปเตรียมตัวค่ะ”
“ได้สิ”
สองคนอยู่ในร้านกินดื่ม เยี่ยฉีมาพบจื่อเหลียงตามนัด เธอยังไม่ล้มเลิกความคิดจะดึงเซี่ยวเลี่ยวกลับมา
“ได้ยินว่าบริษัทของคุณจะมีงานการกุศล และมีการประมูลสินค้าด้วยนี่”
“ถ้าคุณต้องการใช้การประมูลให้ข่าวล่ะก็ ผมแนะนำให้ล้มเลิกซะ เพราะตอนนั้นพ่อผมอยู่ในงานด้วย คุณไม่มีโอกาสได้ลงมือแน่นอน” จื่อเหลียงว่า
เยี่ยฉีไม่สน “พ่อคุณอยู่ ฉันจำเป็นต้องให้ข่าวด้วยเหรอ”
จื่อเหลียงยิ้มร้าย
“ฉันไปงานประมูลครั้งนี้เพราะต้องการสร้อยเส้นหนึ่ง”
จื่อเหลียงแปลกใจ “สร้อยอะไร”
“5 ปีก่อน เซี่ยวเลี่ยงเคยพูดว่า เขาจะออกแบบสร้อยคอความรักที่แท้จริง ให้กับผู้หญิงที่เขารัก สร้อยคอเส้นนั้นจะถูกประมูลโดยราชินีอย่างฉัน” เยี่ยเฉียบอกอย่างมั่นใจ
“เยี่ยฉี คุณคงไม่คิดว่าสร้อยคอเส้นนั้นจะมีความหมายใช่มั้ย หืม”
“ฉันว่าแล้วเชียว คุณถึงได้เป็นแค่ท่านรอง เพราะผลงานของเซี่ยวเลี่ยงมีความศรัทธา เขารู้ความหมายที่แท้จริงของเพชร แต่สำหรับคุณแล้ว เพชรเป็นแค่สินค้าและผลประโยชน์เท่านั้น”
จื่อเหลียงหน้าตึง ไม่พอใจ “ความศรัทธาเหรอ มันกินแทนข้าวได้มั้ยล่ะ เพราะผลประโยชน์สำคัญที่สุด อีกอย่างคุณก็พูดแล้วว่า คุณต้องการเปลี่ยนใจเซี่ยวเลี่ยง ต้องการเริ่มต้นใหม่กับเขา ก็เพื่อต้องการบริษัทของเขาไม่ใช่เหรอ หืม”
เยี่ยฉีหัวเราะเยาะ แดกดันอย่างรู้เท่าทัน “มีคุณอยู่ มีเหรอบริษัทจะถึงมือฉัน อีกอย่าง ที่คุณยอมช่วยฉัน แค่ต้องการให้เราเป็นพวกเดียวกันไม่ใช่เหรอ”
“ถูกต้อง ที่ผมต้องการร่วมมือกับคุณ เพราะอยากเห็นเขากับผู้หญิงอย่างคุณอยู่ด้วยกัน ยังไงก็ดีกว่า เห็นเขากับมี่โตะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ไม่ใช่เหรอ”
เยี่ยฉีนิ่งงันไป
ทางด้านเจสันนำบัตรเชิญวีไอพีมาให้เกาเหวินที่บ้าน
“บัตรเชิญการประมูลที่เธอต้องการ ฉันไม่เข้าใจเธอเลย เธอเพิ่งจะมีข่าวฉาวเลิกกับเซี่ยวเลี่ยง แต่กลับไปร่วมงานการประมูลของเขา เธอจะให้คนอื่นเข้าใจผิดเหรอ ที่รักหรือว่าเธอคิดได้แล้ว”
“ใช่ คิดได้แล้ว ฉันคิดว่าให้เธอไปอธิบายคนเดียวคงไม่น่าเชื่อถือ”
เจสันพยักหน้าเห็นด้วย “อื้ม”
“ฉันเลยพาเหลยอี้หมิงไปแสดงตัว เพื่อยืนยันความสัมพันธ์ของเราไงล่ะ”
เจสันไม่พอใจ “เธอจะพาเหลย...เจ้าตะเกียงประหยัดน้ำมันนั่นไปจริงเหรอ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าประหยัดน้ำมันคงไม่ใช่ตะเกียงที่ดี”
เกาเหวินควงแขนอี้หมิงให้นักข่าวถ่ายรูปอยู่หน้างาน ยิ้มไม่ยอมหุบ จนอี้หมิงบ่นงึมงำออกมาเบาๆ
“พอได้แล้วมั้ง ตอนนี้เสื้อผ้าของฉันยับไปหมดแล้ว”
เกาเหวินยิ้มร่า ตอบไปเบาๆ “ยังต้องถ่ายอีกเยอะเลย ฉีกปากยิ้มกว้างๆ หน่อย”
นักข่าวชาย 1 ถามขึ้นว่า “คุณเกาเหวิน ไม่ทราบว่าความสัมพันธ์ของคุณกับเซี่ยวเลี่ยงยังไงกันแน่”
นักข่าว ชาย 2 ถามต่อ “ถ้าพวกคุณเป็นเพื่อนธรรมดาทั่วไป ทำไมต้องมาปรากฏตัวในเวลาแบบนี้ด้วย”
เกาเหวินยิ้มไม่หุบเกาะไหล่อี้หมิงตอบคำถาม “เพราะฉันกับเซี่ยวเลี่ยงเป็นแค่เพื่อนเลยไม่จำเป็นต้องหลบ อีกอย่าง แค่แฟนฉันไม่ว่าอะไร ฉันก็ไม่สนใจความคิดคนอื่น มุมนี้ฉันจะดูสวยกว่า ทำไมเขาถึงมาที่นี่ได้”
เยี่ยฉีหันมายิ้มให้ ขณะเดินเข้างานไป เกาเหวินประหลาดใจ
อี้หมิงแปลกใจ “ใคร”
“เยี่ยฉีไง”
อี้หมิงมองตาม “จริงด้วย เขามาที่นี่ทำไม”
“ช่างเถอะ ถ่ายรูปก่อน ถ่ายเยอะๆ หน่อย ฮิ”
ซุปตาร์สาวยืนเคียงเกาะไหล่อี้หมิงฉีกยิ้มให้ช่างภาพถ่ายรูปรัวๆ
ในห้องจัดงานเลี้ยงผู้จัดการช็อปสาขายื่นชุดพนักงานเสิร์ฟให้ บอกกับเหม่ยลี่ว่า “วันนี้แขกมาเยอะมาก เราเลยส่งเธอมาที่นี่ รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเข้าไปช่วยงาน อย่าปล่อยให้แขกรอนาน”
เหม่ยลี่รับมา ยังงงไม่หาย “เป็นพนักงานต้อนรับไม่ใช่เหรอ”
“พนักงานเสิร์ฟก็ต้อนรับเหมือนกันนี่”
เหม่ยลี่อึกอักอิดออด “แต่ว่าฉัน...”
“อย่าพูดมากเลย รีบไปเปลี่ยนชุดเร็ว”
“ได้” เหม่ยลี่รับชุดไปเปลี่ยนสีหน้าไม่สบายใจนัก
ผู้จัดการช็อปสาขารีบโทร.ไปรายงาน ใครบางคน
เซี่ยวเจิ้นตงคุยสายกับผู้จัดการสาขา ขณะฉีหยูเปิดประรถให้
“อื้ม เรื่องนี้คุณทำตามที่ผมบอกแล้วกันนะ”
“ฉันจัดการตามคำสั่งของท่านแล้วค่ะ ได้ค่ะ”
เซี่ยวเลี่ยงเดิยมารับ “พ่อมาแล้ว”
“เซี่ยวเลี่ยง ฉันได้ยินว่า แกกับเกาเหวินมีข่าวอีกแล้วเหรอ”
“เป็นเพียงข่าวลือ ผมให้คนจัดการแล้ว”
“งั้นก็ดี เรื่องส่วนตัว อย่าให้โจ่งแจ้งเกินไป เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ให้ผ่านไป การประมูลคืนนี้แกอย่าก่อเรื่อง ให้บริษัทเสียภาพลักษณ์อีกล่ะ” เจิ้นตงกำชับ
“ไม่ต้องห่วงครับผมจะระวังตัว”
“ดี ไปเถอะ”
จื้อหยูพิธีกรงานประมูลสินค้าคนดัง ทำหน้าที่พิธีกรในค่ำคืนนี้
“ขอเสียงปรบมือให้ท่านประธานของเราด้วยครับ ขอเชิญท่านประธานขึ้นมากล่าวครับ”
เจิ้นตงเดินขึ้นไปบนเวทีกับเซี่ยวเลี่ยง กล่าวเปิดงาน “แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ก่อนอื่นผมขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานการประมูลการกุศลในวันนี้”
ทุกคนปรบมือเกรียวกราว
“ในฐานะที่บริษัทของเรา มีประวัติศาสตร์ทางด้านจิวเวลรี เราต้องการให้ผลงานทุกชิ้นของเรา เป็นของขวัญ ให้คนรุ่นต่อไปได้เรียนรู้ ดังนั้นเงินจากการประมูลที่ได้มาครั้งนี้ จะเป็นทุนการศึกษา ให้กับพวกนักเรียนที่ยากจนในชนบท หวังว่า เราจะใช้พลังของเพชร ช่วยเหลือคนที่ด้อยกว่าในสังคมได้ ผมเอง ขอเป็นตัวแทน ของเด็กๆ ที่ขาดโอกาสพวกนั้นด้วย ขอบคุณทุกท่าน”
เสียงปรบมือดังกราวใหญ่
“ขอบคุณท่านประธานครับ ขอเชิญท่านประธานและรองประธาน ไปที่นั่งวีไอพีของเราครับ”
เจิ้นตงกับเซี่ยวเลี่ยงเดินลงไปนั่งที่นั่งวีไอพีหน้าเวที มีจื่อเหลียงนั่งอยู่กับซือหยวน
จื้อหยูดำเนินงานการประมูลต่อ
“แขกผู้มีเกียรติและทุกท่านที่อยู่ในที่นี้สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่การประมูลวันนี้ ผมคือนักประมูลจื้อหยู วันนี้เราจะแสดงสินค้าประมูลชิ้นแรก ณ บัดนี้ ซึ่งเป็นสินค้าดาวเด่นของเราที่กำหนดขึ้น โดยบริษัทของเราเจตนาของการประมูลครั้งนี้ก็เพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ที่ด้อยโอกาส”
ซือหยวนเห็นเยี่ยฉีนั่งจิบไวน์อยู่ในงาน อดกระซิบถามจื่อเหลียงขึ้นไม่ได้
“ชวนเยี่ยฉีมาด้วย คุณไม่กลัวท่านประธานจะโกรธเหรอ”
จื่อเหลียงยิ้มเจ้าเล่ห์บอก “คุณไม่ต้องห่วง ตอนนี้ท่านประธานกำลังกังวลเรื่องมี่โตะ คงไม่ทันสังเกตเห็นเยี่ยฉีหรอก เพราะเกมนี้ ต้องมีคนเริ่มก่อนถึงจะสนุก มี่โตะคนเดียวไม่สนุกเท่าไหร่หรอก”
“มี่โตะ ก็มาด้วยเหรอ”
จื่อเหลียงยิ้มร้ายแทนคำตอบ “รอดูแล้วกัน”
เกาเหวินนั่งอยู่ที่โต๊ะกับอี้หมิง แปลกใจที่เหม่ยลี่ไม่มาสักที “ทำไมมี่โตะยังไม่มาซะที”
“เวลานี้คงจะทำงานอยู่มั้ง”
“ไม่หรอกมั้ง ฉันว่าเซี่ยวเลี่ยงคงกลัวพ่อเขาคัดค้าน เลยไม่พามี่โตะมาด้วย ไม่งั้นสุนัขจิ้งจอกเยี่ยฉีคงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก” เกาเหวินบอก
อี้หมิงงงที่เห็นเกาเหวินกดมือถือยุกยิกๆ “คุณทำอะไร”
“ฉันจะเรียกมี่โตะมาที่นี่ ให้มาดูแลผู้ชายของเขา”
อี้หมิงห้ามไว้ “อย่าเลย พ่อของเซี่ยวเลี่ยงคัดค้านแล้ว เรียกมี่โตะมาจะทำให้เขาลำบากใจ อีกอย่างนี่คือเรื่องของเซี่ยวเลี่ยงให้เขาจัดการเองเถอะ ยังไงก็เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขา คุณอย่าไปยุ่งเลย”
“คิดไม่ถึงว่าคุณจะละเอียดอ่อนขนาดนี้ เฮ้อ น่าเบื่อจริงๆ”
บนเวทีจื้อหยูประมูลต่อ “เอาล่ะ หมายเลข 17 ครั้งที่หนึ่ง”
ผู้จัดการเดินมาหาเหม่ยลี่ชี้ไปที่โต๊ะเซี่ยวเลี่ยง “มี่โตะ ยกไวน์ไปเสิร์ฟที่โต๊ะโน้นด้วย”
เหม่ยลี่รับเอาคำ “ค่ะ” ก้มหน้าเดินไปเสิร์ฟ โดยไม่ทันมอง
เซี่ยวเลี่ยงชะงักเมื่อเห็นว่าพนักงานเสิร์ฟเป็นใคร เหม่ยลี่อึ้งไปเมื่อเห็นเซี่ยวเลี่ยง
บนเวทีจื้อหยูประมูลต่ออย่างเมามัน “ตอนนี้อยู่ที่ 220,000 หยวนแล้ว...230,000 หยวน หมายเลข 15 อยู่ที่ 240,000 หยวน”
เจิ้นตงมองอยู่กำชับลูกชายว่า “อย่าลืมคำสัญญาที่แกให้ฉันล่ะ”
เซี่ยวเลี่ยงโกรธ “นี่คือแผนการของพ่อเหรอ”
“ดูความแตกต่าง ระหว่างแกกับเขาให้ชัดเจนสิ” เจิ้นตงปรายตามองเหม่ยลี่
การประมูลดำเนินไป “หมายเลข 3...270,000 หยวน ดี มีใครต้องการเพิ่มราคามั้ยครับ หมายเลข 35...280,000 หยวน”
ผู้จัดการเดินเข้ามาหาอย่างไม่พอใจ และจงใจปัดถาดเครื่องดื่มจนหล่นกระจาย
“เธอไปไหนมา”
เหม่ยลี่ตกใจร้องลั่น “โอ๊ะ”
จื่อเหลียงกับซือหยวนเห็น มองนิ่งๆ เยี่ยฉีก็เห็น
เซี่ยวเลี่ยงเห็น ลุกเข้ามาช่วยประคองเหม่ยลี่ที่ก้มเก็บแก้วแตกอยู่
“คุณไม่เป็นไรนะ”
เจิ้นตงพูดเชิงสั่ง “เรื่องแค่นี้ยังทำได้ไม่ดี มีแต่สร้างปัญหาให้คนอื่น ให้เธอเปลี่ยนชุดกลับบ้านได้”
เซี่ยวเลี่ยงจะเดินไปต่อว่าพ่อ เหม่ยลี่ดึงแขนเขาไว้ “ฉันไม่เป็นไร คุณกลับไปนั่งเถอะ”
เกาเหวินกับอี้หมิงหันมาเห็นพอดี “นั่นมี่โตะนี่ นั่นมี่โตะใช่มั้ย”
“มี่โตะ” เซี่ยวเลี่ยงเดินตามเหม่ยลี่ออกไป ไม่สนใจคำสั่งเจิ้นตง
เกาเหวินแปลกใจที่จู่ๆ อี้หมิงลุกขึ้น “คุณจะไปไหน”
“อืม ผมนึกได้ ว่ามีงานค้างที่โรงพยาบาล เลยจะออกไปโทรศัพท์ก่อน”
อี้หมิงเดินตามสองคนไป เยี่ยฉีมองตามสีหน้านิ่งนึก
ทุกคนอึ้งๆ กับเหตุการณ์แปลกๆ ในงาน จนเจิ้นตงต้องลุกขึ้นบอกเสียงดังว่า
“เอาล่ะ ไม่มีอะไร ทุกคนต่อเลย ประมูลต่อได้เลย”
“ทุกคนก็รู้ว่าสินค้าของเราเป็นที่ต้องการของตลาดและเป็นที่สนใจของผู้สื่อข่าว ดังนั้นราคาการประมูลจึงพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์”
เยี่ยฉีหยิบมือถือมากดโทร.หาใครคนหนึ่ง “ฮัลโหล ช่วยฉันดูสองคนนั้นด้วย”
เซี่ยวเลี่ยงตามมาดึงแขนเรียกไว้เมื่อเห็นว่าเหม่ยลี่เดินหนีไม่หยุด
“มี่โตะ คุณจะไปไหน”
“คุณอย่าทำอย่างนี้เลยคุณเซี่ยว ทำแบบนี้ทุกคนจะมองคุณยังไงล่ะ”
“ใครมองผมยังไงมันสำคัญเหรอ ผมไม่สนใจหรอก”
“แล้วพ่อของคุณล่ะ ฉันไม่อยากให้คุณมีปัญหากับท่านเพราะเรื่องของฉัน อีกอย่าง ฉันไม่อยากให้ใครคิดว่าคุณมีแฟนเป็นพนักงานเสิร์ฟ แบบนี้มันจะเป็นผลเสียกับคุณนะ”
“ความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณไม่ชัดเจนเหรอ ถ้าผมต้องการคนสวยทำไมผมไม่เลือกผู้หญิงที่นี่ล่ะ เพราะคนที่ผมต้องการไม่ใช่พวกเธอ ผมต้องการคุณคนเดียว” เซี่ยวเลี่ยงจับไหล่ให้เธอมองหนาเขา “มี่โตะ วันนี้ คุณแต่งตัวเป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่ที่นี่ เพราะพ่อของผมต้องการกีดกันเราสองคน แต่ว่า ผมรู้ว่าคุณกังวลเรื่องอะไร ผม...ผมสัญญา ผมจะไม่ยอมให้ใครหรือแม้แต่พ่อของผมดูถูกคุณ ผมต้องการให้คุณยืนเคียงข้างผมที่นี่ ดีมั้ย”
เหม่ยลี่จำยอมรับเอาคำ “ค่ะ”
อี้หมิงเป็นห่วงเหม่ยลี่ไม่หาย เดินหาจนทั่วแต่ไม่เจอ สุดท้ายกดโทร.หา แต่สายถูกโอนเข้าคอลเซ็นเตอร์ “เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณา...”
อี้หมิงร้อนใจไม่หาย เดินหาต่อ
เหม่ยลี่เปลี่ยนชุดใหม่ เดินมาหาเซี่ยวเลี่ยง ถามย้ำ “คุณแน่ใจเหรอ ว่าจะให้ฉันแสดงตัว”
“ไม่มีใครมีสิทธิ์เท่าคุณแล้วล่ะ” เซี่ยวเลี่ยงปลดสร้อยที่อี้หมิงให้ เปลี่ยนเป็นสร้อยคอราชินี สวมให้แทน เหม่ยลี่ยิ้มปลื้ม “นี่คือสร้อยคอราชินีที่จะประมูลในคืนนี้ คุณต้องเป็นนางแบบขึ้นเวที แสดงให้ทุกคนเห็นในด้านดีของคุณ จำไว้ ไม่ว่าเราแตกต่างกันยังไง ไม่ว่าใครมองคุณยังไง คุณก็คือคนของผม ผมจะทำให้ทุกคนยอมรับในตัวคุณ”
อี้หมิงวิ่งมาถึงห้องแต่งตัว เจอกล่องเครื่องประดับบนโต๊ะหน้ากระจก ในนั้นมีสร้อยที่เขามอบให้ยัยอ้วนวางอยู่ในกล่อง ทำให้เขานึกถึงวันที่เหม่ยลี่เปิดใบหน้าหลังศัลยกรรมครั้งใหญ่ เขาสวมสร้อยผีเสื้อแสดงความยินดีกับเธอ
“ยินดีด้วยที่เธอทำลายรังไหมกลายเป็นผีเสื้อได้แล้ว เริ่มต้นชีวิตใหม่นะ”
อี้หมิงหยิบสร้อยนั้นมาถือไว้ แล้วเดินออกไป
สองคนเดินมาหน้าห้อง จู่ๆ เหม่ยลี่ก็หยุดชะงัก เซี่ยวเลี่ยงแปลกใจ
“เอ่อ เป็นอะไร”
“ฉันลืมสร้อยคอไว้ในห้องแต่งตัวฉันกลับไปเอาก่อนนะ”
“แค่สร้อยคอเส้นเดียวกลับมาค่อยมาเอาก็ได้นี่นา การประมูลจะเริ่มขึ้นแล้ว อื้ม มา”
เซี่ยวเลี่ยงยื่นมือให้จับ
บนเวทีการประมูลดำเนินไป “ยินดีด้วยกับหมายเลข 38 ที่ได้สินค้าประมูลชิ้นนี้ ขอเสียงปรบมือด้วยครับ ทุกท่าน ต่อไปผมจะแนะนำสินค้าชิ้นสุดท้ายของคืนนี้รับรองว่าต้องล้ำค่าอย่างแน่นอน”
เห็นอี้หมิงเดินหน้าเศร้ากลับมาที่โต๊ะ เกาเหวินมองฉงน “ทำไมคุณเพิ่งมาล่ะ”
“งานเยอะน่ะ ผมเลยคุยนานไปหน่อย”
“ตอนนี้กำลังจะประมูลเพชรชิ้นสุดท้ายแล้ว มัน...”
“สินค้าชิ้นนี้เป็นสินค้าสำคัญที่สุด และเป็นชิ้นงานที่โดดเด่นที่สุดของบริษัท ที่ได้รับการรักษามาจนถึงทุกวันนี้ การออกแบบหลักคือมีเพชรอยู่ตรงกลางระหว่างมุกสองเม็ดอย่างลงตัวซึ่งสวยงามมาก”
เช่นเดียวกับ เจิ้นตง จื่อเหลียง เยี่ยฉี และซือหยวน เกาเหวินรีบพูดแทรกขึ้นเมื่อมองไปเห็นใครบางคนเดินขึ้นไปบนเวที
“นั่นมันมี่โตะนี่”
เหม่ยลี่ กรีดนิ้วเผยให้เห็นสร้อยราชินีบนลำคอ อี้หมิงคลี่นิ้วที่กำอยู่ออกดูสร้อยผีเสื้อด้วยความปวดร้าว
จื้อหยูบรรยายสรรพคุณต่อ “มีรูปหัวใจรูปแบบกลวง แสดงถึงหัวใจสองดวงรอคอยความรักนิรันดร์ รายการสุดท้ายในการประมูลเป็นผลงานสำคัญที่สุดในบริษัทของเรา ชื่อว่าชุดสร้อยเพชรราชินีของฉัน รับรองว่าทุกท่านต้องตระการตาเป็นอย่างมากครับ”
ทุกคนปรบมือดังสนั่น
เซี่ยวเลี่ยงเดินกลับมานั่งที่ เจิ้นตงไม่พอใจมาก
“เซี่ยวเลี่ยง แกทำเพื่อผู้หญิงคนเดียว ไม่คำนึงถึงเกียรติของตระกูลเซี่ยวเลย ห้าปีแล้วไม่มีการพัฒนาบ้างรึไง”
เซี่ยวเลี่ยงย้อนเอาว่า “แล้วห้าปีที่ผ่านมา พ่อพัฒนาตัวเองบ้างมั้ยล่ะพ่อ พ่อเป็นท่านประธานที่สง่างามของบริษัท ทำไมถึงชอบใช้วิธีสกปรกมาทำลายความรักของผม”
จื่อเหลียงเงี่ยหูฟัง คอยเก็บข้อมูล
เจิ้นตงงง และไม่พอใจ “แกพูดอย่างนี้หมายความว่าไง”
“พ่อเคยทำอะไรกับเยี่ยฉีบ้างล่ะ อย่าคิดว่าผมไม่รู้ ผมจะไม่ยอมให้พ่อทำแบบนั้นกับมี่โตะอีก”
“ฮึ สิ่งที่ฉันเลือกมันผิดเหรอ ฉันแค่แนะนำเยี่ยฉีให้ผู้ชายที่รวยตามความต้องการของเธอ เพราะเธอเห็นเงินสำคัญกว่าแก แล้วในวันนี้ แกยังจะเลือกเยี่ยฉีอยู่มั้ยล่ะ ดังนั้น สิ่งที่ฉันตัดสินใจถูกต้องแล้ว”
เกาเหวินหัวเราะคิกคัก “สวยมากเลยใช่มั้ย ฉันเป็นผู้หญิงยังหลงเสน่ห์เลยทำยังไงดี”
อี้หมิงพึมพำออกมาจากใจ “สวยมาก”
“เขาสวยหรือว่าฉันสวย รีบพูดสิรอนานแล้วนะ”
อี้หมิงเฉไฉ “ไม่เหมือนกันนี่ จะเลือกได้ยังไงล่ะ”
“ฉันรู้ว่าคุณต้องเลือกฉัน ฉันก็สบายใจแล้ว” เกาเหวินหัวเราะฮิๆ
“ตามนั้นเลยจ้ะ” อี้หมิงบอก
เซี่ยวเลี่ยงทะเลาะกับพ่ออยู่ “มี่โตะกับเยี่ยฉี ไม่เหมือนกันนะครับ”
เจิ้นตงมีสิ่งหนึ่งที่เธอเหมือนเยี่ยฉี คือไม่คู่ควรกับแก ไม่คู่ควรกับตระกูลเซี่ยว
“พ่อ มี่โตะไม่เหมือนเยี่ยฉีจริงๆ พ่ออย่าตัดสินคนอื่นแค่ภายนอกเลยได้มั้ย ผมขอร้องล่ะ เชื่อในสายตาของลูกชายพ่อเถอะ ให้โอกาสมี่โตะสักครั้ง ลองทำความรู้จักกับเธอ พ่อ เราต้องการคำอวยพรจากพ่อนะครับ เพราะว่า...เพราะพ่อเป็นพ่อของผม พ่อ...พ่อน่าจะรู้ดีที่สุดว่า ความสุขของชีวิตคู่ไม่เกี่ยวกับฐานะทางครอบครัว ผมรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ผมไม่มีทางปล่อยมี่โตะไปแน่” เซี่ยวเลี่ยงถอนใจ
“7 แสน” เยี่ยฉีร้องขึ้น
“7 แสนหยวน ว้าว ขอเสียงปรบมือหน่อยครับ นี่คือความรู้สึกที่เยี่ยมมาก 7แสน ตอนนี้ราคา 7 แสนแล้ว มีใครให้มากกว่า 7 แสนมั้ยครับ โต๊ะสุดท้าย 710,000หยวน”
เยี่ยฉีขึ้นไปที่ “8 แสน”
จื้อหยูดี๊ด๊า “8 แสนๆ ยอดเยี่ยมมากเลยครับ มีใครให้มากกว่า 8 แสนมั้ยครับ...8 แสนหยวน 1...8 แสนหยวน 2”
เยี่ยฉีสู้ต่อกะปิดประมูล “9 แสน”
เซี่ยวเลี่ยงประกาศก้อง “1 ล้าน”
“ว้าว ท่านประธานของเราเซี่ยวเลี่ยง ให้ 1 ล้าน มีใครให้มากกว่า 1 ล้าน...1ล้านครั้งที่หนึ่ง...1 ล้านครั้งที่สอง...1 ล้านครั้งที่สาม เรียบร้อยครับ”
สิ้นเสียงจื้อหยู ทุกคนปรบมือดังสนั่น
“ยินดีด้วยครับ ในวันนี้ท่านประธานเซี่ยวเลี่ยงของเรา ซื้อสร้อยเพชรราชินีของฉัน ไปในราคา 1 ล้านหยวน ขอเสียงปรบมือหน่อยครับ”
เซี่ยวเลี่ยงกำชับ “ไม่ต้องถอดออกมา”
เหม่ยลี่งงหนัก “หืม”
“เพราะมันเป็นของคุณ ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างผม ราชินีของผม” เซี่ยวเลี่ยงยิ้มให้
คนในงานปรบมือเกรียวกราว
เกาเหวินตะโกนขึ้น “ลุกขึ้นๆ”
จื่อเหลียงหน้าจ๋อยเข้ามาหพบเซี่ยวเจิ้นตง “ท่านประธาน”
“มีอะไรอีกล่ะ”
“พ่อ แม้เซี่ยวเลี่ยงจะทำเกินไปหน่อย แต่พ่อเป็นประธานการประมูลครั้งนี้ พ่อออกมาอย่างนี้ ทุกคนจะคิดว่ายังไงล่ะครับ”
เจิ้นตงมองจับผิด “แกเป็นห่วงเซี่ยวเลี่ยงจริงๆเหรอ”
จื่อเหลียงตกใจ “พ่อ พูดอย่างนี้หมายความว่าไง”
“รายชื่อของแขกวันนี้ แกเป็นคนจัดการใช่มั้ย แต่ฉันกลับต้องเจอคนที่ไม่อยากเจอ”
จื่อเหลียงทำไก๋ “แล้วคนที่พ่อไม่อยากเจอคือ...”
เจิ้นตงถอนใจ
“อ้อ เยี่ยฉีเหรอ ผมก็เพิ่งรู้ว่าเธอมา พ่ออย่าโกรธเลยนะ ต้องโทษผมที่ไม่ดูแลให้ดีเอง ปล่อยให้เธอเข้ามาได้”
“เขาเข้ามาได้ยังไง แกตรวจสอบให้ดีก็พอ ไม่ว่าจะเป็นมี่โตะหรือว่าเยี่ยฉี ต่างต้องการในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง คนโลภมากอย่างนี้ ตระกูลเซี่ยวของเราไม่ต้องการ ฉันหวังว่าแกจะจดจำเรื่องนี้ให้ขึ้นใจ”
จื่อเหลียงหน้าเสีย “ผมรู้แล้วครับพ่อ”
เยี่ยฉี่เดินเข้ามาแสดงคามยินดีกับสองคน “ยินดีกับคุณด้วย ที่ประมูลสร้อยเพชรราชินีได้”
“ถ้าผมจำไม่ผิด การประมูลครั้งนี้ไม่ได้เชิญคุณมา” เซี่ยวเลี่ยงว่า
“ใช่ค่ะ แต่สร้อยเพชรราชินีเส้นนี้ สำหรับฉันแล้วมีความสำคัญมาก เดิมทีฉันคิดว่าจะประมูลได้ แต่คิดไม่ถึงว่าคนที่แย่งกับฉันคือคุณ แต่ไม่เป็นไร นี่เป็นเพียงความฝันของฉันเท่านั้น มี่โตะต่างหากที่เป็นเจ้าของสร้อยเส้นนี้ ยินดีด้วยมี่โตะ”
เหม่ยลี่ยิ้มให้ “ขอบคุณค่ะคุณเยี่ย”
“ขอตัวก่อน”
“เมื่อกี้เยี่ยฉีบอกว่า สร้อยคอเส้นนี้มีความสำคัญกับเธอ หมายความยังไงคะ” เหม่ยลี่อดถามไม่ได้
“ห้าปีก่อน ผมเคยบอกเธอว่าจะออกแบบสร้อยคอแห่งความรัก ก็คือ สร้อยเพชรราชินีของฉัน”
“คุณเลยออกแบบสร้อยเส้นนี้เพื่อเธอเหรอคะ”
“ไม่ใช่แน่นอน ผมแค่ต้องการเก็บไว้ให้ผู้หญิงที่ผมรักที่สุดเท่านั้น”
เกาเหวินเดินร่าเริงเข้ามาหาสองคน “ไฮ รบกวนพวกคุณรึเปล่า สวีทจริงๆ เลยน้า ฮิๆๆ”
“เธอก็มาด้วยเหรอเกาเหวิน”
“ใช่น่ะสิ ตอนแรกว่าจะอธิบายข่าวฉาวกับเซี่ยวเลี่ยง แต่เขาสารภาพกลางเวทีแบบนี้คงไม่มีใครเข้าใจผิดอยู่แล้วถูกมั้ย”
เหม่ยลี่ยิ้มระรื่น
เกาเหวินเห็นสร้อยแล้วเอ่ยชมจากใจ “สวยมากจริงๆ”
เหม่ยลี่นึกบางอย่างได้ “อ้อ ฉันนึกได้ว่า ฉันต้องไปหาของก่อน”
“เอ๊ะ รอเดี๋ยวสิ ฉันยังไม่ได้ดูสินสอดของเธอเลยนะ ว้าวหนึ่งล้าน ใส่แล้วรู้สึกหนักมั้ย”
“เป็นของขวัญที่แพงที่สุดที่ฉันเคยได้รับ หนักจริงๆ ด้วยแฮะ” เหม่ยลี่ว่า
“ใช่ เหมาะกับเธอมากเลยล่ะ ตอนฉันเป็นแฟนคุณทำไมไม่ซื้อให้ฉันบ้างล่ะ”
เหม่ยลี่หัวเราะคิกคัก
เหม่ยลี่หาจนทั่วก็ไม่เจอสร้อยผีเสื้อ ใจคอไม่ดี “เอ๊ะ สร้อยที่วางอยู่ตรงนี้หายไปไหนแล้ว”
เซี่ยวเลี่ยงช่วยหา แต่ก็ไม่เห็น “ไม่เป็นไร ผมจะให้คนช่วยหาให้”
เหม่ยลี่กังวลมาก “แย่แล้ว ถ้าเหลยอี้หมิงรู้ว่าฉันทำสร้อยหายเขาต้องเสียใจแน่”
“ผมให้คนช่วยหาให้แล้ว เดี๋ยวก็คงรู้ข่าว คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้วผมไปส่งคุณกลับบ้านนะ”
“แต่ว่าฉันเป็นห่วง ทั้งที่วางอยู่ตรงนี้มีใครขโมยไปรึเปล่า”
“สร้อยเส้นนั้นสำคัญสำหรับคุณมากเหรอ”
“เอ่อ ฉันใส่มาตั้งนานแล้ว ดังนั้น...ไม่ได้ฉันต้องรีบหาให้เจอ คุณรอฉันตรงนี้ก่อนนะ”
เกาเหวินเห็นอี้หมิงมองสร้อยคอไม่วางตาก็นึกสงสัย “นี่คืออะไร”
“หืม...อะไร”
“สร้อยคอเหรอ สร้อยคอหรือว่าอะไรคุณดูสิ”
“อ้อ นี่เป็นสร้อยคอที่ผมเจอโดยบังเอิญฉะนั้นผมเลยเก็บมา” อี้หมิงบอก
“ให้ฉันดูหน่อยสิ” เกาเหวินจำได้ทันที “นี่มันจี้ของมี่โตะนี่ คุณเก็บได้ที่ไหนฉันจะเอาไปคืนให้เธอ”
อี้หมิงไม่ยอม “นี่ๆ ไม่ต้องแล้ว ตอนนี้เธอมีสร้อยเพชรที่เซี่ยวเลี่ยงให้แล้ว คงไม่สนใจสร้อยเส้นนี้หรอกน่า”
“ทำไมคุณถึงพูดเธออย่างนั้นล่ะ คุณรู้ได้ไงว่าเธอจะไม่สนสร้อยเส้นนี้ นี่เป็นของของเธอเราต้องรีบเอาไปคืนให้เธอสิ”
“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น...ผมหมายถึง...เอ่อ...วันนี้ดึกมากแล้ว เอาไว้วันหลัง ค่อยไปคืนเธอก็ได้ รีบขึ้นรถเถอะ นะ ค่อยๆ” เห็นเกาเหวินนั่งนิ่งอี้หมิงแปลกใจ “เป็นอะไร”
“เปล่า รู้สึกแปลกนิดหน่อย”
ซือหยวนแปลกเห็นที่เห็นจื่อเหลียงมาหาที่ห้อง “คุณมาได้ยังไง ไหนคุณบอกว่า คืนนี้จะกลับบ้านคุณไงคะ”
“กลับไปทำไม กลับไปดูหน้าบึ้งตึงของพ่อผมเหรอ”
“ความจริงฉันเข้าใจ การประมูลในคืนนี้ มี่โตะกับเซี่ยวเลี่ยงเปิดตัวหักหน้าท่าน ท่านประธานคงโกรธมาก แล้วทำไมวันนี้คุณต้องโกรธด้วยล่ะ”
“ตอนแรกผมให้เยี่ยฉีมาในงาน เพื่อให้เขาสร้างความวุ่นวายให้เซี่ยวเลี่ยง แต่พ่อผมรู้ทันว่าผมเป็นคนใส่รายชื่อของเยี่ยฉีมาด้วย ท่านสงสัยว่าผมกับเยี่ยฉีร่วมมือกันทำร้ายเซี่ยวเลี่ยง ดังนั้นเลยใส่อารมณ์กับผม”
ซือหยวนเป็นกังวล “งั้นจะทำยังไงดี”
จื่อเหลียงนิ่งนึก “แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเยี่ยฉีอยู่ในงาน เซี่ยวเลี่ยงคงไม่มีทางประมูลสร้อยราชินี ไปได้ในราคาหนึ่งล้านแน่ ความสัมพันธ์ของมี่โตะกับเซี่ยวเลี่ยง ก็ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ มีผู้สื่อข่าวมากมายอยู่ในงาน ดูเหมือนครั้งนี้มี่โตะคงซ่อนตัวไม่ได้แล้ว”
“ถึงเขาจะถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว แต่เขาไม่ใช่ดารา ไม่ใช่เกาเหวิน จะมีข่าวอะไรได้ล่ะ”
“คุณคิดผิดแล้ว ต้องเป็นข่าวใหญ่อย่างแน่นอน กลายเป็นซินเดอเรลล่าในชั่วข้ามคืน ต้องมีคนมากมายให้ความสำคัญกับข่าวนี้ พวกเขาต้องไปสืบประวัติของมี่โตะ อีกอย่าง เรากำลังหาจุดอ่อนของเซี่ยวเลี่ยงไม่ใช่เหรอ ผมกล้ารับรองหลังจากผ่านการเปิดตัวครั้งนี้ มี่โตะจะกลายเป็นจุดอ่อนของเซี่ยวเลี่ยงตลอดไป”
“แล้วถ้านักข่าว หรือสื่อต่างๆ ไม่ได้สนใจมี่โตะล่ะ”
“คุณคิดว่าผมเป็นคนตาบอด ที่ไม่มีการเตรียมการเหรอ ผมติดต่อกับปาปารัซซี่พวกนั้นแล้ว ให้พวกเขาจับตามองความรักครั้งใหม่ของเซี่ยวเลี่ยง สิ่งสำคัญคือจับตาดูมี่โตะ เพราะอีกไม่นาน อดีตของมี่โตะจะถูกเปิดเผยให้ทุกคนได้รับรู้ มี่โตะไม่มีทางเป็นกระดาษขาวที่บริสุทธิ์ได้อีกแล้ว”
ซือหยวนใจหาย อดสงสารเหม่ยลี่ไม่ได้ “ดูเหมือนครั้งนี้ มี่โตะต้องแย่แน่ๆ”
“ทำไม คุณเป็นห่วงเธองั้นเหรอ คุณเกลียดเธอมากไม่ใช่เหรอ อยากให้เธอออกจากเทซีโร่ไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ฉันไม่ชอบเธอ แต่ว่าในบางเรื่อง เธอเหมือนกับฉันมาก เราเป็นเพียงคนธรรมดาคบกับคนที่ฐานะแตกต่างกัน เลยอาจดูไม่คู่ควร นี่แหละที่เราเหมือนกัน ทุกคนเลยอาจจะมองว่าเราทำเพื่อเงินไม่ใช่ความรัก”
“คุณกับเธอจะเหมือนกันได้ไง คุณฉลาดกว่าเธอมาก เธอสร้างแต่ปัญหาให้เซี่ยวเลี่ยง แต่คุณช่วยผมได้ ทำไม อยู่กับผมมันกดดันมากเหรอ”
“กดดันมากๆ ค่ะ เมื่อก่อนไม่มีเงิน ฉันเลยรู้สึกกดดัน ตอนนี้ชีวิตไม่มีความกดดันแล้ว แต่จิตใจกลับกดดันมากกว่า ฉันเป็นเพียง คนนอกสำหรับครอบครัวของพวกคุณ บางครั้งฉันเลยรู้สึกสับสนมาก ฉันไม่ต้องการให้มี่โตะกับเซี่ยวเลี่ยงสมหวังก็จริง แต่ว่าบางครั้งฉันแอบหวังว่าพวกเขาจะสมหวังในความรัก เพราะว่ามี่โตะเองทำให้ฉันมีความหวัง จะว่าไปแล้วฉันเหมือนคนเห็นแก่ตัว และเป็นผู้หญิงที่โลภ เพราะนับตั้งแต่คุณซื้อของขวัญให้ฉัน ฉันก็เริ่มมีความหวังอีกครั้ง”
“คุณหวังอะไร”
“ฉันหวังว่า คุณจะอยู่เคียงข้างฉันตลอดไป”
“ผมก็อยู่กับคุณแล้วไง”
“ฉันเข้าใจดี เราคงอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน เพราะสำหรับคุณแล้ว ความรักไม่สำคัญ วันหนึ่งคุณก็ต้องไป”
“มีแค่เรื่องนี้ที่คุณสู้มี่โตะไม่ได้ เพราะความลังเล ไม่สามารถรั้งใจผู้ชายเอาไว้ได้”
ฟังจื่อเหลียงว่า ซือหยวนหน้าเครียด
เซี่ยวเลี่ยงคุยสายอยู่กับเหม่ยลี่ “ก็ดีแล้วไง แบบนี้คุณจะได้ไม่ต้องกังวลอีก”
“ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น ตอนนี้มีนักข่าวตามมาสัมภาษณ์ฉันถึงที่ร้านแล้ว”
“เรื่องนักข่าวผมจะให้คนไปจัดการ ถ้าคุณคิดว่าอยู่ร้านไม่สะดวก ผมจะส่งคุณกลับมา” เซี่ยวเลี่ยงว่า
เหม่ยลี่บอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไม่ต้องๆ ไหนคุณบอกว่าเราจะเผชิญไปด้วยกันไง ครั้งนี้ฉันจะไม่หนีแน่นอน”
“งั้นรอผมเสร็จงานแล้วจะรีบไปหาคุณ อื้ม” วางสายไป เซี่ยวเลี่ยงหันมากำชับฉีหยู “แจ้งให้ทางร้านจัดการเรื่องนักข่าวด้วยห้ามให้กระทบงานของมี่โตะ
ฉีหยูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ครับ แต่เมื่อเช้าทางร้านโทร.มาบอกผมว่า เพราะคุณกับมี่โตะทำให้สร้อยเพชรราชินีเป็นที่สนใจมาก ร้านค้าทุกสาขาจึงได้รับการสั่งจองจำนวนมาก มี่โตะเลยกลายเป็นพรีเซ็นเตอร์ไปโดยปริยาย คุณเซี่ยว ยังมีคนเรียกเธอว่าคุณนายเทซีโร่อีกด้วย”
เซี่ยวเลี่ยงยิ้มขำ ถอนหายใจเฮือก “เฮ้อ คุณนายเทซีโร่เหรอ”
กลุ่มลูกค้าชายหญิง ยืนอออยู่เต็มเคาน์เตอร์ในช็อปสาขาร้านเทซีโร่ที่เหม่ยลี่ประจำอยู่ ต่างหยิบมือถือมาถ่ายร้องแข่งกันดังเซ็งแซ่
“ทางนี้ครับๆๆ” / “มองทางนี้นะคะ” / “คนสวย”
เหม่ยลี่ยิ้มแย้ม “สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยอะไรมั้ยคะ”
“คุณคือซินเดอเรลล่าที่เป็นข่าวใช่มั้ย ตัวจริงสวยมากเลย ฉันขอถ่ายรูปคู่กับคุณได้มั้ยคะ”
“อืม...ได้แน่นอนค่ะ แต่ว่า...ตอนนี้เป็นเวลาทำงานของดิฉัน คงไม่สะดวกจะถ่ายรูปด้วยค่ะ” เหม่ยลี่ว่า
“อ๋อ งั้นเหรอ ฉันเห็นเรื่องราวของพวกคุณถึงได้มาที่นี่ แต่ว่าฉันมีเงินไม่มาก ไม่รู้ว่าจะซื้อสร้อยคอแบบเดียวกับคุณได้รึเปล่า” ลูกค้า 1 ในนั้นบอก
“การซื้อเพชรไม่จำเป็นต้องแข่งกับคนอื่น เพราะสิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่เม็ดใหญ่หรือเล็กแต่อยู่ที่ความหมายของมันต่างหาก”
เหม่ยลี่อธิบายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
อ่านต่อ ตอนที่ 27