DIAMOND EYES ตา-สัมผัส-ผี
ตอนที่ 4 - คดีฆ่าตัวตาย
บรรยากาศอันเงียบสงัดในค่ำคืนหนึ่ง เสียงปืนดังขึ้นนัดหนึ่ง
ในห้องทำงานที่อยู่ในความมืด ข้างโต๊ะ ร่างของสุรเดชตกลงมานอนที่พื้น เลือดค่อยๆไหลจากหัวของเขาหยดลงมานองกับพื้น
เช้าวันใหม่ บ้านของสุรเดชมีสายเหลืองคาดกั้นผ่านประตู ภายใน ... เจ้าหน้าที่ตำรวจและDEI หลายนายกำลังทำงาน
ที่ห้องทำงานสุรเดช แอบบี้กำลังชันสูตรศพของสุรเดชอยู่
ร.ต.อ. สารินเดินเข้ามาหาแอ๊บบี้
“ผู้ตายชื่อสุรเดชทำธุรกิจเกี่ยวกับขายวัสดุก่อสร้างค่ะ สันนิษฐานเบื้องต้นว่าฆ่าตัวตายจากความเครียดเรื่องธุรกิจ”
“ด่วนสรุปเร็วไปมั๊ยแอ๊บบี้” หมวดสารินว่า
แสนแสบถามสอด
“ผู้หมวดคิดว่าคุณสุรเดชไม่ได้ฆ่าตัวตายเหรอครับ”
“เปล๊า” ผู้หมวดสารินเสียงสูง
“เสียงสูงแบบนี้แสดงว่าคดีนี้มีเงื่อนงำอีกแล้วใช่มั๊ยหมวด”
“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย”
“ถึงไม่พูดผมก็รู้...แล้ววันนี้ผู้กองเพชรไม่มาเหรอครับ”
แอ๊บบี้บอก “ผู้กองลาพักร้อน”
“คนบ้างานอย่างผู้กองนะ ลาพักร้อน ไม่น่าเชื่อ”
“นายก็น่าจะลาพักบ้างนะ ฉันเบื่อหน้านายเต็มทีแล้ว”
“ไม่เห็นหน้าผมแล้วจะคิดถึงนะครับ”
แอ๊บบี้เบ้ปาก
ที่หน้าต่างห้องนอนชั้นบน กานดา แม่ของสุรเดชนั่งเหม่อลอย น้ำตาไหลอาบแก้ม
วันเดียวกัน เสียงออดของโรงเรียนนานาชาติดังขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศนักเรียนที่ทยอยเดินเข้าโรงเรียน
รถของร.ต.อ.เพชร ภูมิไทแล่นเข้ามามาจอดหน้าโรงเรียน เอมิเปิดประตูลงรถมา
“ไม่เข้าไปด้วยกันหรอคะ”
“ส่งแค่นี้ก็พอ ฉันมีประชุม”
“ค่ะ”
เอมิหน้าจ๋อยๆก่อนปิดประตู
ต่อมา เอมิยืนเกร็งอยู่หน้าห้องเรียน บรรดาเพื่อนๆร่วมชั้นเรียนดูไม่สนใจนักเรียนใหม่อย่างเธอเลย บางคนถ่ายรูปเล่น บางคนคุยกัน บางคนสนใจอย่างอื่น
เอมิตัดสินใจโพล่งขึ้น
“เราชื่อเอมินะ!”
เพื่อนๆต่างหันมองเธอเป็นตาเดียว เอมิยิ้มแก้เขิน แนะนำตัวต่อไป
“เราเพิ่งย้ายมาจากญี่ปุ่น ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมาก ยังไงก็ฝากตัวด้วย”
ทั้งห้องยังเงียบกริบ
จู่ๆก็มีเสียงปรบมือต้อนรับจากเพื่อนคนหนึ่งดังขึ้นในห้อง
เฌอแตมที่ดูเป็นมิตรที่สุด ปรบมือดังและยาว จนคนอื่นๆค่อยๆปรบมือตาม
เอมิมองเฌอแตมแล้วเริ่มรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
ครูบอก
“เอมิไปนั่งตรงนั้นนะจ๊ะ”
ครูชี้นิ้วไปที่นั่งว่างๆข้างๆเฌอแตม
“ชื่อเอมิหรอชื่อน่ารักจัง เราเฌอแตมนะ แล้วพูดภาษาญี่ปุ่นได้ไหม”
“ได้”
“ดีอะ..สอนเราด้วยนะ”
ธีระ น้องชายของสุรเดชเปิดประตูเข้ามาในห้องสอบสวน DEI ที่หมวดสารินนั่งรออยู่
“สวัสดีครับคุณธีระ เชิญนั่ง”
ธีระเดินมานั่งตรงข้ามสาริน
“ผมร้อยตำรวจเอกสาริน เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยDEI เสียใจเรื่องพี่ชายคุณด้วยนะครับ”
“ผมไม่เคยคิดเลยว่าพี่สุรเดชจะคิดสั้นแบบนี้”
“วันเกิดเหตุคุณอยู่ที่ไหน”
“ที่คอนโดของผมครับ”
“ที่บ้านมีใครอยู่บ้าง”
“มีพี่ชายผมกับแม่แค่นั้น”
“ผมรู้มาว่าคุณสุรเดชมีปัญหาเรื่องธุรกิจที่ทำอยู่”
“คนทำธุรกิจมันก็มีปัญหาทั้งนั้นครับ เป็นเรื่องปกติ”
“แต่ปัญหาที่ทำให้คิดฆ่าตัวตายคงไม่ใช่เรื่องปกติมั๊งครับ”
“เรื่องเงินทองคงไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้พี่ผมคิดสั้นแน่ๆ” ธีระยืนยัน
“คุณสุรเดชเคยมีเรื่องบาดหมางกับใครมาก่อนรึเปล่าครับ”
“ตั้งแต่ผมย้ายออกจากบ้านไปอยู่ที่คอนโด ผมก็ไม่รู้เรื่องของพี่สุรเดชเลย”
“คุณสุรเดชมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับ ใครเป็นพิเศษรึเปล่า”
“มันเรื่องส่วนตัวของเค้า ผมจะไปรู้ได้ยังไงครับ”
“ได้ข่าวว่าคุณไม่ค่อยถูกกับพี่ชายจริงมั๊ย”
“ไม่จริง ผมกับพี่สุรเดชไม่เคยทะเลาะกัน”
เวลาต่อเนื่องมา ซินกดกริ่งที่หน้าบ้านผู้กองเพชร เอมิเพิ่งกลับจากโรงเรียนได้สักครู่ เธอยังแต่งชุดนักเรียนออกมาเปิดประตูให้
ซินเกิดอาการเหวอเล็กน้อย ก่อนมองบ้านเลขที่กับจอโทรศัพท์ ชักไม่แน่ใจ
“เอ่อ…บ้านผู้กองเพชรรึเปล่าครับ”
“ใช่ค่ะ”
“ผมชื่อซิน เป็นบัดดี้ของผู้กองเพชรครับ”
“บัดดี้”
“ครับ ผมเป็นสายสืบให้ผู้กอง”
“อ๋อ เชิญเข้ามาในบ้านก่อนเลยค่ะ พ่ออยู่ข้างบนค่ะ”
ซินตะลึง “พ่อ!”
“ค่ะ เชิญค่ะ”
ซินงงๆแต่ก็เดินตามเอมิไปแต่โดยดี
ต่อมา เอมิเดินเอาน้ำมาให้ชินที่ห้องรับแขก
ซินรับมาแบบเขินๆ ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“เป็นลูกผู้กองจริงๆหรอครับ”
“ใช่ค่ะ”
“ไม่น่าเชื่อว่าผู้กองจะมีลูกโตขนาดนี้”
“ว่าแต่คุณเองก็ดูเด็กเกินกว่าจะเป็นบั๊ดดี้ของพ่อนะ”
“พูดเหมือนพ่อคุณเลย อย่าตัดสินคนที่ภายนอกสิครับ”
ผู้กองเพชรเดินเข้ามา ซินรีบแก้คำพูดตัวเอง
“แต่ก็ดูไม่เคยผิดนะและก็รู้ด้วยว่านายกำลังคิดอะไร”
“เค้าบอกมีธุระจะคุยกับคุณค่ะ”
“นายมีธุระอะไร”
“มีใครบางคนต้องการคุยกับผู้กอง”
ซินหันมองไปนอกหน้าต่าง เพชรหันมองตาม ก็เห็นผีสุรเดชยืนอยู่ที่ประตูรั้ว
“วันนี้ฉันจะไม่รับเรื่องราวร้องทุกข์จากใครทั้งนั้น ไม่ว่าผีหรือคน”
“ใจร้ายไปป่ะผู้กอง”
“นายกลับไปได้แล้ว”
ซินทำหน้าเศร้า
“ก็ได้ๆ วันหลังผมจะมาอีกนะ”
“ถ้าฉันไม่อยู่ก็ไม่ต้องมา เข้าใจนะ”
“ครับ คุณพ่อ”
ผู้กองเพชรทำหน้าไม่พอใจ
“ถ้าเรียกฉันแบบนี้อีก ฉันจะจับนายโยนออกไปนอก”
ซินหันมายกมือลากับเอมิ
“ผมกลับก่อนนะครับ เอมิ”
ซินเดินกวนๆ ออกไป
“ทีหลังอย่าพาคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านอีกนะเอมิ”
“ก็เค้าบอกว่าเป็นบัดดี้กับคุณ”
“เชื่อด้วยเหรอ”
“ก็ไม่เชื่อหรอก แต่เห็นหน้าตาดีก็เลยให้เข้าบ้าน”
ผู้กองเพชรหันมองดุลูกสาว
เอมิยิ้มสู้
“วันนี้คุณต้องไปโรงเรียนกับหนู ครูประจำชั้นเรียกพบ”
“ไปเรียนวันเดียวก็ก่อเรื่องแล้วหรอ”
“เพราะหนูย้ายเข้ามากลางเทอมต่างหากล่ะ เขาประชุมผู้ปกครองไปหมดแล้ว เหลือหนูคนเดียว”
เพชรถอนหายใจ
หมวดสารินนั่งที่โต๊ะทำงาน แอ๊บบี้เดินเข้ามา
“หมวดสาริน แอ๊บบี้ได้ข้อมูลคดีคุณสุรเดชมาใหม่ค่ะ”
“ข้อมูลอะไร”
แอ๊บบี้ส่งรูปผู้หญิงวัยยี่สิบห้าให้สารินดู
“เธอชื่อแพรว เป็นพยาบาลส่วนตัวแม่สุรเดชค่ะ”
จากข้อมูลล่าสุด ทำให้หมวดสารินต้องไปหาแพรวยังที่พัก เขาคุยกับแพรวในห้องรับแขก
“คุณรู้จักกับคุณสุรเดชมานานรึยังครับ”
“ประมาณปีนึงค่ะ” แพรวบอก
“รู้จักกันได้ยังไง”
“คุณสุรเดชจ้างให้ดิฉันมาดูแลแม่ของเค้าค่ะ”
“วันเกิดเหตุ คุณอยู่ในบ้านรึเปล่า”
“ไม่อยู่ค่ะ”
“คุณไปไหน”
“กลับห้องพักสิคะ”
“คุณรู้จักคุณธีระ น้องชายคุณสุรเดชรึเปล่า”
“ไม่รู้จักค่ะ”
“คุณสุรเดชเคยพาใครมาที่บ้านบ้างมั๊ย หมายถึงผู้หญิง”
“ไม่เคยค่ะ คุณสุรเดชไม่อยากให้ใครรู้ว่ามีแม่เป็น...”
“เป็นอะไร”
“เป็นบ้าค่ะ คุณกานดามีอาการทางจิตเวลามีคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านเธอจะอาละวาด
คิดว่าเป็นขโมย”
ณ โรงเรียนมัธยม นานาชาติ เอมิเดินร่าเริงมาตามทางในโรงเรียน
ผู้กองเพชรเดินตามมาแบบทำตัวไม่ถูก
“เร็วๆสิคะ”
ผู้กองเพชรเดินตามมาอย่างช้าๆ
“ผู้กอง”
เพชรหันมองก้อยที่ยืนกับน้องสาวชื่อเฌอแตม
“หมอก้อย”
“ผู้กองมาสืบคดีอะไรที่โรงเรียนนี้คะ”
“ไม่ได้มาสืบคดีค่ะ พ่อมาพบฝ่ายปกครอง” เอมิบอก
ผู้กองเพชรทำหน้าไม่ถูกก้อยมองเอมิแปลกใจ
“ลูกผู้กองเหรอคะ”
ผู้กองเพชรพยักหน้า
“ครับ ลูกซาเอโกะ”
“หนูชื่อเอมิค่ะ”
“ตัวโตกว่าที่คิดอีกนะ” หมอก้อยบอก
“หมอก้อยเป็นหมอรักษาตาให้ฉัน”
“หนูรู้แล้ว”
“แอบดูเอกสารของฉันอีกแล้วใช่มั๊ย”
“เรื่องของหมอก้อยคุณปิดเป็นความลับด้วยเหรอ”
“เอมิ!”
เอมิจ๋อย
“เอมิเรียนชั้นอะไรแล้วค่ะ”
“ขึ้นมอสี่ค่ะ”
“งั้นก็รุ่นเดียวกับเฌอแตมเลยสิ”
“ลูกหมอเหรอครับ” ผู้กองเพชรถาม
หมอก้อยยิ้มตอบ
“ไม่ใช่ เป็นลูกพี่ชายค่ะ”
หมอก้อยเรียกเฌอแตม
“เฌอแตมมารู้จักผู้กองเพชรสิ”
เณอแตมยกมือไหว้เพชร
“หวัดดีค่ะลุง”
ผู้กองเพชรรับไหว้แบบงงๆไม่คุ้นเคยกับคำว่าลุง
ก้อยอมยิ้ม
“ได้เวลาแล้ว ไปกันเถอะค่ะ”
ทั้งสี่คนเดินเข้าไปในห้องอาจารย์ฝ่ายปกครอง
ผู้กองเพชรกับหมอก้อยนั่งรออยู่หน้าห้องพักครู
“ผมนี่แก่จนเป็นลุงได้แล้วเหรอ” เขาถามเปรยๆ
“เรียกลุงก็ถูกแล้วนี่ พี่ชายก้อยอายุน้อยกว่าผู้กองอีกนะ”
“งั้นเอมิก็ต้องเรียกหมอว่าป้าสิ”
“แก่ไปมั๊ย เรียกอาก็พอแล้ว”
“แล้ววันนี้ไม่ไปโรงพยาบาลเหรอครับ”
“วันหยุดค่ะ พี่สาวเลยวานให้มาส่งเฌอแตม แล้วคุณล่ะไม่ทำงานเหรอ”
“ก็หมอสั่งให้ผมพักงานครับ”
“ผู้กองเชื่อด้วยเหรอ”
เพชรยิ้มบอก “เชื่อสิครับ”
“แล้วทำไมไม่เอาผ้าปิดตาไว้”
ผู้กองเพชรยกมือปิดตาซ้ายไว้
“ผมเอามือปิดไว้ก็ได้”
ก้อยอมยิ้ม
ครูที่ปรึกษาเดินออกมาเรียก
“เชิญคุณพ่อคุณแม่เอมิเข้ามาด้วยค่ะ”
“ผมเป็นพ่อเอมิครับ”
“ดิฉันเป็นพี่สาวเฌอแตมค่ะ” หมอก้อยบอก
“อ๋อขอโทษด้วยค่ะนึกว่ามาด้วยกัน”
เพชรก้อยเดินตามครูเข้าไปในห้อง
กลางวัน ในวันต่อมา ... กานดาหญิงวัยห้าสิบนั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาล่องลอยอยู่ที่ริมหน้าต่าง
หมวดสารินขับรถมาจอดที่นอกบ้านสุรเดช ก่อนจะลักลอบเข้าไปในบ้าน
สารินเดินเข้ามาในห้องทำงานของสุรเดชเพื่อค้นดูเอกสารบางอย่าง ... ใครคนหนึ่งถือไม้ฟาดเข้าที่หัวจนหมวดสารินล้มลงไปกับพื้น
ผู้กองเพชรนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก ... มองไปที่ประตูทางเข้า เห็นผีสุรเดชยังคงยืนอยู่ที่เดิม
มีสัญญาณโทรศัพท์ ... แอ๊บบี้โทร.เข้ามือถือของผู้กองเพชร เขากดรับสาย
“ว่าไงแอ๊บบี้”
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะผู้กอง”
ในห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาล หมวดสารินมีผ้าพันแผลโพกศีรษะที่โดนตี
ธีระและแอ๊บบี้อยู่ข้างเตียง
“ผมต้องขอโทษแทนแม่ด้วยนะครับ ท่านคงคิดว่าคุณเป็นขโมย”
แอ๊บบี้บอก “หมวดคงเหมือนโจรมากกว่าเป็นตำรวจ”
“ใครจะหน้าตาดีเหมือนผู้กองเพชรล่ะ” หมวดสารินแขวะ
“อ่ะ แน่นอน”
ร.ต.อ.เพชร ภูมิไทเปิดประตูเข้ามา
“พูดถึงก็มาเลย ดวงแข็งจริงๆ” สารินบอก
“เป็นไงบ้างหมวดสาริน”
“ยังไกลหัวใจครับ”
“แต่โดนเย็บไปหลายเข็มค่ะ”
“เกิดอะไรขึ้นหมวด”
“ผมกำลังหาข้อมูลที่บ้านของคุณสุรเดชที่ยิงตัวตาย จู่ๆก็ถูกใครไม่รู้มาตีหัวผม ฟื้นขึ้นมาอีกทีก็เจอคุณธีระพามาส่งโรงพยาบาล ถึงได้รู้ว่าเป็นฝีมือของแม่คุณธีระ ที่ชื่อกานดา”
“หมวดเข้าไปหาข้อมูลอะไร”
“ผมยังสรุปสาเหตุของการคิดฆ่าตัวตายไม่ได้ เลยจะหาหลักฐานเพิ่มเติม”
“วันเกิดเหตุมีใครอยู่ที่บ้านหลังนั้นบ้าง”
“มีเพียงสุรเดชกับแม่ของเค้า”
“เค้าไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน”
ผู้กองเพชรครุ่นคิด
คืนนั้น ... ซินเปิดประตูห้องพัก เดินเข้ามาในห้อง ผีสุรเดชปรากฏตัวด้วยสีหน้าทุกข์ทรมาน
วันใหม่ ผู้กองเพชรกลับเข้ามาในบ้าน เห็นซินนั่งคุยกับเอมิ
“พ่อ คุณซินเค้ามารอพบพ่อ”
เพชรมองหน้าซินไม่พอใจ
“ฉันบอกว่าไม่ให้มาที่นี่ไง”
“ผมมีเรื่องสำคัญจะบอกผู้กอง”
“โทร.มาก็ได้”
“หนูไปทำการบ้านดีกว่า ขอตัวค่ะ”
เอมิเดินออกไป
“ตอนนี้ผู้กองกำลังทำคดีอะไรอยู่รึเปล่า”
“ไม่ได้ทำ ฉันลาพักร้อน นายมีอะไรว่ามา”
“ผมโดนผีตามติดครับ”
“ผีที่ไหน”
“ก็ผีที่ผู้กองไล่ไปน่ะสิ”
“เสี่ยสุรเดช นักธุรกิจที่ยิงตัวตาย”
“ใช่ ดูเหมือนว่าเค้าพยายามบอกอะไรบางอย่างกับผม”
ซินเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เพชรฟัง
“ผมเชื่อว่าเค้าไม่ได้ฆ่าตัวตาย”
ต่อมา หมวดสารินนั่งทำงานอยู่ในห้อง มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เจ้าหน้าที่ DEI เดินเข้ามา
“หมวดครับ คุณธีระมาขอพบครับ”
“เชิญเข้ามา”
เจ้าหน้าที่ DEI พาตัวธีระเข้ามาในห้อง
“สวัสดีครับหมวด”
“เชิญนั่งครับ คุณธีระมีอะไรถึงมาหาผมที่นี่”
“ผมมีเรื่องจะสารภาพกับผู้หมวด”
“เกี่ยวกับพี่ชายของคุณ”
“ใช่ครับ ความจริงพี่ชายผมไม่ได้ฆ่าตัวตาย”
ธีระ เล่าให้หมวดสารินฟัง ...
คืนเกิดเหตุ ... สุรเดชปีนรั้วเข้ามาในบ้านซึ่งไฟมืดสนิท
“คืนนั้นไฟฟ้าดับ พี่สุรเดชกลับมาถึงบ้าน แต่เข้าบ้านไม่ได้ เพราะลืมกุญแจไว้”
กานดาหยิบปืนออกมาจากลิ้นชัก
“แม่คิดว่าพี่สุรเดชเป็นขโมยจึงเอาปืนมายิง”
สุรเดชเดินเข้ามาเจอกานดายิงจนล้มลง
ธีระพูด ... น้ำตานองหน้า
“ผมกลัวแม่จะต้องติดคุกจึงจัดฉากให้ดูเป็นการฆ่าตัวตาย”
“คุณรู้ใช่มั๊ยว่า ทำแบบนี้มันผิดกฎหมาย”
ธีระร้องไห้
“รู้ครับ แต่ผมกลัวแม่ต้องติดคุกเลยต้องทำแบบนี้ อย่าเอาผิดแม่ผมเลยนะครับหมวด”
หมวดสารินรู้สึกเห็นใจธีระ
ต่อมา ... กานดาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายควบคุมตัวออกมาจากบ้านไปขึ้นรถตำรวจ
ธีระยืนมองแม่ ... ร้องไห้
อีกมุมหนึ่ง หมวดสารินยืนคุยกันกับแอ๊บบี้
“น่าสงสารคุณธีระนะคะ”
“ถ้าจิตแพทย์ยืนยันว่าคุณกานดาจิตไม่ปกติ เธอก็ไม่ต้องรับโทษ แต่ก็ต้องได้รับการบำบัดทางจิตนะครับ ขืนปล่อยตัวออกมาจะเป็นอันตรายต่อชาวบ้านนะครับ”
แสนแสบแถสอดเข้ามาคุยด้วย
“เฮ้อ คนดีกับคนบ้านี่แยกกันแทบไม่ออกเลยนะครับ”
“ฉันก็ยังไม่แน่ใจว่านายเป็นบ้ารึเปล่า น่าจับส่งไปบำบัดอีกสักคน” สารินบอก
“รับรองผมไม่บ้าแน่ๆครับ ผมฉีดยาแล้ว”
รถโรงพยาบาลเข้ามาจอด เจ้าหน้าที่จิตเวชคุมตัวกานดาลงมาจากรถ
กานดาเกิดอาละวาดคลุ้มคลั่งดิ้นสะบัดหลุดวิ่งหนีไปที่ถนน
ณ ถนนแห่งหนึ่ง ผู้กองเพชรขับรถมาส่งเอมิไปโรงเรียนพอดี
“วันหลังคุณไม่ต้องมาส่งหนูก็ได้นะ”
“แน่นอน ถ้าฉันต้องทำงานก็คงไม่มีเวลามาส่ง”
“คุณจะไปทำงานเมื่อไหร่”
ทันใดนั้น กานดาก็วิ่งมาตัดหน้ารถ ผู้กองเพชรเบรกรถระยะกระชั้นชิด
“เบรกทำไมค่ะ”
“ใครไม่รู้วิ่งตัดหน้ารถ ไม่รู้ชนรึเปล่า”
ผู้กองเพชรเดินลงมาหากานดา แต่ไม่พบ เขาเดินกลับมานั่งในรถ
“เจอใครมั๊ย” เอมิถาม
“ไม่มี”
“คุณคงตาฝาด”
ผู้กองเพชรมองกระจก เห็นกานดานั่งอยู่เบาะหลัง
“เฮ้ย”
ผู้กองเพชรหันไปมอง
“ฉันไม่ผิด ฉันจะกลับบ้าน”
กานดาลงจากรถวิ่งหนีไป
ผู้กองเพชรรีบลงตามไป แต่ไม่พบเสียแล้ว
โทรศัพท์มือถือดังขึ้น ผู้กองเพชรรับสาย
“ฮัลโหล”
บริเวณหน้าโรงพยาบาลจิตเวช หมวดสารินยืนอยู่ในบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุรถชนคนตาย
“ผู้กองครับ คุณกานดาโดนรถชนเสียชีวิตแล้วครับ”
ศพของกานดานอนตายบนถนน
ผู้กองเพชรขับรถมาส่งเอมิที่หน้าโรงเรียน
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ”
“เลิกเรียนแล้วฉันจะมารับนะ”
“จริงดิ ขอบคุณค่ะ”
เอมิเดินไปในโรงเรียน
ผู้กองเพชรมองกระจกส่องหลังเห็นกานดานั่งที่เบาะหลังทำหน้าน่ากลัว
“ฉันจะกลับบ้าน”
ผู้กองเพขรขับรถเข้ามาในซอยหน้าบ้านสุรเดชแล้วจอดรถ
“ถึงแล้ว”
ผู้กองเพชรมองเห็นกานดาเดินหายเข้าไปในบ้าน เขารู้สึกผิดสังเกต เดินไปส่องดูที่รั้ว
เป็นเวลาเดียวกัน ที่ธีระขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน แพรวเปิดประตูรั้วให้รถเข้าไปในรั้วบ้าน ธีระก้าวลงจากรถ แพรวรีบเดินไปหา
“รู้เรื่องแม่ของคุณรึยังคะ”
“ฉันเพิ่งไปดูศพกลับมาเนี่ย”
ทั้งคู่เดินเข้าไปในบ้าน
ผู้กองเพชรรู้สึกผิดสังเกตจึงปีนรั้วบ้านเข้าไป
เพชรก้าวมาหลบที่หน้าต่างห้องรับแขก เห็นแพรวมานั่งข้างธีระบนโซฟา
“ตำรวจบอกว่าคุณกานดาอาละวาดแล้ววิ่งหนีไปโดนรถชน”
ธีระลุกขึ้นยืนขึ้น
“เธอหยุดพูดได้แล้ว เรื่องมันจบแล้ว”
“โอเค ไม่พูดก็ได้”
“จากนี้ไปทรัพย์สมบัติทั้งหมดก็ต้องเป็นของชั้นคนเดียว”
“ได้ดีแล้วอย่าลืมแพรวนะคะ”
ธีระเดินอ้อมไปด้านหลังแพรว
“ฉันจะมั่นใจได้มั๊ยว่าเธอจะไม่เปิดเผยความลับของฉัน”
“แพรวคงไม่ทำร้ายคนที่แพรวรักหรอกค่ะ”
ธีระก้มลงมาพูดข้างหูแพรว
“แต่ฉันไม่เชื่อเธอ”
ธีระยกมือมาบีบคอแพรวจนแน่น
“แก...ไอ้เลว”
แพรวตาเหลือกดิ้นทุรนทุรายจนเกือบหมดลมหายใจ
ผู้กองเพชรถีบประตูเข้ามาในบ้าน
ธีระตกใจวิ่งหนีไป เพชรวิ่งตามไป
ธีระวิ่งเข้ามาหลบในห้องทำงานเปิดลิ้นชักหยิบปืนขึ้นมาถือไว้ในมือ
เพชรเดินเข้ามาในห้องทำงาน เกลี้ยกล่อม
“มอบตัวซะคุณธีระ”
“อย่าเข้ามานะ”
ผู้กองเพชรเล็งปืนไปที่ธีระ
“ทิ้งปืน”
ธีระเครียด คิดหนัก
“ชีวิตกู กูตัดสินเอง”
พูดจบ ธีระก็จ่อปืนที่ขมับเหนี่ยวไกยิงตัวตาย
เลือดกระเซ็นไปโดนภาพครอบครัวที่ตั้งบนโต๊ะทำงาน
ในห้องสอบสวน DEI แพรวกำลังถูกหมวดสารินสอบสวน
“ไอ้ธีระมันหลอกลวงฉัน มันแกล้งทำว่ารักฉัน จนฉันหลงเชื่อยอมเป็นเมียมัน”
“บอกความจริงมาว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น”
วันเกิดเหตุ ตอนกลางวัน ธีระนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตรงข้ามสุรเดช
“อย่าหวังว่า ฉันจะให้เงินผีพนันอย่างแก ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลย ไป”
“เงินแค่ไม่เท่าไหร่ให้น้องไม่ได้ ตายไปแกก็เอาไปไม่ได้สักบาทคอยดู”
ธีระเดินออกไปด้วยความแค้น
คืนนั้น สุรเดชกับกานดานอนหลับสนิทอยู่บนโซฟา
แพรวบอกว่า
“คืนนั้นมันให้ฉันเอายานอนหลับไปให้พี่กับแม่มันกิน จนหลับสนิทไปทั้งคู่”
จากนั้น แพรวกับธีระช่วยกันลากสุรเดชออกมา
ธีระกับแพรวประคองร่างสุรเดชมานั่งที่เก้าอี้ทำงาน ธีระสวมถุงมือไปหยิบปืนจากลิ้นชักมาใส่มือสุรเดชแล้วยกปืนยิงที่ขมับเลือดกระเซ็น
แพรวตกใจกับภาพตรงหน้า
แพรวกำลังถูกหมวดสารินสอบสวน
“แล้วใครเป็นคนมาทำร้ายผมที่บ้านคุณสุรเดช”
“ก็คุณธีระไงค่ะ” แพรวบอก
วันนั้น ขณะที่หมวดสารินกำลังตรวจค้นเอกสาร ธีระย่องเข้ามาตีหัวเขาจนสลบไป
แพรวยังนั่งตรงหน้าหมวดสาริน สารภาพ
“ไม่คิดเลยว่ามันจะทำชั่วได้ขนาดนี้ ฆ่าได้แม้กระทั่งพี่ชายแท้ๆ มันสมควรตายแล้ว”
“ผมว่าคุณก็ไม่ต่างกับนายธีระหรอก ผู้สมรู้ร่วมคิด ฆ่าคนตายก็ต้องได้รับโทษหนักเช่นกัน”
แพรวสลดไป
เอมิเดินงงๆมาตามทางเหมือนหาห้องเรียน ก่อนหยุดแล้วนึก
“อยู่ดีๆก็หายไปไหนกันหมด”
เอมิทำท่าจะเดินกลับทางเดิม
ที่ข้างๆเท้าเอมิ มีดอกไม้ตกลงมา
เอมิหยิบดู ก่อนเงยหน้าขึ้นมา เห็นเป็นบอร์ดไว้อาลัยของนักเรียนหญิงคนหนึ่ง
เอมิลุกขึ้นยืน มองดอกไม้ในมือก่อนติดเข้าที่เดิม
“ทำอะไรอ่ะ!”
เอมิหันมอง
เฌอแตมเดินเข้ามา
“ดอกไม้มันตกลงมาอ่ะ เราเลยติดเข้าที่เดิม”
เฌอแตมจับมือเอมิ
“ไปจากตรงนี้ก่อนเถอะ”
พูดจบ เฌอแตมก็จูงมือเอมิเดินออกไปอย่างเร็ว
ในห้องเรียน เฌอแตมยื่นโทรศัพท์มือถือคืนให้เอมิ
“เราเมมเบอร์ กับแอดไลน์เราให้แล้วนะ มีอะไรก็ทักมาจะได้ไม่หลงเหมือนวันนี้อีก”
“ขอบใจนะ”
เฌอแตมพยักหน้าเข้าใจก่อนเตรียมตัวหยิบหนังสือเรียนขึ้นมา
“แล้ว…เมื่อกี๊รูปใครหรอ”
เฌอแตมหันมอง
“ที่หน้าห้องนั้นไง”
“เบาๆสิ…เขาเป็นรุ่นพี่พวกเรา เรียนปีสุดท้ายแล้ว แต่มาเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตซะก่อน”
“แล้วทำไมต้องจัดไว้อาลัยที่โรงเรียนด้วย เขาเสียที่นี่หรอ”
เสียงใครบางคนตอบแทน “ใช่”
ทั้ง 2 คนเงยหน้ามอง เห็นนักเรียนหญิงชื่อเจด้ากับมิ้งค์เข้ามาคุยด้วย
“ฉันชื่อเจด้านะ ส่วนนี่มิ้งค์ เรื่องพี่จีจี้อ่ะ ดังมากเลยรู้ป่าว”
เอมิส่ายหน้า
“พี่จีจี้อ่ะนะ ทั้งสวย ทั้งน่ารัก หนุ่มๆโรงเรียนอื่นตามจีบกันเพียบเลย แต่พี่จีจี้ไม่สนใจ” เจด้าว่า
มิ้งค์บอก “เขาสนแต่เงิน”
ในอดีต เอกข้าราชการซี 8 กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ในรถทาทางเคร่งเครียด
“ฉันควรทำยังไงดีไอ้วัต ฉันไม่ได้อยากหย่าเลย แต่มันไม่มีทางเลือกจริงๆ”
“แกเอาตัวเขาไปยุ่งกับเรื่องนี้เอง แกก็ต้องตัดสินใจ ทำสิ่งที่ถูกที่ควรสิหวะ”
“เธอบังคับให้ฉันหย่า! ไม่อย่างนั้น คุณอนงค์ต้องเห็นภาพที่ฉันนอนกับเธอแน่ๆ”
จีจี้เปิดประตูรถเขามานั่ง
เอกตกใจเล็กน้อย
“แค่นี้ก่อนนะ”
เอกค่อยๆลดมือถือลง ก่อนมองตรงไปข้างหน้า
“ตัดสินใจได้รึยังคะ จะหย่า…หรือว่า…”
เอกเหลือบมองเล็กน้อยที่จีจี้หยุดพูด ก่อนหันมองด้วยความตกใจ
ภาพที่ทั้งคู่นอนด้วยกันในมือถือจีจี้
สี่สาวคุยกันต่อเนื่อง
เฌอแตมบอก “เลิกพูดได้แล้ว เอาคนตายมาล้อเล่นอยู่ได้”
เจด้าบอก
“ฉันพูดจริงๆ ก่อนพี่จีจี้จะตายอ่ะ เห็นว่ามีเสี่ยเลี้ยง ช่วงนั้นนะ นางใช้ชีวิตสุดหรูอยู่อย่าง
คุณนายเลยแหละ”
“แต่พอรู้ว่าเสี่ยมีเมียแล้ว พี่จีจี้เลยจะขอเลิก แต่เสี่ยไม่ยอม” มิ้งค์บอก
ในอดีต ... จี้จี้นั่งเรียนในห้องเรียน ใบหน้ามีรอยฟกช้ำบนใบหน้า
“วันนึงพี่จีจี้มาเรียนทั้งๆที่มีรอยฟกช้ำไปหมดเลย” เจด้าบอก
ต่อมา ... จีจี้ผูกคอตายในโรงเรียน
“แล้วคืนนั้นพี่เขาก็เลยไปผูกคอตาย กลายเป็นผีเฝ้าโรงเรียนอยู่ทุกวันนี้”
มิ้งค์ เจด้าพูดจบก็ทำท่าขนลุกกัน 2 คน
เฌอแตมบอก
“แก 2 คนก็เล่าซะเว่อร์ ไม่มีใครรู้ซะหน่อยว่าพี่เขาไปเจออะไรมา”
เฌอแตมหันมาเห็นเอมิที่ทำหน้าแหยงๆ
“น่าสงสารพี่เค้านะ” เอมิว่า
“แกก็อย่าไปเชื่อที่สองคนนี้มันเล่ามากหละ”
“ก็แค่เตือนๆไว้ อย่าไปป้วนเปี้ยนที่ตึกนั้นบ่อยๆแล้วกัน เจอดีมาหลายคนแล้ว” เจด้าว่า
เอมิรับฟังจนรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสนใจขึ้นมาบ้าง
อ่านต่อตอนที่ 5