นางแค้น ตอนที่ 9
กานดาเข้าไปเขย่าตัวป้ามี่กับมดแดง
ทั้งสองคนนอนพังพาบกันอยู่แถวๆโลงศพซินดี้นั่นเองกลายเป็นว่าทั้งสองคนยังไม่ได้ตายแต่โดนซินดี้หลอกจนขวัญกระเจิง
“นี่ตื่นได้แล้วตื่น”
ป้ามี่สะดุ้งตื่นขึ้นมาอึ้งจับเนื้อจับตัวตัวเองดู “อ๊ายฉันยังไม่ตาย”
ป้ามี่หันไปตบมดแดงผัวะ
“อีมดแดงอีมดแดง”
มดแดงรู้สึกตัวขึ้นมา
“โอ้ยเจ็บโว้ย” มดแดงมองเห็นป้ามี่“ป้า!ป้าตายแล้วใช่มั้ย”
มดแดงพนมมือไหว้สั่นพรั่บๆ “พุทโธธัมโมสังโฆไปที่ชอบที่ชอบเหอะป้าแล้วฉันจะหาเห็บหาเหาเผาไปให้”
“อีปากอาจมกูยังไม่ได้ตายโว้ย”
มดแดงดีใจ “ฮ้าเรายังไม่ตาย”
ป้ามี่กับมดแดงเข้ามากอดกันดีใจที่รอดพ้นจากความตาย
“เดี๋ยวๆหยุดๆพวกป้าสองคนมาทำอะไรกันที่นี่”
เข้มวิ่งเข้ามาพร้อมถังนํ้ามันที่ราดหมดแล้ว
“หมวดผมเจอถังนํ้ามันแล้วก็นํ้ามันโดนสาดไปบนโลงศพซินดี้”
กานดาหันไปมองทั้งสองที่ยังหวาดกลัวกันอยู่
“พูดตรงๆเลยนะฝีมือป้ามี่กับเจ๊มดแดงใช่มั้ย”
“ชะใช่ฉันทำเอง” ป้ามี่บอก
“งั้นฉันจำเป็นต้องจับในคดีเผาทำลายศพป้าทั้งสองคนต้องไปโรงพักกับฉันเดี๋ยวนี้”
“เอาเลยจับเลยจะพาฉันไปนรกสวรรค์ที่ไหนก็ไปพาฉันไปให้พ้นๆจากที่นี่ที”
มดแดงป้ามี่ยื่นมือให้กานดาใส่กุญแจมือกานดาเข้มอึ้งงงไป
วันใหม่ตั้งโอ๋เดินเลี้ยวออกมาจากโรงละครกําลังเดินครุ่นคิดไปตามทางจู่ๆ รถยนต์คันหนึ่งขับพุ่งเข้ามาจะชนตั้งโอ๋ตกใจร้อง “ว้าย”
กะเพราวิ่งเข้ามาดึงตั้งโอ๋หลบได้ทันแล้วล้มลงไป
รถคันนั้นขับหนีไปอย่างรวดเร็ว
ตั้งโอ๋ด่าตามหลัง “บ้าขับรถประสาอะไรเลวมาก”
“อู้ย” กะเพราร้อง
ตั้งโอ๋เข้าไปหา
“พี่พี่เป็นไงบ้างคะเข้าไปทายาข้างในก่อนนะคะ”
ตั้งโอ๋ถามกะเพราอย่างเป็นห่วง
ตั้งโอ๋ทายาให้กะเพราไปด้วยคุยไปด้วย
“ขอบคุณพี่มากเลยนะถ้าไม่ได้พี่ช่วยตั้งโอ๋คงโดนสอยไปแล้ว”
“ไม่เป็นไรคะกะเพรายินดี”
“พี่ชื่อกะเพราเหรอ”
“ค่ะกะเพราพึ่งมาทำงานเป็นน้องใหม่ของที่นี่เองล่ะค่ะคุณหนู”
“มิน่าล่ะตั้งโอ๋ถึงไม่เคยหน้า ...อะเสร็จพอดีค่ะ”
กะเพรายกมือไหว้ตั้งโอ๋
“ขอบคุณมากเลยนะคะคุณหนู”
“ว้ายอย่ามาไหว้ตั้งโอ๋สิพี่แล้วก็ไม่ต้องเรียกตั้งโอ๋ว่าคุณหนูหรอกหนูก็ลูกจ้างเขาเหมือนพี่แหละ”
กะเพราจับมือตั้งโอ๋ขึ้นมาทำทีเป็นชื่นชม
“อะไรกันคะดูซิคะผิวคุณตั้งโอ๋ออกจะเนียนยังกับผู้หญิงจริงๆเลยนะคะ”
“แหมพี่ก็อัดทั้งฮอร์โมนทั้งคอลลาเจนมันก็เนียนหญิงกันได้ทั้งนั้นแหละพี่”
โกกิเดินเข้ามาเห็นกะเพราจับไม้จับมือกับตั้งโอ๋ก็หึงขึ้น
โกกิตรงเข้ามา
“นี่มาจับมือถือแขนอะไรกันแถวนี้ไม่รู้เหรอว่านี่มันที่ทำงานไม่ใช่ซ่อง”
ตั้งโอ๋บอก “นี่เธอประจำเดือนมาหรือไงพี่กะเพราก็เป็นกะเทยเหมือนชั้นเรื่องอะไรจะกินกันเองฉันยังไม่คิดจะเป็นเลสเบี้ยนหรอกนะยะ”
“ฮึยปากเก่งนักน่ะแก” โกกิยกมือจะตบ
กะเพรารีบลุกขึ้นเปลี่ยนเรื่องดึงโกกิออกไป
“คุณโกกิไปดูชุดใหม่หรือยังคะกะเพราเห็นฝ่ายเสื้อผ้าเขาขนชุดใหม่มาเพียบเลยค่ะ”
“ขอชั้นตบอีปากโถส้วมนี่ก่อน”
“ไม่เอาแล้วค่ะไปเร็วๆค่ะ”
กะเพราะรีบดึงโกกิออกไปตั้งโอ๋มองตามส่ายหน้า
“ยายบ้าท่าทางจะวัยทอง”
บ่ายต่อมาบุลินเดินเข้ามาในโรงพักกานดาวิ่งเข้ามาหา
"พี่หมวดป้ามี่กับเจ๊มดแดงให้การตรงกันว่าต้องการแค่ทำลายศพซินดี้ด้วยความเกลียดชังแต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมซินดี้"
"โจทย์เก่าซินดี้ทั้งนั้นเลยนี่นะ"
"ใช่ฉันสอบเค้นยังไงก็ยังเสียงแข็งว่าไม่รู้เรื่อง"
"เดี๋ยวพี่จะสอบป้ามี่เอง"
บุลินมุ่งมั่น
ป้ามี่นั่งอยู่ที่โต๊ะสอบสวนกระสับกระส่ายเซ็งโดนกักมาทั้งคืนแล้ว
บุลินเปิดประตูเข้ามากับกานดาที่ถือถุงดำใส่อะไรบางอย่าง
ป้ามี่โวยวาย
"โอ้ย ... นี่จะสอบกันอีกกี่วันกี่คืนคะอิชั้นต้องไปทำมาหากินนะคะ"
"รบกวนเวลาป้าอีกไม่นานหรอกครับ"
ป้ามี่อ่อนใจ
"นี่บอกกี่ร้อยครั้งแล้วฉันไม่รู้เรื่อง"
บุลินเท้าโต๊ะคุยกับป้ามี่
"แต่การทำลายศพผู้อื่นก็มีความผิดอยู่ดีนะครับป้า"
"จะปรับกี่หมื่นกี่แสนก็ว่ามาเลยฉันจ่ายได้ฉันเกลียดมันแต่ฉันไม่ได้ฆ่ามันเข้าใจมั้ยคะผู้หมวด"
"เข้าใจครับ ....งั้นผมขอให้ป้าดูอะไรบางอย่างนะครับ"
บุลินยื่นมือออกไปกานดาส่งถุงดำให้บุลิน
บุลินล้วงหยิบกระเป๋าหลุยส์ของป้ามี่ออกมา
"ของป้าใช่มั้ยฮะ"
"ใช่น้องหลุยส์สุดเลิฟของฉันไปเอามาได้ยังไง"
ป้ามี่เอื้อมมือจะไปหยิบ
บุลินดึงหนียิ้มมีเลศนัย
แล้วบุลินทิ้งกระเป๋าลงไปกับพื้นแล้วยกเท้าทำท่าจะเหยียบลงไป
ป้ามี่กรี๊ดฟิวส์ขาดพุ่งเข้ามาบีบคอบุลินทันที
"ไอ้ระยำแกตาย"
บุลินเกือบแย่กานดารีบเข้ามาช่วยดึงตัวป้ามี่ออก
"เดี๋ยวป้าใจเย็น"
"ปล่อยฉันฉันจะฆ่ามัน"
"ถ้าสติขาดนิดเดียวเราก็เป็นฆาตกรได้แล้วจริงมั้ยครับป้า"
"หมวดนี่หมวดกําลังเล่นตลกอะไรกับฉัน"
"ผมไม่ได้เล่นผมต้องการทำให้ป้าเห็นว่าคนเราไม่ได้ฆ่าด้วยความเกลียดอย่างเดียวความรักความสูญเสียก็อาจทำให้เราหมกมุ่นที่จะทำลายล้างคนที่ทำให้เราเสียใจและผิดหวังได้เหมือนกัน"
ป้ามี่อึ้งไปแล้ว ท่าทีเปลี่ยนไปสะอื้นออกมา
"ฮือ...ใช่ฉันเคยรักซินดี้มากรักมากฉันก็ผิดหวังมาก จนฉันเกลียดมันฮือๆ"
ป้ามี่ทรุดลงไปกับพื้นร้องไห้โฮๆขึ้นมา
บุลินทรุดลงนั่งยองๆข้างๆ
"ทำไมความรักของป้าถึงได้กลายเป็นยาพิษล่ะครับป้าพอจะเล่าให้ฟังได้มั้ย"
ป้ามี่นึกถึงความหลังระหว่างตัวเองกับซินดี้
"ฉันกับซินดี้รู้จักกันมานานแล้วตั้งแต่มันยังเป็นกะเทยโนเนมไม่มีอะไรสักอย่างแม้แต่ที่ซุกหัวนอนฉันจำได้ดีวันแรกที่ฉันเจอมันริมหาดวันนั้น"
เหตุการณ์ในอดีตเมื่อ5ปีก่อนที่ป้ามี่กับซินดี้รู้จักกันครั้งแรก
บริเวณร้านส้มตำแถวริมหาด ตอนกลางวันในอดีตเมื่อ 5 ปีก่อน
ป้ามี่นั่งจกส้มตำกินอยู่กับเจ๊ต้อย
"นี่มึงจะลาออกจริงๆเหรอนังต้อย"
"เออสิกูก็แก่ลงทุกวันจะให้มาเต้นเย้วๆอย่างนังตัวเล็กตัวน้อยมันคงไม่ไหวหรอกนี่กูเก็บเงินได้ก้อนนึงแล้วกูจะไปเปิดร้านเสริมสวยที่บ้านนอกไว้เลี้ยงตัวเองตอนแก่"
"ก็ดีอย่าให้ผู้ชายหลอกเอาไปหมดล่ะ"
"มึงพูดกับตัวเองหรือเปล่าอีมี่หนอยมึงไม่ซองเลยงี้"
"ฮ่าฮ่าฮ่ากูล้อเล่น"
"ว่าแต่มึงเถอะคิดไว้บ้างหรือยังแก่ไปจะทำอะไรจะเป็นนางโชว์จนตายหรือไง"
"แน่นอนกูรักการแสดงกูจะโชว์จนแก่จนตายคาเวทีนี่แหละ"
เสียงซินดี้ร้องดังเข้ามา
"โอ้ย... ไอ้หรั่งอย่าช่วยด้วย"
ป้ามี่กับเจ๊ต้อยตกใจรีบวิ่งออกไปดู
"อะไรน่ะไปดูดินังต้อย"
ป้ามี่นำวิ่งออกไป
อีกมุมหนึ่ง ตรงชายหาด ซินดี้แต่งตัวปอนๆโทรมๆกําลังโดนหรั่งจิกผมต่อยหน้าซ้อมไถเงินทั้งเตะทั้งต่อยจนน่วมไปหมดท่ามกลางไทยมุง
ซินดี้พยายามทุบๆไล่หรั่งแต่ไม่เป็นผล "ปล่อยกูสิปล่อย"
"เอาเงินมาสิเอามา"
"กูไม่มี"
หรั่งตบซินดี้กระเด็นกลิ้งออกไป
"มึงอย่ามาโกหกซ่อนไว้ในยกทรงใช่มั้ย"
หรั่งเข้าไปกระชากเสื้อซินดี้ขาดแขว่กไทยมุงฮือฮา
"ว้าย"
ป้ามี่กับต้อยเข้ามาเห็น
"แม่เจ้าไอ้ฝรั่งขี้นกมึงรังแกผู้หญิงหรือวะ"
ป้ามี่พุ่งเข้าไปถีบหรั่งผงะออกไป
"เสือกอะไรอีแก่ผัวเมียเขาจะคุยกัน"
"แบบนี้แถวบ้านกูเขาไม่เรียกว่าคุยโว้ยเขาเรียกว่ารังแกผู้หญิง"
ซินดี้รีบวิ่งไปหลบหลังป้ามี่
"ป้าคะช่วยหนูด้วย"
"ไม่มีใครช่วยมึงได้หรอกอีซินดี้"
หรั่งเข้าไปจะจับตัวซินดี้
ป้ามี่ตบหรั่งฉาดอย่างไม่กลัวเกรง
"อีแก่มึงจะลองดีกับกูเหรอ"
ป้ามี่หันหยิบมีดอีโต้จากเพิงขายของที่ตั้งอยู่ข้างๆขึ้นมาขู่หรั่ง
"มาซี้มึงอย่านึกว่ามึงเป็นผู้ชายแล้วกะเทยอย่างกูจะกลัวนะเว้ยมาซิเข้ามาซิ"
ป้ามี่แทงมีดออกไปหรั่งหลบไปมา
"เฮ้ย"
"ไอ้สันดานชั่วถึงกูจะเป็นกะเทยกูก็ไม่เคยรังแกผู้หญิงเหมือนมึง"
ป้ามี่ตวัดมีดโดยแขนหรั่งเลือดไหลซิบออกมาหน่อย
"โอ้ย ... เลือด"
"เอาอีกไหมไอ้ฝรั่งขี้นก"
"ฝากไว้ก่อนเถอะอีแก่"
หรั่งวิ่งหนีออกไป
"เฮ้ย...อย่างกูไม่ได้เรียกว่าแก่โว้ยเขาเรียกว่าวัยเบ่งบานอีโธ่ไม่แน่จริงนี่หว่า"
ป้ามี่เหลียวมองไปที่ซินดี้ที่ยังตัวสั่นงันงกด้วยความกลัว
ป้ามี่ลูบหัวลูบไหล่ปลอบ
"ไม่เป็นอะไรแล้วหนูมันไปแล้ว"
ซินดี้เงยหน้าน่าสงสารมองหน้าป้ามี่
ป้ามี่พาซินดี้เข้ามาในบ้านทาวเฮ้าส์หลังเล็กๆ
"เข้ามาสิที่พักนางโชว์เขาไม่อนุญาตให้เอาคนอื่นไปอยู่ด้วยหนูก็อยู่ที่นี่ก็แล้วกันบ้านชั้นเองแหละซื้อเก็บไว้เฉยๆ"
"หนูขอบคุณป้ามากๆเลยค่ะขอบคุณทุกอย่างเลยค่ะ"
ซินดี้ก้มลงไปจะกราบป้ามี่รีบห้าม
"โอ้ย... ไม่ต้องมากราบเกิบอะไรหรอกอยู่ให้สบายก็พอนะหนูแล้วถึงเราจะเป็นลูกผู้หญิงก็ต้องหัดสู้คนบ้างอย่าปล่อยให้ไอ้ผู้ชายถ่อยๆมันมารังแกได้อีกล่ะ"
"ป้าคะหนูไม่ได้เป็นผู้หญิงหนูเป็นเหมือนป้าแหละค่ะ"
"ว้าย...อกอีกระปุกจะแตก ...นี่หล่อนเป็นกะเทยเหรอตายแล้วเริ่ดอ่ะดูไม่ออกเลยนะเนี่ยไหนดูสิ" ป้ามี่เชยคางซินดี้ขึ้นดูเล็ง "หล่อนสวยมาก หน้าตาคิ้วคางทรวงทรงองค์เอวหล่อนเป็นผู้หญิงชัดๆนี่เฉาะหรือยังล่ะ"
"ยังเลยค่ะ"
ป้ามี่โบกมือ
"ไม่เป็นไรเดี๋ยวเจ๊จัดให้"
ซินดี้ดีใจ
"ป้าพูดจริงๆเหรอป้าไม่ได้หลอกหนูนะ"
"โอ้ย...คนอย่างป้ามี่คำไหนคำนั้นฉันจะจัดให้เธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ....ทั้งเฉาะทั้งเสริมเอาไปเลยครบเซ็ทฉันจะปั้นให้เธอสวยยิ่งกว่าผู้หญิงจริงๆแล้วฉันจะส่งเธอเข้าประกวดเอง"
ซินดี้ตื่นเต้นดีใจ
"อย่าหลอกหนูนะประกวดอะไรหรือคะ"
ป้ามี่ยิ้มตอบรับซินดี้ดีใจตื่นเต้น
ต่อมา คืนประกวดมิสควีนพาราไดซ์
พิธีกรประกาศให้ซินดี้ได้ที่หนึ่งออกมารับมงกุฏ
"มิสควีนพาราไดซ์ประจำปี2554 ได้แก่ .... เบอร์15 ซินดี้อิสรภาพ"
ซินดี้ดีใจยิ้มหน้าบานตื่นเต้น
ป้ามี่กับต้อยยืนเชียร์อยู่กระโดดเหย็งๆตบมือดีใจแรงสุด
"ซินดี้!! ชนะเลิศ!!" ป้ามี่ชี้ซินดี้บอกกับทุกคน "เด็กชั้นเองๆ"
ซินดี้สวมมงกุฎมิสควีนพาราไดซ์โบกมือให้กับทุกคนยิ้มตาเป็นประกายเจิดจรัส
วันใหม่ หน้าโรงละครเพลินพิมาน
นางโชว์ทั้งหมดมาเข้าแถวต้อนรับซินดี้ป้ามี่ถือช่อดอกไม้เตรียมให้ซินดี้ยืนอยู่ข้างๆกับมดแดง
"โอ้ยเมื่อไรจะมาเสียทีเนี่ยรอฉี่จะราดแล้วนะ"
"แหมคุณแม่ก็เจอกันทุกวันจะตื่นเต้นอะไรอีก"
"มันไม่เหมือนกันตอนนี้เด็กชั้นได้มาเซ็นสัญญากับคุณแพรวาเป็นนางโชว์เบอร์หนึ่งของเพลินพิมานแล้วมันจะไม่ให้ฉันปลื้มได้ยังไงล่ะ"
รถแพรวาเข้ามาจอดซินดี้เปิดประตูลงมากับแพรวาที่ดูเอาอกเอาใจซินดี้อยู่มาก
ภาวัชกับทิพย์ตามหลังมาเหล่านางโชว์โห่ร้องต้อนรับซินดี้ที่ลงจากรถมาด้วยชุดเก๋เริ่ดเนี้ยบเดินเชิดๆเริ่ดๆผ่านเข้ามาตรงที่ป้ามี่กับมดแดงยืนอยู่
ป้ามี่ยื่นช่อดอกไม้ให้ซินดี้ตาเป็นประกาย
"ซินดี้ป้าดีใจด้วยนะ" ป้ามี่ยื่นช่อดอกไม้ให้
ซินดี้ชะงักกึกมองหน้าป้ามี่หัวจรดเท้าแล้วดึงช่อดอกไม้ไป
แล้วป้ามี่ก็ต้องหุบยิ้มทันทีที่ซินดี้กลับโยนช่อดอกไม้ที่ตัวเองซื้อให้ลงไปกับพื้น
แล้วซินดี้ก็ยกส้นสูงขยี้ลงไปที่ช่อดอกไม้กดยํ้าให้แหลกแน่ๆแล้วซินดี้ค่อยพูดขึ้น
"อุ๊ย ... ขอโทษนะพอดีมือไม้มันอ่อนเลยทำตก"
ป้ามี่หน้าตึงชักสีหน้าขึ้นมา
ซินดี้อมยิ้มไม่แคร์
"คุณแพรวาขาทำไมที่นี่ถึงยังจ้างนางโชว์แก่ๆอยู่อีกเหรอคะเอาไว้ทำอะไรคะซักผ้าถูบ้านล้างจานหรือว่า....เอาไว้ขูดเลขขอหวย"
แพรวาบอก "อย่าพูดเล่นจ๊ะเข้าไปดูสัญญาข้างในก่อนนะจ๊ะ"
แพรวาโอบพาซินดี้ออกไปอย่างเอาใจซินดี้ท่าทางเชิดเป็นนางพญาแอบมองโชว์เหนือใส่ป้ามี่
มดแดงระเบิดเสียงหัวเราะเยาะใส่ป้ามี่พร้อมนางโชว์อื่น
“ว้าย... ทำไมน้องซินดี้เขาทำกับป้าอย่างนี้ล่ะไหนป้าบอกว่าป้าเป็นคนปั้นน้องเขามากับมือป้าละเมอหรือเปล่าอ่ะฮ่าฮ่าฮ่า”
ทุกคนหัวเราะเยาะป้ามี่ นางเสียหน้าทั้งเจ็บทั้งอาย
ในห้องสอบสวนป้ามี่นํ้าตาคลอเบ้าเงยหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้นํ้าตาไหลออกมา
“อีงูพิษเลี้ยงไม่เชื่อง ต่อให้ขุนดีแค่ไหนสุดท้ายมันก็แว้งมากัดอยู่ดี”
บุลินส่งทิชชู่ให้ป้ามี่ซับนํ้าตา
“ขอบใจนะหมวด” ป้ามี่รับไปแล้วเอาทิชชู่เปิดปากพูดต่อ “หึ ... อีพวกเนรคุณวัวลืมตีนจิตใจตํ่าตมแบบนี้ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมหมวดต้องไปเรียกร้องความยุติธรรมให้คนเลวๆอย่างนังซินดี้ด้วยปล่อยให้มันตายๆไปอย่างนั้นแหละดีแล้ว”
อยู่ๆไฟในห้องก็ดับพรึ่บลง !
ป้ามี่กรี๊ดหวาดกลัวขึ้นมาคดตัวหลบอยู่ที่มุมห้อง
“อ๊าย...ฉันกลัวแล้วอย่าทำอะไรฉันเลยนะอ๊าย...ช่วยด้วยๆกลัวแล้วกลัวแล้ว”
ไฟติดขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่มีอะไรหรอกป้าไฟตกนิดหน่อยน่ะ”
“ไม่ฉันกลัวอย่ามายุ่งกับฉัน”
ป้ามี่ยังคงปิดหูปิดตาร้องกรี๊ดๆอีก
กานดามองหน้ากับบุลินอ่อนใจ....แบบว่าคงสอบอะไรต่อไม่ได้แล้วสิเซ็ง
บุลินกับกานดาเดินคุยกันมา
กานดาถอนใจ
“เฮ้ออยู่ๆป้ามี่ก็กลัวผีขึ้นสมองซะงั้น ....สอบต่อไม่ได้พอดี”
“ปล่อยตัวไปก่อนถ้าเราได้หลักฐานที่แน่นหนามากกว่านี้ค่อยเชิญมาใหม่”
“ค่ะ”
“มีอะไรเพิ่มเติมอีกมั้ย”
“พี่หมวดติดต่อกับสายของเราได้แล้วนะคะ”
“เขาลงมือทำงานหรือยัง”
“ค่ะ ...” กานดาหยิบกระดาษโน้ตเล็กๆจากกระเป๋าเสื้อออกมา “นี่เป็นรหัสและเบอร์ที่ใช้
ติดต่อกับสายของเรานะคะ”
บุลินรับไป
“ขอบใจมาก”
“ไม่เป็นไรพี่ ....อย่าเครียดให้มันมากนักเดี๋ยวไม่สบายไปจะยุ่ง”
ต่อมา ... เข้มโผล่เข้ามาหากานดาแต่กานดาไม่อยู่
“ฮึหมวดไปไหนไม่อยู่เหรอ”
เข้มมองๆไปเห็นมือถือของกานดาวางอยู่บนโต๊ะเข้มสะดุดตารีบหยิบมือถือไปดู
“มือถือยายหมวดนี่”
เข้มเหลียวซ้ายแลขวาไม่เห็นใครเลยรีบกดดูหน้าจอ
“ซ่อนอะไรเอาไว้นะต้องรู้ให้ได้” เข้มไล่เปิดดูมือถือ)
แล้วเข้มตาโตปึ้งขึ้นมาร้องตกใจออกมานิดนึง
“เฮ้ย!”
ตั้งโอ๋ดูคลิปตัวเองจากมือถือของเข้มในห้องนั่งเล่นในบ้าน
“อยากรู้มั้ยใครเป็นฆาตกรมาเป็นผัวฉันก่อนสิแล้วฉันจะบอกให้”
ตั้งโอ๋ตะลึง
“ทำใจดีๆน่าแก”
ตั้งโอ๋หน้าเหยเกแล้วปามือถือเข้มลงบนโต๊ะ
“เฮ้ย ! เบามือถือฉันน่ะเว้ย”
ตั้งโอ๋นั่งกุมขมับเครียดจัดไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไรดี
“โอ้ย นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ยฉันอยากตาย”
บุลินจอดรถที่หน้าบ้านตั้งโอ๋เปิดประตูรถลงมา
เข้มเหลือบมองเห็นบุลินแว่บๆกําลังจะเดินมา
“หมวดบุลิน!”
ตั้งโอ๋มองตาม “มาทำไมเนี่ย...โอ้ย...”
ตั้งโอ๋บอกกับเข้ม “แกบอกว่าฉันไม่อยู่ไปหาอากงอาม่าที่ไหนก็ได้”
ตั้งโอ๋รีบวิ่งไปซ่อนหลังลังกระดาษใส่กล่องโฟมที่ตั้งซ้อนๆกันอยู่แถวๆนั้น
บุลินเดินเข้ามาหาเข้มพอดี
“อ้าว...หมวดมาได้ไงเนี่ย”
“ตั้งโอ๋อยู่มั้ยฉันอยากจะถามเรื่องซินดี้”
เข้มชี้ไปทางตั้งโอ๋
“โน้นเอ๊ย...ไม่ใช่ออกไปซื้อของปากซอยครับ”
“ออกไปอะไรคํ่าๆมืดๆแล้วทำไมนายไม่ไปส่ง”
“หมวดมายุ่งอะไรกับครอบครัวผมล่ะไปๆกลับไปเถอะตั้งโอ๋ไม่อยู่”
ระหว่างเข้มคุยอยู่ ตั้งโอ๋ที่หลบอยู่จะจามแต่เอามือปิดปากไว้ทันตั้งโอ๋โล่งอก
แล้วตั้งโอ๋เหลือบไปเห็นคางคกกระโดดเข้ามา
ตั้งโอ๋กรี๊ดแตกเตะกล่องกระจายวิ่งหนีออกมา
“แอร๊ย”
“ตั้งโอ๋!”
ตั้งโอ๋อึ้งๆมองบุลินน้าตาตื่นเข้าหน้าไม่ติด
“เออชั้นชั้นลืมของเลยกลับมาเอา”
ตั้งโอ๋รีบวิ่งออกจากบ้านไปเลย
“ตั้งโอ๋กลับมาเดี๋ยวนี้”
บุลินวิ่งตามตั้งโอ๋ออกไปเข้มมองตามส่ายหน้า
“นี่จะเล่นหนังแขกกันหรือไง ....เฮ้อ” เข้มตะโกนตาม “เคลียร์ๆกันไปซะเถอะนะชาวบ้านจะได้ไม่เดือดร้อน”
ตั้งโอ๋วิ่งหนีบุลินออกมาไปตามทางซอยบ้าน บุลินวิ่งไล่ตามหลัง
“ตั้งโอ๋จะหนีทำไมหยุดเดี๋ยวนี้”
ตั้งโอ๋ไม่หยุดรีบวิ่งหนีไปอีก
บุลินรีบไล่ขึ้นมาคว้ามือตั้งโอ๋หันมา
แต่ตั้งโอ๋กลับกลายเป็น “ซินดี้”
บุลินตะลึง
ซินดี้หัวเราะก้องบรรยากาศรอบมืดลงทันทีกลายเป็นที่มืดมิด
บุลินเหลียวมองดูรอบๆตัวแล้วงงอึ้ง
“ซินดี้”
“ไม่ได้เจอตั้งนานคิดถึงฉันมั้ย”
“ต้องการอะไร”
“ชีวิตคุณ”
บุลินกระเด็นออกไปเหมือนโดนผลักอย่างแรง
ซินดี้ยกมือขึ้นในอากาศทำท่าเหมือนกรีดคอในอากาศ
ที่คอบุลินปรากฏก็มีรอยกรีดขึ้นมาเลือดพุ่งเหมือนถูกเชือดคอ
บุลินร้องเจ็บปวดซินดี้มองด้วยความสะใจ
บุลินโดนกรีดแทบคอขาดทรุดลงไปกับพื้นเลือดพุ่งล้นทะลักใกล้จะขาดใจตาย
ในนาทีสุดท้ายซินดี้กลับพลิกมือควํ่าลงกําเข้ามา
เลือดที่พุ่งอยู่ย้อนกลับเข้าไปในตัวบุลินแผลปิดสนิทบุลินถอยกลับมายืนตรงหน้าซินดี้เหมือนตอนแรก
บุลินยิ่งงงหนักเข้าไปอีก
ซินดี้หัวเราะชอบใจ
“เธอกําลังเล่นตลกอะไร”
“ฉันอยากให้คุณรู้ไว้ว่าถ้าฉันจะฆ่าคุณมันง่ายนิดเดียว”
“ก็ฆ่าสิจะละเว้นทำไม”
“มันง่ายเกินไปน่ะสิที่คุณจะตายฉันอยากเห็นคนที่ยึดมั่นในอุดมการณ์อย่างคุณต้องเจ็บจนกระอัก เมื่อกฎหมายที่คุณว่าศักดิ์สิทธิ์นักหนา มันช่วยชีวิตใครไว้ไม่ได้เลย”
“ถ้าแค้นใจนักก็บอกมาสิว่าใครฆ่าคุณผมจะจับมันเข้าคุกเอง”
“ฉันไม่ได้ต้องการให้มันติดคุกฉันต้องการให้มันตายสถานเดียว”
“ไม่ได้ถึงคนที่ฆ่าคุณจะผิดแต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์ฆ่าใครทั้งนั้น”
“คุณมีความสามารถที่จะห้ามฉันได้หรือเปล่าล่ะบุลิน... หึหึเอาชีวิตของทุกคนในเพลินพิมานเป็นเดิมพันมั้ย”
“หมายความว่าไงคุณจะทำอะไร”
“ฉันก็อยากจะเล่นอะไรสนุกๆสักหน่อย ....ถ้าไม่อยากให้คนบริสุทธิ์ต้องตายคุณก็ต้องรีบหาไอ้ฆาตกรนั่นให้เจอ ....เพราะยิ่งคุณหาตัวมันช้าเท่าไรก็จะยิ่งมีคนตายมากขึ้นเท่านั้น”
บุลินตะลึง “อะไรนะ”
“มงกุฎมิสควีนพาราไดซ์”
“มงกุฎมิสควีนพาราไดซ์ทำไมมันเกี่ยวข้องกับฆาตกรเหรอ”
ซินดี้หัวเราะเสียงลั่นแทนไม่ตอบอะไร
บุลินปวดหัวแทบจะแตกร้องลั่นแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองร่วงลงไปในโพรงมืดดำกลางอากาศ
“อ๊าก”
ระหว่างนั้นมีเสียงซินดี้หัวเราะดังแทรกขึ้นมา
“หาให้เจอบุลินหาให้เจอ”
เช้าวันใหม่
บุลินสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะสัปเหร่อเปิดประตูเข้ามา
“อ้าวคุณเข้ามานอนในนี้ได้ยังไง”
บุลินอึ้งๆเมื่อคืน เขานอนอยู่ที่หน้าโลงศพซินดี้
“ไม่กลัวผีหรอกเหรอ”
บุลินมองไปที่รูปซินดี้ที่ติดอยู่หน้าโลงแล้วจ้องไม่กลัวเกรง
“ไม่ครับ ....ไม่ว่าคนหรือผีถ้าทำไม่ถูกต้องผมกัดไม่ปล่อยแน่”
บุลินเข้มประกาศสู้ศึกกับซินดี้
เช้าเดียวกัน แพรวากําลังแต่งหน้าอยู่หน้ากระจก
“ภาวัชคะวันนี้หลังทานข้าวกับลูกค้าแล้วเราไปทำบุญให้ซินดี้กันนะคะ”
แพรวาหยิบลิปสติกขึ้นมาหมุนทาปา
แล้วปรากฏว่าแพรวารู้สึกแสบๆที่ปากเลยหยุดชะงัก
ปากแพรวาเริ่มเป็นแผลไหม้ขึ้นมาได้เองจนปากบวมฉึ่งชํ้าเลือดชํ้าหนอง
แพรวากรี๊ดลั่นแล้วหงายหลังตึงลงไปดิ้นทุรนทุรายกับพื้น
แพรวาเห็นช่วงเท้าถึงเข่าของซินดี้ยืนอยู่เหนือหัวตัวเอง
แพรวาตาเหลือกกรี๊ดลั่น
แพรวาลุกขึ้นมานั่งกรี๊ดต่อเนื่องภาวัชที่นอนอยู่ข้างๆตกใจตื่นขึ้นมา
“คุณแพรคุณเป็นอะไร”
แพรวาสะดุ้งค่อยรู้สึกตัวแตะปากตัวเองไม่เห็นเป็นอะไร
“ปากฉันเป็นอะไรหรือเปล่าหน้าฉันยังดีอยู่มั้ยภาวัช”
“ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่คุณเป็นอะไรอยู่ๆก็ร้องกรี๊ดขึ้นมาจนผมตกใจ”
“ภาวัชฉันเห็นซินดี้!”
ภาวัชอึ้งเผือดไป
บนโต๊ะอาหารเช้า ภาวัชวางแก้วกาแฟให้ตรงหน้าแพรวาที่เปลี่ยนเป็นชุดทำงานเรียบร้อยแล้ว
“คุณคงเครียดก็เลยฝันเลอะเทอะผีมันไม่มีจริงหรอก”
“แต่แพรเห็นจริงๆนะเขาต้องการทำร้ายแพร”
“ถ้ามันทำอย่างนั้นจริงมันก็เนรคุณเกินไปแล้วเพราะตอนที่นังซินดี้ยังมีชีวิตอยู่คุณน่ะดีกับมันที่สุดแล้วนะ”
แพรวาอึ้งไปนิดค่อยถามขึ้นอย่างขอความมั่นใจ
“คุณคิดอย่างนั้นจริงๆหรือคะ”
“งั้นสิครับใครๆก็รู้ว่าคุณเป็นคนดีคนดีพระย่อมคุ้มครองนะครับ”
ภาวัชให้กําลังใจแพรวารู้สึกดีขึ้น
ทิพย์เดินนำหน้าบุลินเข้ามาที่ตู้ในห้องแต่งตัวซินดี้
“เชิญคะหมวดเราเก็บมงกุฎมิสควีนพาราไดซ์ของซินดี้ไว้ในตู้นี้แหละค่ะ”
ทิพย์ชี้ไปที่ตู้ก็ปรากฏว่าในตู้ว่างเปล่าไม่มีมงกุฎอยู่!!!!
บุลินมองตาม ไม่เห็นเช่นกัน
“ฮึหายไปไหนปกติมันอยู่ในตู้นี้นี่นา”
“แน่ใจนะครับว่าไม่ได้หลงที่เก็บ”
ทิพย์เข้าไปเปิดรื้อดูตู้อื่นๆลิ้นชักดึงออกมาดูก็ไม่เจอเลย
“มงกุฎหายไปจริงๆค่ะ หมวดต้องมีคนขโมยไปแน่ๆ”
อยู่ๆรูปซินดี้ที่ตั้งโต๊ะอยู่ก็ล้มควํ่าลงได้เอง
ทิพย์ตกใจ “ว้าย”
บุลินอึ้งแล้วเดินเข้าไปจับรูปซินดี้ขึ้นตั้งไว้เหมือนเดิมมองรูปแบบไม่ยอมแพ้ท้าทาย
แล้วบุลินหยิบมือถือขึ้นมากดหาจ่าโอ
“จ่าโอ ....ส่งคนมาตรวจหาลายนิ้วมือแฝงที่ห้องแต่งตัวซินดี้ด้วยมงกุฎมิสควีนพาราไดซ์ของซินดี้มีคนขโมยไป”
บุลินเดินออกมาที่ลานจอดรถ
เขารู้สึกเหมือนมีคนสะกดรอยตามหลังแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเดินเหลียวไปที่มุมตึก
ตั้งโอ๋ออกจากที่ซ่อนแล้วตามบุลินไป แต่พอเลี้ยวไป บุลินที่ดักรออยู่ก็คว้าแขนตั้งโอ๋มาบิด
จนตั้งโอ๋ร้องลั่น
"โอ้ย... เจ็บนะ ตำรวจอะไรรังแกประชาชน"
"พูดให้มันดีๆนะ ใครใช้ให้เธอมาทำตัวลับๆล่อๆล่ะ"
"โอ้ย ... ปล่อยฉันก่อนสิ"
บุลินปล่อยตัวตั้งโอ๋
"อะมีอะไรว่ามา"
ตั้งโอ๋อึกอักไม่กล้าพูด
"เออก็แบบว่า...คือฉันไม่ได้เป็นคนพูดเรื่องนั้นนะหมวด"
"เรื่องนั้นมันเรื่องไหนล่ะ"
"นี่ฉันต้องรวบรวมความกล้าอยู่ตั้งคืนนะ ถึงมาสู้หน้าหมวดได้...หมวดจะต้องให้พูดชัดทุกคำขนาดนั้นเลยเหรอ"
บุลินนึกขึ้นมา
"มาเป็นผัวฉันก่อนสิแล้วฉันจะบอกให้"
บุลินทำเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะรู้ว่าเป็นซินดี้จริงๆ ไม่ใช่ตั้งโอ๋
"อ่อเรื่องแค่นั้นเอง"
"แค่นั้นเอง?"
"งั้นสิ ....ขนาดจูบปากกันมาแล้วแค่นี้ไม่เห็นต้องอาย!"
ตั้งโอ๋ดึงบุลินมาจูบปาก
"อีหมวดบ้าพูดจาแบบนี้ได้ยังไง"
"ฉันไม่มีเวลาพูดเรื่องไร้สาระแล้วนะ ทุกนาทีตอนนี้มีเดิมพันเป็นชีวิตคน!"
"หมวดหมายความว่าไง หมวดไปเดิมพันอะไร"
"เธอรู้มั้ยว่ามงกุฎมิสควีนพาราไดซ์หายไปไหน"
"ฮึ มงกุฎพี่ซินดี้หายเหรอ ที่นี่ไม่เคยมีขโมยนะนี่ ใครเอาไป"
"ถ้าฉันรู้ฉันจะถามเธอมั้ย"
"ก็เหมือนกัน ถ้าฉันรู้ฉันจะถามหมวดทำไมล่ะ"
บุลินอึ้ง
เสียงมือถือตั้งโอ๋ดังขึ้น บุลินปล่อยมือ ตั้งโอ๋รับสาย
"ว่าไงเข้ม" ตั้งโอ๋ฟังแล้วตกใจ "องค์ลงชุดใหญ่เลยเหรอ เออๆจะไปเดี๋ยวนี้แหละ" ตั้งโอ๋หันไปบอกกับบุลิน "หมวดงานเข้าไปก่อนนะ"
ตั้งโอ๋รีบวิ่งออกไป บุลินมองตามเรียกไม่ทัน
"เดี๋ยวสิตั้งโอ๋ จะรีบไปไหน ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย"
เวลาเดียวกัน ป้ามี่กับมดแดงกําลังทุบประตูเตะรั้ว ด่าเสียงลั่นซอย
"นังตั้งโอ๋ออกมาเดี๋ยวนี้เลย"
"ออกมาๆๆๆ"
ต้อมยืนอยู่หลังประตูรั้วกับเข้ม "เดี๋ยวคุณใจเย็นๆก่อน"
"ไม่ยงไม่เย็นแล้ว รู้ไว้ด้วยว่าน้องสาวแกเป็นร่างทรงผีอีซินดี้ พวกฉันเกือบโดนมันฆ่าตายไปแล้ว"
"ใช่ นังตั้งโอ๋มันต้องรับผิดชอบเรื่องนี้มันต้องชดใช้ความเสียหายให้กับพวกเรา" มดแดงว่า
"เจ๊ตรรกะเพี้ยนหรือเปล่า ถ้าผีซินดี้จะฆ่าเจ๊ก็ไปทวงกับผีซินดี้โน้นสิ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตั้งโอ๋เลย"
"เกี่ยวสิยะ มันเป็นทาสผีนังซินดี้ มันต้องชดใช้แทนนายของมัน"
"เปิดประตูเปิดๆๆๆ ออกมาเลยนังตั้งโอ๋ ไม่งั้นฉันจะพังเข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ"
มดแดงทำท่าจะถีบประตูอีก ตั้งโอ๋วิ่งเข้ามา
"หยุดนะเจ๊มดแดง ป้ามี่นี่ มาอาละวาดทำไม"
มดแดงบอก
"ทำไมน่ะเหรอก็เพราะแกมันวอนหาเรื่องนะสิ"
"อยู่ดีไม่ว่าดี แกไปเรียกร้องความยุติธรรมให้นังผีสารเลวทำไม"
"แกต้องชดใช้สิ่งที่นังซินดี้ทำกับเรา"
ชดใช้อะไร ตั้งโอ๋ไม่เข้าใจ"
ป้ามี่สั่ง "ตบมัน !"
ป้ามี่กับมดแดงกรูเข้าไปทุบตีทึ้งดึงตั้งโอ๋อย่างไม่ปรานีปราศรัย
เข้มกับต้อมตกใจ รีบวิ่งออกมาห้าม
เข้ม,ต้อมบอก "หยุดเดี๋ยวนี้ หยุด"
ต้อมเข้าไปดึงแขนป้ามี่ ต้อมห้ามแล้วเกิดอาการช็อกเป็นลมขึ้นมา
"อย่าทำแบบนี้คุยกันดีๆ ...โอ้ย"
ต้อมล้มลงไปกับพื้น ทุกคนหันมอง อึ้ง ตั้งโอ๋ตกใจ
"พี่ต้อม"
ในโรงพยาบาล ที่เตียงคนไข้
หยดนํ้าเกลือหยดติ๋งๆ
ต้อมลืมตาตื่นขึ้นแล้วเห็นตั้งโอ๋เข้ามายิ้มให้ตรงหน้า
"ตั้งโอ๋"
"พี่ต้อมหายแล้วนะ"
"อือดีขึ้นแล้วล่ะ ขอบใจนะที่เป็นห่วงพี่"
ต้อมยิ้มให้ตั้งโอ๋แล้วเหลือบมองไปข้างหลังตั้งโอ๋ ซึ่งเป็นบานประตูระเบียง เห็นว่าเงาของตั้งโอ๋ไม่ใช่ตั้งโอ๋ แต่เป็นซินดี้!!!
ต้อมอึ้งไป 1 วิแล้วทำเป็นเนียนไม่มีอะไร
"ตั้งโอ๋พี่ไปห้องนํ้าก่อนนะ"
ต้อมลุกจากเตียงทำเป็นเดินไปที่ประตูห้อง ต้อมเหลียวมองเห็นตั้งโอ๋ยังยืนหันหลังให้อยู่ที่จุดเดิม
ต้อมค่อยจับลูกบิดเปิดจะหนีออกไป
ตั้งโอ๋มายืนอยู่ตรงหน้าประตู !
ต้อมตกใจร้องขึ้น
"พี่ต้อมจะหนีไปไหน"
"แก แกไม่ใช่ตั้งโอ๋"
ตั้งโอ๋หัวเราะโรคจิตแล้วกลายร่างเป็นซินดี้
ต้อมตะลึงตกใจ กลัวสุดขีด เจ็บหัวใจขึ้นมา ผงะถอยหลังไปชนโต๊ะอาหารคนไข้ที่มีจานผลไม้กับมีดวางอยู่
ต้อมล้มลงไป
มีดบนโต๊ะหล่นลงไป
มีดปักลงกลางอกต้อมตาเหลือกขาดใจตาย!!
ต้อมตกใจตื่นขึ้นมา ตั้งโอ๋กับเข้มรีบเข้ามาดู
"พี่ต้อมเป็นอะไร"
"ผี ผีผู้หญิง พี่เห็นผีผู้หญิง"
"อะไรนะ"
"พี่ต้อมเพี้ยนเพราะล้มลงไปแล้วสมองกระเทือนหรือเปล่า" เข้มถาม
"ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ ผีผู้หญิงชุดแดงมันจะฆ่าฉัน"
พูดถึงชุดแดง ตั้งโอ๋รู้ทันที "พี่ซินดี้!"
"ซินดี้เหรอ" ต้อมจับมือตั้งโอ๋เขย่าเป็นห่วง "แกเลิกยุ่งกับซินดี้ซะ แกอย่าไปยุ่งอีกนะ"
ตั้งโอ๋อึ้ง
.กลางคืน ตั้งโอ๋เปิดประตูโรงละครวิ่งเข้าไปกลางเวทีระเบิดอารมณ์
"มันจะมากไปแล้วนะ พี่ซินดี้ พี่จะรังแกฉันยังไงก็ได้ แต่อย่ามายุ่งกับพี่ชายของฉัน"
ทุกอย่างเงียบกริบ ตั้งโอ๋มองออกไปด้วยความไม่พึงพอใจ
ตั้งโอ๋เดินเข้ามาที่หลังเวทีแบบตามหาซินดี้
ตั้งโอ๋ตะโกนพูดไปเรื่อย
"พี่ซินดี้ฉันรู้นะว่าพี่อยู่ที่นี่ ออกมาสิ ออกมาฆ่าฉันหักคอฉันเลย!"
ทุกอย่างเงียบ
ตั้งโอ๋เดินอย่างระแวดระวังมองไปรอบๆ
ระหว่างที่ตั้งโอ๋พูด เหมือนว่ามีสายตาใครแอบดูตั้งโอ๋อยู่ เคลื่อนตัวตามตลอด ลึกลับหลอน
"พี่ใจร้ายมากเลยรู้มั้ย ที่ทำกับคนอื่นที่เขาไม่เกี่ยวข้องแบบนี้ พี่ไม่กลัวตกนรกบ้างหรือไง"
อยู่ๆฉากการแสดง ที่มีลักษณะเหมือนแผ่นเหล็กติดเหล็กแหลมๆอยู่ทั่วแผ่น ก็ล้มโครมลงมา
ตั้งโอ๋ร้องกรี๊ดด้วยความหวาดกลัว
เหล็กแหลมเกือบจะพุ่งเข้าหน้าตั้งโอ๋อยู่แล้ว
กะเพราเข้ามาดึงตัวตั้งโอ๋กลิ้งล้มหนีออกไปได้ทันอย่างฉิวเฉียด
ตั้งโอ๋เหลือบมองกะเพราซึ้งใจที่มาช่วย
"พี่กะเพรา!"
กะเพรายิ้มให้ตั้งโอ๋อย่างเป็นมิตร
กะเพราเดินออกมาจากมุมหนึ่ง ท่าทางจะไปเอาเรื่องโวยวาย เดือดแทนตั้งโอ๋
"ไอ้ฝ่ายฉากอยู่ไหนเดี๋ยวแม่จะจัดให้เริ่ดสะแมนแตนเลยคอยดู"
ตั้งโอ๋ตามหลังออกมาดึงแขนกะเพรา
"พี่กะเพรา อุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้"
"มันไม่ใช่อุบัติเหตุ มันเป็นความชุ่ยของมนุษย์ค่ะ คุณตั้งโอ๋ แหมพูดแล้วมันขึ้นพวกมันเก็บฉากกันยังไง มันเกือบทำคุณตั้งโอ๋ตายคาที่แล้วนะคะ"
"ช่างเถอะพี่ตั้งโอ๋ ขอบคุณพี่มากๆเลยนะคะที่มาช่วยตั้งโอ๋อีกแล้ว ตั้งโอ๋เป็นหนี้บุญคุณพี่สองครั้งสองหน ชาตินี้คงใช้ให้พี่ไม่หมด"
"โอ้ย... อย่าถือเป็นบุญคุณอะไรเลยคร้า"
กะเพราเขินแรง บิดตัวไปมาจนรูปถ่ายของซินดี้ร่วงจากกระเป๋า
ตั้งโอ๋มองเห็นรูปที่ตกอยู่หยิบขึ้นมา เห็นว่าเป็นรูปซินดี้ที่โดนมีดกรีดยับ
ตั้งโอ๋อึ้งเหลือบมอง กะเพราตะลึง
"พี่กะเพรา นี่พี่กะเพราทำแบบนี้ทำไม พี่กะเพราเกลียดพี่ซินดี้มากเหรอ"
กะเพราโบกไม้โบกมือหน้าตื่น
"เปล่านะคะ ไม่ใช่กะเพราทำนะคะ กะเพราไม่เคยรู้จักผู้หญิงในรูปนี่เลยค่ะ"
"ถ้าไม่ใช่ฝีมือพี่แล้วพี่เอารูปนี้มาจากไหน"
ตั้งโอ๋ถามจริงจัง!
กะเพรากับตั้งโอ๋เดินเข้ามา กะเพราชี้ขึ้นไปที่พื้นมุมหนึ่ง
"เนี่ยคะคุณตั้งโอ๋ กะเพรากําลังกวาดพื้นอยู่แล้วอยู่ๆ รูปนี้มันก็ร่วงมาจากห้องโน้น"
กะเพราชี้ไปที่ห้องมดแดง
ตั้งโอ๋มองตามไปแล้วพึมพำออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ
"เจ๊มดแดง!!! ห้องเจ๊มดแดง"
บุลินพิงขอบโต๊ะอยู่ จ่าโอยื่นใบตรวจลายนิ้วมือให้บุลินดู
"ผลตรวจลายนิ้วมือในห้องซินดี้ออกแล้วครับ"
บุลินดูผลแล้วพูดขึ้น "ไม่ปรากฏรอยนิ้วมือแฝง"
จ่ายอดที่นั่งทำงานอีกฟากเลื่อนเก้าอี้ออกมาร่วมแจม
"แหม่รู้จักป้องกันไม่ให้เกิดรอยนิ้วมือในที่เกิดเหตุแบบนี้ มันก็มืออาชีพสิครับหมวด"
"นั่นสิมันไม่น่าจะเป็นหัวขโมยทั่วๆไปแล้วล่ะ" บุลินว่า
กานดาเดินเข้ามาพอดี
"พี่หมวดหมายความว่ามันเกี่ยวข้องกับคดีของซินดี้ใช่มั้ย"
"แต่ซินดี้ตายไปแล้วนะครับ คนร้ายมันจะเอามงกุฎของซินดี้ไปอีกทำไม" จ่ายอดว่า
"ก็ถ้าบนมงกุฎนั้นมีอะไรยืนยันไปถึงตัวคนร้ายได้มันก็น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่
มันต้องขโมยมงกุฎไปใช่มั้ย"
"งั้นถ้าเราหามงกุฎเจอ เราก็จะรู้ว่าคนร้ายเป็นใครใช่มั้ยพี่หมวด"
"ถูกต้อง เราต้องรีบหามงกุฎให้เจอด่วนที่สุด"
เสียงไลน์เข้ามา กานดาหยิบมือถือมาเปิดดูอ่านแล้วตาลุก
"พี่หมวดหมาป่าส่งข่าวมา"
บุลินหยิบมือถือตัวเองมาเปิดอ่านเช่นกัน ในไลน์กรุ๊ปที่มีบุลิน กานดาและหมาป่า
บุลินอ่านไลน์ "พบบุคคลต้องสงสัยในคณะเพลินพิมานแล้ว"
บุลินพิมพ์ถาม "ใคร"
หมาป่าตอบมาว่า “เจ๊มดแดง”
บุลินเงยขึ้นมองสบตากับกานดาเหมือนพบหลักฐานสำคัญ
ร้านส้มตำ ริมหาด
ป้ามี่กับมดแดงนั่งกินเหล้ากันอยู่
ป้ามี่ชูแก้วขึ้น "มะ นังมดหมดแก้วนะโว้ย"
"ได้ค่ะคุณป้า ชน"
ทั้งสองชนแก้วกันแล้วดื่ม
"หึ หึ หวังว่านังตั้งโอ๋มันจะคิดได้เสียทีนะ ว่าไอ้การเข้าข้างคนชั่วๆมันมีผลลัพธ์
ยังไง"
"จะว่าไปจริงๆแล้ว ตั้งโอ๋มันไม่เคยทำอะไรเราเลยนะป้า ที่เราไปรุมตบมันเนี่ย
ไม่อันธพาลไปหน่อยหรือป้า"
ป้ามี่จะตบ มดแดงหลบ
"อีฝอยทองอยู่ๆเกิดมีมนุษยธรรมขึ้นมาซะงั้น"
"โอ้ย... ยังไงหนูก็อยู่ข้างป้าอยู่แล้วล่ะ เราต้องช่วยกันกําจัดนังซินดี้"
มีสาวประเภทสองโดนแมงดาสองคนวิ่งไล่ตีเข้ามา ล้มลงตรงโต๊ะป้ามี่พอดี
ป้ามี่ มดแดงร้องตกใจ
"ช่วยหนูด้วย ช่วยด้วย"
"ใครจะช่วยมึง" แมงดาจิกหัวกะเทยขึ้นจะตบ
"กูเอง" ป้ามี่จับมือแมงดาดึงไว้ "มึงรู้จักเฮียโก๋มั้ย เฮียโก๋เป็นลูกพี่กู ถ้ามึงไม่อยากตายก็รีบไสกะลาหัวมึงไปซะ"
ป้ามี่ผลักแมงดากระเด็นล้มลงไป
แมงดาลุกขึ้นมาแล้วรีบวิ่งหนีไป
"แม่ก็คือแม่ สุดยอดมากเลยค่ะ คุณแม่ขา...แต่ว่าคุณแม่ป้ามี่ไปเป็นลูกน้องเฮียโก๋ขาใหญ่ตั้งแต่เมื่อไรกันอ่ะ" มดแดงบอก
"เฮอะ แอคติ้งฉันระดับแอดวานซ์แล้วยะ เรื่องแค่นี้ก็สะตอไปสิจะยากอะไร...อะลูกสาว ไอ้แมงดานั่นมันไม่กล้ามายุ่งกับเธอแล้วล่ะ"
ป้ามี่มองสาวประเภทสองอย่างมีเมตตา
ฟ้ามืดแล้ว ป้ามี่ขับรถ สาวประเภทสองนั่งมาข้างๆ
สาวประเภทสองยกมือไหว้ป้ามี่
"หนูขอบคุณป้ามากๆนะคะ"
"พอๆ หล่อนไหว้ฉันตั้งแต่ร้านส้มตำจนจะถึงบ้านฉันอยู่แล้วนะ เลิกไหว้ฉันได้แล้ว"
"ถ้าไม่ได้ป้า หนูคงแย่แน่ๆ ไอ้แมงดานั่นมันไถเงินหนูทุกวัน วันไหนไม่มีให้มัน
มันก็บังคับให้หนูขายตัว"
"เรื่องของหนูมันคุ้นๆนะ เหมือนฉันเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน"
"หนูอยากประกวดมิสควีนพาราไดซ์ค่ะป้า ป้าพอจะส่งหนูเข้าประกวดได้มั้ยคะ"
ป้ามี่หันขวับไปมองหน้า
"นี่เธอรู้จักฉันมาก่อนหรือเปล่าเธอเป็นใคร"
สาวประเภทสองอมยิ้มแล้วค่อยๆหันมาหาป้ามี่
"จำหนูไม่ได้หรือคะ ป้ามี่ขา"
สาวประเภทสองกลายหน้าเป็นซินดี้
ป้ามี่กรี๊ดลั่นตะลึงตาค้าง
อ่านต่อตอนที่ 10