เกมพยาบาท ตอนที่ 23
ฉัตรชบา - ฉัตรชนกตกใจเมื่อได้ฟังสิ่งที่อำภาเล่า
"ห๊า...คุณเกสรตายแล้ว"
"โชคร้ายจังเลยนะครับ" ฉัตรชนกบอก
"แม่ยังเสียใจไม่หายเลย ถึงคุณเกสรจะทำผิดแต่ก็ไม่น่าเลือกวิธีนี้ในการแก้ปัญหา ความตายไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง"
"แล้วทำไมเค้าต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะคะ มีเหตุผลอะไรต้องฆ่าตัวตายด้วย"
"คงเป็นปัญหาหลายๆ เรื่องน่ะ ปัญหาที่รุมเร้ามากขึ้นจนหาทางออกไม่ได้ ก็เลยคิดสั้น จบปัญหาด้วยการฆ่าตัวตาย"
"แล้วเกษล่ะครับ เกษอยู่ในคุก จะทำยังไงกับเรื่องนี้ดีครับ"
"เกษณีย์ไม่ได้อยู่ในคุกแล้วล่ะ"
"แล้วตอนนี้เกษอยู่ที่ไหนครับ"
ฉัตรชนกแปลกใจ
ฉัตรชนกกับฉัตรชบาเดินเข้ามาในห้องกระจกในโรงพยาบาลแผนกจิตเวช เกษณีย์ซุกตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง เนื้อตัวสั่น พึมพำ
"ไม่...ไม่จริง...ไม่จริง"
"น่าสงสารคุณเกษนะคะ ต้องมาเจอกับเรื่องเลวร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า"
"แต่บางเรื่องเค้าก็ทำตัวเอง"
"ชบาอยากรู้จริงๆ ว่าคุณเกษทำเรื่องพวกนี้ไปได้ยังไง อะไรมันทำให้คนเราใจร้ายได้ถึงขนาดนี้"
"เราไม่รู้หรอกว่าเค้าเจออะไรมาบ้าง ถึงทำให้กลายเป็นคนที่มีจิตใจแบบนี้"
"พี่ฉัตรจะให้อภัยคุณเกษมั๊ยคะ"
"ให้อภัยเหรอ"
"คุณเกษเป็นภรรยาของพี่ฉัตรนะคะ"
"ถึงแม้เกษจะเป็นภรรยาของพี่ แต่สิ่งที่เกษทำลงไปมันอำมหิตโหดเหี้ยมเกินไป ทั้งคดีทำร้ายศาจนทำให้ศาต้องตาย คดีพยายามฆ่าคุณพ่อ คดีฆ่าพัฒนะ ทุกคดีที่เกษทำมันร้ายแรงมากนะชบา ถึงพี่กับชบาจะให้อภัย แต่คดีอาญาไม่สามารถยอมความได้ เกษเค้าต้องรับผมกรรมที่ก่อไว้"
ฉัตรชนกมองเกษณีย์ด้วยความเวทนา เกษณีย์นั่งนิ่งเลื่อนลอย นัยน์ตาหม่นเศร้า
ฉัตรชนกนั่งนิ่งอยู่ จิดาภาเดินเข้ามาพร้อมเครื่องดื่ม จิดาภามองฉัตรชนกด้วยความเห็นใจ
จิดาภาแตะมือปลอบ
"เข็มแข็งไว้นะคะคุณฉัตร เวลาที่เราต้องเผชิญหน้ากับเรื่องใหญ่ๆ ความเข้มแข็งคือสิ่งจำเป็นที่เราต้องมี"
"ผมรู้ว่าตอนนี้ผมไม่ควรแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น แต่ผมก็อดใจหายไม่ได้ เพราะถึงยังไง ...ผมกับเกษก็เคยใช้ชีวิตร่วมกัน"
จิดาภายิ้มอ่อน กุมมือฉัตรชนกแน่นเพื่อปลอบใจ
"อะไรที่ดีก็จำไว้ค่ะ ส่วนอะไรที่ไม่ดี เราก็ลืมมันไปเถอะค่ะ"
ฉัตรชนกมองหน้าจิดาภานิ่ง
"ผมเองก็ทำผิดต่อเกษเหมือนกัน"
จิดาภารู้ว่าฉัตรชนกหมายถึงความสัมพันธ์ของเขากับเธอที่เกิดขึ้นในช่วงที่ฉัตรชนกยังแต่งงานกับเกษณีย์อยู่
"สิ่งที่ยังไม่เกิด จะเรียกว่าผิดได้ยังไงคะ"
ฉัตรชนกจ้องตา
"แต่สำหรับผมมันเกิดขึ้นแล้ว"
จิดาภายิ้มให้รู้ว่าฉัตรชนกรู้สึกดีๆกับตน
"ถ้ามันจะเป็นความผิด ก็คงเป็นความผิดที่ไม่ได้ตั้งใจค่ะ"
ฉัตรชนกมองหน้าจิดาภาจริงจัง
"แต่ผมตั้งใจ"
"คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ค่ะ"
"ผมมั่นใจว่าจะไม่ทำให้คนที่ผมรักต้องผิดหวัง"
"ขอบคุณที่ทำให้ชั้นมั่นใจในตัวคุณนะคะ"
ฉัตรชนกมองจิดาภาด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน
ในร้านกาแฟ แก้วเครื่องดื่มสองแก้วถูกวางลงบนโต๊ะ ปราณกับฉัตรชบาคุยกัน
"ชบาเป็นไงบ้าง"
"ก็ดี"
ปราณสังเกตเห็นสีหน้าที่ดูซึมๆของฉัตรชบา
"ถามจริงมีอะไรรึเปล่า"
"ก็ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่"
"มีอะไรก็บอกเราได้นะ เราพร้อมจะเป็นที่ปรึกษาให้ชบาได้ทุกเรื่อง"
ปราณยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบมองหน้าฉัตรชบา
"คือ...เค้าไปหาเราที่บ้านปราณน่ะ"
"จริงเหรอ ? แล้วชบาทำยังไงล่ะ"
"ชบาพยาามไล่เค้ากลับไป แต่เค้าก็ไม่ยอมกลับ พยายามใจแข็ง แต่ก็ไม่สำเร็จ ในที่สุดก็ยอมให้เขาอยู่ด้วย แต่เค้าก็เป็นสุภาพบุรุษ ยอมไปนอนที่โซฟาห้องรับแขก"
"ผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษสมัยนี้หายาก ยิ่งถ้าต้องอยู่ใกล้สาวสวยอย่างชบานะยิ่งห้ามใจยาก"
"แต่เค้าก็ไม่ได้ทำอะไรเรานะ"
"ก็ต้องชมว่านายอัคคียังมีความเป็นลูกผู้ชายอยู่ ไม่ฉวยโอกาส แล้วเรื่องที่ชบาเคยบอกว่าสับสนล่ะ"
ฉัตรชบานิ่งคิด
"ก็ยังสับสนอยู่ดี"
"ถ้าเค้าเป็นคนที่ควรเกลียด ชบาก็ต้องเกลียดเค้าสิ จริงไหม แต่นี่ชบาไม่เกลียดเค้า งั้นก็แสดงว่าชบาหลงรักนายอัคคีเข้าให้แล้ว"
"บ้าน่า...ชบาไม่รักคนอย่างนั้นหรอก"
"แน่ใจเหรอ"
"แน่ใจสิ"
"งั้นก็ดี ถ้าไม่รัก...ก็ไม่ต้องเจ็บ"
ฉัตรชบาหน้าเครียด
ฉัตรชบากับปราณเดินออกมาจากร้าน
"เอารถมารึเปล่า เราไปส่งไหม"
"ไม่เป็นไร ชบาขับรถมา"
"โอเค งั้นเรากลับก่อนนะ คืนนี้บินสามทุ่ม ชบาต้องดูแลตัวเองดีๆนะ ค่อยๆคิด ค่อยๆทำ ที่สำคัญระวังตัวระวังใจด้วย อย่าให้นายอัคคีเข้าใกล้เป็นอันขาด"
"รู้แล้วน่า"
"ไปก่อนนะ มีอะไรโทร.หาเราได้ตลอด"
"ขอบใจนะ"
ปราณเดินออกไป
ฉัตรชบามองไปเห็นอัคคีกับจิดาภาเดินมาด้วยกัน
ฉัตรชบาหาที่หลบแอบดู
อัคคีกับจิดาภาหยุดที่ร้านฝั่งตรงข้าง
"เราจะหาอะไรที่ทำให้คุณเกษเธอรู้สึกดีขึ้นได้คะ"
"เป็นพวกน้ำมันหอม อโรม่า ดีมั๊ยครับ"
"ก็ดีค่ะ กลิ่นหอมสามารถช่วยทำให้จิตใจสบายผ่อนคลายได้ หรือจะเป็นพวกเสียงดนตรีก็น่าจะช่วยได้นะคะ"
"เสียงดนตรีก็ดีครับ"
สองคนเดินเข้าไปด้านในร้าน
ฝั่งตรงข้าม ฉัตรชบาออกมาจากที่ซ่อน สีหน้าเสียๆ งอนๆ
"กลับมารักกันแล้วสินะ"
ฉัตรชบาแอบเสียใจ เดินหนีออกไป
ในร้าน อัคคีมองออกมาเห็นฉัตรชบาพอดี
อัคคีรีบบอกจิดาภา
"เดี๋ยวผมมานะครับ"
อัคคีรีบร้อนออกไป
อัคคีตามฉัตรชบามาทัน
"ชบา"
อัคคีคว้าแขนฉัตรชบาไว้ แต่ฉัตรชบาสะบัดออก
"เดี๋ยวก่อน"
"ปล่อย"
ฉัตรชบาพยายามสะบัดแขนออก อัคคีกระชากเข้ามาใกล้ตัว
"มานี่"
"นายจะมายุ่งกับชั้นทำไม รักกันมากนักก็ไปอยู่กับเค้าสิ"
"คุณพูดบ้าอะไรของคุณ"
"ก็พูดในสิ่งที่ชั้นเห็นน่ะสิ"
"คุณเห็นอะไร"
"ไม่ต้องมาปากแข็ง คุณสองคนคืนดีกันแล้วสินะ"
"คืนดี" อัคคีคิดๆแล้วพอจะเดาออก
"รักเค้ามากสินะ ถึงกับต้องไปแย่งเค้าคืนมา"
อัคคียิ้มร้าย "ทำไม หึงเหรอ"
"ชั้นจะหึงนายทำไม"
"ก็เพราะคุณรักผมน่ะสิ คุณถึงทนเห็นผมอยู่กับผู้หญิงคนอื่นไม่ได้"
"ชั้นไม่ได้รักนาย และจะไม่มีวันรักด้วย"
ฉัตรชบาฉวยจังหวะนั้นสะบัดมือออก แล้ววิ่งหนีไป อัคคีมองตามไป
ในห้องนั่งเล่น อำภาคุยปรึกษากับฉกาจ
"ผมไม่เห็นด้วย ไหนคุณเคยบอกว่าจะให้เวลาลูกได้คิดทบทวนไง แล้วทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนใจ"
"ชั้นไม่ได้คิดจะเร่งรัดลูกนะคะคุณ ชั้นเห็นใจลูก ชบาเจอเรื่องร้ายๆมาเยอะ ชั้นแค่ไม่อยากให้ลูกต้องเสียใจอีก"
"ถึงยังไงคุณก็ควรจะปล่อยให้เค้าได้เลือกเอง"
"ถ้าลูกเลือกคนผิด เลือกคนที่เคยทำร้ายลูกล่ะ"
"เชื่อผมซิว่าลูกจะต้องเลือกคนที่เค้ารักและรักเค้าจริงๆ เราเป็นพ่อแม่ก็จริง แต่เรื่องการแต่งงานต้องเริ่มต้นที่คนสองคนรักกัน ไม่ใช่ถูกจับแต่ง ทำแบบนั้นมันโบราณแล้วนะคุณ"
"แล้วถ้าเค้าทำให้ลูกเราต้องเจ็บ ต้องเสียใจ ชั้นคงรับไม่ได้ที่เห็นลูกเสียใจ ทั้งๆที่เราช่วยลูกได้"
ฉกาจอึ้งในสิ่งที่อำภาพูดเพราะเป็นความจริง
ฉกาจรู้ว่าอัคคีไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แต่อัคคีก็เคยทำให้ฉัตรชบาต้องเสียใจมาก
ในฟิตเนส ศรุตเล่นเวทอยู่
สาวสวยในชุดออกกำลังกายเซ็กซี่เดินผ่าน ทิ้งสายตาใส่ ศรุตยิ้มให้หล่อๆ หญิงสาวรีบหันกลับมาหาทันที
"กล้ามสวยนะคะ"
"ขอบคุณครับ"
สาวสวยรีบเข้ามาคุยใกล้ๆ
"เล่นเองเหรอคะ เก่งนะคะไม่ต้องใช้เทรนเนอร์"
"แรกๆ ก็ใช้ครับ แต่ตอนหลังก็เล่นเอง"
"มาทุกวันเหรอคะ"
"เฉพาะวันที่ว่างนะครับ"
"ถึงว่าสิคะ ไม่เคยเจอคุณมาก่อน พอดีว่าอยากลองเวทติ้งดูบ้าง ช่วยเทรนให้หน่อยได้มั๊ยคะ"
ศรุตมองหน้าสาวสวยแล้วรู้เลยว่าจะมาแนวไหน
" จะว่างตรงกันเหรอครับ"
สาวสวยหยิบมือถือขึ้นมา
"งั้นขอไลน์หน่อยสิคะ จะได้นัดกันก่อนว่าจะมาวันไหน"
ศรุตยิ้ม เอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดๆ แขน
"ไม่มีไลน์ครับ ขอตัวนะครับ"
ศรุตยิ้มให้แล้วเดินออกไป สาวสวยหน้าแตก เก้อๆ ไป
ศรุตเดินมา พูดกับตัวเองเบาๆ
"ผมจะเป็นคนดีเพื่อคุณนะ ชบา"
เสียงมือถือดัง ศรุตดูชื่อแล้วรีบรับสาย
"สวัสดีครับคุณป้า"
"ศรุตเย็นนี้ว่างมั๊ย มาทานข้าวด้วยกันหน่อยสิ จะได้คุยเรื่องชบา" อำภาบอก
ศรุตยิ้มแก้มปริ
"ว่างครับ เดี๋ยวผมเข้าไปครับ ขอบคุณนะครับที่ชวน"
ศรุตวางสายด้วยสีหน้าดีใจ
อำภาวางสายด้วยสีหน้ายิ้มกริ่มพอใจผลงานตัวเอง ฉัตรชบาวิ่งเข้าบ้านมา
"ชบา กลับมาก็ดีแล้ว"
ฉัตรชบาไม่ฟัง วิ่งขึ้นบันได
"อ้าว...ชบา เดี๋ยวก่อน ฟังแม่ก่อน"
ฉัตรชบาหายขึ้นข้างบนไปแล้ว
ฉัตรชบาเข้าห้องมา ทุ่มตัวลงบนเตียง ร้องไห้
"คนบ้า ชั้นเกลียดนาย ชั้นไม่มีวันรักนาย"
อำภาเปิดประตูเข้ามา ฉัตรชบารีบเช็ดน้ำตา
"เป็นอะไร มาถึงก็โครมครามเข้าห้อง แม่พูดด้วยไม่ได้ยินรึไง"
"คุณแม่ออกไปก่อนเถอะค่ะ ชบาอยากอยู่คนเดียว"
"มีอะไรหรือเปล่าลูก"
"คุณแม่คะ ขอชบาอยู่คนเดียวได้มั๊ยคะ" "ก็ได้จ้ะ แต่เย็นนี้ศรุตเค้าจะมากินข้าวด้วย อย่าลืมลงไปด้วยล่ะ"
อำภาออกจากห้องไป
ฉัตรชบานั่งร้องไห้ นึกไปถึงอัคคี
"รักเค้ามากสินะ ถึงกับต้องไปแย่งเค้าคืนมา"
อัคคียิ้มร้าย "ทำไม หึงเหรอ?"
"ชั้นจะหึงนายทำไม"
"ก็เพราะคุณรักผมน่ะสิ คุณถึงทนเห็นผมอยู่กับผู้หญิงคนอื่นไม่ได้"
"ชั้นไม่ได้รักนาย และจะไม่มีวันรักด้วย"
เสียงเคาะประตูดัง ฉัตรชบาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เดินไปเปิดประตู ฉกาจเดินเข้ามาหา
"พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย ให้พ่อเข้าไปได้มั๊ย"
"ค่ะพ่อ"
ฉัตรชบาเดินนำฉกาจกลับเข้ามา
"คุณพ่อมีเรื่องอะไรเหรอคะ"
"ก็เรื่องศรุตกับลูกนั่นแหละ พ่ออยากรู้ว่าลูกคิดยังไงกับเรื่องนี้"
"ชบาไม่ได้รักศรุตค่ะ ทำยังไงก็ไม่รัก สำหรับชบา ศรุตเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่ง ไม่มีทางเป็นมากกว่านั้นค่ะคุณพ่อ"
"ทำไมล่ะลูก หรือที่ชบาไม่รักเค้าเพราะชบามีคนที่รักอยู่แล้ว"
ฉัตรชบาเงียบไปก้มหน้านิ่งไม่ยอมสบตาฉกาจ
"มันเป็นอย่างที่พ่อพูดใช่ไหม"
"ชบาก็ไม่แน่ใจค่ะ"
"ทำไมไม่แน่ใจ ไหนเล่าให้พ่อฟังซิ"
"คือว่า...ชบารักคนที่ไม่สมควรรัก...คนที่รักไม่ได้ คนที่เคยเห็นว่าเราเป็นศัตรู ชบาพยายามบอกตัวเองว่าไม่ได้รักเค้า แต่ก็เหมือนชบากำลังโกหกตัวเอง"
"อัคคีใช่มั๊ย เค้าใช่มั๊ยที่ลูกรัก"
ฉัตรชบาร้องไห้ พยักหน้าเบาๆ)
ฉัตรชบาโผเข้ากอดฉกาจร้องไห้ ฉกาจเครียดเมื่อรู้ว่าฉัตรชบารักอัคคี
ต่อมา ... ฉกาจยืนนิ่งใช้ความคิดกับเรื่องของฉัตรชบา
"พ่อมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ครับ มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่าครับ"
"พ่อกลุ้มใจน่ะ เรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับครอบครัวเรา"
"เรื่องอะไรครับพ่อ ผมพอจะช่วยอะไรได้ไหมครับ"
"เรื่องชบา"
"ชบา ทำไมครับพ่อ"
"แม่เค้าอยากให้ชบาแต่งงานกับศรุต แต่พ่อก็ยืนยันกับแม่แล้วว่า การแต่งงานมันต้องเริ่มต้นจากความรัก"
"ใช่ครับ ผมเห็นด้วยกับพ่อ ถ้าไม่รักกัน แต่งงานกันไปก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น" ฉัตรชนกเสียงเศร้านึกถึงตัวเอง
"แต่ตอนนี้พ่อชักไม่แน่ใจแล้ว"
"ทำไมล่ะครับ"
"ชบายอมรับกับพ่อว่ารักนายอัคคี"
"แต่เขาเคยทำให้ชบาเสียใจ สิ่งที่เค้าทำลงไปด้วยความแค้นและขาดสติ มันก่อให้เกิดความเสียหายมากมาย ผมไม่อยากให้น้องต้องเสียใจอีก ชบาไม่ควรรักอัคคี ผมจะไปพูดกับน้องเองครับ"
"พูดตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอกฉัตร เห็นทีพ่อต้องทำอะไรซักอย่างแล้วล่ะ"
"คุณพ่อจะทำอะไรครับ"
ฉกาจนิ่งคิดหาทางออกที่ดีที่สุด ฉกาจคิดถึงความสุขของฉัตรชบาเป็นสำคัญ
อัคคีโทรหาฉัตรชบา
"โทรมาทำไม"
"อ้าว...ก็คิดถึงไงถามได้"
เสียงสายตัดไปทันที ฉัตรชบาอยู่ในห้องนอน มองโทรศัพท์
"จะโทรมาอีกทำไม กลับไปรักกันแล้วนี่"
เสียงโทรศัพท์ดังอีกครั้งฉัตรชบารำคาญจำใจต้องรับสาย
"ทำไมนายไม่โทร.หาแฟนนายล่ะ"
"อย่าหึงได้มั๊ย เข้าใจผิดกันใหญ่แล้ว"
"ชั้นเนี่ยนะเข้าใจผิด ชั้นไม่ได้ตาบอด นายอยากจะทำอะไรก็ทำไป อยากจะรักใครก็รักไป ไม่เกี่ยวกับชั้น ต่อไปนี้ไม่ต้องโทรมาหาชั้นอีก ชั้นไม่มีอะไรจะคุยกับคนอย่างนาย"
ฉัตรชบากดวางสาย
"คนโกหก คนหลอกลวง"
อัคคีถอนใจ
คมนั่งกระดกเหล้าสีหน้าเครียดในร้านเหล้าเก่าๆ มือถือดัง คมรับสาย
"ฮัลโหล ใครอ่ะ"
ที่เซฟเฮ้าส์เสี่ยเป้า เสี่ยเป้าคุยโทรศัพท์กับคม
"คนที่มึงทรยศไง กูจะโทร.มาเช็คว่ามึงยังมีชีวิตอยู่รึเปล่า"
"กูไม่ตายง่ายๆหรอกโว้ยไอ้เสี่ยชั่ว กูทำงานให้มึง ฆ่าคนให้มึงมาตั้งเท่าไหร่ แค่กูทำงานพลาดครั้งเดียว มึงถึงกับจะฆ่ากู"
"แล้วทีมึงหักหลังกู แจ้งตำรวจมาทลายบ่อนกูล่ะ มึงมันรู้มากไป ใครที่รู้เรื่องของกู กูไม่เก็บไว้หรอกเว้ย ไม่ว่ามึงจะไปมุดหัวอยู่ที่ไหน มึงหนีไม่รอดแน่"
"ไอ้สารเลว กูจะเอาคืนให้สาสม"
"กระจอกๆอย่างมึงจะทำอะไรกูได้ ขนาดตำรวจยังทำอะไรกูไม่ได้เลย"
"มึงคอยดูก็แล้วกัน"
คมรีบกดตัดสายทิ้ง สีหน้าเหี้ยมชั่ว ยิ้มเลว
เสี่ยเป้าหยิบปืนขึ้นมามองแล้วเหนี่ยวไก
เย็นวันนั้น อำภาเดินนำศรุตเข้ามา ฉกาจนั่งรออยู่ที่โถงรับแขก
"อาหารใกล้จะเสร็จแล้ว นั่งคุยกันไปก่อนนะ"
"ครับ"
อำภาพาศรุตไปนั่งกับฉกาจ ศรุตยกมือไหว้
"สวัสดีครับคุณลุง"
ฉกาจรับไหว้หน้านิ่งๆ
"ทำไมชบายังไม่ลงมาอีก"
ฉัตรชบาเดินเข้ามาพอดี ศรุตยิ้มให้
"นั่งคุยกับศรุตไปก่อนนะ เดี๋ยวแม่ไปดูอาหารก่อน" อำภาบอก
อำภาจะเดินออกไป แต่ฉกาจเรียกไว้
"ไม่ต้องไปหรอกคุณ ไหนๆก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว จะคุยอะไรก็เริ่มเลยเถอะ อย่าให้เสียเวลา ...ชบามานั่งข้างๆ พ่อ"
ฉัตรชบาลงไปนั่งข้างๆ ฉกาจ อำภาลงนั่งใกล้ๆศรุต
อำภามองหน้าศรุตเป็นเชิงอนุญาตให้ศรุตพูด
"ผมกับชบา เราสองคนรู้จักกันมานานแล้ว ผมมั่นใจว่าผมจะดูแลชบาได้เป็นอย่างดี ผมสัญญาว่า..."
ฉกาจแทรกขึ้น "ไม่ต้องสัญญา ศรุตเองก็ไม่ใช่คนเลว ถ้าอยากจะแต่งงานกับชบา ลุงก็ไม่ขัดข้อง"ฉัตรชบา กับ อำภาต่างพากันประหลาดใจ
"คุณพ่อ"
"ตกลงตามนั้นนะศรุต พ่อกับแม่ยกลูกสาวให้ศรุตแล้วนะ"
"ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะคะ จะไม่ถามชบาสักคำเหรอคะ"
"ถึงยังไงคนที่พ่อเลือกให้ก็ดีกว่าคนที่ลูกจะเลือกเอง ... หาฤกษ์หายามและจัดการเรื่องต่างๆได้เลยนะ"
"ครับ ขอบพระคุณนะครับที่ไว้ใจผม ผมจะดูแลชบาอย่างดี ผมขอสัญญาด้วยชีวิตของผมเลยครับ"
ศรุตกำลังจะจับมือฉัตรชบา ฉัตรชบาเสียใจร้องไห้ ลุกขึ้นวิ่งหนีไป
"ชบา"
"ชบาคงจะตกใจนะ ตามไปสิลูก"
"ครับ"
ศรุตรีบลุกตามฉัตรชบาไป
อำภามองหน้าฉกาจด้วยความประหลาดใจ
"อะไรเปลี่ยนใจคุณคะ"
"ผมจำเป็นต้องปกป้องลูก"
"หมายความว่ายังไงคะ"
"ชบารักอัคคี ทุกสิ่งทุกอย่างที่อัคคีเคยทำ มันทำร้ายชบา ทำให้ชบาไม่มีความสุข ผมไม่อยากเห็นลูกต้องเสียใจอีก และผมเองก็ไม่แน่ใจว่าอัคคีจะรักชบาหรือเปล่า ผิดกับศรุตที่พร้อมจะรักชบาอย่างเต็มหัวใจ ผมเป็นพ่อสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดก็คือการทำให้ลูกทุกข์น้อยลง"
อำภาเข้าไปกอดปลอบฉกาจ รู้ว่าฉกาจต้องทำใจมากแค่ไหนที่บังคับให้ฉัตรชบาแต่งงานกับศรุต
ฉัตรชบาร้องไห้อยู่ที่มุมหนึ่งในบ้าน ศรุตเข้ามาหา
"ชบา ผมทำให้คุณเสียใจขนาดนี้เลยเหรอ ในสายตาของคุณ ผมน่ารังเกียจมากใช่มั๊ย"
"ชบาไม่ได้รังเกียจศรุตหรอกค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยรับแหวนนี้ไว้ได้มั๊ย ถือว่าผมขอหมั้นคุณนะ"
ศรุตเปิดกล่องแหวน หยิบแหวนออกมา
"ชบาไม่คู่ควรกับแหวนของศรุตหรอกค่ะ ศรุตก็รู้ว่าชบา..."
"เรื่องนั้นผมไม่แคร์ ผมรักคุณมากกว่าที่จะสนใจเรื่องที่มันเกิดขึ้นระหว่างคุณกับนายอัคคี"
"ศรุตไม่แคร์ แต่ชบาแคร์"
"หมายความว่ายังไง คุณแคร์อะไร ทำไมต้องแคร์ด้วย ลืมมันไปเถอะชบา สิ่งไม่ดีที่มันเคยเกิดขึ้น จะจำมันไปทำไม"
"ชบาจำ เพราะชบารักเค้า"
ศรุตถอยออกมาก้าวหนึ่ง มองหน้าฉัตรชบาด้วยความผิดหวังสุดๆ
"ในที่สุดคุณก็ยอมสารภาพแล้วใช่มั๊ย"
"ถ้าศรุตมองว่าชบาเป็นคนโกหก และนี่คือการสารภาพผิด ก็แล้วแต่ศรุตจะคิดก็แล้วกัน"
ฉัตรชบาจะเดินออกไป ศรุตพูดขึ้น
"ขอแค่โอกาสไม่ได้เหรอชบา"
ฉัตรชบาชะงัก แต่ยังไม่หันมา
"แต่งงานกับผมเถอะนะ ผมรักคุณ"
"ชบาขอโทษนะ ชบาทำไม่ได้จริงๆ"
ฉัตรชบาเดินออกไป ศรุตมองตามด้วยความเสียใจ
ในห้องทำงานของสารวัตร
"สารวัตรต้องช่วยผมนะครับ เพราะผมให้ข้อมูลกับตำรวจ ไอ้เสี่ยเป้ามันก็เลยตามล่าผม มันกะจะเอาให้ตาย ผมต้องการที่อยู่ที่ปลอดภัยและก็ตำรวจคอยคุ้มกันครับ"
"ได้...ผมจะจัดการให้เพื่อความปลอดภัยของคุณ"
"ขอบคุณครับ"
คมโล่งใจที่ตัวเองจะมีคนคุ้มกัน
ณ โรงพยาบาลจิตเวช เกษณีย์เดินเล่นชมนกชมไม้อยู่ในสนามหญ้า โดยมีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมอยู่ใกล้ๆ
เกษณีย์เอาดอกไม้ดอกหญ้ามาทำเป็นสร้อยคอ
"คุณฉัตรพาเกษไปซื้อสร้อยหน่อยนะคะ สวยๆ ชอบๆ"
"คุณเกษณีย์คะ ถึงเวลาเข้าห้องพักแล้วค่ะ ออกมาเดินเล่นนานแล้ว เดี๋ยวจะไม่สบายนะคะ...ไปค่ะ"
เจ้าหน้าที่จะประคองเกษณีย์เข้าไปด้านใน
เกษณีย์สะบัดมือและโวยวาย ชี้หน้าเจ้าหน้าที่
"แก...นังวรรณิศา แกจะแย่งคุณฉัตรไปจากชั้น ไม่มีทาง คุณฉัตรเค้าขอชั้นแต่งงานแล้ว นี่ไงแหวน สวยไหมล่ะ" ตามด้วยเสียงหัวเราะ "แกต้องตาย อีบ้า ชั้นจะฆ่าแก"
เกษณีย์พยายามจะบีบคอเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ปัดป้องร้องตะโกนให้คนช่วย
เจ้าหน้าที่อีกคนรีบวิ่งเข้าไปช่วยจับเกษณีย์
เกษณีย์ไม่ยอมดิ้นอาละวาดใหญ่
เกษณีย์กำลังอาละวาด ร้องกรี๊ดๆๆ เจ้าหน้าที่กำลังช่วยกันล็อคตัวไว้
"ใจเย็นๆ นะครับ คนไข้ใจเย็นๆครับ"
ฉัตรชนกกับจิดาภารีบร้อนเข้ามาเห็นเข้าสภาพเกษณีย์อาละวาดพอดี
"คุณเกษ"
เกษณีย์กรี๊ดๆๆ จนหมดสติไป เจ้าหน้าที่ทั้งสองรีบเอาตัวเข้าไปด้านใน
"เธอจะเป็นอะไรมากมั๊ยครับ"
"คนไข้ช็อคน่ะครับ พูดจาวนไปวนมาซ้ำๆ อาละวาดทำร้ายคนอื่นเป็นอย่างนี้หลายครั้งแล้ว"
เจ้าหน้าที่พาเกษณีย์ออกไป ฉัตรชนกกับจิดาภามองตามไป
"คุณเกษเธอน่าสงสารนะคะ"
"ผมก็หวังว่าสักวันนึง เค้าจะหายดีและใช้ชีวิตที่เหลือให้มีความสุขที่สุด โดยไม่ต้องเบียดเบียนหรือทำร้ายใครอีก"
จิดาภาจับมือปลอบใจฉัตรชนก
ฉัตรชนกนั่งทอดสายตาไปไกล คิดถึงวรรณิศาผู้ที่จากไปไกลแสนไกล
ฉัตรชนกกับวรรณิศามีความสุขร่วมกัน เขาน้ำตารื้น รู้สึกเสียใจที่เห็นเกษณีย์ตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ขนาดนั้น
ฉัตรชนกเห็นเกษณีย์เสียสติ อาละวาดอยู่ในโรงพยาบาล
ผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตเค้าล้วนแล้วแต่มีจุดจบที่ไม่สวยงาม ฉัตรชนกนึกโทษตัวเองที่อาจจะเป็นสาเหตุของเรื่องร้ายๆทั้งหมด รวมทั้งเป็นห่วงกลัวจิดาภาจะเจอโชคร้ายด้วย
จิดาภาเดินเข้ามาหาฉัตรชนกพร้อมลูกโป่งสวรรค์ในมือ 1 ลูก
ฉัตรชนกรีบหลบตากลัวจิดาภาจะเห็นน้ำตา
"นี่คะ"
ฉัตรชนกยิ้มกลบเกลื่อน
"คุณจิเอาลูกโป่งมาให้ผมทำไม ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ"
"เอามาทำให้คุณสบายใจขึ้นไงคะ"
ฉัตรชนกสงสัย
"คุณฉัตรลองเอาความทุกข์ ความเศร้า ความไม่สบายใจทั้งหลายที่มีอยู่ในใจ ใส่ลงไปในลูกโป่งใบนี้ซิคะ แล้วก็ปล่อยให้มันลอยไปกับสายลม ให้สายลมช่วยพัดเอาความเจ็บปวดนี่ไปให้ไกลแสนไกล ชั้นเชื่อว่าต่อไปนี้ชีวิตคุณจะมีแต่เรื่องดีๆค่ะ"
ฉัตรชนกซาบซึ้งกับสิ่งที่จิดาภาทำให้
ฉัตรชนกเพ่งมองไปที่ลูกโป่งสักครู่ แล้วปล่อยให้ลูกโป่งลอยไปตามกระแสลม
ทั้งสองมองตามลูกโป่งที่ลอยขึ้นไปบนฟ้า เสมือนฉัตรชนกได้ปลดปล่อยความทุกข์ทั้งหลายหมดสิ้นลง
ในห้องคนไข้ เกษณีย์สะดุ้งเฮือกฟื้นขึ้นมาก็อาละวาด ร้องกรี๊ดๆ ดิ้นจากการถูกจับตัว ทำร้ายบุรุษพยาบาลปั่กๆๆ กรี๊ดๆๆ
เข็มฉีดยาถูกแทงเข้าที่คอข้างกกหู เกษณีย์กรี๊ดลั่นก่อนสลบไป
คมนั่งอยู่ในเซฟเฮ้าส์ที่ทางตำรวจเตรียมไว้ให้
คมสังเกตเห็นรถคันหนึ่งที่จอดซุ่มอยู่ด้านนอก รู้สึกแปลกใจ หยิบปืนขึ้นมาแล้วเดินออกไปดู
รถคันดังกล่าวเหยียบคันเร่งเพื่อขับชน คมกระโดดหลบแต่รถไม่หยุด ไล่ตามชนอีก
คมยิงเข้าที่ล้อรถ รถเสียหลักเข้าข้างทาง
คมเข้าไปจัดการลูกน้องเสี่ยเป้า ลูกน้องจะยิง คมเตะปืนกระเด็น แล้วเข้าไปเตะต่อยจนน่วม
"ไอ้เสี่ยเป้ามันส่งมึงมาฆ่ากูใช่ไหม"
ลูกน้องไม่ตอบ
"มึงกลับไปบอกมันด้วยนะว่า คนอย่างกูตายยาก ถ้ากูจะตาย กูจะลากคอมันลงนรกไปพร้อมกับกูด้วย"
คมโกรธที่เสี่ยเป้าไม่ยอมเลิกรา
เสี่ยเป้าโมโหตบหน้าลูกน้อง
"ไอ้โง่...ทำงานไม่สำเร็จยังกล้ากลับมาอีก"
"ไอ้คมมันให้มาบอกเสี่ยว่า..."
ลูกน้องพูดยังไม่ทันขาดคำ เสี่ยเป้ายิงลูกน้องที่ทำงานพลาดทิ้งเหมือนหมาข้างถนน
"สวะชัดๆ ไอ้คมคราวนี้มึงรอดไปได้ คราวหน้ามึงตายแน่"
วันใหม่ อำภาวางโทรศัพท์แล้วรีบบอกฉกาจ
"ศรุตเค้าได้ฤกษ์มาแล้วนะคุณ เหลืออีกไม่กี่วัน จะเตรียมอะไร ทันมั๊ยล่ะเนี่ย"
"ยังไงก็ต้องทัน สองคนนั่นต้องรีบแต่งงานก่อนที่มันจะสายเกินไป"
ฉัตรชนกกลับเข้าบ้านมา
"ฉัตรมาก็ดีแล้ว ไปคุยกับน้องหน่อยสิลูก"
"เรื่องอะไรเหรอครับคุณแม่"
ฉัตรชนกเคาะห้องแล้วเปิดประตูเข้าไป เห็นฉัตรชบานอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง
"ชบา..."
ฉัตรชนกเข้าไปนั่งข้างๆแล้วลูบหัวฉัตรชบาเบาๆ
"เข้าใจชบาทุกอย่าง แต่อัคคีเค้าไม่ใช่คนที่ชบาควรจะรัก เค้าเคยทำให้ชบาทุกข์ใจมานับครั้งไม่ถ้วน ชบาจะแน่ใจได้ยังไงว่าเค้าจะไม่ทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นอีก ถึงตอนนี้อัคคีเค้าจะไม่โกรธแค้นครอบครัวเราเหมือนเมื่อก่อน แต่เคยมีสักครั้งไหมที่เค้าทำดีกับชบา รักและใส่ใจชบา เหมือนที่ชบารู้สึกกับเค้า"
ฉัตรชบาพลิกตัวมา ร้องไห้
"แต่ชบารักเค้า ชบารู้ว่าไม่ควร แต่ชบา..."
"บางทีความรักก็ชอบเล่นตลกกับเรา คนที่เรารักมักให้เราเสียใจ แต่คนที่รักเราเค้าจะทำทุกอย่างเพียงเพื่อต้องการเห็นเรามีความสุข"
"แต่"
"ไม่ต้องพูดอะไรตอนนี้ พี่เชื่อว่าชบามีคำตอบอยู่ในใจแล้ว"
ฉัตรชบาทั้งเสียใจทั้งกลุ้มใจ
ฝ่ายอัคคีนั่งมองรูปในมือถือที่เป็นรูปเซฟฟี่ระหว่างอัคคีกับฉัตรชบาตอนอยู่ในกระท่อม เขาดูรูปไปก็ยิ้มน้อยๆคิดถึงความน่ารักของฉัตรชบา
อัคคีเปิดไปเจอรูปที่เคยทำร้ายฉัตรชบา รู้สึกเสียใจที่ทำอะไรไม่ดีลงไป
ฉัตรชบายืนคิดถึงคำพูดของฉัตรชนก และทุกๆคนที่คอยเตือนเรื่องอัคคี แต่ใจของฉัตรชบาไม่สามารถลืมอัคคีได้ ฉัตรชบาร้องไห้เสียใจ โกรธตัวเองที่ไปหลงรักคนอย่างอัคคี
ฝ่ายจิดาภาถอดสร้อยห้อยแหวนออกมาส่งคืนให้อัคคี
"หมดหน้าที่ของมันแล้วสินะ"
"ชั้นไม่อยากให้เค้าเข้าใจผิดน่ะค่ะ เดี๋ยวจะคิดว่าชั้นกับคุณยังไม่จบ"
"ตกลงว่า..."
"เรารักกันค่ะ"
"ผมดีใจด้วยนะ"
"ความแค้นของคุณ ทำให้ชั้นได้เจอความรัก คุณเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ"
อัคคียังคงนิ่งปากแข็งไม่เลิก
"อย่าโกหกตัวเองเลยค่ะ คุณก็รู้ใจตัวเองว่ารักใคร"
"เค้าไม่ยอมยกโทษให้ผม"
"ก็สมควรมั๊ยล่ะคะ"
"แต่ผมรู้ว่าเค้ารักผม"
"ถ้าคุณมั่นใจอย่างนั้น สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ ทำให้เธอลืมเรื่องร้ายๆ ที่คุณทำไว้กับเธอซะ แล้วเริ่มความทรงจำใหม่ที่ดีๆ เกี่ยวกับคุณ"
"คงไม่ง่าย"
"แต่คุณก็ต้องทำ เพราะคุณรักเธอ"
"ดูออกอย่างนั้นเลยเหรอ"
"อย่าลืมสิว่าเราเคยคบกันมาก่อน ชั้นรู้ดีเวลาที่คุณตกหลุมรักมันเป็นยังไง"
อัคคีอึ้งกับคำพูดของจิดาภา
"เธอกำลังจะแต่งงาน คุณจะยอมให้มันเป็นอย่างนั้นเหรอ คุณจะปล่อยให้ผู้หญิงที่คุณรักต้องเป็นภรรยาของคนอื่น"
"ผมไม่ยอม"
"ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทำอะไรซักอย่าง ก่อนที่มันจะสายเกินไป"
อัคคีเครียด
ฉัตรชบาเข้ามาในร้านกาแฟ ปราณนั่งรออยู่
"ไหนว่าไปบิน"
"มีคนขอแลกไฟล์ทน่ะ เลยไม่ต้องไป เป็นไงบ้าง ทำไมทำหน้าเครียดยังงั้นล่ะ"
"ที่บ้านจะให้เราแต่งงาน"
"กับศรุตน่ะเหรอ"
ฉัตรชบาพยักหน้าเศร้า
"ไม่เข้าใจเลย ยุคนี้ยังมีการบังคับแต่งงานอยู่อีกเหรอ ศรุตเค้าก็รู้ว่า ชบาไม่ได้รักเค้า แล้วเค้าจะแต่งงานกับชบาเพื่ออะไร"
"เค้าว่ามันจะดีกับเรา"
"จะดีได้ไงในเมื่อชบาไม่ได้รักศรุต"
"ทางบ้านเราเค้าไม่ยอมรับคนที่เรารัก"
"นายอัคคีน่ะเหรอ"
ฉัตรชบาพยักหน้ารับ
"เฮ้อ...คนที่ควรรักกลับไม่รัก ดันไปรักคนที่ไม่ควรรัก แล้วไปรักเค้าได้ไงอ่ะ"
"เราก็ไม่รู้อ่ะ"
ศรุตเดินเข้ามาในร้าน
ปราณเห็นเข้า รีบเรียกฉัตรชบา ศรุตมองมาเห็นปราณเข้าก็ยิ้ม รีบเดินเข้ามาหา
"หวัดดีศรุต"
"ไงปราณ ไม่ได้เจอกันนานเลย"
ศรุตเห็นฉัตรชบา
"ชบา"
ฉัตรชบายิ้มอ่อน บอกปราณ
"เรากลับก่อนนะ"
ศรุตถาม "เมื่อไหร่คุณจะเลิกหนีผมซะที"
ฉัตรชบาอึ้งๆ อึกอักๆ ปราณเลยพูดขึ้นแทน
"ชบาก็คงมีเหตุผลมั้ง ไม่งั้นจะหนีทำไม"
"ชบามีเหตุผลสำหรับทุกคน ยกเว้นเรา"
"อย่ากล่าวหากันอย่างนั้นสิ ชบาอาจจะมีเหตุผล แต่เหตุผลนั้นมันไม่ถูกใจศรุต... ไปเถอะชบา ไว้ค่อยคุยกัน"
ฉัตรชบารีบออกไป ศรุตจะตาม
"จะตามคนที่เค้าวิ่งหนีทำไม ยิ่งวิ่งตามเค้าก็ยิ่งหนี"
ศรุตชะงัก
"ปราณคงยังไม่รู้ เรากับชบากำลังจะแต่งงานกัน"
"รู้แล้วล่ะ ว่าแต่ศรุตรู้รึเปล่า ว่าชบาไม่อยากแต่ง"
ศรุตอึ้งไป
"เราอยากเตือนนายในฐานะเพื่อน ชบาเขาไม่ได้รักนาย เขารักอัคคี นายแต่งงานกับชบาไปก็ไม่มีความสุขอยู่ดี นายอยากให้มันเป็นแบบนั้นเหรอ"
ศรุตไม่พอใจ รีบตามฉัตรชบาออกไป ปราณมองตามไปแล้วถอนหายใจ
ศรุตวิ่งตามฉัตรชบามา
"ชบา รอก่อน"
ฉัตรชบาไม่หันกลับมามอง ศรุตรีบวิ่งเข้าไปชาร์จ
"ชบา"
"ศรุตจะตามมาทำไม ไม่ต้องเจอกันได้มั๊ย ชบาเหนื่อย เลิกตามตื้อ เลิกบังคับ เลิกคิดในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ซักที"
ศรุตอึ้งไป
"ผมไม่ตามก็ได้ แต่อยากให้คุณเห็นใจผมบ้าง ผมขอแค่ไปส่งคุณก็แล้วกันนะ"
ฉัตรชบาไม่ตอบ
"แค่ไปส่ง มันคงไม่ทำให้คุณเกลียดผมไปมากกว่านี้หรอก"
ฉัตรชบาเหลือบตามองศรุต เห็นว่าหน้าจ๋อยมาก
ต่อมา ... ศรุตจอดรถหน้าบ้าน เห็นว่ารถของอัคคีจอดอยู่แล้ว
ศรุตกับอัคคีออกมาเผชิญหน้ากัน ฉัตรชบาลงจากรถ
"ขอบใจนะ"
ฉัตรชบาจะรีบเข้าบ้าน ไม่อยากมีเรื่อง
"ชบา"
ศรุตดึงตัวชบาไว้แล้วจะจูบแต่ฉัตรชบาหลบทัน
"ทำอะไรน่ะ!"
"ผมรักคุณ แล้วเราก็กำลังจะแต่งงานกัน"
อัคคีบอก "มันจะมากไปแล้ว"
อัคคีปรี่เข้ามาจะมีเรื่องชกต่อยกับศรุต
"มีปัญหาอะไร"
"มีแน่"
อัคคีต่อยศรุต ฝ่ายศรุตจะต่อยคืน ฉัตรชบารีบเข้ามาขวาง
"หยุดนะ พอได้แล้ว หยุดบ้ากันได้แล้ว" ฉัตรชบาบอกอัคคี "กลับไปซะ ชั้นบอกให้กลับไป"
"ไม่กลับ"
"อยากให้ชั้นเกลียดนายมากไปกว่านี้ใช่มั๊ย"
อัคคีจ้องหน้าฉัตรชบา ยอมถอยขับรถออกไป
ศรุตยิ้ม คิดว่าฉัตรชบาเลือกตน
"ชบาเลือกถูกแล้ว"
"อย่าเข้าใจผิด ชบาไม่ได้เลือกศรุต ชบาแค่มีเรื่องจะบอก แต่ไม่อยากบอกต่อหน้าเค้า"
"คุณจะบอกอะไรผม"
"ชบารักเค้าค่ะ...ได้ยินมั๊ยคะว่าชบารักเค้า ศรุตยังอยากแต่งงานกับชบาอีกเหรอ ทั้งๆ ที่ชบารักเค้า"
ศรุตอึ้งไป "ผมแพ้เค้าใช่ไหม"
ศรุตโกรธมาก
"ผมไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก"
ศรุตขึ้นรถขับออกไป ฉัตรชบาถอนใจเฮือกด้วยความเครียด
รถคันหนึ่งแล่นมา ฉัตรชบากำลังจะเข้าบ้านไม่ทันมอง รถพุ่งเข้าหาร่างของฉัตรชบา ฉัตรชบาได้ยินเสียงเครื่องยนต์ หันกลับไปมองแล้วตกใจ
สิรดาที่ขับรถจะชนฉัตรชบา หน้าตาแค้น
"ชั้นจำเป็นต้องฆ่าแก ฉัตรชบา"
ฉัตรชบาหลบรถได้ทัน รีบผลักประตูเข้าบ้านไป
สิรดาหักรถหลบแล้วขับออกไป
"ฝากไว้ก่อนเถอะ แกไม่มีทางรอดไปได้หรอก"
อ่านต่อตอนที่ 24