xs
xsm
sm
md
lg

เกมพยาบาท ตอนที่ 19

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เกมพยาบาท ตอนที่ 19

คืนนั้น ... ฉัตรชบาลูบไล้ไปบนแก้มของอัคคีที่หลับอยู่
อัคคีตื่น ลืมตาเห็นฉัตรชบานั่งอยู่ข้างๆ บนเตียงก็ตกใจ รีบคว้าแขนฉัตรชบาไว้
“คุณกลับมาหาผม คุณรักผมใช่มั๊ยฉัตรชบา”
ฉัตรชบาเสียงแค้น
“ชั้นไม่ได้รักนาย และชั้นก็จะไม่มีวันรักนาย”
ฉัตรชบาปฏิเสธแต่ก้มลงจูบปากอัคคี อัคคีประหลาดใจแต่ก็จูบตอบด้วยความรัก อัคคีดึงตัวฉัตรชบาเข้ามากอดไว้ แล้วค่อยๆ กดฉัตรชบาให้นอนลงที่เตียง
“ชั้นรักคุณค่ะ รักคุณมากนะคะอัคคี” แล้วจู่ๆ เธอก็พูดเสียงดัง “ไอ้คนสารเลว”
อัคคีสะดุ้งตื่นเฮือก
อัคคีพบว่าตัวเองฝันไป
“คุณเกลียดผมแน่เหรอฉัตรชบา”

บนโต๊ะอาหารเช้า ฉัตรชบาและอำภานั่งทานอาหารเช้ากันอยู่ เกษณีย์เดินมาที่ห้องอาหาร เห็นอำภากับฉัตรชบานั่งอยู่ก็แกล้งยิ้มเข้าไปทักทาย
“มอนิ่งค่ะคุณแม่ คุณชบา”
อำภากับฉัตรชบายิ้มรับการทักทาย
อำภาสงสัยจึงถามเกษณีย์
“หนูเกษ...ช่วงนี้ไม่เห็นหน้าเห็นตาเลยนะ หายไปไหนตั้งหลายวัน”
“เกษกลับไปอยู่บ้านกับคุณแม่น่ะค่ะ ท่านไม่ค่อยสบาย คุณแม่ท่านไม่มีใคร เกษเป็นลูก ก็ต้องไปดูแลเวลาที่ท่านเจ็บป่วยค่ะ”
“ดีแล้วล่ะจ๊ะ แต่คราวหน้าถ้าหนูเกษจะไปไหนก็บอกกันบ้างนะ จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ค่ะคุณแม่”
เกษณีย์ยิ้มรับแล้วแอบทำหน้ารำคาญ
ฉัตรชนกเดินเข้ามา พอเห็นฉัตรชบาก็ชะงักแล้วเดินออกไป
“อ้าว...ตาฉัตร ไม่ทานอะไรก่อนเหรอลูก”
“ผมมีงานด่วน ต้องรีบเข้าออฟฟิตครับ”
ฉัตรชนกเหลือบตามองฉัตรชบาด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจ ก่อนเดินออกไป
“ผมไปก่อนนะครับคุณแม่”
ฉัตรชบาเห็นอาการของพี่ชายก็ใจไม่ดี ฉัตรชบารีบตามไป
เกษณีย์ไม่พอใจที่ฉัตรชนกทำเหมือนเธอไม่มีตัวตน
อำภารีบหันไปบอกเกษณีย์
“วันนี้หนูเกษว่างไหม ไปข้างนอกเป็นเพื่อนแม่หน่อย”
“ไปไหนเหรอคะ”

ฉัตรชนกเดินออกมาที่ลานจอดรถ ฉัตรชบาตามออกมาพร้อมขวดใส่กาแฟร้อนแบบมีฝาปิด
“พี่ฉัตรคะ”
“ตามมาทำไม”
“ชบาเอากาแฟมาให้น่ะค่ะ”
“พี่จะแน่ใจได้ยังไงว่าข้างในเป็นกาแฟจริงๆ”
“กาแฟสิคะ ชบาจะโกหกพี่ฉัตรทำไมล่ะคะ”
“ก็ชบาชอบโกหกไม่ใช่เหรอ”
“หือ...?”
“อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้นะว่าคำพูดของชบามันเชื่อไม่ได้ มันไม่ใช่เรื่องจริง มีแต่คำโกหก”
“พี่ฉัตร”
ฉัตรชนกขึ้นรถขับออกไป ฉัตรชบามองตามไปด้วยความไม่เข้าใจว่าฉัตรชนกพูดหมายถึงอะไร

ต่อมา ที่โรงพยาบาล อำภาเดินมากับเกษณีย์
“คุณฉกาจป่วยครั้งนี้ ทำให้แม่เข้าใจเลยว่า ชีวิตคนเราเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมชาติ เราหนีมันไม่พ้น แม่เองก็ไม่รู้จะช่วยได้ยังไง ก็ได้แต่สวดมนต์ภาวนาให้คุณฉกาจฟื้นเร็วๆ ที่เหลือต้องให้คุณพระคุณเจ้าท่านคุ้มครอง”
พยาบาลเห็นอำภากับเกษณีย์ก็รีบวางสายโทรศัพท์
“มาพอดีเลย กำลังจะโทรไปแจ้งเลยค่ะ”
อำภาถาม “มีอะไรเหรอคะ?”
“คนไข้ฟื้นแล้วค่ะ”
เกษณีย์ตกใจ
“คุณว่ายังไงนะคะ”
“คนไข้ฟื้นแล้วค่ะ รู้สึกตัวแล้ว เมื่อเช้านี้เองค่ะ”
อำภาดีใจหันไปเขย่ามือเกษณีย์
“คุณพระคุณเจ้าท่านเมตตาเราแล้ว ไป รีบไปเร็วๆเถอะ”
อำภานำหน้าเกษณีย์ตรงไปยังห้องพักคนไข้ เกษณีย์หน้าเครียด

อำภากับเกษณีย์เปิดประตูเข้ามา
หมอส่องดูม่านตาของฉกาจ ก่อนหันมาบอกอำภา
“คนไข้รู้สึกตัวแล้วนะครับ แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดอีกสักระยะ”
อำภาเข้าไปจับมือฉกาจ ฉกาจมองเห็นเกษณีย์แล้วผงะ ชี้มือไปที่เกษณีย์
“มัน…”
เกษณีย์ตกใจ
“อะไรคะคุณ อะไรกันคะ”
ฉกาจพยายามจะลุกจากเตียง พยาบาลรีบจับตัวไว้
“ยังลุกไม่ได้นะคะ”
หมอบอก “รีแลกซ์นะครับ รีแลกซ์ครับ”
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณหมอ” อำภาถาม
“คนไข้เพิ่งฟื้น เรายังไม่แน่ใจเรื่องความทรงจำ และระบบสมอง ต้องตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งครับ”
“มัน...ทำ...”
เกษณีย์เริ่มกลัวทำอะไรไม่ถูก
“ถ้าคนไข้พารานอยด์ หมอต้องให้ยาคลายประสาทนะครับ ค่อยๆ ฟื้นตัวจะดีกว่าฟื้นกระทันหันนะครับ”
“ค่ะคุณหมอ”
หมอฉีดยาเข้าเส้นที่แขนของฉกาจ
“ อย่าเพิ่งกระตุ้นหรือเร่งเร้าคนไข้นะครับ ให้เวลาคนไข้หน่อย”
“ค่ะ”
หมอกับพยาบาลออกไป ฉกาจจ้องหน้าเกษณีย์เขม็ง
“มัน...มัน”
“อะไรคะคุณ หนูเกษไงคะ คุณจำหนูเกษไม่ได้เหรอคะ”
“บัน...ได”
“อะไรนะคะ”
“มัน...ทำ”
เกษณีย์แทรกขึ้น
“คุณพ่อพูดเรื่องอะไรกันคะ “ แล้วหันมาบอกกับอำภา “ความทรงจำของคุณพ่อน่าจะมีปัญหาแล้วล่ะค่ะคุณแม่” ก่อนจะย้ำกับฉกาจ “เกษไม่ได้ทำอะไรนะคะ”
“ฉันว่าคุณพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ เพิ่งจะฟื้น นอนพักให้สบายก่อนนะคะ”
ยาเริ่มออกฤทธิ์ ฉกาจค่อยๆหลับ
“มัน...”
ฉกาจหลับไป
“เกษว่าคงต้องรอผลสแกนสมองก่อน จะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับความทรงจำของคุณพ่อนะคะ”
“นั่นสินะ สมองอาจจะกระทบกระเทือนจนความจำเลอะเลือน”

เกษณีย์หน้านิ่งแต่แอบเครียด อำภาแอบมองเกษณีย์ รู้สึกคาใจกับคำพูดและท่าทีของฉกาจ

ฉัตรชนกคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องทำงาน

“คุณพ่อฟื้นแล้วเหรอครับ แล้วอาการของท่านเป็นยังไงบ้างครับ”
มุมหนึ่งในโรงพยาบาล อำภาบอก
“ต้องรอเช็คร่างกายอีกรอบ โดยเฉพาะสมองและความทรงจำ”
“ทำไมเหรอครับ ความทรงจำของคุณพ่อเป็นยังไงครับ”
อำภามองสำรวจรอบข้างกลัวเกษณีย์จะอยู่แถวนั้น
“คือ...พอฟื้นมาเห็นหนูเกษ พ่อเค้าก็ตกอกตกใจ ชี้ไปที่หนูเกษแล้วพูดประมาณว่า มัน...ทำ อะไรเนี่ยแหล่ะ แม่พยายามจับคำพูดของคุณพ่อ แล้วแต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี แม่ว่าคุณพ่อพยายามจะบอกอะไรซักอย่าง แต่ทุกครั้งที่คุณพ่อพูด สีหน้าท่านทั้งโกรธทั้งกลัวจนพูดไม่รู้เรื่อง”
ฉัตรชนกแปลกใจ
“จริงเหรอครับ”
“แม่ถึงได้กลุ้มใจอยู่นี่ไง หรือว่าความทรงจำของคุณพ่อจะมีปัญหาจริงๆ”
“เอาอย่างนี้ดีกว่าครับ คุณแม่พาคุณเกษกลับไปก่อน ผมจะไปหาคุณพ่อเอง
แล้วไม่ต้องบอกคุณเกษนะครับว่าผมจะไป”
ฉัตรชนกครุ่นคิด

ต่อมา ฉัตรชบาเดินนำศรุตเข้ามาในบ้าน
"คุณแม่ไปเยี่ยมคุณพ่อที่โรงพยาบาล แต่บอกให้ชบาอยู่รอศรุตที่บ้านค่ะ"
"ผมขอโทษที่ทำให้คุณไม่ได้ไปเยี่ยมคุณลุง เอางี้มั๊ย...เดี๋ยวผมจะพาคุณไปโรงพยาบาลดีมั๊ย"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวชบาค่อยไปตอนบ่ายๆ ก็ได้ ว่าแต่ศรุตมาที่นี่ มีธุระอะไรรึเปล่าคะ"
"ผมก็แค่อยากมาใช้โอกาสของผมน่ะ โอกาสที่จะทำให้คุณเปิดใจให้กับผมบ้าง"
"เราเป็นเพื่อนกันมันไม่ดีตรงไหน ทำไมถึงอยากเป็นมากกว่าเพื่อน"
ศรุตมองหน้าฉัตรชบาซาบซึ้ง แล้วจับมือฉัตรชบาขึ้นมาหอมอย่างนุ่มนวล
"ผมอยากดูแลคุณ...ไปตลอดชีวิต"
ฉัตรชบาเอามือออกอย่างสุภาพแล้วบ่ายเบี่ยง
"เป็นเพื่อนกันก็ดูแลกันได้นี่คะ"
"แต่ผมอยากเป็นมากกว่าเพื่อน...คุณก็รู้"
"แต่"
ศรุตแทรกขึ้น
"อย่าปฎิเสธผมเลยนะครับ ให้โอกาสผมได้พิสูจน์ตัวเองก่อน ให้ผมได้ทำให้คุณรักผมบ้าง"
"ชบาคิดว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะคะ" ฉัตรชบาถอนใจ "ไม่คิดว่าศรุตจะเป็นคนเข้าใจอะไรยาก"
ฉัตรชบาจะเดินหนีแต่ศรุตคว้าข้อมือไว้
"ผมเข้าใจ คุณต่างหากที่ไม่ยอมเข้าใจผม"
ฉัตรชบาพยายามบิดข้อมือออกจากมือศรุตแต่ไม่สำเร็จ
"ปล่อยนะ ชบาเจ็บ"
"ไม่ปล่อย จนกว่าคุณจะยอม"
"ยอมอะไร ชบาไม่มีอะไรต้องยอม"
"ก็ยอมแบบนี้ไง"
ศรุตสติหลุด ดึงฉัตรชบามาพยายามจะจูบ
"ศรุต อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ ปล่อย"
"แล้วจะให้ผมทำยังไง ผมขอแค่โอกาส ขอดีๆ คุณก็ไม่ให้ ต้องให้ผมทำแบบไหนคุณถึงจะยอมรักผม ผมรักคุณมากนะชบา"
ศรุตกอดจูบฉัตรชบาด้วยความรัก ฉัตรชบาดิ้นรนต่อสู้
"อย่านะ ปล่อยชบานะ บอกให้ปล่อย"
ทันใดนั้นมีมือมากระชากไหล่ศรุตออกไปแล้วชกศรุตจนล้มคว่ำไป
"อัคคี" ฉัตรชบาร้องตกใจ
ศรุตลุกขึ้นมา จะชกอัคคีตอบ การชกต่อยกันเห็นว่าอัคคีเก่งกว่า
"หยุดนะ พอได้แล้ว พอ...ชั้นบอกให้พอ"
ฉัตรชบาเข้ามาขวางกลางดันทั้งคู่ไว้
"พอได้แล้ว ... ศรุตกลับไปก่อน"
"คุณไล่ผมเพราะมันใช่มั๊ย"
"ชบาไม่ได้ไล่ แต่ชบารู้ว่านิสัยเค้าเป็นยังไง ศรุตกลับไปเถอะ ชบาขอร้อง"
"มันใช่มั๊ย ที่ทำให้คุณไม่ยอมเปิดใจให้ผม คุณชอบมันใช่มั๊ย"
"ชบาบอกให้กลับไป"
ศรุตยังยืนนิ่งไม่ยอมไป
"ไม่ได้ยินเหรอ ชบาเค้าบอกให้นายกลับไป เค้าไม่อยากเห็นหน้านาย ต่อไปนี้ก็ห้ามมายุ่งกับชบาอีก ถ้าไม่อยากเดือดร้อน เข้าใจไหม" อัคคีบอก
ศรุตจะเข้ามาชกอัคคี ฉัตรชบารีบดันไว้
"อย่านะ"
"แต่ว่า"
ฉัตรชบาแทรกขึ้น "ชบาบอกให้กลับไป"
ศรุตมองหน้าฉัตรชบาสลับกับอัคคี
"แล้วอย่าลืมที่ผมสั่งล่ะ อย่ามายุ่งกับชบาอีก"
ศรุตมองหน้าฉัตรชบา เห็นว่าฉัตรชบาไม่คัดค้านอะไรก็ผิดหวังเสียหน้า
"เพราะอย่างนี้นี่เอง ผมถึงไม่เคยได้รับโอกาสจากคุณ"

ศรุตปึงปังออกไปด้วยความเจ็บใจ

จากนั้น อัคคีเข้าไปถามฉัตรชบาด้วยความเป็นห่วง

"คุณเป็นอะไรรึเปล่า"
"ไม่ต้องมายุ่งกับชั้น"
"แต่ผมเพิ่งช่วยคุณไว้นะ จะไม่ขอบคุณซักคำเหรอ"
"ช่วยด้วยวิธีป่าเถื่อนแบบนั้น ชั้นไม่ขอบคุณหรอก"
"ก็ผมทนไม่ได้ที่เห็นมันกอดจูบคุณ หรือว่าคุณชอบ"
"บ้า พูดอะไรบ้าๆ นายกลับไปแล้ว"
"จะไม่ถามสักคำเหรอว่าผมมาทำไม"
"ชั้นไม่อยากรู้ และต่อไปนี้นายห้ามมาที่นี่อีก นายเกลียดพวกชั้นไม่ใช่เหรอ เกลียดแล้วจะมาทำไม"
อัคคีดึงตัวฉัตรชบาไปกอด
"ก็ผมคิดถึงคุณ"
"ปล่อยชั้น"
"ไม่ปล่อย"
อัคคีกอดแน่นขึ้นไปอีก
"ผมจะกอดให้หายคิดถึงก่อนแล้วถึงจะไป"
"นายจะมาคิดถึงชั้นทำไม นายเกลียดชั้นไม่ใช่เหรอ"
"ก็ไม่รู้สินะว่าคิดถึงทำไม รู้แต่ว่าอยากกอด"
"คนบ้า"
"แล้วก็อยากหอมด้วย"
อัคคีพูดแล้วก็หอมแก้มฉัตรชบา
"จะทำอะไรน่ะ ปล่อยชั้นนะ"
"อยู่นิ่งๆ"
"ชั้นบอกให้ปล่อย"
"อย่าดิ้น"
"ปล่อย"
"บอกว่าอย่าดิ้น"
อัคคีหอมแล้วหอมอีก
"ถ้าดิ้นแปลว่าอยากให้หอมอีกนะ"
ฉัตรชบาหยุดดิ้นทันที
"นายควรจะรีบไปก่อนที่คนอื่นจะกลับมา ที่นี่ก็ไม่มีใครชอบนายเหมือนที่นายไม่ชอบพวกเรานั่นแหละ"
"แต่คุณชอบผม"
"บ้า ทำไมชั้นต้องชอบนายด้วย"
"ถ้าไม่ชอบจะยอมให้กอดอยู่อย่างนี้เหรอ"
ฉัตรชบาเพิ่งรู้ตัวว่าอัคคีกอดไว้ รีบสะบัดตัวออกมาทันที
"ชั้นเกลียดนายเท่าๆ กับที่นายเกลียดชั้น หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ"
"ให้มันจริงเถอะ"
"ชั้นพูดความจริง ในเมื่อเราต่างก็เกลียดกัน ก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกัน ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่นายจะเข้ามาได้ตามใจชอบ"
"แต่นายศรุตอะไรนั่นเข้าได้ งั้นเหรอ"
"เค้าเป็นเพื่อนชั้น"
"ท่าทางมันไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนมั๊ง"
"นั่นมันเรื่องของชั้น ไม่เกี่ยวกับนาย"
"เกี่ยวสิ ในเมื่อผมเป็นผัวคุณ"
"หยาบคาย ป่าเถื่อนที่สุด"
"กับคุณคนเดียวนั่นแหละ"
"กลับไปซะ ก่อนที่ชั้นจะเกลียดนายมากไปกว่านี้"
"กลับแน่ แต่อย่าให้รู้นะว่าจะแต่งงานกับไอ้ศรุตจริงๆ ผมไม่ยอมนะจะบอกให้ ถ้าไม่เชื่อ คุณเจอดีแน่"
อัคคีขู่เสร็จก็เดินออกไป ฉัตรชบามองตามไปหน้าบึ้งๆ
"คนบ้า มาเพื่อขู่งั้นเหรอ"
ฉัตรชบาดูผิดหวังเบาๆ

ศรุตกลับเข้ามาในที่คอนโด เจอสิรดามารออยู่แล้ว
"มาที่นี่อีกทำไม"
"แล้วปกติสิร์มาทำไมล่ะคะ?"
สิรดาเข้ามากอด
"จะคุยตรงนี้หรือคุยบนเตียงดีคะ"

ต่อมา ศรุตกับสิรดาเพิ่งร่วมกิจกรรมกันเสร็จ สิรดากอดศรุต
"โกรธใครมาเหรอคะ แรงเยอะเชียว สิร์เจ็บไปทั้งตัวเลย"
ศรุตถอนใจเครียดๆ
"รู้ใช่มั๊ยว่ามันจะจบแค่นี้ ไม่มีต่อ"
"ทำไมล่ะคะ ในเมื่อคุณก็มีความสุข สิร์เองก็มีความสุข แล้วเราจะจบมันทำไมล่ะคะ น่าเสียดายออก"
"ผมคบกับคุณไม่ได้ พูดกันตรงๆ แฟร์ๆ ตรงนี้เลย"
"ถ้าคบไม่ได้ ก็แค่มาสนุกกันก็ได้นี่คะ"
"แล้วมันแฟร์กับคุณเหรอ คุณเป็นผู้หญิงนะ"
"ยุคนี้อย่าคิดอะไรเยอะเลยคะ อะไรที่ทำแล้วมีความสุข ก็ทำไปเถอะค่ะ"
"แน่ใจนะว่าคุณรับได้"
"แน่ใจสิคะ คุณเองก็รู้ว่าคุณขาดสิร์ไม่ได้ ไม่มีใครให้คุณได้มากเท่าสิร์หรอก
ค่ะ เชื่อเถอะค่ะ"
"แต่ผมไม่เปิดเผยนะ"
"ก็โอเคค่ะ แฟร์กับสิร์ดี ในเมื่อคบเป็นแฟนไม่ได้ จะเปิดเผยไปทำไมให้เสียเครดิตล่ะคะ"

สิรดาจูบกับศรุต

กล้องวงจรปิด ถูกติดตั้งเสร็จแล้ว

ฉัตรชนกแอบติดตั้งเอง ฉกาจยังนอนหลับอยู่เพราะฤทธิ์ยา
"ผมไม่ไว้ใจใครบางคน กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อ ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นอย่างที่ผมระแวง กล้องจะมีคำตอบให้เราเอง"

เกษณีย์ยังอยู่หัวโต๊ะอีกฝั่งตรงข้ามกับเสี่ยเป้า เกษณีย์วางเงินปึกหนึ่งลงตรงหน้าเสี่ยเป้า
"เกษพร้อมจะชนะแล้ว ลงมือเลยสิคะ"
"ใจเย็นๆ ต้องเตือนไว้ก่อนนะ ว่าเกมส์ที่ผมจะเปิดให้เล่นวันนี้ ไม่หมูเหมือนที่ผ่านมา แล้วก็ไม่ใช่ทุกคนที่ผมจะยอมให้เล่นด้วย"
"เปิดเกมส์เถอะค่ะ ชั้นต้องรีบใช้เงิน"
" วางขั้นต่ำหนึ่งแสน"
เกษณีย์เลื่อนปึกเงินตรงหน้าเข้าไปอีก
"หนึ่งแสนบาท เกษพร้อมแล้ว"
การเล่นพนันของเกษณีย์กับเสี่ยเป้า ครั้งนี้ .... เกษณีย์สีหน้าเครียดขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เสี่ยเป้าซ่อนยิ้มร้าย

พัฒนะนั่งรอเกษณีย์ในร้านกาแฟที่นัดหมายอย่างหงุดหงิด ดูเวลาบ่อยๆ
"ทำไมช้านักวะ"
ทุกอิริยบทของพัฒนะถูกนักสืบเก็บภาพไว้

เกษณีย์นั่งหน้าเครียดอยู่ในบ่อน มองไพ่ในมือแล้วตัดสินใจวางไพ่ลง
"อะไร จะยอมแพ้ง่ายๆ เลยเหรอครับ"
"เล่นไปก็มีแต่เสียกับเสีย วันนี้เกษดวงไม่ดี หยุดก่อนดีกว่าค่ะ"
"การเสี่ยงโชคมันก็อย่างนี้แหละครับ มีได้มีเสียเป็นเรื่องธรรมดา"
"เกษจะเสียไม่ได้ เกษต้องได้เท่านั้น"
"แล้วก่อนหน้านี้ไม่เรียกว่าได้เหรอครับ ที่คุณเกษเสียไปยังไม่ถึงครึ่งของที่เคยได้เลย ถอดใจซะแล้วเหรอครับ"
เกษณีย์นิ่งคิด ผีพนันเข้าสิงจนไม่สามารถเลิกเล่นได้
"ถ้าหยุดตอนนี้ก็เสียแน่นอน เสี่ยงต่อสิครับ ถ้าอยากได้คืน"
"เกษไม่มีทุน เกษหมดตัวแล้วค่ะ"
"แล้วถ้าผมมีล่ะ"
"หมายความว่ายังไง"
"ถ้าผมมีทุนให้คุณสนุกต่อล่ะครับ"
"นี่เสี่ยจะให้เกษยืมเงินเหรอคะ"
"เกมส์กำลังสนุก ผมไม่อยากให้คุณเกษรีบหยุด อยากได้ทุนเท่าไหร่ก็บอกตัวเลขมา ผมพร้อมเสมอ"
เกษณีย์ครุ่นคิด

ฉัตรชบาเข้ามาในห้องคนไข้ เห็นฉกาจหลับอยู่ ฉัตรชบาเข้าไปจับมือฉกาจ
"คุณพ่อคะ ชบามาเยี่ยมคุณพ่อแล้วค่ะ"
พยาบาลเข้ามา
"คุณหมอให้ยาคลายประสาทคนไข้ไว้นะคะ คนไข้ก็เลยหลับ แต่เดี๋ยวยาก็ใกล้หมดฤทธิ์แล้วล่ะค่ะ ยังไงอย่าทำให้คนไข้ตื่นเต้นตกใจนะคะ เดี๋ยวจะช็อกได้"
"ค่ะ"
พยาบาลออกไป ฉัตรชบานั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง
"ชบาจะรอจนกว่าคุณพ่อตื่นนะคะ"

ที่บ่อน เกษณีย์ลุกขึ้น
"เกษไม่เล่นแล้ว"
"ใจเย็นๆก่อนสิครับ"
"จะให้ใจเย็นได้ยังไง เสียจนหมดตัวแล้วเนี่ย"
"อยากได้คืนก็ต้องเล่นต่อสิครับ"
เสี่ยเป้าวางเงินปึกใหญ่ตรงหน้าเกษณีย์
"ผมให้ยืม ดวงขึ้นเมื่อไหร่ค่อยเอามาคืนผม"
"วันนี้เกษดวงไม่ดี เกษจะกลับมาใหม่ก็แล้วกันค่ะ"
เกษณีย์คว้าเงินใส่กระเป๋า
"ผมจะรอนะครับ หวังว่าจะไม่ทำให้รอเก้อ"
เกษณีย์เดินออกไปอย่างไม่สบอารมณ์

เกษณีย์ลงนั่งหน้าหงิก ตรงหน้าพัฒนะ
"ทำไมเพิ่งมา โทรไปก็ไม่รับสาย หมายความว่ายังไง"
"ชั้นก็มัวแต่ไปหาเงินมาให้แกน่ะสิ"
"แล้วไหนล่ะเงิน"
"ไม่มี"
"เฮ้ย...พูดอย่างนี้ได้ไงวะ"
"ก็มันไม่มีจริงๆ นี่ วันนี้ชั้นดวงไม่ดี เล่นอะไรก็เสียหมด"
"ก็เตือนแล้วว่าการพนันมันมีได้มีเสีย ทางเดียวที่จะไม่ต้องเสียก็มีอยู่ ไม่รู้จักเอาไปคิด"
"จะให้ชั้นยอมเป็นเมียเสี่ยเป้าน่ะเหรอ ไม่มีทางหรอก"
"แล้วจะโง่ตกเป็นเหยื่อให้มันอย่างนี้ต่อไปน่ะเหรอ"
"มันก็แค่วันซวยๆ วันหนึ่งเท่านั้น อย่าเว่อร์ไปหน่อยเลยน่า"
"ถ้าซวยติดๆกัน ระวังเถอะจะถอนตัวไม่ขึ้น แล้วพอถึงตอนนั้นอะไรก็ต้องยอมแลก"
"อย่ามาขู่ชั้นหน่อยเลย พรุ่งนี้เดี๋ยวชั้นก็ได้ วันนี้ก็แค่ ซวย"
"ก็ตามใจ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าใกล้ถึงเวลาที่ผมต้องใช้หนี้เสี่ยเป้าแล้ว ผมไม่สนว่าคุณจะหาเงินมาจากไหน แค่หามาให้ได้เท่านั้นพอ"
เกษณีย์หน้าเครียด

ตอนกลางคืน ฉกาจตื่นขึ้นมาเห็นฉัตรชบาฟุบหลับอยู่ข้างๆ เตียง
"ชบา ชบา...ลูก"
ฉัตรชบาค่อยๆ งัวเงียตื่นขึ้นมา
"คุณพ่อ"
ฉัตรชบาดีใจหายง่วงทันที รีบโผเข้ากอดฉกาจ
"คุณพ่อฟื้นแล้วจริงๆ ด้วย ชบาดีใจจังเลยค่ะ"
"ชบา...ฟังพ่อ"
"ค่ะคุณพ่อ คุณพ่อมีอะไรเหรอคะ"
"คน...ที่...ผลัก..."
เกษณีย์เปิดประตูผลัวะเข้ามาพอดี ฝืนยิ้มไว้
" อ้าว...ฟื้นแล้วเหรอคะคุณพ่อ"
ฉกาจหุบปาก ตัดสินใจยังไม่พูดให้เกษณีย์รู้ตัว
"คุยอะไรกันอยู่เหรอคะ"
"คุณพ่อพูดว่า คนที่...ผลัก อะไรสักอย่างนี่แหล่ะคะ คุณพ่อพูดต่อซิคะ"
ฉกาจเหลือบตามองเกษณีย์แล้วหันมามองฉัตรชบา
ฉกาจส่ายหน้าไม่ยอมพูดต่อ
"สงสัยสมองคุณพ่อจะมีปัญหาจริงๆซะแล้วล่ะค่ะ แต่ไม่ต้องกลัวนะคะ พรุ่งนี้คุณหมอจะสแกนสมองอีกครั้ง จะได้รู้ อะไรเป็นอะไร"
"แปลกจังนะคะที่คุณเกษมาเยี่ยมคุณพ่อ"
"เห็นเกษเป็นคนใจจืดใจดำไปได้ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน คุณพ่อป่วย เกษก็ต้องมาเยี่ยมสิคะ"
ฉัตรชบามองเกษณีย์แบบไม่เชื่อใจ
เกษณีย์รีบเปลื่ยนเรื่อง
"เกษว่าเรากลับบ้านกันเถอะค่ะ คุณพ่อจะได้พักผ่อน"
"ก็ได้ค่ะ" ฉัตรชบาบอกกับฉกาจ "งั้นพรุ่งนี้ชบาจะมาเยี่ยมแต่เช้าเลยนะคะ คุณพ่อ"
เกษณีย์คะยั้นคะยอ
"ไปเถอะค่ะ"

เกษณีย์ดึงมือฉัตรชบาให้เดินออกไป

เกษณีย์กับฉัตรชบาเดินออกมาจากในห้องไปยังโถงทางเดิน

"อุ้ย...เกษลืมกระเป๋าน่ะค่ะ เดี๋ยวเกษมานะคะ"
เกษณีย์กลับเข้าไปในห้อง
ฉัตรชบามองถามสงสัยในพฤติกรรมของเกษณีย์

ในห้องพักผู้ป่วย เกษณีย์กลับเข้ามาเดินตรงไปหาฉกาจ หยิบหมอนขึ้นมาใบหนึ่งเหมือนจะใช้กดหน้าฉกาจ
ฉกาจตกใจกลัวตาย
"อย่า..."
เกษณีย์ยิ้มแล้วเอาหมอนซ้อนหลังให้
เกษณีย์ยิ้ม "เดี๋ยวจะเมื่อยคอ" พลางก้มลงกระซิบข้างหู "อย่าปากสว่าง ถ้าไม่อยากให้ลูกสาวแกเป็นอะไร"
เกษณีย์พูดไปยิ้มไป ท่าทางเหมือนมาดี ไม่ได้ร้าย
"ฝันดีนะคะ"
เกษณีย์เดินออกไป ฉกาจมองตามไปอย่างเครียดๆ

เกษณีย์เดินออกมาพร้อมกระเป๋าถือบอกกับฉัตรชบาที่รออยู่
"ไปกันเถอะค่ะ"
เกษณีย์จูงมือฉัตรชบาออกไปอย่างสนิทสนม

มุมหนึ่ง ...อัคคีแอบดูอยู่ ก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องของฉกาจ แต่พยาบาลเข้ามาเห็นพอดี
"เดี๋ยวก่อนค่ะ"
"หมดเวลาเยี่ยมแล้วเหรอครับ"
"ไม่เกี่ยวกับเรื่องเวลาหรอกค่ะ แต่ญาติของผู้ป่วยไม่อนุญาตให้คุณเข้าเยี่ยม นะคะ"
"แต่ว่าผม..."
พยาบาลแทรกขึ้น
"ไม่อย่างนั้นทางเราต้องแจ้งความนะคะ"
อัคคีอึ้งไป
"โอเคครับ งั้นผมจะกลับ แต่ว่าคนไข้เป็นยังไงบ้างครับ"
"คนไข้ฟื้นแล้วค่ะ"
อัคคียิ้มกว้าง
"ขอบคุณครับ"
อัคคีเดินออกไป

ที่คอนโดฯ ศรุตเปิดประตูให้สิรดา ย้ำ
"จบนะครับ"
"ค่ะ"
"รู้ใช่ไหมครับว่าผมพูดจริงทำจริง"
ศรุตดึงประตูปิด เดินกลับมานั่งลงที่โซฟา นึกไปถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น

ฉัตรชบาเข้ามาขวางกลางดันทั้งคู่ไว้
"พอได้แล้ว ... ศรุตกลับไปก่อน"
"คุณไล่ผมเพราะมันใช่มั๊ย"
"ชบาไม่ได้ไล่ แต่ชบารู้ว่านิสัยเค้าเป็นยังไง ศรุตกลับไปเถอะ ชบาขอร้อง"
"มันใช่มั๊ย ที่ทำให้คุณไม่ยอมเปิดใจให้ผม คุณชอบมันใช่มั๊ย"
"ชบาบอกให้กลับไป"
ศรุตยังยืนนิ่งไม่ยอมไป
"ไม่ได้ยินเหรอ ชบาเค้าบอกให้นายกลับไป เค้าไม่อยากเห็นหน้านายต่อไปนี้ก็ห้ามมายุ่งกับชบาอีก ถ้าไม่อยากเดือดร้อน เข้าใจไหม"
ศรุตจะเข้ามาชกอัคคี ฉัตรชบารีบดันไว้
"อย่านะ"
"แต่ว่า"
ฉัตรชบาแทรกขึ้น "ชบาบอกให้กลับไป"
ศรุตมองหน้าฉัตรชบาสลับกับอัคคี
"แล้วอย่าลืมที่ผมสั่งล่ะ อย่ามายุ่งกับชบาอีก"

ศรุตในปัจจุบันบอก

"ชบา...คุณต้องเป็นของผม ไม่ใช่ของมัน"

ที่บาร์หรู ดูดีแห่งหนุ้ง อัคคีนั่งดื่มอยู่ จิดาภาเข้ามาถึง

"นั่งดื่มคนเดียวไม่เหงาหรือคะ"
"ขอโทษที่ผมทำให้จิต้องออกมาดึกๆ"
"ไม่เป็นไรค่ะ เพื่อนต้องช่วยเพื่อนสิคะ"
"ดื่มอะไรมั๊ยครับ"
"ขอเป็นน้ำส้มแล้วกันค่ะ"
อัคคีสั่งบาร์เทนเดอร์
"ขอน้ำส้มให้คุณผู้หญิงครับ"
"ครับผม"
"มีเรื่องอะไรคะ ว่ามาเลย ชั้นพร้อมฟังคุณแล้วค่ะ"
"คุณฉกาจฟื้นแล้ว"
"จริงเหรอคะ อย่างนี้คุณก็มีพยานยืนยันแล้วสิคะ"
"ผมก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น แต่จิก็รู้ว่าพวกเค้ารู้ว่าผมคิดยังไงกับพวกเค้า ผมทำตัวเป็นศัตรูมาตลอด เค้าจะยอมช่วยผมรึเปล่า ผมไม่แน่ใจ"
"ชั้นจะลองถามจากคุณฉัตรดูว่าพวกเค้าคิดอะไรกันอยู่ ดีไหมคะ"
"จินี่เป็นเพื่อนที่ดีเสมอเลยนะ ขอบคุณมากนะครับ"
"การช่วยคุณทำให้ชั้นได้พบกับเค้า ชั้นต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณ"
"รีบหน่อยก็ดีนะครับ เกษณีย์คนร้ายตัวจริงก็รู้ว่าท่านฟื้นแล้ว ผมว่าเธอคงไม่อยู่เฉยแน่ ผมเองก็อยู่เฉยไมได้เหมือนกัน"
"คุณคิดจะทำอะไรคะ"
อัคคีหน้าเครียด

เวลากลางคืน เกษณีย์เปิดห้องนอนเข้ามา เกสรตามหลังมาด้วย
"ทำไมแกไม่กลับไปบ้านโน่น มาที่นี่บ่อยๆ มันไม่ดีรู้มั๊ย เดี๋ยวคนบ้านโน้น เค้าจะเข้าใจผิด"
"เกษไม่สบายใจ ไม่อยากอยู่ที่โน่น แล้วกลับมานอนบ้านตัวเองบ้างก็ไม่เห็นจะแปลกนี่คะ"
"ทำไมจะไม่แปลก ชั้นเป็นแม่แกชั้นยังสงสัยเลยว่ามาที่นี่ทำไม ตกลงแกไม่สบายใจเรื่องอะไร"
"โอ้ย...แม่อย่าถามมากนักเลยน่า ขอเกษอยู่เงียบๆ คนเดียวได้มั๊ย"
"ย่ะ"
"นี่แม่ และอีกอย่าง เกษบอกนังแก่ไปว่าแม่ป่วย เกษมาดูแลแม่ ถ้านังแก่มันโทร.มา แม่รู้นะว่าควรทำยังไง"
"ย่ะคุณลูกบังเกิดเกล้า แกแช่งแม่อย่างนี้มันบาปกรรมนะรู้ไหม ตกนรกไม่ได้ผุดได้เกิด ทีหลังหัดหาเหตุผลให้มันดีกว่านี้หน่อย ไม่งั้นนรกจะกินหัวแก เข้าใจไหม"
เกษณีย์ทิ้งตัวลงบนที่นอน
"เกษเหนื่อย อยากพัก"
"พักก็พักอย่างเดียว มือไม้อย่าให้มันไวนัก"
"แม่พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง"
"อย่าคิดว่าชั้นไม่รู้นะว่าแกเป็นคนขโมยเครื่องเพชรชั้นไป ถ้าแกยังไม่เลิกนิสัยนี้ ชั้นจะแจ้งความเอาแกเข้าคุก ดัดสันดานซะให้เข็ด"
เกสรออกไป
มือถือเกษณีย์มีข้อความเข้า เกษณีย์เปิดออกดูด้วยสีหน้าครุ่นคิด

ฝ่ายอัคคีวางมือถือลงข้างตัว
"แน่จริงก็ออกมาสิเกษณีย์"

อัคคีนึกถึงที่คุยกับคฑาตอนหัวค่ำ

คฑาส่งรูปทั้งหมดให้อัคคี
"คุณเกษณีย์ไปบ่อนเสี่ยเป้าแทบทุกวัน ผมยังได้ข้อมูลวงในมาว่า เธอเสียพนันที่นั่นเป็นเงินหลายล้าน แต่เสี่ยเป้าให้ยืมเงินต่อทุนเพื่อเล่นต่อและเธอก็รับไว้"
"เกษณีย์กำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน"
"อย่างมากครับ" คฑาบอก
"เงินจำนวนไม่น้อย เค้าเอาไปทำอะไรกันแน่"
"จากข้อมูลที่ได้มา ผมว่ามันน่าจะเกี่ยวข้องกับนายพัฒนะ เพราะเขาก็ไปที่
บ่อนเหมือนกัน"
"หญิงโฉดชายชั่วร่วมมือกัน มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ คุณตามต่อไปแล้วส่งข่าวมาให้ผมเป็นระยะๆ"
"ครับ"
อัคคีครุ่นคิดถึงเกษณีย์

"ในเมื่อคุณอยากได้เงิน ผมก็จะเสนอเงินให้คุณ"

บนโต๊ะอาหาร เช้าวันใหม่ ฉัตรชนกเลื่อนเก้าอี้ให้จิดาภานั่งลง

อำภาเห็นความน่ารักเรียบร้อยของจิดาภาแล้วถูกชะตา แต่ไม่ถึงกับอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้เพราะ
ฉัตรชนกยังมีเกษณีย์เป็นภรรยาอยู่
"ขอบคุณค่ะ ขอโทษนะคะที่มารบกวนแต่เช้าเลย"
"ไม่ต้องขอโทษหรอกจ้ะ มาทานข้าวเช้าด้วยกันทุกวันเลยก็ได้" อำภาบอก
"ชาหรือกาแฟครับ"
"ขอกาแฟดีกว่าค่ะ"
"ได้เลยครับ"
"ชอบดื่มกาแฟเหมือนตาฉัตรเลย สองคนนี้มีอะไรเหมือนกันหลายอย่างนะ"
จิดาภายิ้มรับ ฉัตรชนกรินกาแฟส่งให้
"ใส่น้ำตาลมั๊ยครับ"
"นิดนึงค่ะ"
ฉัตรชนกตักน้ำตาลใส่แก้วกาแฟให้
"ขอบคุณค่ะ"
"แหม...พอมีแขกหน่อย ดูแลแต่แขกไม่สนใจน้องสาวเลยนะคะ ชบางอนแล้วนะ" ฉัตรชบาบอก
"ไม่ต้องไปงอนพี่เค้าเลย เราน่ะทานข้าวต้มเป็นเพื่อนแม่"
"ค่ะคุณแม่"
"เดี๋ยวทานเสร็จแล้ว จะไปเยี่ยมคุณลุงกันเลยรึเปล่าคะ"
"ป้ากับชบาจะไปจ๊ะ แต่ตาฉัตรน่ะเค้าต้องไปทำงาน"
"งั้นหนูขอไปเยี่ยมด้วยคนนะคะ"
"ได้สิจ๊ะ คนไปเยี่ยมเยอะๆ คนป่วยจะได้ดีใจ"
"ส่วนผมคงต้องดูภาพจากเทปเอา"
"เทป...เทปอะไรเหรอคะ"
"พี่ฉัตรให้ติดกล้องวงจรปิดไว้ในห้องพักคุณพ่อน่ะค่ะ เพราะเราไม่ไว้ใจใครบางคน"
"หมายถึงใครเหรอคะ"
"ก็คนที่ทำให้ท่านต้องเป็นแบบนี้น่ะสิคะ"
"ชบา" ฉัตรชนกปราม
ฉัตรชนกปรามฉัตรชบาที่พูดมากไปแล้ว
"ไม่เป็นไรหรอกตาฉัตร"
"มีอะไรรึเปล่าคะ ถ้าเป็นความลับ หนูไม่ถามก็ได้นะคะ ขอโทษที่เสียมารยาทค่ะ"
"ไม่ใช่ความลับหรอกจ้ะ คืออย่างนี้...ตอนที่คุณฉกาจเค้าฟื้นน่ะ หนูเกษเค้าไปเยี่ยมกับป้าด้วย พอคุณฉกาจเห็นหนูเกษเข้า ก็ตกอกตกใจลนลาน ชี้หน้าพูดจาทำนองว่าหนูเกษทำ อะไรทำนองเนี่ย ป้าฟังไม่ถนัด"
" คุณเกษณีย์น่ะเหรอคะ จะเป็นไปได้ยังไงคะ"
"ป้าก็ว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ ความทรงจำของท่านคงจะสับสน เราก็รู้กันอยู่ว่าคนที่ลงมือทำคือนายอัคคี"
"แต่ก็น่าสงสัยนะคะคุณแม่ ถ้าเป็นนายอัคคีจริงทำไมคุณพ่อถึงชี้ไปที่คุณเกษล่ะคะ"
"หนูเกษจะทำเรื่องอย่างนั้นได้ยังไงกัน หนูเกษเป็นภรรยาของตาฉัตร คุณฉกาจถึงไม่ใช่พ่อแท้ๆแต่ก็เป็นพ่อสามี หนูเกษก็ต้องรักและเคารพคุณฉกาจอยู่แล้ว"
จิดาภาสะดุดตรงคำว่าเกษณีย์เป็นภรรยาของฉัตรชนก รู้ว่าตัวเองกำลังเผลอใจไปชอบสามีคนอื่น
ฉัตรชนกเห็นจิดาภาไม่สบายใจ ก็ได้แต่สงสาร
"ส่วนนายอัคคีน่ะทำได้อยู่แล้ว เพราะทั้งเกลียดทั้งแค้นพวกเรายังกับอะไรดี"
ฉัตรชบาบอก "แต่ชบาก็ยังสงสัยอยู่ดีล่ะค่ะ คุณพ่อจะตกใจทำไมที่เห็นคุณเกษ"
"ชบากำลังเข้าข้างใครอยู่รึเปล่า"
"เปล่านี่คะพี่ฉัตร ชบาไม่ได้เข้าข้างใคร แต่ชบาพูดไปตามสิ่งที่มันเกิดขึ้น"
"แน่ใจนะว่าไม่ได้เข้าข้างนายอัคคี"
"ชบาไม่มีทางเข้าข้างคนแบบนั้นหรอกค่ะ"
"ก็ดีแล้ว เพราะถ้าชบาเข้าข้างคนที่เป็นศัตรูกับเรา พี่คงผิดหวังในตัวชบา"
"เอ่อ...ชบาอิ่มแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ"
ฉัตรชบาลุกออกไป ฉัตรชนกมองตามไป
"ทำไมคุณฉัตรถามคุณชบาแบบนั้นล่ะคะ" จิดาภาถาม
"ในสถานการณ์แบบนี้เราไม่รู้หรอกครับว่าใครพูดจริง ใครโกหก ใครเป็นคนทำ หรือใครเป็นผู้บริสุทธิ์ มีแต่กล้องเท่านั้นที่ไม่โกหก"
ฉัตรชนกเครียด

ในร้านกาแฟเงียบๆลับตาคน อัคคีนั่งรออยู่แล้ว เกษณีย์เข้ามา นั่งลงตรงข้าม
"ไม่คิดว่าคุณจะกล้ารับคำเชิญของผม"
"ชั้นไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมชั้นต้องไม่กล้าด้วยล่ะคะ"
"ไม่ใช่เวลาพูดเรื่องผิดถูก เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะครับ"
"ว่ามาสิคะ"
อัคคีวางเช็คตรงหน้าเกษณีย์
"เช็คเงินสดสิบล้านบาท"
"แลกกับอะไรคะ"
"ความจริงเกี่ยวกับความตายของของน้องสาวผม ใครเป็นคนทำ ใครลงมือ ใครวางแผน ผมต้องการความจริงทั้งหมด"
เกษณีย์มองเช็คตรงหน้านิ่งๆ
"เงินเยอะนะครับ คิดให้ดีก่อนตัดสินใจ ผมรู้นะว่าคุณกำลังต้องการเงิน"
"รู้ได้ยังไง"
"คุณคงไม่ได้เข้าบ่อนเพราะความสนุกหรอกมั้งครับ"
"คุณรู้ได้ยังไงว่าชั้นไปบ่อน"
"ผมรู้อะไรมากกว่าที่คุณคิดก็แล้วกัน"
เกษณีย์เลื่อนเช็คตรงหน้ากลับไปหาอัคคี
"เก็บเช็คของคุณไว้เถอะค่ะ ชั้นไม่มีอะไรจะแลกกับเงินก้อนนี้"
"คุณจะบอกว่าคุณไม่รู้ ไม่เกี่ยวข้องกับการตายของศางั้นเหรอ"
"นี่คุณจะให้ชั้นพูดกับคุณกี่ครั้งถึงจะเข้าใจ ว่าชั้นไม่รู้ ไม่เห็น ไม่เกี่ยวข้องอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม แล้วอีกอย่างชั้นเป็นภรรยาของคุณฉัตรชนก ศัตรูของคุณ ชั้นไม่มีหน้าที่ต้องช่วยเหลือคุณ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรทั้งนั้น เงินของคุณซื้อชั้นไม่ได้หรอกค่ะ เลิกยุ่งกับชั้นได้แล้ว"
"แน่ใจนะครับว่าเงินซื้อคุณไม่ได้จริงๆ"
"เราไม่มีเรื่องต้องตกลงกันแล้ว ชั้นขอตัว"
เกษณีย์ลุกออกไป อัคคีมองตามไป

"ถ้าเงินง้างปากคุณไม่ได้ ผมก็ต้องหาหลักฐานอื่นสินะ...เกษณีย์"

อัคคีเดินกลับเข้าบ้านมาเจอจิดาภานั่งรออยู่

"ขอโทษที่ให้รอ ผมรีบมาที่สุดแล้ว"
"ไม่เป็นไรค่ะ ชั้นรอได้"
"ได้เรื่องยังไงบ้างครับ"
"ตอนที่คุณฉกาจฟื้นขึ้นมาเห็นหน้าคุณเกษณีย์ ท่านก็แสดงอาการตกใจ และชี้ไปที่คุณเกษณีย์และพูดว่า มัน...ทำ"
"ในที่สุดความจริงก็ใกล้จะเปิดเผยแล้ว"
"ใช่ค่ะ ถ้าคุณฉกาจหายดี ท่านจะต้องเป็นพยานให้คุณได้ ทีนี้คุณจะได้พ้นผิดซะที" จิดาภาคิดหนัก ถอนใจ "แต่ก็ยังมีเรื่องที่น่าหนักใจค่ะ"
"มีอะไรเหรอครับ"
"คุณฉัตรมั่นใจว่าคุณเป็นคนทำ และเชื่อว่าคุณต้องย้อนกลับมาปิดปากคุณฉกาจ ก็เลยติดกล้องวงจรปิดเพื่อเป็นหลักฐานมัดตัวคุณ"
"ก็ดีสิครับ ถ้าคนร้ายตัวจริงมันลงมือ จะได้มีหลักฐาน"
"แต่คุณเกษเธอเป็นคนใน ยังไงเธอก็ต้องรู้เรื่องกล้องนั่น เธอคงไม่โง่ลงมือหรอกค่ะ นอกเสียจากว่า..."
"อะไรครับ"
"เธอจะยืมมือคนอื่นทำ"
"ก็เป็นไปได้ ผู้หญิงคนนี้ร้ายกว่าที่ผมคิด เธอทำได้ทุกอย่าง ผมว่าคนที่เราควรจะห่วงตอนนี้คือคุณฉกาจ"
"ไหนคุณเคยบอกว่าเค้าเป็นศัตรูของคุณ แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมคุณถึงห่วงศัตรูของตัวเองได้"
อัคคีอึ้งพูดไม่ออก
"อะไรเปลี่ยนใจคุณเหรอคะ"
"ไม่มีอะไรเปลี่ยนใจผมได้หรอกครับ ยังไงบ้านนั้นก็ยังเป็นศัตรูของผมจนกว่าความจริงจะเปิดเผยว่าพวกเค้าบริสุทธิ์"
"แน่ใจนะคะว่าใจคุณไม่ได้เปลี่ยนไปเพราะใครบางคน อย่างคุณฉัตรชบา"
อัคคีอึ้ง
"ไม่มีใครเปลี่ยนใจผมได้ โดยเฉพาะฉัตรชบา"

ภายในบ่อน เกษณีย์นั่งลงตรงข้ามกับเสี่ยเป้า วางเงินปึกหนึ่งลงตรงหน้า
"เทหมดตัว เปิดเกมส์ได้เลย"
"ใจเย็นๆ คิดให้ดีก่อนนะครับ ถ้าหมดตัวเกมส์นี้ จะเอาอะไรไปเสี่ยงต่อล่ะครับ"
"เกษไม่มีเวลาเสี่ยงมากนักหรอก เปิดเกมส์เถอะค่ะ"
"ท่าทางคุณจะร้อนเงินน่าดู มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้นะครับ"
"เกษต้องใช้เงิน"
"เท่าไหร่"
"เกษไม่เอาเงินเสี่ยหรอก เงินที่เอามาเล่น พอเล่นได้ เกษก็จะคืนให้ทันที เกษไม่ชอบเป็นหนี้ใคร"
"ก็ดีที่ไม่คิดเป็นหนี้ผม เพราะลูกหนี้ของผมต้องเจอกับอะไรบ้าง ใครๆก็รู้"
"เปิดเกมส์เถอะ เกษไม่มีเวลาจะมาให้ใครข่มขู่"
เสี่ยเป้าเปิดเกมส์ด้วยสีหน้าร้าย

ฝ่ายศรุตยังนิ่งคิดถึงเรื่องเดิมๆ ฉัตรชบา ขวางอัคคีกับเขา ...
ศรุตหยิบกุญแจรถแล้วออกจากห้องไป

ศรุตเปิดประตูเข้าไปในร้านเพชร พนักงานกล่าวต้อนรับ
"สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ดิฉันรับใช้คะ"
"ผมอยากได้แหวนหมั้นครับ"
พนักงานยิ้มรับ เดินไปหยิบแหวนมาให้ศรุตดู
ศรุตมองแหวนด้วยสีหน้าจริงจัง

ต่อมา ภายในห้องรับแขก บ้านฉัตรชนก
ศรุตเปิดกล่องแหวนออกเห็นแหวนเพชรวงหนึ่ง อำภานั่งอยู่กับฉัตรชบาที่มีสีหน้าไม่สบายใจ
"คุณพ่อ คุณแม่ผมท่านอยู่ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยได้กลับมาเมืองไทย ผมเลยถือโอกาสเอาตัวเองเป็นเถ้าแก่มาสู่ขอชบาด้วยตัวเองครับ และถ้าคุณพ่อคุณแม่ผมกลับมาเมื่อไหร่ ผมจะให้ท่านมาสู่ขอชบาอย่างเป็นทางการอีกครั้งนะครับ"
อำภายิ้มแย้มต้อนรับ หันไปถามฉัตรชบา
"ว่ายังไงชบา ศรุตเค้าเอาจริงแล้วนะ เราน่ะพร้อมรึยัง"
"ศรุตคะ ชบาคิดว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้ว"
"ผมก็คิดว่าคุณจะฟังคำขอร้องของผม ยอมให้ผมได้ดูแลชีวิตคุณ"
"แต่ว่าชบา..."
ศรุตพูดแทรกขึ้น
"คุณจะรังเกียจผมไปถึงไหน"
"ชบาไม่ได้รังเกียจศรุต แต่ก็ไม่ได้..."
"งั้นก็ให้โอกาสผมเถอะนะ ผมขอร้องล่ะ" ศรุตส่งแหวนให้ "ให้โอกาสผมได้รักคุณ ดูแลคุณ ผมสัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้"
ฉัตรชบาไม่ยอมส่งมือให้สวมแหวน
อำภารีบแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
"ชบาคงยังตั้งตัวไม่ทันน่ะลูก เอาอย่างนี้ดีมั๊ย ป้าจะถือซะว่าศรุตได้มาสู่ขอชบาแล้วตามธรรมเนียม ต่อจากนี้ก็ให้เวลาชบาเค้าสักหน่อย ถือว่าเป็นการรอให้คุณฉกาจได้รับรู้ด้วย และที่สำคัญจะได้รอให้คุณพ่อคุณแม่ของศรุตมาสู่ขอชบาให้ถูกต้องตามประเพณี"
"ครับ ผมจะรอนะชบา"
ฉัตรชบาอึดอัดใจทนไม่ไหว ลุกหนีไป
"อ้าว...ชบา จะไปไหนล่ะลูก"
ฉัตรชบาไม่ตอบแต่เดินออกไป ศรุตจะตาม
"ชบา"
"ไม่ต้องตามหรอกลูก ชบาคงตกใจน่ะ ให้เวลาชบาตั้งตัวตั้งสติก่อน แล้วป้าจะช่วยพูดให้"
"ขอบพระคุณครับคุณป้า"

ฉัตรชบาเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเครียด ก่อนเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อผ้าออกมาจัดกระเป๋าอย่างรวดเร็ว

ฉัตรชบาถือกระเป๋าเสื้อผ้าแล้วแอบย่องมาขึ้นรถขับออกไป รถคันหนึ่งซุ่มจอดอยู่ถ่ายรูปรถฉัตรชบาไว้แล้วขับรถตามไป

อัคคีคุยโทรศัพท์กับคฑา
"ศรุตมาที่บ้าน ส่วนชบาก็ขับรถออกไปงั้นเหรอ"
"ใช่ครับ ตอนนี้ผมกำลังขับรถตามคุณชบาไป"
"ดี...แล้วแจ้งผมด้วยว่าชบาไปที่ไหน"
"ครับ"
อัคคีวางสายไป

"เกิดอะไรขึ้นนะชบา"

อ่านต่อตอนที่ 20
กำลังโหลดความคิดเห็น