เพลิงรักไฟมาร ตอนที่ 17
อรดีเดินออกมา ตั้งใจจะไปเข้าห้องน้ำจัดแต่งหน้าตาทรงผม แต่แล้วต้องหยุดชะงัก มองเข้าไปด้านในของร้านด้วยความสงสัย เมื่อเห็นพนักงานหญิง 2 คนกำลังเตรียมงานอะไรบางอย่างอยู่
“ตื่นเต้นแทนเนอะแก แกว่าจะสำเร็จไหม” พนักงาน1ถามเพื่อน
พนักงาน2 ยิ้มบอก “สำเร็จชัวร์ ใครจะไม่เอาคุณเอ้ หล่อรวยขนาดนั้น ถ้าเป็นฉันนะ ไม่รอให้ขอ...”
พนักงาน1 สังเกตเห็นอรดีเดินเข้ามาแอบมอง เลยรีบสะกิดให้เพื่อนเงียบหันไปถามม่ายสาว
“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ”
อรดีอึกอัก“อ๋อ ใช่ คือ อ้อ ฉันกำลังหาห้องน้ำอยู่น่ะ เอ๊ ห้องน้ำอยู่ไหนน้า”
“ห้องน้ำทางด้านนั้นค่ะ คุณเพิ่งผ่านมา” พนักงาน2 บอก
“อ้อ นั่นคือห้องน้ำเหรอ เดินเลยมาไม่รู้ตัวเลย” อรดีหัวเราะกลบ ทำตีซี้ “ว่าแต่ทำอะไรกันอยู่เหรอ ให้ฉันช่วยไหม
พนักงานสองคนประสานเสียงบอกพร้อมกัน “ไม่เป็นไรค่ะ”
อรดีเซ้าซี้ไม่เลิก “ทำไมล่ะ หรือว่าเป็นความลับ”
พนักงานทั้งสองมองหน้ากันอย่างอึดอัด
“บอกฉันได้นะ ฉันไม่บอกใครหรอก ทำอะไรอยู่ไหนฉันขอดูหน่อยสิ”
อรดีจะเดินเข้าไปดูให้ได้ พนักงาน2 ปรี่เข้ามาขวาง อรดีชะโงกหน้าไปดูอีกทางหนึ่ง ก็ถูกพนักงาน1 เอาตัวบังไว้
“เชอะ ไม่ดูก็ได้”
อรดีทำทีเดินออกไป สองสาวโล่งใจจะหันกลับ อรดีปราดเข้ามาดูได้สำเร็จ เห็นป้ายบางอย่าง พลุ และช่อดอกไม้ พนักงานตกใจรีบเข้ามาดึงอรดีออกไป
“คุณคะ ออกไปเถอะค่ะ”
“ไปก็ได้”
อรดีเดินออกไปยิ้มเจ้าเล่ห์สมใจ พนักงานมองหน้ากันอย่างกังวล
ทุกคนนั่งที่โต๊ะอาหาร พูดคุย สนทนา หัวเราะหัวใคร่กันอย่างมีความสุข ภัทร์ธีรา สรัชและอิชยานั่งด้วยกัน พรพจีกับวิษธรนั่งโต๊ะเดียวกันกับทอศรีและสุทธิ โรจนาเอาอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะพรพจีเป็นโต๊ะแรก
โรจนามีอะไรอยากเพิ่ม บอกโรสได้เลยนะคะ
ทอศรีขอบใจจ้ะ
“ขอบใจลูก แค่นี้ก็อร่อยมากแล้ว ไม่ต้องเพิ่มอะไรหรอก” ท่านนายพลว่า
“ขอบคุณค่ะ”
โรจนาเดินออกไป ปล่อยให้พรพจี วิษธร คุณหญิงทอศรีและท่านสุทธิคุยกันต่อ
“แล้วคุณรินไม่มาด้วยเหรอคุณจี” ท่านนายพลถามขึ้น
“ตอนแรกจีก็อยากให้มา แต่คิดๆ ดูแล้วงานมันน่าจะเลิกดึก แล้วปกติคุณรินก็นอนดึกไม่ค่อยได้ มันจะมีผลต่อสุขภาพน่ะค่ะ ก็เลยให้พักผ่อนดีกว่า”
“แต่น่าเสียดายแทนคุณริน คงอยากฉลองกับหลานรัก” คุณหญิงว่า
“ตอนกลางวันฉลองมาเรียบร้อยแล้วค่ะ คุณรินมีความสุขมาก”
“ตอนนี้คุณเลยมากับคุณธร คนนี้ใช่ไหม”
ท่านนายพลสุทธิมองหน้า ปรามภริยา “คุณ”
“ก็ฉันอยากรู้จักนี่ ได้ยินชื่อมานานแล้วเพิ่งได้เจอตัวจริง ว่าเป็นใครมาจากไหน”
“ธรคนนี้แหละค่ะ ที่เป็นหุ้นส่วนและผู้ช่วยของจี ธรช่วยสอนงานให้น้องจ๋าด้วย ถือว่าเป็นอาจารย์ของน้องจ๋าคนหนึ่ง ก็เลยอยากมาแสดงความยินดีด้วย” พรพจีบอก
“เห็นคุณจีบอกว่าที่บ้านคุณทำรีสอร์ทเหรอ” คุณหญิงถามวิษธร
“ครับ ทำรีสอร์ทและอสังหา”
“ธรเก่งเรื่องนี้มากค่ะ บริษัทเราไปได้ดีเพราะความสามารถของเขานี่แหละ”
พรพจีมองหน้าวิษธรยิ้มปลื้ม
สรัชนั่งอยู่ที่โต๊ะของภัทร์ธีรากับเพื่อนๆ หันไปมองที่โต๊ะพรพจีแว่บหนึ่ง แล้วหันกลับมายิ้มๆ
“งานนี้คุณธรสะอาดแน่ๆ”
อิชยางง “ทำไมคะ”
“ก็โดนคุณหญิงแม่ของพี่ซักซะขนาดนั้น”
อิชยาหัวเราะขำ “แต่คนอย่างคุณธรไม่น่าจะจนมุมง่ายๆ หรอกค่ะ นั่นมือขวาของอาจีเลยนะคะ”
ภัทร์ธีราหมั่นไส้แทรกขึ้นว่า “ที่ไม่จนมุมง่ายๆเพราะความเจ้าเล่ห์มากกว่า”
“แกนี่ก็อคติกับคุณธรจริงๆ”
“ใครว่าฉันอคติ ฉันไม่ชอบเลยต่างหาก”
“แกนี่”
สรัชยิ้มขำห้ามทัพสาวๆ บุ้ยใบ้ไปทางหนึ่ง “เอาล่ะสาวๆ อาหารมาโน่นแล้ว”
โรจนานำอาหารมาเสิร์ฟพร้อมรอยยิ้ม
“อาหารมาแล้วค่ะ อยากเพิ่มอะไรเป็นพิเศษบอกได้เลยนะ วันนี้เป็นวันของจ๋า โรสตามใจเต็มที่”
“ขอบใจจ้ะ”
“เยี่ยม ถ้าอย่างนั้น เราสั่งเพิ่มบ้างได้ไหม” อิชยาว่า
ภัทร์ธีราเบรกเสียงขุ่น “โน! วันนี้วันเกิดฉันนะ”
อิชยาค้อนขวับ ท่าทีตลกๆ “เชอะ”
สรัชมองสองสาวเถียงกันอย่างเอ็นดู ก่อนจะหันมาสบตากับโรจนาพยักหน้าให้เชิงขอบคุณ เชฟโรสยิ้มตอบทั้งที่รู้สึกปวดร้าวในอก
อีกฟากที่โถงบ้านรมย์ฤดี ไม่มีใครอยู่ นรินทร์ค่อยๆ เลื่อนรถเข็นออกมาจากลิฟต์ มองซ้ายขวาเมื่อไม่มีใครก็รีบเข็นรถตรงไปที่ประตู เสียงสวาทดังทำลายความเงียบขึ้น
“คุณริน จะไปไหนเหรอคะ”
นรินทร์เบรกกึก หันมาหาสวาท
“ผมเบื่อๆ ก็เลยจะออกไปข้างนอกหน่อย”
“ขับรถไปคนเดียวเหรอคะ อย่าไปเลยค่ะ มันอันตราย”
“ก็ผมเบื่อนี่ น้องจ๋าไม่อยู่ คุณดาก็ไม่อยู่”
สวาทแปลกใจ “คุณดาไม่อยู่? ไปไหนล่ะคะ”
“เขามีธุระน่ะ ผมเลยอนุญาตให้ลา”
“งั้นยิ่งแล้วใหญ่ น้าให้คุณรินไปคนเดียวไม่ได้หรอกค่ะ แต่ถ้าคุณรินอยากไปจริงๆ น้าจะให้เกลี้ยงขับรถให้ แล้วน้าจะนั่งไปเป็นเพื่อน”
“ไม่เอาหรอก ผมจะไปคนเดียว”
“ถ้าอย่างนั้นไปพรุ่งนี้เถอะค่ะ”
“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
นรินทร์เลื่อนรถออกไปโดยไม่สนใจสวาทอีก
“คุณริน คุณริน! เดี๋ยวค่ะ”
สวาทรู้ว่ายังไงก็ห้ามนรินทร์ไม่ได้ จึงหยิบมือถือขึ้นมากดหาพรพจีรอสายอย่างร้อนรนใจ
“รับสิ คุณจี”
มีแต่ความสุขและความสนุกสนานอาบไปทั่วงานปาร์ตี้วันเกิดของหนูจ๋า ทุกคนพูดคุยหัวเราะกันอย่างเบิกบานใจ พรพจีคอยตักอาหารเอาใจคุณหญิงทอศรี โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าถือสั่นเป็นสายจากสวาทนั่นเอง พรพจีมัวแต่สนทนาหัวเราะอย่างสนุกสนาน จึงไม่ทันรู้ว่ามีสายเข้า โทรศัพท์สั่นจนหยุดไป
สรัชขอตัวไปเข้าห้องน้ำ อรดีเดินเข้ามานั่งที่พอดีถามอิชยา
“เอ้ไปไหนเหรอ”
“ห้องน้ำค่ะ”
อรดีมองตามอย่างรู้ทัน “แอบไปเช็คงานน่ะสิ”
อิชยาตำหนิพี่สาว “แค่ไปเช็คงาน พี่เอ้จะแอบทำไมล่ะคะ พี่ดี้ก็พูดแปลกๆ”
อรดียิ้มเจ้าเล่ห์ “ก็ตาเอ้มีความลับ ก็ต้องแอบสิ”
ภัทร์ธีราสนใจ “ความลับอะไรคะ พี่ดี้หมายถึงอะไร”
“ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไรหรอกจ้ะ เป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ เพราะว่าดูเหมือนเอ้จะกำลังเตรียมเซอร์ไพรส์ขอน้องจ๋าแต่งงาน”
“ขอแต่ง...” อิชยาอุทาน พอนึกได้รีบลงเสียงลงเป็นกระซิบ “งาน พี่ดี้รู้ได้ไงคะ”
“ก็ฉันเห็นน่ะสิ เต็มสองตา”
ภัทร์ธีราหน้าเสีย ได้ยินจังๆ “พี่ดี้อาจจะเข้าใจผิดก็ได้นะคะ พี่เอ้ไม่เคยบอกจ๋าเรื่องนี้เลย”
“ถ้าบอกก็ไม่เซอร์ไพรส์น่ะสิ”
อิชยามองหมั่นไส้ “แล้วพี่ดี้เอามาบอกจ๋าแบบนี้ก็ไม่เซอร์ไพรส์แล้วน่ะสิ”
“ฉันหวังดีอยากให้น้องจ๋าได้เตรียมใจต่างหากล่ะ นี่อาจีคงเป็นตัวตั้งตัวตีแน่ๆ ปกติเอ้ไม่ค่อยคิดอะไรแบบนี้เองหรอก”
“พี่ดี้รู้ได้ไงคะ”
“ฉันรู้ก็แล้วกัน อาจีคงอยากให้น้องจ๋ารีบแต่งงานไป ตัวเองจะได้เป็นอิสระ”
อิชยาไม่ชอบใจ “พี่ดี้พูดอะไรอย่างนั้น”
“หรือไม่จริง ไม่เชื่อก็คอยดูแล้วกัน”
อิชยามองหน้าภัทร์ธีราอย่างเป็นกังวล อรดีทำลอยหน้าลอยตาไม่รู้ไม่ชี้
ภัทร์ธีรามองไปที่โต๊ะกลุ่มผู้ใหญ่ เห็นพรพจีกำลังหัวเราะกับวิษธรก็มีสีหน้าเครียดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ทางด้านเกลี้ยงปิดประตูรถให้นรินทร์ที่เข้าไปนั่งในรถเรียบร้อยแล้ว ขณะที่สวาทวิ่งโร่ออกมาจากบ้าน เกลี้ยงรีบบอกหน้าเสีย
“ฉันห้ามแล้วนะป้า แต่คุณรินก็ไม่ฟัง”
สวาทรีบไปดักข้างรถแล้วเคาะกระจกคุยกับนรินทร์
“พรุ่งนี้ค่อยไปเถอะค่ะคุณริน หรือไม่ก็ให้ไอ้เกลี้ยงมันขับให้ ถ้าคุณจีกลับมาแล้วไม่เจอคุณรินจะเป็นห่วงนะคะ”
“ฉันไม่สน”
นรินทร์สตาร์ตรถ จะขับออกไป
“เอาไงดีล่ะป้า” เกลี้ยงร้องถาม
“ก็ขวางไว้สิ ไป”
เกลี้ยงกระโจนออกไปกางแขนกั้นหน้ารถขวางทางไว้ นรินทร์ไม่สนใจขับพุ่งเข้าใส่ เกลี้ยงร้องเสียงหลง กระโดดหลบแทบไม่ทัน สวาทมองตามนรินทร์ไปอย่างหนักใจ
วิษธรนั่งอยู่กับพรพจีที่โต๊ะ อรดีปรี่เข้าหาวิษธรเป็นการเฉพาะ
“ธรคะ ธรชอบกินกุ้งใช่ไหมคะ ดี้ให้คุณโรสทำกุ้งอบมาให้ ดูสิคะ น่ากิ๊นน่ากิน”
อรดีวางจานลงระหว่างที่นั่งวิษธรและพรพจีพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้เข้ามาแทรกกลางเนียนๆ พรพจีพยายามเก็บอารมณ์
“ไม่น่าลำบากเลยครับ อาหารที่คุณโรสเตรียมไว้ผมก็กินไม่ไหวแล้ว”
“คุณโรสไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ เป็นหน้าที่เขาอยู่แล้ว กินเถอะค่ะ ดี้ให้เขาทำมาเพียบเลย”
“คุณจีกินด้วยกันสิครับ”
“อาจีคงไม่กินหรอกค่ะ ใครที่ไหนจะชอบกิน ของของคนอื่น ล่ะคะ”
พรพจีอ้าปากจะเถียง แต่เหลือบตาไปเห็นสายตาคุณหญิงทอศรีกำลังมองมา จึงเพียงยิ้มให้
“ธรคะ ทานนี่เยอะ รสดี๊ดี อันนี้ก็อร่อย มาค่ะเดี๋ยวดี้ป้อน”
“ไม่เป็นไรครับ”
อรดีตักนู่นนี่เอาใจวิษธรยกใหญ่ พรพจีต้องฝืนยิ้มให้ทั้งๆ ที่หงุดหงิดแทบบ้า
ในมุมลับตาคน บริเวณหน้าร้านอาหาร จิรดาแอบดูบรรยากาศในงานเลี้ยงโดยใช้โทรศัพท์ซูมภาพของแต่ละคนดู พยาบาลจอมแอ๊บแอบถ่ายอิริยาบถหล่อๆ ของวิษธรมากกว่าใคร แต่พอเห็นสถานการณ์เป็นปกติก็เริ่มเบื่อหน่าย
จิรดาหาวยกมือหนึ่งไล่ตบยุง สายตามองไปเห็นพรพจีเดินผ่านมาทางนี้พอดี จิรดาฉากหลบว่องไว พรพจีหันขวับ พยาบาลนักสืบจำเป็นทำตัวลีบเล็กหลบอย่างลุ้นระทึก พรพจีค่อยๆ เดินเข้ามาตรงบริเวณที่ซ่อนตัวของจิรดา โชคดีที่เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น พรพจีกดรับสาย
“จ้ะ น้าหวาด...อะไรนะ กำลังจะมาเหรอ แล้วทำไมไม่ดูให้ดี...ไม่เป็นไร ขอบใจมากจ้ะที่โทร.มาบอก”
พรพจีเดินกลับเข้าไปอย่างร้อนใจ จิรดาออกมาจากที่ซ่อน รีบโทร.บอกนรินทร์ทันที
“ค่ะคุณริน รีบมาด่วนค่ะ ดูเหมือนคุณจีจะรู้เรื่องแล้ว”
สรัชเดินมาหยิบเครื่องดื่มให้ภัทร์ธีราตรงบาร์เครื่องดื่ม พรพจีทำทีเหมือนจะหยิบเครื่องดื่มด้วย มองซ้ายแลขวาเมื่อไม่เห็นคนมองอยู่ จึงกระซิบกับสรัชเบาๆ
“ที่เตรียมไว้เรียบร้อยใช่ไหมจ๊ะ”
“เรียบร้อยครับ อาจีไม่ต้องห่วง”
“ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามแผนได้เลย”
“ตอนนี้เหรอครับ ยังไม่ถึงเวลาที่ตกลงกันไว้นี่ครับ”
“พอดีมีปัญหานิดหน่อย อาอาจจะต้องรีบพาน้องจ๋ากลับก่อน เชื่ออาเถอะ ตอนนี้ดีที่สุด”
“ตกลงครับ”
“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวอาพาน้องจ๋าออกไปก่อนเหมือนที่เคยพูดกันไว้ พอน้องจ๋ากลับเข้ามา เอ้ก็ทำตามแผนได้เลย”
สรัชทำมือโอเค พรพจีพยักหน้าพอใจ
อรดีเดินผ่านมากระแอมกระไอเสียงดัง สองคนหันขวับไปมองด้วยสีหน้าตกใจ อรดียิ้มกริ่มยั่วเย้า
“ทำไมทำหน้าเหมือนเห็นผีอย่างนั้นล่ะ หรือว่าวางแผนลับอะไรกันอยู่”
“เราจำเป็นต้องบอกเธอด้วยเหรอ”
“ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับธรก็จำเป็นค่ะ เพราะว่าดี้เป็นคนสนิท”
“งั้นก็ขอโทษด้วย เพราะมันไม่ใช่เรื่องของธร หรือถ้าใช่ ฉันก็ไม่คิดจะบอกอยู่ดี”
พรพจีเดินออกไปไม่สนใจอรดีอีก
อรดีหันมาหาสรัช แต่เขายักไหล่ไม่รู้เรื่อง แล้วรีบเดินหนีไปเลย อรดีมองตามด้วยความหงุดหงิด
ภัทร์ธีราเดินชมร้านรอบๆ วิษธรเดินเข้ามาหายื่นเครื่องดื่มให้ ภัทร์ธีรามองอย่างระแวง
“ผมไม่กล้าวางยาคุณต่อหน้าคนอื่นหรอก”
ภัทร์ธีรากลั้นขำแล้วรับเครื่องดื่มมา “ฉันก็ว่าคุณไม่กล้าขนาดนั้นหรอก”
“สุขสันต์วันเกิดครับ”
“ขอบคุณ”
“วันนี้คุณดูดีกว่าทุกวันนะครับ”
“ฉันไม่หลงคารมคุณง่ายๆ หรอก”
ภัทร์ธีราค้อนวิษธร
เสียงพรพจีทักดังขึ้น “คุยอะไรกันอยู่คะ”
“ผมอวยพรวันเกิดคุณจ๋าอยู่น่ะครับ”
“เหรอคะ อ้อ น้องจ๋า อารบกวนหน่อยได้ไหมจ๊ะ อาไม่รู้ไปลืมโทรศัพท์ไว้ที่ไหน แต่คิดว่าน่าจะเป็นที่ห้องน้ำ ช่วยไปหาให้อาหน่อยสิจ๊ะ พอดีอากำลังคุยกับคุณหญิงติดพันไม่อยากให้คุณหญิงรอนาน”
“ผมไปให้ก็ได้ครับ เดี๋ยวคุณจีจะโดนหาว่าใช้งานเจ้าของวันเกิด”
“แต่มันเป็นห้องน้ำผู้หญิงนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวจ๋าไปหาให้เอง จ๋าไม่ได้เป็นคนคิดเล็กน้อยแบบที่ใครว่า รอแป๊บนึงนะคะ”
“ขอบใจจ้ะ”
ภัทร์ธีราเดินออกไป พรพจียิ้มพอใจ
ภัทร์ธีราเดินเข้ามาในห้องน้ำร้าน เปิดประตูแต่ละห้อง หาดูในที่ต่างๆ ก็ไม่เจอ
“ไม่เห็นมีเลย อาจีไปลืมไว้ที่ไหนนะ”
ภัทร์ธีราเปิดดูอีกห้อง ก็ไม่เจอ พนักงานร้านเดินเข้ามาตามแผนของพรพจี
“หาอะไรอยู่เหรอคะคุณจ๋า”
“โทรศัพท์ของอาจีน่ะค่ะ อาจีบอกว่าน่าจะลืมไว้ในนี้”
พนักงานยื่นโทรศัพท์ในมือให้ภัทร์ธีรา
“อันนี้หรือเปล่าคะ เมื่อกี้หนูเพิ่งเก็บได้ กำลังจะเอาไปให้ผู้จัดการหาเจ้าของอยู่เลยค่ะ”
ภัทร์ธีรารับมาดู ยิ้มดีใจ
“ใช่จริงๆ ด้วย ขอบคุณนะคะ”
ภายในร้านพรพจียืนตื่นเต้นเตรียมส่งสัญญาณให้สรัช วิษธรมองฉงน อรดีเดินเข้ามาหา ยกแก้วขึ้นชนกับวิษธร พูดขึ้นลอยๆ ว่า
“อาจีดูดีใจนะคะที่ในที่สุดก็จะได้ขายหลานสาวไปพ้นๆ เสียที”
“หมายความว่าไงครับ”
“ธรยังไม่รู้เหรอคะ ว่าวันนี้อาจีกับเอ้เขาเตรียมเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานน้องจ๋า”
วิษธรอึ้งไป เขายกเครื่องดื่มในมือขึ้นดื่มข่มอารมณ์
“แสดงว่าอาจีไม่ได้บอก แปลกจัง นึกว่าจะบอกธรเป็นคนแรก”
“ไม่เห็นแปลกนี่ครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนในครอบครัว และผมก็ไม่ใช่คนในครอบครัวด้วย”
“นั่นสินะคะ แต่ถ้างานนี้สำเร็จ อาจีก็ได้ประโยชน์ไปเลยสองชั้น ได้หน้าตาที่ได้ดองกับลูกนายพล และก็ได้ปลดบ่วงหลานสาวที่คล้องคอตัวเองอยู่”
ทั้งสองมองไปทางพรพจีที่ยืนลุ้นอยู่หน้าประตูคอยส่งสัญญาณให้สรัช
“อาดีๆ ที่ไหนก็อยากให้หลานตัวเองมีคนดีๆ ดูแลทั้งนั้นแหละครับ คุณเอ้กับคุณจ๋าก็เป็นแฟนกันมานานแล้ว เหมาะสมกันดี คงถึงเวลาเสียที”
“แต่ดี้ไม่เห็นด้วยนะคะ ดี้รู้ว่าอาจีทำแบบนี้เพื่อที่ตัวเองจะได้มีอิสระ ไม่มีภาระอะไรอีก แล้วไหนจะเรื่องคุณรินอีก ตัวเองได้ดีมาเพราะคุณรินแท้ๆ ยังทำท่าจะเขี่ยทิ้งอยู่ทุกวัน เป็นคนดียังยากแล้วจะเป็นอาที่ดีได้ยังไงคะ”
วิษธรไม่สนใจที่อรดีพูด หันไปจ้องที่ประตู รอการกับเข้ามาของภัทร์ธีราอย่างกังวลลึกๆ พรพจีหันกลับมาทำท่าโอเคกับสรัช
สรัชได้รับสัญญาณจากพรพจีก็ทำท่าโอเคกลับ แล้วหันไปโอเคกับพนักงานอีกสามจุด พนักงานขนป้ายโอเค พนักงานขนดอกไม้โอเค พนักงานขนลูกโป่งกับพลุโอเค
สรัชโอเคให้กับพนักงานดับไฟ แล้วก็ดับพรึ่บ
พนักงานทั้งสามเซ็ตค่อยๆ ออกมาประจำตามจุด ทุกคนเงียบลง รอลุ้นอย่างตื่นเต้น
พนักงานส่งเค้กให้ สรัชรับไว้อย่างตื่นเต้น
ภัทร์ธีราเปิดประตูเข้ามาในร้านพร้อมกับสีหน้าสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น มองไปรอบๆ อย่างสงสัยว่าทำไมไฟดับ สรัชเดินออกมาพร้อมกับเค้กที่จุดเทียนแล้ว ทุกคนพร้อมใจร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์
ภัทร์ธีรายิ้มกว้างเป็นปลื้ม จนทุกคนร้องจบ
“อธิษฐานสิครับน้องจ๋า”
ภัทร์ธีราหลับตาพริ้มประสานมืออธิษฐาน ดอกไม้ไฟแบบปักดินถูกจุดขึ้นเสียงดังฟู่อย่างสวยงามทุกๆร้อง ว้าว แล้วก็เงียบเสียงลงอย่างแปลกใจ
จิรดาเข็นพานรินทร์เข้ามา ภัทร์ธีราลืมตาขึ้นแล้วหันไปมองอย่างแปลกใจ
“อาริน”
พรพจีหน้าเสียรีบเดินเข้าไปกระซิบกับสรัช
“เอ้ อาว่ายกเลิ..”
พรพจียังพูดไม่ทันจบ ลูกโป่งที่แขวนป้าย "Will you marry me?" ถูกปล่อยขึ้น พร้อมกับพลุที่พุ่งไม่หยุด ทุกคนตบมือฮือฮา พรพจีเริ่มเครียด
ภัทร์ธีราหันกลับมาพบว่าสรัชถือกล่องแหวนคุกเข่าลงต่อหน้าตน
“พี่เอ้”
“น้องจ๋าก็รู้ว่าพี่รอวันนี้มานานมาก พี่สัญญาว่าจะไม่ให้น้องจ๋าต้องเปลี่ยนแปลงอะไร พี่จะให้น้องจ๋าได้ทำในสิ่งที่ต้องการ แต่งงานกับพี่นะครับ”
สรัชยื่นกล่องแหวนไปตรงหน้าภัทร์ธีรา
นรินทร์อึ้ง คิดไม่ถึงว่าพรพจีจะกล้าทำขนาดนี้ จิกแขนตัวเองด้วยความโกรธ
ทุกคนมองลุ้น ด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกันไป ภัทร์ธีรากำลังจะอ้าปากตอบรับ
“โอ๊ย”
นรินทร์ร้องลั่น กุมหน้าอกตัวเองด้วยสีหน้าเจ็บปวด ทุกคนตกใจ นรินทร์ไหลลงไปกองที่พื้นร่างเกร็งชัก ภัทร์ธีราหันไปมองกรี๊ดลั่น
“อาริน”
ทุกคนตกใจรีบเข้ามาดู อรดีลอบยิ้มสะใจสมใจ ขณะที่พรพจีมีสีหน้าเจ็บใจที่งานพังไม่เป็นท่า
วิษธรเข้าไปช่วยดู ลอบมองภัทร์ธีราโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ภัทร์ธีราประคองนรินทร์ สรัชโทร.เรียกรถพยาบาล
สองพี่น้องเดินเข้าบ้านมาด้วยอารมณ์ต่างกันลิบลับ อิชยาหงอยอย่างเห็นได้ชัด ส่วนอรดียิ้มร่าเริงทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาพร้อมฮัมเพลงเบาๆ อิชยามองค้อน
“พี่ดี้อารมณ์ดีอยู่ได้ยังไง ผ่านเรื่องช็อกมาแท้ๆ”
“มันไม่ใช่เรื่องของฉันนี่”
“ถึงจะไม่ใช่ก็เถอะ แต่น่าจะแสดงความเห็นใจกับเขาบ้าง เล่นดีใจซะเปิดเผยขนาดนี้ ใครเขาจะว่าเอาได้นะว่าไม่มีหัวใจ”
“หัวใจฉันมีย่ะ แต่ให้ธรไปแล้ว แล้วอีกอย่างนะ ทำไมฉันต้องเสแสร้งทำเป็นเห็นใจด้วย ในเมื่อฉันสมน้ำหน้า”
“ใจร้ายจริงๆ พี่เอ้น่าสงสารจะตาย เกือบจะสมหวังอยู่แล้วเชียว” อิชยาโมโห
“ถึงฉันใจร้ายยังไงก็ไม่เท่ายัยแก่พรพจีหรอก ถ้ายัยนั่นไม่คิดแผนให้ความหวังเอ้ขึ้นมาก็คงไม่เกิดเรื่อง”อรดีหัวเราะร่า “คิดแล้วสะใจ สีหน้ามันตอนเห็นคุณรินเข้ามานี่จ๋อยไปเลย
อรดีหัวเราะอย่างสะใจ อิชยาส่ายหน้าอย่างหงุดหงิดและเอือมระอาเต็มกลืน
พรพจี จิรดาและภัทร์ธีราที่มีสรัชนั่งปลอบอยู่ กำลังรอผลตรวจจากหมออย่างกังวลแตกต่างกันไป หมอเดินออกมา ทั้งสี่ลุกขึ้น
“อารินเป็นอะไรมากไหมคะคุณหมอ”
“คุณรินปลอดภัยดีครับ หมอตรวจเบื้องต้นแล้วยังไม่พบว่าเป็นโรคหัวใจ หรือโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ครับ”
“แล้วทำไมอารินถึงทรุดไปแบบนั้นล่ะคะ” ภัทร์ธีราแปลกใจไม่หาย
“เกิดได้จากหลายสาเหตุครับ แต่กรณีคุณรินน่าจะเกิดจากการเครียดมากเกินไปก็ทำให้เกิดอาการอย่างที่เห็นได้ครับ”
“โล่งใจไปทีนะคะที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก” พรพจีว่า
“แล้วเราจะป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ได้อีกยังไงบ้างคะหมอ”
หมอบอกภัทร์ธีราว่า “พยายามอย่าให้คนไข้เครียดหรือคิดมากจะดีที่สุดครับ เนื่องจากภาวะร่างกายของคนไข้อาจก่อให้เกิดอาการเครียดสะสมอยู่แล้ว คงต้องดูแลใกล้ชิดขึ้นครับ”
“ขอบคุณนะคะคุณหมอ”
ภัทร์ธีราโล่งใจขึ้นยิ้มเชิงขอบคุณหมอ สรัชปลอบ
“เห็นไหมคะ พี่บอกแล้วว่าอารินต้องไม่เป็นอะไรมาก”
นรินทร์นอนหน้าซีดเซียวอยู่บนเตียงผู้ป่วยในห้องพักฟื้นวีไอพี ทุกคนเข้ามารุมล้อมเตียง นรินทร์ลืมตาขึ้นมามองช้าๆ ภัทร์ธีราถามขึ้นเป็นคนแรก
“อารินเป็นยังไงบ้างคะ”
“อาไม่เป็นไรแล้ว”
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วค่ะ แล้วก็ห้ามเป็นอะไรอีกนะคะ จ๋าตกใจแทบแย่”
“อาขอโทษนะที่เป็นแบบนี้ เลยทำให้งานน้องจ๋ากร่อย อาไม่น่าไปเลย”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ จ๋าเองสิผิดที่ไม่ชวนอารินไป”
สรัชเสริมว่า “ใช่ครับ อารินไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ไม่ต้องคิดมากนะครับ”
“อาก็ไม่อยากคิดมากหรอก แต่อยู่บ้านคนเดียวมันเหงาไปหมด ไม่มีใครอยู่บ้านเลย”
นรินทร์ทำหน้าตาน่าสงสารจนภัทร์ธีราหลงกลรู้สึกผิด จอมเจ้าเล่ห์หันมามองจ้องหน้าพรพจียิ้มให้อย่างสะใจ
“ที่ฉันไม่อยากให้คุณไปไหนตอนกลางคืน ก็เพราะฉันกลัวว่าถ้าคุณพักผ่อนน้อยแล้วจะเป็นแบบนี้ไงคะ” พรพจียิ้มหวานตอบ แต่กัดฟันกรอด จงใจพูดเหน็บแนมสามี “ตอนนี้คุณอย่าเพิ่งคิดอะไรเลยนะ คุณต้องพักผ่อนมากๆ สำคัญที่สุด”
“คุณพูดถูก ผมคงต้องพักให้สบายใจ เพราะผมเครียดมากไม่ได้ เดี๋ยวอาการจะกำเริบขึ้นมาอีก”
“ไม่ต้องห่วง ต่อไปนี้ฉันจะให้คนดูแลให้คุณได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ทุกวัน คุณจะได้ไม่ต้องเตร็ดเตร่จนเหนื่อยแล้วอาการกำเริบอีก”
ทั้งสองสบตาอย่างรู้ทันกัน และไม่มีใครยอมใคร
คุณหญิงกับนายพลสามีนั่งรอลูกชายอยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างร้อนใจ จนเห็นสรัชเดินเข้าบ้านมาท่าทางซังกะตาย
“คุณรินเป็นยังไงบ้างลูก” ท่านนายพลเอ่ยถาม
“ปลอดภัยแล้วครับ ผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
คุณหญิงทอศรีเรียกไว้ “เดี๋ยวสิลูก มานั่งคุยกันก่อน”
สรัชถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเดินมานั่งระหว่างพ่อกับแม่ อย่างหมดแรง
“หมอได้บอกไหมว่าเกิดจากสาเหตุอะไร” คุณหญิงถาม
“นั่นสิเอ้ เป็นโรคหัวใจหรือเปล่า” นายพลสุทธิซัก
“เปล่าครับ หมอบอกว่าเกิดจากความเครียดน่ะครับ”
“ความเครียดทำให้เราเป็นได้ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ น่ากลัวเหมือนกันนะ” ผู้เป็นบิดาบอก
คุณหญิงถามอีกว่า “แล้วเขามีเรื่องอะไรให้เครียดหนักเหรอลูก ถึงได้เป็นถึงขนาดนั้น”
“อาจจะเรื่องที่ ไม่มีใครชวนมางานฉลองวันเกิดน้องจ๋าน่ะครับ”
พูดจบสรัชก็หน้าจ๋อยเมื่อนึกเรื่องที่ตัวเองขอภัทร์ธีราแต่งงานไม่สำเร็จขึ้นมาได้
“เรื่องแค่นี้เนี่ยนะ”
คุณหญิงทอศรีพึมพำ มองหน้ากันกับสามีอย่างเห็นใจลูก
“ไม่เป็นไรหรอกลูก โอกาสหน้ายังมี ค่อยขอใหม่ก็ได้ ยังไงหนูจ๋าก็ต้องเห็นถึงความตั้งใจของเราอยู่แล้ว”
พร้อมกับว่านายพลสุทธิตบบ่าเบาๆ ปลอบใจลูกชาย
“ใช่ลูก อย่าคิดมากเลย” คุณหญิงเสริม
“เห็นไหม แม่เขายังเห็นด้วย”
“ขอบคุณครับ”
คุณหญิงทอศรีทะลุกลางปล้องขึ้นมาจนได้ “แต่แม่ว่าดีแล้วนะ ที่ยังไม่ได้ตกปากรับคำกันไปเสียก่อน”
ท่านนายพลสุดเซ็ง “คุณ”
“คุณก็เห็นนี่ว่าบ้านนี้มีอะไรแปลกๆ ทั้งอาสาว อาเขย ดีแล้วที่เราได้เห็นตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้ตัดสินได้อย่างรอบคอบ จริงไหมลูก”
“เอ้ง่วงแล้ว ไปอาบน้ำนอนก่อนนะครับ”
สรัชลุกเดินออกไปโดยไม่รอฟังคำของมารดา
“เดี๋ยวสิ ตาเอ้ เอ๊ะ ลูกคนนี้นี่ยังไง”
“คุณนั่นแหละยังไง เห็นอยู่ว่าลูกกำลังเศร้า ก็ยังไปพูดเรื่องนั้น” ท่านนายพลตำหนิ
“ก็ฉันอยากให้ลูกทำใจตั้งแต่เนิ่นๆ นี่”
“ผมก็ง่วงแล้ว ไปนอนก่อนนะ”
นายพลสุทธิลุกเดินหนีขึ้นห้องไปโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“เอ๊ะคุณ รอฉันด้วยสิ”
คุณหญิงรีบตามไป
พรพจีกับภัทร์ธีราเดินเข้าบ้านมาพร้อมกัน ตามมาด้วยจิรดาที่เข็นรถพานรินทร์ตามมา สวาทเดินออกมาต้อนรับอย่างเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้างคะคุณริน”
“ชักเพราะความเครียดน่ะค่ะ” ภัทร์ธีราบอก
นรินทร์แขวะออกไปว่า “เครียดเพราะไม่มีคนชวนไปงาน”
“ฉันไม่ชวนไปงานก็เพราะกลัวจะพักผ่อนน้อย” พรพจีบอกเสียงเรียบ
นรินทร์พยายามข่มอารมณ์เพราะเห็นเป็นวันเกิดภัทร์ธีรา
“แต่มันเป็นวันพิเศษ ฉันก็แค่อยากไปเซอร์ไพรส์หลาน”
“ก็เลยได้เซอร์ไพรส์จริงๆ คนอื่นตกใจกันหมด ที่เห็นคุณอาการกำเริบ”
สวาทมองพรพจีและนรินทร์สลับกันไปมา แปลกใจที่ทั้งสองเถียงกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและไม่โวยวาย
“สรุปว่าไม่มีอะไรร้ายแรงใช่ไหมคะ”
“แค่อย่าเครียดก็พอ ไม่อย่างนั้นอาการจะกำเริบเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
“และห้ามพักผ่อนน้อยด้วย เพราะฉะนั้นห้ามใครพาคุณรินไปไหนดึกๆ อีกเป็นอันขาด” พรพจีสั่ง
นรินทร์ย้อนแย้งว่า “และห้ามทิ้งฉันไว้ที่บ้านคนเดียวอีกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น...”
“อาการจะกำเริบอีกเมื่อไหร่ไม่รู้” พรพจีต่อคำให้ปรายตาไปมองยังพยาบาลจอมแอ๊บ “ฉันรู้ค่ะ ฉันไม่ทิ้งคุณไว้คนเดียวหรอกค่ะ ฉันจะให้คุณดาดูแลคุณอย่างดี ถ้าเกิดเรื่องกับคุณอีก ก็คงต้องพิจารณากันใหม่ว่าคุณดายังเหมาะกับการดูแลคุณอีกหรือไม่”
“คุณคงไม่คิดว่าแค่การมีพยาบาลคนหนึ่งก็จะทำให้ผมมีความสุข และไม่เหงาแล้วใช่ไหม”
“ฉันคิดว่าสุขภาพต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง และ...”
นรินทร์เริ่มควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
“แต่...”
ภัทร์ธีราเห็นรีบตัดบท “ทุกคนคะ จ๋าขอตัวไปนอนนะคะ น้องจ๋าง่วงแล้ว อารินก็ต้องพักผ่อน พี่ดาช่วยพาอารินไปพักทีค่ะ”
จิรดาอึกอัก นรินทร์พยักหน้าให้ จิรดาจึงเข็นพาไปยังลิฟต์ ภัทร์ธีราเดินตามไปด้วย
พรพจีถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
พรพจีเดินเข้ามาในห้องปิดประตูเสียงเบา วางกระเป๋าลงที่โต๊ะเครื่องแป้งด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่กำมือแน่นจนเกร็ง คว้าของที่อยู่ใกล้มือปาลงพื้นเต็มแรง แล้วกวาดทุกสิ่งทิ้งเกลื่อนกล่นพื้น ไม่เท่านั้นยังเดินไปหยิบหมอนมาฟาดๆ ระบายอารมณ์ต่อ ทิ้งตัวลงนั่งริมเตียง ใช้กำปั้นทุบเตียงอย่างโกรธแค้น สุดท้ายเอาหมอนปิดหน้าแล้วกรีดร้องสุดเสียง
พรพจีทำทุกอย่างที่สามารถจะทำได้ เพื่อระบายความอัดอั้นที่เก็บกดอยู่ภายในออกมา จนกระทั่งมีเสียงไลน์ดังขึ้น พรพจีค่อยๆ เรียกสติกลับมา คว้าโทรศัพท์มาเปิดดู เป็นไลน์จากวิษธรถามมาว่า
"เป็นยังไงบ้าง อย่าเครียดนะครับ ผมเป็นห่วง"
พรพจีอ่านข้อความน้ำตาไหลริน ยกมือถือมาแนบอกด้วยความรัก
เสียงหัวเราะของนรินทร์และจิรดาดังลั่นห้อง ในขณะที่จิรดาช่วยนรินทร์พลิกตัวเพื่อทำกายภาพบำบัด ทั้งสองคุยกันถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นด้วยความสะใจ
“เห็นหน้าจีตอนที่เราโผล่ไปในงานไหม”
“ซีดเป็นไก่ต้มเลยค่ะ”
นรินทร์พูดไปหัวเราะไป “วันนี้นี่มันสนุกดีจริงๆ สมน้ำหน้า คิดจะใช้แผนตื้นๆ ฉันไม่มีทางหลงกลง่ายๆหรอก”
“น่าสงสารคุณจีออกนะคะ อุตส่าห์วางแผนมาอย่างดี แต่พอจะใกล้สำเร็จก็...”
นรินทร์เสริมให้ว่า “เละเป็นโจ๊ก”
ทั้งสองหัวเราะลั่นอีกรอบ
“แต่ยังไงก็ยังวางใจไม่ได้หรอกค่ะ เราไม่รู้ว่าคุณจีจะมีแผนสำรองอีกไหม”
“ก็จริง แต่ไม่ว่าแผนไหน ฉันก็จะคอยขัดขวางมันไปเรื่อยๆ อย่างนี้ ชาตินี้อย่าหวังว่าจะหนีจากฉันได้เลย”
นรินทร์หัวเราะสะใจ จิรดายิ้มย่องสมใจ
เช้าวันนี้ วิษธรเข้าโรงแรมแต่เช้า เขาขลุกอยู่ในห้องทำงานกำลังตรวจสอบเอกสารในคอมหน้าเคร่ง จนมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามาครับ”
วิษธรเงยหน้าขึ้นมองเห็นพรพจีเดินตรงเข้ามาหา เมื่อถอดแว่นดำออก ทำให้เห็นสภาพตาบวมเป่งจากการร้องไห้อย่างหนักเมื่อคืนนี้ วิษธรตกใจรีบลุกเดินเข้าไปหา
“จี คุณโอเคไหม”
“ไม่ค่ะ” พรพจีโผเข้ากอดวิษธรน้ำตาคลอ “ฉันไม่โอเค แผนของฉันพังหมดทั้งๆ ที่โอกาสที่เราจะได้อยู่ด้วยกันใกล้เข้ามาแล้วแท้ๆ”
“ไม่เป็นไรนะครับ ค่อยหาโอกาสใหม่”
พรพจีละตัวออกมา “คุณเห็นแล้วใช่ไหมว่าคนอย่างคุณรินเจ้าเล่ห์แค่ไหน ทีนี้คุณก็เลิกสงสารเขาเสียที ยิ่งสงสารก็จะยิ่งตกหลุมพรางที่เขาวางไว้”
วิษธรพูดมีเลศนัย “ครับ ผมจะจำไว้ อย่าสงสาร”
“ดีค่ะ”
“แล้วคุณจะเอาไงต่อ หยุดไว้ก่อนไหมครับ”
“ฉันไม่มีวันยอมแพ้แน่นอน”
“ผมก็ว่าอย่างนั้น คุณเป็นผู้หญิงที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ถ้าคุณต้องการอะไรแล้ว คุณจะพยายามจนได้มันมา นี่แหละที่ทำให้ผมชอบคุณ”
พรพจีมองหน้าวิษธรอย่างลึกซึ้งมีความหมาย เขยิบเข้าใกล้มากขึ้นท่าทียั่วยวน
“คุณชอบฉันแค่ไหนคะ”
พรพจียื่นหน้าเข้าไปใกล้วิษธรจนลมหายใจราดรดใบหน้ากันและกัน
ภัทร์ธีราเดินมาที่ห้องวิษธรยกมือจะเคาะประตู แต่เพราะหอบหิ้วแฟ้มพะรุงพะรังจึงไม่ถนัด เลยตัดสินใจใช้ตัวดันเปิดประตูอย่างทุลักทุเล แง้มได้เพียงนิดภัทร์ธีราก็ยืนตัวแข็งทื่อ ตะลึงตะไล เมื่อเห็นภาพวิษธรและพรพจีใกล้ชิด และทำท่าเหมือนกำลังจะจูบกัน
ภัทร์ธีราตัวสั่นสะท้าน ค่อยๆ ถดตัวถอยออกมาจากประตูห้องด้วยความตกใจ แข้งขาอ่อนแรงจนร่างทรุดลงแทบทรงตัวไม่อยู่ ภัทร์ธีรารวบรวมสติพาตัวเองเดินหนีกลับห้องตัวเองอย่างเร็วที่สุด
ภัทร์ธีราเดินกลับเข้าห้องอย่างว้าวุ่นใจ วางกองแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะอย่างลวกๆ ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างคนสิ้นแรง
แม้จะหลับตาลงสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ แต่ไม่อาจบังคับน้ำตาไม่ให้ไหลริน หญิงสาวพยายามบอกเตือนปลุกปลอบใจตัวเองให้สงบลง
“มันต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องตกใจเลย นายวิษธรจะเป็นคนดีไปได้ยังไง”
เมื่อเริ่มตั้งสติได้ ภัทร์ธีราจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร.หานักสืบพิภพ นิ่งฟังเสียงปลายสาย
“สวัสดีค่ะคุณพิภพ...ค่ะ…ได้เรื่องอะไรบ้างไหมคะ...จริงเหรอคะ ดีเลย งั้นช่วยส่งให้จ๋าด่วนเลยนะคะ แล้วก็ถ้ามีอะไรเพิ่มเติม...”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนจะเห็นวิษธรก็เปิดประตูพรวดเข้ามา ภัทร์ธีรามีสีหน้าตกใจกดวางสายพิภพทันที
“เรานัดคุยงานกันสิบโมงไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นไปซักที ลืมหรือเปล่าครับ”
“ฉันไม่ไปแล้ว ฉันไม่อยากทำงานกับคุณ”
วิษธรงง “มีเรื่องอะไรอีก”
“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกเหตุผลของฉันให้คุณฟัง”
“อย่าทำตัวเป็นเด็กสิคุณจ๋า อย่าเอาอารมณ์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง จนต้องละทิ้งหน้าที่การงานแบบนี้”
“คนเลวอย่างนาย มีสิทธิ์อะไรมาสอนฉัน! อย่าคิดว่าทำอะไรแล้วจะไม่มีใครรู้ เรื่องเลวๆ ปิดยังไงก็ไม่มีวันมิดหรอก”
“ผมทำอะไรถึงได้เลวนักหนาในสายตาคุณ”
“ยังจะต้องให้ฉันพูดออกมาอีกเหรอ นายทำอะไรคุณรู้ดีอยู่แก่ใจ”
“บอกมาสิว่าผมทำอะไร บอกมา”
“ไม่ว่านายจะทำอะไร ฉันจะฉีกหน้ากากของนายออกมาให้ได้ ฉันไม่มีวันยอมนั่งเฉยดูนายทำให้ครอบครัวฉันแตกแยกอีกต่อไป”
วิษธรงงหนัก “มันเรื่องอะไรกันแน่”
ภัทร์ธีราผลักวิษธรออก “มีความสุขมากใช่ไหม เวลาเห็นคนในครอบครัวเขาทะเลาะกัน สนุกมากงั้นเหรอ” หนูจ๋าผลักเขาแรงขึ้นอีก “นายคงรู้สึกดีใช่ไหมที่เห็นอาการอารินทรุดลงทุกวัน”
สุดท้ายเธอทุบตีเขาพูดไปร้องไห้ไปด้วยความโกรธแค้น วิษธรตกใจที่เห็นท่าทีภัทร์ธีราเป็นแบบนี้
“นายมันอสรพิษจริงๆ แว้งกัดได้แม้กระทั่งคนที่ดีกับนาย เลวที่สุด”
“คุณจ๋า”
วิษธรพยายามจับภัทร์ธีราเพื่อเรียกสติ แต่เธอสะบัดตัวออก
“ปล่อย อย่าเอามือสกปรกของนายมาโดนตัวฉัน ปล่อย”
ภัทร์ธีราดิ้นหนีสุดแรงเกิด วิษธรจับรวบมือภัทร์ธีราไว้ทั้งสองข้าง รวบเอวภัทร์ธีราเข้าหาตัว แล้วแนบริมฝีปากลงไปเพื่อให้ภัทร์ธีราสงบ
ภัทร์ธีรานิ่งสงบได้ครู่เดียวก็ตกใจรีบผละตัวออก ตบหน้าวิษธรเต็มแรงจนเขาหน้าหัน
“น้องจ๋า ผมขอโท...”
ภัทร์ธีราไม่ฟัง วิ่งหนีออกไปโดยเร็ว วิษธรมองตามรู้สึกผิดเต็มประตู
ภัทร์ธีราวิ่งหน้าตื่นน้ำตาคลอออกมาตรงทางเดิน จนเกือบชนกับพรพจีที่เดินสวนมา
“น้องจ๋า”
“อาจี”
“มีอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าตาตื่นมาแบบนี้”
ภัทร์ธีราอึกอักพยายามคิดหาคำตอบ “จ๋า เอ่อ...จ๋ารู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ”
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า ไปหาหมอไหม”
พร้อมกับว่า พรพจียื่นมือไปแตะหน้าผากดูอาการ ภัทร์ธีราเอียงหัวหลบมือวูบ ทำเอาพรพจีมองฉงน
“ไม่ต้องค่ะ แค่ได้กลับไปพักน่าจะดีขึ้น”
“งั้นก็ตามใจ รีบกลับไปพักเถอะจ้ะ เมื่อคืนก็นอนดึก คงจะเพลียด้วย”
“ค่ะอาจี”
ภัทร์ธีราเก็บอารมณ์เดินออกไป พรพจีมองตามด้วยสีหน้าครุ่นคิด
วิษธรเดินออกมาทำท่าจะกดมือถือโทร.หาภัทร์ธีราแต่ก็เกิดเปลี่ยนใจ เปิดไลน์พิมพ์คำว่า "ผมขอโทษ" จะส่งหา แต่สุดท้ายก็ลบทิ้ง ตัดสินใจกดโทร.หา
ระหว่างนี้พรพจีโผล่มา วิษธรตกใจกดวางสายทันที
“ตกใจอะไรคะ”
“คุณมาเงียบๆ”
พรพจีมองจับผิด
“แล้วคุณล่ะคะ มาทำอะไรเงียบๆ ตรงนี้”
“คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะครับ”
“ไม่ได้ป่วยใช่ไหมคะ”
“ทำไมเหรอ”
“ฉันเห็นน้องจ๋าป่วย ขอกลับบ้านไปแล้ว เลยกลัวว่าคุณจะป่วยไปอีกคน”
“สงสัยน้องจ๋าจะติดจากผม ผมก็รู้สึกมึนๆ นิดหน่อยครับ เหมือนสมองมันตื้อๆ” วิษธรพูดทีเล่นทีจริง
พรพจีนิ่งคิด “ถ้าอย่างนั้นคุณก็กลับไปพักเถอะค่ะ”
“ขอบคุณครับ ผมไปก่อนนะ”
วิษธรเดินลิ่วออกไป พรพจีมองตาม ยิ่งสงสัยมากขึ้นเป็นทวี
ภัทร์ธีราเดินเข้ามาในสวนสวยอันร่มรื่น มองซ้ายแลขวาเมื่อไม่เห็นใครจึงนั่งลงที่ม้านั่งริมทางเดิน เปิดมือถืออ่านข้อความไลน์ที่ส่งมาให้ด้วยสีหน้าอันเคร่งเครียด
เป็นพิภพที่ส่งข้อมูลและภาพถ่ายเกี่ยวกับวิษธรมาให้ทางไลน์ ภัทร์ธีราขยายภาพแผนที่รีสอร์ตที่สุโขทัยดู
วิษธรเดินผ่านสวนเข้ามาในรมย์ฤดี มองหาภัทร์ธีรา เมื่อเห็นเธอนั่งอยู่ในสวนก็ปรี่เข้าไปหา
“คุณจ๋า ผม”
ภัทร์ธีราสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นวิษธร รีบเก็บมือถือแล้วลุกขึ้นจะเดินหนี ถูกวิษธรดักไว้
“ผมไม่สบายใจเลยขอคุณจีลางานกลับมาก่อน ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมครับ”
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนาย”
ภัทร์ธีราเดินหนีไปเลย
“เดี๋ยวสิคุณ คุณ”
วิษธรตะโกนตามไป เมื่อเห็นภัทร์ธีราไม่หยุดแน่จึงหยุดเรียก ตัดสินใจบางอย่างด้วยสายตาแน่วนิ่ง
วิษธรเดินดุ่มๆ เข้าไปในโถงบ้านรมย์ฤดี มองไปทางห้องนั่งเล่น มุมรับแขกเพื่อหาภัทร์ธีรา จนสวาทเดินเข้ามาหา
“คุณธร มาหาคุณจีหรือคะ”
“เปล่าครับ มาหาคุณจ๋า”
“คุณธรนี่นะคะ มาหาคุณจ๋า” สวาทยิ้มแซว “ดีกันแล้วเหรอคะ”
“จริงๆ ก็ยังครับ แต่ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณจ๋านิดหน่อย”
“เรื่องอะไรเหรอคะ”
พรพจีส่งเสียงนำเข้ามาก่อนตัว วิษธรตกใจไม่คิดว่าพรพจีจะกลับบ้านมาตอนนี้
“ฉันก็รู้สึกไม่ค่อยสบายเลยอยากกลับมาพัก สงสัยจะติดจากคุณอีกคน ว่าแต่...คุณมีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกับน้องจ๋าคะ”
“เรื่องงานน่ะครับ”
“งานอะไรคะ”
สวาทมองสงสัยที่เห็นพรพจีซักไซ้วิษธรมากผิดปกติ
“เผื่อฉันช่วยได้”
“เรื่องลูกค้ากรุ๊ปใหญ่ที่จองห้องผ่านคุณจ๋าไปน่ะครับ พอดีการจองมันซ้ำซ้อนกับลูกค้าวีไอพีที่เขาจองไว้นานแล้ว รายละเอียดอยู่กับคุณจ๋าเพราะเขาเป็นคนรับเรื่อง”
“งั้นเดี๋ยวฉันไปตามน้องจ๋าให้ คุณเข้าไปรอที่ห้องทำงานก่อนก็ได้ค่ะ”
“เชิญค่ะคุณธร เดี๋ยวป้าเอาน้ำกับขนมอร่อยๆ ไปให้”
“ขอบคุณครับ”
วิษธรเดินตามสวาทไป พรพจีมองตามไปด้วยสายตาเคลือบแคลง
วิษธรนั่งรอภัทร์ธีราในห้องทำงานพรพจี จนมีเสียงเคาะเปิดประตูเข้ามา และเห็นพรพจีพาภัทร์ธีราเข้ามา วิษธรผุดลุกขึ้นทันที ภัทร์ธีรามองหน้าเขาอย่างอึดอัด
“ฉันพาน้องจ๋ามาส่งแล้วก็คงหมดหน้าที่ ขอตัวก่อนนะคะ จะได้คุยกันสะดวก”
ภัทร์ธีราเรียกไว้ “ไม่ต้องค่ะ อาจีอยู่ที่นี่แหละค่ะ”
พรพจีมองหน้าวิษธรเชิงถาม
“ครับ ไม่ใช่ความลับอะไร ผมแค่อยากจะขอโทษ”
ภัทร์ธีรากลั้นใจ กลัววิษธรจะพูดเรื่องนั้นออกมา
“เรื่องลูกค้ากรุ๊ปใหญ่ที่จองห้องผ่านคุณ แล้วซ้ำซ้อนกับลูกค้าวีไอพีที่จองไว้นานแล้วน่ะ”
ภัทร์ธีรามองหน้าวิษธรด้วยความสับสน ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหน
“คุณก็ไม่เห็นจำเป็นต้องขอโทษนี่คะ ทั้งๆที่เป็นความผิดของฉันเองที่ไม่รอบคอบ”
“ผมก็ผิดด้วยส่วนหนึ่งที่ไม่ได้บอกข้อมูลให้คุณรู้ทั้งหมด”
“แล้วมีอีกเยอะไหมคะ ข้อมูลที่คุณยังไม่ได้บอกฉัน”
พรพจีมองประเมินท่าทีทั้งคู่
“คุณอย่าคิดว่าโรงแรมของเราเสน่ห์แรงมาก จนลูกค้าต้องแย่งกันมาพักนะคะ ถึงจะดูดีมีชื่อเสียงแค่ไหน แต่ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นบ่อยๆ ลูกค้าประจำก็จะไม่เหลือ เพราะเขาจะรู้สึกถึงเบื้องหลังที่น่าสงสัย จนต้องหาความจริง แล้วถ้าความจริงเปิดเผย โรงแรมเราจะเสียชื่อเสียงเปล่าๆ”
ภัทร์ธีราจ้องหน้าวิษธรอย่างเคืองขุ่น พรพจีมองทั้งสองอย่างเคลือบแคลงใจ และสงสัยหนัก
“แค่เรื่องจองซ้ำซ้อนเอง มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลยนะน้องจ๋า”
“ค่ะอาจี คุณวิษธรเป็นคนเก่งคงจัดการปัญหาได้ง่ายๆ จ๋าเองที่พูดไม่รู้เรื่อง คงเพราะไม่สบายน่ะค่ะ หมดเรื่องแล้วจ๋าขอตัวไปพักนะคะ”
ภัทร์ธีรารีบเดินออกไป วิษธรมองตามด้วยแววตาเป็นกังวล พรพจีเห็นสายตานั้น เข้ามาเกาะแขน
“วันนี้กินข้าวด้วยกันนะคะ คุณไม่ได้กินข้าวที่นี่มาตั้งนาน”
วิษธรปลดแขนออก “ไว้วันหลังแล้วกันครับ เพิ่งเกิดเรื่องไป ผมไม่อยากมีปัญหาผมกลับก่อนนะครับ”
พรพจีมองตามวิษธรที่เดินออกไป ด้วยสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
อ่านต่อ ตอนที่ 18
#เพลิงรักไฟมาร #thaich8 #ละครออนไลน์