xs
xsm
sm
md
lg

เพลิงรักไฟมาร ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เพลิงรักไฟมาร ตอนที่ 9

พรพจีและภัทร์ธีรากลับจากต่างจังหวัดเดินอิดโรยเข้าโถงบ้าน สวาทเห็นรีบมาต้อนรับอย่างดีใจ

“คุณจี คุณจ๋า”
ภัทร์ธีรากอดสวาท “ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน น้องจ๋าคิดถึงป้าหวาดที่สุดเลย”
“แหมไปแค่วันสองวัน ทำเหมือนไม่ได้เจอกันเป็นปีอย่างนั้นแหละค่ะ เที่ยวกันสนุกเลยสิคะ”
สองอาหลานหน้าเจื่อนไป พรพจีบอกว่า
“ไม่ได้ไปเที่ยวจ้ะ ไปทำงานกัน”
จิรดาถือกระเป๋าตามเข้ามา สวาทเหลียวหานรินทร์
“เอ้อ แล้วคุณรินล่ะคะ มารถอีกคันเหรอคุณดาไม่ต้องอยู่กับคุณรินเหรอคะ”
“เอ่อ..อาริน อยู่โรงพยาบาลน่ะค่ะป้าหวาด” ภัทรธีราบอก
สวาทตกใจ “ว่าไงนะคะ คุณรินเป็นอะไรไปคะ ไม่ใช่ว่าเกิดอุบัติเหตุอีกแล้วใช่ไหม เป็นนานรึยัง แล้วทำไมไม่มีคนบอกป้าเลยคะ”
ภัทร์ธีรารีบปลอบ “ป้าหวาดใจเย็นๆ ค่ะ อุบัติเหตุเล็กน้อย อารินตกรถเข็นน่ะค่ะ”
“ตกรถเข็น แล้วอยู่ดีๆ จะตกรถเข็นได้ยังล่ะคะ” สวาทหันไปมองจิรดาเชิงถาม
“ดาไม่เกี่ยวนะคะ คุณรินทร์น่ะ...”
จิรดาจะพูดเรื่องนรินทร์ตกบันไดโรงแรม พรพจีรีบแทรกขึ้น “คุณรินแค่ฟกช้ำเล็กน้อย! ไม่ได้เป็นอะไรมาก ฉันแค่อยากให้ทางโรงพยาบาลตรวจร่างกายให้ดีก่อน น้าหวาดไม่ต้องคิดมากหรอกจ้ะ ฉันขอตัวก่อนเดี๋ยวต้องไปเคลียร์งานต่อด้วย”
พรพจีเดินขึ้นห้องไปท่าทางเครียดๆ สวาทและภัทร์ธีรามองตามพรพจีไปอย่างเป็นห่วง
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่คะเนี่ย”
“เรื่องมันยาวน่ะค่ะ เดี๋ยวจ๋าเล่าให้ฟัง ตอนนี้ขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ เดี๋ยวต้องไปเฝ้าอารินที่โรงพยาบาลด้วย”
ภัทร์ธีราเดินขึ้นห้องไปอีกคน สวาทมองตามด้วยความสงสารพึมพำพูดกับตัวเองว่า
“สงสัยจะเรื่องใหญ่”
จิรดาได้ยิน โพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงสะใจสุดๆ “เรื่องใหญ่เลยล่ะค่ะ” แต่พอสวาทหันมามอง พยาบาลจอมแอ๊บเลยแกล้งตีหน้าเศร้า “น่าสงสารคุณๆ นะคะ”
สวาทเพิ่งได้มองหน้าจิรดาชัดๆ “เอ๊ะ คุณดาไปโดนอะไรมาคะนั่น ทำไมหน้าเขียวช้ำอย่างนี้”
“ดาโชคร้าย โดนคนบ้าทำร้ายนะคะ ขอไปพักก่อนนะคะ รู้สึกเหมือนจะไม่สบาย สงสัยแผลจะอักเสบ”
จิรดาเดินออกไปอีกคน สวาทมองตามไปสีหน้าเรียบเฉย

อีกฟากหนึ่ง ในห้องพักฟื้นนรินทร์ พยาบาลกำลังปรับสายน้ำเกลือให้ นรินทร์นั่งเอนพิงเตียงมองตาขวางอยู่
“คนอื่นไปไหนกันหมด”
“คุณหมอไป...”
“ผมไม่ได้หมายถึงหมอ ผมหมายถึงญาติผม ทำไมหายหัวไปกันหมด ทิ้งให้ผมอยู่คนเดียว”
“เอ่อ เห็นว่ากลับไปเอาเสื้อผ้าแล้วเดี๋ยวจะรีบกลับมาน่ะค่ะ”
นรินทร์ดีใจ “เขาบอกอย่างนั้นเหรอ หยิบมือถือให้หน่อยซิ”
พยาบาลหยิบโทรศัพท์มือถือส่งให้ นรินทร์รับมากดโทร.หาภัทร์ธีรา
“น้องจ๋าอยู่ไหนลูก... อ้อ อาไม่ได้จะเอาอะไรหรอก อาแค่ตกใจน่ะที่ไม่เห็นใคร...ดีๆรีบมานะลูก เอ่อ แล้วอาจีจะมาด้วยกันเลยรึเปล่า...ไปเคลียร์งานก่อน เขาบอกน้องจ๋าเหรอว่าจะตามมา งั้นเขาคงไม่มาหรอกแค่นี้นะน้องจ๋า”
นรินทร์กดวางโทรศัพท์อย่างอารมณ์เสีย
“คิดจะทิ้งฉันไว้ที่นี่ จะได้มีเวลาไปหาชู้น่ะสิ”
นรินทร์ทุบเตียงปึงปึงอย่างโกรธแค้น
“โธ่เว้ย!ๆๆ”
“คุณนรินทร์ใจเย็นๆ นะคะ”
“ไม่ต้องมายุ่ง ออกไป”
“งั้นเดี๋ยวดิฉันไปตามคุณหมอให้นะคะ”
นรินทร์ปาหมอน “ไป”
พยาบาลตกใจรีบหนีไป นรินทร์หายใจหอบด้วยความโกรธ

พรพจีรีบร้อนเข้ามาในร้านอาหารหรู เหลียวหาจนเจอโต๊ะวิษธรที่นัดไว้ ถามทันทีที่นั่งลงด้วยสีหน้ากังวล
“คุณแน่ใจแล้วใช่ไหมคะที่ทำแบบนี้ ฉันกลัวจังเลยค่ะ”
“แน่ใจครับ คุณก็รู้ว่าเวลาผมจะทำอะไรผมคิดมาอย่างดีแล้ว”
“ฉันรู้ค่ะ แค่รู้สึกใจหายนิดหน่อย”
วิษธรวางมือบนมือพรพจี “คุณเชื่อใจผมรึเปล่า”
“ทำไมจะไม่เชื่อล่ะคะ ฉันเชื่อคุณ แต่คุณก็ต้องไปอยู่ดี”
“ผมไม่ได้ไปไหนไกลซักหน่อย ทำงานมานานหยุดพักบ้างก็ดีเหมือนกัน” วิษธรยิ้มมีเลศนัยออกมาขณะพูดคำนี้ “ถือเสียว่าต่อจากนี้ผมแค่หยุดพักร้อนดีไหม”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นได้จริงๆ ก็ดีสิคะ”
พรพจีจ้องหน้าวิษธรนิ่งๆ จนคิดอะไรออก
วิษธรแปลกใจ “อะไรครับ
“ก็ ทำไมเราไม่ไปพักร้อนกันจริงๆ เลยล่ะ”
วิษธรแปลกใจไม่หาย “พักร้อน”
“ค่ะ พักร้อน คุณบอกเองนี่ว่าเป็นพักร้อนของคุณ งั้นฉันก็จะพักร้อนด้วยเหมือนกัน ทำงานมานานๆ ฉันก็อยากพักบ้างนะ ว่าแต่คุณจะไปกับฉันไหมคะ”
วิษธรยิ้มออกมาได้ “ไปสิครับ”
พรพจีดีใจมาก“จริงนะคะ”
วิษธรพยักหน้ายิ้มๆ
“แล้วธรอยากเที่ยวที่ไหนคะ”
วิษธรมองจ้องตาพรพจีลึกซึ้ง “ที่ไหนก็ได้ที่มีคุณ”
พรพจียิ้มปลื้มลืมทุกข์ไปชั่วขณะ


อีกด้านหนึ่ง หมอกำลังตรวจอาการนรินทร์โดยใช้หูฟัง เสร็จแล้วพยาบาลตรวจวัดความดัน คนไข้บ่นบ้างึมงำไม่พอใจ
“จะตรวจอะไรนักหนาหมอ ตรวจแล้วตรวจอีกแล้วตกลงผมเป็นอะไรไหม เป็นอัมพาตตรงไหนเพิ่มอีกรึเปล่า”
“ไม่ได้เป็นอะไรเพิ่มหรอกครับ แต่ถ้าคุณรินยังโกรธบ่อยๆ ก็ไม่แน่ ความโกรธทำให้เกิดโรคหลายอย่างนะครับ ไม่ดีต่อหัวใจ และถ้าหนักๆ เข้า เส้นเลือดในสมอง...”
นรินทร์ฉุนขาด “ไม่ต้องมาสอนผมหรอกน่ะ”
หมอถอนหายใจเบาๆ “ส่วนผลซีทีแสกนไม่มีอะไรผิดปกตินะครับ โชคดีที่มีแค่รอยฟกช้ำเล็กน้อยเท่านั้น”
“งั้นผมกลับบ้านได้แล้วใช่ไหม”
“พักดูอาการอีกคืนดีกว่าครับ เอาให้แน่ใจว่าไม่มีอาการข้างเคียงใดๆ แล้วค่อยกลับบ้านดีกว่าครับ”
นรินทร์เซ็ง

บรรยากาศในบ้านรมย์ฤดีเปลี่ยนไป มีหรือ สวย เต่า และ เกลี้ยง จะดูไม่ออก สามคนนั่งกินข้าวเม้าท์มอยกันอยู่ในครัวบ้านรมย์ฤดี สวยเปิดประเด็นขึ้นว่า
“ฉันว่านะ คุณๆ น่ะต้องมีเรื่องอะไรกันอีกแน่ๆ แอบได้ยินว่าคุณรินถึงกับเข้โรงพยาบาลเลยนะ”
“โห สงสัยจะเรื่องใหญ่นะคราวนี้” เต่าบอก
“คุณๆ เขาทะเลาะกันปกติ ก็เห็นอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน คราวนี้ก็คงเหมือนคราวก่อนๆ นั่นแหละ เกลี้ยงว่า
เต่าทักท้วง “แต่คราวก่อนๆ มันไม่ได้มีเรื่องของมือที่สามนี่พี่”
“เดี๋ยวๆ นังเต่า แกว่าใคร คุณธรของฉันไม่ได้เป็นมือที่สามของใครนะโว้ย” สวยโวยวาย
“ฉันยังไม่ได้พูดชื่อซะหน่อย แล้วมาเหมารวมว่าเป็นของแกได้ไง คุณธรน่ะคนชอบตั้งเยอะ คุณพยาบาลก็ชอบไม่ใช่เหรอ”
“รายนั้นน่ะ ชอบคุณธรข้างเดียวน่ะสิ คุณธรไม่ชอบผู้หญิงแอ๊บแบ๊วหรอกเชื่อฉันไหม”
เต่า และเกลี้ยงนิ่งไปไม่ตอบอะไร สายตาที่มองไปข้างหลังสวยตื่นตกใจทั้งคู่ สวยยังเม้าท์ต่อ
“แล้วฉันเห็นคุณพยาบาลกลับมาเนื้อตัวฟกช้ำเต็มไปหมด เห็นว่าโดนคนบ้าตบ ฉันว่าเผลอๆ นะไปตบแย่งผู้ชายกับเขามาแน่ๆ แกว่าไหม”
เต่า กะเกลี้ยงส่ายหน้า ส่งสัญญาณให้สวยหยุดพูด
“เอ้า ไม่เชื่อฉันเหรอ เชื่อเหอะ ฉันเห็นมาเยอะแล้ว ผู้หญิงแอ๊บๆ แบบนี้นะ ร้ายจะตาย เผลอแป๊บๆ ก็อ่อยผู้ชาย แล้วถ้าผู้ชายไม่ทันก็เสร็จนาง เหมือนในเพลงไง เห็นนางเงียบๆ ฟาดเรียบนะจ๊ะ ฮ่าๆ”
เต่า และเกลี้ยงทำท่าจะร้องไห้ สวยชะงัก ฉุกคิด
“เป็นอะไรกัน ทำหน้าอย่างกับเห็น...อย่าบอกนะว่า...”
สองคนพยักหน้ารับ สวยตกใจ ค่อยๆ หันไปมองด้านหลัง เจอจิรดายิ้มหวานเยือกเย็นมาให้
“สวยนี่คุยสนุกจังเลยนะจ๊ะฉันคุยด้วยได้ไหม”
สวยรีบเปลี่ยนสีหน้า แอ๊บยิ้มกลับให้จิรดาอย่างเป็นมิตร
“ช่วยเล่าเรื่องโดนคนบ้าตบให้ฟังหน่อยได้ไหมล่ะ ว่าเป็นยังไง”

ในครัวบ้านรมย์ฤดี จิรดานั่งกินข้าวกับเหล่าคนใช้ หลังจากเล่าเรื่องที่โดนอรดีตบให้ฟังจบแล้ว
“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับ คุณดี้อะไรนี่ร้ายอย่างกับตัวอิจฉาในละครเลย” เกลี้ยงว่า
“นั่นสิ คุณดาต้องสู้คนบ้างนะคะ ไปยอมให้เขาตบอยู่ฝ่ายเดียวได้ยังไง ถ้าเป็นเต่านะ เต่าจะ ตบๆๆๆ” เต่าทำท่าจิกหัวตบเล่นใหญ่เวอร์ๆ
“อย่างดาเนี่ยนะคะจะไปสู้ใครได้ ดาสู้เขาไม่ไหวหรอกค่ะ”
ภาพตอนจิกหัวอรดีแว่บเข้ามาในห้วงคิดตรงกันข้ามกับคำพูดของจิรดาที่เล่าสู่สามคนฟัง
“ท่าทางเขาจะเป็นมืออาชีพเรื่องนี้ แต่ดาไม่เคยตบกับใครมาก่อนนี่คะ”
เหตุการณ์จริงๆ อรดีตบมาจิรดาคว้าข้อมือไว้แล้วตบกลับอย่างมืออาชีพ
“เขากล่าวหาดา ว่าดาเสียๆ หายๆ แล้วก็ตบดาไม่ยั้ง ดาจะทำอะไรได้”
เหตุการณ์จริงๆ จิรดาขึ้นคร่อมแล้วตบตีอรดีไม่ยั้ง
จิรดาน้ำตาคลอ “ผู้หญิงอย่างดาจะไปสู้อะไรเขาได้ล่ะคะ คงได้แต่ยอมเป็นผู้ถูกกระทำ แล้วก็ยังโดนเข้าใจผิดอีก”
จิรดามองหน้าสวย อีกฝ่ายกลอกตาไม่ค่อยเชื่อ จิรดาทำท่าจะร้องไห้ เต่ารีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“เปลี่ยนเรื่องๆ ดีกว่า เอ่อ...คุณดาพอจะรู้เรื่องที่คุณรินเข้าโรงพยาบาลไหมคะ”
จิรดากระซิบกระซาบ “เรื่องนั้นน่ะเหรอคะ”
ทุกคนก้มหัวลงมาใกล้กันเพื่อฟังจิรดาพูดให้ถนัด
“คุณรินหึงคุณธรกับคุณจี แกน้อยใจมากเลยเข็นรถเข็นตกบันไดไปน่ะค่ะ”
เกลี้ยงตบเข่าฉาดใหญ่ “นั่นไง ว่าแล้วเชียว เป็นเพราะคุณธรจริงๆ ด้วย”
สวยโมโห “มาด่าคุณธรของฉันได้ยังไง อยากโดนเหรอ”
สวยกับเกลี้ยงทำท่าจะทะเลาะกัน ไลน์ในมือถือดังขึ้น เกลี้ยงเปิดดู
“ผมต้องไปทำงานแล้ว ขอตัวก่อนนะครับคุณดา”
เกลี้ยงรีบชิงหนีไป สวยมองค้อนจิรดาด้วยความหมั่นไส้

ฟากนรินทร์กึ่งนอนกึ่งนั่งเหม่ออยู่บนเตียง จนภัทร์ธีราเปิดประตูเข้ามาทักด้วยน้ำเสียงสดใส
“มาแล้วค่ะ จ๋าซื้อผลไม้มาด้วย เดี๋ยวปอกให้กินนะคะ”
นรินทร์ชะเง้อมองหาพรพจี “เขาไม่มาจริงๆ สินะ”
“อาจีต้องไปเคลียร์งานไงคะ ถ้าทำงานเสร็จอาจีต้องรีบตามมาแน่ค่ะ” คุณหนูจ๋าเปลี่ยนเรื่อง หยิบแอปเปิ้ลมาปอกให้ “กินผลไม้ดีกว่านะคะ จะได้สดชื่น”
พรพจีเปิดประตูพรวดเข้ามา โดยมีเกลี้ยงยกแฟ้มกองใหญ่ตามมาด้วย
นรินทร์ดีใจ “จี! นึกว่าจะไม่มา”
พรพจีพยักพเยิดให้เกลี้ยงวางแฟ้มกองใหญ่ลงบนโต๊ะ ก่อนจะบอกเกลี้ยงว่า
“ออกไปก่อนจ้ะ”
เกลี้ยงโค้งให้คุณๆ แล้วออกไป นรินทร์มองเอกสารงงๆ
“งานทั้งหมดนี่ธรเป็นคนดูแล ตรวจสอบและเซ็นอนุมัติ แต่คุณไล่เขาออกไปแล้ว เพราะฉะนั้นคุณต้องทำทุกอย่างแทนเขา”
นรินทร์โมโหรู้เจตนาอีกฝ่าย “คุณจะบ้ารึไง ทำไมผมต้องทำด้วย คุณก็จ้างคนอื่นทำไปสิ ไม่เห็นรึไงว่าผมป่วยอยู่ เอกสารตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมผมต้องมานั่งทำเองด้วย”
“เพราะคุณเป็นเจ้าของไง ตอนนี้เราเสียบุคลากรที่ดีที่สุดของบริษัทไปแล้ว ถ้าคุณไม่เซ็นเอกสารพวกนี้ โรงแรมก็เดินต่อไปไม่ได้ คุณบอกว่าโรงแรมเป็นของคุณไม่ใช่เหรอคะ” พรพจียิ้มหยันสะใจ
“นี่คุณ” นรินทร์ปวดหัวจี๊ดขึ้นมา และหน้ามืดจะเป็นลม
“อาริน” ภัทร์ธีราเข้ามาช่วยประคองให้นรินทร์นอนเอนลง ก่อนจะหันมาทางพรพจีเชิงขอร้อง “อาจีคะ จ๋าว่าอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลยค่ะ อารินยังไม่หายดีถ้าเกิดป่วยไปอีกจะแย่”
“แต่งานโรงแรมเรารอไม่ได้นะน้องจ๋า ตอนนี้บริษัทเราก็กำลังจะแย่เหมือนกัน”
“ถ้าอย่างนั้น จ๋าจะทำเองค่ะ”
พรพจีคาดไม่ถึง “ว่าไงนะ”
“จ๋าจะช่วยอาจีกับอารินเอง” ภัทร์ธีราหยิบเอกสารบนสุดมาดู “งานทั้งหมดมีแค่นี้ใช่ไหมคะ”
“น้องจ๋า แต่ว่า...”
นรินทร์ยิ้มสะใจ “ดีเลยลูก ยังไงน้องจ๋าก็ต้องมาดูแลบริษัทต่ออยู่แล้ว ต่อไปนี้อาให้น้องจ๋าทำงานแทนวิษธรทุกอย่าง อะไรที่มันทำได้ น้องจ๋าของอาก็ต้องทำได้”
พรพจีทักท้วง “แต่น้องจ๋ายังไม่มีประสบการณ์ จะไหวเหรอลูก”
“ไหวค่ะ จ๋าทำได้ค่ะ อาจีเชื่อใจจ๋านะคะ ถ้ามีอะไรที่จ๋าไม่เข้าใจ จ๋าจะรีบถามอารินกับอาจีนะคะ ไม่ต้องห่วง”
นรินทร์ยิ้มอย่างผู้ชนะ พรพจีหน้าเครียดตกลงไปในกับดักของตัวเธอเอง


ขณะที่วิษธรนั่งทำงานอยู่กับโน้ตบุคในโถงบ้าน เงยหน้ามาเจอจิรดายืนจ้องอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ วิษธรลุกขึ้นด้วยสีหน้าเขาแปลกใจเล็กน้อย
“คุณดา”
“คุณธรเป็นยังไงบ้างคะ ดาเป็นห่วงคุณมาก”
“ผมไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกครับ คุณดาต่างหากที่น่าเป็นห่วงกว่าผม แผลเป็นยังไงบ้างครับ โอเคขึ้นรึยัง” เขาเทน้ำให้ดื่ม
จิรดายิ้มปลื้ม อ้อนใหญ่ “ดีใจจังคุณเป็นห่วงดาด้วย แผลยังเจ็บอยู่เลยค่ะปกติดาไม่ได้เป็นคนช้ำง่าย แต่นี่คงโดนเข้าเต็มแรง แต่ถ้าได้กำลังใจจากคุณธรคงหายเร็วขึ้น”
“ครับ หายเร็วๆ นะครับ”
จิรดายิ้มเขิน “คุณธรจะออกจากธารา จริงเหรอคะ”
“ครับ”
“แล้วคุณธรจะทำอะไรต่อไปคะ แล้วบ้านนี้ล่ะคุณธรจะอยู่ต่อรึเปล่า หรือจะขาย”
“ผมคงกลับไปทำธุรกิจของที่บ้านนะครับ ไม่ได้มีเวลาทำของตัวเองเต็มที่มานาน ส่วนบ้านนี้ก็คงเข้ามาบ้าง แต่อาจจะไม่มากครับเพราะต้องเดินทางไปดูที่ดินบ่อยๆ”
“คุณธรไม่สนใจที่ของดาบ้างเหรอคะ”
“ที่ของคุณดาเหมาะจะปลูกเป็นที่พักอาศัยอย่างที่ผมเคยบอก น่าเสียดายนะครับถ้าจะขาย เก็บไว้ปลูกบ้านน่ารักๆ อยู่กับครอบครัวน่าจะดี”
จิรดายิ้ม “คุณธรคิดอย่างนั้นเหรอคะ”
“ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นดาจะทำตามคำแนะนำของคุณธรนะคะ ดาจะเก็บไว้ปลูกเรือนหออยู่กับคนที่ดารัก”
จิรดามองตาหวานฉ่ำ อ่อยเต็มที่ขณะเขยิบตัวเข้าไปใกล้ๆ
“คงจะดีนะคะถ้าได้อยู่ในบ้านสวนน่ารักๆ กับคนรักแค่สองคน”
จิรดายื่นหน้าเข้าไปใกล้อย่างเชิญชวน มีเสียงไลน์ดังขัดขึ้น วิษธรผละตัวออกอย่างสุภาพแล้วกดดูมือถือ
“ผมมีธุระด่วน ขอตัวก่อนนะครับ”
วิษธรรีบเดินออกไปเลย จิรดาถอนใจอย่างอารมณ์เสีย

วิษธรดิ่งเข้ามาหาพรพจีที่รออยู่ในร้านกาแฟห้างดัง
“เป็นไงบ้างครับ คุณรินว่ายังไงบ้าง”
พรพจีถอนหายใจเซ็งๆ “จะว่ายังไงล่ะคะ เขาก็ไม่ยอมทำน่ะสิ”
วิษธรยิ้ม เป็นอย่างคิดไว้แล้ว “เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ”
“แต่มีบางอย่างที่คิดไม่ถึง น้องจ๋าอาสาจะช่วยคุณรินทำงานแทนคุณทั้งหมด”
วิษธรนิ่งไปเหมือนคิดอะไรบางอย่าง
“อย่างนี้โอกาสที่คุณจะกลับมาทำงานก็จะยากขึ้น”
“ผมว่าก็ดีนะ คุณจ๋าควรเรียนรู้งานเอาไว้”
พรพจีใจแป้ว “ธร! อย่างนี้คุณก็ต้องออกจริงๆ น่ะสิ”
วิษธรหัวเราะเบาๆ ยิ้มมีเลศนัย “งานโรงแรมมีปัญหาเยอะแยะ ไม่ได้จะแก้กันง่ายๆ ต้องอาศัยประสบการณ์มาก คุณจ๋าเพิ่งเริ่มทำงาน ยังไงก็ทำคนเดียวไม่ได้ อีกไม่นานคงต้องการผู้ช่วยที่มีประสบการณ์”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีค่ะ เฮ้อ” พรพจีจับมือเขามากุม “ฉันจะได้ไปเที่ยวพักร้อนกับคุณอย่างสบายใจ อยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ จัง”
วิษธรยิ้มตอบ
“วันนี้มีแต่เรื่องเครียดๆ ยังไม่อยากกลับบ้านเลย เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้ว คุณช่วยฉันเลือกชุดไปเที่ยวหน่อยนะคะ”
“ได้เลยครับ”
พรพจีมองวิษธรด้วยแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก

คืนนั้นแทบทั้งคืน ภัทร์ธีราใส่แว่นนั่งอ่านเอกสารกองโตทีละหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน นรินทร์นอนหลับอยู่บนเตียง
ภัทร์ธีราเริ่มเพลียเอามือนวดขมับตัวเองอย่างปวดหัว/มองไปที่เตียงนรินทร์แล้วส่ายหน้าไล่ความง่วงแล้วอ่านต่ออยากตั้งใจ
เวลาผ่านไป เอกสารกองที่อ่านแล้วสูงขึ้นเรื่อยๆ จนใกล้หมด ภัทร์ธีรานั่งอ่านจนสัปหงกแล้วเผลอฟุบหลับไป จนนรินทร์ตื่นขึ้นมามองหา เมื่อเห็นภัทร์ธีราฟุบหลับจมกองเอกสารก็อดสงสารไม่ได้

รุ่งเช้า พรพจีหยิบเสื้อผ้าชุดสวยมาทาบตัวอย่างมีความสุข สวาทกับเต่ามองตาปริบๆ
พรพจีเอาชุดมาทาบตัวหันมาถาม “ชุดนี้เป็นยังไงน้าหวาด”
“สวยดีค่ะ”
“มันไม่ดูแก่ไปใช่ไหม เต่าว่าไง”
“คุณจีไม่แก่ค่ะ ยังดูเหมือนแค่สามสิบอยู่เลย” เต่าอวยเต็มที่
“ขอบใจจ้ะ” พรพจียิ้มปลื้มหยิบมาทาบตัวอีกชุด “แล้วชุดนี้เป็นไง”
“ใส่ชุดนี้เหมือนยี่สิบปลายๆ เลยค่ะ” เต่าบอก
พรพจีหัวเราะชอบใจ “จริงเหรอ ไม่ได้ดูแอ๊บเด็กไปใช่ไหม”
สวาทท้วงว่า “น้าว่าคุณจีใส่เหมือนเดิมแบบที่เคยใส่ก็ดีอยู่แล้วนะคะ ดูภูมิฐานสวยสมวัยดี”
“แหม น้าหวาด ฉันก็อยากจะดูเด็กบ้างนี่จ๊ะ”
“ถ้าอยากดูเด็กเพื่อตัวเองมันก็ดีค่ะ ว่าแต่คุณจีจะไปเที่ยวไหนยังไม่ได้บอกป้าเลยนะคะ”
“ไปญี่ปุ่นค่ะ”
“แล้วไปเมื่อไหร่คะ”
“บ่ายสองวันนี้จ้ะ”
สวาทตกใจ “วันนี้? แล้วไปกี่วันคะ ไปกับใคร ไปกับคุณจ๋าหรือเปล่า แล้วคุณรินรู้รึยังคะ”
“มันเป็นงานด่วนน่ะ ฉันไม่อยากพลาดโอกาสไปดูงานดีๆ น้าหวาดไม่ต้องห่วงนะฉันไปคนเดียว ไปแค่ 6 วันเดี๋ยวก็กลับ”
“รอให้คุณรินกลับมาก่อนไม่ดีเหรอคะ นี่คุณรินอยู่โรงพยาบาลจิตใจคงกำลังแย่อยู่ รู้เรื่องเข้าเดี๋ยวจะเข้าใจผิดไปใหญ่โตอีก” สวาทท้วง
“รอไม่ได้หรอกจ้ะ บอกแล้วไงจ๊ะว่าเป็นงานด่วน ปกติเขาก็ไม่เคยมองฉันในแง่ดีอยู่แล้ว ถ้าอยากจะเข้าใจผิดก็ปล่อยเขาไปเถอะ”
“แต่คุณจีคะ”
พรพจีตัดบท “เต่า มาช่วยฉันเก็บเสื้อผ้าต่อเถอะ”
“ค่ะ คุณจี”
สวาทถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม

สวยกำลังเตรียมกับข้าวอยู่ในครัว โดยมีเกลี้ยงคอยช่วย เห็นเต่าเดินเข้ามาในครัว
“ไปไหนมานังเต่า ทิ้งฉันเด็ดพริกจนมือแสบอยู่คนเดียว”
“ไปช่วยคุณจีจัดกระเป๋ามา”
สวยนิ่งคิด “จัดกระเป๋าเหรอ”
เกลี้ยงสงสัย “แล้วคุณจีจะจัดกระเป๋าไปไหนวะ ได้บอกไหม”
“ไปญี่ปุ่น เห็นว่าต้องไปสนามบินตอนบ่ายสองวันนี้” เต่าบอก
สวยตาโต “เมื่อกี้ฉันไปทำความสะอาดให้คุณธรของฉันเหมือนเคย แล้วก็เห็นคุณธรกำลังจัดกระเป๋าเหมือนกันเด๊ะ”
“จัดกระเป๋าแปลกตรงไหนวะ คุณธรอาจจะกลับต่างจังหวัดก็ได้” เกลี้ยงว่า
“คุณธรบอกฉันเองว่าจะไปต่างประเทศ” สวยบอก
“ก็ไม่เห็นมีอะไร คุณธรอาจจะไปประเทศอื่นก็ได้”
สวยใช้ความคิด “ที่ฉันว่าแปลกก็เพราะว่า ฉันถามคุณธรว่าวันนี้จะมากินข้าวเย็นที่รมย์ฤดีไหม คุณธรบอกว่ามาไม่ได้ เพราะต้องบินวันนี้บ่ายๆ”
“วันนี้ บ่ายๆ” เต่าชูมือขึ้นมานับ “บ่าย บ่าย มีบ่ายสองตัวนี่หมายถึงบ่ายสองวันนี้รึเปล่าวะ”
“คุณจีก็ไปบ่ายสองวันนี้นี่หว่า” เกลี้ยงพึมพำ
เต่าพยักหน้ารับ
“หมายความว่า...คุณจีกับคุณธร...”
“อาจจะไปญี่ปุ่นด้วยกันเหรอ”
สวยพยักหน้ารับ เต่าและเกลี้ยงอึ้งไปทั้งคู่
จิรดายืนหน้าเครียดแอบฟังอยู่หลังประตูครัว คิดบางอย่างได้ก็รีบหยิบโทรศัพท์ไลน์หาใครบางคนโดยเร็ว

ภัทร์ธีรายืนอยู่ข้างเตียงยื่นแฟ้มเอกสารให้นรินทร์ดู อธิบายทีละแฟ้มๆ
“อันนี้เป็นรายงานการจัดซื้อของใช้ภายในโรงแรมค่ะ...ส่วนอันนี้ของใช้ในส่วนออฟฟิศ... อันนี้รายงานการจัดจ้าง...ส่วนอันนี้รายงานการบำรุงรักษา ส่วน...”
ภัทร์ธีราทำท่าจะหยิบมาอีกอัน นรินทร์บ่นบ้าขึ้นว่า
“นี่มันอะไรเยอะแยะ ตอนอาทำไม่เห็นต้องมากเรื่องอย่างนี้ใครจะไปอ่านทั้งหมดไหว”
นรินทร์ชะงักเมื่อมองหน้าภัทร์ธีราเห็นมีรอยคล้ำบางๆ จากการอดนอนเพื่ออ่านเอกสารทั้งหมดก็รู้สึกผิด
“อาไว้ใจน้องจ๋า เชื่อว่าน้องจ๋าคงตรวจสอบมาอย่างดีแล้ว เอางบประมาณทั้งหมดที่อาต้องเซ็นมาเลยดีกว่าลูก”
ภัทร์ธีราหยิบแฟ้มหนาหนักมาให้
“อารินต้องเซ็นชื่อแฟ้มนี้ประมาณ 30 กว่าที่ค่ะ เป็นเอกสารรับรองต่างๆ ที่เราเปลี่ยนคนบริหาร อันนี้ก็ประมาณแฟ้มละ 20 ที่ แล้วแฟ้มนี้...”
นรินทร์โวยวาย “โอ้ย เยอะแยะแบบนี้ อาทำไม่ไหวหรอก”
“แต่ อารินคะ”
เสียงไลน์ดังขึ้น นรินทร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดู
“ถ้าอารินไม่อยากเซ็นทั้งหมด จ๋าคัดอันสำคัญๆ พร้อมเอกสารแนบมาให้อารินแล้ว” ภัทร์ธีราหยิบแฟ้มมาอันหนึ่งพลางอธิบาย “อันนี้เป็นเรื่อง...”
นรินทร์โพล่งขึ้นว่า “อาจะกลับบ้าน”
“คะ”
“พาอากลับบ้านเดี๋ยวนี้”
ภัทร์ธีราตกใจ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

เกลี้ยงลากกระเป๋าเดินทางไปขึ้นรถ สวาทเดินมาส่งพรพจี
“เดินทางปลอดภัยนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ขอให้ดูงานอย่างมีความสุขทั้งคู่นะคะ” พรพจีสะดุดหู ฉุกคิด “รีบไปเถอะค่ะ เดี๋ยวรถติด”
พรพจีคิดว่าสวาทคงรู้อะไรมา แต่ไม่อยากคิดมาก เลยจะเดินไปขึ้นรถ
จู่ๆ รถแท็กซี่คันหนึ่งขับปราดเข้ามา คนขับรถกับภัทร์ธีราลงจากรถเปิดประตูช่วยนรินทร์ลงมาขึ้นรถเข็น
“เร็วๆ สิ”
พรพจีอึ้งเมื่อเห็นเป็นนรินทร์ แท็กซี่ขับออกไปพ้นรั้วบ้านแล้ว
“คุณริน”
ภัทร์ธีรารีบเข็นพานรินทร์เข้ามา “อาจี จะไปไหนคะ”
“อา จะไปดูงานที่ญี่ปุ่นซักห้าหกวันน่ะ”
“แล้วทำไมอาจีไม่บอกจ๋าล่ะคะ จ๋าจะได้ไปเป็นเพื่อน”
“ก็น้องจ๋าต้องดูแลอารินนี่”
“คุณไม่มีสิทธิ์ไปไหนทั้งนั้น เกลี้ยง! ไปเอากระเป๋าลงมา”
“ฉันมีสิทธิ์ไปไหนก็ได้ตามที่ฉันต้องการ แล้วนี่ฉันก็ไปทำงานคุณไม่มีสิทธิ์มาห้ามฉัน”
พรพจีจะเดินหนีไปขึ้นรถ นรินทร์ตวาดเกลี้ยง
“บอกให้ไปเอากระเป๋าลงมา อยากโดนไล่ออกรึไง”
“ครับๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”
พรพจีเสียงเข้ม “เกลี้ยง ทำตามที่ฉันสั่ง ฉันจะไม่ให้ใครไล่เธอออกทั้งนั้น”
เกลี้ยงอึดอัด ทำตัวไม่ถูก ทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง
ภัทร์ธีราเอ่ยขึ้นว่า “พอเถอะค่ะ อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ”
“ผู้หญิงชั่วคนนี้ มันกำลังทิ้งผัวพิการไปคั่วกับชู้ที่ญี่ปุ่น น้องจ๋าจะให้อาทนได้ยังไง” นรินทร์ด่า
“หยุดนะ ฉันไปทำงานไม่ได้ไปทำอะไรอย่างที่คุณว่า”
“ไปทำไงเหรอ มีหลักฐานหรือเอกสารดูงานไหมล่ะ มีไหม”
พรพจีกำมือถือแน่นพยายามหาทางแก้ไข
“อยากได้หลักฐานเหรอ ได้!”
พรพจีเดินออกไปแล้วรีบส่งไลน์หาวิษธรโดยไม่ให้ใครเห็น โดยมีนรินทร์ส่งเสียงหัวเราะสะอกสะใจไล่หลังตามมา ภัทร์ธีราตกใจหน้าซีดเผือด


วิษธรยกกระเป๋าขึ้นรถ กำลังจะขับออกจากบ้าน มีไลน์จากพรพจีส่งมา เขากดดูข้อความบอกว่า
"ขอโทษนะ ไปไม่ได้แล้ว"
มีเสียงหัวเราะดังลั่น พร้อมเสียงตะโกนโหวกเหวกของนรินทร์ดังมาไกลๆ วิษธรรีบวิ่งไปดู

นรินทร์กำลังหัวเราะอย่างสะใจ สวาท สวย และเต่าวิ่งออกมาดู
“ถ้าหาหลักฐานไม่เจอ ให้ไอ้วิษธรมันช่วยหาก็ได้นะ หรือไม่ก็เรียกมันออกมาช่วยกันโกหกว่าไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน เผื่อพูดสองคนมันจะน่าเชื่อถือขึ้นไง”
พรพจีหันกลับมองอย่างเคียดแค้นชิงชัง
“ไอ้ธร! ไอ้วิษธร! ไอ้งูพิษ! ออกมาสิวะ! มึงได้ยินกูไหม ออกมา!”
วิษธรวิ่งมาถึงบ้านรมย์ฤดีฉากหลบหลังต้นไม้ใกล้ห้องโถงมองดูเหตุการณ์
“เงียบ ดูเหมือนว่าชู้รักของเธอจะไม่มานะ ทำไมล่ะ หรือว่ามันกลัวเลยเอาแต่มุดหัวหลบอยู่ใต้กระโปรงผู้หญิง น่าสงสารจริงๆ” นรินทร์กวนโทสะสุดๆ
วิษธรกำมือแน่นด้วยความโกรธทำท่าจะออกไป
“ธรไม่ใช่คนอย่างนั้น ที่ไม่ออกมาเพราะที่คุณพูดไม่ใช่เรื่องจริง”
วิษธรหลบดูอยู่หลังต้นไม้ต่อ หยิบมือถือขึ้นมาไลน์หาพรพจีสีหน้าเครียด
“อ๋อเหรอ หรือว่าที่จริงแล้วมันไม่ได้รักเธอกันแน่ โดนเด็กหลอกไม่รู้ตัวรึไงตาสว่างได้แล้ว มันไม่ได้สนใจเธอเข้าใจไหม มันไม่ได้รักเธอ”
ระหว่างที่นรินทร์พูดพล่ามอยู่นี้ พรพจีแอบดูมือถือเห็นไลน์จากวิษธรจึงแกล้งหันหลังกลับด้วยความโกรธ รีบอ่านไลน์ที่วิษธรส่งมา
"ไม่เป็นไรครับ วันหลังเราค่อยไปกันใหม่นะ"
“รับไม่ได้หรือไง ที่ไอ้วิษธรมัน...”
พรพจีหันกลับมาแทรกขึ้นเสียงดัง “ฉันไม่ไปญี่ปุ่นแล้วก็ได้”
นรินทร์ประหลาดใจ “คุณว่าไงนะ”
“ฉันบอกว่า ฉันไม่ไปญี่ปุ่นแล้ว พอใจหรือยัง”
ขาดคำ พรพจีก็เดินหนีขึ้นบ้านไปด้วยความโกรธ นรินทร์หัวเราะเยาะอย่างสะใจ
วิษธรถอนหายใจสีหน้าเครียดรีบเร้นกายกลับบ้านไป ภัทร์ธีราหันไปเห็นพอดี

พรพจีเดินเข้ามาในห้องนอนปิดประตูห้องเอนตัวลงพิงประตูร้องไห้โฮออกมาอย่างเหลืออด เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นในจังหวะนี้ หน้าจอเป็นชื่อวิษธร พรพจีรีบกดรับด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ
“ธร! ฉันขอโทษๆ”
วิษธรยืนคุยโทรศัพท์อยู่ในบ้าน
“ไม่เป็นไร เอาไว้มีโอกาสเราค่อยไปกันใหม่ก็ได้นะครับ”
พรพจีร้องไห้หนักกว่าเดิม แต่ปิดปากกลั้นเสียงเอาไว้ไม่ให้วิษธรได้ยิน
“คุณช่วยสร้างโอกาสนั้นให้เราตอนนี้เลยได้ไหมคะ ฉันไม่อยากเจอเรื่องแบบนี้อีกแล้ว ฉันไม่อยากทนอยู่กับเขาอีกแม้แต่วันเดียว ฉันอยากอยู่กับคุณ”
“ผมก็อยากให้มันเป็นอย่างนั้นตอนนี้เลย แต่มันทำไม่ได้ มันต้องใช้เวลา และผมกำลังพยายามอยู่ แต่ตอนนี้ผมอยากให้คุณอยู่เฉยๆ และเป็นปกติที่สุดเพื่อไม่ให้คุณรินสงสัย ผมจะจัดการทุกอย่างเอง คุณไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้นนะครับ ทำใจให้สบาย โอเคไหมครับ”
“โอเคค่ะ ฉันจะพยายาม”
“โอเคครับ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ”
“ค่ะ เอ่อ ธรคะ”
“ครับ”
“ฉันรักคุณนะคะ”
“ครับ ผมก็เหมือนกัน”
พรพจีกดวางสาย เอาโทรศัพท์มือถือแนบหัวใจอย่างแสนรัก ส่วนวิษธรกดวางสาย กำมือถือจดสายตาตามองไปที่บ้านรมย์ฤดีพลางกัดกรามแน่นจนเป็นสัน

วันต่อมา ในร้านกาแฟบรรยากาศหรูหราน่านั่งละเลียดกาแฟแห่งนี้ สรัชนั่งรอภัทร์ธีราอยู่ในนั้น พร้อมดูนาฬิกาเป็นระยะๆ เสียงไลน์ดังขึ้น เป็นข้อความไลน์จากภัทร์ธีรา
“จ๋าอาจจะไปเลตนิดนึง พอดีเกิดเรื่องที่บ้านนิดหน่อย ขอโทษนะคะพี่เอ้”
สรัชกดพิมพ์ตอบกลับไปว่า
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าเสร็จแล้วรีบมานะ พี่รออยู่ที่นี่แหละ”
สรัชกดปิดไลน์ ถอนหายใจเบาๆ แล้วเปิดโหมดกล้องโทรศัพท์ถ่ายภาพแก้วกาแฟและขนมน่ากินที่สั่งมา เขาถ่ายหลายมุมแต่ดูเหมือนยังไม่เป็นที่ถูกใจ
เมื่อเช็คดูภาพ สรัชสังเกตเห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ กัน หน้าตาคุ้นเอามากๆ แต่นึกไม่ออกว่าใคร
สรัชถอดแว่นตาดำออกและมองไปที่โต๊ะข้างๆ จนนึกออก โรจนานั่งดื่มกาแฟเปิดอินสตาแกรมดูรูปอาหารอยู่ สรัชเขยิบเก้าอี้เข้าไปใกล้
“ขอโทษนะครับ”
โรจนาเงยหน้ามองฉงน “คะ”
สรัชยิ้มทัก “เชฟโรสใช่ไหมครับ”
“เอ่อค่ะ” โรจนารับคำงงๆ
สรัชยิ้มกว้าง “ใช่จริงๆ ว่าแล้วว่าผมจำคนไม่ผิด ผมเอ้ครับ”
โรจนาแปลกใจไม่หาย “เอ่อ เรา... เราเคยเจอกันมาก่อนเหรอคะ”
“เปล่าครับ แต่ผมเคยเจออาหารฝีมือคุณมาก่อน คือตอนผมอยู่อเมริกาเคยจองร้านอาหารที่คุณทำงานอยู่ ตอนนั้นผมต้องจองคิวล่วงหน้าตั้งหลายเดือนกว่าจะได้กิน”
โรจนายิ้ม “อย่างนี้นี่เอง ฉันก็แปลกใจอยู่ว่าเคยรู้จักกันเมื่อไหร่ ฉันเพิ่งกลับจากอเมริกาได้ไม่กี่วัน ไม่ค่อยมีเพื่อนที่ไทยเท่าไหร่ด้วย”
“แล้วนี่คุณมาคนเดียวเหรอครับ”
“ค่ะ แล้วคุณล่ะ”
“ผมรอแฟนอยู่น่ะครับ อีกซักพักคงมา ผมรู้สึกตื่นเต้นยังไงไม่รู้ ที่ได้เจอคุณตัวจริง ผมน่ะเอฟซีคุณเลยนะครับ ตามไอจีคุณด้วย”
โรจนาหัวเราะขำเมื่อสรัชทำท่าเขินอาย “แล้วคุณชอบเมนูไหนที่ฉันทำเป็นพิเศษไหมคะ”
“โห ที่ผมชอบมากที่สุดอันนี้ เดี๋ยวผมเปิดรูปให้ดูผมถ่ายเอาไว้ด้วย” เขายื่นรูปในมือถือให้ดู “นี่ครับอันนี้เด็ดมาก”
ทั้งสองคุยกันต่ออย่างถูกคอ

ฝ่ายภัทร์ธีรายืนรอวิษธรอยู่บริเวณสวนสวยหน้าบ้านด้วยแววตามุ่งมั่น จนวิษธรเดินออกมาหาด้วยสีหน้าแปลกใจ
“วันนี้คุณคงไม่ได้หลงมาแบบคราวที่แล้วใช่ไหมครับ” วิษธรทักทายด้วยคำเหน็บแนม
“ฉันตั้งใจมาหาคุณ”
“อยากรู้จังว่าอะไรทำให้คุณมาหาผมถึงที่บ้านได้”
“ฉันไม่มีเวลามาต่อปากต่อคำกับคุณ เพราะฉะนั้นฉันขอพูดตรงๆ”
“ดีครับ ผมชอบคนพูดตรงๆ”
“ฉันอยากให้คุณห่างกับอาจีซักพัก” ภัทร์ธีราจ้องหน้าวิษธรตาเป๋ง
“ผมกับคุณจีเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน ทำไมผมจะต้องห่างด้วยล่ะ”
“ฉันพูดตรงๆ กับคุณแล้ว ฉันก็อยากให้คุณพูดตรงๆ กับฉันด้วย คุณอาจจะโกหกคนอื่นได้ แต่ไม่ใช่กับฉัน”
วิษธรปฏิเสธอยู่ดี “ผมบอกแล้วว่าคุณเข้าใจผิด”
“คุณก็เห็นแล้วนี่ว่า ตอนนี้ความสัมพันธ์ของอาจีกับอารินเป็นยังไง อารินต้องการอาจีมาก ถือว่าฉันขอร้องแล้วกัน คุณเลิกยุ่งกับอาจีได้ไหม”
“ผมเข้าใจคุณรินดี คุณอย่าห่วงเลย ยังไงตอนนี้ผมก็ลาออกแล้ว เหลือแค่ขั้นตอนการโอนงานให้คุณรินรับช่วงต่ออีกเล็กน้อย ก็เลยอาจจะต้องทำงานกับคุณจีอีกหน่อยเท่านั้น แต่ทันทีที่งานของผมเรียบร้อย ผมก็จะไม่ติดต่อกับคุณจีอีก คุณต้องการแค่นี้ใช่ไหมครับ”
“ใช่ ฉันต้องการแค่นี้ แต่ฉันยังไม่หมดห่วงจนกว่าคุณจะออกไปจากชีวิตอาจี”
“อีกไม่นานแล้วล่ะครับ” วิษธรพูดเป็นนัย
“ฉันหวังว่าคุณจะรักษาคำพูด”
ภัทร์ธีราเดินออกไป วิษธรมองตามด้วยสายตามุ่งมั่นมาดหมาย


ในร้านกาแฟบรรยากาศตกแต่งหรูหรามีสไตล์ ยินเสียงหัวเราะอย่างถูกคอของสรัชและโรจนาดังขึ้นมาจากโต๊ะมุมหนึ่งในร้าน
“จริงๆ แล้วผมแอบบอกคุณก็ได้ คือ ผมอยากเปิดร้านอาหารน่ะครับ ก็เลยศึกษาเอาไว้”
“ว้าว เยี่ยมเลยค่ะ ฉันก็เคยคิดอยากเปิดร้านอาหารนะ”
“แล้วทำไมไม่ทำล่ะครับ”
“ฉันยังมีความสุขกับการทำอาหารอยู่น่ะค่ะ กลัวว่าถ้าเปิดร้านจริงๆคงจะต้องยุ่งกับการบริหารจนหาความสุขเหมือนเดิมไม่ได้”
สรัชมองคู่สนทนาอย่างชื่นชม
“ว่าแต่คุณจะกลับอเมริกาเมื่อไหร่ครับ”
“คราวนี้ฉันว่าจะมาอยู่ถาวรค่ะ ว่าจะหางานที่ไทยด้วยแม่ฉันชอบอยู่เมืองไทย คนเป็นลูกก็เลยต้องตามใจหน่อย”
สรัชตื่นเต้น “จริงเหรอครับ ถ้าคุณไม่รังเกียจสนใจมาเป็นเชฟให้ร้านอาหารของผมไหม ผมจะเตรียมกู้เงินจ่ายค่าตัวคุณไว้ก่อนเลย” เขาหยิบนามบัตรในกระเป๋าตังค์มายื่นให้ “นี่นามบัตรผมครับ”
โรจนารับนามบัตรมาดู แล้วยื่นนามบัตรของตัวเองให้ “ขอบคุณค่ะ อันนี้ของฉันส่วนเรื่องค่าตัวไม่สำคัญเท่าคุณให้ฉันได้ทำอาหารตามใจชอบหรือเปล่า เรื่องอาหารฉันค่อนข้างเอาแต่ใจนะคะ”
“เรื่องอาหารก็ต้องตามใจเชฟอยู่แล้วครับ”
“ขอบคุณค่ะ” โรจนาหัวเราะพลางดูเวลา “เอ่อ ตอนนี้ฉันคงต้องไปก่อนนะคะ”
โรจนายิ้มให้ เป็นจังหวะเดียวกับที่ภัทร์ธีราเดินเข้ามาที่โต๊ะพอดี สรัชโบกมือให้
“น้องจ๋า ทางนี้ครับ”
“พี่เอ้คะ ขอโทษนะคะที่ให้รอ แล้วนี่...” ภัทร์ธีรามองโรจนาด้วยแววตาสงสัย
สรัชรีบแนะนำสองฝ่ายให้รู้จักกัน “น้องจ๋า นี่เชฟโรสที่พี่เคยเล่าให้ฟังที่ทำอาหารฝรั่งเศสอร่อยสุดๆ จำได้ไหมครับ เชฟโรสครับ นี่น้องจ๋า แฟนผมเอง”
ภัทร์ธีรายิ้มทักอย่างเป็นมิตร “สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
โรจนายิ้มทักตอบอย่างเป็นมิตรเช่นกัน “สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”
“พี่เอ้ นินทาอะไรจ๋ารึเปล่าคะคุณโรส” ภัทร์ธีราถาม
“เปล่าหรอกค่ะ แค่เล่าว่าคุณจ๋าน่ารักมาก แล้วก็ชอบตระเวนกินเหมือนกันค่ะ”
สรัชแอบยกนิ้วโป้งให้โรจนาเป็นเชิงชมว่าทำดีมาก โรจนายิ้มขำ
“ยังไง โรสต้องขอตัวก่อนนะคะ พอดีมีธุระต่อนิดหน่อย”
“หวังว่าจะได้ร่วมงานกันนะครับ”
“ไว้เจอกันใหม่นะคะ”
โรจนาเดินออกไป สรัชกับภัทร์ธีรานั่งคุยกันต่อ
“น้องจ๋า พี่ชวนเชฟโรสมาเป็นเชฟที่ร้านอาหารของพี่ ถ้าเขาตอบรับแล้ว มันเวิร์ก พี่คิดว่าจะไปเปิดที่โรงแรมของน้องจ๋าด้วย น้องจ๋าว่าดีไหมคะ”
“ดีสิคะ จ๋าเชื่อว่าอะไรที่พี่เอ้ตั้งใจ พี่เอ้ต้องทำได้แน่นอน” คุณหนูจ๋าบอกคนรักด้วยท่าทีมุ่งมั่น “จ๋าเองก็จะตั้งใจพิสูจน์ตัวเองให้อาจีเห็น ว่าจ๋าก็ทำงานได้ดีไม่แพ้คนอื่นเหมือนกัน”
สรัชกุมมือภัทร์ธีราพร้อมยิ้มให้กำลังใจ ภัทร์ธีรายิ้มตอบ


นรินทร์นั่งอยู่บนเตียง จิรดาจัดยายื่นให้พร้อมแก้วน้ำ
“ทำไมวันนี้คุณนอนเร็วจังคะ”
นรินทร์รับยามากิน “ผมต้องตื่นเช้า พรุ่งนี้คุณช่วยปลุกแต่เช้าด้วยแล้วกัน”
“งั้นเดี๋ยวดาปลุกตอน 9 โมง ดีไหมคะ”
“สายไป ปลุกสัก 6 โมงแล้วกัน”
“แต่ปกติ คุณไม่ตื่นเช้านี่คะ คุณรินจะไปไหนเหรอคะ”
“ไปทวงของของผมคืนน่ะสิ”
นรินทร์เอนตัวลงนอนอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง โดยมีจิรดาคอยช่วยด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย

พรพจีมาถึงโรงแรมธาราตอนเช้าเช่นวันอื่นๆ ผู้บริหารสาวใหญ่นั่งอ่านเอกสารอยู่ในห้องทำงาน จนมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“น้องจ๋าเองค่ะอาจี”
“เข้ามาสิจ๊ะ”
ภัทร์ธีราเดินเข้ามา พร้อมกับเข็นรถเข็นคันเล็กที่มีแฟ้มเอกสารเข้ามาด้วย พรพจีมองแว่บแรกอย่างสงสัยแล้วก็ตกใจเมื่อจำได้
“น้องจ๋า นั่นมัน”
“เอกสารที่ให้อารินเซ็นทั้งหมดค่ะ”
พรพจีดีใจขึ้นมาแว่บหนึ่ง คิดว่านรินทร์ให้เอามาคืน พอรู้ตัวรีบเก็บอาการ
“คุณรินเขาทำไม่ไหวเหรอ ไม่เป็นไร วางไว้ตรงนั้นก่อนก็ได้ เดี๋ยวอาให้ธรช่วย”
“อารินเซ็นเรียบร้อยหมดแล้วค่ะ”
พรพจีตกใจ “หมดเลยเหรอ”
“ค่ะ ทำไมอาจีต้องตกใจขนาดนั้นล่ะคะ”
“เอ่อ อาแปลกใจน่ะ ปกติอารินเขาไม่ค่อยขยันขันแข็งและก็ทำงานเร็วขนาดนี้ นี่คงเป็นเพราะมีน้องจ๋าช่วย ทำงานได้ดีมากจ้ะ”
ภัทร์ธีรามองสงสัย พรพจีซ่อนสีหน้าเครียดโดยทำเป็นเปิดเอกสารดูความเรียบร้อย

วิษธรยืนอ่านแฟ้มเอกสารอยู่ในขณะทำงาน ขณะที่พรพจีเปิดประตูเดินหน้าเครียดเข้ามาหา
“ธรคะ”
“มีอะไรรึเปล่าครับ ทำไมหน้าเครียดอีกแล้ว”
“เอกสารที่คุณให้คุณรินเซ็น เขาจัดการเรียบร้อยหมดแล้วค่ะ”
วิษธรมีสีหน้าแปลกใจ
“เรียบร้อยทั้งหมดเลยเหรอครับ”
“ฉันยังไม่ได้ตรวจดูทั้งหมดหรอกค่ะ แต่น้องจ๋ายืนยันว่าครบ ยังไงคงต้องรบกวนธรให้ช่วยตรวจอีกแรง”
“ได้สิครับ เดี๋ยวผมจะตรวจดูให้ คุณรินทำงานได้เร็วดีนะครับ เห็นได้ชัดว่าเขามีผู้ช่วยที่ดี”
“ฉันก็ไม่คิดว่า น้องจ๋าจะพยายามทำถึงขนาดนี้ ตอนนี้คุณรินได้น้องจ๋าเป็นแนวร่วมจริงๆ แล้ว อย่างนี้เราจะทำยังไงต่อไปดีล่ะคะ นับวันความรักของเราก็ยิ่งมีอุปสรรคมากขึ้นเรื่อยๆ”
พรพจีโผเข้ากอดวิษธร
“มันต้องมีทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเรา ทางที่ทำให้ทุกคนเสียใจน้อยที่สุด เชื่อผมสิ ผมจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ขอแค่คุณสู้ไปกับผมนะครับ”
พรพจีพยักหน้าแทนคำตอบ วิษธรลูบหน้าเธออย่างนุ่มนวล พรพจียื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ


ในความคึกคักขวักไขว่บริเวณล็อบบี้โรงแรมธารา รถเข็นของนรินทร์ถูกจิรดาเข็นเข้ามาในนั้นอย่างช้าๆ นรินทร์บ่นพึมพำ พร้อมกับกวาดสายตามองพนักงานอย่างจับผิด
“ถ้าใครไม่รู้จักฉัน แสดงว่าเป็นคนของไอ้ธร ฉันจะไล่ออกให้หมด”
ทว่า ทันทีที่รถเข็นถูกเข็นผ่านใคร พนักงานคนนั้นก็จะหยุดทำความเคารพอย่างนอบน้อม
“สวัสดีค่ะ คุณนรินทร์” / “สวัสดีครับนาย”
นรินทร์พยักหน้าให้ทุกคน ผิดหวังที่เอาผิดวิษธรไม่ได้ จนกระทั่งเหลือบไปเห็นพนักงานทำความสะอาด กำลังเดินไปอีกทาง จึงเรียกไว้เพื่อทดสอบว่ารู้จักเขาหรือไม่
“หยุดก่อน แม่บ้าน”
“คะ” แม่บ้านหันมายอบตัวยกมือไหว้นอบน้อม “เอ่อ คุณนรินทร์สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ดิฉันรับใช้คะ”
นรินทร์อึ้งไป “ไม่มี ไปทำอะไรก็ไป เถอะ”
ภัทร์ธีรารีบเดินมาหาอย่างดีใจและแปลกใจ
“อาริน ไม่เห็นบอกเลยว่าจะมา จ๋าจะได้รอมาพร้อมกัน”
“ถ้าอาบอกก่อนก็ไม่เซอร์ไพรส์น่ะสิ จริงไหม”
ภัทร์ธีรายิ้มดีใจ “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวจ๋าพาอารินชมรอบๆ โรมแรมมีปรับปรุงหลายที่เลยค่ะ”
“ก่อนไปดูรอบๆ อาอยากไปที่ที่หนึ่งก่อน”
“ที่ไหนคะ”
ภัทร์ธีรามองฉงน นรินทร์ไม่ตอบยิ้มมีเลศนัย

พรพจี โน้มหน้าเข้าหาวิษธรจนเกือบจะจูบกัน จู่ๆ มีเสียงประตูเปิด ตามด้วยเสียงภัทร์ธีราดังขึ้น
“นี่ค่ะอาริน”
วิษธรและพรพจีผละออกจากกันโดยเร็ว
“ทำอะไรกัน” นรินทร์ถามเสียงดัง
“ทำไมเข้าห้องคนอื่นแล้วไม่เคาะประตู” พรพจีไม่พอใจ
“ทำไมต้องเคาะ หรือพวกเรามาขัดจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มรึไง”
“คุณริน นี่มันที่ทำงานนะ ให้เกียรติฉันด้วย ฉันไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียดแบบนั้น”
นรินทร์หันมาเอาเรื่องวิษธร “ไหนบอกว่าจะออกไง แล้วยืนอยู่ทำไม ทำไมยังไม่ไปอีก”
พรพจีตอบแทนว่า “ฉันเป็นคนให้ธรอยู่เอง ธรทำหน้าที่ดูแลทุกอย่างจะลาออกไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องเคลียร์งานเก่าให้เรียบร้อยไม่มีอะไรตกค้าง นั่นคือความรับผิดชอบที่คนอย่างคุณคงไม่ค่อยเข้าใจ”
“ไม่ต้องเคลียร์งานอะไรทั้งนั้น ออกไปได้เลย ฉันมีน้องจ๋าเป็นผู้ช่วยอยู่แล้ว น้องจ๋าจะช่วยฉันเคลียร์งานเอง”
นรินทร์เลื่อนรถเข็นไปที่ชั้นวางในห้อง แล้วหยิบของต่างๆ ของวิษธรโยนทิ้งลงพื้น
“ของที่ไม่ใช่ของของฉัน เก็บออกไปให้หมดล่ะ เพราะห้องนี้เป็นของฉันแล้ว”
“ครับ ถ้านั่นเป็นความต้องการของคุณ”
วิษธรข่มอารมณ์สุดขีด ก้มลงหยิบของเก็บเข้าลัง พรพจีทำท่าจะเข้าไปช่วยแต่ไม่ทันจิรดา
“คุณรินคะ ของตั้งเยอะแยะ คุณธรคงเก็บคนเดียวไม่ไหว ให้ดาช่วยคุณธรนะคะ”
นรินทร์ยิ้มพอใจ “เอาสิ เก็บกันสองคนจะได้เสร็จเร็วขึ้น”
ภัทร์ธีรามองอย่างอึดอัดลำบากใจ
“น้องจ๋าบอกจะพาอาไปดูรอบๆ โรงแรมใช่ไหม ไปกันเถอะ คุณก็ไปด้วยกันสิจีผมต้องการคำแนะนำจากคุณนะ ใช่ไหมน้องจ๋า”
“อาจี ไปด้วยกันนะคะ”
พรพจีกำมือแน่นอข่มอารมณ์โกรธถึงขีดสุด นรินทร์ดูออกยิ้มเยาะสะใจ


พรพจีเดินนำนรินทร์ที่มีภัทร์ธีราเป็นคนเข็นพามา ด้วยใบหน้าเรียบเฉย นรินทร์ถามขึ้นในจังหวะหนึ่ง
“อาว่าจะถามน้องจ๋าตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ล็อบบี้ของเราตกแต่งใหม่เหรอ”
“ค่ะ เป็นฝีมือของ...เอ่อ...คุณวิษธรน่ะค่ะ”
“ว่าแล้วเชียว ไม่ได้เรื่อง ไม่มีเอกลักษณ์เลย ห้องอาหารที่ไปดูมาก็ไม่ได้เรื่อง ระบบการจองห้องที่เอาเข้ามาใช้ใหม่อะไรนั่นก็ยุ่งยากเกินความจำเป็น นี่มันคิดแต่จะทำให้สิ่งที่ดีอยู่แล้วแย่ลงไปอีกรึไง”
“คุณรินคะ ฉันว่าคุณอคติเกินไปหน่อยรึเปล่า ถ้าคุณคิดอย่างถี่ถ้วนโดยไม่มีอคติ คุณจะเห็นว่าตั้งแต่ที่โรงแรมปรับปรุงทุกอย่างมาลูกค้าให้การตอบรับที่ดีขึ้น ยอดจองห้องก็สูงขึ้น ระบบที่ธรนำเข้ามาก็ทำให้จองห้องได้สะดวกรวดเร็วขึ้น แบบนี้เรียกว่าแย่ลงเหรอคะ” พรพจีว่า
“แต่ยังไงทุกอย่างก็ควรผ่านความเห็นชอบจากผมก่อน ผมก็เป็นเจ้าของคนหนึ่ง” นรินทร์ตั้งแง่
“ผ่านความเห็นของคุณเพื่อให้คุณค้านน่ะเหรอคะ แล้วโรงแรมของเราก็จะไม่มีการปรับปรุงใดๆ แบบนั้นต่างหากค่ะ ที่เขาเรียกว่าแย่ลง”
นรินทร์โกรธ “พรพจี”
“ฉันคิดว่าธรทำดีแล้วค่ะ”
นรินทร์มองพรพจีอย่างพยายามระงับอารมณ์ พรพจีมองกลับด้วยสายตาเย็นชา

ด้านวิษธร และจิรดา ช่วยกันเก็บของในห้องห้องทำงานใส่ลัง
“ดาเข้าใจคุณนะคะ ไม่ใช่ความผิดของคุณเลย”
“ความผิดของลูกน้องก็เหมือนความผิดของเจ้านายนั่นแหละครับ ผมสะเพร่าเองที่ไม่ได้อบรมพนักงานให้ดี”
“คุณนี่เป็นเจ้านายในฝันเลยนะคะ น่าเสียดายถ้าจะต้องออกไปแบบนี้”
“มันช่วยไม่ได้นี่ครับ”
“คุณเป็นคนเก่ง หางานได้ไม่ยากแน่ๆ ดาจะช่วยคุณเองค่ะ”
วิษธรเดินไปหยิบหนังสือบนชั้นที่เหลือ
“ขอบคุณคุณดามากนะครับ แต่ผมจะพักเรื่องนี้ไปก่อน คงต้องใช้เวลาตั้งหลักอีกสักพัก”
จิรดาวางมือบนมือวิษธรที่กำลังหยิบหนังสือบนชั้น วิษธรหันมามอง
“ยังไงดาก็อยู่ข้างคุณนะคะ”
จิรดามองด้วยยั่วยวน แต่เสียงโทรศัพท์มือถือดังขัดขึ้น วิษธรปลดมือเธอออก หยิบมือถือมากดดู
“ขอโทษนะครับ ผมขอตัวสักครู่นะครับ”
วิษธรออกไปทันที จิรดาค้างเติ่งทุบโต๊ะปังอย่างหัวเสีย หงุดหงิดที่พลาดโอกาสทำคะแนนอีกแล้ว

อ่านต่อ ตอนที่ 10

#เพลิงรักไฟมาร #thaich8 #ละครออนไลน์
กำลังโหลดความคิดเห็น