ไอเอ็มซี ไลฟ์ กรุ๊ป (IMC Live GROUP) เป็นอีกหนึ่งงานที่ภูมิใจนำเสนอ กับการรวมตัวที่สุดของที่สุดเหล่ามือกีตาร์ระดับพระกาฬ “เจนเนอเรชั่น แอค ค่ำคืนแห่งเสียงกีตาร์ เอเชียทัวร์ 2017 ไลฟ์ คอนเสิร์ต อิน แบงคอก”(GENERATION AXE A Night of Guitars Asia Tour 2017 Live Concert in Bangkok)
ที่ถูกจัดขึ้นในค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อแดดร่มลมตกภายในบริเวณมูนสตาร์ สตูดิโอ 8 เต็มไปด้วยเหล่าร็อกเกอร์ และคนที่ชื่นชอบการเล่นกีต้าร์มารวมตัวกันอย่างเนื่องแน่น โดยก่อนที่คอนเสิร์ตจะเริ่มบรรยากาศด้านนอก บ้างก็จับจ่ายซื้อMerchandise เสื้อ หมวกของที่ระลึก บ้างก็ยืนเม้าส์มอยตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน เสมือนงานรวมรุ่นก็ไม่ต่างเลยทีเดียว
และไม่ปล่อยให้แฟนเพลงรอนานเมื่อถึงเวลา 19.30น.ตรงไฟในฮอลล์ก็ดับลง เสียงกรีดร้องจากเหล่าผู้ชมก็ดังสนั่นไปทั้งสตูดิโอมูนสตาร์ จากนั้นเหล่าขุนพลทั้ง 5 สตีฟ วาย (Steve Vai) นูโน เบตเทนคอร์ท (Nuno Bettencourt) อิงเว มาล์มสทีน (Yngwie Malmsteen) แซ็ก ไวลด์ (Zakk Wylde) และ โทซิน อบาซี (Tosin Abasi) ก็ปรากฎตัวขึ้นบนเวทีและเปิดตัวกับเพลง Foreplay เพลงฮิตของ Boston ก่อนจะส่งเวทีต่อให้น้องเล็กสุดอย่าง โทซิน อบาซี โซโล่เดี่ยวก่อนคนแรก ซึ่งโทซิน ก็โชว์ทักษะดนตรีชั้นเซียน ที่ถึงแม้อายุจะแค่ 20 กว่าๆ แต่เทคนิคการ Slapping และ Tapping กีต้าร์ก็ทำเอาใครหลายๆคนอ้าปากค้างไปตามๆกัน เริ่มจากเพลง Tempting Time , Air Chrysalis , Woven Web ถูกจัดต่อกันมาแบบไม่มีช่องว่างให้ได้พักหายใจหายคอกันเลย โดยเฉพาะกับเพลงสุดท้าย Physical Educa ของวง Animal As Leader พิเศษหน่อยได้ นูโน เบตเทนคอร์ท (Nuno Bettencourt) โดดขึ้นมาร่วมแจมด้วย แล้วไหนๆก็ขึ้นมาแล้ว ก็เลยได้โซโล่เดียวกันต่อแบบไม่ยั้งกับเพลง Get The Funk Out , Midnight Express ก่อนจะพักเบรคกับเพลงนุ่มๆของวง Extream ซึ่งจะเป็นเพลงอะไรไปไม่ได้นอกจากเพลงดังที่ชื่อว่า More Than Words ที่งานนี้ทำเอาผู้ชมต่างส่งเสียงร้องตามดังกระหึ่มมากๆ
เมื่อเพลงจบลง แซ็ก ไวลด์ (Zakk Wylde) ก็ได้ขึ้นมาขอแจมเพลง Sideways ของนูโน ด้วย ซึ่งการปรากฏตัวของ แซ็ก ไวลด์ วันนี้มาในมาดร็อกที่ดูจะดุดันเป็นพิเศษ ปลอกแขนและสายสะพายกีต้าร์ตอกหมุด โซ่เส้นโตคล้องกับกางเกงประหนึ่งถูกพันธนาการจากความเป็นร็อกเกอร์ ที่ถึงแม้จะมาโชว์แค่ 3 เพลง แต่ก็เป็น 3 เพลงที่ยาวนานมากสุดๆ เปิดประเดิมด้วย N.I.B. อีกหนึ่งเพลงสุดคลาสสิdของวง Black Sabbath ที่เสียงร้องของ แซ็ก ไวลด์ นั้นแทบจะถอดแบบออกมาจาก Ozzy Osbourne ต้นฉบับเลยทีเดียว แล้วต่อด้วยเพลง Little Wind ที่ขอหยิบยืมมาจากศิลปินผู้ล่วงลับ Jimi Hendrix (จิมมี่ เฮนดริก) ก่อนปิดท้ายโชว์ของเขากับเพลง Whipping Post ของ the Allman Brother’s Band ที่พ่อคุณเดินลงมาจากเวทีมาโซโล่โชว์กันข้างล่างท่ามกลางคนดู แล้วเอากีตาร์ Gibson Flying Vไปพาดไว้ตรงท้ายทอยและเอื้อมมือไปโซโล่ ทำเอาเรียกเสียงฮือฮากันไปสุดๆ
จากนั้นก็ถึงคิว สตีฟ วาย (Steve Vai) ชื่อนี้ไม่ต้องสาธยายให้มากความ ออกมาพร้อมกับกีต้าร์ Ibanez (ไอบาเน็ส) คู่ใจ โชว์เทคนิคการละเล่นที่หวานจนหลอมละลายไปตามๆกันไปกับเพลง Bad Horsie , Racing The World , Gravity Stom และเพื่อแฟนเพลงชาวไทยโดยเฉพาะ สตีฟ วาย ยังแถมเพลง for the love of god ที่ไม่มีอยู่ใน Song List ให้อีกหนึ่งเพลงด้วย ...และแล้วเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงซึ่งจู่ๆบนเวทีก็เต็มไปด้วยสโม๊ค พร้อมทั้งแสงสีบนเวทีก็ร้อนแรงแดงไปทั่วเป็นการต้อนรับการมาของเจ้าพ่อสาย Neo Classic อิงเว มาล์มสทีน (Yngwie Malmsteen) ที่พ่อคุณมีนิ้วมือรวดเร็วดุจพายุ ซึ่งงานนี้อยากบอกว่า ตลอดการโชว์อย่าว่าแต่มองตามเลย แค่ฟังอย่างเดียวยังแทบจะไม่ทันเลยจ้า และเพื่อให้สมกับการรอคอย อิงเว มาล์มสทีน ก็ขอจัดเต็มๆกว่า 10 เพลงทั้ง Spellbound , Valhalla , 1000 Cuts , Arpeggios From Hell , Badinerie Double B , Far Beyond The Sun , Trilogy , Black Star เต็มอิ่มกันไป
หลังจากโซโล่เดียวกันจนครบแล้วในช่วงท้ายของคอนเสิร์ต เหล่าสุดยอดฝีมือกีต้าร์ทั้ง 5 คน ก็ขึ้นมารวมตัวกันอีกรอบร่วมกันโชว์เพลง Frankenstein และ Highway Star บทเพลงฮิตสุดคลาสสิคจากวง Deep Purple ที่ในเพลงนี้พวกเขาสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับผู้ชม ด้วยการแสดงลีลาลูกล่อลูกชนในสำเนียงกีต้าร์ที่แต่ละคนจะมีความแตกต่างกันมากงัดออกมาโชว์ทิ้งท้ายกัน
นับเป็นการปิดฉากคอนเสิร์ตอย่างสมบูรณ์ตลอดการแสดง 3 ชั่วโมงกว่าที่ผู้ชมต่างเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่าเต็มอิ่มเกินคำบรรยายจริงๆ งานนี้ต่างยกนิ้วกดLike รัวๆให้กับ ไอเอ็มซี ไลฟ์ กรุ๊ป (IMC Live GROUP) ผู้จัดที่ทำให้สมหวังซะที หลังจากที่ต่างรอคอยกันมานาน