xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องย่อ "พริ้ง คนเริงเมือง"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เรื่องย่อ "พริ้ง คนเริงเมือง"

บทประพันธ์ : สุวรรณี สุคนธา
บทโทรทัศน์ : เจ้าคำดี
กำกับการแสดง : รัญญา ศิยานนท์
แนวละคร : ดรามา
ผลิต : มีเดีย สตูดิโอ & นีโน่ บราเดอร์ส
ผู้จัด : ปณิตา ธรรมวัฒนะ
อำนวยการผลิต : คณะกรรมการพิจารณาการผลิตโทรทัศน์ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7
วันเวลาออกอากาศ : ทุกวันพุธ - พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรก วันพฤหัสบดีที่ 13 เมษายน 2560

เรื่องย่อ

“ไม่มีใครทำร้ายเราได้...นอกจากตัวเอง”

“พริ้ง” ปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ภายใต้อำนาจของ “กิเลส”อย่างเต็มรูปแบบ ... ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ... การอบรมเลี้ยงดูที่ดี ตัวอย่างความประพฤติที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมของคนใกล้ชิด
ไม่สามารถทำให้พริ้งสำเหนียก จนนำพาไปสู่โศกนาฏกรรม ที่แสนสะเทือนใจ

“พริ้ง” วิ่งหาไขว่คว้า “ความร่ำรวย” และ “ความรัก” ที่ตัวเองเรียกว่าความสุข พยายาม “เติม” ในสิ่งที่ตัวเอง “ขาด” แต่ก็ไม่ได้ทำให้ “พริ้ง” มีความสุขได้เลยอย่างแท้จริง เพราะมันได้มาโดยการสร้างความทุกข์อันแสนสาหัสให้กับผู้อื่น สุดท้าย “พริ้ง”จึงมีเพียง “กฏแห่งกรรม” เท่านั้นที่อยู่กับตัวเองโดยไม่ต้องวิ่งหา สัจธรรมที่พริ้งไม่เคยเรียนรู้...แม้กระทั่งวินาทีสุดท้ายของสติสัมปชัญญะ

ตรงกันข้ามกับชีวิตของ “พี่ช้อย” พี่สาวแท้ๆของพริ้ง ที่มีต้นทุนชีวิต “ขาด” ไม่ต่างไปจากพริ้ง
หากสิ่งที่ต่างกันคือ “สำนึกในใจ” ที่ทำให้พี่ช้อยยึดมั่นในความดี และถือเอาสติ ความอดทนเป็นที่ตั้งเพื่อดูแลรักษาครอบครัว ไม่ให้ “ขาด” อย่างที่ตัวเองเคยเป็น แล้วยังเผื่อแผ่ความเมตตาไปยังพริ้ง คอยเตือนสติ ช่วยประคับประคองชีวิตพริ้งอยู่เสมอ แม้พริ้งจะทำร้ายพี่ช้อยไว้อย่างไม่น่าให้อภัย...แต่พี่ช้อยเลือกที่จะให้อภัย เพราะความรักความเมตตาที่มีอยู่เต็มจิตใจ

หากพริ้งคือ “ด้านมืด” ของมนุษย์ พี่ช้อยคือ ก็คือ“ด้านสว่าง” ที่เป็นความหวังของมนุษย์ด้วยเช่นกัน

เรา “เรียนรู้” ได้จาก “พริ้ง...คนเริงเมือง” คนนี้ ผู้หญิงที่ขาดไร้ความรัก จนฝังลึกในจิตใจ โดยที่ไม่รู้สึกตัวและไม่เคยนึกพิจารณา ตัวแทนของมนุษย์ที่ประสบปัญหาภายในจิตใจ ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงในทุกยุคทุกสมัย “พริ้ง” ยังคงมีชีวิตอยู่ ซึ่งอาจจะแอบแฝงอยู่ภายในตัวเราหรือคนอื่นๆในสังคมทุกระดับ เรา “เรียนรู้” ได้จาก “พริ้ง”

.........................................

เสียงหวดไม้เรียวที่ฟาดกระหน่ำไม่ยั้งมือ พร้อมกับเสียงร้องโหยหวน ของเด็กผู้หญิงที่ยังไม่ตัดจุก สลับกับเสียงด่าทอหยาบคายต่างๆนานา ดังลั่นออกมาจาก ตัวบ้านหลังเล็กในตำบลหนึ่งของจังหวัดสุพรรณบุรี....เป็นภาพและเสียงที่ชินตาของชาวบ้านแถวนั้น “พี่นวม” (พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) กำลังลงโทษ“อีพริ้ง” น้องคนเล็ก ที่ไม่รู้ประสาและสอนยากสอนเย็นอีกแล้ว

พริ้งถูกนวมตีไม่เว้นวันจนด้านไม้เรียว แต่พริ้งจะหลาบจำก็หาไม่ ยังคงทำผิดซ้ำซาก ตั้งแต่การกินอยู่ที่อีเหละเขละขละ ไม่เรียบร้อย ความสกปรกของเนื้อตัวและ ความขี้เกียจ ถ้าไม่ใช้ก็ไม่ทำ....ที่สำคัญ...พริ้ง (อคัมย์สิริ สุวรรณศุข) เริ่มโต ความสวยเริ่มฉายแวว....นวมกลัว..... กลัวว่าหูตาที่แพรวพราวของพริ้งจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของขาเตียงครอบครัว

อีพริ้งคือตัวกาลิกิณีมาเกิด!!!!

เมื่อแม่ท้องพริ้ง...ก็จับได้ว่าพ่อมีชู้ ทำให้บ้านแตกสาแหรกขาด แม่ต้องเลี้ยงลูกสาวสามคนด้วยตัวคนเดียวอย่างลำบาก จนแม่ตาย พี่น้องก็แตกกระสานซ่านเซ็นไปคนละทาง ไม่นานนักพ่อก็ตายไป นวมต้องเลี้ยงพริ้ง ในขณะที่ ช้อย (สโรชา วาทิตตพันธ์) ลูกคนกลางได้ข้าหลวงในวัง ไปชุบเลี้ยง.....นวมเกลียดพริ้ง! ตีพริ้งให้ตายคาไม้เรียวได้พี่นวมก็จะทำ!

พ่อแม่ตาย ตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ได้อยู่คอยขัดเกลาสั่งสอนก็ว่าพอแรงแล้ว พี่สาวคนโตที่ว่าจะพึ่งได้ ก็กลับสอนไม่เป็น เห็นพริ้งเหมือนวัวเหมือนควายที่ต้องลงไม้ลงมืออยู่ตลอดเวลา จิตใจของพริ้งจึงหยาบกระด้างเพิ่มความหนาตามรอยด้านไม้เรียว ตัวเล็กแค่นี้ก็รู้จักแช่งชักหักกระดูกพี่สาวตัวเอง....พริ้งนึกในใจ...เมื่อไหร่หนอจะได้ไปจากขุมนรกนี้เสียที

แต่แล้ว...เหมือนมีแม่พระมาโปรด ประเทียบ (ทราย เจริญปุระ) ที่มีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ของพริ้งมาเห็น เข้าแล้วเกิดเวทนา บวกกับหน้าตาที่น่ารักของพริ้งทำให้ประเทียบนึกเอ็นดูอยากรับไปเลี้ยง เพราะตัวเองไม่มีลูก นวมรีบส่งให้ พริ้งก็ตามประเทียบไปอยู่ที่บ้านบางกอกโดยไม่อิดเอื้อน พริ้งเป็นเช่นนี้เสมอ....อยากไปอยู่ในที่ๆ ดีกว่าเดิม

แต่สันดานที่ฝังลึก ถึงแม้ประเทียบ ที่เป็นคนระเบียบจัดและแม่ปริก (ราตรี วิทวัส) ข้าเก่าเต่าเลี้ยงคนสนิทของประเทียบ จะช่วยกันอบรมเลี้ยงดูปลูกฝัง ความเป็นกุลสตรีที่ดีงาม ให้พริ้งอย่างไร พริ้งก็ไม่เคยรับอะไรเข้าหัว คอยแต่ทำตัวเป็นลิงหลอกเจ้า ไปวันๆ แม้จะถูกประเทียบจับได้และถูกลงโทษด้วยวิธีที่พริ้งกลัวเหลือเกิน เช่น ถ้าไม่สระผมปล่อยให้เหาขึ้นหัว ก็จับกร้อนหัวซะ หรือถ้าเช็ดครัวไม่สะอาด ก็เอาผมของพริ้งนั่นแหละเช็ดพื้น แต่ใช่ว่าพริ้ง จะเข็ดหลาบ ยังคงความขี้เกียจและมักง่ายเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น

จนพริ้งตัดจุกเริ่มเป็นสาวเต็มตัว และรู้จักใช้ความสวยของตัวเองเล่นหูเล่นตา กับผู้ชายแถวนั้น จนทำให้ประเทียบนึกหวั่นใจ...กลัวว่าพริ้งจะท้องไม่มีพ่อเข้าสักวัน ให้เป็นที่อับอาย....ตกกลางคืนจึงใส่กุญแจล็อคห้องพริ้งไว้ กันไม่ให้หนีออกไปเที่ยว ....ประเทียบต้องกันไว้ก่อนดีกว่าตามแก้ทีหลัง....แต่มีหรือพริ้งจะกลัว ยังแอบปีนหน้าต่างห้องออกไปเที่ยวกับ “หนุ่มๆ” เป็นที่สำราญใจ....ไม่มีอะไรน่าสนุกไปกว่าการได้แอบออกไปบริหารเสน่ห์กับหนุ่มๆอีกแล้ว

ต่อมาไม่นานนัก พี่ช้อย พี่สาวคนรองของพริ้งซึ่งเพิ่งจะแต่งงานกับคุณพระเวศน์ (รังสิโรจน์ พันธุ์เพ็ง) ที่มีอายุแก่กว่ามาก ได้ย้ายมาอยู่บ้านติดกันกับบ้านประเทียบและกำลังจะมีลูก ทำให้ประเทียบ ลดความสนใจในตัวพริ้งลงบ้าง เพราะมัวแต่เห่อหลานที่กำลังจะเกิด พริ้งยิ่งเบิกบานใจ จนกระทั่งช้อยคลอดลูกชายชื่อว่า “ตานิด” ที่ประเทียบรักนักรักหนาจนเอามาเลี้ยงที่บ้าน และให้พริ้งช่วยเลี้ยง ความสาว ความสวยของพริ้งยิ่งปรากฏ มีหนุ่มๆมาวอแวแวะเวียนผ่านหน้าบ้าน จนเป็นที่รำคาญตารำคาญใจ....คุณประเทียบยิ่งอยากให้พริ้งแต่งงานไปเสียเร็วๆ พริ้งเองก็อยากจะทำอย่างนั้น....พริ้งอึดอัดใจที่จะอยู่ในสายตาคุณประเทียบเต็มทน พริ้งอยากไปอยู่ในที่ๆตัวเองจะเป็นอิสระ ทำอะไรก็ได้อย่างใจ

ตานิดไม่สบาย คุณพระสามีของช้อยได้ตามให้หมอพินิจ (เขตต์ ฐานทัพ) ซึ่งเป็นหมอแผนปัจจุบัน มารักษา หมอพินิจหลงรักพริ้งตั้งแต่แรกเห็น ตอนแรกพริ้งก็ว่าหมอพินิจหล่อดีอยู่หรอก หล่อเหมือนวาเลนติโน่ แต่พอรู้อายุของหมอพินิจที่ปาเข้าไปตั้ง 35-36 ปีเท่านั้นแหละ พริ้งเหม็นแก่ขึ้นมาทันที เพราะพริ้งเพิ่งจะอายุ 15 ปีเท่านั้น ตัวเลขมันช่างต่างกันเหลือเกิน ....พริ้งพูดเสมอว่าถ้าจะมีผัว จะไม่ยอมมีผัวแก่ และพาลประชดพี่ช้อยที่มีผัวแก่อยู่เนืองๆ แต่พี่ช้อยไม่เคยถือสาคนปากไม่มีหูรูดอย่างพริ้ง

หมอพินิจเทียวไล้เทียวขื่อบ้านคุณประเทียบและบ้านพี่ช้อยเพราะอยากเห็นหน้าพริ้ง แต่พริ้งคอยหลบเลี่ยงเป็นประจำ คุณประเทียบมีหรือจะดูไม่ออกว่า หมอพินิจผูกใจอยู่กับพริ้ง จึงมักปรึกษากับพี่ช้อย....อยากให้พริ้งแต่งงานกับหมอพินิจ แต่พริ้งไม่เคยเก็บมาคิด...ฝันไปเถอะ

จนปีพ.ศ2484 เมื่อประเทศไทยเซ็นสัญญายินยอมให้ญี่ปุ่นใช้ประเทศไทยเป็น ทางผ่านไปสู่พม่า คืนนั้นมีงานฉลองรัฐธรรมนูญ เป็นคืนแรกที่ทหารญี่ปุ่นปรากฏตัวเต็มพรึ่บพรั่บในพระนคร จนทำให้พริ้งต้องรีบกลับบ้าน....ที่ตัวเองนั่นแหละปีนหนีคุณประเทียบออกมา แต่ขณะที่กำลังจะปีนกลับ ก็เจอเข้ากับหมอพินิจที่มาซุ่มรออยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ พริ้งพยายามจะเลี่ยงการการเกี้ยวพาราสีของหมอพินิจ ที่พริ้งปฏิเสธไม่ได้เลยว่า...มันทำให้ ความสาวสะพรั่งของพริ้งนั้นตื่นเต้นสั่นไหว แต่พริ้งจะปีนกลับเข้าไปก็ไม่ได้ เพราะคนในบ้าน แตกตื่นเสียแล้วเรื่องญี่ปุ่นบุก และตามหาตัวพริ้งที่ไม่อยู่ในห้องกันจ้าละหวั่น หมอพินิจช่วยกลบเกลื่อนเรื่องพริ้งหนีออกไปเที่ยวด้วยการพาพริ้งเข้าไปด้วยกันและสมอ้างว่า...ทั้งคู่รักกันและออกไปคุยด้วยกันสองต่อสอง หมอพินิจฉวยโอกาสขอพริ้งแต่งงาน พริ้งจำเป็นต้องตก กระไดพลอยโจนกับหมอพินิจอย่างเสียไม่ได้ พริ้งยอมแต่งงานกับหมอพินิจเพียงแค่อยากจะมีใครช่วยพาออกไปจากคุกของคุณประเทียบเท่านั้น ไม่ได้นึกรักอะไรหมอพินิจเลย

งานแต่งงานของพริ้งกับหมอพินิจเกิดขึ้นในขณะที่พริ้งมีอายุได้ 16 ปี ท่ามกลางภาวะสงครามที่ข้าวยากหมากแพง.... หมอพินิจภูมิใจนักหนาว่าตัวเองได้เมียสาว แม้คุณหญิงช้องนาง (สาวิตรี สามิภักดิ์) แม่ของหมอพินิจจะออกอาการต่อต้านไม่ยอมรับลูกสะใภ้คราวลูกของหมอพินิจคนนี้ แต่หมอพินิจก็เดินหน้าจัดงานแต่งงานให้พริ้งโดยไม่น้อยหน้าใคร และสามารถเอาแหวนเก่าแก่ของคุณหญิงช้องนางมาเป็นแหวนแต่งงานของพริ้งจนได้....พริ้งนึกในใจ ไปสู้รบปรบมือกับแม่ผัวก็น่าจะดีกว่าต้องทนอยู่ในบ้านคุณประเทียบ

หลังแต่งงาน พริ้งย้ายไปอยู่ที่บ้านหมอพินิจร่วมกับคุณหญิงช้องนางและคุณพระชาญ (สมภพ เบญจาธิกุล) ผู้เป็นสามี ผู้ที่ไม่เคยมีปากมีเสียงใดๆ แต่วันแรกก็โดนซะแล้ว......พริ้งไม่ยอมให้หมอพินิจ ร่วมเตียง เพราะยังทำใจไม่ได้ ทำให้หมอพินิจต้องออกไปนอนนอกบ้าน เพราะไม่อยากหักหาญน้ำใจพริ้ง หมอพินิจกลับมาเอารุ่งสาง บวกกับการที่ แวว (ชาลิภา รินนรดามณี) บ่าวคนสนิทของคุณหญิงที่ไม่ชอบหน้าพริ้ง เป่าหูคุณหญิงเข้าไปอีก ทำให้คุณหญิงโกรธจนเดือดดาล ด่าพริ้งไม่หยุด หาว่าเป็นกาลกิณี วันแรกของการเข้าห้องหอ แต่เจ้าบ่าวกลับไม่ได้นอนร่วมเตียง มันคือลางร้าย แต่พริ้งไม่ได้สนใจ หรือให้ความเคารพ ด่าคุณหญิงกลับจนลืมว่าใครหัวหงอกหัวดำ หมอพินิจได้แต่มองดูแม่กับเมีย ทะเลาะกันอย่างลำบากใจ พริ้งกัดฟันเข่นเขี้ยวรอวันชำระแค้นกับแววในวันหลัง

ในที่สุดพริ้งก็ยอมตกเป็นของหมอพินิจ....ครั้งแรกของการเสียพรหมจรรย์ของพริ้ง ทำไมมันถึงได้จืดชืดเหมือนแกงจืดนักก็ไม่รู้ได้....พริ้งระบายกับพี่ช้อย ที่มักจะแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนพริ้งในวันหนึ่ง...จนพี่ช้อยตกอกตกใจกับความก๋ากั่นของพริ้งที่มีเกินตัว

ตรงกันข้ามกับหมอพินิจที่หลงใหลเมียสาวที่แสนจะขี้เกียจมากขึ้นทุกวัน จนคุณหญิงช้องนางเครียด และระบายลงกับคุณพระสามีไม่เว้นแต่ละวัน และไม่เคยหยุดหย่อน ความเครียดเข้าปกคลุมบ้านที่เคยสงบสุข นับตั้งแต่พริ้งก้าวเข้ามาอยู่ ไม่มีใครจะเครียดมากไปกว่า หมอพินิจที่เป็นคนกลางอีกแล้ว

พริ้งเองก็ทนไม่ไหว กดดันหมอพินิจให้เลือกระหว่างพริ้งกับแม่ แต่หมอพินิจเลือกไม่ได้ พริ้งเองก็กลัวว่าตัวเองจะไม่มีที่พึ่ง จึงยอมอ่อนข้อลงโดยยื่นคำขาดว่า ต้องปลูกบ้านใหม่เพื่อแยกออกไปอยู่ตามลำพังผัวเมีย....หมอพินิจกลัวจะเสียพริ้งไป จึงตอบตกลง แต่ต้องรอให้ สงครามสงบ....พริ้งยอมเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดีที่ดีกว่านี้

พริ้งเริ่มคิดถึงความมั่นคงของตัวเอง....เงินเท่านั้นคือคำตอบ โดยไม่สนใจว่าหมอพินิจจะต้องเหน็ดเหนื่อยมากแค่ไหน เพื่อตอบสนองให้พริ้งมีความสุข

พริ้งเห็นแก่เงิน เก็บทุกบาททุกสตางค์ที่หมอพินิจหามาได้ไว้เป็นของตัวเอง ไปคุมเรื่องการเงินที่คลินิกของหมอพินิจเอง บังคับให้หมอพินิจทำงานอย่างหนักทั้งที่โรงพยาบาลและตรวจคนไข้ที่คลินิกในช่วงเย็นและวันหยุดและต้องเอาใจพริ้งตลอดเวลา คุณหญิงช้องนางพยายามเตือนสติหมอพินิจให้คิดถึงสุขภาพของตัวเองแต่หมอพินิจได้แต่ รับคำไปอย่างนั้น....หมอพินิจรู้ดีว่าถ้าพริ้งต้องการอะไร พริ้งต้องได้ ไม่มีใครขัดใจพริ้งได้สำเร็จ หมอพินิจเริ่มพูดจาน้อยลงตามลำดับ ก้มหน้าก้มตาทำงานและเอาใจพริ้ง เอาใจแม่...เพื่อตัด ปัญหาการทะเลาะวิวาท

พริ้งเพลินกับการเก็บเงินเก็บทองแม้ตัวเองจะเริ่มตั้งท้องก็ไม่รู้ตัว ตอนหลังพริ้งเริ่มปรับตัวได้ ก็เห็นเป็นเรื่องสนุกในการที่จะยั่วโมโหแม่สามีและนังขี้ข้าคนสนิทให้โกรธ พริ้งยกระดับตัวเองถึงขั้นจ่ายยาให้คนไข้เองในเวลาที่หมอพินิจไม่อยู่...และขูดรีดเอากับคนไข้หยูกยาที่หมอพินิจเคยกักตุนเอาไว้เพื่อใช้ในความจำเป็นและช่วยเหลือผู้ป่วยอนาถาและยากไร้ พริ้งก็ออกกฏใหม่....ต้องเก็บเงิน ! แม้กระทั่งคุณประเทียบที่ไม่สบาย และหมอพินิจไปตรวจดูอาการ พริ้งก็ไม่เว้น!

นับวันพริ้งยิ่งเห็นเงินเป็นพระเจ้า คนอื่นรอบข้างคือที่รองมือรองตีน ที่สำคัญ พริ้งเริ่มหงุดหงิดเมื่อเห็นหน้าหมอพินิจ...นับวันยิ่งเหม็นแก่ พริ้งด่าทอเหน็บแนมหมอพินิจทุกครั้งที่มีโอกาส พริ้งไม่รู้ตัวเลยว่า มันคือหนึ่งในอาการของคนแพ้ท้อง หมอพินิจที่พูดน้อยลงอยู่แล้ว กลายเป็นไม่พูดไม่จากับใครเลยในที่สุด

ในที่สุดพริ้งก็รู้ตัวว่าตัวเองท้อง หลังจากที่ได้ไปคุยกับพี่ช้อย ที่พยายามเตือนสติพริ้งให้คิดถึงหลักการครองเรือน หมอพินิจคือคนที่น่าสงสารที่สุดที่พริ้งควรจะเอาใจเขามาใส่ใจเราไว้บ้าง พริ้งได้ยินหูซ้ายก็ทะลุออกหูขวาตั้งแต่ยังไม่ทันออกจากเรือนพี่ช้อย

แต่การมีลูกทำให้พริ้งคิดว่าพริ้งได้เปรียบแม่ผัว....ลูกคือเครื่องต่อรองที่พริ้งจะเก็บสมบัติทรัพย์สินเงินทองมาไว้กับตัวเองได้มากกว่าเดิม

พริ้งตั้งใจจะบอกหมอพินิจเรื่องลูก ในคืนนั้นหลังจากที่กลับมาจากเรือนพี่ช้อย แต่หมอพินิจกลับกลายเป็นศพกลับบ้านไปเสียแล้ว! ด้วยความเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกตายอยู่ข้างถนนใกล้กับคลินิกนั่นเอง!

พริ้งร้องไห้เหมือนจะเป็นจะตาย ไม่ใช่เพราะอาลัยรัก แต่ด้วยความกลัว แล้วใครจะทำมาหากิน หาเงินให้พริ้ง!

ในงานศพของหมอพินิจ พริ้งได้รู้จักเพื่อนหมอของพินิจชื่อหมอประสาน (วัชรบูล ลี้สุวรรณ) ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนแพทย์ด้วยกัน แต่ไปประจำอยู่ต่างจังหวัดเพิ่งจะกลับมาประจำ อยู่ในโรงพยาบาลที่พระนคร หมอประสานชอบพริ้งตั้งแรกเห็น แต่พริ้งกลับเกลียด เพราะหมอประสานแก่พอๆกับหมอพินิจ ไม่หล่อและที่สำคัญขี้เหล้า!

แต่พริ้งก็พอจะรู้จักทำตัวให้เป็นมิตรกับหมอประสานเพื่อผลประโยชน์ พริ้งต้องพึ่งหมอประสานในการช่วยหาหมอคนใหม่มาประจำที่คลินิกแทนหมอพินิจ พริ้งไม่อยากปิดคลินิกนาน มันเสียรายได้ แต่หมอคนใหม่ก็อยู่ได้ไม่นานเพราะทนความเคี่ยวของพริ้งไม่ไหว พริ้งไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใคร

จนกระทั่งได้ข่าวจากพี่ช้อยว่าคุณประเทียบไม่สบายหนักขึ้น พริ้งเองก็อยากลอง ปรึกษาคุณประเทียบเรื่องคลินิก แม้จะรังเกียจโรควัณโรคของคุณประเทียบก็ตาม แต่สิ่งที่ได้รับคือ คุณประเทียบป่วยหนักจนแทบไม่มีสมองจะคิดอะไรได้และแม่ปริกคนเก่าแก่ก็ด่าพริ้งว่าอกตัญญู เพราะหมอพินิจนั้นกักตุนยาไว้เยอะ และในช่วงสงครามยา ราคาแพงมาก คุณประเทียบไม่มีปัญญาจ่ายค่ายาขนาดนั้นได้พริ้งไม่เคยคิดจะช่วยผู้มีพระคุณเลย

พริ้งจึงตัดสินใจช่วยไปอย่างนั้นเพื่อปิดปากไม่ให้ปริกเอาไปโพนทะนาว่าตัวเองกักตุนยา พริ้งกลัวตัวเองจะเดือดร้อน…แต่ความลับไม่มีในโลกฉันใดก็ฉันนั้นข่าวเรื่องพริ้งกักตุนยาก็เข้าหูคุณพระชาญพ่อสามีของพริ้ง….ที่ตอนแรกไม่ได้เกลียดชังพริ้งแต่ตอนนี้กลับถึงขั้นรังเกียจพริ้ง จนไม่ยอมพูดด้วยเลยแต่พริ้งก็ใช่ว่าจะสนใจ….พริ้งยังคงค้าขายยาที่กักตุนเอาไว้จนร่ำรวย พริ้งนึกขอบคุณสงครามที่ทำให้พริ้งมีเงินทองที่พริ้งถือว่าเป็นความสุข

สงครามเริ่มรุนแรงขึ้น ฝ่ายสัมพันธมิตรใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดโจมตีพระนคร คลินิกของพริ้ง ก็ถูกระเบิดจนเสียหาย พริ้งที่ท้องโตเป็นห่วงคลินิกที่ตัวเองเก็บยาไว้ในนั้น ทุกอย่างพังหมด ไม่มีเหลือ และคุณประเทียบก็ตายในวันเดียวกันนั้นเอง พริ้งเพิ่งจะด่าทอสงครามก็ในคราวที่ทำให้พริ้งแทบจะหมดตัว!

ในเวลาต่อมาคุณหลวง สามีของคุณประเทียบกับพี่ช้อยขายบ้านที่ติดกันได้เงินมามากจึงอพยพไปอยู่หนองแขม ส่วนคุณหญิงช้องนางและคุณพระสามีย้ายไปอยู่อยุธยา พริ้งตามไปอยู่อยุธยาด้วยระหว่างนั้นมีจดหมายรักติดต่อกับหมอประสานมาถึงพริ้ง พริ้งหวั่นไหวไปตามประสาคนที่กำลังเหงาใจอย่างที่สุด จะไม่ให้เหงาได้อย่างไรเพิ่งจะอายุ 19 ก็ต้องมาเป็นหม้าย! หมอประสานทำให้พริ้งเชื่อมั่นในเสน่ห์และความสวยของตัวเอง ดูสิ ขนาดท้องแบบนี้ หมอประสานยังรักพริ้ง.....พริ้งต้องไปหาหมอประสาน!

แม้จะท้องแก่ใกล้คลอด พริ้งก็ลงมากรุงเทพด้วยรถไฟที่คนแน่นอัดเหมือนกับรถขนหมูไปเชือด....พริ้งรู้สึกปวดท้องเหมือนจะคลอด แต่ก็อดทนจนถึงสถานีรถไฟหัวลำโพง แต่แล้วสัญญาณเตือนว่าระเบิดกำลังจะลงก็ดังขึ้น พริ้งหนีไปอยู่ในหลุมหลบภัย พริ้งทนอั้นคลอดต่อไป ไม่ไหวในที่สุดก็คลอดลูกในหลุมหลบภัยนั้นเอง โดยมีนักศึกษากฏหมายหนุ่มที่ชื่อไพโรจน์ (กฤษฎา สุภาพพร้อม) เป็นคนช่วยทำคลอดและนำพริ้งไปส่งโรงพยาบาลอย่างปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูก

ที่โรงพยาบาลหมอประสานเข้ามาดูแลพริ้งเป็นอย่างดี จนคนไข้เตียงข้างๆต่างแซวว่าหมอประสานเป็นสามีของพริ้ง พริ้งก็ไม่ได้ปฏิเสธ….หมอประสานป้อนคำยอพริ้งต่างๆนานาๆ ให้พริ้งฝันหวาน….พริ้งยิ่งมั่นใจ…ว่าพริ้งมีเสน่ห์มัดใจชายได้อย่างง่ายดายแม้กระทั่งหนุ่มน้อยไพโรจน์ ซึ่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพริ้งก็กุลีกุจออาสาจะไปโทรเลขส่งข่าวให้บ้านที่อยุธยาของพริ้ง รับรู้เรื่องพริ้งคลอดลูก

จนพริ้งสามารถลุกเดินได้ หมอประสานก็พาพริ้งกลับอยุธยาพร้อมลูกน้อย ที่พริ้งเรียกว่า “ตาหนู” ไปพลางๆระหว่างรอเลือกชื่อที่เหมาะสม ระหว่างการเดินทางกลับที่ทุลักทุเลนี่เองที่พริ้งกับหมอประสานใกล้ชิดกัน พริ้งเองก็ปล่อยตัวปล่อยใจ ให้หมอประสานได้เชยชม แม้จะเป็นเพียงแค่ภายนอก พริ้งยอมรับว่าหมอประสานทำให้หัวใจของพริ้งเต้นรัวและตื่นเต้นได้มากกว่าหมอพินิจมากมาย…หมอประสานพร่ำบอกว่ารักพริ้ง อยากดูแลพริ้ง….พริ้งนึกกระหยิ่มใจ

แต่เมื่อพริ้งกลับมาถึงบ้านอยุธยา….และหมอประสานกลับไป…ก็ไม่ติดต่อกลับมาหาพริ้งอีกเลยจนพริ้งน้อยใจ คิดไปสารพัดแต่การที่ต้องวุ่นวายกับการให้นมและเลี้ยงลูกอ่อน ทำให้พริ้งค่อยๆลืมเลือนหมอประสานไปในเวลาต่อมาไม่กี่วัน….พริ้งรักง่าย ลืมง่าย อย่างนี้เสมอ

พริ้งกำลังมีของสนุกมาให้สนใจ….นั่นก็คือรำวงรำโทน….พริ้งหยุดให้นมลูก หลังจากที่ให้ไม่ถึงเดือนเพราะกลัวว่าทรงจะเสียและออกไปรำวงทุกคืน แม้ว่าแววจะคอยทำหน้าที่ด่ากระทบกระเทียบประชดประชันพริ้งแทนคุณหญิงที่อ่อนความแรงลงไปเยอะ ตั้งแต่หมอพินิจตาย พริ้งก็ไม่ยี่หระ……แถมขู่ถ้าไม่หยุดปากมาก พริ้งจะเอาหลานหนีไป คุณหญิงเลยต้องสั่งให้แววสงบปากสงบคำ เพราะคุณหญิงกำลังหลงหลาน

และแล้วพริ้ง ก็มีของมาให้หลงแทนการรำวง….นั่นคือไพโรจน์ได้หนีระเบิดมาอยู่ที่อยุธยาเหมือนกัน ทั้งสองเริ่มสนิทสนมกันในเวลาอันรวดเร็ว ไพโรจน์ไปนั่งเฝ้าพริ้งที่วงรำวงทุกคืนไม่ได้ขาด แม้ตัวเองจะไม่ออกไปรำกับเขาเลยก็ตาม เป็นอันเข้าใจกันของคนที่นั่นว่า ไพโรจน์มาเฝ้าพริ้ง

ตอนนี้ในใจของพริ้งมีแต่ไพโรจน์คนเดียว…เพราะไพโรจน์ทั้งหนุ่ม ทั้งหล่อเหลา แถมการศึกษาก็ดี อนาคตคือหมอความ พริ้งอยากลองเป็นเมียหมอความดูบ้าง หลังจากที่เป็นหม้ายเพราะหมอคนมาแล้ว ไพโรจน์ตามใจพริ้ง ว่านอนสอนง่าย พริ้งว่ายังไง ก็ว่ายังงั้น พริ้งชอบที่จะเป็นคนสำคัญและได้รับความรัก

แต่ชะตากรรมของพริ้งเหมือนถูกกำหนดมาให้หนีหมอประสานไปไม่พ้น พ่อสามีของพริ้งเป็นโรคชรา พริ้งที่ตอนนี้เริ่มญาติดีกับคุณหญิงบ้าง แล้วหลังจากที่คุณหญิงอ่อนให้กับพริ้งพริ้งจึงไปหาหมอมารักษา แต่หมอที่นั่นให้พาตัวคุณพระไปรักษาที่โรงพยาบาล เนื่องจากหมอมีงานล้นมือไม่มีเวลามาดูให้ที่บ้าน พริ้งจึงต้องเข้ากรุงเทพอีกครั้งเพื่อไปขอความช่วยเหลือจากหมอประสาน ซึ่งเป็นหมอคนเดียวที่พริ้งรู้จักมารักษาคุณพระ แต่หมอติดผ่าตัดทำให้เสียเวลาไปหลายช.ม.กว่าที่พริ้งจะเจอตัว และกลับอยุธยาในวันนั้นไม่ทัน พริ้งจำเป็นต้องค้างคืนที่บ้านเก่าที่เคยเป็นเรือนหอของพริ้งกับหมอพินิจ....

คืนนั้น ระเบิดลงหนักหมอประสานมอมเหล้าพริ้ง....พริ้งไม่ทันได้ระวังตัวเลย! แล้วหมอประสานก็ล่วงเกินพริ้งจนได้เสียกัน ทั้งๆที่พริ้งไม่มีสติ....พริ้งโกรธหมอประสานมาก และยืนยันว่า มันก็แค่คืนหนึ่งที่พริ้งเผลอใจ ยังไงเสีย พริ้งก็ไม่มีวันรักหมอประสาน!

แต่พริ้งก็จำใจเดินทางกลับอยุธยาไปกับหมอประสานเพื่อไปรักษาคุณพระพ่อสามี แต่หมอประสานยืนยันว่า....รักษายังไงก็ต้องเสียชีวิตอยู่ดี พริ้งแสดงออกกับไพโรจน์ อย่างเปิดเผยว่าเป็นคนที่พริ้งรักต่อหน้าหมอประสาน หมอประสานจึงกลับกรุงเทพไปด้วยความเสียใจ แต่ในใจใครจะล่วงรู้...หมอประสานไม่เคยยอมแพ้ที่จะเอาพริ้งมาเป็นของตัวเองให้ได้

พริ้งนึกโล่งใจต่อไปนี้คงไม่ต้องเจอหมอประสานอีก!

แต่ลูกของพริ้งเกิดไม่สบายหนักด้วยโรคคอตีบ...เพราะพริ้งไม่เคยใส่ใจจะพาลูกไปฉีดวัคซีนป้องกัน พริ้งต้องพาลูกเข้ากรุงเทพมารักษาจะไปหาใครล่ะ ถ้าไม่ใช่หมอประสาน!

แต่ลูกของพริ้งก็อาการหนัก ต้องเจาะคอ รอดูอาการในห้องผ่าตัด พริ้งเดินพล่านไม่ได้หยุดทั้งคืน เพราะเป็นห่วงลูก สัญชาติญาณความเป็นแม่ในตัวของพริ้งยังมีอยู่ พริ้งเพิ่งจะรู้จักว่ารักลูกนั้นเป็นอย่างไรก็คราวนี้....พริ้งร้องไห้ด้วยความกลัวว่าลูกจะเป็นอะไรอย่างหนัก จนน้ำตาแห้งเหือด ไม่มีจะไหล แล้วหมอประสานก็เอาข่าวร้ายที่พริ้งกลัวนักกลัวหนามาบอกจนได้

ในที่สุด.....ลูกของพริ้งเสียชีวิต อาการหนักเกินกว่าจะช่วยได้ทัน!

พริ้งรับฟังด้วยอาการนิ่งงัน ไม่มีน้ำตาจะไหลอีกแล้ว....พริ้งเสียขวัญ และไม่อยากกลับบ้านที่อยุธยา ไม่มีตาหนูก็ไม่มีอะไรที่จะยึดโยงพริ้งกับคุณหญิงต่อไปอีก พริ้งตัดสินใจออกตามหาพี่ช้อย ที่พึ่งเดียวของพริ้งในเวลานี้ โดยไม่ได้บอกใคร

ไพโรจน์ที่เป็นห่วงพริ้ง มาตามหาพริ้งกับหมอประสาน เพราะกลัวหมอประสานจะจับตัวพริ้งเอาไว้....ไพโรจน์รู้ดีว่าหมอประสานกับพริ้งเคยมีอะไรกัน มีหรือที่ผู้ชายด้วยกันจะดูไม่ออก เพียงแต่ไพโรจน์ไม่อยากจะพูดออกมา แต่ไพโรจน์ก็ต้องผิดหวัง เพราะหมอประสานเองก็ไม่รู้ว่าพริ้งอยู่ที่ไหน ทั้งสองคนจึงช่วยกันตามหาพริ้ง จนไปเจอว่าอยู่กับพี่ช้อย

ที่บ้านพี่ช้อย....พริ้งเสียใจเรื่องลูกตายได้ภายในเวลาไม่กี่วันเพราะพริ้งยึดถือคติที่ว่า คนที่ยังอยู่ต้องมีชีวิตต่อไป...ดังนั้นเมื่อเห็นหน้าไพโรจน์ พริ้งจึงมีแต่ความดีใจและกระดี๊กระด๊า เหมือนปลากระดี่ได้น้ำจนพี่ช้อยนึกสมเพชที่ได้เห็น

พี่ช้อยกลัวว่าคนจะครหาที่พริ้งกับไพโรจน์ควงกันไปควงกันมาโดยไม่ได้เป็นอะไรกัน จึงแนะนำให้พริ้งตบแต่งกับไพโรจน์เสีย…..ไพโรจน์เองก็เต็มใจ

พริ้งแต่งงานครั้งที่สองกับไพโรจน์ โดยมีพี่ช้อยกับคุณพระเป็นผู้ใหญ่คอยดูแลการจัดงา แขกเหรื่อ มีแต่ฝ่ายพริ้ง ไพโรจน์อ้างว่า พ่อแม่มาลำบากเพราะหนีสงครามอยู่ที่ต่างจังหวัด โดยที่พริ้งไม่รู้เลยว่า ไพโรจน์โกหก พ่อแม่เขายังอยู่พระนคร แต่ไพโรจน์ไม่กล้าบอกเรื่องแต่งงาน

ไพโรจน์คือพี่ชายคนโตที่ต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัวจะให้รู้ได้อย่างไรว่าไพโรจน์กำลังเกาะพริ้งกินอยู่!

และเรือนหอที่พริ้งเตรียมไว้ให้ตัวเองกับไพโรจน์ก็คือ บ้านของคุณหญิงแม่ของหมอพินิจ ที่ขายให้พริ้งในราคาถูกนั่นเอง หลังจากที่คุณพระพ่อสามีของพริ้งตาย คุณหญิงก็บวชชี น่าแปลกที่แววกลับไม่ปวารณาตัวบวชชีตามคุณหญิง ให้สมกับที่เป็นคนสนิทผู้ซื่อสัตย์ แววเลือกที่จะกลับบ้านเกิดของตัวเอง และเรียกหาพริ้งเพื่อจัดการเรื่องทรัพย์สิน และขายบ้านให้พริ้งในราคาที่พริ้งต่อรองจนแทบเรียกว่าได้เปล่า

พริ้งครองรักครองเรือนกับไพโรจน์ที่บ้านหลังนี้ บวกกับเงินสดและทรัพย์สินที่คุณหญิงมอบให้จำนวนหนึ่ง พอกินอยู่อย่างสบายไปได้อีกนาน พริ้งกำลังหลงสามีใหม่ จึงทำตัวเป็นแม่บุญทุ่มไม่อั้น ยอมเอาอกเอาใจ ทำตัวเป็นแม่ศรีเรือนทั้งที่ไม่เคยทำ อาหารการกินพร้อม มีเงินให้ไพโรจน์ ไปเรียนหนังสือทุกวัน.....ไพโรจน์จึงทั้งกลัวและรักพริ้งมาก

แต่แล้ว....พริ้งก็อดทนทำไปได้ไม่นาน การเป็นแม่บ้านทำให้ตัวเองไม่สวย ไม่ได้ดูแลตัวเอง...พริ้งร่ำๆจะมองหาคนใช้แต่ก็งกเกินกว่าจะควักเงินจ่ายให้ใคร...และก็สบโอกาส!เมื่อพี่ช้อยและคุณพระต้องหาที่อยู่ใหม่หลังสงครามสงบ เพื่อรอให้บ้านใหม่ที่กำลังปลูกบนที่ดินที่คุณพระซื้อเอาไว้แถวฝั่งธนสร้างเสร็จ....พริ้งชวนพี่ช้อยและครอบครัวมาอยู่ด้วยกัน อ้างว่าจะได้ไม่ต้องไปเช่าคนอื่น พี่ช้อยนั้นรู้จักนิสัยน้องตัวเองดี...แต่ก็ไม่ปริปาก พริ้งต้องการคนช่วยออกค่ากินอยู่ มีคนทำกับข้าวให้กิน มีคนทำงานบ้าน...ช้อยและคุณพระเป็นคนดีที่ไม่เคยเอาเปรียบน้อง มีแต่จะเป็นผู้ให้ แต่ตอนนี้พริ้งไม่เคยคิดถึงความดีข้อนี้เลย

พี่ช้อยและคุณพระเห็นพฤติกรรมของพริ้งที่เลี้ยงผัวนักศึกษาด้วยความระอาใจ พี่ช้อยดูเหมือนจะพยายามเตือนพริ้ง หรือไม่ก็พูดให้พริ้งได้คิดว่าการเลี้ยงผัวเป็นลูกแบบนี้ ไม่มีทางเจริญ แต่พริ้งก็เป็นเหมือนเดิมคือพูดเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาใครจะทำไมในเมื่อพริ้งรักของพริ้ง ยามพริ้งรักใคร ถ้าดาวเดือนสอยลงมาได้พริ้งก็จะสอยลงมาถ้า อยากได้

ไพโรจน์เองก็สุขสบายกับสิ่งที่พริ้งปรนเปรอให้จนทำหูทวนลม ยามที่พี่ช้อยพูดจากระทบ กระเทียบเรื่องที่มาเป็นภาระให้กับพริ้ง….นานเข้าไพโรจน์ก็เลิกเรียน….โดยไม่บอกให้พริ้งรู้ แต่ก็ออกจากบ้านไปทุกวัน พริ้งไม่รู้หรอกว่าไพโรจน์ไปไหนรู้แต่ว่าไปเรียน พริ้งไม่เคยถามซอกแซก ขอแค่ไพโรจน์กลับบ้านตรงเวลาทุกวันแล้วมาขลุกอยู่กับพริ้งเท่านั้นเป็นพอ แม้แต่เรื่องพ่อแม่ที่ไพโรจน์เคยสัญญาว่าจะพาพริ้งไปหา

ข้ออ้างของไพโรจน์ทำให้พริ้งเชื่อได้ทุกครั้ง ไพโรจน์ปากหวาน รู้จักพูดจาให้พริ้งคล้อยตาม สมกับเรียนหมอความ น่าเสียดายที่ไม่เคยเอาไปใช้ในสิ่งที่ถูกต้อง ตามที่พี่ช้อยเคยเปรยให้คุณพระฟัง

จนกระทั่งบ้านของพี่ช้อยและคุณพระปลูกเสร็จ ครอบครัวพี่ช้อยจึงย้ายออกจากบ้านพริ้ง…พี่ช้อยได้แต่อวยพรขอให้พริ้งอยู่ให้ดีๆ ถึงจะเอือมกับน้องสาวคนเล็กคนนี้มาก แค่ไหนแต่สายใยพี่น้องมันมั่นคงแน่นแฟ้นเกินกว่าที่พี่ช้อยจะตัดหางพริ้งได้

พริ้งทำเหมือนอาลัยพี่ช้อยเสียเต็มประดา แต่ในใจลึกๆ พริ้งเสียดายที่ขาดคนทำกับข้าว ทำงานบ้าน และเพื่อนคุย....พริ้งไม่เคยเห็นแก่ใครนอกจากตัวเอง และนับวันยิ่งแจ่มชัด...

ระยะทางพิสูจน์ม้ากาลเวลาที่พิสูจน์คน....พริ้งได้สมบัติของคุณหญิงช้องนางที่เสียชีวิตลงมาเพิ่มทำให้พริ้งเป็นเศรษฐีย่อมๆ ไพโรจน์เห็นพริ้งมั่งมีขึ้นมากกว่าเดิม เริ่มกลับบ้านไม่ตรงเวลา บางวันถึงขั้นไม่กลับ เวลาผ่านไป ยิ่งมาขอเงินพริ้งหนักมือขึ้นในขณะที่พริ้งไม่มีรายได้เข้ามาบวกกับความหงุดหงิดที่บ้านรก คนใช้กี่คนๆที่หามาก็พากันลาออกหมดเพราะทนพริ้งจิกหัวใช้เกินเงินเดือนไม่ไหว พริ้งคาดคั้นไพโรจน์ที่หายออกไปจากบ้านหลายวัน แล้วไพโรจน์ก็สารภาพว่าเลิกเรียนแล้วไปเข้าบ่อนเพื่อหารายได้มาช่วยพริ้ง การพนันเท่านั้นที่จะช่วยให้รวยเร็ว คำว่ารวยคือคาถาหยุดความโกรธเดือดดาลของพริ้ง!

ไพโรจน์พูดจาโน้มน้าวจนพริ้งเห็นดีเห็นงามกับการเข้าบ่อน และแล้วพริ้งก็ติดการพนัน จนโงหัวไม่ขึ้น! ในสมัยที่บ่อนยังเปิดได้อย่างถูกกฎหมาย สมบัติของพริ้งร่อยหรอลง แต่พริ้งก็ติดจนเลิกไม่ได้เสียแล้ว จนกระทั่งบ่อนกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมายพริ้งก็กำเริบเสิบสานมาเปิดบ่อนที่บ้านเสียเอง โดยยอมเสียเงินให้กับตำรวจ

พี่ช้อยแทบเป็นลมเมื่อมาเยี่ยมพริ้งที่บ้านซึ่งกลายเป็นบ่อน!!!ไม่รู้จะให้ใครช่วยเตือนสติ หลังจากที่พี่ช้อยพยายามเตือนจนอ่อนใจ ว่าการพนันไม่เคยทำให้ใครรวย มีแต่จะทำให้เหลือแต่ตัว

หมอประสานคือคนเดียวที่ช้อยฝากความหวัง หมอประสานได้แต่แบ่งรับแบ่งสู้ และแล้ววันหนึ่งก็มีตำรวจไปทลายบ่อนของพริ้ง พริ้งถูกจับติดคุกหลายวัน แช่งชักหักกระดูก คนที่ไปแจ้งตำรวจและทำให้พริ้งต้องลำบาก จนตำรวจหูชากันทั้งโรงพัก และคนที่มาประกัน ตัวพริ้งก็ไม่ใช่ใคร คือพี่ช้อยและหมอประสาน

แต่พริ้งใช่ว่าจะเข็ดเปิดบ่อนเองไม่ได้ ก็ไปเล่นบ่อนคนอื่นเล่นจนลืมวันลืมคืน และเหินห่างกับไพโรจน์ขึ้นทุกวันๆ และพูดจาดูถูกไพโรจน์ต่างๆนานา หนักเข้า ไปไหนมาไหนก็ไม่บอก ไพโรจน์ที่เกิดอาการหึงจนหน้ามืดตามัว กลัวว่าพริ้งจะกลับไปหาชิ้นเก่าคือหมอประสาน ก็เปิดฉากคาดคั้นทะเลาะกับพริ้งใหญ่โต จนพริ้งเหลืออด ตอนนี้ความรักของพริ้งที่มีต่อไพโรจน์ได้โบยบินออกไปจากหัวใจเสียแล้ว เหลือไว้เพียงความเกลียดชังและมองไพโรจน์เหมือนแมงดา ! พริ้งโกรธจนหน้ามืด ด่าว่าไพโรจน์รุนแรงและไล่ให้ไปตาย!

แล้วก็สมใจพริ้ง.....พริ้งตื่นเช้ามาและก็พบว่าไพโรจน์ใช้มีดปาดคอตัวเองฆ่าตัวตายกลายเป็นศพเพราะน้อยใจพริ้ง....พริ้งเสียใจที่คำพูดของตัวเองเป็นเหตุให้ไพโรจน์ตัดสินใจคิดสั้น แต่พริ้งก็คิดเข้าข้างตัวเองอีกว่า....คนอ่อนแออย่างไพโรจน์ ก็สมควรแล้วที่จะตายไปให้พ้นๆ จะได้ไม่ต้องเป็นภาระของผู้อื่น....และพริ้งก็ยิ่งตัดใจได้เร็ว เมื่อเจอพ่อแม่ไพโรจน์ในงานศพ และรู้ความจริงว่า ไพโรจน์โกหกตัวเองเรื่องพ่อแม่มาตลอด....พริ้งโกรธที่ถูกหลอก เมื่อเผาไพโรจน์เรียบร้อย พริ้งจึงไม่คิดจะไว้ทุกข์ให้ เหมือนอย่างที่เคยทำสมัยที่หมอพินิจตาย

หมอประสานยังตามเทียวไล้เทียวขื่อตามรับตามส่งพริ้งไปกลับบ่อน พริ้งเองก็ยอม เพราะทุกครั้งที่หมอประสานอยู่ด้วย พริ้งได้เงินทุกครั้ง หมอประสานคือตัวนำโชคของพริ้ง!

พี่ช้อยเห็นหมอประสานตามติดพริ้งทั้งที่ยังไม่แต่งงาน และก็ไม่เคยขอพริ้งแต่งเลยสักครั้ง มีแต่พร่ำบอกรักและขอความรักจากพริ้ง พี่ช้อยเกิดความสงสัย จึงขอให้คุณพระสามีส่งคนไปตามสืบเรื่องของหมอประสาน และพี่ช้อยก็ได้รู้ความจริง....หมอประสานแต่งงานมีเมียและลูกแล้วถึง 3 คน!

พี่ช้อยรีบมาบอกพริ้ง แทนที่พริ้งจะโกรธ หรือตัดความสัมพันธ์กับหมอประสาน พริ้งกลับอยากเอาชนะ และอยากได้หมอประสาน!

พริ้งไม่เคยเป็นผู้แพ้....และถ้าพริ้งอยากได้ พริ้งต้องได้โดยไม่สนใจเมีย และลูกของหมอประสาน!

พริ้งไม่บอกหมอประสานว่าตัวเองรู้เรื่องลูกเมีย…พริ้งอยากเอาชนะและอยากได้ ตัวนำโชคคนนี้ไว้กับตัวตั้งแต่มีหมอประสาน พริ้งเริ่มมีชีวิตที่ดีขึ้น แล้วพริ้งจะปล่อยให้หลุดมือไปได้อย่างไร

พริ้งบังคับให้หมอประสานจัดงานใหญ่โตและใช้คลินิกเป็นเรือนหอ โดยวางแผนเอาไว้ว่าจะให้หมอประสานลาออกจากโรงพยาบาลลมาเปิดคลินิกเต็มเวลา พริ้งไม่อยากกลับไปอยู่ในบ้านที่ผัวเก่าตายมาแล้วถึงสองคน พริ้งยอมรับว่ากลัวผี….

งานแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตข่าวลงตามหน้าหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นความตั้งใจของพริ้งที่อยากให้มีคนรู้ข่าวการแต่งงานนี้ให้มากที่สุด มันคือชัยชนะและการเยาะเย้ยที่พริ้งฝากไปให้กับเมียหมอประสาน! หมอประสานรอวันจะได้เข้าหอกับพริ้งใจจะขาด หลังจากที่รอมานานแสนนาน แต่หมอประสานก็ไม่มีโอกาสที่จะได้ตัวพริ้ง...แม้สักครั้ง!

เมียของหมอประสานที่จดทะเบียนกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ปรากฏตัวขึ้นที่งานโดยที่ไม่มีใครคาดคิด....เมียหมอประสานยิงหมอประสานเข้าที่จุดสำคัญ จากนั้นก็พยายามจะยิงตัวเองให้ตายตาม แต่ไม่สำเร็จ เพราะมีคนเข้าไปยื้อยุด เมียหมอประสานจึงตัดสินใจกระโดดหน้าต่างลงไปเสียชีวิต คอหักตายคาที่!

หมอประสานถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลด่วน ด้วยอาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน งานแต่งงานของพริ้งกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ!

และโศกนาฏกรรมในชีวิตของพริ้งก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นับจากนี้มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีก ถ้าเพียงแต่พริ้งจะมีสติรับฟังคำเตือนของคนรอบข้างที่หวังดีกับพริ้งอย่างจริงใจ โดยเฉพาะพี่ช้อย

เวรกรรมที่พริ้งไปแย่งของๆเค้ามา พี่ช้อยพยายามเตือนสติพริ้งให้ปล่อยหมอประสานไปดูแลลูกๆ ตอนนี้เด็กกำลังกำพร้าแม่ ไม่มีใครเลี้ยงดู แต่พริ้งยังไม่ยอมปล่อยหมอประสานไปง่ายๆ หมอประสานต้องอยู่กับพริ้งเพื่อทำคลินิก!

หมอประสานออกจากโรงพยาบาลได้กลับไปพักฟื้นที่ชั้นบนของคลินิก แล้วพริ้งก็แทบลมใส่เมื่อรู้ว่า....หมอประสานไม่สามารถให้ความสุขอย่างเช่นที่สามีพึงให้ต่อภรรยาได้....พริ้งต้องอยู่กับสามีพิการทางเพศ!

พริ้งเครียดจนอารมณ์ฉุนเฉียวอยู่บ่อยๆ และแทบจะไม่ดูแลเอาใจใส่หมอประสานเลย มีเพียง คุณฉวี (ธัญสินี พรมสุทธิ์) พยาบาลประจำคลินิกผู้มีใจเมตตาเท่านั้นที่คอยดูแลหมอประสานนอกเหนือจากงานประจำของตัวเอง พริ้งบังคับให้หมอประสานลาออกจากโรงพยาบาล และทำงานที่คลิกนิกเพียงแห่งเดียวโดยไม่มีวันหยุด หมอประสานได้แต่นิ่งเงียบ ก้มหน้าทำงานให้พริ้งเก็บเงินจนล้ม ป่วย และทำงานได้ไม่เหมือนเก่า พริ้งเลยต้องหาหมอคนใหม่เข้ามา และแล้ว...ก็มีหมอใหม่มา สมัครงาน หมอสมประสงค์ (ภูริ หิรัญพฤกษ์) ....หมอหนุ่มรูปหล่อเพิ่งจบใหม่ที่ต้องการหาเงินพิเศษเพิ่มและอายุพอๆกับพริ้ง เข้ามาทำงานแทนหมอประสาน รวมถึงมี อารีพันธ์ (นิชานันท์ ฝั้นแก้ว) นางพยาบาลที่พริ้งจ้างมาเพิ่ม หลังจากที่พริ้งเปิดแผนกผดุงครรภ์ รับจ้างคลอดตามบ้านขึ้นด้วย เพื่อสร้างรายได้เพิ่ม
พริ้งหลงรักหมอสมประสงค์ตั้งแต่แรกเห็น เพราะความขาดที่พริ้งไม่ได้รับจากหมอประสาน...ผัวที่พริ้งกำลังเกลียดขี้หน้า!

พริ้งจึงพยายามหาจากหมอสมประสงค์มาเติมเต็ม!!!
ชีวิตพริ้งต้องมีสิ่งให้ยึดเกาะ ถ้าไม่ใช่ความรัก หรือเงิน ที่ผ่านมาก็คือการพนัน
ตอนนี้พริ้งขาดคนที่จะมาให้พริ้งรัก….พริ้งจึงต้องได้!!!

พริ้งพยายามหว่านเสน่ห์หมอสมประสงค์แม้จะเห็นอยู่ตำตา ว่าหมอสมประสงค์ กับอารีพันธ์นั้นกำลังสนิทสนมและปลูกต้นรักกัน แต่พริ้งก็ไม่สนใจ คุณฉวีที่ได้รับการฝากฝังจากพี่ช้อยให้ช่วยห้ามปรามพริ้ง พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะเตือนสติพริ้งทั้งทางตรงและทางอ้อม แต่มีหรือพริ้งจะฟัง….

พริ้งรู้ดีว่า เสน่ห์ของพริ้งยากที่ผู้ชายคนไหนจะปฏิเสธได้ ต่อให้มีเมียมีลูก แล้วก็เถอะ ทุกคนต้องเลือกพริ้งทั้งนั้น…หมอสมประสงค์เองก็เช่นกัน พริ้งรู้ดีว่าหมอสมประสงค์กำลังจะกินเบ็ดที่พริ้งล่อเหยื่อเอาไว้….ผู้ชาย!!! ร้อยทั้งร้อย ไว้ใจไม่ได้!เหมือนอย่างคุณตาของพริ้งนั่นปะไร มากเมียมากลูก

พริ้งไม่เคยเข็ดหลาบเลย ไม่กลัวเลยว่าจะเกิดโศกนาฏกรรม ประวัติศาสต์ซ้ำรอย ขึ้นอีก ทั้งๆที่เมียหมอประสานเพิ่งจะตายไปเพราะการที่พริ้งไปแย่งผัวเค้ามาแท้ๆ!

หมอสมประสงค์ได้แต่ขอให้อารีพันธ์ใจเย็น และอดทนรอ...เพราะยังจำเป็น ต้องพึ่งเงินค่าจ้างของพริ้ง....อารีพันธ์ก็ยอมอดทนรอ และอยู่เป็นก้างขวางคอพริ้ง เพราะรักหมอสมประสงค์ เกินกว่าจะยอมเสีย ให้กับพริ้งผู้หญิงหน้าด้านคนนั้น!

หมอประสานได้แต่เฝ้าดูอย่างเงียบๆ…ขอเพียงพริ้งยังไม่ทำอะไรเกินเลยและยังอยู่กับเขา…เพียงแค่นั้น…แต่พริ้งยังไม่หยุด นานวันเข้าพริ้งก็เกลียดหมอประสาน เข้ากระดูกดำพริ้งคิดเข้าข้างตัวเองว่าเพราะมีหมอประสาน หมอสมประสงค์จึงไม่รับรักพริ้ง…พริ้งจึงขอหย่า!

แต่หมอประสานไม่ยอมหย่า! หากพริ้งจะหย่าก็ให้ไปฟ้องศาลเอา พริ้งจึงวิ่งแจ้นไปขอความช่วยเหลือจากพี่ช้อยและคุณพระสามีพี่เขย....อ้างสารพัดว่าหมอประสานใจร้ายใจดำกับพริ้ง แต่ไม่กล้าบอกความจริงเรื่องที่หมอประสานไม่สามารถให้ความสุขบนเตียงกับพริ้ง จนต้องหาผัวใหม่!!!....พี่ช้อยไม่อยากให้พริ้งมีมากผัวตามคำของหมอดูที่เคยดูไว้ เมื่ออดีตว่า พริ้งจะมีผัวมากกว่าสามคน!!! มันไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงเริงเมือง!

พี่ช้อยจึงให้เหตุผลว่า ถ้าหย่าทรัพย์สมบัติก็จะต้องถูกแบ่งครึ่ง มีหรือพริ้งจะยอม พริ้งถือว่าทุกบาททุกสตางค์เป็นของพริ้ง หมอประสานนั้นมาแต่ตัว! พริ้งจึงล้มเลิกเรื่องการหย่า

พริ้งเครียดจัดกระสับกระส่าย คิดถึงหมอสมประสงค์ใจจะขาด ตัดสินใจไปหาหมอสมประสงค์ที่ห้องนอน แต่แล้วก็เจอหมอประสานยืนขวางอยู่ พริ้งพูดใส่หน้าหมอประสานได้ไม่อายปากว่าจะไปหาหมอสมประสงค์ หมอประสานเดือดดาล พยายามห้ามพริ้งแต่ก็ไม่สำเร็จ พริ้งด่าหมอประสานสาดเสียเทเสีย หวังจะให้หมอประสานทนไม่ได้ และออกไปจากชีวิตพริ้งเสียเอง...แล้วก็ไปหาหมอสมประสงค์อย่างที่ตั้งใจ...

พริ้งยั่วจนหมอสมประสงค์พ่ายแพ้แก่อารมณ์ ลืมสิ้นถึงความถูกต้อง พริ้งและหมอสมประสงค์ตกเป็นของกันและกัน โดยไม่สนใจเลยว่า หมอประสานกำลังราดน้ำมันเผาคลินิกอยู่ที่หน้าห้อง!

พริ้ง หมอสมประสงค์ คุณฉวีและอารีพันธ์หนีตายออกมาจากกองเพลิงได้ แต่หมอประสานต้องเสียชีวิตในสภาพที่ไม่ต่างไปจากการตายของเมียเก่า….นั่นคือพุ่งออกไปนอกหน้าต่างคลินิกจนตกลงมาคอหักตายคาที่!

อารีพันธ์เสียใจหนักทนอยู่ต่อไปไม่ได้ จึงลาออกไปอยู่ที่เชียงใหม่ พริ้งพาหมอสมประสงค์ไปพักอยู่บ้านพี่ช้อย ระหว่างที่ซ่อมแซมคลินิกโดยจ้างให้คุณฉวีคอยดูแลการก่อสร้าง หมอสมประสงค์อยู่กับพริ้งโดยที่ไม่เคยรัก อยู่อย่างคนไม่มีวิญญาณ เพราะคิดถึงอารีพันธ์และลูกน้อยในท้อง...ในที่สุดหมอสมประสงค์ก็หนีพริ้งไป

พริ้งเสียใจเหมือนจะเป็นจะตาย สั่งคุณฉวีให้สืบหาที่อยู่ของหมอสมประสงค์และได้รู้ว่า...หมอสมประสงค์หนีไปหาอารีพันธ์ที่เชียงใหม่....พริ้งบุกป่าฝ่าดงตามไปถึงเชียงใหม่ด้วยความยากลำบากจนไปเจอหมอสมประสงค์และอารีพันธ์ที่โรงพยาบาลเล็กๆ ในไร่ยาสูบ

แม้หมอสมประสงค์และอารีพันธ์จะอยู่กันเป็นคู่ผัวตัวเมีย...แต่พริ้งก็ถือว่าตัวเองเป็นเมียเหมือนกัน

สงครามแย่งหมอสมประสงค์ครั้งนี้พริ้งเดิมพันทั้งตัว จะไม่มีคำว่ากลับบ้านมือเปล่า!!!

ในที่สุดความหน้าหนาของพริ้งก็ทำให้อารีพันธ์ยอมแพ้ อารีพันธ์หนีหายไป โดยไม่บอกใคร หนีไปพร้อมลูกในท้องที่กำลังจะออกมาลืมตาดูโลก หมอสมประสงค์ออกตามหาแทบคลั่ง พริ้งนั่งยิ้มรอที่บ้านพัก รอรับหมอสมประสงค์กลับไปครองรักกันที่พระนครเหมือนเดิม

ในที่สุดพริ้งก็ชนะ...อารีพันธ์หายสาบสูญ หมอสมประสงค์ยอมกลับไปกับพริ้งอย่างคนตายซาก แต่พริ้งก็ไม่สนใจ นึกกระหยิ่มว่า..ด้วยอำนาจเงินและเสน่ห์ความสวยในเรือนร่างของพริ้ง จะเปลี่ยนใจหมอสมประสงค์ให้มารักพริ้งได้ในสักวันหนึ่ง!

พี่ช้อยและคุณพระสามี ได้ปลงสังเวช....แต่พี่ช้อยก็ยังทำหน้าที่พี่สาวที่ดี ถึงไม่เชื่อฟัง พี่ช้อยก็ยังพูดเตือนสติ หวังว่าคงจะซึมซับเข้าสมองพริ้งบ้างในสักวันหนึ่ง

หมอสมประสงค์ทนอยู่กับพริ้งไปแกนๆ ไม่มีแก่จิตแก่ใจรักษาคนไข้ที่คลินิก ทำให้เกิดปัญหาคนไม่เข้ามารักษา รายได้ของพริ้งลดลงอย่างน่าใจหาย พริ้งบังคับขู่เข็ญหมอประสงค์ให้ขยัน....หมอสมประสงค์ไม่สนใจและท้าเลิกทุกครั้งที่พริ้งเอ่ยปาก เรื่องนี้...พริ้งไม่ยอมเลิกเพราะพริ้งยังติดใจ ยังรักและยังหลงหมอสมประสงค์อยู่

ของที่ได้มายากย่อมมีคุณค่าและหอมหวานเสมอสำหรับพริ้ง!

เมื่อเค้าไม่รัก พริ้งก็ต้องเอาด้วยเล่ห์ ไม่ได้ก็เอาด้วยกล เมื่อไม่ได้จากทั้งสอง อย่างพริ้งจึงหันไปพึ่งคาถา...หมอเสน่ห์ยาแฝดเลื่องชื่อที่ไหน พริ้งไปมาหมดเพื่อทำให้หมอสมประสงค์รักพริ้ง...พริ้งเหนื่อยแทบจะขาดใจแต่ก็ไม่ยอมแพ้!

แต่หมอสมประสงค์ก็ไม่เคยรักพริ้ง…….พริ้งเครียดจากทั้งที่ไม่มีรายได้บวกกับการที่หมอประสงค์เลิกทำงานเอาแต่กินเหล้า และจบลงด้วยการไถเงินพริ้งจนหมดตัว ! จนไม่มีจะให้...คลินิกเจ๊ง...พริ้งต้องเลิกจ้างคุณฉวี เพราะไม่มีเงินจ้าง รายได้จากค่าเช่าบ้านหมอพินิจที่หมอประสานเคยดำเนินการให้มีหมอฝรั่งมาเช่าตอนนี้ก็มีอันต้องหายไป เพราะหมอฝรั่งเลิกเช่า...พริ้งต้องหันไปอาศัยอยู่กับพี่ช้อย และหันไปเข้าบ่อน อีกครั้ง!

ในขณะที่คุณพระสามีของพี่ช้อยก็ล้มป่วยและเป็นอัมพาต รายได้ขาด แต่รายจ่ายเพิ่ม เพราะตอนนี้พี่ช้อยมีลูกแล้วถึงสามคน ไหนจะค่ารักษาพยาบาลค่ายาของคุณพระ พี่ช้อยจำเป็นต้องทำขนมออกขายเพราะตัวเองมีฝีมืออยู่มาก เหน็ดเหนื่อยแค่ไหน พี่ช้อยก็ไม่เคยปริปากบ่น อดทนทำตามหน้าที่และด้วยความรักที่มีต่อคุณพระและลูกๆผิดกับพริ้งที่คอยพูดจากประชดประชันให้คุณพระได้ยินอยู่เสมอถึงความลำบากของพี่ช้อยที่ต้องมาดูแลคุณพระซึ่งเป็นภาระหนัก โดยที่ไม่ได้ดูตัวเองเลยว่าก็พาตัวเองมาเป็นภาระแก่พี่ช้อยด้วยเหมือนกัน…

พริ้งเล่นเสียหนักขึ้นหนักจนเอาบ้านคุณพินิจไปจำนองกับเจ้าหนี้เงินกู้ เพื่อเอาเงินมาต่อทุนในบ่อน หมอสมประสงค์กลับมาเห็นพริ้งกำลังเล่นไพ่ก็ขอเงิน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พริ้งบอกตัวเองว่า พอกันทีสำหรับหมอสมประสงค์!

เมื่อพริ้งไม่ให้ก็เลยเริ่มตบตีกัน พริ้งตกใจที่หมอสมประสงค์ลงไม้ลงมือกับพริ้งที่เคยทรนงหลงตัวเองว่ามีแต่ผู้ชายรักผู้ชายหลง....พริ้งตัดสินใจขอเลิกกับหมอสมประสงค์ แต่หมอสมประสงค์ไม่ยอมเลิก ประกาศลั่น จะอยู่เกาะพริ้งไปจนตาย! พริ้งแค้นเหมือนจะกระอักเลือด จากความรักความหลง กลายเป็นความชิงชัง หนักเข้าพริ้งระบายกับใครไม่ได้ ก็ไปลงกับคุณพระที่กำลังเป็นอัมพาต!

พริ้งปากพล่อยปากเสียกับคุณพระพี่เขยที่เคยมีบุญคุณกับตัวเอง พริ้งพูดตอกย้ำถึงความไร้ประโยชน์ของคุณพระทุกวัน โดยที่พี่ช้อยไม่เคยรู้เลย

หมอสมประสงค์ยังมาไถเงินพริ้งที่บ่อน…เมื่อพริ้งไม่ให้ก็ทุบตี พริ้งกรีดร้องขอความช่วยเหลือแต่ก็ไม่มีใครคิดยื่นมือมาช่วย พริ้งแช่งชักหักกระดูกขอให้หมอสมประสงค์ไปตายเร็วๆ!

แล้วก็สมใจพริ้งอีกครั้ง....หมอสมประสงค์ถูกยิงตายกลางถนนในคราวกบฏแมนฮัตตัน ตายเหมือนหมาข้างถนนตัวหนึ่ง พริ้งไม่คิดแม้แต่จะทำศพให้ ขอให้สัปเหร่อเผาให้เสร็จๆไปให้พ้นๆ เท่านั้น!

แล้วพริ้งก็มารู้ตัวทีหลังว่า...กำลังท้อง!!! ท้องลูกของหมอสมประสงค์!

พริ้งยิ่งหงุดหงิดหนักที่หมอสมประสงค์ตายไปแล้ว แต่ยังทิ้งไข่ของตัวเองไว้ให้พริ้ง พริ้งยิ่งเล่นงานคุณพระหนักลับหลังพี่ช้อยจนคุณพระ… เส้นเลือดในสมองแตก และเสียชีวิตลงในที่สุด เพราะความเครียดจากคำพูดที่เหมือนยาพิษของพริ้งที่รินรดหัวใจทุกวันๆ!

หลังงานศพของคุณพระ แม่เอมกับแม่ตาบ เมียเก่าสองคนของคุณพระก็มาทวงเอามรดกจากพี่ช้อย แต่พริ้งเป็นคนขวางไว้ไม่ให้แถมด่ากลับไป แต่พี่ช้อยที่มีความเห็นอกเห็นใจในเพื่อนมนุษย์ก็แบ่งสรรปันส่วนให้ไปบ้างตามที่ตัวเองจะให้ได้ พริ้งชอบค่อนขอดถึงความใจดีของพี่ช้อยเสมอ...แต่พริ้งก็ไม่เคยเอาอย่างพริ้งถือว่า...มันนำความเดือดร้อนมาให้ตัวเอง

พริ้งคลอดลูกเป็นลูกสาวเรียกกันว่า "ยายหนู" พริ้งยกให้เป็นลูกของพี่ช้อยเพราะพริ้งไม่อยากกระเตงลูกไปไหนมาไหน...ที่สำคัญ...ลึกๆ...พริ้งเกลียดหมอสมประสงค์!

พริ้งฟื้นตัวจากการคลอดลูกในเวลาไม่นาน...ความฟุ้งซ่านก็บังเกิดขึ้นในใจ พริ้งอยู่ว่างๆไม่ได้ พริ้งต้องหาเงิน....พริ้งอยากรวยเหมือนเมื่อก่อน ยิ่งคิดยิ่งเกลียดหมอสมประสงค์ พริ้งถือว่าหมอสมประสงค์คือตัวซวยทำให้พริ้งหมดตัว! พริ้งไม่เคยโทษการกระทำของตัวเองเลย!

แต่แล้วพริ้งก็มีตัวช่วยเข้ามาในจังหวะที่เหมาะสม! แม่เอมหนึ่งในเมียเก่าของคุณพระ สามีพี่ช้อยกลับมาอีกครั้งเพื่อมาเอาเรื่องพริ้งที่เคยบังอาจด่าตัวเองโดยไม่ไว้หน้า แต่คราวนี้ไม่ได้มาคนเดียว พาเอา บุญช่วย (พูลภัทร อัตถปัญญาพล) ลูกชายหนุ่มใหญ่ที่เกิดจากคุณพระมาเอาเรื่องพริ้ง

พริ้งด่ากราด ไม่สนใจว่าหญิงหรือชาย....ความกล้า ถึงลูกถึงคนของพริ้ง บวกกับความสวย ทำให้บุญช่วยหลงรักพริ้งทันที!

บุญช่วยได้เจอกับพริ้งอีกครั้ง ดีใจจนออกนอกหน้า พริ้งได้แต่สมเพช แต่ก็รู้ได้โดยสัญชาติญาณว่า บุญช่วยกำลังหลงเสน่ห์ของตัวเอง...พริ้งหว่านเสน่ห์ไว้ ใครเลยจะรู้ว่าอนาคต พริ้งอาจจะได้ใช้ประโยชน์จากบุญช่วย

จริงดังที่พริ้งวางแผน…ตอนนี้พริ้งไร้หลักยึดเกาะ พี่ช้อยก็ค่อนข้างลำบาก พริ้งจะกินใช้ก็ขัดสน เงินสดไม่มีติดตัว ได้แต่หาจากบ่อนได้มาเล็กๆน้อยๆก็ต้องเอาไปส่งดอกเบี้ยค่าจำนองบ้าน…เพราะฉะนั้นบุญช่วยคือตัวช่วยของพริ้ง!

ในเวลาแค่ไม่ถึงสองอาทิตย์ที่ได้เจอกัน พริ้งก็หอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่กินกับบุญช่วยเรียบร้อย จนพี่ช้อยตั้งตัวไม่ติด เอ่ยปากห้ามไม่ทัน และพาลโกรธพริ้งไปนาน เพราะไม่รู้จะนับญาติอย่างไรถูก พริ้งก็ช่างเห็นแก่ตัวจนไม่นึกถึงเลยว่า บุญช่วยเป็นลูกชายคุณพระ ซึ่งถือว่าเป็นญาติกัน แต่พริ้งก็ไม่สน ตอนนี้ปากท้องของพริ้งสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด

พริ้งอยู่กับบุญช่วยที่เป็นคนประหยัดและไม่ฟุ่มเฟือย...จากค่าจ้างที่ได้จากการรับจ้างเล็กๆน้อย ตามตีนโรงตีนศาล บวกกับรายได้จากสวนทุเรียนที่ระยองของบุญช่วย ถือว่าก็พออยู่พอกิน พริ้งหลอกเอาเงินบุญช่วยมาเก็บกับตัว จนได้เงินได้ทองมาพอประมาณ ก็ไปปะเหลาะเอาพระเก่าจากพี่ช้อยมาได้โดยไม่ฟังเสียงเตือนเสียงแช่งจากพี่ช้อยเลยว่า...ขายพระกิน มันจะฉิบหาย! พริ้งเอาพระไปขายบวกกับเงินที่ได้จากบุญช่วยก็รวบรวมเป็นก้อน หวังจะเอาเงินไปไถ่บ้านที่เจ้าหนี้ของพริ้งเอาไปฝากจำนองไว้กับหลวงเสนาะ(เมทนี บุรณศิริ) อีกต่อหนึ่ง แต่หลวงเสนาะแสนจะเจ้าเล่ห์ เพทุบาย....เมื่อเห็นพริ้งครั้งแรกแล้วนึกชอบอยากได้มาบำเรออารมณ์ ก็แกล้งทำเป็นหาสมุดบัญชีไม่เจอแล้วให้พริ้งมาใหม่วันหลัง เมื่อพริ้งกลับก็ส่งนายแนบ ลูกน้องคนสนิทไปปล้นเอามาเสีย พริ้งเป็นลมแล้วเป็นลมอีก ความหวังที่จะได้บ้านคืนมาหลุดลอย!

เปรมฤทัย (โตนนฺท์ วงศ์บุญ) ลูกชายเพียงคนเดียวของหลวงเสนาะซึ่งกำลังเป็นนักเรียนนายเรือ เป็นคนที่เข้ามาช่วยปฐมพยาบาลพริ้ง พริ้งประทับใจในความช่างพูดและอารมณ์ดีของเปรมฤทัย ดูเขาจะเห็นใจพริ้งมาก พริ้งก็ถูกชะตาเปรมฤทัยเหลือเกิน

ในที่สุด พริ้งก็ตัดสินใจรับข้อเสนอของหลวงเสนาะที่ส่งแม่แล่ม (วิยะดา อุมารินทร์) คนสนิทผู้รู้ใจและอดีตชิ้นเก่าของคุณหลวงมาเจรจาให้ใช้ตัวของพริ้งขัดดอก พริ้งรู้สึกขยะแขยงและรังเกียจหลวงเสนาะเหลือประมาณและไม่อยากจะทำตัวเป็นช็อกการีอย่างที่พี่ช้อยเคยต่อว่า

….แต่พริ้งไม่มีทางเลือก….

พริ้งแอบคิดว่าเป็นเวรกรรมที่เคยว่าพี่ช้อยได้ผัวแก่ พริ้งกำลังจะมีผัวแก่เหมือนพี่ช้อย แต่พริ้งต้องทำเพื่อความอยู่รอด พริ้งไม่อยากเสียบ้านหลังนั้นไป พริ้งทำได้ทุกอย่างเพื่อรักษาบ้านบ้านที่พริ้งไม่เคยมี….สิ่งที่พริ้งโหยหาอยู่ลึกๆในหัวใจ โดยที่พริ้งไม่รู้ตัว

เปรมฤทัยเป็นคนไปรับพริ้งมาให้พ่อของตัวเอง จึงได้เห็นบุญช่วยที่ตามอ้อนวอนไม่ให้พริ้งเลิก และหนีไปแต่ก็เห็นหน้าบุญช่วยได้ไม่ถนัดนัก บุญช่วยเสียอกเสียใจ และหันไปติดเหล้า จน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนร้อนถึงแม่เอมที่แช่งชักหักกระดูกพริ้งไม่เลิก ที่ทำลายชีวิตของบุญช่วย

....มีคนแช่งพริ้งหลายคนเหลือเกินแล้ว...

แต่พริ้งก็ไม่สนใจชีวิตของพริ้ง เป็นของพริ้ง !พริ้งไม่เชื่อเรื่องเวรกรรม หรือชาติหน้า พริ้งเชื่อแค่ชาตินี้ พริ้งต้องมีความสุขที่สุด!

พริ้งยอมเป็นเมียหลวงเสนาะ ในขณะเดียวกันก็เอาตัวเข้าไปพัวพันกับเปรมฤทัยเพราะพริ้งหักห้ามใจไม่ได้ วัยหนุ่มของเปรมฤทัยทำให้พริ้งมีชีวิตชีวาเหลือเกิน แม้อายุจะห่างกันเกือบรอบ พริ้งก็ไม่สนใจ ขอแค่ได้คุย ได้เห็นหน้า แค่นั้นก็พอ

พริ้งก็มั่นใจเหลือเกินว่า เปรมฤทัยเองก็มีใจให้ตัวเองไม่ใช่น้อย แม้พริ้งจะอายุเข้าเลขสามแล้ว แต่เสน่ห์ก็ยังมากอยู่ ไม่อย่างนั้นหลวงเสนาะจะหลงพริ้งหัวปักหัวปำอย่างนี้หรือ!

พริ้งยังเข้าข้างตัวเองอยู่เหมือนทุกครั้ง....เปรมฤทัยกำลังจะรักพริ้ง! ถ้าไม่มีหลวงเสนาะสักคน! โดยที่พริ้งไม่ได้ล่วงรู้จิตใจของเปรมฤทัยเลยว่า...ก็แค่ความสุขทางกายเท่านั้นที่เขาหวังจากตัวพริ้ง ผู้ชายต่างจากผู้หญิง...ที่สามารถมีอะไรด้วยได้ แม้จะไม่รัก!

แม่แล่มคอยเป็นหูเป็นตาให้กับหลวงเสนาะที่หึงพริ้งมาก ไม่เว้นแม้แต่ลูกชายตัวเอง.... ยิ่งระยะหลัง พริ้งทำให้คุณหลวงไว้ใจได้มาก แม่แล่มยิ่งอิจฉาหาทางกำจัดพริ้ง ด้วยการคอยรายงานและใส่ไฟจนเกินจริงถึงเรื่องระหว่างพริ้งกับเปรมฤทัย

แล้วพริ้งก็ชิงกำจัดแม่แล่มออกไปจนได้ในที่สุด!!!

แต่เปรมฤทัยก็ยังพอมีมโนสำนึกอยู่บ้างที่จะไม่ยอมมีอะไรเกินเลยกับเมียพ่อ หลังจากที่ปล่อยใจไประยะหนึ่งจนเปรมฤทัยยอมรับว่า....ติดบ่วงเสน่ห์และจริตจก้านของพริ้งเหลือเกิน เปรมฤทัยตัดสินใจหาทางออกด้วยการอยู่กินกับมาลินี (อธิชนัน ศรีเสวก) ลูกสาวของหนึ่งในลูกหนี้ของหลวงเสนาะ

พริ้งออกอาการหึงเปรมฤทัยจนลืมตัวบ่อยครั้ง แต่ก็ทำลับหลังหลวงเสนาะ มาลินีเองก็ไม่ยอมลดละ ยิ่งพริ้งทำสงครามเย็นเพื่อบีบให้มาลินีทนไม่ไหว อย่างที่พริ้งเคยทำกับอารีพันธ์ เมียของหมอสมประสงค์มาแล้ว พริ้งย่ามใจว่ามันจะ สำเร็จและไร้ปัญหาอีกครั้ง!

แต่พริ้งลืมคิดไปว่า...คนแต่ละคนไม่เหมือนกัน...มาลินีนั้นไม่ใช่คนอ่อนแออย่างอารีพันธ์ เมื่อมาลินีจับได้ว่าเปรมฤทัยกับพริ้งมีใจให้กัน ใพลอยคิดไปว่าได้เสียกันแล้ว มาลินีโกรธจัดอาละวาดเสียงดัง เรื่องทั้งหมดรู้ถึงหูของหลวงเสนาะ...ทำให้หลวงเสนาะช็อค หัวใจวาย จนเสียชีวิต

ระหว่างงานศพของหลวงเสนาะ...สามีคนที่หกของพริ้ง พริ้งก็รู้ว่าตัวเองกำลังตั้งท้องกับหลวงเสนาะ!!!!พริ้งตั้งใจเก็บลูกคนนี้เอาไว้....เพราะจะทำให้พริ้งได้รับส่วนแบ่งมรดกของหลวงเสนาะมากขึ้นตามที่ระบุเอาไว้ในพินัยกรรม!

นับวันพริ้งยิ่งรักยิ่งเทิดทูนเปรมฤทัย...ทั้งหล่อ ทั้งน่ารัก อนาคตนายทหารเรืออนาคตไกล พริ้งใฝ่ฝันอยากเป็นคุณนายทหารเรือ.....ตอนนี้ไม่มีหลวงเสนาะมาเป็นก้างขวางคอ พริ้งจึงรุกเร้าเปรมฤทัยมากขึ้นทุกวัน จนเปรมฤทัยพ่ายแพ้ต่ออารมณ์ปรารถนา ....พริ้งจึงสมใจในที่สุด โดยไม่สนใจมาลินี เมียของเปรมฤทัยที่กำลังนอนอยู่ในห้องข้างๆ!

มาลินีเห็นตำตาว่า เปรมฤทัยกับพริ้มกำลังมีอะไรกัน มาลินีรอเวลาที่เปรมฤทัยไม่อยู่ ....แล้วก็สบโอกาสเหมาะ...มาลินีบุกเข้ามาหาพริ้ง หลังจากที่พริ้งเยาะเย้ยมาลินีด้วยคำพูดดูแคลน ต่างๆ หวังจะให้มาลินีออกไปจากชีวิตเปรมฤทัย โดยไม่รู้เลยว่า....มาลินีถือมีดอยู่ข้างหลัง... มาลินีเอามีดไล่แทงพริ้ง หวังจะฆ่านังผู้หญิงหน้าด้านให้ตาย! พริ้งหนีเอาตัวรอด...จนตกบันไดแท้งลูก!

มาลินีถูกจับตัวไป...และโดนอำนาจเงินของพริ้งทำให้ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลบ้าที่ปากคลองสาน...ไม่ให้มีวันออกมาได้!

ในที่สุดก็ไม่มีใครขวางพริ้งได้อีกต่อไป ฤทธิ์รักแรงปรารถนาที่มีต่อเปรมฤทัย เอาชนะสำนึกที่ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้วของพริ้ง ทำให้พริ้งถลำลึกลงไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ.....

พี่ช้อยได้แต่หันหน้าเข้าหาธรรมะ หมั่นสวดมนต์และอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรม นายเวรแทนพริ้ง หวังจะช่วยให้กรรมที่พริ้งทำเอาไว้ เบาบางลงได้บ้าง...ตรงข้ามกับพริ้ง ที่ไม่คิดจะทำอะไรดีๆเพื่อเพื่อตัวเอง!

พริ้งกับเปรมฤทัยอยู่ในบ้านเดียวกัน ใช้ชีวิตกลายเป็นผัวเมียกันไปโดยปริยาย โดยที่เปรมฤทัยไม่ได้รักใคร่อะไรพริ้งเลย นอกจากติดใจเซ็กส์ที่พริ้งปรนเปรอให้ ในขณะที่พริ้งเริ่มอายุมากขึ้นทุกทีๆ ตามใจปาก รูปร่างอ้วนขึ้นแก่ลงอย่างรวดเร็ว เพราะความเครียด เพราะกลัว...กลัวว่าเปรมฤทัยจะเบื่อพริ้งแล้วทิ้งไป พริ้งขาดเปรมฤทัยไม่ได้หรือจะพูดให้ถูก พริ้งขาดคนที่พริ้งจะยึดเกาะเอาไว้ไม่ได้!

ยิ่งเครียด พริ้งก็ยิ่งอารมณ์ขึ้นลง เริ่มพูดจากับเปรมฤทัยไม่รู้เรื่อง บวกกับสติปัญญาที่อ่อนด้อย เรียนจบแค่ป.สี่ ไหนเลยจะคุยกับนักเรียนนายเรือได้รู้เรื่อง...ยิ่งเปรมฤทัยสนใจการเมือง ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะพริ้งไม่เคยสนใจว่าใครจะมาเป็นนาย เป็นนายกฯ

ยิ่งนานวัน เปรมฤทัยยิ่งเบื่อพริ้งมากขึ้นทุกที พริ้งกังวลกับสังขารที่เปลี่ยนไป หมดสภาพของสาวสวย เปรมฤทัยก็ยิ่งเบื่อ..ยกเว้นอยู่คนเดียวที่ไม่เคยเบื่อพริ้ง แม้สังขารของพริ้งจะร่วงโรยไปมากแค่ไหน.....นั่นคือ บุญช่วย!

บุญช่วยกลับมาพัวพันกับพริ้งอีกโดยบังเอิญ เพราะบุญช่วยทำงานที่เดียวกับลูกหนี้ของพริ้ง บุญช่วยอาสาตามหนี้ให้พริ้ง พริ้งจึงหลอกใช้บุญช่วยให้ทำงานให้โดยปกปิดไม่ให้เปรมฤทัยรู้ แม้เปรมฤทัยจะคุ้นหน้าบุญช่วย พริ้งก็ขอให้พี่ช้อยช่วยปกปิดฐานะความเป็นผัวเก่าของพริ้งเอาไว้

มาลินีหนีออกมาจากโรงพยาบาลได้ก็ตรงมาทำร้ายพริ้ง...พริ้งคิดแค้นและคิดอยากกำจัดมาลินีไปให้พ้นจากชีวิตอย่างถาวร พริ้งจึงบังคับบุญช่วยให้หาทางกำจัดมาลินีจะด้วยทางไหนก็ตามแต่ โดยแกล้งสัญญาว่าจะกลับไปอยู่กับบุญช่วยหลังจากที่ทำงานสำเร็จ แล้วบุญช่วยก็ทำได้สำเร็จ บุญช่วยทวงสัญญาจากพริ้งที่ผัดผ่อนไปเรื่อยจนบุญช่วยขู่จะไปเปิดเผยตัวเองกับเปรมฤทัย

แล้วพริ้งก็ดำดิ่งลงสู่อำนาจฝ่ายต่ำอีกครั้ง!

พริ้งหลอกบุญช่วยไปเที่ยวทะเลและล่องเรือ....พริ้งมอมเหล้าบุญช่วย แล้วผลักตกทะเลไป โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น....ศพของบุญช่วยที่ลืมตาโพลงริมหาด ทำให้พริ้งอดกลัวไม่ได้ ไม่มีใครติดใจการตายของบุญช่วย ไม่มีใครคิดสืบคดีให้มากความ บุญช่วยถูกเผาเป็นศพอนาถา ....ภายในวันที่พบศพ!

ถึงไม่มีใครพูด ก็ใช่ว่าทุกคนจะเชื่อว่าพริ้งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของบุญช่วย โดยเฉพาะพี่ช้อยและเปรมฤทัย

กฏแห่งกรรมกำลังรอพริ้งอยู่ ณ ปลายทาง...ณ เวลาอันเหมาะสม ณ เวลาอันใกล้ที่กำลังคืบคลานเข้ามา... พริ้งยังย่ามใจ....

ไม่มีมาลินี ไม่มีบุญช่วย เส้นทางรักของพริ้งกับเปรมฤทัยไร้เสี้ยนหนามแล้ว!

เปรมฤทัยรู้ทันพริ้งว่า เป็นคนสั่งฆ่ามาลินีและฆ่าบุญช่วยปิดปากจึงขอเลิกกับพริ้ง เพราะทนความใจร้ายใจดำของพริ้งไม่ไหว ประกอบกับเหตุการณ์บ้านเมืองเวลานั้น ทำให้เขาอึดอัด ไม่อยากอยู่เมืองไทยอีกต่อไป เปรมฤทัยรังเกียจพริ้งที่ทั้งติดยานอนหลับและติดเหล้า....เมียแก่ ที่ให้ใครรู้ก็ไม่ได้ แถมเป็นเมียพ่อมาก่อนแถมยังเป็นโรคประสาทอีก เพราะระยะหลังพริ้งเริ่มฝันร้าย นอนละเมอและพูดจาไม่รู้เรื่อง หวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา เปรมฤทัยไล่ให้ไปหาหมอก็ไม่ไป

พริ้งไม่ยอมเลิก! ทั้งสองทะเลาะกัน เปรมฤทัยผลักพริ้งไปโดนกระถางของหลวงเสนาะเศษกระเบื้องแตกบาดหน้าพริ้งจนเสียโฉม เปรมฤทัยทิ้งพริ้ง หนีไปอเมริกาโดยไม่รู้ว่า สภาพของพริ้งเป็นอย่างไร

ใบหน้าของพริ้งกลายเป็นแผลเป็นน่ากลัว...พริ้งกลัวตัวเอง....จนไม่กล้าออกจากบ้านหรือถ้าจะออก ก็จะพอกหน้าด้วยเครื่องสำอางหนาๆ และสวมแว่นตาดำเพื่ออำพรางความน่าเกลียด พริ้งพยายามรักษาหาทางให้กลับมาสวย...รอวันเปรมฤทัยกลับมา!

พี่ช้อย ตานิดลูกชายคนโตที่ตอนนี้โตเป็นหนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยแล้ว ช่วยกันดูแลพริ้ง ที่มักจะมาฝังตัวอยู่ที่บ้านเสมอ เพราะพริ้งไม่มีที่ไป...แม้แต่ยายหนู ลูกสาวของพริ้ง ที่กำลังโตวันโตคืนก็ไม่กล้าเข้าใกล้ ยายหนูรักป้าช้อยมากกว่าแม่พริ้งเสียอีก จนพริ้งคิดน้อยใจ...ตอนนี้ไม่มีใครรัก
พริ้ง แม้แต่ลูกก็ไม่รัก พี่ช้อยแนะนำให้พริ้งวางให้ลง ปลงให้ได้ เพราะอายุอานามก็ใกล้หลักสี่เข้า ไปเต็มที

แต่พริ้งก็ยังเป็นพริ้ง....พริ้งไม่สนใจคำของพี่ช้อย...พริ้งรอการกลับมาของเปรมฤทัย...ยอดดวงใจ
ของพริ้ง ผู้ชายคนเดียวที่พริ้งรักมากที่สุดเท่านั้น!

แล้วเปรมฤทัยของพริ้งก็กลับมา แต่ไม่ได้กลับมาหาพริ้ง เขากลับมาแบ่งสมบัติของพ่อกับพริ้งให้เป็นเรื่องเป็นราวเท่านั้น เปรมฤทัยตั้งใจขายบ้านของหลวงเสนาะ และสมบัติอื่นๆ แบ่งเงินกับพริ้งอย่างยุติธรรม แล้วบอกพริ้งว่า...จะไปอยู่ที่ต่างประเทศถาวร เพราะในตอนนี้ เปรมฤทัยลาออกจากการเป็นทหารเรือแล้ว

พริ้งไม่สามารถยื้อเปรมฤทัยไว้ได้อีกแล้ว ไม่มีอะไรที่พริ้งจะใช้ไปยื้อเปรมฤทัยที่ตอนนี้เป็นหนุ่มเต็มตัว ช่างดูภูมิฐานนัก ต่างกับพริ้งที่กำลังร่วงโรย!!!! พริ้งยอมให้เปรมฤทัยจากไป ส่วนตัวเองก็ซมซานกลับไปอาศัยอยู่กับพี่ช้อยและหลานๆ.....พี่ช้อยที่ตอนนี้ชีวิตกำลังสบายขึ้นตามฐานะ แม้จะไม่ได้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีนีอย่างพริ้ง....แต่พี่ช้อยก็มีความสุข มองดูลูกหลานเติบโตขึ้นตามวัย ไม่มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ ด้วยความอดทนไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยแม้จะทำงานหนัก ยึดมั่นในศีลในธรรมและความเป็นผัวเดียวเมียเดียวอย่างเคร่งครัด ซื่อสัตย์ต่อคุณพระสามี แม้จะล่วงลับไปนานแล้วก็ตาม.....ตรงข้ามกับพริ้ง ที่วันนี้มีเงินทองมากมายอย่างที่พริ้งอยากได้ มากที่สุดมาตลอดทั้งชีวิต...แต่พริ้งไม่มีความสุขเลย ไม่ว่าวันไหน

ความสุขของพริ้งไม่เคยมาถึง....เพราะพริ้งวางความสุขของตัวเองไว้ในมือของผู้อื่น!

นับวันพริ้งยิ่งพูดไม่รู้เรื่อง วันๆเอาแต่เหม่อลอย เอะอะว่าจะมีคนมาฆ่า มาเอาชีวิต... จนหลานๆเข้าหน้าไม่ติด นอกจากตานิด เพราะเห็นกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยและเป็นหลานคนโปรดของพริ้ง
....สติของพริ้งเหมือนว่าวลอยลมบน ที่สายป่านกำลังจะขาดผึง เวลาอาจจะช่วยเยียวยาได้ ถ้าไม่มีอะไรมากระตุ้นให้พริ้งต้องเสียใจจนคุมสติไม่อยู่

เปรมฤทัยไม่ได้กลับไปต่างประเทศอย่างที่บอกพริ้ง เขากลับไปติดพันแม่ม่ายผ้าขาวม้าแดงหลังจากที่จอมพลผ้าขาวม้าแดงสิ้นบุญ....จนลงข่าวในหนังสือพิมพ์ใหญ่โตว่าจะแต่งงานกัน คนรู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง แต่พี่ช้อยและคนที่บ้านปิดไว้ไม่ให้พริ้งรู้

แต่มันถึงเวลาที่พริ้งต้องชดใช้กรรม!

พริ้งรู้ข่าวเข้าจนได้จากหนังสือพิมพ์ที่ตานิดลืมเก็บ ภาพเปรมฤทัยกับแม่หม้ายผ้าขาวม้า แดงปรากฏหรา ตำตาตำใจพริ้ง!

พริ้งตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง ถ้าชีวิตนี้จะต้องเสียเปรมฤทัยให้คนอื่นไป...พริ้งยอมไม่ได้!
พริ้งไปเจอเปรมฤทัยกับคู่รักคนใหม่ที่ไนต์คลับก็เลยชักปืนออกมายิงด้วยความแค้น!!!! เปรมฤทัยพาคู่รักหนีไป....พริ้งสติหลุดลอย....สายป่านว่าวขาดผึง

พริ้งหลุดไปอยู่ในโลกของตัวเอง...ที่ไม่มีใครเข้าถึง!

พริ้งเป็นคนสติเลื่อนลอย...พูดถึงแต่เรื่องของตัวเองเมื่อครั้งยังสาว...ที่มีแต่ชายหนุ่มมาติดพัน...ไม่ว่าใครก็ต้องหลงเสน่ห์และหลงรัก...พริ้งไม่เคยขาดความรัก......และพริ้งก็มีบ้านของตัวเองในที่สุด....บ้านที่พริ้งเปิดไว้รอเปรมฤทัย รักเดียวของพริ้งให้กลับมา.

พริ้งเรียกบ้าน แต่คนอื่นเรียกตำหนักเจ้าแม่เทียนทอง....เพราะยามพริ้งสติหลุด พริ้งจะเหมือนมีองค์ลง ตัวสั่น พูดจำพร่ำเพ้อฟังไม่ได้ศัพท์ เป็นหน้าที่คนฟังที่ต้องไปตีความกันเอง แล้วเป็นเหตุบังเอิญที่...แม่น!

พริ้งไม่เหลือใครให้รัก แต่พริ้งยังมีคนที่รักพริ้ง ที่พริ้งมองข้ามมาโดยตลอด นั่นก็คือพี่ช้อย....ตานิด และยายหนู ลูกสาวของพริ้ง...ทุกคนช่วยกันดูแลพริ้งอย่างดีที่สุด ทุกคนคือความรักที่แท้จริง ที่พริ้งพยายามไขว่คว้าจากคนไกล ทั้งที่มันอยู่ใกล้ตัวแค่นี้เอง....

จบบริบูรณ์

รายชื่อนักแสดง

อคัมย์สิริ สุวรรณสุขรับบท พริ้ง

เขตต์ ฐานทัพรับบท หมอพินิจ (สามีคนที่ 1)

กฤษฎา สุภาพพร้อมรับบทไพโรจน์ (สามีคนที่ 2)

วัชรบูล ลี้สุวรรณ รับบทหมอประสาน (สามีคนที่ 3)

ภูริ หิรัญพฤกษ์รับบทหมอสมประสงค์ (สามีคนที่ 4)

พูลภัทร อัตถปัญญาพลรับบทบุญช่วย (สามีคนที่ 5)

เมทนี บุรณศิริรับบทหลวงเสนาะ (สามีคนที่ 6)

โตนนท์ วงศ์บุญรับบท เปรมฤทัย (สามีคนที่ 7)

สโรชา วาทิตตพันธ์รับบทช้อย

ธัญสินี พรมสุทธิ์รับบทฉวี

นิชานันท์ ฝั้นแก้วรับบทอารีพันธ์

อธิชนัน ศรีเสวกรับบทมาลินี

ปณิตา ธรรมวัฒนะรับบทวิไล

รังสิโรจน์ พันธุ์เพ็งรับบท คุณพระเวศน์

สมภพ เบญจาธิกุลรับบทคุณพระชาญ

สาวิตรี สามิภักดิ์รับบทคุณหญิงช้องนาง

ศรุต วิจิตรานนท์รับบทคุณพระจำรูญ

ทราย เจริญปุระรับบทคุณประเทียบ

ราตรี วิทวัสรับบทปริก

ชาลิภา รินรดามณีรับบทแวว

วิยะดา อุมารินทร์รับบทแม่แล่ม

พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์รับบทพี่นวม

พงษธัช รัตนเศรณีรับบทศักดิ์






















กำลังโหลดความคิดเห็น