เพลิงรักไฟมาร ตอนที่ 1
ตึกสูงระฟ้า ตัดกับท้องฟ้าแสนสดใสของกรุงเทพมหานครตอนเช้าวันนี้ บนท้องถนนผู้คนแต่งตัวสวยงามทันสมัยเดินสวนกันไปมา
ท่ามกลางความวุ่นวายรีบเร่งเป็นประจำนี้ ณ ย่านใจกลางเมือง มุมหนึ่งของเมืองฟ้าอมร คฤหาสน์แห่งบ้านรมย์ฤดี อวดความมั่งมีของผู้เป็นเจ้าของอย่างใหญ่โตหรูหรา อลังการ สวนสวยรอบบริเวณบ้านถูกจัดแต่งอย่างงดงาม
และหากมีใครเปิดประตูรั้ว ผ่านเข้าไปด้านในคฤหาสน์อันแสนหรูหรา จะพบเห็นความวุ่นวายอลหม่านอยู่ภายในนั้น ซึ่งแต่ละคนกำลังง่วนเตรียมการต้อนรับการกลับมาจากเมืองนอกของ คุณหนูจ๋า หรือ ภัทร์ธีรา โดยมีหัวเรือใหญ่ ป้าสวาท กำลังสั่งการคนงานเป็นระวิง
“เร่งมือหน่อยๆ คุณจ๋าจะกลับมาแล้วนะ ดอกไม้พวกนี้ก็จัดให้สวยๆ อย่าสักแต่ปักๆๆ ลงไป...”
ทว่าพูดยังไม่ทันจบคำ แจกันก็ตกแตกดังเพล้งลงมาตรงหน้าสวาทพอดี
“โอ๊ย ฉันว่าแล้ว นี่แจกันใบโปรดของคุณจีเชียวนะ”
สวย กับ เต่า สองสาวใช้ หน้าซีดเป็นไข่ต้ม เมื่อมองไปเห็นใครบางคนเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังสวาท
“ใครทำแจกันฉันแตกจ๊ะ” สวยกับเต่าถึงกับคอย่น “รีบเก็บกวาดแล้วหาแจกันใหม่มาแทนเลยจ้ะ วันนี้น้องจ๋าจะกลับมาแล้ว ฉันอยากให้มีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้น”
สวาทหันหลังไปหา เมื่อเห็นเป็นใครก็ยิ้มกว้างออกมา
“โอ้โห วันนี้คุณจีสวยมากๆ จะไปสนามบินเลยไหมคะ”
พรพจี นายใหญ่ของบ้านรมย์ฤดีแห่งนี้ แต่งตัวจัดเต็มสวยงามเป็นพิเศษในวันนี้
“ยังหรอกจ้ะน้าหวาด อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าเครื่องจะลง ฉันว่าจะเข้าออฟฟิศไปเคลียร์งานก่อน”
“งั้นรีบไปเถอะค่ะ ทางนี้น้าดูแลเอง”
พรพจีเดินนวยนาดออกไปอย่างสบายใจ ขณะที่สวาทหันไปสั่งงานต่อ
พรพจีเดินออกมาที่รถอย่างอารมณ์ดี นายเกลี้ยงยืนรออยู่แล้ว
“คุณนรินทร์จะไปรับคุณจ๋าด้วยหรือเปล่าครับ”
ได้ยินชื่อนรินทร์สีหน้ายิ้มแย้มของพรพจีก็เปลี่ยนไปทันที ตอบคนขับรถเสียงขุ่น
“ไม่ไปจ้ะ”
พรพจีเหลียวมองขึ้นไปบนห้องชั้นบนของนรินทร์ ด้วยสีหน้าอันบึ้งตึง
ขณะเดียวกันที่หน้าต่างห้องชั้นบนนั้น มีใครคนหนึ่งจ้องมองลงมาด้วยสายตาขึ้งเคียดไม่ต่างกัน
เกลี้ยงหน้าเจื่อนไปนิด ก่อนจะโค้งและรีบเปิดประตูด้านหลังให้เธอขึ้นไปนั่ง
ขณะรถเคลื่อนตัวออกไป พรพจีหยิบมือถือขึ้นมา ส่งไลน์หาใครคนหนึ่ง
“เจอกันที่ออฟฟิศนะคะ”
มีสติ๊กเกอร์จากใครคนนั้นส่งตอบกลับมา เป็นรูปหัวใจพองโต พรพจียิ้มกว้าง สดใส อารมณ์ดีขึ้นมาทันตา
ในความโอ่อ่าหรูหราบริเวณหน้าทางเข้าล็อบบีโรงแรมเดอะธารา รถยนต์หรูคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอด ด้านหน้า เห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง แต่งตัวเนี้ยบก้าวลงรถเดินเข้าไปด้านในโรงแรม
ชายคนดังกล่าวเดินมาตามทาง ทุกคนหันไปมองเขาเป็นตาเดียว เหมือนเป็นจุดสนใจ แขกในโรงแรมมองเขาอย่างทึ่ง พนักงานโรงแรมต่างยกมือไหว้เขาอย่างนอบน้อม ก่อนที่สาวๆ จะหันไปซุบซิบกันสีหน้าปลาบปลื้ม
เขาเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าลิฟต์ กดเปิดแล้วก้าวเข้าไป เห็นด้านหลังของเขาที่สวมเชิ้ตเนี้ยบดูดี พอเขาหันกลับมาลิฟต์ก็ปิดลง พร้อมๆ กับเสียงผู้หญิงร้องเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนค่ะ”
ลิฟท์เปิดออกอีกครั้ง คราวนี้เห็นหน้าพรพจียิ้มหวานให้ ก่อนก้าวเข้ามาในลิฟท์
เปิดตัววิษธรมองพรพจีพลางยิ้มกลับให้อย่างสุภาพ ลิฟท์ปิดลง
เมื่ออยู่ในลิฟท์สองต่อสอง สายตาวิษธรที่มองพรพจีก็เปลี่ยนไปจากเดิม พรพจีมองกลับอย่างท้าทาย
“หน้าฉันมีอะไรผิดปกติเหรอคะ”
วิษธรยิ้มอ่อนโยน พลางเอ่ยปากชม
“วันนี้คุณดูสวยเป็นพิเศษ”
“ปากหวานจัง”
พรพจียิ้มหวานยกนิ้วแตะปากผู้พูดชม วิษธรโน้มหน้าก้มลงเหมือนจะจูบ พรพจีสบตาเขาอย่างวาบหวามและหลับตาลง แต่แล้วเสียงลิฟต์ดังเป็นสัญญาณว่าถึงชั้นที่มีคนกดลิฟต์ หนุ่มรูปงามจึงรีบผละออกอย่างตัดใจ
“อยากให้โรงแรมเรามีสักร้อยชั้น”
“โธ่ แค่นี้คุณก็ทำงานหนักจะแย่อยู่แล้วนะคะ”
วิษธรยิ้มกริ่ม กระซิบคำหวานบอกจากด้านหลัง
“ต่อให้ผมต้องทำงานหนักกว่านี้อีกร้อยเท่าก็เต็มใจครับ ถ้าเราจะได้อยู่ด้วยกันนานกว่านี้”
พรพจียิ้มชื่นอย่างอิ่มเอมใจ แต่ก็ต้องตีหน้าขรึมเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมๆ กับเสียงหญิงฝรั่งด่าทอผัวดังลั่นโถงทางเดิน
หญิงฝรั่ง “Bullshit! You bastard fuck off! I hate you!” (ไอ้สารเลว! ไปให้พ้นนะไอ้บ้า ฉันเกลียดแก)
พรพจีออกจากลิฟต์ รีบเดินเข้าไปดูเหตุการณ์ แต่แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นชายฝรั่งตัวโตถูกหญิงฝรั่งผลักเซมาทางเธอ ซึ่งไม่ทันตั้งตัวจึงสะดุดล้มลงไปกับพื้น วิษธรตกใจรีบเข้าไปดูอาการ
“พจี...เป็นยังไงบ้างครับ”
พรพจีนิ่วหน้าเจ็บเท้าเหมือนเท้าจะแพลง
ชายฝรั่งเห็นพรพจีล้มลงเหมือนได้รับบาดเจ็บก็หันไปต่อว่าหญิงฝรั่งผู้เป็นภรรยา
“Look what you’ve done. You bad tempered bitch!” (ดูซิทำอะไรลงไป อีขี้โมโห!)
“It’s because of you. You betrayed me. It’s your fault.” (เพราะแกนั่นแหละ แกทรยศฉัน มันเป็นความผิดของแก)
หญิงฝรั่งเข้าไปตบตีผัว มีแขกของโรงแรมโผล่หน้าออกมาดูสลอน วิษธรเห็นท่าไม่ดีรีบหันไปเรียกแม่บ้านสองสามคนที่วิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์พอดี
“พาคุณจีไปห้องพยาบาลก่อน เดี๋ยวผมจะเคลียร์ทางนี้เอง” เขาหันไปทางแม่บ้านอีกคน “ช่วยเรียก รปภ.ด้วยครับ”
“ค่ะๆ”
แม่บ้านคนแรกรีบประคองพาพรพจีไปทางห้องพยาบาลของโรงแรมทันที
วิษธรเข้ามาหาผัวเมียฝรั่งที่กำลังตีกัน เมียกำลังทุบตีผัวอย่างกราดเกรี้ยว
“Please, mam, sir. Please stop! Or we’ll call the police.” (ขอความกรุณาครับ หยุดเถอะ หยุด! ไม่งั้นผมจะแจ้งตำรวจ)
“Call them to arrest this jerk. He took a prostitute to another room.” (แจ้งให้มาจับไอ้บัดซบนี่เลย มันพาอีตัวมากกกันอีกห้อง)
“Don’t accuse me. It’s all in your head.” (อย่ามากล่าวหากัน เธอมโนไปเอง)
“You liar!” (ไอ้โกหก!)
หญิงฝรั่งแหวใส่ผัว ทั้งสองทำท่าจะตีกันอีกครั้ง วิษธรรีบเอาตัวเข้าไปคั่นกลางไว้
“Ok. Ok. Please. I beg you. Please go back to your room mam. I’ll talk to your husband. He won’t disturb you anymore until you wanthim.” (เอาละครับๆ ผมขอร้อง กลับห้องไปก่อนนะครับคุณผู้หญิง ผมจะคุยกับ สามีคุณเอง เขาจะไม่รบกวนคุณอีกจนกว่าคุณจะหายโกรธ)
“Yeah! Tell him to fuck off.” (ได้ บอกมันให้ไปตายซะ!)
หญิงฝรั่งเข้าห้องปิดประตูใส่หน้าปังใหญ่ วิษธรหันมาทางตาผัว
“I’ll open another room for you sir, Mr…” (ผมจะเปิดอีกห้องให้นะครับ คุณ...)
ชายฝรั่งรีบบอก “Anthony.” (แอนโธนี่)
“Ok Mr.Anthony. This room’s free of charge. You can stay until Mrs. Anthony is calm down.” (ครับคุณแอนโธนี่ ห้องใหม่นี้ผมจะไม่คิดเงิน คุณอยู่ได้จนกว่าคุณผู้หญิงจะใจเย็นลง)
“I’m not sure… (ผมไม่แน่ใจว่า…)” ชายฝรั่งหนักใจ
วิษธรรีบบอก แนะนำวิธีว่า “Just relax. Don’t worry. Everything will be fine. You can order her favourite menu to please her. Then talk to her again. (ใจเย็นครับ ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างจะดีเอง คุณสั่งอาหารที่เธอชอบเอาใจเธอ แล้วค่อยคุยกับเธออีกครั้งก็ได้)
ฝรั่งพยักหน้ารับเอาคำ ยิ้มออกมาได้ วิษธรผายมือให้
บรรดาพนักงานและแม่บ้านที่มุงดูอยู่ต่างโล่งอก และยิ้มให้กันอย่างชื่นชมความสามารถของวิษธร
ที่ห้องพยาบาลของโรงแรม เดอะธารา พรพจีรีบลุกขึ้นทันทีที่เห็นวิษธรเดินเข้ามาในนั้น
“เป็นไงบ้างคะธร”
วิษธรรีบเข้าไปประคองไว้
“อย่าเพิ่งรีบลุกครับ”
พรพจีอยู่ในอ้อมอกวิษธร สองคนสบตากันอย่างลึกซึ้ง
“ผมสิต้องถามว่าคุณเป็นยังไงบ้าง ห่วงแทบแย่”
“เจ็บเท้านิดหน่อยค่ะ แล้วแขกฝรั่งสองคนนั่น”
“ผมเคลียร์เรียบร้อยแล้วครับ แค่เรื่องหึงหวงกัน สามีภรรยาเดี๋ยวก็ดีกันแล้ว”
“หวังว่าเราคงไม่ต้องหึงจนทะเลาะด้วยเรื่องแบบนี้นะคะ” พรพจีสัพยอก
วิษธรส่ายหน้าเชิงบอกว่าหึงแน่ ก่อนจะจ้องพรพจีตาเป็นประกาย เล่นเอาอีกฝ่ายต้องเมินหน้าไปอีกทางอย่างเขินๆ
“หึงอะไรกันคะ ฉันอายุมากกว่าคุณตั้งเยอะ ไม่มีอะไรให้คุณหึงหรอกค่ะ”
“คุณยังดูดีขนาดนี้ แม้แต่เขายังหึงคุณเลย” วิษธรหมายถึงนรินทร์
พรพจีหุบยิ้มทันที “อย่าพูดถึงเขาเลยค่ะ เขาไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวฉันอีกแล้ว ทุกวันนี้ฉันทนเพื่อน้องจ๋าเท่านั้น” สาวใหญ่ดูนาฬิกาข้อมือ “จริงสิ ต้องรีบไปรับน้องจ๋าที่สนามบินแล้ว”
พร้อมกับว่าพรพจีจะลุกแต่ลุกไม่ไหว วิษธรเข้าไปประคองไว้
“คุณไม่ไหวหรอกครับ ให้คนอื่นไปแทนเถอะ”
“ฉันไม่ไว้ใจใคร”
“แม้กระทั่งผมเหรอครับ”
พรพจีเลิกคิ้วฉงนฉงาย
“แต่น้องจ๋าไม่รู้จักคุณเลย”
“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ ยังไงก็ต้องรู้จักกันอยู่แล้ว คุณไปเตรียมต้อนรับที่บ้านดีกว่า”
พรพจีครุ่นคิดตัดสินใจ
สองชั่วโมงต่อมา วิษธรกับนายเกลี้ยงคนขับรถของพรพจี มากันมายืนรอรับ ภัทร์ธีรา อยู่ตรงบริเวณทางออกผู้โดยสารขาเข้า สักพักผู้คนเริ่มทยอยเดินออกมา วิษธรมองหาภัทร์ธีรา แต่ก็ยังไม่เห็น จนคนออกมาบางตา ชายหนุ่มก้มดูนาฬิกาอย่างไม่สบายใจ
“ทำไมป่านนี้ยังไม่ออกมาอีก”
“นั่นสิครับ เลยเวลาเครื่องลงมาตั้งนานแล้ว” เกลี้ยงพลอยกังวลไปด้วย
“หรืออาจจะออกไปแล้วเราไม่เห็น” วิษธรว่า
“งั้นเดี๋ยวผมลองไปตามแถวๆ นี้นะครับ”
“ดีเหมือนกันครับ ผมยืนรออยู่ตรงนี้ก่อน ถ้าเจอแล้วโทร.หากันนะครับ”
วิษธรมองตามเกลี้ยงที่เดินออกไป
ภัทร์ธีรา ที่สองคนรอ เดินออกมาหยุดอีกมุมหนึ่งด้วยมาดสวยมั่นใจ เธอหันไปยิ้มให้ชายฝรั่งคนหนึ่งที่เดินอยู่ข้างๆ กัน
“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยเก็บพาสปอร์ตให้ฉัน นึกว่าจะต้องไปทำใหม่แล้ว”
มาร์ตินตอบกลับมาเป็นภาษาไทยด้วยสำเนียงฝรั่ง
“ไม่เป็นไรครับ”
“ถ้าจะไปเที่ยวพัทยาหรือทางเหนือก็ติดต่อฉันได้เลยนะคะ โรงแรมของเรายินดีต้อนรับคุณค่ะ”
“ขอบคุณครับ แล้วเจอกัน”
“เจอกันค่ะคุณมาร์ติน”
มาร์ตินกับภัทร์ธีราจับมือกัน มาร์ตินดึงภัทร์ธีราเข้าไปกอดเอาแก้มแนบแก้มกันตามธรรมเนียมยุโรป เป็นจังหวะเดียวกับที่วิษธรหันไปเห็นแล้วก็ต้องชะงักตะลึงงัน
วิษธรซึ่งไม่ได้ยินที่ภัทร์ธีราคุยกับมาร์ติน พอเห็นภัทร์ธีรานัวเนียวกับมาร์ตินก็รู้สึกหมั่นไส้
“อย่างนี้นี่เองถึงได้ออกมาช้า”
ภัทร์ธีราเข็นรถออกมา เดินไปคนละทางกับที่วิษธรอยู่ เรียกไว้ก็ไม่ได้ยิน จนวิษธรต้องรีบตามไป
“คุณ!”
ภัทร์ธีราเดินเร็วรี่ จนเขาต้องวิ่งเข้ามาขว้ามือของเธอไว้
“เดี๋ยวก่อนคุณจ...”
ภัทร์ธีราตกใจเสียจังหวะทำให้ซวนเซไป วิษธรดึงไว้ทัน ร่างแบบบางของตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาพอดิบพอดี ภัทร์ธีรามองวิษธรอย่างตื่นตกใจ คิดว่าเขาจงใจลวนลาม และมีเจตนาไม่ดี
“ว้าย! จะทำอะไรน่ะ”
ภัทร์ธีรายกกระเป๋าถือในมือทุบตีวิษธรทันที
“โอ๊ย อะไรกันเนี่ย หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้”
วิษธรจับมือภัทร์ธีราให้หยุด แต่ยิ่งทำให้เธอเข้าใจผิดคิดว่าเขาจะลวนลาม ภัทร์ธีราสะบัดมือเต็มแรง แล้วง้างมือจะตบด้วยความโมโห แต่เกลี้ยงรีบเข้ามาห้ามทัพเสียก่อน
“คุณจ๋าครับ นี่คุณวิษธรนะครับ”
ภัทร์ธีราชะงัก มองนายเกลี้ยงอย่างงุนงง
“น้าเกลี้ยง รู้จักเขาด้วยเหรอคะ”
“คุณจีให้คุณธรมารับคุณจ๋าครับ”
ภัทร์ธีรามองวิษธรอย่างไม่ไว้ใจนัก ยิ้มเหยียดนิดๆ เมื่อนึกออกว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาแล้ว
“ธร อ๋อ...คุณนี่เอง” เธอหันไปทางเกลี้ยง “แล้วทำไมอาจีไม่มารับเองล่ะคะ”
วิษธรบอกว่า “คุณจีไม่ค่อยสบายครับ”
“อาจีเป็นอะไรคะ”
“แค่หกล้มนิดหน่อย รีบไปเถอะครับ เสียเวลารอคุณอยู่นานแล้ว เดี๋ยวอาคุณจะเป็นห่วง”
ภัทร์ธีราทำท่าเหมือนไม่เต็มใจไปกับเขานัก วิษธรจึงประชด
“เอ๊ะ เมื่อกี้มีใครมากับคุณด้วยไม่ใช่เหรอ รอเขาอยู่หรือเปล่า”
ภัทร์ธีรางง จนนึกเดาออกว่าวิษธรอาจหมายถึงมาร์ติน
“ฉันไม่ได้รอใคร”
พูดจบภัทร์ธีราก็เดินนำออกไปทางประตู วิษธรกับนายเกลี้ยงรีบเข็นรถตาม
ภัทร์ธีราเดินหน้าบึ้งด้วยความโมโห ในที่สุดก็โพล่งถามขึ้นมากับนายเกลี้ยง
“อาจีไปหาหมอหรือยังคะน้าเกลี้ยง”
“เอ ไม่ทราบสิครับ คุณธรอยู่กับคุณจีตอนเกิดเรื่อง”
เกลี้ยงหันไปหาวิษธรเป็นเชิงถาม วิษธรตอบลอยๆ
“แค่ขาแพลงคงไม่ต้องถึงกับไปหาหมอหรอกครับ”
ภัทร์ธีรานึกหมั่นไส้กับคำตอบของเขา “รู้ได้ยังไงว่าแค่ขาแพลง อาจจะกล้ามเนื้ออักเสบหรือกระดูกร้าวก็ได้”
“เจ้าตัวบอกเองว่าไม่เป็นอะไรมากนี่ครับ ปฐมพยาบาลแล้วก็กลับไปพักรอคุณที่บ้านแล้ว” วิษธรบอก
“คนที่ไม่รู้จักอาจีดีจะไม่รู้หรอก ว่าอาจีไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น บางทีป่วยก็ไม่ยอมบอกใคร”
“แต่ปกติคุณจีไม่ค่อยปิดบังอะไรผมหรอกครับ”
ภัทร์ธีราชะงัก หยุดเดิน นึกเจ็บใจที่ถูกวิษธรคุยข่มเห็นๆ จึงหันไปถามนายเกลี้ยงโดยทำเป็นไม่สนใจวิษธรอีก
“แล้วอานรินทร์เป็นยังไงบ้างคะน้าเกลี้ยง”
“คุณผู้ชายก็ยังเหมือนเดิมแหละครับ”
“ไม่มีอะไรดีขึ้นเหรอคะ”
“ครับผม”
ภัทร์ธีรามีสีหน้าครุ่นคิดหนักใจ มองวิษธรอย่างหวาดระแวง รู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่างถึงความสัมพันธ์ของพรพจีกับวิษธร เพราะเคยได้ยินพรพจีพูดถึงเขาบ่อยๆ
วิษธรรู้สึกตัวว่าตกเป็นเป้าสายตาของอีกฝ่าย จึงเดินนำไปที่รถในลานจอด ภัทร์ธีรามองหมั่นไส้ และตามหนุ่มคู่ปรับไปอย่างหงุดหงิด
ที่โถงบ้านรมย์ฤดีไม่นานต่อมา พรพจียิ้มกว้างอ้าแขนออก ภัทร์ธีราโผเข้าไปกราบแทบอก และกอดพรพจีไว้แน่น ด้วยความรักและคิดถึง
“อาจีขา... จ๋าคิดถึงอาจีจังเลยค่ะ”
“อาก็คิดถึงเราที่สุดเลยจ้ะ”
พรพจีหอมแก้มหลานสองข้างเหมือนสมัยเป็นเด็กๆ แล้วค่อยๆ ดันตัวภัทร์ธีราออก พลางมองสำรวจหัวจรดเท้า
“หลานอาโตขึ้นเยอะเลย เห็นในรูปยังไม่คิดว่าจะโตขนาดนี้”
“จ๋าไปตั้งหลายปีนี่คะ”
“นั่นสิจ๊ะ เอาแต่เรียนไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเลย”
“ก็จ๋าเรียนหนักค่ะ พอเรียนจบก็เที่ยวซะหนำใจก่อนกลับ จนทนคิดถึงอาจีไม่ไหว”
เสียงสวาทแหวแทรกเข้ามาว่า “แล้วไม่คิดถึงป้าบ้างเหรอคะ”
ภัทร์ธีรายิ้มกว้างออกมาอย่างจำเสียงได้ หันไปมองด้านหลังพรพจี เห็นสวาทปรี่มาหา
“ทำไมจะไม่คิดถึงคะป้าหวาด”
ภัทร์ธีรายกมือไหว้ แล้วกอดแขนประจบเอาใจป้าสวาท
“คิดถึงอาหารฝีมือป้าหวาดจะแย่”
“แหม...คิดถึงแต่อาหารของป้า ไม่ได้คิดถึงป้าเลย”
“ทำไมจะไม่คิดถึงคะ จ๋าคิดถึงที่นี่ คิดถึงทุกคนในบ้านนี้เลยค่ะ”
“งั้นไปกินข้าวกัน อาให้น้าหวาดทำเมนูที่เราชอบทั้งนั้นเลย”
“โหย รักอาจีกับป้าหวาดที่สุด”
“งั้นไปจ้ะ” พรพจีหันมาหาวิษธร “ธรคะ ไปกินข้าวกันค่ะ”
ภัทร์ธีราอึ้ง ไม่พอใจนัก “เราไม่ได้กินกันเฉพาะคนในครอบครัวเหรอคะ”
วิษธรรับรู้ จึงออกตัว
“ผมกลับก่อนดีกว่าครับ มีงานค้างอยู่”
“อย่าเพิ่งรีบกลับสิคะคุณธร ป้าเตรียมอาหารเผื่อคุณธรด้วย วันนี้ป้าเข้าครัวเองทำสุดฝีมือเลยนะคะ”
สวาทออกปากเชื้อชวน วิษธรจึงพยักหน้ารับเอาคำอย่างเสียไม่ได้ ภัทร์ธีราไม่ชอบใจกรุ่นๆ แต่ต้องเก็บความรู้สึกไว้
“อาจีคะ จ๋ายังไม่หิว ขอไปหาอารินก่อนนะคะ”
สีหน้าพรพจีเปลี่ยนไปทันทีที่ภัทร์ธีราพูดถึงนรินทร์
“กินข้าวก่อนแล้วค่อยไปก็ได้นี่จ๊ะ”
“จ๋าคิดถึงคุณอารินค่ะ อาจีกินไปก่อนไม่ต้องรอนะคะ เดี๋ยวจ๋าตามไปค่ะ”
ภัทร์ธีราเหลือบมองวิษธรอีกครั้งก่อนจะเดินจากไป วิษธรมองตามด้วยสายตาครุ่นคิด
ภัทร์ธีราเคาะประตูห้องนรินทร์ แต่ไม่มีเสียงตอบ จึงเคาะอีกครั้งพร้อมกับร้องเรียก
“อารินคะ อาริน”
แต่กลับมีเสียงดังโครมครามมาจากด้านใน
“ไปให้พ้น ฉันไม่กินอะไรทั้งนั้น บอกว่าไปให้พ้นไง ไป๊”
ประตูห้องเปิดผลัวะออกมา ภัทร์ธีรามองอย่างแปลกใจ จิรดาในสภาพหน้าตาแดงก่ำหายใจหอบเหมือนโกรธเอามากๆ เธอชะงักมองภัทร์ธีราหัวจรดเท้า พอนึกได้ว่าเป็นใคร ก็ยิ้มหวานออกมา
“คุณจ๋าใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ คุณจิรดาที่เป็นพยาบาลของอารินใช่ไหมคะ” ภัทร์ธีรายิ้มตอบพลางยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีค่ะ เรียกพี่ดาก็ได้นะคะ พี่ได้ยินชื่อคุณจ๋ามานานแล้ว ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะคะ”
“ขอบคุณคะ อารินเป็นยังไงบ้างคะ”
จิรดาผินหน้าไปในห้อง ถอนหายใจ “เมื่อกี้คุณคงได้ยินแล้วนะคะ”
ภัทร์ธีรามองเข้าไปในนั้นด้วยสีหน้าเป็นห่วง
ทันทีที่ภัทร์ธีราเปิดประตูเข้ามา ข้าวของก็ถูกปามาใส่พัลวัน บางครั้งเฉียดหน้าเธอไปนิดเดียว
“ออกไป! ฉันบอกให้ออกไปไงล่ะ ฉันไม่กินอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้ตายไปเลยก็ดีไปให้พ้น ไป”
“อารินคะ อาริน นี่จ๋าเองค่ะ”
นรินทร์นั่งรถเข็นอยู่ริมหน้าต่างชะงัก หันมามองภัทร์ธีราที่เดินเข้ามาอย่างนึกไม่ถึง
“น้องจ๋า”
“สวัสดีค่ะอาริน”
ภัทร์ธีราเข้าไปคุกเข่าก้มลงกราบแทบเท้าของนรินทร์ น้ำตาซึมเมื่อเห็นสภาพที่เปลี่ยนไปของผู้เป็นอา นรินทร์เองก็น้ำตาซึมเช่นกัน ลูบผมภัทร์อย่างแผ่วเบา
“คิดถึงอารินจังเลยค่ะ”
“มีคนคิดถึง คนไร้ค่าไร้ประโยชน์อย่างอาด้วยเหรอ” น้ำเสียงผู้พูดมีวี่แววความน้อยเนื้อต่ำใจอยู่เต็ม
“โธ่ ใครไร้ค่ากันคะ อารินน่ะเข้มแข็งจะตายไป ถ้าไม่มีอาริน เดอะธาราของเราก็ไม่อยู่มาจนถึงทุกวันนี้หรอกค่ะ”
“แต่คนอื่นเขาไม่คิดอย่างนั้นน่ะสิ” นรินทร์กัดฟันอย่างคับแค้นใจ “เขายกย่องเด็กใหม่บางคนว่าเป็นฮีโร่กอบกู้เดอะธาราให้พ้นวิกฤตมาได้”
ภัทร์ธีรารู้ทันทีว่านรินทร์หมายถึงใคร
“อารินหมายถึง...นายวิษธรหรือเปล่าคะ”
“จะใครซะอีกล่ะ น้องจ๋ารู้จักมันด้วยเหรอ”
“จ๋าเคยเห็นรูปเขาในเฟซอาจีค่ะ แล้วตอนกลับมา เขาก็เป็นคนไปรับจ๋าที่สนามบินด้วย”
นรินทร์คุมแค้น “มันอีกแล้ว”
ภัทร์ธีราแปลกใจ “ทำไม มีอะไรเหรอคะ”
“ก็ไม่มีอะไรมาก เพียงแต่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม อาของน้องจ๋าจะต้องดึงเอานายคนนี้มาร่วมด้วยตลอดเวลา แม้แต่เรื่องในครอบครัวที่ไม่เกี่ยวกับงาน”
ภัทร์ธีราพอจะระแคะระคายเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสอง แต่ไม่อยากให้นรินทร์คิดมาก จึงพยายามปลอบใจ
“ที่อาจีให้คุณธรไปรับจ๋า ก็คงเพราะไม่มีใครน่ะค่ะ แล้วเขาก็ทำงานให้อาจีอยู่ด้วย”
“น้องจ๋าคงยังไม่รู้” นรินทร์ทำเหมือนจะอะไรออกมา สุดท้ายกลับเปลี่ยนใจ “ช่างเถอะ อาดีใจที่น้องจ๋ากลับมาอยู่บ้าน บางทีจีเขาจะทำอะไรก็คงเกรงใจบ้าง”
“ใครไม่เกรงใจอาริน จ๋าไม่ยอมหรอกค่ะ” ภัทร์ธีรายิ้มเย้า พลางเปลี่ยนเรื่อง “อารินไปกินข้าวด้วยกันนะคะ”
“อย่าเลย อาไม่อยากไปเจอใคร”
ภัทร์ธีราออดอ้อนเอาใจ “โธ่ อารินขา จ๋ากลับมาทั้งที อยากกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาทุกคนให้หายคิดถึง อารินไปด้วยกันนะคะ...นะคะ”
นรินทร์ยิ้มบางๆ มองภัทร์ธีราอย่างชั่งใจ
ภัทร์ธีราเดินออกมาตรงมุมลับตาคน เหลียวมองหาจิรดา
“พี่ดาคะ คุณดา”
แต่พอเห็นอะไรบางอย่าง เธอก็หยุดกึก แล้วรีบหลบหลังผนัง ภัทร์ธีราเห็นจิรดากำลังยืนคุยกับวิษธรอย่างสนิทสนม
พยายามเงี่ยหูฟัง แต่เพราะอยู่ไกล จึงฟังไม่ได้ศัพท์ได้ยินเพียงเสียงกระซิบเบาๆ และเสียงหัวเราะอารมณ์ดีของจิรดา
“จริงเหรอคะ แน่นะคะคุณธร”
“จริงสิครับ ผมจะหลอกคุณทำไม”
“อย่ามาเทดาทีหลังล่ะ”
“ใครจะใจร้ายทำกับพยาบาลที่แสนดีได้ลงคอล่ะครับ”
วิษธรตอบกลับด้วยท่าทีสุภาพตามปกติ จิรดาหัวเราะเบาๆ ท่าทีเอียงอายระริกระรี้
“โห ดาตัวจะลอยอยู่แล้วนะคะ”
“แต่จะว่าไป ถ้าใครที่ไม่รู้จักคุณ แอบมาได้ยินเข้า อาจจะหาว่าผมเวอร์ก็ได้นะครับ”
วิษธรพูดดังนี้ เพราะเริ่มเห็นแล้วว่าภัทร์ธีราแอบฟังอยู่
ภัทร์ธีราถึงกับหน้าชา ตอนแรกจะย่องหลบเข้าไป แต่วิษธรแกล้งกระแอมไอ ภัทร์ธีราชะงัก คิดได้ว่าตนมาด้วยจุดประสงค์อะไร จึงค่อยๆ เดินออกไป
“ฉันไม่ได้แอบฟังใคร แต่จะมาตามพี่ดาไปช่วยพาคุณอาไปกินข้าวค่ะ”
จิรดาตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าภัทร์ธีราได้ยินที่เธอพูดกับวิษธร รีบปรับสีหน้าและบุคลิกให้เป็นปกติ
“ปกติคุณรินจะกินข้าวในห้องนะคะ”
“แต่วันนี้จ๋าขอให้แกมากินด้วยกันน่ะค่ะ” ภัทร์ธีราตั้งใจประชดวิษธร “จะได้พร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว”
“อ๋อค่ะ งั้นดาขอตัวนะคะคุณธร”
“ตามสบายครับ”
จิรดาชม้ายชายตาให้วิษธรก่อนจะเดินออกไป ภัทร์ธีรามองวิษธรอย่างหมั่นไส้
วิษธรยิ้มนิดๆ ออกแนวกวนหน่อยๆ ภัทร์จึงสะบัดหน้าใส่ แล้วเดินออกไป
วิษธรมองตามอย่างมีความนัยบางอย่าง
อีกฟากหนึ่งในตอนเย็นวันเดียวกันนั้น อรดีกับน้องสาว อิชยา เพื่อนของภัทร์ธีรา ยืนอยู่หน้าที่ดินแปลงใหญ่แปลงหนึ่งติดถนนใหญ่ อิชยาถามพี่สาวอย่างแปลกใจ
“พี่ดี้จะขายที่แปลงนี้ให้ใครนะคะ”
“คุณวิษธรจ้ะ เขาให้ราคาดีมากเลยนะ”
“แต่ที่แปลงนี้เป็นของทางบ้านพี่อ้นนี่คะ”
“คุณอ้นยกให้พี่ก่อนเขาเสีย เพราะเขาเป็นห่วงกลัวพี่จะลำบาก เป็นม่ายอย่างเดียวก็แย่แล้ว ถ้าไม่มีเงินด้วยพี่ขอตายไปซะดีกว่า”
“คุณวิษธรคนนี้ใช่ผู้ช่วยของอาจี อาของจ๋าหรือเปล่าคะ”
“คนนั้นแหละ เขาเป็นคนเก่ง ฉลาด มองการณ์ไกล จนยัยพรพจีจับไม่ยอมปล่อย”
“แต่ยาว่าต่างคนต่างก็ต้องพึ่งกันนะคะ”
“คนเก่งอย่างคุณธรน่ะไม่ต้องพึ่งใครหรอก อาของเพื่อนเธอนั่นแหละ พอผัวใช้การไม่ได้ก็เลยจะมากินเด็กแทน”
“อาจีไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอกค่ะ อารินก็ยังอยู่ แถมตอนนี้จ๋าก็กลับมาแล้วด้วย” อิชยาย้อนแย้ง
อรดีได้ยินก็ดีใจ “ยัยจ๋ากลับมาแล้วเหรอ เมื่อไร”
“เพิ่งลงเครื่องวันนี้เองค่ะ ยาจะไปรับแต่จ๋าบอกว่าไม่ต้อง ไว้นัดเจอกันดีกว่าเพราะที่บ้านเขาคงอยากจะเลี้ยงต้อนรับกันในครอบครัวก่อน”
อรดีตาลุกวาวขึ้นมาทันที
“มิน่าคุณธรบอกว่าวันนี้ไม่ว่าง คงโดนยัยพจีล็อกตัวไว้ฉลองด้วย แต่กลับมาซะทีก็ดี ยัยพจีจะได้เกรงใจหลานบ้าง ไม่งั้นวันๆ ทำตัวเป็นหมาหวงก้างคอยตามตอแยผู้ชาย ทั้งที่ตัวเองก็มีผัวเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว”
อิชยาระอาพี่สาวนิดๆ “แล้วพี่ดี้คิดว่าแค่ที่แปลงนี้จะมัดใจคุณธรอยู่เหรอคะ”
อรดีเหลียวขวับมาทางน้องสาว
“ผู้ชายฉลาดๆ อย่างเขา ไม่ยอมปล่อยของดีหลุดมือไปง่ายๆ หรอกและพี่ก็ไม่ได้มีพันธะติดหนึบอย่างยัยพจีนั่น ตราบใดที่คุณนรินทร์ยังอยู่ยัยนั่นไม่มีทางสมหวังแน่”
อรดีจบประโยคอย่างมั่นใจ ขณะที่อิชยามีสีหน้าไม่เห็นด้วยนัก
เย็นนั้นนรินทร์ซึ่งนั่งอยู่ริมหน้าต่าง เหม่อมองไปเบื้องหน้าอย่างขมขื่นและเจ็บปวด เห็นพรพจีกับวิษธรยืนคุยกันกระหนุงกระหนิงอยู่หน้าตึก
นรินทร์กำมือแน่น เม้มปากแน่นแทบห้อเลือด นึกถึงตอนที่ตัวเองกำลังรุ่งโรจน์เหมือนวิษธรตอนนี้
เมื่ออดีต นรินทร์เดินเข้ามาในโรงแรมในมาดผู้บริหาร พนักงานทุกคนยกมือไหว้อย่างนอบน้อม มีนางแบบสาวสวย 3 คน เข้ามารุมล้อมนรินทร์
“สวัสดีค่ะคุณนรินทร์ จำหนิงได้หรือเปล่าคะ”
“จำได้สิครับ คุณเคยไปถ่ายแบบที่โรงแรมของผมที่พัทยา”
“โห...คุณรินจำแม่นจังค่ะ”
นรินทร์มองสองสาว “แล้วนี่คุณเป้กับคุณแอลลี่ใช่ไหมครับ”
“ดีใจจังคุณรินจำเป้ได้ด้วย”
ระหว่างนี้พรพจียืนอยู่ที่มุมหนึ่ง มองนรินทร์มาอย่างสนใจ นรินทร์รู้สึกตัวว่ามีคนมอง จึงละสายตาจากกลุ่มสาวๆ มองมา พอเห็นพรพจีก็รู้สึกสะดุดตา
พรพจียิ้มนิดๆ ให้เป็นเชิงทักทาย นรินทร์มองพรพจีอย่างพึงพอใจ
นรินทร์ดึงตัวเองกลับออกมา เขากำมือแน่น น้ำตาไหลออกมาอย่างเจ็บปวด จนมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น นรินทร์รีบเช็ดน้ำตาแล้วทำตัวปกติ ภัทร์ธีรากับจิรดาเข้ามา
“อารินขา จ๋ากับพี่ดามารับอาไปกินข้าวค่ะ”
นรินทร์หันไปฝืนยิ้มให้
สวาทกำลังสั่งการให้เต่ากับสวยช่วยกันจัดวางจานกับข้าวขึ้นโต๊ะ จนเห็นพรพจีกับวิษธรเดินเข้ามาด้วยกัน
“อุ๊ย คุณจีมาแล้ว นั่งเลยค่ะ จัดเสร็จพอดี”
พรพจีมองหาภัทร์ธีรา
“น้องจ๋าล่ะจ๊ะ”
“เดี๋ยวให้เต่าไปตามคุณจ๋ามานะคะ จะได้ทานกันเลย” สวาทมองไปเห็นภัทร์ธีราเข้ามาพอดี “คุณจ๋ามาพอดีเลย”
พรพจีหันไปยิ้มให้หลาน แต่พอเห็นใครมาด้วยสีหน้าก็เปลี่ยนทันที
ภัทร์ธีราเดินนำเข้ามา โดยมีจิรดาช่วยเข็นรถของนรินทร์มาด้วย นรินทร์เหลือบมองพรพจีกับวิษธรอย่างไม่พอใจ ไม่คิดว่าวิษธรจะกล้ามานั่งกินข้าวด้วยในบ้านตน จึงบอกภัทร์ธีราว่า
“อาว่า...อาไปกินข้างบนเหมือนเดิมดีกว่า” แล้วสั่งจิรดาเสียงเข้ม “พาฉันกลับห้อง”
“อ้าว ทำไมละคะอาริน ไหนรับปากแล้วว่าจะมากินข้าวกับจ๋า”
“ไว้วันหลังก็แล้วกัน” เขาบอกจิรดาอีกครั้ง “ไป”
แต่ภัทร์ธีราเข้าไปขวางไว้
“เดี๋ยวค่ะอาริน”
ภัทร์ธีราคุกเข่าต่อหน้านรินทร์ จับเข่าทั้งสองข้างของเขาไว้
“อารินขา วันนี้จ๋าอยากกินข้าวพร้อมหน้าในครอบครัว อารินนั่งกินด้วยกันนะคะ จ๋าขอร้อง นะคะๆ”
นรินทร์เหลียวไปมองวิษธรอย่างเกลียดขี้หน้า วิษธรรู้ตัวหันไปบอกพรพจี
“ผมกลับก่อนดีกว่าครับ จะได้กินข้าวกันในครอบครัว”
วิษธรทำท่าจะออกไป พรพจีรั้งไว้ตัดบทกับสวยทันที “ตักข้าวเลยจ้ะ”
ไม่เท่านั้นพรพจียังดึงเก้าอี้ให้วิษธรไปนั่งข้างๆ เธอ
นรินทร์ได้แต่กำมือแน่น กัดฟันกรอด ยกมือเหมือนกำลังจะโพล่งบางคำออกมา แต่แล้ววิษธรก็พูดขึ้นเสียก่อน
“คุณนรินทร์มานั่งตรงนี้ดีกว่าครับ”
วิษธรทำท่าเข้าไปเข็นรถให้ แต่นรินทร์กดปุ่มให้รถเคลื่อนไปข้างพรพจีเอง พรพจีมีท่าทางมึนตึง แต่ก็นั่งลงที่ตั้งใจไว้แต่แรก ภัทร์ธีราพยักหน้าให้จิรดาเชิงบอก จิรดาออกไป
ภัทร์ธีราจึงนั่งลงข้างๆ วิษธร แต่ขยับเก้าอี้ออกห่างแสดงความรังเกียจอย่างออกนอกหน้า สวาทหันไปเตือนสวยที่ถือทัพพีค้างอยู่
“ตักข้าวได้แล้วสวย อย่าเหม่อ”
“ค่ะๆ”
สวยตักข้าวให้คุณๆ ทุกคน ซึ่งต่างตกอยู่ในบรรยากาศแสนอึดอัดอึมครึมจากผลงานของภัทร์ธีรา
สวยกับเต่ากลับเข้ามาในครัวเปิดฉากเม้าท์มอยเจ้านายทันควัน
“แกเห็นหรือเปล่าวะเต่า”
“ตาฉันไม่ได้บอดนี่หว่า แล้วแกล่ะได้ยินหรือเปล่า”
“กวนนะเอ็ง เดี๋ยวปั๊ด”
สวยทำท่าจะเอาสากขว้างเต่า ถูกเต่ายกมีดเงื้อสู้
“อ๊ะๆๆ กวนอะไรของแกวะ ฉันแค่ถามแกกลับเฉยๆ”
“เดี๊ยะๆๆ จะเกิดศึกก่อนข้างนอกนั่นหรอก”
“โอ๊ย...พวกคุณๆ เขาผู้ดี แค่ฮึ่มฮ่ำกัน ไม่กล้าโฉ่งฉ่างออกไปหรอก”
“มันก็ไม่แน่นะโว้ย เห็นคุณผู้ชายหรือเปล่า เก็บอาการไม่อยู่แล้ว”
เกลี้ยงเดินเข้ามา ผสมโรงเมาท์ด้วยกันทันที
“อะไรๆ กันวะพวกแก นี่คุณผู้ชายลงมากินข้าวด้วยเหรอ”
“ก็เออสิพี่เกลี้ยง ฉันก็เพิ่งเห็นครั้งแรกที่แกนั่งกินโต๊ะเดียวกับคุณธรน่ะ” เต่าว่า
“ไม่รู้แกเกลียดอะไรคุณธรนักหนานะ หน้าแทบจะไม่มองเลย” สวยบอก
“นั่นสิ คุณธรน่ะทั้งหล่อทั้งใจดีจะตาย ท่าทางเกรงใจคุณผู้ชายมากด้วย”
“นี่พวกแกดูไม่ออกหรือไงวะ เขาหึงคุณผู้หญิงกัน” เกลี้ยงว่า
“จะหึงทำไม คุณผู้หญิงแก่กว่าคุณธรตั้งเยอะ แล้วคุณธรก็ดูนับถือคุณผู้หญิงไม่เห็นมีท่าทางกิ๊กกั๊กอะไรเลย กับคุณพยาบาลนั่นยังจะดูสนิทกันมากกว่าอีก” เต่าแย้ง
“แต่...มันก็ไม่แน่นะ สมัยนี้เขาชอบกินเด็กกันไม่ใช่เรอะ”
สิ้นคำพูดของสวย เสียงสวาทดังแทรกขึ้นว่า
“อะไรกันยะพวกเอ็ง”
ทั้งสามคนรีบแยกวง ทำเป็นกุลีกุจอทำงาน
“นินทาเจ้านายอีก” สวาทจ้องหน้าเรียงตัว
สวยปฏิเสธทันทีแถมโบ้ยให้เกลี้ยง “เปล่านะป้า พี่เกลี้ยงนั่นแหละมาเล่าอะไรให้ฟังไม่รู้”
“เฮ้ย...ไหงมาลงที่กูวะเนี่ย อีสวย” เกลี้ยงโวย
“ไปๆๆ นังสวยนังเต่าไอ้เกลี้ยง แยกย้ายไปทำงานได้แล้ว อย่าให้ฉันเห็นอีกนะว่านินทาอะไร ไม่งั้นโดนแน่”
สวาทหยิบสากอันใหญ่ขึ้นมา
“ลองดูไหมล่ะ”
สวยผงะ ทุกคนต่างแยกย้ายไปทำงาน สวาทมองตามหน้านิ่ง เดาไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่
ทุกคนนั่งกินข้าวกัน นรินทร์ยังหน้าถมึงทึง จ้องหน้าวิษธรเป็นระยะๆ พรพจีตักอาหารให้ภัทร์ แล้วชวนคุยเพื่อไม่ให้บรรยากาศอึดอัด
“กินเยอะๆนะจ๊ะ วันนี้น้าหวาดทำเองทุกเมนูเพื่อน้องจ๋าเลยนะ”
“ผมมีลาภปากเพราะคุณจ๋าแท้ๆ เลยครับ”
วิษธรหันไปยิ้มให้ภัทร์ธีราอย่างเป็นมิตร แต่อีกฝ่ายเมินหนีไป นรินทร์หมั่นไส้ แกล้งวางช้อนดังเปรื่อง ภัทร์ธีรารีบเปลี่ยนเรื่อง
“งานที่โรงแรมเป็นยังไงบ้างคะอาจี”
“ตอนนี้ลูกค้าเข้ามาเรื่อยๆจ้ะ โดยเฉพาะลูกค้าต่างชาติ คุณธรเขาทำการตลาดเก่ง แล้วบริการของเราก็ไม่แพ้ใครด้วย”
นรินทร์กำช้อนแน่น
“แต่โรงแรมเราก็ดีมาตั้งแต่ตอนอารินมาทำแล้วนะคะ ใครมาสานต่อก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“มันก็มีช่วงที่อารินเขาเข้าโรงพยาบาล ก็เกือบแย่เหมือนกันจ้ะ ตอนนี้ถ้าน้องจ๋าเข้าไปดู จะเห็นว่าเราปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้นมาก”
นรินทร์ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นที่พรพจีชมวิษธรไม่หยุด
“ฝากสอนงานน้องจ๋าด้วยนะจ๊ะธร”
“ยินดีครับ”
พรพจีหันมาคุยกับภัทร์ธีรา “เอ่อ..แล้วนี่สรัชไม่กลับมาด้วยเหรอจ๊ะ”
“เดือนหน้าเขาถึงจะกลับค่ะ”
“กลับมาจะแต่งกันเลยหรือเปล่าจ๊ะ”
วิษธรเงี่ยหูฟังอย่างสนใจ ภัทร์ธีราสีหน้าตกใจเล็กน้อย
“ยังหรอกค่ะอาจี เพิ่งเรียนจบเอง จ๋ายังไม่คิดถึงเรื่องนี้”
นรินทร์แทรกขึ้นว่า “ดูเขาไปอีกสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน เพราะเรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ แต่งแล้วไม่พอใจจะหย่ากันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย”
พรพจีอึ้งไป รู้ว่านรินทร์กำลังเหน็บตัวเอง ว่าไม่มีทางหย่าให้เธอง่ายๆ แน่
“จ๋าก็คิดอย่างอารินค่ะ แล้วผู้ชายดีๆ สมัยนี้ก็หายาก บางทีเห็นหน้าตาดีๆ เราไม่รู้หรอกค่ะว่าเขาคิดอะไรอยู่”
วิษธรรู้ตัวว่าถูกแดกดัน หันไปยิ้มให้ภัทร์ธีราอย่างไม่สะทกสะท้าน
“นั่นแหละจ้ะ เวลาเจอคนดีๆ ถึงต้องรีบคว้าไว้ อย่าให้หลุดมือไปนะจ๊ะ” พรพจีบอก
นรินทร์ฟังแล้วหมั่นไส้ “เหมือนที่ใครบางคนมันคว้าไว้ไม่ปล่อยเลยใช่ไหมล่ะ”
พรพจีเฉไฉ “อะไรกันคะริน คุณหมายถึงอะไร”
นรินทร์จ้องตาพรพจี “หมายถึงอะไรคุณก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ”
“ฉันไม่รู้อะไรกับคุณหรอกค่ะ ถ้าคุณคิดไปเอง...”
“ผมไม่ได้คิดไปเอง!”
ขาดคำ นรินทร์กวาดจานชามบนโต๊ะทิ้ง เสียงดังเปรื่องปร่าง ทุกคนตกใจ ยกเว้นวิษธร
“คุณนรินทร์ ทำไมถึงทำอย่างนี้ วันนี้น้องจ๋ากลับมานะ” พรพจีโกรธ ตะโกนเรียกพยาบาล “ดา จิรดามานี่เร็ว”
จิรดาวิ่งหน้าตื่นเข้ามา สีหน้าตกใจ
“อะไรคะ”
“พาคุณรินกลับห้องได้แล้ว” พรพจีเสียงเข้ม
จิรดารับเอาคำ จะเข็นรถพานรินทร์ไป แต่นรินทร์ผลักออก
“ไม่ต้องมายุ่ง”
เพราะแรงผลักทำให้นรินทร์เสียหลักเซไปจนตกลงจากรถเข็น
“อาริน” ภัทร์ธีราตกใจสุดขีด
“คุณรินเป็นยังไงบ้างครับ”
วิษธรแสดงน้ำใจ รีบเข้าไปอุ้มนรินทร์ขึ้นมา แต่นรินทร์ปัดป้องและผลักออก
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน ไปให้พ้น ไป”
วิษธรไม่สนใจ อุ้มนรินทร์กลับขึ้นไปนั่งบนรถเข็นได้ พลางหันไปบอกกับจิรดา
“พาคุณนรินทร์กลับห้องก่อนดีกว่าครับ”
“ค่ะๆ”
จิรดาคอยจับตัวนรินทร์ ซึ่งยังคงดิ้นพราดๆ สวาทกับคนอื่นๆ ออกมามุงดูด้วยความตกใจ วิษธรช่วยจิรดาเข็นรถนรินทร์ออกไปที่ลิฟต์
นรินทร์ดิ้นเบาลง แล้วสักพักก็ค่อยๆ อ่อนแรงลงแล้วหลับไป จิรดาทิ้งเข็มฉีดยาลงถังขยะและเก็บล่วมยา
“ยาออกฤทธิ์แล้ว คงหลับยาวค่ะ”
ภัทร์ธีรามองนรินทร์อย่างสงสารจับใจ
“ต้องทำแบบนี้กับอารินด้วยเหรอคะ”
“ไม่บ่อยหรอกค่ะคุณจ๋า แต่วันนี้คุณรินดูจะมีเรื่องเครียดกว่าปกติ”
ภัทร์มองไปทางวิษธร แต่เขาหน้านิ่งไม่มีปฏิกิริยาอะไร
“ผมขอตัวกลับก่อนดีกว่าครับ”
พรพจีรั้งไว้ “อย่าเพิ่งรีบกลับสิคะ เพิ่งกินข้าวไปนิดเดียวเอง”
“ไม่เป็นไรครับ มื้อเย็นผมกินไม่เยอะ”
ภัทร์ธีรารีบตัดบท “สวัสดีนะคะ”
“สวัสดีครับ”
วิษธรเดินออกไป พรพจีมองตามหน้าเสียนิดๆ แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกอะไรมากต่อหน้าภัทร์ธีรา
“น้องจ๋าเพิ่งกลับมาไม่น่าจะเจอเรื่องแย่ๆ แบบนี้เลย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะอาจี อารินกับอาจีก็เหมือนพ่อกับแม่แท้ๆ ของจ๋า จ๋ากลับมาคราวนี้จะคอยดูแลอารินอีกแรงค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ” พรพจีลูบผมหลานเบาๆ อย่างเอ็นดู “หลานอาน่ารักที่สุดเลย นี่ก็ค่ำแล้ว อาพาไปดูห้องก่อนดีกว่า”
ภัทร์รับคำ แล้วพากันขึ้นห้องไป จิรดามองตามอย่างจับสังเกต
พรพจีพาภัทร์เข้ามาดูห้อง ภัทร์มองไปรอบๆ
“ชอบไหม อาเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่หมดเลยนะจ๊ะ”
ภัทร์ธีรามองไปรอบๆ อย่างแปลกใจ
“ธรเขาแนะนำว่าสไตล์นี้น่าจะเหมาะเพราะเราโตแล้ว ไม่ควรใช้เฟอร์นิเจอร์แบบเด็กๆ เหมือนเดิม”
ภัทร์ธีราอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง “เขาอีกแล้วเหรอคะ”
“คุณธรเขาเก่งมากเลยนะ ที่โรงแรมเขาก็เป็นคนดูแลการตกแต่งใหม่หมดแขกฝรั่งถึงกับออกปากชมว่ายูนีคไม่เหมือนใคร”
ระหว่างนี้ ภัทร์ธีรามองออกไปนอกหน้าต่าง สีหน้าแปลกใจยิ่งขึ้นไปอีก
“เอ๊ะ อาจีสร้างบ้านใหม่ตรงที่นั่นด้วยเหรอคะ”
“เปล่าจ้ะ อาขายที่แปลงนั้นไปแล้ว”
“แต่อาจีรักที่แปลงนั้นมาก ขายให้ใครเหรอคะ”
“เรื่องมันยาว ไว้อาจะเล่าให้ฟัง นี่ก็ดึกแล้ว น้องจ๋าอาบน้ำนอนก่อนเถอะพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน” ภัทร์ธีราอ้าปากจะถามอีก แต่ผู้เป็นอากอดเอาไว้หลวมๆ แล้วหอมแก้มตัดบท “กู๊ดไนท์จ้ะ” แล้วเลี่ยงออกไปก่อน
“กู๊ดไนท์ค่ะอาจี”
ภัทร์ธีรามองตามงงๆ ก่อนจะสำรวจห้อง เปิดหน้าต่างดูวิวด้านนอก แต่แล้วเมื่อมองไปเห็นหน้าต่างห้องของบ้านหลังข้างๆ จึงมองจ้องอย่างแปลกใจ
เงาดำของใครบางคนที่ห้องนั้นยืนอยู่ข้างหน้าต่าง ภัทร์ธีราจ้องมองนิ่งๆ ด้วยรู้สึกคุ้นตา เธอพยายามนึกว่าเขาเป็นใคร
“บ้านใครน่ะ”
ระหว่างนี้ใครคนนั้นมองกลับมาเช่นกัน ภัทร์จึงรีบปิดม่านด้วยความตกใจ
เป็นวิษธรนั่งเองยืนอยู่ข้างหน้าต่าง มองมาเห็นภัทร์ที่ฉากหลบเข้าไป ก็ยิ้มขำในความอวดดีของคู่ปรับ ชายหนุ่มยิ้มมุมปากกับตัวเองอยู่ในเงามืด ก่อนจะปิดม่านลง หยิบมือถือมาส่งไลน์ให้ใครบางคน
พรพจีเข้ามาในห้องนอน มีเสียงไลน์ดังขึ้น สาวใหญ่หยิบมือถือมาเปิดดูอย่างตื่นเต้น ท่าทีเหมือนรู้ว่าใครส่งมา
เป็นไลน์จากวิษธรอย่างที่เธอคิด ความว่า “แล้วทุกอย่างจะดีเอง ฝันดีนะครับ”
พรพจียิ้มปลื้ม แล้วส่งข้อความกลับไป
“ฉันจะสู้เพื่อคุณ จะฝันถึงคุณทั้งคืนเลย”
พรพจีส่งสติกเกอร์รูปกำลังส่งจูบกระจายเป็นหัวใจกลับไป ยิ้มกับตัวเองด้วยหัวใจพองโต แต่พอจะวางมือถือลงบนโต๊ะหัวเตียง มือดันไปโดนกรอบรูปบนนั้นตกลงมา พรพจีเก็บขึ้นมา แต่พอมองรูปนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดอยู่ลึกๆ ในรูปเป็นรูปที่เธอถ่ายคู่กับนรินทร์เมื่อ หลายปีก่อน
เมื่อ 5 ปีที่แล้ว พรพจีก้าวฉับๆ มาถึงหน้าเคาน์เตอร์ฟร้อนต์โรงแรมสาขาในพัทยา พนักงานมีสีหน้าตื่นตกใจที่เห็นเธอ พากันยกมือไหว้แทบไม่ทัน
“คุณนรินทร์มาที่นี่หรือเปล่า” พรพจีถามเสียงขุ่น
พนักงานเอ้ออ้าอึกอักไปไม่เป็นตามระเบียบ “เอ้อ...คือ...”
พรพจีถามแทบเป็นตวาด “ฉันถามว่าเขามาที่นี่ใช่ไหม”
พนักงานต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าตระหนก และหวั่นใจว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงในไม่ช้านี้
ถัดมา พรพจีก้าวฉับๆ มาถึงหน้าห้อง ใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไปทันที แล้วภาพที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้เธอเสียใจและตกใจสุดจะประมาณ
“คุณริน”
นรินทร์นอนอยู่บนเตียงนัวเนียกับสาวสวยวัยรุ่นสองคน ซึ่งนอนซุกอยู่คนละข้าง ท่าทางเมากันมาก่อนแล้ว แต่ละนางพากันตื่นตกใจ ส่วนนรินทร์ก็ไม่ตกใจสักนิด แต่ชักสีหน้ารำคาญเต็มกลื่นใส่ พรพจีก้าวเข้าไปกระชากแขนหญิงสาวทั้งสองลงมาจากเตียง
“ออกไปเดี๋ยวนี้ ไป๊”
หญิงสาวสองคนหอบเสื้อผ้าวิ่งลนลานออกไป พรพจีกระโจนขึ้นเตียงเข้าไปตบตีนรินทร์
“ทำไมถึงทำอย่างนี้อีก เมื่อไหร่จะพอซะที เมื่อไหร่”
นรินทร์ปัดป้อง แล้วจับมือพรพจีไว้
“เธอนั่นแหละพอซะที ฉันยอมแต่งกับเธอยกเธอให้ออกหน้าออกตาแล้ว จะเอาอะไรอีก ที่ได้ไปยังไม่พอหรือไง”
“ไอ้เลว! ไอ้ชั่ว! ไอ้บ้ากาม แกมันไม่รู้จักพอ ฉันไม่น่ามาแต่งกับแกเลย”
พรพจีดึงมือหลุดออกมาได้ก็ตบตีนรินทร์อีก คราวนี้นรินทร์ตบกลับอย่างแรง จนพรพจีเซไป
“งั้นก็หย่าเลยซี่ แต่เธอจะไม่ได้อะไรเลย อย่าหวังว่าจะได้อะไรจากฉันอีก”
พรพจีไม่ยอม กรีดร้องใส่นรินทร์พร้อมกับทุบตีพัลวัน
“อ๊าย ไอ้หน้าตัวเมีย”
นรินทร์ฉุนขาดเลยผลักพรพจีอย่างแรง คราวนี้พรพจีล้มกระแทกลงกับพื้น
“ถ้ายังรักสบายอยู่ก็กลับไปซะ อย่ามาวุ่นวายกับฉันอีก”
นรินทร์จะหันกลับ แต่แล้วพรพจีก็ร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด นรินทร์ชะงักตะลึงตะไลกับภาพที่เห็น
“จี”
มีเลือดสีแดงฉานไหลซึมออกมา รดกระโปรงของพรพจีและพื้นห้องแลดูน่ากลัว พรพจีกรีดร้องเสียงดังโหยหวนไปทั้งห้อง ทั้งตกใจและเสียใจ
นึกถึงเรื่องนี้พรพจีน้ำตาซึม คว่ำรูปนั้นไว้แล้วหลับตาลง ไม่อยากเห็นมันอีก
ตอนเช้าตรู่ ภัทร์ธีราในชุดนอนลงมาจากบนตึก สวาทกำลังจัดโต๊ะอาหาร
“คุณน้องจ๋าตื่นเช้าเชียวค่ะ ไม่นอนต่ออีกหน่อยละคะ”
“นอนไม่ค่อยหลับเลย คงเจ็ตแล็กน่ะค่ะ” ภัทร์ธราอ้อน “จ๋าหิวจัง มีอะไรกินบ้างจ๊ะป้าหวาดจ๋า”
“รอเดี๋ยวนะคะ ป้ากำลังต้มข้าวต้มลูกเดือยอยู่ แป๊บนึงก็ได้กินแล้ว”
“โห...อาหารเพื่อสุขภาพซะด้วย”
“คุณจีนั่นแหละค่ะ เดี๋ยวนี้ฮิตกินอาหารแบบนี้มาก ระวังทุกอย่างป้าก็ทำอย่างที่เธอสั่งนั่นแหละค่ะ”
“มิน่าล่ะ อาจีน่ะยังสาวยังสวย บอกใครก็ไม่มีใครเชื่อว่าเลขสี่แล้ว”
“ทำงานพบปะผู้คนก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ อย่างนี้ล่ะค่ะ ไม่อย่างนั้นลูกค้าคงไม่เชื่อถือ คุณธรก็เหมือนกัน ชวนกันออกกำลังกายจนคุณจีติดไปเลย”
ภัทร์ธีราหมั่นไส้ ไม่อยากได้ยินชื่อนี้
“เอ่อ...ป้าหวาดคะ จ๋ามีอะไรอยากจะถามหน่อยค่ะ”
“อะไรคะ”
“ที่ข้างบ้านนี่อาจีขายให้ใครเหรอคะ เห็นมีคนมาสร้างบ้านซะสวยเลย”
“อ๋อ...จะใครซะอีกละคะ ก็บ้านคุณธรนั่นแหละค่ะ”
ภัทร์ธีราชักสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันที
“ที่ดินแปลงนั้นอาจีรักมาก ทำไมถึงขายไปล่ะคะ”
“เห็นว่าอยู่ไกลกันทำงานไม่สะดวก มาอยู่นี่ปรึกษาหารือได้สะดวกเร็วทันใจ คุณจีเลยขายให้ถูกๆ นี่บ้านก็เพิ่งสร้างเสร็จปีที่แล้วนี่เองค่ะ”
“ทำไมอาจีถึงไว้ใจนายนั่นนักนะ”
“คุณธรเขาเป็นคนดีนะคะ ถ้าคุณจ๋ารู้จักเขามากกว่านี้ จะชอบคุณธรเหมือนกับคนอื่นๆ ในบ้าน” สวาทว่า
“ไม่มีทางหรอกค่ะ จ๋ามีเซนส์ว่าเขาไม่น่าไว้ใจ จ๋ารู้สึกเหมือนอารินค่ะ”
“คุณรินทร์แกป่วยอยู่ ก็เลยคิดมากน่ะค่ะ จริงๆ แล้วไม่มีอะไรหรอก คุณจีกับคุณธรน่ะเป็นแค่คนทำงานด้วยกันเท่านั้นเอง ถ้าไม่มีคุณธร คุณจีทำคนเดียวไม่ไหวแน่”
สวาทพูดจบก็หันไปทำข้าวต้มต่อ ภัทร์มองไปที่บ้านหลังนั้น รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา จึงเดินออกไป
ภัทร์ธีราเดินดูต้นไม้ใบหญ้าในสวนสวยอย่างเพลิดเพลิน มาหยุดมองไปยังบ้านข้างๆ ซึ่งเมื่อคืนเธอมองขึ้นไปเห็นคนที่หน้าต่าง ภัทร์ธีรานึกสงสัย มองขึ้นไปบนหน้าต่างนั้นอีกครั้ง และในที่สุดก็ตัดสินใจเดินข้ามรั้วเตี้ยๆ ไปในบ้านหลังดังกล่าว
ภัทร์ธีราเดินเข้ามาในบริเวณบ้านซึ่งเงียบสงบ เหมือนไม่มีใครอยู่ เธอสำรวจไปทั่วจนมาถึงที่สระว่ายน้ำ จู่ๆ วิษธรก็โผล่เข้ามาจากด้านหลัง กระซิบทักข้างๆ หูโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว
“สวัสดีครับคุณจ๋า”
ภัทร์ธีราหันมาโดยเร็วจนหน้าเกือบจะชนกัน เธอผงะถอยหนีไปอย่างตกใจ
“จะทำอะไร”
วิษธรยิ้มยียวน แกล้งเดินเข้ามาใกล้อีก
“ผมต่างหากที่ต้องถามว่าคุณจะทำอะไร มาแอบดูผมอีกทำไม”
ภัทร์ธีราเพิ่งเห็นว่าวิษธรอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นท่อนบนเปลือยเปล่าอวดอกแกร่งกำยำ หญิงสาวหน้าแดง รีบโวยวายกลบความอาย
“แอบดูอะไรยะ คนอย่างนาย ฉันไม่แอบดูให้เสียลูกกะตาหรอก อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย”
วิษธรยิ่งอยากเอาชนะ เดินเข้าไปหาจนภัทร์ธีราต้องถอยหลังเข้าไปใกล้ขอบสระน้ำมากขึ้น
“คนอย่างผม ยังไงเหรอครับ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าทำไมคุณถึงไม่ค่อยชอบหน้าผม เผื่อจะปรับปรุงตัวให้คุณชอบผมบ้าง”
“อย่าหวังเลย ฉันไม่ถูกชะตากับใครก็แสดงว่าคนนั้นแย่สุดๆ แล้ว”
“ไม่ถูกชะตา แต่เอ...ทำไมถึงชอบแอบดูคนแย่ๆ ที่ไม่ถูกชะตาด้วยนะ”
“ก็เพราะว่าฉันระแวง ไม่ไว้ใจไงล่ะ ฉันจะจับตาดูนายทุกฝีก้าว อย่าคิดว่าจะทำอะไรได้ง่ายๆ เหมือนตอนที่ฉันไม่อยู่ ฉันไม่เอานายไว้แน่”
“แล้วผมจะคอยดู”
พร้อมกับว่าวิษธรยื่นหน้าเข้าไปใกล้เหมือนจะจูบ ภัทร์ธีราตกใจถอยหลังหนี จนตกลงไปในสระว่ายน้ำ วิษธรตกใจในเบื้องแรก ก่อนจะหัวเราะขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี
“อ้าว อยากเล่นน้ำกับผมก็ไม่บอกแต่แรก”
วิษธรกระโดดลงน้ำ แถมว่ายไปหา เล่นเอาภัทร์ธีราร้องเสียงหลง
“ไม่ต้องเข้ามาเลยนะ ออกไปเลย”
ภัทร์ธีรารีบขึ้นจากสระ เดินหนีไปด้วยความอาย
วิษธรมองตาม ยิ้มนัยน์ตาพราวเป็นประกาย มีเล่ห์กลบางอย่างซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น
อ่านต่อ ตอนที่ 2
#เพลิงรักไฟมาร #thaich8 #ละครออนไลน์