เกมพยาบาท ตอนที่ 17
ภายในห้องนอน อัคคีจูบฉัตรชบา แรกๆก็เคลิ้ม แต่แล้วก็รู้สึกผิดรีบผลักอัคคีออกไป
"คนบ้า ชั้นไม่ได้มาให้นายจูบนะ!"
"ทำไม? คุณไม่ชอบจูบผมเหรอ"
ฉัตรชบารีบลุกขึ้นยืน
"ทำไมชั้นต้องชอบ นายมันบ้าอำนาจ ชอบบังคับ!"
"แต่เมื่อกี้ผมไม่ได้บังคับเลยนะ แล้ว..." อัคคียิ้มเยาะ "คุณก็จูบตอบผมด้วย"
"หยุดนะ! อย่าพูด!"
"อายเหรอ? จะอายทำไม จูบแค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ"
อัคคีจะเข้ามากอด แต่ฉัตรชบาถอยหนี
"อย่าเข้ามานะ ชั้นไม่น่าเป็นห่วงนายเลย ไม่น่ามาที่นี่เลย"
"แต่คุณก็มา ทำตามที่หัวใจสั่งเถอะครับ อย่าไปฝืนมันเลย"
อัคคีจะจูบฉัตรชบาอีกครั้งแต่ฉัตรชบามุดตัวหลบไป
"หัวใจชั้นมันสั่งให้เกลียดนาย ได้ยินมั๊ยว่าชั้นเกลียดนาย!"
ฉัตรชบาวิ่งหนีออกไป อัคคีมองตามไปยิ้มๆเยาะๆ
อัคคีบอกกับตัวเอง
"คุณไม่ได้เกลียดผมหรอกฉัตรชบา"
ที่ออฟฟิศฉัตรชนก เลขาใหม่รอเอกสารเซ็นต์จากฉัตรชนก
"อีกสิบห้านาทีท่านมีประชุมนะคะ"
"ขอบคุณครับ" ฉัตรชนกคิดๆ "วันนี้วันที่เท่าไหร่"
"30 ค่ะ"
ฉัตรชนกพึมพำกับตัวเอง
"30 พฤษภา ... สั่งดอกไม้ให้ผมด้วย เอาที่สวยที่สุด จากร้านที่ดีที่สุด"
"ได้ค่ะ คุณฉัตรชนกตั้งใจสั่งขนาดนี้ ใครได้ดอกไม้ช่อนี้ต้องโชคดีมากๆ เลยนะคะ"
ที่คอนโดฯ จิดาภารับช่อดอกไม้จากพนักงานส่งดอกไม้
"ขอบคุณมากค่ะ"
พนักงานส่งดอกไม้บอกสโลแกนร้าน
"เลิฟลี่โรส ยินดีส่งความสุขถึงมือคุณครับ ...ขอให้มีความสุขมากๆนะครับ"
พนักงานโค้งให้แล้วออกไป จิดาภาดูการ์ดที่ติดมา
"สุขสันต์วันเกิดครับ คืนนี้ดินเนอร์กันนะครับ"
จิดาภาอดยิ้มออกมาไม่ได้ มือถือดัง จิดาภารับสาย
"ค่ะอัคคี"
อัคคีอยู่ที่บ้านคุยโทรศัพท์กับจิดาภา
"เย็นนี้ทานข้าวฉลองวันเกิดคุณกันมั๊ย หรือว่ามีคนทานด้วยแล้ว"
จิดาภาหัวเราะ
"คุณทำให้ชั้นลำบากใจแล้วนะคะ"
"แสดงว่าเค้าก็ชวนคุณเหมือนกัน"
"แต่ชั้นยังไม่ได้ตัดสินใจนะคะ"
"ตัดสินใจเถอะครับ ถ้าคุณเลือกเค้า ผมก็ยินดี ไม่โกรธหรอก"
"ก็บอกแล้วไงคะว่าชั้นยังไม่ได้ตัดสินใจ"
"แล้วผมจะหาของขวัญไว้ให้นะครับ"
"ขอบคุณค่ะ"
อำภาโทรศัพท์หาฉัตรชบา แต่ไม่มีคนรับสาย
"ไปไหนกันนะชบา"
คนใช้เดินผ่านมา อำภาเรียกไว้
"คุณชบาบอกไว้รึเปล่าว่าจะไปไหน"
"ไม่ได้บอกค่ะ แต่ตอนออกไปหิ้วกล่องข้าวออกไปเต็มมือเลยค่ะ"
"อะไรนะ?? กล่องข้าว"
"ค่ะ คุณชบาลงมือทำกับข้าวเองเลยนะคะ"
"เป็นไปได้ยังไง ปกติยายชบาทำกับข้าวเป็นซะที่ไหนกัน"
อำภานิ่วหน้าสงสัย
ฉัตรชบาเข้ามาหาฉกาจที่นอนนิ่งยังไม่ฟื้น พยาบาลบอกกับฉัตรชบา
"คนไข้ยังไม่ฟื้นนะคะ ยังไม่ตอบสนองอะไร"
"เหรอคะ"
"แต่ก็ไม่แน่นะคะ บางเคสถึงจะไม่ตอบสนอง แต่คนไข้จะได้ยินสิ่งที่เราพูดค่ะ เพียงแต่ตอบสนองไม่ได้ก็เท่านั้น ลองพูดให้กำลังใจดูนะคะ"
"ค่ะ"
พยาบาลยิ้มแล้วออกไป ฉัตรชบาเข้าไปลูบมือฉกาจเบาๆ
"พ่อคะ พ่อเป็นยังไงบ้างคะวันนี้ ทุกคนรอพ่ออยู่นะคะ"
ฉัตรชบาเลื่อนผ้าห่มคลุมหน้าอกให้ฉกาจ
"ชบาเล่าให้พ่อฟังได้ทุกเรื่องใช่มั๊ยคะ เราไม่เคยมีความลับต่อกันใช่มั๊ยคะพ่อ" ฉัตรชบาคิดๆก่อนตัดสินใจพูด "ชบาจะทำยังไงดี"
เธอนึกถึงภาพที่อัคคีจับตัวชบาไปด้วยความรุนแรง
" ชบาควรจะเกลียดชังเค้า ควรโกรธแค้นที่เค้าทำกับชบาแบบนี้"
ภาพที่ฉัตรชบาจะหนีแต่ถูกจับตัว ถูกลากถูลู่ถูกังกลับมา
"แต่ทำไมล่ะคะพ่อ ทำไมชบาถึงเกลียดเค้าไม่ลง"
ฉัตรชบายกมือพ่อขึ้นแนวแก้มตัวเอง
"ชบาไม่ควรรักเค้าใช่มั๊ยคะพ่อ ชบารักเค้าไม่ได้ใช่มั๊ยคะ ชบาอยากให้พ่อฟื้นขึ้นมาเร็วๆ มาเป็นครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนเดิม ชบารักพ่อมากนะคะ"
ฉัตรชบาบอก
อดุลย์หัวเราะกับสิ่งที่อัคคีเล่า
"ตลกอะไร ซีเรียสนะ"
"ตลกแม่ทัพที่หลงรักเชลยศึกของตัวเองน่ะสิ"
"ใคร ? ใครหลงรักใคร ไม่มี"
"ยังจะมาปากแข็งอีก ไอ้ที่ทำลงไปทั้งหมดนั้นน่ะแหละแปลว่านายหลงรักเค้า"
"ชั้นรักผู้หญิงแบบจิดาภา นายก็รู้"
"สถานการณ์เปลี่ยน ใจคนเปลี่ยน ตอนนี้ใจคุณจิก็เปลี่ยนไปแล้ว ใจนายก็เหมือนกัน ยอมรับความจริงเถอะว่านายขอบคุณฉัตรชบา"
"ไม่มีทาง! ชั้นไม่มีวันชอบผู้หญิงคนนั้นเด็ดขาด แกอย่าลืมสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวชั้น!"
อัดคีแค้นเครียด
ภายในฟิตเนสคลับ ศรุตว่ายน้ำมาถึงขอบสระ ขึ้นจากสระเห็นว่าหุ่นเป๊ะเว่อร์...มือถือดัง หยิบมารับ
"ฮัลโหล ใครพูดครับ"
ภายในห้องแต่งตัวนางแบบ สิรดา ภายในห้อง มีนางแบบอื่นๆ และช่างแต่งหน้า ทำผมอยู่ด้วย
"ถ้าสิไม่ใช้เบอร์อื่นโทรมา คุณคงไม่รับสายซินะ" สิรดาบอก
"ผมพูดชัดแล้วนะว่าเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก คุณน่าจะเข้าใจ"
"สิไม่เข้าใจ แล้วก็จะไม่มีวันเข้าใจด้วย สิมีอะไรไม่ดี สิพร้อมทุกอย่าง จะมาทิ้งสิแบบนี้ สิรับไม่ได้"
"นั่นมันปัญหาของคุณ ไม่ใช่ของผม"
"ใจดำจังนะคะ"
"ถ้าคุณยังไม่เลิกโทรมา ผมจะใจร้ายให้ดู"
ศรุตกดวางสาย
ศรุตพูดกับตัวเอง
"ผมไม่มองใครอีกแล้ว นอกจากคุณคนเดียว....ฉัตรชบา"
ภายในห้องรับแขก อำภาวางแก้วน้ำสีแดงอ่อนๆลงบนโต๊ะ
"น้ำทับทิมจ้ะ ป้าคั้นเอง ลองชิมดูนะ"
"ขอบคุณครับ คุณป้าขยันจังเลยนะครับ" ศรุตบอก
"ทุกวันนี้ป้าก็สวดมนต์ไหว้พระ อธิษฐานขอพรให้คุณฉกาจฟื้นขึ้นมาไวๆ พยายามไม่คิดมาก ทำจิตใจให้แจ่มใส"
"คุณป้าทำถูกแล้วล่ะครับ ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยได้ ก็บอกเลยนะครับ ผมยินดี"
"ถ้าอยากช่วยป้าก็ดูแลชบาให้ดีๆ ก็แล้วกัน เกิดเรื่องมากมายขึ้นกับบ้านเรา โดยเฉพาะกับชบา"
"ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลชบาอย่างดี"
"ศรุตแน่ใจนะลูกว่ายอมรับ เอ่อ...เรื่องนั้นได้"
"แน่ใจสิครับ ผมไม่แคร์หรอก ผมรักชบาเกินกว่าจะแคร์เรื่องพวกนั้น แล้วที่สำคัญเธอถูกจับตัวไป ไม่ใช่ว่าเต็มใจไปเองซะที่ไหน"
"ขอบใจนะ ที่เข้าใจชบา"
ฉัตรชบากลับเข้ามาพอดี
"อ้าว... ชบามาแล้ว"
ศรุตยิ้มให้ชบา.... อำภารีบบอกลูกสาว
"ไปไหนมาลูก จะไปไหนไม่บอกไม่กล่าวแม่สักคำ ศรุตเค้ามารอตั้งนานแล้ว"
"เอ่อ..ชบาไปเยี่ยมคุณพ่อมาน่ะค่ะ"
"คุณลุงเป็นยังไงบ้างครับ"
"ยังไม่ฟื้นค่ะ แต่อาการอื่นๆ ก็ทรงตัวดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง"
"จะไม่ให้ห่วงได้ยังไง เฮ้อ...ต่อให้อยู่ในมือหมอ ก็อดห่วงไม่ได้ ... คุยกันไปก่อนนะลูก เย็นนี้อยู่ทานข้าวด้วยกันนะ"
อำภาลุกเดินออกไป
ฉัตรชบาถาม
"ศรุตมีอะไรรึเปล่า"
"จะมาคุยกับคุณเรื่องงานแต่งน่ะ คือ...ผมก็รู้นะว่าไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมเท่าไหร่ เพราะคุณลุงก็ยังไม่ฟื้น แต่ผมเองก็ร้อนใจอยากเตรียมงานไว้ล่วงหน้า"
"ศรุตอยากแต่งงานกับชบาจริงๆ เหรอ"
"ทำไมถามแบบนั้นล่ะ"
"เรา 2 คน แทบไม่รู้จักกันเลยนะศรุต แยกกันตั้งแต่สมัยเรียน ต่างคนต่างไป ใช้ชีวิตของตัวเอง เรียกว่าเป็นคนแปลกหน้าต่อกันยังได้เลย"
"คุณไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับผม"
"แต่ศรุตก็ไม่รู้จักชบาดี ตอนนี้อะไรๆอาจจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วก็ได้ ชบา อาจจะไม่ได้เป็นคนเดิมอีกต่อไป อย่าเอาความทรงจำเก่าๆ มาตัดสินชบาสิ"
"ไม่ว่าชบาจะเป็นยังไง ผมก็ยังรู้สึกดีๆ กับคุณเหมือนเดิม"
"แล้วความรู้สึกดีๆ ที่ว่า มันพอสำหรับการเป็นคู่ชีวิตกันเหรอ"
ศรุตอึ้งไป
"แต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ชบาว่าเราคิดให้รอบคอบจะดีกว่านะคะ"
"คุณพูดเหมือนไม่อยากแต่งงานกับผม"
"ศรุตเป็นเพื่อนที่ดี แต่ความรู้สึกอื่นนอกเหนือจากนี้ ชบายังไม่มีค่ะ"
"งั้นผมจะทำให้มันมี ผมจะทำให้คุณรักผมให้ได้"
ฉัตรชบาหนักใจ
จิดาภาเดินเข้ามาในบ้านอัคคี เจออัคคีรออยู่
จิดาภายิ้มบอก
"มาทวงของขวัญค่ะ"
อัคคียิ้มต้อนรับ
"ยินดีครับ"
จิดาภานั่งลงที่โซฟารับแขก บนโต๊ะมีหนังสือเกี่ยวกับการทำเค้กว่างอยู่ 2 - 3 เล่ม
"ใครจะทำเค้กกันคะเนี่ย อย่าบอกนะว่าคุณ"
"ความลับแตกกันพอดี" อัคคีรีบเก็บหนังสือ "ผมจะทำไว้ให้คุณทานคืนนี้ไงครับ ต้องมาดินเน่อร์กับผมนะ"
จิดาภาหัวเราะเบาๆ
"คุณเปลี่ยนไปมากนะคะ"
"ผมเนี่ยนะเปลี่ยน? เปลี่ยนยังไง"
"คุณดูอ่อนโยน ใส่ใจคนอื่นมากขึ้น คิดดูสิคะเราคบกันมาตั้งนาน คุณกลับเพิ่งคิดจะทำเค้กวันเกิดให้ชั้น ปกติชั้นได้แต่เช็คของขวัญ ให้ไปเลือกซื้อเอาเองว่าอยากได้อะไร"
"โห...ผมดูแย่จัง"
"คุณฉัตรชบาเก่งนะคะ เธอเปลี่ยนคุณได้"
"ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เปลี่ยนผม เธอไม่มีสิทธิ์หรือมีอำนาจอะไรมาเปลี่ยนผมทั้งนั้น"
จิดาภาหัวเราะเบาๆ
"สิ่งเดียวที่คุณยังไม่เปลี่ยนคือ ... ปากแข็ง เหมือนเดิม"
อัคคีถอนใจเครียดๆ
"ผมไม่มีใจจะคิดเรื่องอื่นหรอก ผมสูญเสียหมดทุกอย่าง และฉัตรชบาก็เป็นพวกเดียวกับคนที่ทำให้ผมต้องสูญเสีย"
จิดาภาเห็นอัคคีเครียดก็เปลี่ยนเรื่อง
"ว่าแต่เรื่องคุณเกษณีย์ไปถึงไหนแล้วคะ"
"ผมกำลังตามอยู่"
"ไม่ว่าเราจะเชื่อว่าเป็นฝีมือใคร ก็ต้องมีหลักฐานมายืนยัน จะปรับปรำกันอย่างนั้นไม่ได้ ดูอย่างชั้นสิ ที่ชั้นยอมเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคุณฉัตรชนกก็เพื่อหาหลักฐานมาให้คุณ"
"ยิ่งปล่อยไว้นานหลักฐานยิ่งจะหลุดมือ เราต้องรีบหาหลักฐานมามัดตัวคนร้ายให้เร็วที่สุด เพราะผมเชื่อว่าเกษณีย์เป็นคนลงมือทำร้ายพ่อของฉัตรชบา"
"ถ้าหาหลักฐานได้ คุณก็จะพ้นผิด แต่ถ้าเราเคลื่อนไหวอะไรมากไปกว่านี้ คุณเกษณีย์อาจจะรู้ตัวและระวังมากขึ้น ชั้นว่าเราต้องหาคนอื่นมาทำงานนี้แทนเราแล้วล่ะค่ะ"
"คนอื่น? คุณหมายถึงใคร"
ในห้องทำงาน จิดาภาแนะนำให้อัคคีรู้จักกับคฑา
"พี่คฑาเป็นลูกพี่ลูกน้องของชั้นเองค่ะ เรื่องการสืบสวนนี่ต้องยกให้เลย"
"ยินดีที่ได้รู้จักครับ มีอะไรให้ผมช่วยครับ"
"เราอยากให้ติดตามผู้หญิงคนหนึ่งครับ เธอชื่อเกษณีย์ วงศ์นฤมาศ"
"เซเลบเบอร์ต้นๆเลยนี่ครับ"
"ผมอยากรู้ว่าเธอติดต่อกับใครบ้าง ที่ไหน ยังไง ขอรูปถ่ายด้วยนะครับ"
"ได้เลยครับ ผมจะหาข้อมูลทั้งหมดที่คุณต้องการมาให้ ใช้บริการผม รับรองไม่ผิดหวัง"
จิดาภาหันไปบอกอัคคี
"ได้หลักฐานพร้อม คุณก็พ้นผิดแล้วนะคะ"
อัคคีมีความหวัง
กลางวัน ศรุตเปิดประตูเข้ามาในคอนโด เห็นว่าทีวีถูกเปิดทิ้งไว้
ศรุตแปลกใจเพราะอยู่คนเดียว ได้ยินเสียงน้ำฝักบัว เดินไปดูที่ห้องน้ำ เห็นว่าประตูแง้มไว้ ค่อยๆ ผลักประตูเข้าไปเห็นในตู้อาบน้ำเป็นเงาของผู้หญิงเปลือยกำลังอาบน้ำอยู่
ศรุตถอนหายใจเดินกลับออกไปนั่งที่โซฟา สิรดาเดินห่อตัวด้วยผ้าเช็ดตัวออกมา
"กลับมาแล้วเหรอคะ"
"ทำไมทำแบบนี้"
"ก็สิเพิ่งเสร็จงานกลับมา ตัวเหม็นมาก สิก็เลยอาบน้ำ"
"ไม่ใช่เรื่องนั้น แต่ทำไมถึงเข้ามาเองโดยไม่บอกแบบนี้"
"สิก็เข้ามาบ่อยๆ คุณเป็นคนให้คีย์การ์ดสิเองนะ"
"ถ้างั้นก็เอาคืนมา"
"ไม่"
"บอกว่าให้เอาคืนมา"
"ไม่อยากให้สิมาที่นี่แล้วเหรอ รู้ก็รู้ว่าสิมาทำไม"
สิรดาเริ่มเข้ามานัวเนีย แค่ศรุตไม่เล่นด้วย
"พอได้แล้ว ผมคิดว่าเราพูดกันเข้าใจแล้วนะ"
"แต่สิไม่เข้าใจ"
"งั้นผมบอกอีกที ต่อไปนี้อย่ามาที่นี่ แล้วก็ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับชีวิตผมอีก เพราะผมเลิกกับคุณแล้ว เข้าใจนะ"
"ทำไม! นังนั่นมันดีกว่าสิตรงไหน ทำไมต้องเลือกมัน"
"ผมจะไม่พูดซ้ำนะ ออกไปซะ"
"นี่กล้าไล่ชั้นเหรอ"
"ใช่ แล้วถ้าพูดไม่รู้เรื่อง จะกล้าทำมากกว่านี้ด้วย"
สิรดาอึ้ง เห็นว่าเอาไม่อยู่แน่แล้วเลยตวาดแว๊ด
"ถ้าไม่อยากให้นังนั่นเดือดร้อน ก็เลิกกับมันซะ ไม่อย่างนั้นมันเจอดีแน่!"
"จะทำอะไร ?"
"ผู้หญิง ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นเพื่อความรัก"
"อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ"
"ถ้าไม่เลิกกับมัน ก็ไม่แน่..."
สิรดายิ้มร้าย
เวลาต่อมา เสี่ยเป้าเดินไปทั่วๆ บ่อน มีลูกน้องคนสนิทเดินตาม
"ไอ้พัฒนะยังไม่ติดต่อมา ท่าทางมันไม่อยากตายดี"
"มันกล้าดีมากนะครับที่คิดจะเบี้ยวเงินเสี่ยเป็นล้าน"
"ชั้นไม่ได้อยากได้แค่เงิน แต่ไม่อยากถูกหยามว่าใครก็โกงคนอย่างเสี่ยเป้าได้"
"มันไม่น่าโง่ที่ทำแบบนี้กับเสี่ย"
"ส่งคนไปสั่งสอนมัน อย่าให้มันทำตัวเป็นเยี่ยงอย่าง"
"ครับเสี่ย ผมจะจัดการให้ครับ"
เวลาเดียวกัน ที่เซฟเฮ้าส์ พัฒนะโทร.หาเกษณีย์
"ว่าไงคุณเกษณีย์ เงินห้าล้าน หามาให้ผมได้หรือยัง นี่ถ้าคุณยังขืนถ่วงเวลาอีกล่ะก็ คุณเดือดร้อนแน่"
"แกขู่ชั้นไม่สำเร็จหรอก หมาจนตรอกอย่างแกจะแฉอะไรชั้นได้ เอาตัวเองให้รอดซะก่อนเถอะ"
"ผมไม่ได้ขู่ คนอย่างผมพูดจริงทำจริง ผมทำอะไรบ้าๆได้มากกว่าที่คุณคิด"
"แกจะทำอะไรไอ้ชั่ว"
"คนชั่วก็ต้องทำอะไรชั่วๆน่ะซิถามได้"
พัฒนะวางสาย หน้าเครียด
เช่นเดียวกับเกษณีย์ที่วางโทรศัพท์
"แกบีบให้ชั้นไม่มีทางเลือกเองนะ"
สีหน้าเกษณีย์ฉายแววร้ายลึก เกสรเข้ามา
"หมู่นี้หายหน้าหายตาไปบ่อยๆ ไปไหนของแกนักหนา"
"หนูก็ต้องมีธุระของหนูบ้างสิคะคุณแม่"
"ธุระอะไรของแก เห็นหน้าเครียดหน้าดำตลอด มีเรื่องอะไร"
"ก็ปัญหานิดหน่อยน่ะค่ะ คุณแม่ถามขึ้นมาก็ดีแล้ว หนูอยากขอยืมเงินซักหน่อยจะได้มั๊ยคะ แค่ห้าล้าน"
"พูดบ้าๆ แกก็รู้ว่าฐานะบ้านเรามันดีแต่เปลือก ข้างในกลวงไม่มีอะไรสักอย่าง ไหนจะหนี้สินอีกบานเบอะ ที่ชั้นยังออกงานสังคมอยู่ก็เพื่อรักษาที่ยืนไว้ให้แก ก็เท่านั้น"
เกษณีย์ถอนใจเฮือกใหญ่ด้วยความเครียด
"งั้นหนูก็ไม่มีทางเลือก"
เกษณีย์ขับรถออกจากบ้าน.....มีรถที่ซุ่มจอดอยู่ขับตามไป
เวลาต่อมา พัฒนะเครียดกระวนกระวาย เสียงเคาะประตูดัง พัฒนะเดินไปส่องดูแล้วเปิดประตูให้"เอาเงินมารึเปล่า"
"ชั้นจะเอาที่ไหนมาให้ เงินตั้งห้าล้าน ไม่ใช่น้อยๆ นะ"
"ไม่มีเงินแล้วมาทำไม!"
"มาจบปัญหาโง่ๆ นี้ยังไงล่ะ"
พัฒนะไม่เข้าใจ ทำหน้างง ในสิ่งที่เกษณีย์พูด
เกษณีย์ดึงปืนออกมาจากกระเป๋าถือ
"จะทำอะไร"
"พอกันทีกับเรื่องบ้าๆ พวกนี้ ชั้นไม่ยอมให้แกขู่ชั้นอีกต่อไปแล้ว!"
"อย่าทำบ้าๆนะ"
"ทำไม? กลัวตายงั้นเหรอ แล้วทีตอนไปบ่อนทำไมไม่กลัวบ้างล่ะฮะ" เกษณีย์ตะคอก "ทำไมไม่กลัว!"
"ค่อยๆ พูดกันก็ได้"
"ค่อยๆ พูดงั้นเหรอ?? ที่ผ่านมา แกเอาแต่ขู่ชั้น ตอนนี้จะมาบอกให้ค่อยๆ พูดกันงั้นเหรอ"
เกษณีย์ยกปืนขึ้นขู่พัฒนะอีก เกษณีย์เองก็มือสั่นกลัวกับการใช้ปืนครั้งนี้ แต่พยายามระงับสติอารมณ์
พัฒนะพยายามจะหยิบปืนที่ซ่อนไว้ใต้หมอน
"แกจะทำอะไร"
"เปล่า...ผมไม่ได้ทำอะไร โอเคๆ เรามาตกลงกันใหม่ก็ได้นี่ เก็บปืนก่อนสิ"
"ชั้นไม่ตกลงอะไรกับแกทั้งนั้น"
เกษณีย์เดินเข้าไปหาพัฒนะ
"ต่อไปนี้แกไม่มีสิทธิ์มาขู่ฉันอีกแล้ว ในเมื่อความลับทั้งหมดมันอยู่ในตัวแก ชั้นก็จะทำให้ความลับนั้นตายไปพร้อมกับแกด้วย"
พัฒนะสบโอกาส รวบปืนในมือเกษณีย์ทันที แล้วตบหน้า
"นังโง่...แกคิดผิดแล้ว ถ้าแกยิงชั้นตาย แกก็ต้องติดคุกอยู่ดี" พัฒนะบีบหน้าเกษณีย์ "แล้วถ้าชั้นไม่เห็นว่าแกยังพอมีประโยชน์กับชั้นอยู่ล่ะก็ ชั้นฆ่าแกทิ้งไปนานล่ะ" แล้วผลักหน้าเกษณีย์ "ต่อไปแกมีหน้าที่ทำตามคำสั่งของชั้นเท่านั้น จำไว้"
พัฒนะผลักเกษณีย์ล้มลงกองกับพื้น
เกษณีย์แค้นใจที่ไม่สามารถฆ่าพัฒนะได้ แถมถูกทำร้ายอีก
ต่อมา ... เกษณีย์ขับรถออกไป ลูกน้องเสี่ยเป้าลงจากรถที่ซุ่มรออยู่ มองเข้าไปในเซฟเฮ้าส์แล้วยิ้มร้าย
ครู่ต่อมา เสียงเคาะประตูดัง พัฒนะหันไปมอง
"ยังไม่เข็ดอีกเหรอ"
พัฒนะเดินไปดูที่หน้าประตู พอเห็นว่าเป็นลูกน้องเสี่ยเป้าก็ตกใจ จะวิ่งไปหยิบปืน
ที่หน้าห้อง ลูกน้องเสี่ยเป้าถีบประตูเข้าไป
"พวกแกต้องการอะไร"
"อยากรู้ ไปถามนายกูเอาเองดีมั๊ย?"
ลูกน้องเสี่ยเป้าเข้าล็อคตัวพัฒนะ
ต่อมา พัฒนะถูกจับกดคว่ำหน้าลงบนโต๊ะหน้าเสี่ยเป้า ในบ่อน เสี่ยเป้าหยิบมีดเล่มเล็กขึ้นมาเล่นแบบหวาดเสียว
"แกคิดว่าจะหนีคนอย่างชั้นพ้นเหรอ"
"ผมกำลังหาเงินอยู่ อีกไม่นานก็จะได้ครบแล้ว"
"แต่แกหาเงินช้าเกินไป ชั้นรอไม่ไหวว่ะ"
"ได้โปรดเถอะครับเสี่ย ขอเวลาผมอีกนิด ผมไม่โกงเสี่ยจริงๆ ผมสาบาน"
"ใครจะไปเชื่อน้ำหน้าคนอย่างแกวะ"
เสี่ยเป้าเอามีดมาปักลงบนโต๊ะ มองส่งสัญญาณให้ลูกน้องจับมือพัฒนะมากางมือไว้
"ปล่อยผมไปเถอะเสี่ย ผมจะไปหาเงินมาให้"
"ปล่อยให้มึงหนีไปซ่อนอีกงั้นเหรอ ใครจะโง่ปล่อยวะ"
"แต่ถ้าจับตัวผมไว้อย่างนี้ ผมจะไปหาเงินได้ยังไงล่ะ"
"นั่นไม่ใช่ปัญหาของชั้น มันเป็นปัญหาของแก"
"ถ้างั้นผมขอโทรศัพท์ ขอโทรศัพท์ก่อนนะเสี่ย"
เสี่ยเป้าโยนโทรศัพท์ให้ พัฒนะรีบกดเบอร์
เกษณีย์มองมือถือเห็นเป็นเบอร์เสี่ยเป้าก็สงสัย
"เสี่ยเป้านี่"
เกษณีย์รับสาย ทำเสียงหวาน
"สวัสดีค่ะ"
พัฒนะที่ห้องทำงานเสี่ยเป้า
"นี่ชั้นเอง"
"แกจะโทร.มาทำไม"
"หาเงินมาให้ชั้นเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นชั้นจะบอกไอ้ฉัตรชนก กับไอ้อัคคีว่าแกเป็นคนบงการเรื่องชั่วๆทั้งหมด ฉันเชื่อว่าไอ้สองคนนั่นไม่ปล่อยแกไว้แน่"
"ฉันไม่ได้โง่ แกไม่มีหลักฐาน ไม่มีใครเชื่อแกหรอก"
"ชั้นไม่มีหลักฐาน แต่ชั้นเป็นพยานได้"
"ตอนนี้ตำรวจกำลังตามจับแกอยู่ แกจะมีปัญญาอะไร"
"แกอย่าลืมซิว่า ชั้นมีเสี่ยเป้าเป็นแบ็ค ตำรวจทำอะไรชั้นไม่ได้หรอก"
เกษณีย์คิดว่าพัฒนะพูดจริงเพราะใช้เบอร์มือถือเสี่ยเป้าโทร.มา เลยเริ่มร้อนใจ
ต่อมา เกษณีย์ตัดสินใจแอบเข้ามาในห้องนอนของแม่ ตรงไปที่เซฟเก็บเครื่องประดับ เกษณีย์เปิดเอากล่องเครื่องประดับจริงออกมาแล้วรีบออกจากห้องไป
ระหว่างที่เกษณีย์สะพายกระเป๋าจะออกจากบ้าน ลงบันไดมาเจอกับเกสร
"คืนนี้ไปออกงานกับแม่หน่อย หายหน้าหายตาไปนาน เดี๋ยวนักข่าวลืม"
"หนูไม่ว่างค่ะคุณแม่ "
"จะยุ่งอะไรนักหนา งานคุณหญิงระพี จะไม่ไปได้ยังไง เซเลบมากันให้เกลื่อน"
"หนูไม่ว่างจริงๆ ค่ะ หนูต้องไปแล้ว"
"จะไปไหน"
เกษณีย์รีบร้อนออกไปไม่ตอบคำถาม
"รีบร้อนแบบนี้ มันต้องมีความลับอะไรแน่"
บริเวณห้องแถวในตลาดมืดแห่งหนึ่ง เกษณีย์กดกริ่งหน้าประตู ชายหน้าโหดเปิดออกมาดู
"ชั้นมีของมาปล่อย"
ชายหน้าโหดเปิดประตูให้เกษณีย์เข้าไป
ชายหน้าโหดพาเกษณีย์เข้ามาตรงหน้าวิชัย ซึ่งมีอาชีพรับซื้อของโจร
"มันเอาของมาปล่อยนาย"
"แน่ใจนะว่าไม่ใช่สายตำรวจ"
"ชั้นแค่มาปล่อยของ"
"ของอะไร"
เกษณีย์ส่งกล่องเครื่องเพชรให้ วิชัยรับไปเปิดดู
"ของร้อนได้ราคาไม่สูงนะ คุณคงเข้าใจ เพราะผมก็เสี่ยงเหมือนกัน"
"คุณอย่าพูดอย่างนั้นซิ ของร้อนที่ไหน ของคุณแม่ชั้นเอง เผอิญชั้นต้องใช้เงินด่วน ไม่อย่างนั้นชั้นคงไม่ขายหรอก แล้วเครื่องเพชรน้ำงามอย่างนี้ถึงจะชุดเล็ก แต่ก็มีราคา ไม่ใช่เครื่องเพชรราคาถูกที่จะซื้อได้ทั่วๆไป"
"ผมให้ได้สี่แสนห้าขาดตัว"
"ชั้นขอห้าแสน ไม่งั้นชั้นไม่ขาย"
ต่อมา พัฒนะวางเงินปึกหนึ่งลงตรงหน้าเสี่ยเป้า
"เป็นค่าประกันว่าผมไม่เบี้ยวเสี่ย"
เสี่ยเป้าบอก
"แต่มันไม่ได้เสี้ยวหนึ่งของหนี้แกเลยนะ"
"ปล่อยตัวผมสิ ผมจะได้ออกไปหาเงิน เก็บตัวผมไว้อย่างนี้ ผมจะเอาปัญญาที่ไหนไปหาเงิน"
เสี่ยเป้ามองหน้าพัฒนะ
"รู้ใช่มั๊ยว่าโกงชั้น มีโทษสถานเดียวคือตาย"
"ผมรู้หรอกน่า เงินแค่ห้าล้าน ใครจะบ้าเอาชีวิตไปแลก"
"รู้แล้วก็ดี" เสี่ยเป้าสั่งลูกน้อง "ปล่อยมันไป"
ลูกน้องพาพัฒนะออกไป เสี่ยเป้ามองตามไป คว้าเงินก้อนตรงหน้ามาดู
"คอนเน็คชั่นแกก็มีนี่ หาเงินได้ไวซะด้วย"
เสี่ยเป้ายิ้มร้าย
ตอนกลางคืน ที่คอนโดฯ จิดาภามองดอกไม้ที่ถูกจัดใส่แจกันแล้วคิดๆ อ่านข้อความจากฉัตรชนกในมือถืออีกครั้ง
"ผมจะรอ นานแค่ไหนก็จะรอ"
จิดาภาครุ่นคิดตัดสินใจ บอกกับตัวเอง
"ทำตามที่หัวใจบอกสิ...จิดาภา"
ฉัตรชนกนั่งรออยู่ในร้านอาหารหรู เสียงจิดาภาดังขึ้น
"นั่งด้วยคนได้มั๊ยคะ"
ฉัตรชนกรีบหันมามอง เห็นเป็นจิดาภาก็ยิ้ม รีบลุกขึ้นยืน เลื่อนเก้าอี้ให้
"เชิญเลยครับ"
จิดาภานั่งลง
"ขอบคุณค่ะ"
"คิดว่าต้องรอจนร้านปิดซะแล้ว"
"ชั้นไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกค่ะ"
"ผมก็แค่กลัวว่าคุณจะไปกับ..." ฉัตรชนกไม่อยากพูดชื่ออัคคีออกมา
"ชั้นก็อยู่ตรงนี้แล้วนี่คะ อยู่ตรงหน้าคุณแล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว"
"คุณทำให้คืนนี้ของผมมีความสุขมาก"
"งั้น...ต้องเลี้ยงตอบแทนชั้นมื้อใหญ่เลยนะคะ บอกไว้ก่อนนะว่าชั้นทานเก่งมาก"
"เต็มที่เลยครับ"
สองคนหัวเราะให้กันฟรุ้งฟริ้ง
เวลาเดียวกัน
อัคคีนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวตามลำพัง ตรงหน้ามีเค้กวันเกิดที่ปักเทียนเอาไว้ อัคคียิ้มแอบมีใจหายเล็กๆ
"คุณคงเลือกแล้วสินะ...และคนที่คุณเลือก...ไม่ใช่ผม"
ฉัตรชบานั่งอยู่ที่เก้าอี้ในสวน คิดถึงอัคคี และคิดถึงอดีต
อัคคีอุ้มฉัตรชบามาวางในกระท่อม แล้วเดินไปหยิบกล่องยามาทำแผลให้
อัคคีเอาแอลกอฮอล์ราดลงที่แผลของฉัตรชบา
ฉัตรชบาร้องลั่น
"โอ๊ย! แสบ ไม่เอา พอแล้วๆๆๆ"
ฉัตรชบาจะสะบัดขาออก แต่ถูกอัคคีจับขาล็อคไว้แน่น
"ถ้าไม่ทำความสะอาดแผล เดี๋ยวก็ได้เป็นบาดทะยักตายกันพอดี"
อัคคีจับขาฉัตรชบาล็อคไว้ แล้วมองแผลอย่างพิจารณา
"แผลไม่ลึกเท่าไหร่ ไม่ต้องไปโรงพยาบาลก็ได้"
อัคคีเอายาฆ่าเชื้อ จำพวกเบตาดีนมาใส่แผลให้ฉัตรชบา แล้วใช้ผ้าก๊อซพันแผลให้อย่างเบามือ
ฉัตรชบาเผลอมองหน้าอัคคี และเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นมุมอ่อนโยนของอัคคี ฉัตรชบามองหน้าอัคคีนิ่งนาน
อัคคีพันแผลให้ฉัตรชบาเสร็จ เงยหน้าขึ้นมาก็สบตากับฉัตรชบาพอดี ทั้งคู่สบตากันนิ่งไปพักหนึ่ง
อัคคีได้สติก่อน รีบปรับหน้าดุเหมือนเดิม
"เสร็จแล้ว" อัคคีแกล้งปล่อยขาฉัตรชบาลงแรงๆ
"โอ๊ย! เบาๆ สิ ฉันเจ็บนะ"
อัคคีเสียงเข้ม
"รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป เกิดเป็นไข้ขึ้นมาผมจะเดือดร้อนอีก"
อัคคีเดินหนีออกไปจากกระท่อม
ฉัตรชบามองตามหลังอัคคี พร้อมกับทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ลังเล สุดท้ายก็ตัดสินใจพูดห้วนๆ
" ขอบใจนะ"
อัคคีชะงักกึก แต่ไม่หันหน้ามา
อัคคีที่ยังยืนหันหลังให้ ปั้นหน้านิ่งเฉยเย็นชา แล้วเดินรีบเดินออกไป เหมือนกลัวตัวเองจะใจอ่อนกับฉัตรชบา
"คนอะไรผีเข้าผีออก เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย"
อีกคราวหนึ่ง อัคคีพูดแขวะ
"ท่าทางคุณดูมีความสุขกับการอยู่ที่นี่แล้วนี่"
ฉัตรชบาหันมาทำหน้ายู่ใส่อัคคี
"เชิญคุณมีความสุขกับเกาะนรกนี่ไปคนเดียวเถอะ ฉันไม่เอาด้วยหรอก"
"จะไปรู้เหรอ ก็เห็นฮัมเพลงอารมณ์ดี นึกว่าชอบที่นี่แล้ว"
"ฉันอารมณ์ดีเพราะเรื่องอื่นต่างหาก"
ฉัตรชบาหวีผมเสร็จก็เดินมาขนที่นอนหมอนมุ้งจะเดินออกไปข้างนอก
อัคคีถามเสียงเข้ม
"จะไปไหน"
"จะออกไปนอนข้างนอก ฉันไม่อยากเสี่ยงให้นายมุดมุ้งฉันอีก"
"แล้วคิดเหรอว่าออกไปนอนข้างนอกผมจะตามออกไปไม่ได้"
"แต่ก็ยังดีกว่านอนอยู่ในห้องเดียวกับนาย"
"นอนด้วยกันมาตั้งหลายคืนแล้วทำไมเพิ่งจะมากลัวตอนนี้"
"ก็เมื่อคืนนี้นาย...นาย..." ฉัตรชบาไม่อยากจะพูด กระดากปาก
"ผมทำไม"
ฉัตรชบากลั้นใจพูดไป
"นายจะลักหลับฉัน"
"คืนนี้ผมไม่มีอารมณ์ คุณไม่ต้องกลัวหรอก"
"ไอ้บ้า พูดจาน่าเกลียด"
"นอนเถอะคุณ ดึกแล้ว นอนๆๆ"
อัคคีล้มตัวลงนอน ทำเป็นไม่สนใจฉัตรชบา
ฉัตรชบายืนกอดที่นอนหมอนมุ้ง สีหน้าครุ่นคิดว่าจะเอายังไงดี แล้วก็ตัดสินใจปูที่นอนนอนในห้องเหมือนเดิม
คราวหนึ่ง อัคคีลากฉัตรชบากลับมาขึ้นเรือที่จอดอยู่ที่ท่าเรือ
ฉัตรชบาดิ้นไปมาพร้อมโวยวาย
"ปล่อยฉันนะนายอัคคี ปล่อย!"
ชาวบ้านที่เดินไปเดินมาแถวนั้นต่างหันมามอง
"ไม่มีอะไรครับ เมียผมมันจะหนีไปอยู่กับชู้ ผมเลยมาตามกลับ"
"ไม่..." ฉัตรชบายังพูดไม่จบ
อัคคีพูดขัดขึ้น
"ถ้าคุณพูดว่าไม่ใช่เมียผม ผมจะจับคุณจูบโชว์ชาวบ้านตรงนี้เลย"
ฉัตรชบาหุบปากทันที เพราะรู้ว่าอัคคีพูดจริงทำจริงเสมอ
อัคคีลากฉัตรชบาไปลงเรือ ฉัตรชบาขัดขืนไปตลอดทางแต่ก็สู้แรงอัคคีไม่ได้
ความหลังอีกคราวหนึ่ง
อัคคีจ้องหน้าฉัตรชบา แววตาโกรธจัด แล้วกระชากตัวฉัตรชบาเข้ามาจูบสั่งสอนอย่างรุนแรง ฉัตรชบาดิ้น อัคคีจับหน้าฉัตรชบาล็อคไว้ไม่ให้หันหนี อัคคีปล่อยตัวฉัตรชบา ฉัตรชบาตบอัคคีด้วยความโกรธอีกที
ฉัตรชบากัดฟันกลั้นน้ำตาเอาไว้ ไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าอัคคี
"ไอ้คนสารเลว !"
"ผมยังเลวได้มากกว่านี้อีกนะ"
อัคคีโกรธกระชากตัวฉัตรชบาเข้ามาจูบสั่งสอนอย่างรุนแรงอีก
แล้วอัคคีก็นึดถึงภาพเก่าอีกตอนหนึ่ง
ฉัตรชบาเห็นอัคคียืนทำหน้าถมึงทึงอยู่กลางห้องก็เริ่มใจไม่ดี เธฮจะเดินออกจากห้อง อัคคีพุ่งตัวมากระชากแขนฉัตรชบาเอาไว้ แรงกระชากทำให้เธอตัวปลิวมากระแทกซบอยู่ที่อกอัคคี ฉัตรชบาตกใจ รีบดันตัวออก แต่ถูกอัคคีกอดล็อคไว้แน่น อัคคีจ้องหน้าฉัตรชบาแววตาดุดัน
"นายจะทำอะไร" ฉัตรชบาดิ้น "ปล่อยฉันนะ"
อัคคีกอดล็อคตัวฉัตรชบาไว้แน่น ยิ่งฉัตรชบาดิ้น อัคคีก็ยิ่งกอดแน่นขึ้น จนทนไม่ไหว ระบายออกมาบ้าง
"ฉันทนไม่ไหวแล้วนะนายอัคคี ถ้านายแค้นมากนัก นายก็ฆ่าฉันซะเลยสิ ฉันเบื่อที่ต้องทนอยู่ในสภาพนี้เต็มทนแล้วนะ"
อัคคีเหวี่ยงฉัตรชบาไปที่เตียงนอน ตามไปใช้สองแขนคร่อมร่างฉัตรชบากันไว้ไม่ให้หนี
ฉัตรชบาเริ่มกลัว
"นายจะทำอะไรฉัน"
อัคคียื่นหน้าเข้าไปใกล้หน้า จนหน้าของทั้งคู่ห่างกันแค่คืบ
"แค่นี้ก็กลัวแล้วเหรอ แล้วคิดบ้างมั้ยว่าคืนนั้นศาจะกลัวมากแค่ไหน"
"เกี่ยวอะไรกับคุณศา"
"ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อทำเป็นไม่รู้เรื่อง พี่ชายคุณมันจ้างคนไปรุม... รุมทำร้ายศา จนศาพยายามฆ่าตัวตายถึงสองครั้ง ครั้งแรกกรีดข้อมือตัวเอง แต่หมอช่วยไว้ทัน แล้วสุดท้ายศาก็กระโดดตึกตายต่อหน้าต่อตาผม คุณคิดว่าคนเป็นพี่ชายอย่างผมจะเจ็บปวดมากแค่ไหนที่ต้องเห็นน้องสาวตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างนั้น"
อัคคีเจ็บปวดมาก น้ำตาซึมออกมา แต่ก็กลั้นไว้ไม่ให้น้ำตาไหล
ฉัตรชบาอึ้งไปนิดหนึ่ง สงสารทั้งวรรณิศาและอัคคี
"คุณไม่รู้จริงๆ เหรอว่าพี่ชายคุณมันสารเลวแค่ไหน มันหลอกให้ศายอมเป็นของมัน แล้วมันก็ทิ้งศาไปแต่งงานกับคนอื่น"
"นายก็ดีแต่ว่าคนอื่น นายแน่ใจเหรอว่าน้องสาวนายเป็นคนดีอย่างที่นายคิดจริงๆ ในงานปาร์ตี้ที่บ้านฉัน ฉันยังเห็นคุณศาแอบไปจับไม้จับมือกับผู้ชายในมุมมืดอยู่เลย"
"ศาไม่ใช่คนแบบนั้น"
"ฉันเห็นกับตา"
อัคคีโกรธมาก
"หยุดใส่ร้ายคนตายซะที"
อัคคีจ้องตาฉัตรชบาด้วยแววตาโกรธแค้นดุดัน แล้วจูบฉัตรชบาเพื่อเป็นการลงโทษ ฉัตรชบาดิ้นไปมา เขาหยุดแล้วจ้องตาฉัตรชบาอีกครั้ง แต่คราวนี้แววตาโกรธแค้นดุดันยิ่งกว่าเดิม
"ผมจะทำกับคุณเหมือนที่ไอ้ฉัตรชนกมันทำกับศา ไอ้ฉัตรชนกจะเจ็บปวดเหมือนที่ผมเคยเป็น"
ฉัตรชบาท้าทาย
"ถ้าทำแบบนั้นแล้วนายจะหายแค้นพี่ฉัตร ก็ได้...นายอยากทำอะไรก็เชิญ ฉันจะถือว่าให้ทานให้หมามันกิน"
อัคคียิ้มเหยียด
"นักเรียนนอกอย่างคุณ คงผ่านเรื่องพวกนี้มาเยอะสินะ ถึงได้เที่ยวทำทานให้คนกินฟรีได้โดยไม่รู้สึกอะไรแบบนี้"
"ถ้านายคิดว่าสิ่งที่นายกำลังจะทำกับฉันอยู่ตอนนี้จะทำให้ฉันกับพี่ฉัตรทุกข์ทรมานเหมือนที่นายกำลังเป็นอยู่ตอนนี้ ขอบอกเลยว่านายกำลังคิดผิด ภาพที่นายอยากเห็น นายจะไม่มีวันได้เห็น"
อัคคีจ้องหน้าฉัตรชบานิ่งไปนิดหนึ่ง เหมือนยั้งคิด
ฉัตรชบาท้าทาย
"อยากทำอะไรก็ทำสิ หรือว่าไม่กล้า"
"คุณท้าทายผมเองนะ"
"อยากทำอะไรก็เชิญ แต่ถ้าทำแล้วขอให้ความแค้นทุกอย่างจบลงตรงนี้"
อัคคีจูบซุกไซ้ฉัตรชบาอย่างรุนแรงเพื่อระบายความแค้น
ฉัตรชบานอนนิ่งปล่อยให้อัคคีระบายความแค้นกับร่างกายตนไปตามใจ
ฉัตรชบาขณะปัจจุบัน พยายามหลับตาลง ข่มอารมณ์
"ไม่ได้นะชบา เธอจะคิดถึงเค้าไม่ได้นะ"
อำภาเดินออกมา
"พูดอะไรน่ะ"
ฉัตรชบาสะดุ้ง ลืมตาขึ้นเห็นอำภาเดินเข้ามาถึงตัวแล้ว
"เปล่าค่ะ"
"ก็แม่ได้ยินอยู่ กำลังคิดถึงใคร"
"ไม่ได้คิดถึงใครเลยค่ะ ไม่มีค่ะ"
ฉัตรชบาพยายามทำสีหน้าแข็งๆ เพื่อเป็นการยืนยัน อำภานั่งลงข้างๆ แล้วถอนใจ
"แม่คิดถึงพ่อเหรอคะ"
"คิดถึงสิ คนเคยอยู่ด้วยกันทุกวัน อยู่ๆ ต้องมาแยกกัน จะไม่ให้คิดถึงได้ยังไง"
"แม่คะ..."
"มีอะไร"
ฉัตรชบาไม่กล้าพูด
"มีอะไรก็พูดมาสิ"
"แม่รู้ตัวว่ารักพ่อตอนไหนอ่ะคะ"
"ถามทำไม นึกยังไงขึ้นมาถึงอยากรู้"
"ก็แค่อยากรู้น่ะค่ะ"
อำภาคิดๆถึงอดีต
"แม่รู้ตัวว่ารักพ่อก็ตอนที่หยุดคิดถึงเค้าไม่ได้นั้นแหละ"
ฉัตรชบาอึ้ง ใจหายวาบเมื่อเทียบกับความรู้สึกที่นางคิดถึงอัคคีอยู่
"อยากรู้ไปหมดว่าเค้าเป็นยังไง ทำอะไรอยู่ อยากรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับเค้า"
ฉัตรชบายิ่งใจหายวาบๆ เพราะตรงกับนางเป๊ะ
"แล้วแม่ทำยังไงอ่ะคะ"
"ความรัก เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องยอมรับว่ามันเกิด แล้วก็อยู่กับมันให้เป็น" อำภาหันมามองหน้าลูกสาว "ถามทำไม รึว่าเราแอบไปรักใครอยู่"
"ปล๊าววว ไม่มีค่ะ ไม่ได้รักใครเลย"
"แล้วศรุตล่ะ"
"เค้าก็แค่เพื่อนเก่าน่ะค่ะ"
"แต่เค้ารักชบามากนะลูก เปิดใจให้เค้าหน่อย ให้เค้าได้พิสูจน์ความรักของเค้าหน่อย อย่าปิดใจใส่เค้า"
"ความรักมันฝืนกันไม่ได้นี่คะแม่ แล้วชบาก็เชื่อว่า ถ้ามันจะเป็นความรัก เราไม่ต้องใช้ความพยายาม ยังไงมันก็เกิดขึ้นของมันจนได้ แต่ถ้าเราต้องใช้ความพยายาม มันจะยังเรียกว่าความรักอีกเหรอคะแม่"
"มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอก บางครั้งความรักก็เกิดขึ้นกับคนที่ไม่ควรรักได้เหมือนกัน"
ฉัตรชบาเครียด
"ไม่มีอะไรเจ็บปวดเท่าความรักที่เป็นไปไม่ได้อีกแล้วล่ะ...ระวังอย่าให้มันเกิดขึ้นกับตัวเองก็แล้วกัน"
ฉัตรชบาน้ำตาจะไหล
"ชั้นก็รักเธอไม่ได้เหมือนกัน"
อัคคีพูดขึ้น ขณะนั่งดื่มอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์
"ชั้นทำได้แค่ล้างแค้นเธอเท่านั้น!"
อัคคีบอกตัวเอง ดื่มเหล้าหมดแก้ว กระแทกแก้วลงอย่างแรง สีหน้าเจ็บปวด
เกษณีย์นึกถึงพัฒนะขึ้นมาก็โกรธแค้น ปาข้าวของที่อยู่ใกล้มือ
"ตกลงชั้นต้องหาเงินให้แกอีกแล้วใช่มั๊ย! ไอ้พัฒนะ ไอ้สารเลว!"
เกษณีย์สีหน้าครุ่นคิด
เกสรเข้ามา เห็นว่าแต่งตัวสวยงามพร้อมออกงาน
"แกเอาเครื่องเพชรแม่ไปใช่มั๊ย"
"เครื่องเพชรอะไรคะ เกษไม่รู้เรื่อง"
"ก็เครื่องเพชรชุดนพคุณที่ชั้นเพิ่งได้มาใหม่น่ะสิ มันหายไป ถ้าไม่ใช่แกแล้วจะเป็นใคร"
"เกษไม่รู้เรื่องนะคะคุณแม่ เกษไม่ได้เอาไป"
"โกหก...มีแต่ชั้นกับแกที่รู้รหัสเซฟ ไม่ใช่แกแล้วจะเป็นใคร"
"ก็คนใช้คนสนิทของคุณแม่ไงล่ะค่ะ มันอาจจะแอบรู้รหัสคุณแม่ก็ได้ เห็นไว้ใจกันนักกันหนา มันนั่นแหละค่ะที่เอาไป"
"สายพิณอยู่กับชั้นมานาน มันไม่กล้าทำเรื่องชั่วๆ แบบนั้นแน่"
"ไว้ใจคนอื่น แต่ไม่ไว้ใจลูกตัวเองงั้นเหรอคะ"
เกสรพูดไม่ออก)
"เห็นว่าลากลับบ้านนอกไม่ใช่เหรอคะ คงหอบเครื่องเพชรคุณแม่ไปแล้วล่ะค่ะ ไม่เชื่อก็คอยดูสิ มันไม่กล้ากลับมาหรอก"
"ชั้นจะตามตัวมันกลับมา ถ้ามันไม่ได้เอาไป ก็ต้องเป็นแก"
เกสรออกไป เกษณีย์เครียดมาก
"ไม่มีทางเลือกอื่นนี่"
เวลากลาคืน เสี่ยเป้ารับแขกอยู่ในบ่อน
"ทุ่มหนักไปเลยครับท่าน ผมรู้มาว่าท่านเพิ่งได้ตามน้ำมาก้อนใหญ่ไม่น้อย ดวงกำลังขึ้นแบบนี้เอาเงินต่อเงินเลยครับ"
ลูกน้องมองไปเห็นเกษณีย์เดินเข้ามาเชิดๆ ลูกน้องกระซิบเสี่ยเป้า
"เสี่ยครับ"
"อะไร?"
ลูกน้องพยักเพยิดให้ดูเกษณีย์ เสี่ยเป้าเห็นเข้าก็รีบเดินเข้าไปหา
"ยินดีต้อนรับคุณเกษณีย์คนสวยครับ"
เสี่ยเป้ายื่นมือไปให้ เกษณีย์จับมือเสี่ยเป้าตอบแบบมีนัยยะ เสี่ยเป้าตาวาว
"ดีใจที่คุณเกษมานะครับ"
"เกษเครียดๆน่ะค่ะ เลยอยากมาผ่อนคลายบ้าง"
"ดีเลยครับ ผมจะทำให้คุณเกษผ่อนคลายเอง"
เสี่ยเป้าถือโอกาสแต๊ะอั๋งนวดที่ไหล่เกษณีย์เบาๆ
"คราวที่แล้วผมให้คุณเกษเล่นสนุกๆ แต่คราวนี้ต้องขึ้นอยู่กับดวงแล้วนะครับ ถ้ามือขึ้นก็ได้ไป แต่ถ้าดวงตก เสียหนักหนี้จะรอบตัวนะครับ ผมเตือนไว้ก่อน มันเสี่ยง"
"เสี่ยงก็เสี่ยงสิคะ เกษชอบความเสี่ยง มันท้าทายดี"
"ใจถึงแบบนี้ ผมชอบ" เสี่ยบอกลูกน้อง "ต้อนรับลูกค้าวีไอพีหน่อย"
"ครับเสี่ย"
เกษณีย์เดินไปเล่นการพนัน
เสี่ยเป้ามองตามเกษณีย์
"เสร็จชั้นแน่"
(อ่านต่อตอนที่ 18)