DIAMOND EYES ตา-สัมผัส-ผี ตอนที่ 5
ตอน "คดีนักเรียนหญิง (1)"
บรรยากาศในช่วงเย็น บรรดานักเรียนพากันเดินออกจากโรงเรียนมัธยมนานาชาติ
เอมิเดินออกมามองซ้าย มองขวาอยู่บริเวณหน้าโรงเรียน ก่อนหยิบโทรศัพท์ออกมาโทร.หาพ่อ ...
ปลายสายไม่รับสาย เธอวางสายก่อนตัดสินใจเดินออกไป
เอมิยืนมอง ... หาทางกลับบ้าน
เฌอแตมเดินมาเห็นเข้าก็ถามเพื่อน
"บ้านอยู่ไหนหละ"
"รามอินทรา" เอมิบอก
"อยู่ทางเดียวกันเลย"
"จะกลับบ้านเลยหรือเปล่า"
"ว่าจะไปหาอาที่โรงบาลก่อน"
ซินที่ขับมอเตอร์ไซต์อยู่ เห็นเอมิกับเฌอแตมยืนอยู่
ซินจอดรถก่อนรีบเดินกลับมา
เอมิกำลังจะพูดต่อ ซินก็วิ่งเข้ามา
เอมิมองอย่าเคืองๆ
"มาทำอะไรแถวนี้ครับเอมิ"
เอมิยังไม่ตอบ
แต่เฌอแตมตาวาวทันทีเมื่อเห็นหนุ่มหล่อ
ซินรู้สึกหน้าแตก ก่อนสังเกตเห็นชุด
"จะกลับบ้านใช่มั้ย ผมไปส่งได้นะ"
เอมิรีบควงแขนเฌอแตม
"ไปกันเถอะเฌอแตม"
เฌอแตมมองงงๆ
พูดจบ เอมิก็รีบพาเฌอแตมมโบกแท็กซี่แล้วออกไปเลย
ซินมองตามอย่างนอยๆ
ระหว่างที่เอมิกับเฌอแตมนั่งรถแท็กซี่มาด้วยกัน เฌอแตมเห็นเอมิหงอยๆไปเลยตัดสินใจถาม
"นี่แกรู้จักพี่ซินได้ไงเนี่ย"
"เพื่อนพ่อ"
"หา เพื่อนพ่อ พ่อเธออายุเท่าไหร่ถึงมีเพื่อนเด็กขนาดนี้ เป็นกิ๊กเธอล่ะสิ"
"แหวะ ไม่ชอบอ่ะ"
"แน่นะ"
"อืม"
เอมิยิ้มๆ
เอมิกับเฌอแตมนั่งรออยู่ที่หน้าห้องตรวจในโรงพยาบาล เห็นผู้กองเพชรเดินออกมากับหมอก้อย
"เอมิ มาได้ยังไงนี่"
"มากับเพื่อนค่ะ ก็ไม่มีคนไปรับก็ต้องกลับเองซิ"
"ผมขอตัวนะครับ"
พูดจบ ผู้กองก็พาเอมิเดินออกไป
หมอก้อยมองตามท่าทางแปลกๆแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
ผู้กองเพชรเดินนำเอมิเข้าบ้านมา วางกุญแจรถแล้วเดินไปเปิดตู้เย็น
ส่วนเอมิถอดร้องเท้าเสร็จ กำลังจะเดินตรงเข้าห้อง
"แค่วันแรกก็เถลไถลแล้วนะ" เพชรบอก
เอมิหันมองพ่ออย่างไม่เข้าใจ
"ก็โทร.หาคุณแล้วแต่ไม่รับสายนี่"
"ก็ฉันกำลังตรวจตาอยู่ แล้วไปเรียนเป็นยังไงบ้าง"
เอมิอึกอักไม่อยากพูดถึง
"ก็ยังมีปัญหาเรื่องการปรับตัวค่ะ นักเรียนไทยเอาแต่ก้มหน้าเล่นมือถือ เอมิเลยไม่รู้จะคุยกับใคร"
"อยู่ๆไปก็ชินเอง"
ทั้งคู่ยังคงอยู่ในช่วงอึดอัด
"หนูขอตัวไปทำการบ้านก่อนนะคะ"
เอมิเดินหน้าจ๋อยๆเข้าห้องนอนไป
เอมิกำลังนั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะ จู่ๆเสียงเตือนในเฟซบุ๊กก็ดังขึ้น เธอหันมองโน๊ตบุ๊ก
เห็นข้อความเตือนจากเพื่อนแท็กมา
เอมิกดเข้าไปดู เป็นวีดีโอไลฟ์สดหัวข้อว่า “Club Ghost EP5 ผีสาวที่โรงเรียนหญิงล้วน”
"โรงเรียนฉันหนิ"
เอมิกดคลิกเข้าไป
ในเวลากลางคืน หลังโรงเรียน ซินกำลังถือโทรศัพท์แล้วพูด
"สวัสดีครับ ผมซิน ยินดีต้อนรับสู่รายการ คลับ โกสท์ นะครับ อ่า…สำหรับ EP5 ในวันนี้ เราอยู่ที่ไหนกันครับ คุณเฟิร์สครับ"
มุมภาพในวีดีโอ แพลนไปเห็นเฟิร์สกำลังเตรียมจุดธูปขอขมา
เฟิร์สบอก
"เราอยู่ที่โรงเรียนหญิงล้วนแห่งหนึ่งครับ ขอสงวนไม่บอกชื่อแล้วกัน"
มิคบอก
"แต่เราจะบอกใบ้นิดนึงว่า เพิ่งมีเด็กนักเรียนโรงเรียนนี้ครับ ผูกคอตายในห้องเรียนเมื่อเดือนที่แล้วเอง"
มิคหันกล้องมาพูด
"ซึ่งความเฮี้ยนของผีสาวตนนี้ก็หลอกหลอนคนในโรงเรียนเอง หรือแม้แต่ผู้ที่คิดมาลองของก็หัวโกร๋นกันไปหลายรายแล้วครับ"
เฟิร์สเดินเข้ามา
"ผมทำพิธีขอขมาเรียบร้อยแล้วครับคุณผู้ชม"
"ตอนนี้ก็เป็นเวลา 5 ทุ่มพอดีเป๊ะ ไปกันเลยดีกว่าครับ" มิคบอก
ซิน มิค เฟิร์สส่องไฟฉายนำขึ้นมา
ทั้งสามค่อยๆเดินก้าวขึ้นบันไดไปอย่างระมัดระวัง
มุมภาพแบบวิโอมีคอมเม้นเมามากมาย เช่น “ไปที่นั่นจริงดิ” , “ระวังจะไม่ได้กลับออกมานะ” พร้อมอีโมติคอนรูปผี
ซินค่อยๆหันโทรศัพท์มาพูด
"ตอนนี้นะครับ เราอยู่กันที่อาคารเรียนเก่า ซึ่งเป็นที่ที่นักเรียนคนนั้น จบชีวิตลงที่นี้"
ซินกำลังจะพูดต่อ ก็ได้ยินเสียงแอ๊ดเหมือนประตูหรือหน้าต่างเปิดเอง จึงรีบหันโทรศัพท์ไปถ่าย
ปรากฏว่า หน้าต่างที่ไม่ได้ลงกลอนถูกลมพัดเปิด-ปิดอยู่บานเดียว เฟิร์สหันมองมิคแบบสั่นๆ
ขณะที่มิคพยักหน้าให้ไปต่อ
จังหวะที่ทั้งคู่กำลังจะเลี้ยวไปในโรงเรียน เสียงประตูก็ลั่นดังปังจากอีกทาง ทั้งคู่สะดุ้งโหยง
สามหนุ่มยืนหอบหายใจ ตั้งสติก่อนถ่ายทำต่อ
ซินรายงานสถานการณ์เบื้องหน้า “ลมพัดครับคุณผู้ชม เราไปกันต่อเลย”
เฟิร์สเดินส่องไฟฉายไปเรื่อยๆ
ทั้งสามกำลังเดินผ่านห้องห้องหนึ่ง
ซินส่องไฟเข้าไป เป็นห้องเรียนมืดๆ แต่เขาไม่ได้สนใจ
จังหวะที่เดินผ่านไป จะเห็นเงาร่างๆของนักเรียนหญิงยืนอยู่ด้านใน
ภาพจากวิดีโอ กำลังถ่ายบอร์ดไว้อาลัยด้านหน้าห้องเรียน ก่อนแพลนไปถ่าย เฟิร์สค่อยๆผลักประตูห้องเรียนเข้าไป ทั้งคู่ดูกล้าๆกลัวๆ
ซินถ่ายเฟิร์สไปด้วย พูดไปด้วย
“ตอนนี้นะครับ เราก็ลังจะเข้าไปในห้องที่นักเรียนคนนั้นเสียชีวิตครับ บรรยากาศตอนนี้ยิ่งเพิ่มความน่ากลัวขึ้นไปอีกครับ ไม่แน่นะครับคุณผู้ชม เราอาจจะได้เจออะไรในห้องนี้ก็ได้”
พูดจบ ประตูห้องเรียนปิดใส่หน้ามิคดังปัง !
ในห้องเรียน ซิน เฟิร์สสะดุ้งหันมา
มิคเองก็ตกใจจนโทรศัพท์หล่นที่หน้าห้องเรียน
ซินพยายามเปิดประตูจากด้านใน
“ไอ้มิคมึงเล่นอะไรเนี่ย เปิดประตูดิ” ชินว่า
มิคสะบัดมือข้างที่โดนประตูปิดใส่
“มึงอะแหละเล่นอะไร กูถ่ายอยู่จะปิดประตูได้ไง” มิคว่า
เฟิร์สบอก “มึงอย่ามาตลก กลอนประตูมันอยู่ด้านนอก ล็อกได้ไง”
มิคมองประตูและเห็นกลอนล็อกอยู่จริงๆ
“กูไม่ได้ล็อกจริงๆนะเว้ย”
เฟิร์สเริ่มอารมณ์เสีย
“เดี๋ยวทีกูบ้างนะมึง”
เฟิร์สพูดจบก็ส่องไฟฉายไปที่ประตูหลังก่อนเห็นว่าเปิดอยู่ จึงเดินไป
ด้านนอกมิคก็พยายามดึงกลอนประตูออกแต่ก็ทำไม่ได้
ซิน เฟิร์สกำลังจะเดินถึงประตู ประตูก็ปิดใส่หน้าทันที
มิคหันมอง
“มึงจะเล่นอีกนานมั้ยไอ้มิค”
“กูอยู่นี่”
ซิน เฟิร์สส่องไฟฉายไปหน้าประตู พบว่ามิคยังยืนอยู่ที่เดิม
“มึงก็รีบออกมาดิ” เฟิร์สบอก
มิคพยักหน้าก่อนก้มลงหยิบมือถือมาถ่าย เห็นช่วงขาของนักเรียนหญิงใส่แต่ถุงเท้า
มิคค่อยๆเงยหน้ามอง เห็นช่วงเสื้อที่เปื้อนเลือด
มิคกลืนน้ำลาย
มือที่ถือโทรศัพท์ค่อยๆหันมาถ่ายวิดีโอไว้
มิคค่อยๆเลื่อนหน้าจอขึ้นมาในระดับใบหน้า ก่อนตัดสินใจเงยหน้ามองผ่านวีดิโอ
ในมือถือปรากฏใบหน้าของนักเรียนหญิงคนนั้น
มิคร้องโวยวายจนล้มลงไป
“ไอ้มิค! มึงเป็นอะไรว่ะ!” เฟิร์สถาม
มิคยังร้องโวยวายอยู่ที่พื้น
จากปลายเท้ามิคเห็นว่าร่างของนักเรียนหญิงค่อยๆขยับเข้ามา
“อย่าเข้ามานะ กะ…กลัวแล้ว…อย่า”
เฟิร์สมองเห็นว่ามิคมีอาการกลัว ทั้งที่ว่างๆ
เฟิร์สก็พยายามเปิดประตูหลังให้ได้
มิคร้อง “กลัวแล้ว อย่าเข้ามา…”
รปภ.ประจำโรงเรียน วิ่งเข้าเปิดประตูให้
“นี่มาทำอะไรกัน..ที่นี่เป็นที่ห่วงห้าม อยากติดคุกกันหรือไง รีบไสหัวไป”
วันต่อมา ที่โรงเรียนมัธยม นานาชาติ บรรยากาศในห้องเรียนดูคึกคักตามปกติ
เจด้ากับมิ้งค์ซุบซิบกัน ก่อนเดินมาเอาเก้าอี้ลากมานั่งกับเอมิ
เจด้าเปิดฉากถาม “ได้ดูคลิปที่แท็กหาเมื่อคืนป่ะ”
“ได้ดู”
“สนใจอยากทำแบบพวกนั้นมั้ย?”
“ไม่เอาหรอก มันดู อันตรายอ่ะ”
“กลัวหละสิ เอาจริงๆนะ ในคลิปเราก็ไม่เห็นอะไร พวกนั้นอาจจะแค่แกล้งทำ แกล้งเป็นลมก็ได้” มิ้งค์บอก
“ใครๆก็เห็นว่ากลอนประตูมันไม่ได้ล็อกซะหน่อย จะแกล้งทั้งที ไม่เนียนเลย”
เอมิเงียบไป ไม่ได้ตอบ
เจด้าบอก “ถ้าเปลี่ยนใจอ่ะ คืนนี้ 4 ทุ่ม มาเจอกันหลังโรงเรียนได้นะ”
เฌอแตมเดินเข้ามาพร้อมสมุดกองโต
“ครูจะมาแล้วนะ”
เจด้าหันมองก่อนชวนมิ้งค์กลับที่นั่ง
เอมิยังนิ่งอยู่ เพราะใจจริงเธอไม่คิดจะไปอยู่แล้ว
+++
ผ่านเวลาจนถึงช่วงเย็น เอมิเดินออกหน้าโรงเรียน ซึ่งมีนักเรียนกำลังจะกลับบ้าน เธออยู่ในกลุ่มเพื่อน ทำท่าจะกดโทรศัพท์
ซินเดินเข้ามาหา
“หวัดดีเอมิ”
คนอื่นๆ ต่างแนะนำตัวกันใหญ่
“สวัสดีค่ะ ชื่อเฌอแตมนะ คุณชื่ออะไรอ่ะ”
“เจด้านะคะ”
“ มิ้งค์นะคะ”
ซินพยักหน้า
เจด้าถาม “พี่ใช่พี่ซิน คลับโกสท์หรือเปล่าคะ”
“ใช่ครับ”
“วันนี้มาถ่ายผีหรอคะ” มิ้งค์ถาม
“เปล่าครับ พอดีแวะมาแถวนี้”
รปภ. จำชินได้ เดินเข้ามาหา
“นายเข้ามาทำอะไรที่นี่”
“อ๋อ มารับน้องกลับบ้านครับ”
ชินรีบแก้ตัว พูดจบก็ลากแขนเอมิออกมาทันที
ซินเดินตามเอมิมาตามทาง
“ที่พูดเมื่อกี๊หมายความว่าไง ผีไทย ผีญี่ปุ่นอะไร”
“คืนนี้เอมิกับเพื่อนๆจะพิสูจน์ให้เห็นว่า เรื่องผีนักเรียนที่ตาย เป็นแค่เรื่องแต่งขึ้นมาเท่านั้น”
ซินคิดตามก่อนนึกออก
“ไม่ได้นะเอมิ มันอันตราย” ชินบอก
“ผีไม่อันตรายหรอก คนต่างหากอันตรายกว่าผีอีก” เอมิบอก
ซินหน้าเสียไปที่โดนว่าเข้าตัว
“ยังไงก็ไม่ได้นะ คุณไม่รู้หรอกว่าพวกวิญญาณร้ายๆ พวกที่ไม่ได้ตายโดยธรรมชาติ มันน่ากลัวขนาดไหน”
เอมิหยุดเดิน
“พูดอย่างกับเคยเจอ”
เอมิเดินต่อ ซินสุดเซ็งก่อนรีบไปดักหน้า
“ผมจะบอกพ่อคุณ”
“อย่าบอกพ่อนะ”
“งั้นก็ต้องให้ผมไปด้วย”
บริเวณทางเดินในโรงเรียน ในกลางคืน ชิน และกลุ่มนักเรียนร่วมชั้นของเอมิ เดินเกาะกลุ่มกันมาตามทางเรื่อยๆ ซินเดินตามหลังคอยสอดส่องไฟและระวังหลังให้
ด้านหน้ามีเจด้ากับมิ้งเดินนำพร้อมไฟฉาย
มิ้งค์บอก
“ฉันไปอ่านข่าวเก่าๆย้อนหลังมานะ มีช่วงหนึ่งตำรวจเคยสงสัยว่าอาจเป็นการฆาตกรรมด้วย แต่จู่ๆเรื่องก็เงียบไป”
ซินฟังอยู่ก็คิดตามไปเรื่อยๆ
“อาจจะเป็นเสี่ยที่พี่จีจี้คบอยู่ เป็นคนฆ่าก็ได้” เจด้าบอก
มิ้งค์ตั้งข้อสังเกต
“รู้สึกจะรับราชการด้วยนะ ตำแหน่งอาจจะสูงพอที่จะปิดส่วนที่เป็นเรื่องจริงก็ได้”
จู่ๆซินก็รู้สึกแปลกๆเหมือนมีอะไรผ่านวูบทางหลังไป
เขาส่องไฟฉายไปไม่เจออะไร
เวลาเดียวกัน เพชรเข้ามาในบ้าน ถามแม่บ้าน
“เอมิล่ะ”
“ยังไม่กลับเลยค่ะ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“ครับหมอก้อย”
“เฌอแตมอยู่ที่บ้านผู้กองรึเปล่าค่ะ”
“ไม่อยู่ครับ”
บริเวณบอร์ดไว้อาลัย....
ทั้งหมดยืนอยู่ที่หน้าห้องด้วยความเซ็ง
“เอาไงแก รอตั้งนานแล้วไม่เห็นมีอะไรเลย” มิ้งค์ถาม
เฌอแตมบอก“จะ 5 ทุ่มแล้วนะ ถ้ามีอะไรป่านนี้เราคงเจออะไรบ้างแล้ว”
แต่เจด้ายังไม่ตอบ ยังอยากรอต่อไป
“กลับดีกว่านะ เราก็มากันตั้งนานแล้วไมเห็นมีอะไรเลย” เอมิบอก
เจด้านึกออก
“รายการคลับโกสท์ ที่ 2 คนนั้นเจอผีอ่ะ ก็เจอช่วงเวลานี้หนิ”
เพื่อนคนอื่นๆทำหน้าไม่เข้าใจ
“ฉันเคยได้ยินมาว่า คนที่ตายไม่ดี วิญญาณมักจะกลับมาตายที่เดิมเวลาเดิมทุกวัน”
หลังจากเจด้าพูดจบก็ได้ยินเสียงหน้าต่างเปิดปิดเองเหมือนในคลิป
ชินเห็นแสนแสบ
“อ้าวพี่แสบ มาทำอะไรที่นี่”
“มาถ่ายคลิปลงยูทูปเรียกยอดไลค์ยอดวิว” แสนแสบบอก
เสียงประตูห้องเรียนห้องหนึ่งดังลั่น
สาวๆต่างร้องเสียงหลง
เจด้าบอก “เหมือนในคลิปที่พวกนั้นเจอจริงๆด้วย”
ซินจะเดินตามไป จู่ๆประตูหน้าห้องที่เกิดเหตุก็เปิดขึ้น
ซินกับเอมิหันมอง
ซินทำท่าจะเดินต่อแต่เอมิดึงไว้ ก่อนมองหน้าอย่างท้าทายแล้วเดินเข้าไป
ผู้กองเพชรขับรถมากับหมอก้อยไปตามหาเอมิและเฌอแตม
เอมิกับซินอยู่อยู่หน้าประตูห้องเรียน
เสียงประตูปิดดังปัง !
ซินเดินไปดันๆออกก็ไม่ยอมเปิด ซินรีบเดินไปประตูหลังก็เห็นว่าปิดเองจริงๆ ซินออกแรงดันอีกครั้งก็ดันไม่ได้
ซินรีบฉายไฟไปทั่วห้องก่อนเดินมาหาเอมิ
“อยู่ใกล้กันไว้นะ”
เอมิเองก็เริ่มหวั่นๆกับสิ่งที่เห็นเห็นกับตาตัวเอง แต่ยังทำใจกล้า
จู่ๆเสียงประตูหน้าก็ดังเหมือนมีคนเขย่าถี่ๆ
เอมิกรี๊ดออกมาแบบตกใจจริงๆ
ซินส่องไปที่ประตู ก่อนเห็นอะไรผิดปกติ
ที่พื้นมีรอยฝุ่นตลบเหมือนใครกระทืบเท้าอยู่ตรงนั้น
เสียงเงียบไป ในห้องตกอยู่ในความมืดอีกครั้ง !
จู่ๆโต๊ะนักเรียนก็ล้มระเนระนาดเหมือนมีคนล้มโต๊ะใส่ ก่อนที่จะหยุดที่โต๊ะตัวกลางและกำลังสั่นไหว
เอมิที่แอบอยู่หลังซินก็ช็อกกับภาพที่เห็น พร้อมน้ำตาที่เอ่อออกมา
ซินเริ่มทนไม่ไหว
“ออกมา!”
เอมิตกใจที่ซินตะโกนท้าทายออกมาอย่างนั้น
เสียงเงียบไป…
“ผมรู้นะว่าคุณอยู่ในนี้ ถ้าคุณอยากให้ช่วย ผมก็จะช่วยเท่าที่ทำได้ หรือคุณต้องการอะไร บอกผมได้เลย” ชินว่า
เอมิถาม “พูดกับใครอ่ะ”
จู่ๆก็ได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดจากด้านบน
ซินค่อยๆมองขึ้นไป ปรากฏร่างของจีจี้ที่เพิ่งโดนแขวนคอ
ทุกคนกรีดร้องเสียงดัง
“ไปกันเถอะเด็กๆ”
ทุกคนวิ่งออกจากห้อง ยกเว้นซินที่เดินเข้าไปหยิบของอะไรบางอย่าง
ผู้กองเพชรขับรถพาหมอก้อยที่นั่งมาด้วยมาจอดที่หน้าโรงเรียนมัธยมนานาชาติ ทั้งสองรีบลงจากรถเดินเข้าไปในโรงเรียน
ต่อมา เอมิ ซิน เฌอแตม เจด้า มิ้งค์ วิ่งหนีมาเจอผู้กองเพชรมากับหมอก้อย
“เอมิ!” เพชรเรียก
“เฌอแตม กลับบ้าน” หมอก้อยบอก
เพชรเดินเข้าไปหาซิน
“ถ้ายังไม่เลิกยุ่งกับเอมิ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน” ผู้กองเพชรบอก
“ผมมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับผู้กอง ผมเจอหลักฐานที่เชื่อว่า จีจี้ถูกฆ่าตาย”
ซินยื่นโทรศัพท์มือถือจีจี้ให้เพชร
ซินดูซีเรียสกว่าที่เคยเห็น
เช้าวันต่อมา ในห้องที่โต๊ะครูฝ่ายปกครองมีเอมิ เฌอแตม เจด้า มิ้งค์ ยืนก้มหน้าอยู่หน้าครูนพดล
“สรุปจะไม่มีใครพูดอะไรใช่ไหม”
มิ้งค์หันมองเจด้าที่เป็นต้นคิดให้พูดไป
“หนูขอโทษค่ะครู หนูทำอะไรไปโดยไม่คิด” เอมิบอก
เจด้าค่อยหันมอง
“คือตอนหนูอยู่ญี่ปุ่น หนูกับเพื่อนๆก็ชอบเข้าไปลองของกันตามสถานที่ที่มีเรื่องเล่าค่ะ แต่ลืมไปว่าที่นี่เมืองไทย”
“ครูจะอนุโลมให้เธอนะ ส่วนคนที่เหลือแทนที่จะเตือนเพื่อน กลับเห็นดีเห็นงามกันหมด”
เจด้า เฌอแตม มิ้งค์ยังก้มหน้าสำนึกผิด
“ส่วนเรื่องผีรุ่นพี่ที่เธออยากเจอนักเจอหนา มันไร้สาระมากรู้มั้ย” ครูนพดลบอก
“แต่หนูว่าพี่เขาอยู่ที่นี่จริงๆนะคะ” มิ้งค์ว่า
เจด้าดึงแขนเสื้อมิ้งค์ไม่ให้พูดมาก
“เอาเป็นว่าวันนี้ครูจะกักตัวพวกเธอไว้ให้ช่วยงานฝ่ายกิจกรรมนักเรียนก่อน ถือเป็นการทำโทษ
กลับไปเข้าห้องเรียนได้แล้ว”
ทุกคนเดินออกไปจากห้องพักครูฝ่ายปกครอง
ทั้ง 4 สาวเปิดประตูห้องพักครูเดินออกมา แต่ละคนมีสีหน้าเซ็งๆ
เฌอแตมบอก
“ขอบใจนะเอมิที่รับผิดแทน… แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้ทุกคนโดนทำโทษ”
เอมิจับมือให้เฌอแตมใจเย็นๆ
“ช่างเหอะ ถือว่าได้สนุกร่วมกัน” เอมิบอก
“สนุกบ้าอะไร ถ้าพ่อแม่รู้ ฉันโดนตัดเงินเดือนแน่ กำลังเก็บตังค์ซื้อกระเป๋าใหม่ด้วย” มิ้งค์ว่า“ใช่ โทรศัพท์เครื่องใหม่ที่พ่อจะซื้อให้ สงสัยอดแน่” เจด้าบอก
ณ ห้องปฏิบัติการหน่วย D.E.I แอ๊บบี้เปิดประตูเข้ามาอย่างรีบร้อน
“ผู้กองคะ”
“ได้อะไรมาบ้าง”
“แอ๊บบี้ให้ร้านซ่อมโทรศัพท์กู้ข้อความทั้งหมดด่วนที่สุด เจออะไรบ้างรู้มั้ย”
แอ๊บบี้ยื่นแฟ้มออกมา ด้านในมีกระดาษหลายแผ่น
“นี่เป็นข้อความข่มขู่จีจี้หลายข้อความ”
ร.ต.อ.เพชร ภูมิไทคิดนิดนึง ก่อนถาม
“ใครส่งมาให้เธอ”
“โทรศัพท์เบอร์นี้เลิกใช้ไปแล้ว กำลังหาเจ้าของเบอร์คนสุดท้ายอยู่ค่ะ ภาพทั้งหมดอยู่ในทรัมไดร์ฟนี้ค่ะ”
เพชรหยิบทรัมไดร์ฟมาเสียบกับคอมพิวเตอร์เปิดดูรูปภาพ
ที่จอโน๊ตบุ๊กเห็นจีจี้ถ่ายเซลฟี่กับของหรูๆ อาหารหรูๆ ดูเป็นคนรวยมีรสนิยม
ต่อมา ผู้กองเพชร หมวดสาริน แอ๊บบี้ หมู่จักรและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆของ DEI เดินเข้ามาในโรงเรียนมัธยมนานาชาติ บรรดานักเรียนต่างมองเป็นตาเดียว
ครูนพดลและครูผู้บริหารคนอื่นๆเดินมาขวางทางไว้
“พวกคุณจะมาทำอะไรกันอีกในเมื่อคดีจบไปแล้ว” นพดลบอก
“ผมเชื่อว่านักเรียนของคุณไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่ถูกฆาตกรรม” ผู้กองเพชรบอก
“มีหลักฐานอะไร”
“ผมยังไม่สามารถบอกอะไรได้ตอนนี้ มันจะเสียรูปคดี”
หมวดสาริน “ผมขอเข้าไปดูที่เกิดเหตุด้วยนะครับ”
“ถ้าไม่มีหมายค้นจากศาล ผมยอมให้พวกคุณเข้าไปไม่ได้”
แอ๊บบี้หยิบหมายค้นที่เตรียมมาส่งให้
“นี่ค่ะ หมายค้น”
นพดลอ่านเอกสารแล้วจำยอมให้ผู้กองเพชรและเจ้าหน้าที่หน่วยDiamond eyes เดินเข้าไปในอาคาร
เจด้า มิ้งค์ และนักเรียนคนอื่นๆ มองดูผู้กองเพชรและเจ้าหน้าที่ DEI เข้ามาในอาคารเรียนที่เกิดเหตุ
มิ้งค์พูดถาม “เอมิ เอมิ นั่นพ่อเธอนี่ มาทำอะไรอ่ะ”
เอมิ เฌอแตมชะโงกมองตามเพื่อนๆ
“ลุงฉันโคตรเท่ห์เลย” เฌอแตมบอก
“นับญาติกับเอมิตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” มิ้งค์ถาม
“ก็พ่อเอมิเค้าเป็นแฟนกับน้าของฉันนี่”
“พูดเว่อร์ไปล่ะ” เอมิว่า
“ฉันไม่เคยเห็นสายตาน้าก้อยมองใครเหมือนกับที่มองพ่อเธอเลยนะ เอมิ”
“แกถามเอมิรึยังว่าจะรับน้าแกเป็นแม่ป่ะ” เจด้าถาม
เอมิเงียบไป
มิ้งค์หันมาดุเพื่อน
“พูดไม่คิดอีกแล้วแก” มิ้งค์บอก
“ว่าแต่พ่อเธอมาทำอะไรที่โรงเรียนเรา”
“หรือว่ามาสืบคดีรุ่นพี่จีจี้” เฌอแตมว่า
เอมิมองพ่อนิ่งๆ
ผู้กองเพชร หมวดสาริน แอ๊บบี้ และจ่าจักร และทีมDEI เข้ามาเก็บหลักฐานในห้องเรียนที่จีจี้ฆ่าตัวตาย
ผู้กองเพชรเงยหน้ามองไปที่ที่จีจี้ผูกคอตาย
เขาเห็นจีจี้ผูกคอตาย
“ แอ๊บบี้ ช่วยกันหาหลักฐานและเก็บลายนิ้วมือ” สารินบอก
จ่าจักรและเจ้าหน้าที่อื่นๆต่างเก็บภาพไว้เป็นหลักฐาน
รปภ.เมธีเดินเข้ามาหาครูนพดลที่ยืนหน้าเครียดอยู่ในห้องหนึ่งของโรงเรียน
“บอกแล้วใช่มั๊ยว่า อย่าให้มีใครเปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาอีก”
“เพราะไอ้เด็กเวรมันมาถ่ายคลิปไปลงเฟสบุ๊กครับ เป็นเรื่องเลย”
“ก็แกนั้นแหละไม่ดูแลให้ดี”
“แล้วจะทำยังไงต่อกันดีครับ” เมธีถามความเห็น
นพดลสีหน้าเครียด
ต่อมา นักเรียนหลายคนถูกสอบปากคำ
เฌอแตมบอก
“พี่จี้จี้เป็นเน็ตไอดอลค่ะ มียอดฟอลโล่ในIGเยอะมาก”
นักเรียนกระเทยคนหนึ่งบอก
“ไม่เห็นสวยเลย แต่ทำไมผู้ชายชอบนางก็ไม่รู้”
“แฟนพี่จีจี้เป็นนักฟุตบอลโรงเรียนค่ะ” มิงค์บอก
นักฟุตบอลคนหนึ่งบืนยันว่า “แค่คุยๆกันครับ ยังไม่ได้เป็นแฟน”
เจด้าบอก “พี่เค้าชอบไฮโซ ใช้กระเป๋าเบรนเนม โทรศัพท์รุ่นใหม่”
ทว่านักกเรียนกระเทยกลับบอกว่า
“ของปลอมทั้งนั้น หน้านมของนางยังปลอมเลย”
“เลิกเรียนก็มีรถหรูๆมารับทุกวัน” นักเรียนหญิง ม.6 คนหนึ่งบอก
“ผมมันจน เค้าไม่สนใจผมหรอก” นักฟุตบอลบอก
“นางเป็นเด็กเสี่ยชัวร์ค่ะ” นักเรียนกะเทยสรุปยืนยัน
หมวดสารินสอบปากคำเฟิร์ส มิค
“เธอมีคลิปหลุดด้วยนะ”เฟิร์สบอก
“สุดๆอ่ะ” มิคว่า
“คลิปจีจี้หลุดนี้ดังมาก ผู้หมวดไม่เคยดูเหรอ”
“แกเป็นคนปล่อยเหรอ”
“ทำไมมองผมเป็นคนอย่างนั้น ไม่เค๊ย แต่ถ้าจะดูคลิปผมเซฟไว้อยู่นะจะดูมั๊ย” เฟิร์สบอก
“เปิดมาเลยอย่าพูดมาก”
เฟิร์สหยิบโทรศัพท์มาเปิดคลิปจีจี้มาให้สารินดู
“ขาวโอโม่ไปทั้งตัวเลยครับผู้กอง”
แอ๊บบี้รีบเดินเข้ามาหาสาริน
“ดูอะไรกันน่ะ”
“ปะ เปล่า”
“ดูมั่งดิ”
สารินรีบเก็บมือถือ
“มันของไม่ดี อย่าไปดูเลยมันเสียสายตาเลย แล้วนี่ได้หลักฐานอะไรมาบ้าง แอ๊บบี้”
“รู้เจ้าของเบอร์ที่โทรข่มขู่จีจี้แล้วค่ะ”
“ใคร”
หมวดสารินกับนพดลนั่งประจันหน้ากันอยู่ในฝ่ายปกครอง
สารินหยิบมือถือจีจี้ออกมาเปิดดูรูปและข้อความในไลน์
“เราตรวจสอบข้อความในมือถือของจีจี้ พบว่าครูมีความสัมพันธ์กับจีจี้เกินกว่าครูกับลูกศิษย์”
นพดลเก็บอาการนิ่งไว้
“เด็กมันมาเล่นกับผมเอง”
“ผมจะถือว่าคุณยอมรับนะครับ”
“โอเค ผมยอมรับว่ามีอะไรกับจีจี้”
“และเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอฆ่าตัวตาย” สารินบอก
“มีเหตุผลอีกตั้งเยอะแยะที่คนจะฆ่าตัวตาย โดยเฉพาะเด็กมีปัญหาอย่างจีจี้”อนงค์ภรรยาของนพดลที่เพิ่งมาถึงรีบเข้ามาในห้อง
“คุณมาที่นี่ทำไม” นพดลถาม
“ฉันเป็นห่วงคุณ“
“ผมไม่เป็นไร หมวดเค้าคงว่างงานถึงขุดคุ้ยคดีเก่ามาทำ”
“อย่าลืมว่าวันนี้นัดดินเนอร์กับคุณพ่อนงค์นะคะ”
“ถ้าหมดธุระแล้วผมขอตัวนะครับ” นพดลบอก
“คุณยังไปไหนไม่ได้ครับ”
“ทำไมไปไม่ได้”
“คุณนภดลตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมจีจี้”
“คุณมีหลักฐานอะไรมาปรักปรำสามีชั้น เด็กมันแขวนคอตายใครๆก็รู้ ฉันจะฟ้องหมิ่นประมาทกับคุณ”
“ใจเย็นๆครับคุณอนงค์ ถ้าคุณนภดลไม่ผิดก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไรนี่ครับ”
หมวดสารินหันไปพูดกับจ่าจักร
“จักรคุมตัวผู้ต้องหาไว้ อย่าให้ไปไหน”
จักรและเจ้าหน้าที่DEIเข้าไปยืนประกบนพดล
“ฉันจะโทร.หาคุณพ่อให้เอาเรื่องกับพวกคุณ คอยดู”
อนงค์โมโห เดินออกไป
“อย่าโกรธภรรยาผมเลยนะครับ เพราะถ้าคุณรู้ว่าพ่อเธอเป็นใคร คุณจะให้อภัยเธอ”
สารินเดินออกไป
มุมหนึ่งในอาคารเรียน ผู้กองเพชร หมวดสาริน แอ๊บบี้ ยืนคุยกัน
“คุณอนงค์เป็นลูกของผู้มีอิทธิพลค่ะ มีตำแหน่งใหญ่ด้วยสิ” แอ๊บบี้บอก
“ผมไม่สนใจว่าจะใหญ่มาจากไหน ถ้าทำผิดก็ต้องได้รับโทษ”
“ใช่ค่ะผู้กอง กฎหมายต้องอยู่เหนืออิทธิพลมืดค่ะ”
“แอ๊บบี้ ใครเป็นคนพบศพจีจี้คนแรก” สารินถาม
ต่อมา สารินสอบปากคำรปภ.เมธีอยู่ที่มุมหนึ่ง
“นายเมธี นายเป็นคนแรกที่เจอศพจีจี้ใช่มั๊ย”
“ครับ”
“พูดมาว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น”
“วันนั้นผมอยู่เวรกะกลางคืน”
คืนนั้นในอดีต ขณะที่เมธีเดินตรวจดูสิ่งผิดปกติในโรงเรียนจนผ่านมาถึงอาคารเรียนชั้นม.หกได้ยินเสียงเก้าอี้ล้ม
เมธีสงสัยเปิดประตูมาดู
“เดินตรวจความเรียบร้อยตามปกติ จู่ๆก็ได้ยินเสียงเก้าอี้ล้มในอาคารนักเรียนชั้นมอหก ผมจึงเปิดประตูเข้าไปดู”
เมธีเห็นจีจี้แขวนคอตายกับระเบียง
หมวดสารินยังคงสอบปากคำเมธีต่อเนื่อง
“หลังจากนั้นนายทำอะไรต่อ”
“วิ่งสิครับถามได้ ใครจะอยู่ให้ผีมันหลอก”
“เพิ่งตายไม่ใช่เหรอ”
“ถึงเพิ่งตายก็น่ากลัวนะครับ”
ต่อมา สารินเดินออกมาจากห้องที่สอบปากคำ เห็นเพชรกับแอ๊บบี้ยืนรออยู่
“เป็นไงบ้าง” ผู้กองเพชรถาม
“มันยังปากแข็งไม่ยอมพูดความจริง คงต้องคุมตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่หน่วยเราครับ”
“แอ๊บบี้หาภาพผู้ตายที่นิติเวชมาชันสูตรศพด่วนเลย”
“หาแล้วค่ะ แต่ไฟล์ของจีจี้หายไปหมดแล้วค่ะ ไม่เหลือหลักฐานอะไรเลย แปลกจริงๆ”
เสียงโทรศัพท์มือถือเพชรดังขึ้น
ผู้กองเพชรรับสาย
“ครับท่านรอง”
ห้องพ.ต.ท.พิทักษ์ ผู้บัญชาการหน่วย DEI พูดโทรศัพท์มือถือกับเพชร
“ผู้กองเพชร คุณรื้อฟื้นคดีของเด็กผู้หญิงชื่อจีจี้ขึ้นมาเหรอ”
“ครับ คดีนี้มันมีเงื่อนงำที่เชื่อได้ว่าเธอโดนฆาตกรรมไม่ใช่ฆ่าตัวตาย”
“แต่ผมอยากให้คุณทบทวนให้ดีก่อน”
“ทำไมครับ”
“เอาเป็นว่าคุณกลับมาก่อนดีกว่า แล้วค่อยคุยกัน”
“ครับ”
ผู้กองเพชรวางสาย
“มีอะไรครับผู้กอง”
“เราเจอตอแล้วท่านรองสั่งให้เลิกรื้อฟื้นคดีนี้”
“ใกล้จะได้ความจริงอยู่แล้วเชียว ให้เลิกทำไม”
แอ๊บบี้บอก “แอ๊บบี้ว่าคงโดนพ่อของคุณอนงค์บีบมาแน่ๆ”
จังหวะนั้น เอมิ เฌอแตม มิ้งค์ เจด้า เดินเข้ามา
“มีอะไรให้พวกเราช่วยมั๊ยค่ะลุง” เฌอแตมถาม
ทุกคนมองไปที่กลุ่มเอมิ
บริเวณหน้าตึกร้างในโรงเรียน ตอนกลางคืน
ท่ามกลางบรรยากาศที่น่ากลัว รปภ.เมธี เดินผ่านมาเฝ้ายามหน้าตึกร้าง จะได้ยินเสียงเก้าอี้นักเรียนล้ม เขาชะงักหันไปมองแล้วตัดสินใจเดินเข้าไป
รปภ.เมธีเดินมาที่หน้าห้อง เห็นเงาของเฌอแตมเดินผ่านไปในอาคาร
“ใครอ่ะ ออกมาเดี๋ยวนี้”
เงียบ ! ไม่มีเสียงตอบ
“ไอ้เด็กพวกนี้ ไม่รู้จักกูซะแล้ว”
รปภ.ผลักประตูก้าวเข้าไปในห้อง
เมธีเปิดประตูก้าวเข้ามา ในมือถือไฟฉายกับไม้กระบอง เงาผู้หญิงผมยาวยืนอยู่ที่หน้าต่าง
“ใครอ่ะ”
เมธีฉายไฟฉายไปที่เงาหน้าเห็นใบหน้าของมิ้งค์ถูกแต่งเติมเป็นผีทำท่าถูกแขวนคอตาย
เขาตกใจวิ่งหนีมาเจอเจด้าแต่งเป็นผีอีกตัวดักหน้าอยู่
เมธีเบรกพยายามวิ่งหนีแต่เหยียบพื้นลื่นล้มลง และเห็นเอมิแต่งตัวเป็นผีคลานที่พื้น
“อย่าทำฉันเลย ฉันกลัวแล้ว” เมธีร้อง
“ถ้าแกไม่อยากตาย แกต้องสารภาพความจริงออกมา” เอมิโหยหวนขู่
“ได้ๆฉันจะสารภาพความจริง อย่าฆ่าฉันนะ”
เมธีลุกขึ้นวิ่งหนีไป
สาวทั้งสี่ออกมาหัวเราะชอบใจ
ทันใดนั้นเก้าอี้ตัวหนึ่งก็ล้มลงมา ทั้งสี่สาวตกใจร้องกรี๊ดวิ่งหนีไป
วันต่อมา ... ที่ห้องสอบสวน หมวดสารินนั่งตรงข้ามรปภ.เมธีที่หน้าซีดตาโหลผมชี้ตั้ง
“มีอะไรจะสารภาพว่ามา”
“คืนวันนั้นผมเข้าเวรตามปกติครับ ประมาณเที่ยงคืนได้ ครูนภดลก็ขับรถเข้ามาในโรงเรียน”
ครูนพดลขับรถเก๋งเข้ามาจอดเรียกรปภ.เมธี
“ไอ้เมธีช่วยฉันหน่อย”
“ได้ครับครู”
นภดลเดินอ้อมมาหลังรถ เปิดฝากระโปรงหลัง เขาเห็นศพของจีจี้นอนอยู่ด้านในกระโปรงหลังรถ
“ตายรึยังครับครู”
“ตายแล้ว”
“เป็นอะไรตายครับ”
“ไม่ต้องถามเยอะ อุ้มมันเข้าไปในห้องเรียนเร็วๆ”
เมธีมองหน้าครูนพดลแบบช่างใจไม่กล้า
นพดลหยิบเงินปึกใหญ่ส่งให้เมธี
“ได้เลยครับครู”
เมธีอุ้มศพจีจี้เข้าไปในอาคาร
เมธีหยิบเชือกมัดไว้กับราวระเบียงแล้วเอาปลายเชือกอีกด้านไปคล้องกับคอของจีจี้
เมธีกับนพดลช่วยกันอุ้มศพจีจี้ทิ้งลงมาจากระเบียง
จีจี้ถูกแขวนคอห้อยต่องแต่งกับระเบียง
หมวดสารินนั่งสอบสวนเมธีต่อเนื่อง
“ความจริงทั้งหมดก็มีแค่นี้ครับ ผมไปได้ยัง”
“ไปไม่ได้ แกถูกจับแล้ว”
“หมวดจะจับผมข้อหาอะไร”
“ปิดบังอำพรางเหตุการณ์ตายของจีจี้”
“อ้าว หมวดขี้โกงนี่หว่า”
“แถมยังโดนข้อหาหมิ่นประมาทเจ้าหน้าที่อีกกระทง”
“ติดคุกก็ยังดีกว่าโดนผีหลอกว่ะ”
เวลาต่อมา ... ครูนพดลกำลังตรวจเครื่องแบบนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่นุ่งกระโปรงสั้นมาก
“กระโปรงของเธอมันผิดระเบียบของโรงเรียน ครูต้องทำโทษ เย็นนี้อยู่ทำกิจกรรมโรงเรียนก่อน”
ผู้กองเพชร หมวดสาริน จ่าจักร และเจ้าหน้าที่ DEI เข้ามาในห้องครูนพดล
“พวกคุณบุกรุกเข้ามา ได้รับอนุญาตจากใครรึยัง”
ผู้กองเพชรบอก “นายเมธีสารภาพความจริงกับผมหมดแล้ว”
นพดลพูดกับนักเรียนหญิง “เธอออกไปก่อน”
นักเรียนหญิงเดินออกไป
“พวกคุณอุ้มมันไปซ้อมให้มาปรักปรัมผม” นพดลบอก
“นายเมธีขอเข้ามามอบตัวด้วยตัวเอง ไม่มีใครบังคับ” หมวดสารินยืนยัน
“ตอนนี้ครูตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมนักเรียนที่ชื่อจีจี้
“ไม่จริง ผมไม่ได้ทำ ผมไม่ได้ฆ่าเธอ”
“งั้นครูก็พูดความจริงมาว่าเกิดอะไรขึ้น”
นพดลคิดก่อนพูด
“ผมยอมรับว่ามีความสัมพันธ์กับจีจี้เกินกว่าครูลูกศิษย์”
ในอดีต จีจี้มาส่งการบ้านที่ห้องครูนพดล ครูนภดลจับมือจีจี้แล้วมองหน้าด้วยสายตาหวานซึ้ง
เขาพาจีจี้มาที่รถเก๋งขับออกไป อนงค์ภรรยานพดลจอดรถมองเหตุการณ์นั้นอยู่
“จนกระทั่งอนงค์ภรรยาของผมจับได้ว่าผมเป็นชู้กับจีจี้ เธอบังคับให้ผมเลิกคบกับจีจี้”
ครูนพดลสารภาพความจริงต่อเนื่อง
“แต่ผมทำไม่ได้ จึงไปเช่าคอนโดให้จีจี้อยู่ และแอบมาหลับนอนกับเธอเป็นประจำ แต่ก็ไม่สามารถหลบพ้นสายตาของอนงค์ได้”
เสียงเคาะประตูคอนโดฯดังขึ้นในวันหนึ่ง
จีจี้นุ่งกางเกงขาสั้นจู๋เดินมาเปิดประตูเห็นอนงค์ยืนตรงหน้า อนงค์เดินเข้าไปที่เตียงนอนเห็นเสื้อกางเกงของนพดลวางกองอยู่
อนงค์โมโหหันไปตบหน้าจีจี้จนกระเด็นไป จีจี้เข้าไปต่อสู้กับอนงค์ แต่ถูกอนงค์จับเหวี่ยงไปอย่างแรง จนลำคอจีจี้ไปกระแทกกับขอบโต๊ะ ร่างของเธอร่วงลงมานอนแน่นิ่งกับพื้น
นภดลเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นว่าร่างจีจี้นอนคอหักตายที่พื้น
นพดลสารภาพความจริงกับผู้กองเพชรอย่างต่อเนื่อง
“ผมกลัวจะเดือดร้อนจึงได้วางแผนย้ายศพมาแขวนคอที่โรงเรียนให้ดูเหมือนกับเป็นการการฆ่าตัวตาย แล้วจึงปล่อยคลิปเปลือยของจีจี้ที่เคยถ่ายไว้ดูเล่นๆ ลงไปในโลกโซเชี่ยลทำให้ทุกคนคิดว่าเธอฆ่าตัวตาย เพราะอับอายที่มีคลิปเปลือยหลุดออกไป”
“แสดงว่าคุณอนงค์พลั้งมือจนทำให้จีจี้เสียชีวิต” สารินบอก
“ใช่ครับ มันเป็นอุบัติเหตุ”
ผู้กองเพชรหันไปสั่งสาริน
“หมวดนำกำลังไปควบคุมตัวคุณอนงค์มาสอบปากคำด่วนเลย”
“ผู้กองคิดว่าพ่อเธอจะยอมให้ลูกสาวถูกจับง่ายๆเหรอครับ”
“ยอมไม่ยอมไม่รู้ แต่ไม่มีใครมีอำนาจเหนือกฎหมายได้ ... จักรควบคุมตัวครูนพดลไปคุมขังไว้ก่อน”
เจ้าหน้าที่DEI เข้าไปจับครูนพดลใส่กุญแจมือนำตัวออกไป
ผู้กองเพชรมาหยุดยืนที่หน้าบอร์ดไว้อาลัยจีจี้ เขาหยิบดอกไม้ออกมาจากกระเป๋าเสื้อจัดการติดดอกไม้เข้ากับบอร์ดไว้อาลัย
ผีจีจี้มองดูอยู่
“ไม่ต้องตามฉันมาแล้วนะจีจี้”
ร่างของผีจีจี้เลือนหายไป
ต่อมา อนงค์ถูกDEIล้อมจับ ขณะกำลังขับรถหลบหนีบนถนนสายหนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจใส่กุญแจมือ ควบคุมตัวไปขึ้นรถตำรวจ
ในจอโทรทัศน์ มีการนำเสนอข่าวการจับกุมนางอนงค์ ลูกสาวนักการเมืองชื่อดัง ที่ถูกจับกุมในข้อหาฆ่าคนตาย
ภายในห้องของพ.ต.ท.พิทักษ์ ผู้บัญชาการหน่วย DEI เขานั่งดูข่าวในจอโทรทัศน์นั้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ผู้กองเพชรเดินเข้ามาในห้อง
“นั่งสิ”
“ผมขอยอมรับผิดที่ฝ่าฝืนคำสั่งของท่าน”
“คุณทำถูกต้องแล้วผู้กอง ถ้าเราปล่อยให้ผู้มีอิทธิพลมามีอำนาจเหนือกฎหมาย บ้านเมืองก็คงจะวุ่นวายไปหมด”
“แต่ท่านก็ต้องมาเดือดร้อนเพราะผม”
“ผมนั่งเก้าอี้ตัวนี้มานานแล้ว ถ้าจะต้องเปลี่ยนเก้าอี้นั่งบ้างก็ไม่เห็นเป็นไรนี่”
ร.ต.อ.เพชร ภูมิไท มองพ.ต.ท.พิทักษ์ ผู้บัญชาการหน่วย DEI ด้วยสายตาชื่นชม
อ่านต่อตอนที่ 6