เกมพยาบาท ตอนที่ 22
ต่อมา อัคคีจอดรถหน้าบ้านฉัตรชบา คุยโทรศัพท์ค้างอยู่กับฉัตรชบา
"ผมอยู่หน้าบ้านแล้ว คุณออกมาพบผมหน่อย ผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกคุณ"
สักพัก ฉัตรชบาออกมาในชุดนอนที่มีเสื้อคลุมถือโทรศัพท์เข้ามา อัคคีเห็นฉัตรชบาก็โผเข้ากอดอย่างแรง
ฉัตรชบาผลักออก
"ไหนนายบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะบอกชั้น"
"ผมรู้ทุกเรื่องหมดแล้ว รู้แล้วว่าใครเป็นคนฆ่าศา"
"ใครคะ"
"เกษณีย์"
"คุณเกษ!"
"ใช่...เกษณีย์เป็นคนวางแผนกับไอ้พัฒนะวางยาและทำร้ายศา แต่ศาหนีไปได้ เกษณีย์กลัวพลาดก็เลยส่งไอ้เดนนรกพวกนั้น ตามไปทำร้ายศาอีก แถมยังสร้างเรื่องทำให้ผมเข้าใจพวกคุณผิด ผมขอโทษ ยกโทษให้ผมด้วย ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย"
ฉัตรชบายืนนิ่งอึ้งเมื่อรู้ความจริง
อัคคีกอดฉัตรชบาแน่นๆ อีกครั้ง
"ไม่ใช่ชั้นคนเดียวหรอกที่นายควรขอโทษ"
อัคคีรู้สึกผิดกับฉัตรชนกไม่ต่างอะไรกับที่รู้สึกผิดกับฉัตรชบา
ฉัตรชนกที่เดินออกมาหน้าบ้าน เห็นฉัตรชบายืนคุยกับอัคคีอยู่ก็แปลกใจ เป็นห่วงฉัตรชบา
อัคคีมองหน้าฉัตรชนก
อัคคีเดินเข้าไปใกล้ มองหน้าฉัตรชนกรู้สึกสำนึกผิดจากใจจริง
"ผมขอโทษนะครับที่เข้าใจคุณผิดมาโดยตลอด ขอโทษที่ทำให้คุณต้องเดือดร้อนเพราะความแค้นของผม ขอโทษครับ"
อัคคีโค้งให้ฉัตรชนก ฉัตรชนกรู้สึกจุกกับคำขอโทษนี้ ภาพเรื่องราวความแค้นระหว่างอัคคีกับฉัตรชนกที่มีอยู่ในใจทำให้ฉัตรชนกน้ำตาซึม
ฉัตรชบาที่ยืนดูอยู่ห่างๆน้ำตาไหล
"ขอให้ความแค้นของเรามันจบแค่นี้แล้วกันนะครับ" ฉัตรชนกบอก
ฉัตรชบายืนมองทั้งคู่ สงสารทั้งฉัตรชนกที่ต้องเสียคนรักอย่างวรรณิศา ชีวิตต้องตกนรกเพราะแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักอย่างเกษณีย์ น้องสาวก็ถูกอัคคีจับตัวไปขังและทำร้ายจิตใจ สงสารอัคคีที่สูญเสียน้องสาวสุดที่รักไป และยังต้องมาเข้าใจผิดด้วยความแค้น
ฉัตรชบาเหลือบตาไปเห็นเสื้อของอัคคีมีรอยเลือดดวงเบ้อเร่อแถวๆ ท้องด้านซ้าย ฉัตรชบารีบเข้ามาหา
"อัคคี...นายเป็นอะไรอ่ะ"
อัคคีก้มลงมองที่แผลของตัวเอง
"ผมถูกยิง กระสุนแค่ถากๆไปน่ะ ผมไม่เป็นอะไรมากหรอก"
"ผมว่าคุณเข้าไปในบ้านก่อนเถอะครับ เลือดออกมากขนาดนี้" ฉัตรชนกบอก
ฉัตรชนกกับฉัตรชบาช่วยประคองอัคคีเข้าบ้านไป
ฉัตรชบาทำแผลให้อัคคี
"นายแน่ใจนะว่าไม่อยากไปหาหมอ"
"แน่ใจซิครับ คุณไม่ต้องห่วงผมหรอก"
ฉัตรชบามองอัคคีด้วยความเป็นห่วง ฉัตรชนกรับรู้ได้ว่าฉัตรชบาและอัคคีรักกัน
"มีแต่เรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นไม่หยุด เราจะทำยังไงกันดีค่ะพี่ฉัตร"
"เราต้องหาหลักฐานมาให้ได้ คนทำผิดจะต้องได้รับโทษอย่างสาสม"
อัคคีมองฉัตรชนก รับรู้ว่าสิ่งที่ฉัตรชนกพูดมาจากใจจริง
ฝ่ายเกษณีย์กลับมาถึงบ้าน สงสัยที่เห็นบ้านปิดไฟมืดหมด เกษณีย์เปิดไฟ
"คุณแม่คะ คุณแม่ คุณแม่อยู่ไหนคะ"
เกษณีย์เดินตามหาเกสร แต่ไม่เจอ
เกษณีย์ขึ้นบ้านไปดูที่ห้องนอนเกสร
เกษณีย์เปิดประตูแม่เข้ามาเห็นว่าไฟมืด
"คุณแม่คะ หลับแล้วเหรอคะ"
เกษณีย์เปิดไฟ ทันใดนั้นก็ต้องผงะสุดขีด เมื่อเห็นร่างของเกสรผูกคอตาย
"คุณแม่!"
เกษณีย์รีบโผเข้ากอดขาเกสรไว้ เห็นว่ายังไม่ตาย
เกษณีย์กรี๊ดๆร้องไห้ช่วยเกสรลงมา
"คุณแม่ต้องไม่เป็นอะไรนะคะ"
เกษณีย์ช่วยเกสรลงมาได้ เกสรจับคอที่เป็นรอยแดงจากเชือก แล้วทั้งไอ ทั้งสำลักออกมาด้วยความเจ็บปวดทรมาน
"ทำไมทำแบบนี้ล่ะคะ"
"แม่ไม่เหลืออะไรแล้ว"
"แต่แม่ยังมีเกษ แม่จะทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ"
"แม่ขอโทษ"
"คุณแม่ต้องเข้มแข็งไว้นะคะ"
"พรุ่งนี้ตำรวจคงมาจับแม่"
"ไม่ต้องกลัวค่ะคุณแม่ เราจะหนี"
"อะไรนะ"
"เราจะหนีไปที่ที่ปลอดภัย รีบเก็บของเถอะค่ะ เราจะหนีกันคืนนี้เลย"
เกษณีย์รีบร้อนออกจากห้องไป
เกษณีย์มองซ้ายมองขวาเห็นว่าไม่มีใคร เลยรีบเดินตรงไปในบ้านฉัตรชนกพร้อมโทรศัพท์ไปด้วย
"คุณแม่เตรียมตัวให้พร้อมนะคะ ได้ของแล้วเกษจะรีบไปรับ เราจะได้หนีไปให้พ้นๆ เสียที แค่นี้ก่อนนะคะ"
เกษณีย์เปิดประตูเข้าไป
ภายในห้องโถง เกษณีย์เข้ามาแล้วถึงกับผงะ!
ทุกคนมารวมตัวพร้อมกัน จ้องมาที่เกษณีย์
อำภาเปิดฉาก"มาแล้วเหรอแม่เกษณีย์"
เกษณีย์ทำเป็นปั้นหน้ายิ้มๆ
"เกษกลับไปบ้านมาน่ะค่ะ อุ้ย...เกษลืมกระเป๋าไว้ในรถ เดี๋ยวเกษมานะคะ"
เกษณีย์จะชิ่งแต่ไม่ทัน ฉัตรชนกเข้ามาขวางประตูไว้
"ยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น"
"นี่มันอะไรกันคะ"
"อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องหน่อยเลย คุณคิดจะหนีไม่ใช่เหรอ"
"หนีทำไมกันล่ะคะ เกษไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย"
"แล้วนี่อะไร"
ฉัตรชนกเปิดคลิปที่เกษณีย์มีอะไรกับเสี่ยเป้า
"บอกมาสิว่านี่คืออะไร"
"เกษ...เกษโดนมอมยา มันวางยาเกษแล้วก็ข่มขืนเกษ"
"แน่ใจนะว่ามันข่มขืนคุณ"
"นี่คุณหาว่าเกษโกหกงั้นเหรอ หาว่าเกษมีชู้งั้นเหรอ ดูถูกกันมากเกินไปแล้วนะคะ ถ้าไม่เชื่อใจกัน ดูถูกกันมากขนาดนี้ ก็เลิกกันเถอะค่ะ"
"เลิกงั้นเหรอ"
"คุณดูถูกเกษมาก ถ้าคุณไม่ยอมหย่า เกษจะฟ้องหย่าเอง เรียกค่าเสียหายสัก 200 ล้าน คุณคงไม่สะเทือนสินะคะ"
"ยังจะกล้าเรียกค่าเสียหายอีกเหรอ นังฆาตกร" อำภาว่า
"อะไรอีกล่ะคะ จะปรักปรำอะไรเกษอีก"
"ชั้นน่ะเหรอจะปรักปรำเธอ ถ้าไม่มีหลักฐาน"
อำภาเปิดคลิปตอนเกษณีย์พยายามถอนหน้ากากออกซิเจนของฉกาจออก
"เห็นรึยัง จำได้รึยัง ว่าเธอทำอะไรไว้"
"ก็คุณพ่อไอไม่หยุด เกษก็เลยช่วยเอาออกให้ ก็แค่นั้นเอง ทำไมต้องโวยวายด้วยล่ะคะ ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต"
ฉกาจบอก "หยุดโกหกได้แล้วเกษณีย์ เธอเป็นคนผลักชั้นตกบันไดแล้วโยนความผิดให้อัคคี เธอพยายามจะฆ่าชั้นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่มันไม่สำเร็จ"
"ไม่จริง"
"ยังไม่หมดแค่นั้น เธอเป็นคนวางยาน้องสาวชั้น ทำให้ศาถูกทำร้ายจนตาย คุณทำแบบนี้ทำไม หัวใจคุณมันทำด้วยอะไร ถึงได้เลวทรามต่ำช้าขนาดนี้" อัคคีถาม
"เกษไม่ได้ทำ คุณมีหลักฐานอะไรมาปรักปรำว่าเกษทำ"
"ก็พัฒนะยังไงล่ะ"
"พัฒนะ"
"พัฒนะบอกผมหมดแล้วถึงแผนชั่วของคุณ"
"คุณพูดอะไร ชั้นไม่รู้เรื่อง บ้าไปกันใหญ่แล้ว เพ้อเจ้ออะไรกันเนี่ย เกษไม่ทนแล้วนะ พอกันที"
เกษณีย์จะออกจากบ้านแต่ฉัตรชนกขวางไว้
"แน่ใจเหรอว่าคุณอยากออกไปจริงๆ"
"แน่ใจสิ บ้านนี้มีแต่คนบ้า เกษไม่อยู่ให้พวกคุณมาใส่ร้ายหรอก"
"แต่ข้างนอกมันอันตรายนะ"
"ก็ยังน้อยกว่าในนี้อยู่ดี"
เกษณีย์ผลักประตูออกไป เจอนายตำรวจสองนายที่ยืนรออยู่
"ตำรวจมาทำไม"
"ผมเตือนคุณแล้วนะว่าข้างนอกมันอันตราย คุณไม่ฟังผมเอง"
ตำรวจเข้าจับกุมเกษณีย์
"ปล่อยนะ จะมาจับชั้นทำไม"
"จับทำไมงั้นเหรอ อยากรู้เหรอว่าจับทำไม คุณฆ่าศา คุณพยายามฆ่าพ่อสามีตัวเอง แล้วเมื่อคืนคุณก็ยิงพัฒนะตาย แค่นี้มันก็เพียงพอแล้วที่คุณจะโดนจับ"
"แกโกหก"
"เชิญครับ" ตำรวจว่า
"ไม่นะ พวกนี้มันใส่ร้ายชั้น ชั้นไม่ผิดนะ ปล่อยชั้น ปล่อย แอร๊ยๆ"
ตำรวจนำตัวเกษณีย์ไปยังรถ ตำรวจนายหนึ่งพูดกับฉัตรชนก
"เชิญพวกคุณไปให้ปากคำที่โรงพักด้วยนะครับ"
"ครับผม พวกเราพร้อมอยู่แล้วครับ"
ตำรวจพาเกษณีย์ออกไป อำภาเดินหนีไปด้านในบ้าน ฉกาจเห็นเข้าพอดี
อำภาหลบออกมาเศร้าๆ น้ำตาไหล ฉกาจตามมา
"เป็นอะไรไปน่ะคุณ"
อำภารีบเช็ดน้ำตา
"เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร"
"มันต้องมีสิ ตั้งแต่อยู่กันมาผมแทบจะไม่เคยเห็นคุณร้องไห้ ทำไมมีอะไรก็บอกผมสิ"
"ชั้นก็แค่...แค่รู้สึกผิด โกรธตัวเองที่เป็นสาเหตุของเรื่องร้ายๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในบ้านเรา"
"ทำไมคุณถึงคิดยังงั้นล่ะ"
"ก็ชั้นเป็นคนเลือกลูกสะใภ้ด้วยตัวเอง เป็นคนคะยั้นคะยอให้ตาฉัตรชอบกับเกษณีย์ ชั้นเลือกคนผิด เลือกคนร้าย เลือกโจรเข้าบ้านแท้ๆ"
"เอาน่า มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรือของใครทั้งนั้น มันเป็นความผิดของเกษณีย์เอง เรื่องร้ายๆ กำลังจะผ่านไปแล้ว ทำใจให้สบายดีกว่าน่าคุณ"
ฉกาจโอบกอดอำภาด้วยความรัก
วันเดียวกัน ฉัตรชบาเดินนำศรุตเข้ามานั่งในห้องรับแขก
"ชบาเป็นอะไรรึเปล่า หน้าเครียดๆ" ศรุตถาม
"พอดีวันนี้ที่บ้านมีเรื่องน่ะ"
"เรื่องอะไรเหรอ"
"อย่ารู้เลยค่ะ มันจบไปแล้ว"
"งั้น...มาพูดถึงเรื่องของเราดีกว่านะ"
"ศรุตคะ"
"ฟังผมก่อน ผมไม่ได้เร่งรัดว่าเราต้องแต่งงานกันนะ ผมแค่...W
"ปล่อยชบาไปเถอะตารุต"
อำภากับฉกาจเดินกลับเข้ามาในห้องรับแขก
"เรื่องร้ายๆ เพิ่งผ่านไป สภาพจิตใจของชบายังไม่พร้อม ยังไม่ใช่เวลาจะคุยเรื่องแต่งงาน"
" แต่ว่า... "
"เชื่อป้าเถอะ หยุดเรื่องแต่งงานไว้สักพัก พร้อมเมื่อไหร่ ค่อยว่ากันใหม่..."
"ครับคุณป้า"
ศรุตเครียดเลย
ในห้องทำงาน เสี่ยเป้าทุบโต๊ะปัง
"โธ่เว้ย…แค่ไอ้ขี้แพ้คนเดียวก็ฆ่าไม่สำเร็จ"
เดชบอก "มันทำงานพลาด เลยไม่กล้ากลับมาสู้หน้าเสี่ยมั๊งครับ"
"ชั้นไม่เลี้ยงคนไม่มีฝีมือ ไร้ประโยชน์ ไปจัดการเก็บมันซะ"
"เอางั้นเหรอครับเสี่ย"
"ก็ต้องเป็นอย่างนั้นซิว่ะ มันรู้ความลับชั้นหลายอย่าง ถ้าชั้นเลิกเลี้ยงมัน มันต้องปากโป้งแน่ ไหนๆ ก็ไม่เอาแล้ว เก็บมันซะเลย จะปล่อยให้มันมาแว้งกัดทำไม"
"ครับเสี่ย"
ที่หน้าห้อง คมแอบฟังอยู่ กำมือแน่นด้วยความแค้นก่อนจะรีบออกไป
ทางด้านเกษณีย์อยู่ในห้องฝากขัง เกสรรีบร้อนเข้ามาเกาะลูกกรง
"เกษ เกษลูกแม่ เป็นยังไงบ้างลูก นี่มันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมาอยู่ในคุกแบบนี้"
"พวกมันใส่ร้ายเกษ หาเรื่องให้เกษติดคุก"
"ทำไมพวกมันชั่วร้ายสารเลวกันอย่างนี้ มันทำแบบนี้ทำไม"
"ช่างมันเถอะค่ะ อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย รีบหาทางเอาเกษออกไปจากคุกให้ได้ก่อนเถอะค่ะ"
"เมื่อกี้แม่ติดต่อจะขอประกันตัวแต่ทางตำรวจเค้ายังไม่ยอมให้ประกัน แถมวงเงินประกันก็สูงมากด้วย เกษก็รู้ว่าเรากำลังลำบาก แม่ไม่รู้จะหาเงินมาจากไหน"
"พอเถอะคุณแม่ อย่าเอาเรื่องแย่ๆ มาให้เกษรับรู้อีกเลย แค่นี้มันก็แย่พอแล้ว"
"แล้วนี่เราจะทำยังไงกันดีล่ะลูก"
เกษณีย์นิ่งคิด
"มีอีกคนที่จะช่วยเราได้"
"ใครลูก ใคร"
ทีบ่อนเสี่ยเป้า เกสรนั่งเผชิญหน้ากับเสี่ยเป้า
"เกษบอกว่ามีแต่เสี่ยเท่านั้นที่จะช่วยได้"
"บอกอย่างนั้นเหรอ"
"ใช่...ชั้นถึงต้องมานี่ไง"
"จะให้คนอย่างผมไปประกันตัวลูกสาวของคุณน่ะเหรอ"
"ลูกสาวชั้นก็เมียเสี่ยไม่ใช่เหรอ"
"โอ๊ย...เค้าไม่เรียกเมียหรอก ก็แค่นางบำเรอ"
เกสรเจ็บใจจี๊ดแต่พยายามควบคุมอารมณ์ไว้
"จะยังไงก็ช่าง ขอให้เสี่ยช่วยลูกชั้นด้วยเถอะ ลำพังชั้นเองไม่มีเงินไปประกันหรอก แต่เสี่ยน่ะมีทั้งอำนาจทั้งเงิน คิดซะว่าช่วยลูกนกลูกกาเถอะนะเสี่ย"
"เสียใจด้วยนะ ผู้หญิงอย่างลูกคุณ มันไม่มีค่าควรให้ผมช่วยหรอก ผมก็แค่ขาดนางบำเรอไปอีกคน ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แล้วเรื่องตำรวจเรื่องโรงพัก ผมก็ไม่อยากเกี่ยวข้อง ขอบคุณนะที่อุตส่าห์นึกถึง แต่ ตัวใครตัวมันเถอะนะ ผมช่วยอะไรไม่ได้หรอก"
เกสรโกรธจัดเข้าไปจะตบเสี่ยเป้า คมกับเดชเข้ามาคว้าตัวไว้ทัน
"ไอ้ชั่ว ไอ้เลว คนอย่างมึงไม่ตายดีแน่"
เสี่ยเป้ามองหน้าส่งสัญญาณให้คมกับเดชเอาเกสรไปทิ้ง
มุมสวน บ้านฉัตรชนก ฉัตรชบา อัคคีนั่งคุยกัน
"นายทำรุนแรงกับคุณเกษไปรึเปล่า"
"คนผิดก็ต้องรับโทษ ผมเองก็ผิดที่ทำร้ายคุณมาตลอด จะลงโทษยังไงก็บอกมา"
"ชั้นไม่ลงโทษใครหรอก เรื่องที่ผ่านมาเป็นการเข้าใจผิด ชั้นยกโทษให้นาย"
"คุณให้อภัยงั้นเหรอ"
"ใช่...ชั้นให้อภัยนาย"
"แต่ผมคงให้อภัยคนที่ฆ่าน้องสาวผมไม่ได้"
อัคคีหน้าซีเรียส
"ป่านนี้คุณเกษเธอคงได้รับกรรมที่เธอทำไว้แล้วล่ะค่ะ"
ฝ่ายเกษณีย์ยืนเกาะลูกกรงรอว่าเมื่อไหร่เสี่ยเป้าจะมา
"ทำไมช้านักนะ ป่านนี้น่าจะมาได้แล้ว"
มาเฟียหญิงในคุกร้องถามขึ้น
"รอใครมาช่วยเหรอ"
เกษณีย์ไม่สนใจจะตอบ มาเฟียหญิงลุกมาจับไหล่เกษณีย์
"กูถามว่ารอใคร ผัวเหรอ"
"อย่ามายุ่งกับชั้น"
เกษณีย์สะบัดมือมาเฟียหญิงออกอย่างแรง
"กูถามดีๆ นะเว้ย"
"บอกว่าไม่ต้องมายุ่ง"
"ขึ้นเสียงกับกูเหรอ"
มาเฟียหญิงตบหน้าเกษณีย์ฉาดใหญ่ เกษณีย์ตบกลับ เกิดการตบกันขึ้น เกษณีย์สู้ไม่ได้
"เก่งนักเหรอมึง เก่งผิดที่แล้วมั้ง"
มาเฟียหญิงตบๆๆๆ เกษณีย์กรีดร้องเสียงดัง ตำรวจมา
"เฮ้ย...ทำอะไรกัน หยุดนะ"
มาเฟียหญิงปล่อยเกษณีย์
"ก็แค่รับน้องน่าจ่า ไม่มีอะไรหรอก"
"แค่เรื่องที่ก่อไว้ก็มากพอแล้ว อย่าหาเรื่องเพิ่มอีกเลย อยู่กันดีๆ อย่าหาเรื่อง"
ตำรวจเดินออกไป มาเฟียหญิงมองเกษณีย์ด้วยสายตาเยาะๆ
"อยู่ที่นี่ มึงเจอดีแน่"
คมมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าโรงพัก
"มึงคิดจะเก็บกู กูก็จะยืมมือกฎหมายเก็บมึง"
คมเดินเข้าไปในสถานีตำรวจ เดินไปหาร้อยเวร
"ผมจะมาแจ้งความครับ"
"เชิญนั่งเลยครับ"
คมนั่งลง
"แจ้งความเรื่องอะไรครับ"
"คุณตำรวจเคยได้ยินชื่อเสี่ยเป้าไหมครับ"
" มาเฟียรุ่นใหญ่เลยนะ แต่ทางการยังหาหลักฐานจับกุมไม่ได้"
"แล้วถ้าผมมีหลักฐานล่ะครับ"
คมยิ้มร้าย
ต่อมา ... รถตำรวจจอดหน้าบ่อน เดชออกมาเห็นเข้าพอดี รีบกลับเข้าไปด้านใน
เดชรีบร้อนเข้ามาในห้อง
"เสี่ยครับ ตำรวจมาเต็มเลยครับ ท่าทางจะไม่ดี ผมว่าเสี่ยหลบไปก่อนดีกว่าครับ"
เสี่ยเป้ารีบลุกขึ้น
"แกไปยื้อพวกมันไว้ ชั้นจะออกด้านหลัง"
"ได้ครับเสี่ย"
เดชออกไป เสี่ยรีบร้อนเก็บของแล้วออกจากห้องไป
เสี่ยเป้าออกมาประตูหลังมา เห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่ เสี่ยรีบขึ้นรถแล้วขับออกไป
บริเวณหน้าศาล ทนายความจับมือกับอัคคี
"พ้นข้อหาแล้วนะครับ"
"ขอบคุณมากนะครับ"
"ต้องขอบคุณหลักฐานจากคุณมากกว่า ผมก็ว่าไปตามหลักฐานที่มีนั่นแหละครับ"
จิดาภากับฉัตรชนกเดินเข้ามา
"ผมขอตัวก่อนนะครับ"
"ขอบคุณมากครับ"
จิดาภาบอก"ดีใจด้วยนะคะ ในที่สุดคุณก็เป็นผู้บริสุทธิ์ซะที"
"ขอโทษด้วยนะครับที่เข้าใจคุณผิดมาตลอด" ฉัตรชนกบอก
"ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็เข้าใจคุณผิดเช่นกัน ถือซะว่าเราเสมอกันก็แล้วกันนะ"
"อย่างนี้ต้องฉลองกันหน่อยแล้วมั๊งคะ"
"ไปสิครับ"
รอยยิ้มแห่งมิตรภาพระหว่างอัคคีกับฉัตรชนกเริ่มขึ้น
จิดาภารู้สึกสบายใจยิ้มมีแผนดีๆ
จิดาภาเดินนำทุกคนเข้ามาในร้าน เจอฉัตรชบานั่งรออยู่ก่อนแล้ว
"ชบา.."
จิดาภาหันไปบอกฉัตรชนก
"หมดหน้าที่เราแล้วมั๊งคะ ไปกันเถอะค่ะ" จิดาภาบอก
"ไม่ทานอะไรด้วยกันก่อนเหรอครับ"
"ไม่ล่ะค่ะ ไม่อยากเป็นก้างขวางคอ"
"ตามสบายนะครับ"
ฉัตรชนกพาจิดาภาออกไป อัคคีเดินไปหาฉัตรชบา
"ดีใจด้วยนะ ในที่สุดนายก็พ้นผิดซะที" ฉัตรชบาบอก
"แต่ผมยังผิดต่อคุณอยู่"
"บอกแล้วไงว่าชั้นให้อภัยนายแล้ว"
"คุณจะให้อภัยคนที่...ข่มเหงคุณได้เหรอ"
"ชั้นจะถือซะว่าในวันนั้นนายยังเป็นคนโง่ ทำอะไรโง่ๆ ผิดๆ ชั้นไม่ถือสาคนโง่ ชั้นให้อภัยได้"
"แล้ววันนี้คุณยังเห็นผมเป็นคนโง่อยู่รึเปล่า"
"วันนี้นายไม่โง่แล้ว ความจริงเปิดใจของนายให้สว่าง เปิดตาของนายให้มองเห็น"
"ขอบคุณนะครับที่ไม่โกรธผม"
"ต่อจากนี้ไปก็ไม่แน่นะ ถ้านายเอาแต่ใจ ชอบออกคำสั่ง แล้วก็บังคับชั้น ชั้นอาจจะโกรธนายก็ได้"
"ผมไม่กล้าทำให้คุณโกรธหรอก ผมไม่อยากให้คุณเกลียดผม"
"ทำไมไม่อยากให้เกลียด"
"ก็อยากให้รักไง"
"ชั้นยังไม่เคยพูดเลยนะว่าชั้นรักนาย"
"อีกไม่นานก็พูด คอยดูสิ"
"หลงตัวเอง...กล้าพูดเนอะ"
"ไม่เชื่อคอยดูก็แล้วกัน"
สองคนหัวเราะกันฟรุ้งฟริ้ง
เกษณีย์วีนเสียงดัง
"อะไรนะ มันไม่ยอมช่วยงั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้ มันต้องช่วยสิ เกษเป็นเมียมัน คุณแม่ไปพูดกับมันยังไง"
"ถึงยังไงเค้าก็ช่วยแกไม่ได้แล้วล่ะ ข่าวออกมาตำรวจบุกจับตัวเสี่ยเป้า ตอนนี้เสี่ยเป้าเองก็หนีตำรวจหัวซุกหัวซุน ตัวมันเองยังเอาตัวไม่รอดเล้ย จะมาช่วยแกได้ยังไง"
"ถ้ามันไม่ช่วย แล้วใครจะช่วย"
เกษณีย์เครียดเลย
ตอนกลางคืน เสี่ยเป้าเข้ามาในห้องเซฟเฮ้าส์ เปิดตู้หยิบอาวุธปืนออกมาสองสามกระบอก คละแบบ โหลดกระสุน ขึ้นไก
เสี่ยเป้ายกปืนขึ้นเล็ง
"คิดจะจับกู มันไม่ง่ายหรอกเว้ย"
ทางด้านเกสร มายกมือไหว้อำภากับฉกาจ
"ชั้นไม่เห็นใครแล้ว มีแต่คุณพี่เท่านั้นแหละค่ะที่จะช่วยเกษได้ นึกเสียว่า ยังไงแกก็เป็นสะใภ้ เป็นเมียลูกชายของคุณพี่เถอะนะคะ"
อำภาบอก
"สิ่งที่เกษณีย์ทำไว้กับครอบครัวเรา คุณยังมีหน้ามาขอร้องให้เราช่วยอีกเหรอคะ มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ"
"คุณพี่คะ ยายเกษยังเด็ก ทำอะไรโง่ๆ ลงไปด้วยความขาดสติ ยกโทษให้แกเถอะนะคะ ถอนฟ้องแกเถอะค่ะ ได้โปรดเห็นใจดิชั้นกับลูกด้วยเถอะค่ะ"
"แล้วเค้าเคยเห็นใจพวกชั้นบ้างมั๊ย ถึงขั้นจะฆ่าจะแกงกันได้ลงคอ คนแบบนี้ ไม่ได้เรียกว่าขาดสติหรอกค่ะ ต้องเรียกว่าสันดานโจรมันถึงจะถูก"
ฉกาจบอก
"คนเราทำอะไรไว้ก็ต้องยอมรับผลของการกระทำนั้น อย่าหวังว่าใครจะมา ช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย"
"คุณพี่คะ น้องกราบขอโทษแทนยายเกษด้วยนะคะ ช่วยยายเกษด้วยเถอะค่ะ ขอร้องล่ะค่ะ"
"กลับไปเถอะค่ะ อย่าถึงกับต้องให้ออกปากไล่เลย"
อำภาลุกขึ้น หันไปเรียกคนใช้
"ส่งแขกด้วย แล้วดูไว้ถ้ากลับมาอีก บ้านนี้ไม่ต้อนรับ"
อำภาเดินออกไป ฉกาจลุกขึ้น
"ได้โปรดเถอะค่ะ เห็นใจยายเกษด้วยเถอะค่ะ"
"ตอนที่เกษณีย์คิดจะฆ่าชั้น ชั้นไม่เห็นว่าเค้าจะเห็นใจชั้นเลยนะ ยอมรับความจริงเถอะ เรื่องนี้ไม่มีใครช่วยได้หรอก"
ฉกาจพูดแล้วเดินออกไป เกสรทั้งเจ็บใจทั้งผิดหวัง
เกสรเดินมาหยุดที่ทางข้าม เห็นไฟแดงข้ามถนนกระพริบอยู่
พลางคิดถึงอดีต
"เกษไม่ได้ขู่ค่ะ ถ้าคุณแม่ไม่เชื่อเกษก็เอาเลย ให้ตำรวจมาจับเกษไปเลย คนเค้าจะได้รู้กันทั่วประเทศว่าไส้เรามันเน่าขนาดต้องขโมยของกันเอง! เค้าจะได้รู้กันซะทีว่าเรามันแต่เปลือก! แถมบางเปลือกยังเป็นของปลอมด้วยซ้ำไป"
สัญญาณไฟเขียวข้ามถนนได้ แต่เกสรยังคงยืนนิ่ง
"เพชรน้ำงามชุดนี้เป็นของเก่าแก่ประจำตระกูลค่ะ ฝีมือช่างสุโขทัย งานประณีตมาก"
อำภาดูเครื่องเพชร
"เพชรน้ำงามจริงๆ ซะด้วย ฝีมือช่างโบราณนี่ละเอีอดอ่อนละเมียดละไมจริงๆหาที่ติไม่ได้เลยค่ะ"
"ดิชั้นอยากจะขอให้คุณพี่เก็บไว้ จะไปเอ่ยปากกับคนอื่นก็ไม่ไว้ใจ เครื่องเพชรโบราณชุดนี้ ดิชั้นอยากให้อยู่กับคนที่คู่ควรมากกว่าดิชั้นค่ะ"
"จะเอามาจำนำกับดิชั้นงั้นเหรอ"
"แหม...คุณพี่คะ อย่าเรียกว่าจำนำเลยค่ะ เรียกว่าสมบัติผลัดกันชมดีกว่า ดิชั้นฝากคุณพี่ดูแลสักพักแล้วจะมาไถ่คืนนะคะ"
"เท่าไหร่คะ"
"สามล้านค่ะ"
สัญญาณไฟเขียวให้คนข้ามถนนได้กระพริบ
เกสรยืนเหม่อลอย
เกษณีย์เข้ามาเจอเกสรถูกจับมัดตัวมัดปากไว้ โดยมีเดชควบคุมเกสรอยู่
"คุณแม่ ปล่อยแม่ชั้นนะ"
"ปล่อยแน่ อย่าลืมทำตามข้อตกลงล่ะกัน"
"ชั้นไม่ตกลงอะไรทั้งนั้น ปล่อยแม่ชั้นเดี๋ยวนี้"
"คิดว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้วซะอีก"
สัญญาณไฟเขียวยังคงกระพริบต่อเนื่อง เกสรยังเหม่อลอย
เกษณีย์เปิดไฟ ทันใดนั้นก็ต้องผงะสุดขีด เมื่อเห็นร่างของเกสรผูกคอตาย
"คุณแม่!"
เกษณีย์รีบโผเข้ากอดขาเกสรไว้เห็นว่ายังไม่ตาย
เกษณีย์กรี๊ดๆร้องไห้ช่วยเกสรลงมา
"ทำไมทำแบบนี้ล่ะคะ"
"แม่ไม่เหลืออะไรแล้ว"
"แต่แม่ยังมีเกษ แม่จะทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ"
"แม่ขอโทษ"
"คุณแม่ต้องเข้มแข็งไว้นะคะ"
"พรุ่งนี้ตำรวจคงมาจับแม่"
"ไม่ต้องกลัวค่ะคุณแม่ เราจะหนี"
"อะไรนะ"
"เราจะหนีไปที่ที่ปลอดภัย รีบเก็บของเถอะค่ะ เราจะหนีกันคืนนี้เลย"
ส่วนเสี่ยเป้าบอก
"เสียใจด้วยนะ ผู้หญิงอย่างลูกคุณ มันไม่มีค่าควรให้ผมช่วยหรอก ผมก็แค่ขาดนางบำเรอไปอีกคน ไม่ได้เดือดร้อนอะไร"
"ได้โปรดเถอะค่ะ เห็นใจยายเกษด้วยเถอะค่ะ"
"ตอนที่เกษณีย์คิดจะฆ่าชั้น ชั้นไม่เห็นว่าเค้าจะเห็นใจชั้นเลยนะ ยอมรับความจริงเถอะ เรื่องนี้ไม่มีใครช่วยได้หรอก"
ฉกาจบอก
สัญญาณไฟเขียวเปลี่ยนเป็นไฟแดง
เกสรก้าวลงไปบนถนน รถที่แล่นมาบีบแตรลั่น เกสรยังคงเดินต่อไป รถพุ่งเข้าชนร่างเกสรปัง ทุกอย่างมืดลง
ฝ่ายเกษณีย์นั่งมองออกไปข้างนอก รอเกสร
คนอื่นกินข้าวที่มีคนมาเยี่ยมเอามาให้ มาเฟียขว้างเศษอาหารใส่เกษณีย์
"เอ้า...เอาไปแดกซะ มัวแต่นั่งเกาะกรงอยู่นั่นแหละ ไม่มีคนมาเยี่ยมรึไงวะ"
เกษณีย์ไม่โต้ตอบ ตามองไปแต่ด้านนอก
"หยิ่งเหรอมึง กูอุตส่าห์ให้แดก ยังไม่ยอมแดกอีก"
เกษณีย์ไม่สนใจ มาเฟียลุกมา เอาข้าวที่กินเหลือเทราดหัวเกษณีย์
"อีบ้า มึงทำอะไรของมึงเนี่ย"
"กูเห็นใจ กลัวมึงจะหิวไง"
"มึงไม่ต้องสะเออะมายุ่งกับกู กูกับมึงมันคนละชั้นกัน"
"หน๊อย...คนละชั้น พูดมาได้ ถุย…" มาเฟียจิกหัวเกษณีย์ "กูไม่สนว่ามึงจะชั้นไหน แต่ตอนนี้มึงกับกูชั้นเดียวกัน อย่ามาทำยโสโอหังใส่กู เดี๋ยวกูตบไม่เลี้ยง"
มาเฟียจิกหัวเกษณีย์แน่น
"ปล่อยนะ อีบ้า ปล่อยกู"
"กูไม่ปล่อย จนกว่ามึงจะกินของที่กูให้"
มาเฟียจิกหัวเกษณีย์แล้วกดลงพื้น เห็นเศษข้าวตกเต็มพื้น
"กินซะ"
"กูไม่กิน อย่ามายุ่งกับกู"
"กูบอกให้มึงกิน มึงก็ต้องกิน"
มาเฟียกดหัวลงไปจนหน้าเกษณีย์ติดพื้น
"ถ้าไม่กิน...มึงเจอดีแน่ กิน"
เกษณีย์พยายามดื้นรนแต่ก็ถูกกด ถูกเหยียบไว้
"กูบอกให้กิน"
เกษณีย์ไม่ยอมสะบัดตัวลุกขึ้นมาจนได้
"กูบอกว่าอย่ายุ่งกับกู"
เกษณีย์ฮึดสู้ตบฉาด มาเฟียหญิงหน้าหงายไป
"มึงกล้าตบกูเหรอ อยากตายนักใช่มั๊ย"
มาเฟียเข้ามาตบตีทำร้าย เกษณีย์สู้ไม่ได้ ถูกตบคว่ำลงไป เลือดกลบปาก
"กูสั่งให้มึงแดกข้าว มึงก็ต้องแดก"
มาเฟียกดหน้าเกษณีย์ลงตกที่ข้าวหกพื้น จับหัวย์กระแทกลงกับพื้น
"แดกเข้าไป ถ้ามึงไม่อยากตายในคุก"
เกษณีย์เห็นว่าหมดทางสู้แน่ๆแล้ว จำต้องกินข้าวที่พื้น สภาพอเนจอนาถมาก
มาเฟียหัวเราะชอบใจที่ทำร้ายเกษณีย์ได้
เกษณีย์ทั้งแค้นทั้งเจ็บใจกัดฟันแน่น ข่มไม่ให้น้ำตาแห่งความพ่ายแพ้ไหล
ฉกาจนั่งดูทีวีอยู่ ทีวีตัดเข้าข่าว
นักข่าวทีวีรายงาน
"พบร่างหญิงคนหนึ่งถูกรถชนตายกลางถนน ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าน่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย ขณะนี้ยังไม่มีญาติมารับศพผู้เสียชีวิต ทราบชื่อผู้เสียชีวิตแล้วคือ นางเกสร วงศ์นฤมาศ ไฮโซชื่อดัง"
ฉกาจรีบหันไปเรียกอำภา "คุณๆ มาดูนี่เร็ว"
"อะไรคะ"
"คุณเกสรถูกรถชนตาย"
"ฮะ!!! คุณว่าอะไรนะ"
เกษณีย์นั่งซึมเศร้าอยู่ที่มุมหนึ่ง พวกมาเฟียนอนหลับระเนระนาด
อำภารีบร้อนเข้ามาที่หน้าห้องขัง
"หนูเกษ"
"จะมาเยาะเย้ยอะไรชั้นอีก"
"ชั้นไม่ได้มาร้าย ชั้นมาแจ้งข่าว"
"ข่าวอะไร ชั้นไม่สนใจหรอก นอกเสียจากว่าคุณจะมาประกันตัวชั้น"
"แต่ข่าวนี้เธอต้องสนใจ เธอต้องฟัง แม่เธอถูกรถชนตาย"
"ฮะ!! อะไรนะ!! ไม่จริง ไม่จริงใช่มั๊ย"
"ทำใจดีๆ ไว้ มันเป็นเรื่องจริง"
"ไม่จริง ชั้นไม่เชื่อ ไม่จริง ไม่จริง"
"ใจเย็นๆ หนูเกษ ใจเย็นๆ"
"ไม่จริง ไม่จริง ชั้นไม่เชื่อ แอร๊ย ไม่จริง"
เกษณีย์กรีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่า จนตำรวจกรูกันเข้ามาดู
"เกิดอะไรขึ้นครับ"
เกษณีย์กรีดร้องและทำร้ายตัวเอง ดึงผม ชกหน้าชกตา
"สงสัยจะเสียสติ รีบพาตัวส่งโรงพยาบาลด่วน"
ตำรวจเปิดคุกเข้าไปพยายามจับเกษณีย์ที่กรีดร้องไม่หยุด ถีบโน่นนี้ด้วยอาการคลุ้มคลั่ง เกษณีย์ถูกนำตัวออกไปจากคุก
"คุณเป็นญาติรึเปล่าครับ"
"ค่ะ"
"เชิญตามไปด้วยนะครับ"
"ค่ะ"
อำภารีบตามตำรวจที่พาตัวเกษณีย์ไป
อ่านต่อตอนที่ 23