เพลิงรักไฟมาร ตอน 21
วิษธรลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า แต่ยังคงนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น พยายามทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่สักพัก พอนึกได้ก็ลุกพรวดขึ้นมาในสภาพท่อนบนเปลือยเปล่า
“จ๋า”
วิษธรเหลียวมองหารอบๆ ปรากฏว่าในห้องมีเขาเพียงคนเดียว วิษธรเรียกหาภัทร์ธีรา
“จ๋า คุณอยู่ไหน”
วิษธรลุกลงจากเตียงไปดูทั่วห้อง จนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่จริงๆ ก็หน้าเครียดขึ้นมา
“หรือว่า…”
วิษธรใจหายเมื่อนึกว่าภทร์ธีราอาจจะหนีไปแล้ว รีบคว้าเสื้อยืดมาใส่รีบออกจากห้องไปโดยไว
วิษธรวิ่งขึ้นมาที่ห้องพักมารดาด้วยสีหน้าท่าทางร้อนใจมาก เมื่อถึงหน้าห้องก็เคาะประตูรัวๆ เรียก
“แม่ครับ อยู่รึเปล่า แม่ครับ”
เงียบ ไม่มีคนตอบ วิษธรเคาะเรียกอีกแต่ก็ยังเงียบดังเดิม เลยลองเปิดประตูดู ปรากฏว่าห้องไม่ได้ล็อค
วิษธรรู้สึกแปลกๆ ตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป
พบว่าในห้องว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่เลย วิษธรรีบออกไปที่โถงทางเดิน เรียกหาคำผาย
“คำผาย คำผาย”
คำผายได้ยินเสียงเดินเร็วรี่เข้ามาหา
“คะ นายใหญ่”
“คำผาย เห็นคุณแม่กับคุณจ๋ารึเปล่า”
“คุณจ๋าคำผายไม่ทราบค่ะ คำผายเพิ่งมาถึง แต่คุณท่านไม่ได้อยู่ที่ห้องเหรอคะ”
“ไม่อยู่ ฉันไปดูที่ห้องก็ไม่เจอใครเลย”
คำผายหน้าเสีย เริ่มกระวนกระวายตามวิษธร
“งั้นช่วยกันตามหารอบๆ ก่อน”
“ได้ค่ะ นายใหญ่”
คำผายกับวิษธรแยกกันออกตามหาตามมุมต่างๆ รอบที่พักแต่ก็ไม่เจอสักที่
จนได้ยินเสียงหัวเราะของประภากับภัทร์ธีราดังขึ้นมา
วิษธรเงี่ยหูฟังที่มา แล้วออกวิ่งมาตามเสียงที่ได้ยินทางหลังรีสอร์ต พอเห็นภาพตรงหน้าก็อึ้งไป
ภัทร์ธีรากำลังชี้ชวนให้ประภาดูปลาในคลองด้านหลังรีสอร์ตอย่างสนุกสนาน
“คุณน้าดูสิคะ มีปลาด้วย”
“ไหน…โห จริงด้วย ปลาเยอะแยะเลย” ภัทร์ธีราวักน้ำเล่น “น้ำเย็นมากๆ เลยค่ะ คุณน้าอยากลองบ้างไหมคะ”
“ไม่เอา เดี๋ยวปลามาตอด”
ทั้งคู่หัวเราะหัวใคร่ ใบหน้ายิ้มแย้ม ภัทร์ธีราชวนประภาลงเล่นน้ำ เบื้องแรกประภากล้าๆ กลัวๆ แต่ได้แรงเชียร์และการดูแลจากภัทร์ธีราจึงหายกังวล
ทั้งสองคนเล่นน้ำด้วยกันอย่างมีความสุข วิษธรยืนมองเงียบๆ น้ำตาซึมด้วยความเต็มตื้น
ที่โรงแรมธารา กรุงเทพฯ พรพจีอ่านเอกสารที่ลูกค้าโรงแรมคอมเพลนแล้วหงุดหงิด ปาเอกสารลงพื้นต่อหน้าจรัล
“คุณจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง ทำไมลูกค้าถึงคอมเพลนมามากขนาดนี้”
จรัลหน้าเจื่อนจ๋อยไม่รู้จะตอบยังไง พรพจีดูอีกแฟ้มก็โมโหอีก
“นี่อีก มีแต่คนเขียนด่าลงเพจว่าเราไม่รับผิดชอบ บริการไม่มีมาตรฐาน คุณจะทำยังไง ตอบซิ”
จรัลสุดทนไหว “ขอโทษครับคุณจี แต่คุณสั่งให้ผมวิ่งแก้ปัญหาแทนคุณธรไม่ได้หยุดมาสักพักแล้ว ผมมีสองมือ ทำคนเดียวก็คงไม่ไหว คนช่วยก็ไม่มีเพราะตอนนี้พนักงานลาออกไปตั้งหลายคนแล้ว”
พรพจีได้ยินเรื่องพนักงานก็ชะงักอีก
“ว่าไงนะ ใครลาออก”
“คือ ตั้งแต่โรงแรมมีปัญหา แผนกนั้นแผนกนี้ก็ทยอยออกไปทีละคนสองคนผม”
พรพจีแทรกขึ้นอย่างมีอารมณ์ “มันจะอะไรกันนักหนา คุณก็อ้างไปเรื่อย ปัญหามันคงจะแก้ได้หรอก ไปทำอะไรก็ได้ให้มันดีขึ้น แล้วไม่ต้องกลับมาอีกจนกว่าฉันจะเรียก ไป”
จรัลพนักหน้ารับจ๋อยๆ แล้วออกไป พรพจีเหนื่อยล้าอ่อนแรงเหลือเกิน นึกถึงแต่วิษธร
“ผมไม่ได้หายไปไหนนี่จี มีอะไรคุณโทร.หาผมได้ อดทนหน่อยนะ ถ้าผ่านเรื่องนี้ไปได้ ผมสัญญาว่าผมจะกลับมาหาคุณ แล้วผมจะไม่ไปไหนอีก”
พรพจีลองโทร.หาวิษธรอีก แต่โทร.ไปเท่าไรก็ไม่มีคนรับ
“คุณหายไปไหนนะธร”
พรพจีน้ำตาคลอ คิดไม่ตกเพราะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย
ภัทร์ธีราประคองพาประภากลับมาที่ห้องพักบนเรือนวรกานต์ ประภาดูอารมณ์ดีขึ้นมาก
“เมื่อเช้าสนุกมากเลย น้องจ๋าพาฉันไปเที่ยวอีกนะ”
“ได้เลยค่ะ”
ประภาตื่นเต้นดีใจ “ไปกันๆ ไปกับน้องจ๋า ไปกับธรด้วย นะ ไปด้วยกันนะ”
ภัทร์ธีรานิ่งไปนิดๆ ตอนได้ยินชื่อวิษธร
“ค่ะ เราจะไปด้วยกัน”
“น้องจ๋าใจดีที่สุดเลย”
“จ๋าตามใจคุณน้าอยู่แล้วค่ะ แล้วจ๋าก็จะยิ่งใจดีขึ้นไปอีก ถ้าคุณน้ายอมทำตามคำขอของจ๋า”
“ได้สิ ฉันทำได้หมดเลย น้องจ๋าจะขออะไร”
“จ๋าอยากให้คุณน้าพักผ่อนมากๆ แล้วก็กินยาให้ตรงเวลา แค่นี้ได้ไหมคะ”
ประภายิ้ม พยักหน้ารับเอาคำรัวๆ
“ได้ ฉันทำได้…ฉันจะเป็นเด็กดี ฉันจะเชื่อน้องจ๋า”
ภัทร์ธีรายิ้มพอใจ “ดีมากค่ะ ถ้าอย่างนั้นคุณน้าไปรอจ๋าในห้องก่อนนะ เดี๋ยวจ๋าไปดูให้ว่าวันนี้มีอะไรอร่อยๆ ให้กินหรือเปล่า”
ประภาตกลงอย่างง่ายดาย ภัทร์ธีราเข้าไปส่งประภาในห้องแล้วเดินออกไป
ภัทร์ธีราเดินมาตามทางเดินตั้งใจจะไปตามหาคำผาย แต่ดันเจอวิษธรเสียก่อน ทั้งคู่พอปะหน้ากันก็อึกอักกันไปมาเพราะไม่รู้จะพูดอะไร ภัทร์ธีราจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง วิษธรเรียกไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อน”
ภัทร์ธีราหยุดนิ่ง แต่ไม่หันมา
“เรื่องเมื่อคืน…ผม…ขอโทษ”
วิษธรลุ้นว่าภัทร์ธีราจะตอบว่าอะไร ภัทร์ธีราหันกลับมายิ้มแล้วตอบแบบสบายๆ
“อ๋อ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวนี้ไม่มีใครแคร์เรื่องพวกนี้แล้ว เหมือนพวกฝรั่งไง จบแล้วก็จบไป ฉัน สบายมาก”
วิษธรแปลกใจ “คุณไม่ รู้สึกอะไรเลยจริงๆ เหรอ”
“คุณอยากให้ฉันรู้สึกอะไรล่ะ”
วิษธรทำหน้าไม่ค่อยถูก ภัทร์ธีราเลยพูดเหมือนสาวหัวนอกไม่แคร์อะไรต่อ
“ผู้หญิงสมัยนี้ไม่จำเป็นต้องลดคุณค่าในตัวเองเพราะเรื่องพวกนี้ซักหน่อย คิดซะว่าฉันชดใช้ให้คุณก็ได้”
“ชดใช้งั้นเหรอ จ๋า ผมไม่ได้อยากให้คุณชดใช้แบบนี้นะ”
ภัทร์ธีรากลัวจะหลุดความรู้สึกที่แท้จริงออกมา ถามเขาโดยไม่หันมามองหน้า
“ถ้าไม่อยากให้ทำแบบนี้แล้วคุณต้องการอะไรล่ะ”
“ผม ผมแค่อยากรับผิดชอบ”
ภัทร์ธีราอึ้งไปนิดหนึ่ง น้ำตาคลอด้วยความสับสน พูดออกไปไม่ตรงกับใจว่า
“ไม่จำเป็นหรอก เราไม่ได้รู้สึกอะไรต่อกันสักหน่อย จะคิดมากไปทำไม”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมไม่รู้สึกอะไร”
ภัทร์ธีราโพล่งขึ้นมาว่า
“เพราะคุณมีคุณม่านแก้วอยู่แล้วไงล่ะ”
“คุณพูดเรื่องอะไรน่ะจ๋า”
“คุณม่านแก้ว คือคนที่คุณจะแต่งงานด้วยไม่ใช่เหรอ”
วิษธรใจหาย “คุณเอาเรื่องนี้มาจากไหน”
“ฉันอยู่ที่นี่แทบทุกวัน ต่อให้คุณไม่พูด สุดท้ายฉันก็ต้องรู้ จริงๆ มันก็แฟร์นะ คุณมีคุณม่าน ฉันก็มีพี่เอ้อยู่แล้ว ชดใช้ให้คุณหมดเมื่อไหร่ เราต่างคนก็แยกย้ายไปคนละทางไม่ดีเหรอ”
วิษธรได้ยินชื่อสรัชก็ไม่พอใจ ออกอาการหึงโดยไม่รู้ตัว
“แสดงว่าตลอดเวลาที่คุณอยู่ที่นี่ คุณคิดถึงแต่คุณเอ้งั้นเหรอ”
“ใช่ ฉันคิดถึงพี่เอ้ ฉันรักพี่เอ้ แล้วฉันก็ไม่มีวันคิดถึงคนอื่น”
วิษธรโกรธเข้าไปจับแขนภัทร์ธีราบีบจนแน่น ถามด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
“รวมถึงเมื่อคืนด้วยใช่ไหม ต่อให้คุณอยู่กับผม คุณก็คิดถึงเขา ใช่ไหม”
“คุณก็ไม่ต่างกันหรอก คุณอยู่กับฉัน คุณก็คิดถึงแต่หน้าคุณม่านแก้วเหมือนกันนั่นแหละ”
วิษธรหัวเสีย “คุณมันไม่รู้อะไรเลยจ๋า ไม่รู้เลย”
“คุณพูดถูกแล้ว ฉันมันโง่ ถึงได้ยอมอยู่ชดใช้เรื่องที่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ยอมให้คุณทำร้ายฉันซ้ำๆ ยอมให้คุณทำอะไรอะไรกับฉันก็ได้”
ภัทร์ธีราน้ำตาร่วง พยายามสะกดกลั้นอารมณ์แต่ไม่เป็นผล
“ถ้าคุณเห็นใจฉันอยู่บ้าง ก็อย่ามายุ่งกับฉันอีก เพราะฉันไม่มีวันรักใครนอกจากพี่เอ้”
วิษธรอึ้งปล่อยแขนภัทร์ธีราอย่างคนหมดแรง ภัทร์ธีราเดินหนีไป ไม่อยากให้เขาเห็นน้ำตา
วิษธรผลุนผลันเข้ามาที่ออฟฟิศรีสอร์ต เจอวลัยกับดนัยที่นั่น วลัยดีใจเพราะอยากเจอหน้าหลานชายอยู่พอดี รีบบอกเรื่องม่านแก้ว
“ธร มาพอดีเลย ป้าว่าจะให้นัยไปตามอยู่ มีเรื่องสำคัญจะบอก”
“เรื่องสำคัญอะไรเหรอครับ”
วลัยมองหน้าดนัยยิ้มปลื้ม โดยไม่สังเกตว่าสีหน้าลูกชายดูอึดอัดพิกล
“ป้ากับน้าสร้อยแก้วไปให้พระครูที่วัดดูฤกษ์แต่งงานมาจ้ะ นี่ก็ได้มาแล้วนะ ป้าเลยว่าจะมาถามธรนี่ล่ะ”
วิษธรอึ้งไป ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ ได้แต่ตีสีหน้าให้เป็นปกติ
“จริงเหรอครับ”
“จริงจ้ะ ขึ้นอยู่กับธรแล้วว่าอยากได้ฤกษ์เร็วหรือช้า ถ้าใจเย็นหน่อยก็ต้นปีหน้า แต่ถ้าใจร้อนก็อีกสามเดือนเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวได้เลย”
วิษธรเงียบไป จนดนัยต้องถามย้ำ
“ว่าไงไอ้ธร พร้อมตอนไหน”
ดนัยมองลุ้นคำตอบ วิษธรนิ่งคิด เสียงของภัทร์ธีราที่พูดถึงสรัชดังเข้ามาในหัว
“ถ้าคุณเห็นใจฉันอยู่บ้างก็อย่ามายุ่งกับฉันอีก เพราะฉันไม่มีวันรักใครนอกจากพี่เอ้”
ในที่สุดวิษธรก็ตอบวลัยกับดนัยไปว่า
“เร็วที่สุดครับ สามเดือนข้างหน้าก็ได้ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี”
ดนัยสะอึก อึ้งหนัก วลัยดีใจมาก หัวเราะชอบใจ
“อุ๊ย ใจร้อนเหรอเนี่ย ดูน้องเราสินัย”
ดนัยแปลกใจไม่หาย
“แกแน่ใจนะ ว่าพร้อมแล้วจริงๆ”
วิษธรลังเลในใจ แต่ก็ฝืนทำเป็นเข้มแข็ง
“ผมให้น้องม่านรอมานานแล้ว มันถึงเวลาแล้วพี่”
“ถ้าแกเลือกแบบนี้ แกต้องจบเรื่องคุณจีให้เร็วที่สุดมั่นใจเหรอว่าทำได้”
“ผมทำได้ ผมเป็นคนเริ่ม ผมจะจบมันทุกอย่างด้วยตัวเอง”
วิษธรขบกรามแน่น ดนัยรับรู้ได้ว่าเขากำลังโกหก
“ดีแล้วธร” วลัยยิ้มดีใจ หันมาบอกกับดนัยว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก ธรวางทุกอย่างไว้หมดแล้ว รอวันที่จะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขเถอะนะ”
วิษธรฝืนยิ้มให้วลัย ในขณะที่ข้างในกำลังสับสนหนักว่า สิ่งที่เขาทำอยู่มันถูกต้องแล้วหรือไม่
ภัทร์ธีรากลับขึ้นมาดูแลประภา ท่าทางซึมลงไปเห็นได้ชัด ประภาลอบสังเกตแล้วนึกสงสัย
“เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมดูไม่สดชื่นเลย”
“หนูเหรอคะ หนู…ไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ”
ประภาไม่เชื่อ “ไม่ ไม่เหมือนตอนที่อยู่กับธร ดูมีความสุขมากกว่านี้”
ภัทร์ธีราซึมลงไปอีกพอได้ยินชื่อวิษธร ประภาครุ่นคิด
“นี่ น้องจ๋า ช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม”
“คะ”
“ช่วยพูดกับธรที ว่าให้เขามาอยู่ที่นี่ ธรชอบน้องจ๋านะ ถ้าน้องจ๋าขอ เขาต้องยอมแน่ๆ”
ประภาจับมือภัทร์ธีรามากุมยิ้มอย่างมีความหวัง ภัทร์ธีราหน้าเศร้า
“เขาไม่ได้ชอบหนู เขามีคนที่เขาจะแต่งงานอยู่แล้วนะคะ”
“จริงเหรอ ธรจะแต่งงานกับใคร” ประภางง
“คุณม่านแก้วไงคะ คุณธรกำลังจะแต่งงานกับเขาแล้วก็กลับมาอยู่ที่นี่ อีกหน่อย คุณน้าก็จะได้อยู่กับคุณธร ไม่ต้องจากไปไหนอีก”
ประภานิ่งไปเหมือนพยายามนึกถึงม่านแก้ว จนนึกออก
“หนูม่านแก้ว จำได้ เขาใจดี น่ารักอ่อนหวาน เขาเคยมาหาฉันที่นี่ด้วยนะ เอาขนมมาฝากเพียบเลย ดี…ดี”
ประภาพูดพาซื่อไม่ได้คิดอะไร ภัทร์ธีราน้ำตารื้น พยายามฝืนไว้ แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว
“หนูขอตัวกลับห้องก่อนนะคะ”
ภัทร์ธีราลุกเดินหนีออกไปเลย ประภามองตามสีหน้าฉงนฉงาย
ภัทร์ธีราปิดประตูห้องแล้วทรุดตัวลงร้องไห้อย่างหนักหน่วง คำพูดประชดประชันของวิษธรตอนทะเลาะกันบาดลึกในใจ
“แสดงว่าตลอดเวลาที่คุณอยู่ที่นี่ คุณคิดถึงแต่คุณเอ้งั้นเหรอ”
“ใช่ ฉันคิดถึงพี่เอ้ ฉันรักพี่เอ้ แล้วฉันก็ไม่มีวันคิดถึงคนอื่น”
วิษธรจับแขนภัทร์ธีราบีบจนแน่น ถามด้วยน้ำเสียงอันเจ็บปวด
“รวมถึงเมื่อคืนด้วยใช่ไหม ต่อให้คุณอยู่กับผม คุณก็คิดถึงเขา ใช่ไหม”
“คุณก็ไม่ต่างกันหรอก คุณอยู่กับฉันคุณก็คิดถึงแต่หน้าคุณม่านแก้วเหมือนกันนั่นแหละ”
“คุณมันไม่รู้อะไรเลยจ๋า ไม่รู้เลย”
“คุณพูดถูกแล้ว ฉันมันโง่ ถึงได้ยอมอยู่ชดใช้เรื่องที่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ยอมให้คุณทำร้ายฉันซ้ำๆ ยอมให้คุณทำอะไรอะไรกับฉันก็ได้”
ภัทร์ธีราน้ำตาร่วง พยายามสะกดกลั้นอารมณ์
“ถ้าคุณเห็นใจฉันอยู่บ้างก็อย่ามายุ่งกับฉันอีก เพราะฉันไม่มีวันรักใครนอกจากพี่เอ้”
ภัทร์ธีราดึงตัวเองกลับมา หลับตาแล้วร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด
ตอนสายวันต่อมา ภัทร์ธีราขึ้นมาดูแลประภาเหมือนเคย แต่วันนี้ประภากลับเอาแต่มองหาใครบางคน จนภัทร์ธีราสงสัย
“คุณน้า มองหาใครอยู่รึเปล่าคะ”
ประภาหน้าเศร้า ท่าทีเซื่องซึม “ธรไปไหน”
ภัทร์ธีรานิ่งไปครู่หนึ่ง
“หนูไม่รู้หรอกค่ะ บางทีเขาอาจจะงานยุ่งเลยไม่ได้มาที่นี่”
“งั้นเหรอ”
“คุณน้าอยากเจอคุณธรเหรอคะ”
“ฉันอยากเจอธรทุกวัน ธรดูเศร้าๆ ฉันเป็นห่วง”
ภัทร์ธีราฟังแล้วแปลกใจ
“คุณธรน่ะเหรอคะดูเศร้า”
“ใช่ เศร้า” ประภามองหน้าภัทร์ธีรา “เหมือนน้องจ๋าเลย”
ภัทร์ธีราสะอึก อึ้งไป “เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ คุณธรจะรู้สึกแบบนั้นได้ยังไง คนกำลังจะแต่งงานก็น่าจะมีความสุขไม่ใช่เหรอคะ”
ประภาขมวดคิ้วนิ่วหน้า ครุ่นคิด
“ไม่ ธรไม่มีความสุข”
คำผายถือถาดอาหารเช้าของประภาเดินเข้ามา ทันได้ยินพอดี
“คำผายเห็นด้วยกับคุณท่านนะคะเรื่องที่นายใหญ่ดูไม่มีความสุข”
คำผายวางถาดลงที่โต๊ะมุมห้อง ภัทร์ธีราแปลกใจไม่หาย
“พี่คำผายรู้ได้ยังไง”
“คำผายสังเกตตอนนายใหญ่ออกไปกับคุณวลัยเมื่อเช้าค่ะ นายใหญ่ไม่ยิ้มเลย”
ประภาสะดุดหู “ธรไปกับพี่วลัยเหรอ”
“ค่ะ คิดว่าน่าจะไปบ้านคุณม่านแก้ว แต่ถ้าไปที่นั่นจริงนายใหญ่น่าจะดูมีความสุขมากกว่านี้นะคะ”
คำพูดพาซื่อของคำผาย สะกิดใจภัทร์ธีรา แต่ท้ายสุดก็คิดค้านความรู้สึกในใจตัวเองจนได้
วลัยพาวิษธรมาที่บ้านม่านแก้วเพื่อพูดคุยเจรจาเรื่องงานแต่งงาน ม่านแก้วพร้อมสร้อยแก้วให้การต้อนรับอยู่ในห้องโถงบ้าน หลังทักทายกันแล้วเสร็จวลัยยื่นกระดาษเขียนฤกษ์งามยามดีที่ได้มาจากพระอาจารย์ดังให้ดู สร้อยแก้วดูแล้วดีใจแต่ก็ตกใจนิดๆ เพราะค่อนข้างรวดเร็วกว่าที่คาดไว้
“ตามฤกษ์นี้อีกสามเดือนเองเหรอ”
“ตามที่หลวงพ่อท่านว่าเป็นฤกษ์ดีฤกษ์มงคลที่สุด แต่งไปจะมีแต่ความสุขความเจริญ ถ้าไม่ใช่วันนี้ก็ได้อีกทีปีหน้า แต่ธรเขาใจร้อนน่ะค่ะ”
วลัยหันไปมองหลานชายยิ้มๆ วิษธรยิ้มให้ม่านแก้วที่นั่งอยู่ด้วย รายนั้นเอาแต่หลบตาเขิน
“ผมเห็นว่าผู้ใหญ่ตกลงกันมาสักพัก ผมก็ไม่อยากให้น้องม่านรอด้วยน่ะครับ”
“อีกอย่างงานธรเขาที่กรุงเทพฯ ก็กำลังจะเรียบร้อยแล้วด้วย ถ้าจัดการได้เมื่อไหร่ก็เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวได้เลยนะจ๊ะหนูม่าน”
ม่านแก้วอายหนักเขินใหญ่ สร้อยแก้วหันไปถามความเห็นลูกสาว
“ว่ายังไงลูก อีกสามเดือนไม่ได้เร็วเกินไปใช่ไหม”
“ม่านแล้วแต่คุณแม่กับคุณป้า แล้วก็พี่ธรค่ะ”
“แหม น่ารักจริงๆ ธรก็ไม่มีปัญหาเหมือนกัน อีกไม่นานคงต้องเริ่มเตรียมจัดงานกันแล้วนะ”
สร้อยแก้วหัวเราะชอบใจ
“งั้นต้องรีบเลย...เอ้อ แล้วนี่เรื่องงานแต่ง คุณประภาเธอรู้เรื่องหรือยังจ๊ะ”
วลัยกับวิษธรมองหน้ากันแว่บหนึ่ง วิษธรเป็นคนตอบคำถามนี้แทน
“ยังครับ ผมอยากให้ได้วันชัดเจนก่อนถึงจะบอก แต่ถ้าคุณแม่รู้คงดีใจ”
“ดีจ้ะ จะว่าไปฉันก็ไม่ได้ไปหาคุณประภาสักพักแล้ว ฉันอยากไปเยี่ยมแกสักหน่อย แล้วก็ถือโอกาสนี้บอกข่าวดีไปเลยดีไหม”
“ดีเหมือนกัน ไปวันนี้เลยดีไหม”
“ได้สิจ้ะ”
สร้อยแก้วตอบรับอย่างยินดี วลัยก็ปลื้มใจไปด้วย มีแต่วิษธรที่แอบซึมอยู่คนเดียว
ฟากภัทร์ธีราพาประภามาเดินเล่นที่ริมคลองอีกตามคำขอ ประภามองปลาในน้ำอย่างมีความสุข ภัทร์ธีราคอยนั่งเฝ้าดูแลอยู่ข้างๆ จู่ๆ สีหน้าประภาก็เศร้าลงไป ก่อนจะร้องไห้ออกมาเบาๆ
ภัทร์ธีราตกใจ “คุณน้าร้องไห้ทำไมคะ”
“คุณวราห์ คิดถึง”
“อดีตผ่านไปแล้วให้มันผ่านไปนะคะ ตอนนี้คุณน้ามีคุณธร มีคุณป้าวลัย มีคุณดนัย พี่คำผายแล้วก็ทุกคนที่รักคุณน้า คุณน้าอย่าทุกข์อีกเลย”
“ฉันพยายามแล้ว แต่...”
ภัทร์ธีราสงสารจับใจ ขยับเข้าไปกอดปลอบ
“ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้มันอาจจะยังไม่ดีขึ้น แต่จ๋าเชื่อว่ากำลังใจจากทุกคน จะช่วยเยียวยาคุณน้าได้แน่”
“รวมถึงน้องจ๋าด้วยไหม”
“จ๋าด้วยค่ะ จ๋าเสียคุณแม่ไปตั้งแต่เด็ก อยู่กับคุณน้าทำให้จ๋าอบอุ่นเหมือนอยู่กับคุณแม่ จ๋าอยากให้คุณน้ามีความสุขนะคะ”
ประภามองซึ้งใจ
“ขอบใจนะ ฉันอยากให้น้องจ๋ามาเป็นลูกสาวฉันอีกคนเหมือนกัน”
ภัทร์ธีราเต็มตื้นจนน้ำตาคลอ
“คุณน้า อยากให้จ๋าเป็นลูกจริงๆ เหรอคะ”
“จริงสิ ฉันอยากเป็นแม่ของน้องจ๋า น้องจ๋าอยากเป็นลูกของฉันไหม”
ภัทร์ธีราพยักหน้ารับเอาคำขอ “ค่ะ คุณแม่”
รอยยิ้มจริงใจที่ส่งมาให้ ประภาซาบซึ้งกอดตอบภัทร์ธีราแน่นด้วยความดีใจ
“ลูกจ๋าของแม่”
“คุณท่านคะ...คุณท่าน”
น้ำเสียงกระหืดกระหอบของคำผายดึงขึ้นก่อนตัวจะมาถึง
“นายใหญ่กลับมาแล้วค่ะ คุณท่านจะกลับห้องเลยไหมคะ”
“น้องจ๋าพาฉันกลับไปหน่อยนะ”
ภัทร์ธีราพยักหน้าพยุงประภาขึ้น แต่คำผายทักท้วงด้วยสีหน้าลำบากใจ
“คำผายว่าให้คุณจ๋ารอที่นี่ก่อนดีกว่านะคะ”
“ทำไมล่ะจ๊ะ มีอะไรรึเปล่า”
“คือ นายใหญ่มากับคุณม่านแก้วค่ะ น่าจะมีเรื่องสำคัญคุยกับคุณท่าน”
คำผายมองภัทร์ธีราด้วยความเป็นห่วง ประภางุนงง แต่ภัทร์ธีราพอจะเดาออกว่าจะเกิดอะไรขึ้น
วลัยกับสร้อยแก้วพาม่านแก้วมาไหว้ประภา วิษธรเข้าไปพูดกับประภา
“คุณแม่ครับ นี่น้องม่านแก้ว คุณแม่จำน้องได้ไหมครับ”
ประภายิ้มให้ม่านแก้ว ยื่นมือไปจับหน้าอย่างเอ็นดู
“จำได้สิ หนูม่านแก้วคนสวย ใจดีด้วย”
“คุณน้าสบายดีนะคะ”
“ดีจ้ะ ดีขึ้นมากแล้ว”
วลัยพยักหน้าให้วิษธร “บอกแม่เขาไปสิจ๊ะธร”
วิษธรลำบากใจอยู่ครู่หนึ่ง จึงฝืนยิ้มบอกกับแม่ออกไปว่า
“คุณแม่ครับ ผมกำลังจะแต่งงานน่ะครับ”
ประภาทวนคำงงๆ “แต่งงาน”
“ครับ ผมกำลังจะแต่งงานกับน้องม่านแก้ว”
ประภามองม่านแก้ว เหมือนคิดอะไรในใจ โพล่งขึ้นกลางวงสนทนา
“ม่านแก้ว...ม่านแก้ว...แล้วน้องจ๋าล่ะ”
วิษธรอึ้งไปนิดหนึ่ง สร้อยแก้วมองหน้าประภา สงสัยว่าน้องจ๋าคือใคร
“ใครกันคะน้องจ๋า”
ประภากำลังจะตอบ แต่วิษธรชิงพูดขึ้นก่อน
“คนดูแลคุณแม่คนใหม่น่ะครับ คุณแม่ชอบเขามากแต่ไม่มีอะไรหรอกครับคงพูดถึงเฉยๆ มากกว่า”
สร้อยแก้วพยักหน้าคลายกังวล “อ๋อ จ้ะ น้าก็นึกว่ามีอะไรเสียอีก”
ประภาแทรกขึ้นอีกว่า “มีสิ ทำไมจะไม่มีล่ะ”
สร้อยแก้วทำหน้างุนงงสงสัย ประภาเลยพูดถึงภัทร์ธีราขึ้น
“น้องจ๋าเก่ง นิสัยดี ฉันชอบน้องจ๋าแล้วธรก็ชอบน้องจ๋าด้วย”
วลัยตกใจและไม่พอใจ “ภาพูดอะไรน่ะ”
ม่านแก้วหน้าเสียเห็นได้ชัด วิษธรเองก็ทำตัวไม่ถูกอยู่ชั่วขณะหนึ่ง เขาคิดปราดเดียว รีบอธิบายกับแม่
“ผมรักน้องม่านครับแม่ ผมอยากเป็นคนดูแลน้องม่านไปทั้งชีวิต แล้วผมก็คิดว่าน้องม่านจะรักและดูแลแม่ได้เหมือนกับผม”
ประภามองหน้าวิษธร เหมือนรู้ว่าลูกไม่ได้ตอบออกมาจากใจ แต่ก็ไม่ย้อนแย้งอะไรอีก วางท่าเฉยๆ
“ได้ ยังไงแม่ก็อยากให้ธรมีความสุขที่สุดอยู่แล้ว”
วลัยลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก วิษธรกลืนความเจ็บปวดลงไปลึกสุดใจ
ขณะที่ภัทร์ธีรากำลังจะเดินกลับเรือนวรกานต์ไปดูแลประภา แต่เห็นวิษธรพาม่านแก้วออกมาชมไร่ด้านหลังรีสอร์ต เลยรีบหลบเข้าข้างทาง
สองคนเดินเคียงกันไป ม่านแก้วหยุดดูดอกไม้พลางชี้ชวนวิษธรดู หนุ่มหล่อสาวสวยพูดคุยกันกระหนุงกระหนิง ภัทร์ธีรามองภาพตรงหน้า เจ็บแปลบในใจ
ภัทร์ธีราไม่อยากเห็นภาพบาดตานั้นคิดจะหลบไปให้พ้นๆ แต่กลับรีบร้อนจนไปสะดุดชนกระถางต้นไม้แถวนั้น
“โอ๊ย”
ม่านแก้วได้ยินร้องเบาๆ นั้น
“เสียงอะไรคะพี่ธร”
วิษธรเหลียวหาที่มา ก่อนจะเดินไปดูมุมหนึ่ง ภัทร์ธีราตั้งหลักได้จะหลบไป แต่วิษธรมาเห็นเข้า
“จ๋า”
ภัทร์ธีราอึกอัก หาทางเลี่ยงไป
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจมากวนคุณ ฉัน...”
ภัทร์ธีราจะหนีวิษธรคว้าแขนเธอไว้ กำลังจะพูดอธิบาย แต่ม่านแก้วตามมาถึงพอดี
“พี่ธร มีอะไรรึเปล่าคะ”
วิษธรรีบปล่อยมือภัทร์ธีราทันที
“ไม่มีอะไรครับ เขาแค่เดินชนนิดหน่อยน่ะ”
ม่านแก้วมองหน้าภัทร์ธีรา “คุณเป็นอะไรไหมคะ เจ็บตรงไหนไหม”
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ เชิญพวกคุณตามสบาย ฉันกำลังจะไปดูแลคุณประภาต่อ ไม่อยากให้ท่านรอ”
ม่านแก้วแปลกใจ “คุณรู้จักคุณน้าด้วยเหรอคะ”
ภัทรธีรามองหน้าวิษธร ไม่รู้จะพูดว่าอะไร วิษธรเลยตอบแทน
“พี่ลืมแนะนำเลยนี่คุณจ๋า คนดูแลคนใหม่ของแม่พี่”
“อ๋อ...คนนี้นี่เอง คุณแม่พี่ธรเพิ่งพูดถึงอยู่เมื่อกี้นี้เองนี่คะ”
ม่านแก้วพูดและยิ้มให้อย่างเป็นมิตร จนภัทร์ธีรานึกสะท้อนใจที่เห็นว่าสองคนดูเหมาะสมกันมาก
“คุณคงเป็นคุณม่านแก้ว เห็นคนในรีสอร์ทพูดกันว่าคุณกำลังจะมีข่าวดีกับคุณธร ฉันขอแสดงความยินดีล่วงหน้านะคะ”
ม่านแก้วหน้าแดง วิษธรไม่ชอบใจนักที่ภัทร์ธีราพูดแบบนั้น
“ม่านไม่รู้เลยว่าข่าวไปเร็วขนาดนี้”
“ที่นี่อยู่กันไม่กี่คน เวลามีเรื่องอะไรก็รู้แทบจะพร้อมกันอยู่แล้วค่ะ ฉันดีใจนะคะที่รีสอร์ตนี้จะมีนายหญิงคนใหม่ที่น่ารักอย่างคุณม่านแก้ว”
ม่านแก้วเขินอยู่อย่างนั้น “ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ”
วิษธรหมั่นไส้ นึกอยากประชดภัทร์ธีรากลับ จึงเดินเข้ามาโอบไหล่ม่านแก้ว
“แต่พี่ว่าคุณจ๋าพูดถูกนะ น้องม่านเป็นคนน่ารักจริงๆ ใครๆ ก็อยากให้มาเป็นนายหญิงคนใหม่ของที่นี่”
วิษธรพูดกับม่านแก้วแต่สายตาเหลือบมองที่ภัทร์ธีรา ภัทร์ธีราพยายามอดกลั้นไว้
“เชิญคุณสองคนตามสบายดีกว่า ฉันไม่รบกวน ขอตัวนะคะ”
ภัทร์ธีราพูดตัดบทแล้วเดินเลี่ยงออกไปเลย วิษธรมองตามตาละห้อย
ฟากสรัชมาซื้อของเข้าร้าน พอจัดการเสร็จก็พาตัวเองมานั่งซึมอยู่ที่ร้านกาแฟของห้าง อิชยาเดินเข้ามากับเพื่อนคนหนึ่ง เห็นสรัชก็ตกใจ หันไปบอกเพื่อนว่า
“แกไปรอที่โต๊ะก่อนเดี๋ยวฉันตามไป”
เพื่อนพยักหน้าให้แล้วเดินเข้าไปด้านใน อิชยาเดินเข้าไปทักทายสรัช
“พี่เอ้ มาเดินเล่นเหรอคะ”
สรัชเงยหน้าขึ้นมามองเห็นเป็นอิชยาก็แปลกใจ
“พี่มาดูของเข้าร้านเลยมาหาอะไรกินหน่อย”
“เจอพี่เอ้ก็ดีเลย ยาว่าจะโทร.ไปคุยกับพี่เอ้อยู่พอดี”
“คุยกับพี่เรื่องอะไรเหรอ”
“เรื่อง…จ๋าน่ะค่ะ จ๋าโทร.หาพี่เอ้แล้วใช่ไหมคะ”
สรัชได้ยินชื่อภัทร์ธีราก็ซึมลงไปอีก
“โทร.มาแล้วล่ะ ขอโทษด้วยนะที่วันนั้นพี่ไปโวยวายใส่ยา”
“ยาไม่ถือหรอกค่ะ ยารู้ว่าพี่เอ้เป็นห่วงจ๋า แล้วนี่จ๋าว่าไงบ้างคะ”
“เหมือนเดิม พี่อยากไปหาเขา แต่เขาไม่ให้พี่ไป”
“อีกแล้วเหรอคะ”
“ก็เหมือนทุกที เขาปฏิเสธพี่ จนตอนนี้พี่ชักไม่แน่ใจแล้วว่าเขายังถือว่าพี่เป็นแฟนเขาอยู่หรือเปล่า”
สรัชหน้าเศร้าเห็นชัดแจ้ง ปวดร้าวเรื่องภัทร์ธีรา อิชยาพยายามปลอบ
“แต่จ๋าก็โทร.มาแล้ว มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะคะ”
“พี่ไม่รู้ว่ามันจะมีหรือไม่มีอะไร พี่แค่เป็นห่วงเขา อยากเจอเขา อยากรู้ว่าเขายังสบายดีไหมแต่เขาไม่เคยบอกอะไรเลย ถึงถามยา ยาก็คงบอกว่าไม่รู้ ใช่ไหม”
อิชยาพยักหน้า
“ค่ะ…ยาก็รู้เท่าที่พี่เอ้รู้ ยาโทร.ไปจ๋าก็ไม่รับสายเหมือนกัน”
“พี่ไม่รู้ว่าคิดไปเองไหม แต่พี่คิดว่า...จ๋าเปลี่ยนไป ไม่เหมือนคนเดิมที่พี่เคยรู้จัก”
ใบหน้าสรัชหมองลงไปอีก แต่ก็ฝืนยิ้มออกมา อิชยาเห็นใจเหลือเกินแต่ไม่รู้จะช่วยอีกฝ่ายยังไง
ภัทร์ธีรากลับมาพักในห้อง พยายามลืมเรื่องวิษธรกับม่านแก้ว แต่ก็ทำไม่ได้ สักพักมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เสียงคำผายเรียกดังมาจากหน้าห้อง
“คุณจ๋าคะคุณจ๋า อยู่รึเปล่าคะ”
ภัทร์ธีราลุกไปเปิดประตูให้พลางถาม
“ว่าไงจ๊ะพี่คำผาย”
คำผายรับรู้ได้ว่าภัทร์ธีราน่าจะมีอะไรในใจ แต่ก็ไม่ถาม ยื่นของในมือให้แทน
“คำผายเอาเสื้อผ้าที่ซักแล้วกับเสื้อใหม่ที่คุณธรเลือกซื้อให้ แล้วก็โทรศัพท์มาให้คุณจ๋าค่ะ”
คำผายวางเสื้อผ้าในตู้เรียบร้อย แล้วจึงเดินกลับมายื่นมือถือภัทร์ธีราที่วิษธรยึดไปให้ ภัทร์ธีราแปลกใจ
“นี่มันโทรศัพท์จ๋านี่ ทำไม…”
“นายใหญ่ให้เอามาให้ค่ะบอกว่าเผื่อคุณอยากโทร.หาเพื่อน”
ภัทร์ธีรางุนงง “จ๋าน่ะเหรอ”
“ค่ะนายใหญ่บอกมาแค่นี้”
ภัทร์ธีรารับโทรศัพท์มา ยิ้มขื่นขมอย่างคนน้อยใจ
“เขายึดโทรศัพท์ฉันไปตั้งนาน แต่กลับไม่เอามาคืนเอง คงไม่อยากเห็นหน้าฉันแล้วสินะ”
“ทำไมคุณจ๋าคิดอย่างนั้นล่ะคะ”
“ก็ตอนนี้เขามีคุณม่านแก้วให้ดูแล เขาคงกลัวแฟนจะคิดมาก”
คำพูดเหมือนไม่มีอะไร แต่คำผายรู้ดีว่าภัทร์ธีราพูดประชด
“ไม่หรอกค่ะ นายใหญ่ไม่ได้คิดอย่างนั้น”
“แล้วเขาจะคิดอะไรได้”
“นายใหญ่ไม่ได้อยู่กับคุณม่านแก้วค่ะ คุณม่านกลับไปสักพักแล้ว ที่นายใหญ่ไม่มาเองเพราะตอนนี้กำลังยุ่งเรื่องงานมากกว่า”
ภัทร์ธีราสะดุดหู แปลกใจ
“งานเหรอ ก็เขาลางานกลับมาที่นี่แล้วจะมีงานอะไรอีก”
คำผายส่ายหน้า “คำผายไม่ทราบค่ะ แต่คงเรื่องสำคัญน่าดู”
ภัทร์ธีราสังหรณ์ใจว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่
อิชยากลับเข้าบ้านมา นั่งพักเหนื่อยอยู่ในห้องโถง จนเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อิชยาเห็นชื่อภัทร์ธีราโทร.มาหาก็ตื่นตกใจระคนดีใจ รีบรับทันที
“จ๋า โอ๊ย ในที่สุดแกก็โทร.มาซักที”
ภัทร์ธีราโทร.มาจากห้องพักที่เรือนท้ายสวนของรีสอร์ต แปลกใจกับน้ำเสียงเพื่อนที่ดูดีใจเวอร์ๆ
“ใช่ ฉันโทร.มาแล้ว แกตกใจอะไรยา”
“ก็ตกใจดีใจที่แกโทร.มาหาฉันนั่นแหละ รู้ไหมว่าตั้งแต่คราวก่อนแกก็เงียบยังกะหายเข้าป่าไปอย่างนั้นแหละ นี่แกอยู่ไหน คงไม่ได้เข้าป่าจริงๆ ใช่ไหม”
ภัทร์ธีราหัวเราะขำ “เปล่า ก็บอกแล้วไงว่ามาเที่ยว”
“เที่ยวอะไรของแกนักเนี่ย กลับมาได้แล้ว คนอื่นเขาเป็นห่วง”
“ใกล้จะได้กลับแล้วฉันเลยโทร.มาหาแกไง แล้วนี่แกได้ข่าวที่บ้านฉันมั่งไหม เขาเป็นยังไงกันบ้าง”
อิชยาแปลกใจว่าทำไมภัทร์ธีราถามเรื่องนี้
“ทำไมถามงี้ แกไม่ได้ติดต่อที่บ้านเลยเหรอ”
ภัทร์ธีรานึกได้รีบพูดกลบเกลื่อน
“ฉันคุยกับอาจีอยู่ แต่ไม่ได้เล่าอะไรมาก กลัวเขาเป็นห่วง”
“แกนี่มันขยันทำให้คนอื่นเขาว้าวุ่นจริงๆ เล้ย ที่บ้านแกอะฉันไม่รู้ แต่ที่รู้คือพี่เอ้นี่เสียจริตมากค่ะ ถามหาแกไม่เว้นวัน”
ภัทร์ธีราอึ้งไป และสีหน้าเศร้าลงเมื่อได้ยินชื่อสรัช
“แกพูดจริงเหรอยา”
“พูดจริงนี่ฉันช่วยแกสุดๆ ผิดศีลข้อมุสาใกล้จะตกนรกอยู่แล้วเนี่ย กลับมาซักที หรือจะบอกความจริงเขาไปก็ได้ นะจ๋านะ”
ภัทร์ธีราลำบากใจที่จะบอกว่าตัวเองทำอะไรอยู่
“ฉันยังบอกพี่เอ้ไม่ได้ แต่อีกไม่นานฉันจะกลับไป แกช่วยฉันอีกหน่อยนะยา”
“แกรู้ว่าขอมาฉันก็ใจอ่อนตลอด ถามจริงเหอะจ๋า ในเมื่อแกบอกว่าคุณธรเขาไม่ได้เป็นอย่างที่แกคิด แล้วตอนนี้แกรออะไรอยู่”
“ฉันน่ะเหรอรอ”
“ใช่ ก็ความจริงแกควรจะกลับมาแล้ว แต่นี่แกกลับรีรอเหมือนพยายามซ่อนความจริงอะไรไว้อีก หรือว่าพอแกรู้ทุกอย่างแกก็ปกป้องเขา แทนที่จะเกลียด”
ภัทร์ธีราปฏิเสธทันที “ไม่ใช่นะ ฉันไม่มีวันทำแบบนั้น”
อิชยาชะงัก สงสัยไม่หาย แต่กลัวเพื่อนไม่สบายใจ เลยเลือกที่จะทำเป็นเชื่อไปก่อน
“ก็ได้ ฉันเชื่อแก ว่าแกไม่มีวันคิดอะไรกับคุณวิษธรมากกว่าเห็นเขาเป็นศัตรู”
“ไม่มีทาง ฉันไม่มีวันรู้สึกอะไรกับเขา”
ภัทร์ธีรารู้ว่าตัวเองกำลังฝืนใจพูด อิชยาเองก็รับรู้ แต่ไม่ถามอะไรอีก ภัทร์ธีราตัดบท
“แค่นี้ก่อนนะยา ฉันขอโทร.หาพี่เอ้ก่อน เดี๋ยวมีอะไรฉันโทร.ไป”
ภัทร์ธีราวางสายไป
อิชยาวางสายเช่นกัน แต่สีหน้าเครียดเป็นห่วงเพื่อนไม่คลาย จนมีเสียงอรดีดังขึ้น
“เมื่อกี้ฉันได้ยินชื่อคุณวิษธรด้วย”
อิชยาตกใจหันไปเห็นอรดีเดินเข้ามาหา
“พี่ดี้…”
อรดีจ้องหน้าน้องสาวเค้นเอาความจริง “แกกำลังคุยกับใครอยู่ ทำไมถึงมีชื่อคุณวิษธรด้วย บอกฉันมานะ”
“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกพี่ดี้ ยาแค่เม้าท์มอยกับเพื่อนแล้วโยงไปถึงเฉยๆ”
“จริงเหรอ”
“จริง นี่ยาเพิ่งมาถึงบ้าน เหนื่อยมากเลย ยาไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”
อิชยาเดินเลี่ยงหนีขึ้นบ้านไปโดยเร็ว อรดีจิกตามองตาม สงสัยเต็มๆ
ทางด้านสรัชนั่งอมทุกข์เรื่องภัทร์ธีราอยู่ที่ห้องบนบ้านเหมือนเดิม จนกระทั่งมีเสียงเรียกเข้าดังขึ้น สรัชมองชื่อคนโทร.มา แล้วแทบไม่เชื่อสายตาว่าจะเป็นสายจากภัทร์ธีรา เขารีบกดรับโดยไว
ภัทร์ธีราอยู่ที่ห้องพักเรือนท้ายสวนหลังรีสอร์ต วางสายจากอิชยาก็โทร.หาสรัชทันที
“พี่เอ้ จ๋าเองค่ะ”
สรัชดีใจมากที่ภัทร์ธีราโทรมา
“จ๋า พี่นึกว่าจ๋าจะหายไปเลยซะอีก พี่รอตั้งนาน”
“จ๋าขอโทษนะคะที่คราวก่อนพูดไม่ค่อยดีกับพี่เอ้ พี่เอ้อย่าโกรธจ๋านะ”
“แค่จ๋าโทรมาพี่ก็หายแล้วค่ะ นี่จ๋ายอมให้พี่ไปหาแล้วใช่ไหมถึงโทร.มา”
“ไม่ใช่ค่ะพี่เอ้”
สรัชหน้าจ๋อยลงไปในทันทีที่ได้ยินคำปฏิเสธอีกครั้ง
“แล้วจ๋าโทร.หาพี่ทำไม”
“จ๋า…คิดถึงพี่เอ้ไงคะเลยโทร.มา”
“จริงเหรอ” สรัชถามเนือยๆ
“จริงสิคะ ถึงจ๋าจะอยู่ที่นี่แต่จ๋าคิดถึงพี่เอ้ทุกวันเลยนะ”
สรัชฟังเสียงภัทร์ธีราแล้วไม่เชื่อว่าจะพูดจริง ตัดพ้อไปว่า
“ถ้าจ๋าคิดถึงพี่ แล้วทำไมทำเหมือนคนที่ไม่แคร์ความรู้สึกพี่เลยล่ะ”
ภัทร์ธีราอึ้งไป “จ๋า…ทำอะไรเหรอคะ”
“ก็จ๋าหายไปเลย โทร.หาก็ไม่รับ อยากไปหาก็ไม่ให้ไป พี่เป็นห่วงจ๋าจนแทบบ้าทุกวัน แต่ไม่มีอะไรที่ชัดเจนจากจ๋าสักอย่าง จ๋ารู้ไหม บางทีพี่ก็ท้อเป็นนะ”
สรัชพูดตัดพ้ออย่างน่าสงสาร จนภัทร์ธีรารู้สึกผิด
“จ๋าขอโทษค่ะพี่เอ้”
“แต่เอาเถอะ อย่างน้อยจ๋าก็โทร.มาแล้วถ้าจ๋าสบายดี พี่ก็สบายใจ”
“จ๋าขอโทษจริงๆ นะคะพี่เอ้ จ๋าจะไม่แก้ตัวอะไรทั้งนั้น ถ้าพี่เอ้จะโกรธจะเกลียดจ๋า จ๋าจะไม่ว่าอะไรสักคำ”
“จ๋าก็รู้ว่าพี่ทนเกลียดจ๋าไม่ได้หรอก”
“ไม่จริงหรอกค่ะ ถ้าพี่เอ้รู้เรื่องทุกอย่างพี่เอ้อาจจะเกลียดจ๋าก็ได้ แต่ไม่เป็นไรนะคะ อีกไม่นานจ๋าจะกลับไปแล้วจ๋าจะรับผิดชอบทุกอย่างที่จ๋าทำไว้”
“หมายความว่ายังไงจ๋า”
ภัทร์ธีราน้ำตาคลอ กลั้นก้อนสะอื้นเอาไว้
“จ๋าขอโทษค่ะพี่เอ้”
ภัทร์ธีราน้ำตาร่วง รู้สึกผิดต่อสรัช เสียใจเรื่องวิษธรด้วย ขณะที่สรัชงุนงงสงสัยไม่หาย ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนรัก
วิษธรอยู่ในออฟฟิศรีสอร์ต เปิดแฟ้มดูเอกสารเรื่องหุ้นของธาราทั้งหมด และคุยสายกับโบรกเกอร์ขายหุ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดมาถึงตอนท้ายของการสนทนา
“ตามที่ผมแจ้งไป ผมจะเทขายหุ้นของธาราทั้งหมด ฝากคุณจัดการให้ที แล้วพรุ่งนี้ผมจะเข้าไปเซ็นเอกสารให้เรียบร้อย ครับ ขอบคุณมาก”
วิษธรวางสายไป มองเอกสารนิ่งๆ มีแววกังวลวาบขึ้นมาแว่บหนึ่งในแววตา แต่ก็เปลี่ยนมาเป็นวิษธรที่เย็นชาคนเดิม
คำผายเคาะประตูขออนุญาต
“นายใหญ่คะ คำผายเอาของมาคืนค่ะ”
“เข้ามาเลยคำผาย”
คำผายเดินเข้ามาวางของในมือลงบนโต๊ะ วิษธรเหลือบมองด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“คุณจ๋าฝากมาคืนค่ะ บอกว่าทำตามที่นายใหญ่สั่งเรียบร้อยแล้ว”
วิษธรมองโทรศัพท์มือถือของภัทร์ธีรา แล้วยิ้มเยาะออกมา
“งั้นเหรอ ขอบใจมาก คำผายไปพักเถอะ”
“ค่ะนายใหญ่”
คำผายเดินพ้นห้องออกไปแล้ว วิษธรมองมือถือบนโต๊ะอีกครั้ง อย่างลังเลใจ เสียงของภัทร์ธีราที่บอกว่ารักแต่สรัชดังก้องขึ้นมาในหัว
“อย่ามายุ่งกับฉันอีก เพราะฉันไม่มีวันรักใครนอกจากพี่เอ้”
สุดท้ายวิษธรก็หยิบมือถือขึ้นมาจนได้ กดดูหน้าจอเห็นชื่อสรัชเป็นคนล่าสุดที่ภัทร์ธีราโทร.ไปหา
“โทร.ไปหาเขาจริงๆ”
วิษธรกระแทกโทรศัพท์ลงกับโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์
ค่ำนั้นภัทร์ธีราขึ้นมาดูแลจัดยาให้ประภาเหมือนเคย ประภานั่งรออยู่แล้ว มองจ้องหน้าภัทร์ธีราและสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเธอหมองเศร้า
“ยังอารมณ์ไม่ดีอีกเหรอ”
“หนูดูเป็นแบบนั้นเหรอคะคุณน้า”
ประภานิ่วหน้าเชิงทักท้วง ภัทร์ธีรานึกได้
“เอ้อ...ค่ะแม่”
“คิดถึงบ้านอยู่รึเปล่า”
ภัทร์ธีราไม่อยากให้ประภาไม่สบายใจ เลยเออออไปตามเรื่อง
“สงสัยจะเป็นอย่างนั้นน่ะค่ะ จ๋าไม่ได้กลับบ้านสักพักแล้ว”
“คุณแม่ก็เสียแล้ว ตอนนี้ใครเป็นคนดูแลน้องจ๋าล่ะ”
ภัทร์ธีราไม่ยอมเอ่ยชื่อพรพจีออกมา ตอบเลี่ยงไปว่า
“จ๋ามีคุณอาที่รักจ๋าเหมือนลูกแท้ๆ เป็นคนส่งเสียน่ะค่ะ”
“เหรอ แล้วน้องจ๋ารักคุณอาไหม”
“รักสิคะ รักจนไม่คิดว่าคนที่ดีอย่างคุณอาจะเป็นอย่างอื่นได้”
ภัทร์ธีรารีบหยุดคำพูดไว้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ประภาจะสงสัย
“ดีจัง”
ประภาหน้าเศร้าลง แล้วนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
“ถ้าวราห์ยังอยู่ ธรคงมีครอบครัวอบอุ่นเหมือนคนอื่น แต่มันพังหมดแล้ว”
จู่ๆ ประภาก็ปล่อยโฮออกมา ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร ภัทร์ธีรากลัวประภาเป็นอะไรอีกรีบเข้าไปปลอบ
“เรื่องนั้นมันผ่านไปแล้วนะคะ”
“ไม่เหลืออะไรเลย ถูกมันเอาไปหมด”
ประภาพูดอย่างขมขื่นใจ ภัทร์ธีราโอบกอดไว้ ประภาหันมาหาภัทร์ธีรา
“อยากรู้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“คะ”
“นังผู้หญิงชั่วมันทำกับครอบครัวฉัน”
“คุณ...พรพจีเหรอคะ”
แววตาของประภาเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวเมื่อชื่อพรพจีถูกเอ่ยขึ้นมา
“เพราะมัน เพราะมันคนเดียว วราห์ถึงเปลี่ยนไป เขาเคยเป็นคนดี ดีมาตลอด จนกระทั่ง…”
เรื่องราวเมื่อครั้งอดีตที่บ้านในเชียงใหม่พรั่งงพรูออกมาจากปากของประภา
เริ่มจากเหตุการณ์ที่วราห์กับเด็กชายวิษธรนั่งเล่นอยู่ด้วยกันที่สนามหญ้าหน้าบ้าน วราห์ทำเครื่องบินจากไม้ไผ่จนเสร็จ เอามาให้ลูกชายตัวน้อยดู
“นี่ พ่อลองทำเครื่องบินที่ธรชอบมาให้ดู พ่อทำเองเลยนะ”
วิษธรมองเครื่องบินที่พ่อทำให้ อย่างตื่นเต้นดีใจ
“เจ๋งไปเลยครับพ่อ พ่อเก่งจัง แล้วนี่ มันเป็นไม้แบบนี้มันจะบินได้ไหม”
“เอ พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน ต้องทดลองดูก่อน แต่เครื่องบินเป็นเหล็กทั้งลำยังขึ้นไปบินบนฟ้าได้ ทำไมเครื่องบินไม้พ่อจะทำไม่ได้”
วราห์พูดขำๆ วิษธรหัวเราะ
“แต่เครื่องบินแบบนั้น พี่น้องตระกูลไรท์ทดลองตั้งหลายปีไม่ใช่เหรอครับพ่อ กว่าจะบินได้”
“เอาน่า ให้พ่อลองก่อน เดี๋ยวธรก็รู้เอง”
“พ่อแน่ใจนะครับ”
“แน่สิ”
วิษธรทำหน้าเหมือนไม่ค่อยเชื่อ วราห์บอกให้ความมั่นใจกับลูกชายอีกว่า
“แต่ถึงพ่อจะไม่เก่งเรื่องประดิษฐ์อะไรพวกนี้ พ่อก็มั่นใจว่าดีพอจะทำให้แม่กับธรมีความสุขได้นะ”
“พูดกับผมแบบนี้พ่อก็ไม่ได้อะไรเพิ่มนะครับ ต้องบอกแม่นู่น”
วิษธรหัวเราะร่า วราห์ยิ้มชื่นสุขใจ จากนั้นสองพ่อลูกก็พากันเล่นเครื่องบินที่วราห์ทำขึ้น
ประภายืนมองพ่อลูกเล่นเครื่องบินกันอยู่ตรงระเบียงบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข วิษธรหันมาโบกมือให้ประภายิ้มกว้าง
สักพักเสียงโทรศัพท์เครื่องในบ้านก็ดังขึ้น ประภาหันไปมองแล้วหันไปทางวราห์เชิงถาม วราห์ชี้เข้าไปในบ้านเชิงบอกให้ไปรับ ประภาพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าบ้านไป
ประภาเดินเข้ามารับสายในบ้าน
“สวัสดีค่ะ ประภาพูดค่ะ”
เสียงที่ดังตอบมาเป็นเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง
“ฮัลโหล ขอสายคุณวราห์ค่ะ”
ประภาแปลกใจ “ไม่ทราบว่ามาจากไหนคะ ฉันจะได้ไปบอกเขาให้”
“เอ๊ะ นี่”
น้ำเสียงฉุนเฉียวของผู้หญิงคนนั้นเงียบไปเฉยๆ ประภาต้องถามย้ำ
“คุณคะ ว่ายังไงคะ คุณ…”
ไม่มีเสียงตอบกลับมา และสายถูกตัดไปเลย ประภาขมวดคิ้วสงสัย ก่อนจะมองออกไปที่วราห์ตรงสนามหน้าบ้านด้วยแววตาครุ่นคิดสงสัย
ประตูห้องนอนถูกเปิดออก โดยประภาที่แอบเข้ามาเงียบๆ ไม่ให้สามีรู้ เธอเดินตรงไปที่ตู้เก็บของส่วนตัวของวราห์ ยื่นไปเปิดประตูตู้ออกแต่แล้วก็ดึงมือกลับ มองด้วยความลังเล จนนึกเสียงผู้หญิงที่โทร.มาหาสามีเมื่อครู่
“ฮัลโหล ขอสายคุณวราห์ค่ะ”
“ไม่ทราบว่ามาจากไหนคะ ฉันจะได้ไปบอกเขาให้”
“เอ๊ะ นี่…”
ในที่สุดความอยากรู้อยากเห็นก็เป็นฝ่ายชนะ ประภาตัดสินใจเปิดประตูตู้นั้นออกแล้วค้นดูข้าวของส่วนตัวในนั้น
ค้นไปค้นมาสักพัก กล่องใบหนึ่งก็ตกลงมา เห็นซองจดหมายจำนวนหนึ่งกระจัดกระจายอยู่บนพื้น
ประภาเหลือบมองด้วยความสงสัย ก่อนจะนั่งลงค่อยๆ หยิบจดหมายนั้นขึ้นมาเปิดออกดู อ่านข้อความในนั้นด้วยมืออันสั่นเทา
“ถึงวราห์ที่รักของจี…”
ประภากำจดหมายแน่น น้ำตาคลอ ไม่อยากเชื่อเลยว่าสามีจะคิดนอกใจ
ประภารับรู้ว่าก่อนหน้านั้น วราห์แอบไปพบกับพรพจีที่กรุงเทพฯ ทั้งสองเดินดูร้านเพชรด้วยสีหน้าชื่นมื่น พอมาถึงร้านที่ถูกใจพรพจีก็ชวนวราห์เข้าไปดู พรพจีมองเพชรตาวาว
“อุ๊ย ดูสิคะคุณวราห์ สร้อยเส้นนี้ สวยจังเลยค่ะ”
วราห์มองตามเห็นด้วย
“สวยจริงๆ ด้วยจี”
พนักงานขายเห็นสองคนสนใจ เลยเชียร์เป็นการใหญ่
“รุ่นนี้สั่งทำพิเศษเลยนะคะ น้ำงามมาก ถ้าคุณผู้หญิงใส่จะต้องสวยมากแน่ๆ ค่ะ”
“แหม ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ดิฉันพูดจริงค่ะ คุณผู้ชายซื้อให้คุณผู้หญิงใส่สิคะ นี่เส้นสุดท้ายแล้วด้วยนะคะ”
วราห์มองดูราคาจากป้ายแล้วอึดอัดลำบากใจ
“แต่ราคาสูงอยู่เหมือนกันนะ”
พรพจีมองวราห์ แสร้งทำเป็นเกรงใจ
“คุณวราห์ไม่ต้องซื้อให้จีก็ได้นะคะ จีว่ามันสวยดีแต่จีเกรงใจ”
ปากพรพจีปฏิเสธแต่มองสร้อยเพชรนั้นสีหน้าเศร้า วราห์เห็นก็ใจอ่อน
“ไม่เป็นไร ถ้าจีอยากได้ ผมซื้อให้จีได้ ผมเอาเส้นนี้แหละครับ”
พนักงานเอาสร้อยออกจากตู้โชว์มาให้ลองสวมดู พรพจีจับสร้อยบนคอยิ้มปลาบปลื้ม ลอบมองวราห์ด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์แว่บหนึ่ง
ถัดมาสองคนแวะทานอาหารด้วยกันในร้านหรู พรพจีคอยตักอาหารป้อนเอาใจวราห์อย่างหวานชื่น
“อร่อยไหมคะ จีรู้ว่าคุณชอบเลยสั่งมาให้เป็นพิเศษ”
วราห์มองพรพจีอย่างหลงใหล
“ถ้าเป็นจีป้อนแบบนี้อะไรก็อร่อยทั้งนั้น”
“คุณจะพูดเอาใจจีเกินไปแล้วนะคะ”
“ผมพูดจริงแค่มีคนที่ทั้งสวยทั้งเก่งอย่างจีอยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะทำอะไรผมก็มีความสุขทั้งนั้น”
พรพจีแสร้งหลบตาทำเป็นเขินอาย
“คุณแน่ใจเหรอคะว่าอยู่กับจีแล้วมีความสุข”
“แน่ใจสิจี ถ้าเลือกได้ผมอยากอยู่กับจีไปทั้งชีวิต”
“ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่จีถามคุณวันก่อน คุณจะตอบจีว่ายังไงคะ”
“เรื่องอะไร”
พรพจีเท้าคางมองวราห์ยิ้มยั่วยวน และหว่านเสน่ห์ใส่
“จำเรื่องบริษัทอสังหาที่จีกำลังจะลงทุนได้ใช่ไหมคะ”
“อ๋อ เรื่องนั้น ผมจำได้”
“ไหนๆ เราจะเป็นพาร์ตเนอร์กันแล้ว จีก็อยากให้คุณมีส่วนร่วมในชีวิตของจีทุกเรื่อง”
พรพจียื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหูวราห์
“คุณจะไม่ปฏิเสธความต้องการของจีใช่ไหมคะ วราห์ขา”
วราห์ฟังแล้วลังเลไปครู่หนึ่ง แต่พอมองใบหน้าพรพจีก็ใจอ่อนยวบ
หลังจากนั้น วราห์นอนกอดพรพจีอยู่บนเตียง ทั้งๆ ที่น่าจะมีความสุขล้น แต่วราห์กลับอดรู้สึกผิดไม่ได้ พรพจีเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบๆ ไป เลยถามขึ้น
“เป็นอะไรไปคะ ไหนคุณบอกว่าอยากอยู่กับจี วันนี้เราก็ได้อยู่ด้วยกันแล้ว คุณไม่มีความสุขหรอกเหรอ”
“ผมมีความสุข แต่เรื่องที่จีขอผม มันตัดสินใจยาก”
พรพจีเอามือไปแตะปากวราห์ให้หยุดพูด
“จีทุ่มเททุกอย่างให้คุณแล้ว คุณจะไม่ทำเพื่อจีบ้างเหรอคะ”
สีหน้าวราห์สลดลงนิดหนึ่ง พรพจีตีหน้าเศร้า
“หรือว่าคุณไม่รักจี”
“ผมก็รักคุณจี รักมากจริงๆ”
“จีพิสูจน์แล้วว่าชีวิตของจีเป็นของคุณ จีฝากชีวิตไว้กับคุณแล้ว”
“คุณไม่กลัวว่าผมจะหลอกคุณเหรอ”
“คุณไม่มีทางหลอกจีหรอกค่ะ”
“อะไรทำให้จีมั่นใจในตัวผม”
พรพจีมองหน้าวราห์ พูดหว่านล้อมด้วยคำหวาน
“เพราะจีเชื่อในตัวคุณ จีถึงเลือกที่จะเป็นของคุณ ขอแค่คุณเชื่อในตัวจีจีจะไม่ทำให้ทุกอย่างที่คุณทุ่มเทมาสูญเปล่า”
พรพจีซบออเซาะวราห์
“วันหนึ่งเราจะได้อยู่ด้วยกัน จะไม่มีใครแยกเราจากกันได้อีก นะคะวราห์”
วราห์โอบพรพจีจากที่ลังเลก็เริ่มมั่นใจขึ้น ลุกไปหยิบสมุดเช็คเซ็นจ่ายเงินให้
พรพจีมองตาม ยิ้มกริ่มที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
ประภานิ่งไปเมื่อเล่าถึงตรงนี้ น้ำตาคลอเบ้า
“สุดท้ายเขาก็เชื่อมัน ยอมขายที่เอาบ้านไปจำนอง แล้วยังแอบเอาเงินก้อนสุดท้ายที่บ้านเรามีไปให้มัน…ไม่เหลืออะไรอีกเลย แถมยังเป็นหนี้ท่วมหัว”
ภัทร์ธีราถึงกับพูดไม่ออก ประภาเริ่มตัวสั่นพูดพึมพำคนเดียว
“ไม่เหลือเลย ไม่เหลืออะไรเลยมันหลอกเขาแล้วมันก็เอาทุกอย่างไป มันทำให้ครอบครัวของเราพัง…มันเอาไปหมด เอาไปแม้แต่ชีวิตวราห์”
ร่างประภาทรุดลงอีก เอามือกุมศีรษะร้องไห้
ภัทร์ธีราตกใจมาก “แม่คะ”
“วราห์ไม่อยู่แล้ว วราห์ตายแล้ว ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว”
ประภาร้องไห้คร่ำครวญอย่างคนหัวใจสลาย ภัทร์ธีราน้ำตาร่วงเข้ากอดปลอบ
“แม่ยังมีจ๋าอยู่นะคะ จ๋านี่ไงที่จะอยู่กับแม่”
“ไม่ ไม่มี ไม่มีใครอยู่กับฉันอีกแล้ว ไม่มี…ไม่มี”
ภัทร์ธีราสงสารจับใจ กอดประภาไว้ทั้งตัวในสภาพน้ำตานองหน้า ประภาเอาแต่ร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง แล้วเริ่มดิ้นและชัก เหมือนคนควบคุมสติตัวเองไม่ได้ ภัทร์ธีราตกใจกอดประภาแน่นขึ้นแล้วตะโกนให้คนช่วย
“ช่วยด้วย มีใครอยู่แถวนี้ไหม คุณนัย พี่คำผาย”
ไม่มีเสียงใครตอบมา ประภาเริ่มชักแรงมากขึ้น ภัทร์ธีรากลัวมาก นึกถึงวิษธรขึ้นมา ตะโกนเรียกเขาดังลั่น
“คุณธร คุณอยู่ที่ไหน ช่วยคุณน้าด้วย”
ภัทร์ธีราจับตัวประภาไว้ร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง แต่แล้วประตูก็เปิดออกอย่างแรง ภัทร์ธีรามองไปแล้วถึงกับอึ้งเมื่อเห็นเป็นวิษธรมาช่วยจริงๆ วิษธรมองดูอาการแม่แล้วตกใจ
“แม่”
วิษธรเข้ามาช่วยประคองประภา ภัทร์ธีราลนลานทำอะไรไม่ถูก
“คุณ…คุณน้า...”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ผมจัดการเอง คุณออกไปก่อน”
ภัทร์ธีราลังเลเหมือนอยากอยู่ช่วย เลยถูกวิษธรตะเพิด
“ไปสิ”
ภัทร์ธีราพยักหน้ายอมจำนน ลุกเดินออกไปในที่สุด
กลับมาถึงห้อง ภัทร์ธีรานั่งหวั่นกลัวเนื้อตัวสั่นอยู่บนเตียง เรื่องที่ได้ยินได้ฟังจากประภา
“ไม่เหลือเลย ไม่เหลืออะไรเลย มันหลอกเขาแล้วมันก็เอาทุกอย่างไป มันทำให้ครอบครัวของเราพัง…มันเอาไปหมด เอาไปแม้แต่ชีวิตวราห์”
ภัทร์ธีรายกมือปิดหูหลับตาลง พยายามจะไม่คิดถึงมัน
“อาจีทำอย่างนั้นจริงเหรอคะ ทำไมๆๆ อาริน จ๋าควรจะทำยังไงดี…”
ภัทร์ธีราน้ำตาไหลพราก ทั้งสงสารประภา และเสียใจกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น
วิษธรเดินมาหยุดที่หน้าห้องภัทร์ธีรา ยืนจ้องประตูนิ่งนาน จู่ๆ ประตูก็เปิดออกมา ภัทร์ธีราตกใจที่เห็นเขายืนจ้องอยู่ วิธษรอึ้งนิ่งงันไป เพราะจวนตัวจะหนีไปไหนก็ไม่ทันแล้ว ทั้งคู่เลยต่างยืนอึกอักอ้ำอึ้งกันอยู่สักพัก จนกระทั่งภัทร์ธีราเป็นฝ่ายถามทำลายความขึ้น
“คุณ…มีอะไรรึเปล่า”
วิษธรแก้ตัวให้วุ่น “เปล่า ผมแค่…เดินผ่านมา”
ภัทร์ธีรามองอย่างเคลือบแคลงใจ สุดท้ายวิษธรตัดสินใจพูดออกมาว่า
“ความจริงผมมีเรื่องจะบอก”
“มีอะไรก็รีบพูดเข้าเถอะ ฉันจะไปดูแลคุณน้า”
“เรื่องของคุณนั่นแหละ ผม กำลังคิดว่าจะส่งคุณกลับบ้าน”
ภัทร์ธีรานิ่งงันไป
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นคุณอยากกลับใจจะขาดอยู่แล้วไม่ใช่รึไง รีบกลับไปซะ คุณเอ้ของคุณจะได้หายคิดถึง”
วิษธรพูดประชดขึ้นมาก่อน ภัทร์ธีราเลยประชดกลับ
“คุณพูดถูก ตอนนี้ฉันคิดถึงพี่เอ้จนจะบ้าตายอยู่แล้ว ขอบคุณนะที่คิดได้สักทีว่าควรทำอะไร”
วิษธรยัวะ “คิดถึงกันมากก็กลับไปอยู่ด้วยกันซะให้พอใจ ผมเองก็ทนเห็นหน้าพวกธนาพัทธ์ที่ผมเกลียดมานานเกินไปแล้ว”
“ดี ฉันก็ชดใช้ให้คุณมามากพอแล้วเหมือนกัน ปล่อยฉันออกไปจากที่นี่ซะ แล้วทั้งชีวิตนี้ไม่ต้องมาเจอกันอีกได้ก็ยิ่งดี คุณวิษธร”
ภัทร์ธีราพูดกระแทกเสียงตอนท้ายด้วยความน้อยใจแล้วเดินหนี
วิษธรได้แต่มองภัทร์ธีราเดินจากไปด้วยความเสียใจ
ที่กรุงเทพฯ อรดีแวะมาหาสรัชถึงที่บ้านเพื่อคุยเรื่องของภัทร์ธีราที่ได้ยินมาจากน้องสาว สรัชแปลกใจ
“พี่ดี้มาหาผมเพราะเรื่องจ๋าเหรอครับ”
“จ้ะอย่างที่รู้ๆ กันว่าน้องจ๋าของเอ้น่ะแอบไปตะลอนๆ ต่างจังหวัดคนเดียวมาสักพักแล้วแต่ไม่รู้หายไปไหน พี่ข้องใจเรื่องนี้มากเลยต้องมาคุยกับเอ้นี่ล่ะ”
“แต่พี่ดี้น่าจะรู้แล้วนี่ครับว่าจ๋าเขาไปเที่ยว”
“โอ๊ย ใครๆ เขาก็รู้เรื่องนี้ทั้งนั้นล่ะค่ะ เพราะยัยจ๋าเที่ยวบอกใครต่อใครว่าแบบนั้น แต่…เอ้ไม่สังเกตเหรอว่ามันแปลกๆ”
อรดีทำเป็นกระซิบกระซาบกลัวใครมาได้ยิน
“พี่รู้สึกว่าน้องจ๋าน่ะจะต้องมีความลับอะไรที่เราไม่รู้อีกแน่ๆ”
“ความลับเหรอครับ”
“ที่แรกพี่ก็ไม่อยากเชื่อนะ แต่บังเอิ๊ญบังเอิญเมื่อวานพี่ไปได้ยินยัยยาคุยโทรศัพท์มีพูดชื่อคุณธรด้วย…แล้วคนโทร.มาคงจะเป็นใครไม่ได้นอกจากน้องจ๋า”
สรัชหูผึ่งอยากรู้ขึ้นมาทันที
“แล้วเขาคุยเรื่องอะไรกันเหรอครับ”
“ก็ประมาณว่าอยากให้จ๋ากลับมาซักที คุณธรไม่ได้เป็นอย่างที่คิด แต่ยัยจ๋าอาจจะคิดอะไรๆ กับคุณธรไปแล้ว ทำนองนี้น่ะจ้ะ”
อรดีลอบมองปฏิกิริยาผู้ฟังไปด้วย สรัชอึ้งไป แต่ยังไม่อยากเชื่อ
“ผมว่าอาจจะไม่ใช่จ๋าก็ได้”
“พี่ก็บอกอยู่นี่ไงจ๊ะว่าทีแรกไม่อยากเชื่อ แต่เอ้คิดดูจะมีเพื่อนยาซักกี่คนที่รู้จักคุณธรจนคุยกันแล้วพูดชื่อออกมาได้”
สรัชคิดตามแล้วก็เริ่มหน้าเครียด อรดีได้ทีรีบใส่ไฟเป็นการใหญ่
“พี่ไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับน้องจ๋า แต่พี่ว่าเอ้อย่านิ่งนอนใจมากนักเลย เพราะพี่ก็พอรู้ว่าบ้านเขาน่ะซุกซ่อนเรื่องคาวฉาวโฉ่ไว้เพียบ พี่ไม่อยากให้เอ้เสียใจเพราะผู้หญิงแบบนั้น จริงๆ นะ”
สรัชเงียบไป นึกถึงตอนที่คุยกับภัทร์ธีราวันก่อน แล้วก็เริ่มคล้อยตามอรดีขึ้นมา
ด้านพรพจีคุยงานกับพนักงานโรงแรมอยู่ในห้องทำงาน สีหน้าเครียด น้ำเสียงเข้ม
“ถ้าลูกค้าเขาขออัพเกรดห้องไม่ได้แล้วจะขอเงินคืน แบบนี้ก็ไม่ต้องไปง้อ คืนเงินเขาไปเลย เราก็บริการเต็มที่ทุกอย่างแล้ว เสียเวลา” เห็นพนักงานยังยืนนิ่งเป็นเสา พรพจีชักฉุน “ไม่เข้าใจหรือไง ฉันบอกให้จัดการเดี๋ยวนี้”
พนักงานรีบลนลานออกไปพรพจีสูดหายใจเข้าลึกๆ ทำใจ จรัลเดินเข้ามา หน้าเสียอย่างเห็นได้ชัด
“คุณจีครับ คือ...”
พรพจีเห็นสีหน้าจรัลก็รู้ว่ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นอีกแน่ จรัลยื่นเอกสารบางอย่างให้ พรพจีรับมาดูแล้วก็อึ้ง
“เป็นไปได้ยังไง…”
เอกสารดังกล่าว เป็นเอกสารการซื้อขายหุ้นของโรงแรมธาราที่วิษธรเทขายไป จรัลหน้าเสียอึกอักอยู่อย่างนั้น
“ผม…ไม่ทราบครับ...ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“อะไรนะ ไม่ทราบ นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยนะ ทำไมคุณถึงไม่รู้”
“ผมไม่ทราบจริงๆ ครับ เอกสารเพิ่งส่งมาวันนี้ ผมไม่รู้เลยว่า คุณธรถอนหุ้นออกไปตั้งแต่เมื่อไร”
“ทำไมจู่ๆ ธรถึงทำแบบนี้นี่มันหมายความว่ายังไง”
“ที่จริงคุณจีน่าจะทราบมากกว่าผมนะครับ”
“ถ้ารู้ฉันจะโง่ถามคุณเหรอ”
พรพจีปาเอกสารทิ้งอย่างแรง จนจรัลผงะถอยไป พอตั้งตัวได้ก็พยายามปลอบพรจี
“คุณจีใจเย็นก่อนนะครับ ไว้ผมจะตาม...”
“ไม่ ฉันไม่เย็นแล้ว ฉันต้องการรู้รายละเอียด คุณไปหาข้อมูลมาอธิบายกับฉันให้ได้ เดี๋ยวนี้”
พรพจีพูดด้วยน้ำเสียงอันเกรี้ยวกราด สับสนไปหมด จรัลพยักหน้ากลัวแล้วรีบออกไป
พอจรัลพ้นห้องไปแล้ว พรพจีก็ทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาอย่างคนหมดแรง
“ไม่…ธร…คุณไปไหน...คุณจะไม่ทิ้งฉันไปใช่ไหม…ไม่”
พรพจีโทร.หาวิษธรอีก แต่เขาก็ไม่รับสาย จนเธอเริ่มจิตตก
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ คุณกำลังทำอะไรอยู่ ธร”
อ่านต่อ ตอนที่ 22
#เพลิงรักไฟมาร #thaich8 #ละครออนไลน์