เกมพยาบาท ตอนที่ 12
อัคคีขับรถเข้ามาจอดที่หน้าสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง เขาลงจากรถ แต่เธอนั่งนิ่งไม่ยอมลงจากรถ
อัคคีเดินไปเปิดประตูรถด้านที่ฉัตรชบานั่งอยู่
"ลงมา"
ฉัตรชบานั่งนิ่งไม่ยอมลง
"หรือต้องให้อุ้มลง"
อัคคีทำท่าจะอุ้มจริงๆ ฉัตรชบารีบร้องห้าม
"ไม่ต้อง ฉันลงเองได้"
ฉัตรชบาลงจากรถ
"ก็แค่เนี้ย"
ฉัตรชบาเดินหนีไปนั่งที่ม้านั่งยาวใต้ต้นไม้
"หายไปตั้งหลายวัน ทำไมไม่ไปแล้วไปลับ กลับมาวุ่นวายกับฉันอีกทำไม"
อัคคียิ้มยั่ว
"พูดแบบนี้แสดงว่าแอบคิดถึงผมอยู่ล่ะสิ ถึงขั้นนับคืนนับวันว่าผมหายไปกี่วัน"
ฉัตรชบาเบ้หน้าใส่
"เรื่องอะไรฉันต้องคิดถึงนาย แล้วนี่นายลากฉันออกมาที่นี่ทำไม"
"ผมมีเรื่องอยากถาม ในงานเลี้ยงที่บ้านคุณคืนนั้น นายพัฒนะทำอะไรศา"
ฉัตรชบาไม่อยากบอก
"ฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นแหละ"
"แต่ผมได้ยินคุณพูดกับศาเมื่อกี๊นี้"
"นายฟังผิดแล้ว ฉันไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับคุณพัฒนะเลย"
อัคคีบีบต้นแขนสองข้างของฉัตรชบาแน่น
"แต่ผมได้ยิน" อัคคีมองดุ "บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าคืนนั้นคุณเห็นนายพัฒนะทำอะไรศา"
"ฉันไม่มีอะไรจะบอกคุณทั้งนั้น อยากรู้อะไรก็ไปหาหาคำตอบเอาเองสิ เก่งนักไม่ใช่เหรอ"
"คุณจะตอบผมดีๆ ซักครั้งไม่ได้หรือไง"
"แล้วทีนายล่ะ จะทำดีกับฉันซักครั้งมั่งไม่ได้หรือไง"
อัคคีโดนย้อน สะอึกไป
"ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก เดี๋ยวผมไปหาคำตอบเอาเองก็ได้"
"ตกลงคุณลากฉันออกมาตั้งไกลเพื่อถามคำถามเดียวแค่นี้เนี่ยนะ"
อัคคีพยักหน้ารับ "ใช่"
ฉัตรชบาบ่นอุบอิบ
"ประสาท ถ้าจะถามแค่นี้ ถามในวัดก็ได้ เสียเวลาจริงๆ"
อัคคีแอบมองหน้าฉัตรชบาแล้วเผลอยิ้มออกมาบางๆ อารมณ์ประมาณว่า ไม่เจอหน้าหลายวันเลยคิดถึง
ฉัตรชนกเดินตรวจงานอยู่ที่ไซต์งานที่จะก่อสร้างโครงการใหม่ โดยมีหัวหน้าคนงานเป็นคนพาดูสถานที่ จิดาภาเดินตามคอยจดงาน บริเวณนั้นเป็นที่ดินที่กำลังมีการรื้อถอนอาคารเก่า เพื่อจะปรับพื้นที่เตรียมก่อสร้างอาคารใหม่
หัวหน้าคนงานบอก
"ภายในเดือนนี้ก็จะรื้อถอนอาคารเก่าทั้งหมดเสร็จครับ แล้วก็ปรับพื้นที่อีกนิดหน่อย เริ่มลงเสาเข็มก่อสร้างได้ตามแผนงานแน่นอนครับ คุณฉัตรไม่ต้องห่วง"
ฉัตรชนกมีสีหน้าพอใจ
ทันใดนั้น แผ่นปูนขนาดใหญ่จากอาคารที่กำลังรื้อถอนตกลงมาจากข้างบน จะตกใส่จิดาภา ฉัตรชนกดึงตัวจิดาภาหลบ สองคนล้มกลิ้งไปด้วยกัน ฉัตรชนกอดเซฟให้จิดาภาเต็มที่ หัวหน้าคนงานมองตกใจ
จิดาภากอดฉัตรชนกไว้แน่นด้วยความตกใจ
"เจ็บตรงไหนมั้ยครับ"
จิดาภาได้สติรีบปล่อยมือ แล้วยกข้อศอกขึ้นมาดู เห็นว่ามีรอยถลอกเล็กน้อย
"นิดหน่อยค่ะ" จิดาภาเห็นฉัตรชนกหัวแตก) "คุณฉัตรหัวแตก"
ฉัตรชนกเอามือแตะแผล เห็นว่าเลือดติดมือมาด้วย
หัวหน้าคนงานรีบวิ่งเข้ามาหาฉัตรชนก
"รีบไปทำแผลกันก่อนเถอะครับ ทางนี้ครับ"
หัวหน้าคนงานเดินนำไป จิดาภากับฉัตรชนกประคองกันเดินตามหัวหน้าคนงานไป
หัวหน้าคนงานเอากล่องปฐมพยาบาลมาให้จิดาภากับฉัตรชนก
"ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่พวกคนงานทำงานกันไม่ระวัง ถ้าคุณฉัตรเป็นอะไรขึ้นมา ผมซวยแน่ๆ"
"ผมเข้าใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่คุณก็ช่วยกำชับคนงานให้ระมัดระวังกันให้มากกว่านี้หน่อยก็แล้วกัน"
"ครับ เดี๋ยวผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลยครับ"
หน. คนงานเดินออกไป
จิดาภาทำแผลให้ฉัตรชนกอย่างนุ่มนวล จิดาภาใช้แอลกอฮอล์เช็ดแผลให้ฉัตรชนก ฉัตรชนกทำหน้าแสบๆ
"แผลไม่ลึก ไม่ต้องไปให้หมอเย็บก็ได้มั้งคะ"
ฉัตรชนกยิ้มแหยๆ
"ดีครับ เพราะผมไม่ค่อยถูกกับหมอ กับเข็มเท่าไหร่"
จิดาภายิ้มขำๆ
"ไม่น่าเชื่อว่าคุณฉัตรจะกลัวเข็มด้วย"
จิดาภาใช้เบตาดีนทาแผลให้ฉัตรชนกแล้วใช้ผ้าก๊อซปิดแผลให้
"เสร็จแล้วค่ะ"
ฉัตรชนกดึงแขนจิดาภามา จะใส่ยาให้
"ผมทายาให้"
จิดาภาจะดึงแขนออก
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทำเองได้"
"คุณทำเองไม่ถนัดหรอก ให้ผมทำให้ดีกว่า"
จิดาภาปล่อยให้ฉัตรชนกใส่ยาให้ ฉัตรชนกใส่ยาให้จิดาภาอย่างใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ จิดาภาแอบมองหน้าฉัตรชนกรู้สึกอุ่นใจ
เพราะอัคคีไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้ตนเลย
ตอนเย็น ที่โถงบ้าน ฉัตรชบาดูแผลฉัตรชนกด้วยความเป็นห่วง
"นี่โชคดีนะคะที่พี่ฉัตรไม่เป็นอะไรมาก ไปหาหมอให้หมอดูแผลให้อีกทีดีมั้ยคะ"
"ไม่ต้องหรอก คุณจิเค้าทำแผลให้พี่เรียบร้อยดี มือเบามากเลยนะ ไม่เจ็บเลยซักนิด อีกอย่างแผลก็ไม่ลึก ไม่ต้องถึงมือหมอหรอก" เวลาพูดถึงจิดาภาแววตาของฉัตรชนกจะเป็นประกายวิ้งๆ
ฉัตรชบายิ้มแซว
"พี่ฉัตรรู้ตัวมั้ยคะว่าเวลาพี่ฉัตรพูดถึงคุณจิ สีหน้าแววตาพี่ดูมีความสุขมาก ชบาไม่เห็นพี่เป็นแบบนี้มานานมากแล้วนะคะ"
ฉัตรชนกปั้นหน้ากลบเกลื่อน
"หน้าพี่ก็เป็นเหมือนทุกวันนั่นแหละ"
"ไม่จริงค่ะ พี่ฉัตรอย่ามาปิดชบาเลย พี่ฉัตรต้องแอบคิดอะไรกับคุณจิอยู่แน่ๆ เลยใช่มั้ยคะ"
ฉัตรชนกจริงจัง
"คุณจิเธอเป็นคนน่ารัก ใครอยู่ใกล้ก็คงอดที่จะรู้สึกดีกับเธอไม่ได้ แต่ระหว่างพี่กับคุณจิมันไม่มีทางเป็นอย่างอื่นมากกว่าเพื่อนไปได้หรอก เพราะคุณจิเธอมีแฟนแล้ว ส่วนพี่ก็แต่งงานแล้วชบาก็รู้"
"น่าเสียดายนะคะ คุณจิเธอเป็นคนน่ารักจริงๆ พี่ฉัตรไม่น่าพลาดไปแต่งงานกับพี่เกษเลย ไม่งั้นชบาจะเชียร์ให้พี่ฉัตรจีบคุณจิ อย่างพี่ฉัตรเนี่ยเค้าเรียกว่ามีเมียผิดคิดจนเมียตาย"
ฉัตรชบาทำหน้าเซ็งๆ ใส่ฉัตรชนก ในที่ขณะที่ฉัตรชนกทำหน้าเซ็งกว่าเมื่อนึกถึงเกษณีย์
จิดาภนั่งคิดอะไรเพลินๆ อยู่ในห้อง
จิดาภาปล่อยให้ฉัตรชนกใส่ยาให้ ฉัตรชนกใส่ยาอย่างใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ จิดาภาแอบมองหน้าฉัตรชนก รู้สึกอุ่นใจ เพราะอัคคีไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้ตนเลย
จิดาภาสะดุ้ง เพราะเสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น
จิดาภาเดินไปเปิดประตู ก็เห็นว่าอัคคียืนยิ้มกว้างอยู่หน้าห้อง
"จะมาทำไมไม่บอกก่อนล่ะค่ะ"
"เมื่อตอนกลางวันผมจะบอกคุณแล้ว แต่คุณไม่มีเวลาฟังผมเลย ผมก็เลยต้องจู่โจมอย่างนี้ยังไงล่ะ" อัคคีกอดจิดาภาหลวมๆ เธอแกะมือออก แล้วเดินนำอัคคีมานั่งที่โซฟาตามเดิม
อัคคีนอนหนุนตัก จับมือจิดาภามาหอม
"ยังหอมเหมือนเดิมเลย"
จิดาภายิ้มๆ
"คุณเป็นแบบนี้ค่อยเหมือนอัคคีคนเดิมหน่อยนะคะ นานแล้วนะคะที่ฉันไม่ได้เห็นคุณเป็นแบบนี้"
อัคคีถามอ้อนๆ
"เมื่อไหร่คุณจะลาออกจากบริษัทไอ้ฉัตรชนกซะที"
จิดาภาตบปากอัคคีไปเบาๆ
"เรียกเค้าไอ้ได้ยังไงคะ ไม่น่ารักเลย"
"โอเคๆ ไม่เรียกไอ้ก็ได้ เมื่อไหร่คุณจะลาออกจากบริษัทคุณฉัตรชนกซะที"
จิดาภายิ้มขำๆ
"ฉันกำลังคิดว่าจะลาออกอยู่เหมือนกันค่ะ เพราะคนที่ฉันจะสืบความลับ เค้าไม่ได้ไปทำงานที่นั่นแล้ว อยู่ไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไร"
"ถ้าคุณลาออกแล้วแต่ยังไม่อยากกลับเชียงใหม่ ก็ไปทำงานที่บริษัทผมได้นะ ตอนนี้ผมย้ายพนักงานที่เชียงใหม่ มาประจำที่ออฟฟิศกรุงเทพหมดแล้ว โปรเจ็คใหม่ก็กำลังจะเริ่ม คุณไปช่วยงานผมดีกว่า อย่าไปช่วยไอ้..."
จิดาภามองอัคคีตาเขียว อัคคีรีบเปลี่ยนสรรพนามที่เรียกฉัตรชนกทันที
"นายฉัตรชนกเลย"
"ช่วงนี้งานคุณฉัตรชนกก็กำลังยุ่ง ถ้าฉันลาออกกะทันหันเค้าคงแย่เหมือนกัน"
"เป็นห่วงกันเหลือเกินนะ"
"ก็คุณฉัตรชนกเค้าดีกับฉันนี่คะ"
"คุณห้ามเผลอใจไปคิดอะไรกับมันเด็ดขาดนะ"
"คุณฉัตรเค้าแต่งงานแล้วนะคะ ฉันจะไปคิดอะไรกับเค้าได้ยังไง แล้วอีกอย่าง ฉันก็มีคุณอยู่แล้วทั้งคน คงไม่กล้าเผลอใจไปรักคนอื่นหรอกค่ะ ยกเว้น คุณจะทิ้งฉันก่อน"
"ผมก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นเหมือนกัน ผมรักคุณคนเดียวนะ"
อัคคีดึงมือจิดาภามาจูบหนักๆ ทีนึง แต่ในใจกลับหวั่นไหว เผลอคิดถึงฉัตรชบาขึ้นมาซะอย่างนั้น
ที่ผับพัฒนะ ตอนกลางคืน เกษณีย์วางถุงเงินลงตรงหน้าพัฒนะ
พัฒนะหยิบถุงเงินไปเปิดนับ หยิบเงินสดออกมาวางทีละปึกๆ
"ห้าล้าน! แค่นี้มันจะไปพออะไร ผมบอกแล้วไงว่าผมต้องการสิบล้าน"
"ฉันหามาได้แค่นี้แหละ เอาไปก่อนก็แล้วกัน หรือจะไม่เอา"
เกษณีย์ทำท่าจะรวบเงินคืน พัฒนะรีบเอามือมากันไว้
"เอา! ได้ครึ่งนึงก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้เลย"
เกษณีย์ยิ้มเยาะ
"คุณรีบเอาเงินนี่ไปใช้หนี้เสี่ยเป้าก่อนเถอะ ใช้เค้าครึ่งนึงก่อน เค้าจะได้ไม่ส่งลูกน้องมารุมกระทืบเอาอีก"
พัฒนะโกยเงินใส่ถุง
"ผมจะไปคืนนี้แหละ จะได้นอนหลับสนิทซักที ไม่ต้องระแวงมาจะมีใครมาอุ้มไปฆ่าหรือเปล่า"
"ให้ฉันไปด้วยนะ"
"คุณจะไปทำใม"
"ฉันอยากไปเห็นว่าบ่อนคาสิโนใหญ่ๆ มันเป็นยังไง"
เกษณีย์ยิ้มร้ายอย่างมีแผนการในใจ
บ่อน - ห้องทำงานเสี่ยเป้า ในเวลาต่อมา
เสี่ยเป้ารับถุงเงินจากพัฒนะ เกษณีย์อยู่ข้างๆ พัฒนะ
"แล้วอีกห้าล้านที่เหลือเมื่อไหร่จะได้"
"ภายในสองสามวันนี้แน่นอนครับเสี่ย"
เสี่ยเป้าพยักหน้ารับทราบ แล้วมองไปที่เกษณีย์ เกษณีย์ส่งยิ้มหวานหว่านเสน่ห์
"นี่คุณเกษณีย์ เป็นเพื่อนผมเอง"
เกษณีย์ยื่นมือมาเช็คแฮนด์
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ"
เสี่ยเป้ายื่นมือไปเช็คแฮนด์กับเกษณีย์
"ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับที่ได้รู้จักสาวสวยอย่างคุณเกษณีย์"
เสี่ยเป้ายกมือเกษณีย์ที่จับอยู่ขึ้นมาจูบที่หลังมือ เกษณีย์เสแสร้างทำเป็นชักมือออกอย่างไว้ตัว
พัฒนะกระซิบกับเสี่ยเป้า
"ผัวนังนี่มันรวยมาก เสี่ยหลอกให้มันมาเล่นการพนันที่นี่ให้หมดตัวได้เลย ถือเป็นดอกเบี้ยจากผม"
เสี่ยเป้ามองหน้าเกษณีย์แล้วยิ้มร้าย
เสี่ยเป้าพาเกษณีย์เดินดูในบ่อนจนทั่ว
ภายในบ่อนเห็นนักพนันเล่นพนันกันอยู่ตามโต๊ะต่างๆ อย่างเมามันส์ บางโต๊ะส่งเสียงเฮดังลั่นตอนเล่นได้ พัฒนะเดินตามประกบเกษณีย์
"คุณเกษจะลองเล่นอะไรก่อนดีครับวันนี้" เสี่ยเป้าถาม
"ยังดีกว่าค่ะ เอาไว้วันหลังฉันจะแวะมานะคะ"
เกษณีย์มองไปทั่วๆ สีหน้าอยากลองเล่นอยู่เหมือนกัน แต่อดใจไว้ก่อน
"ผมยินดีต้อนรับเสมอครับ คุณเกษแวะมาที่นี่ได้ทุกเมื่อเลย"
เสี่ยเป้ากับพัฒนะลอบมองสบตากัน ประมาณว่าได้เหยื่อรายใหม่แล้ว
เกษณีย์กลับเข้ามาในห้องนอนตอนดึกมากแล้ว ฉัตรชนกนั่งหน้าตึงรออยู่
"ไปไหนมา กลับมาดึกดื่นป่านนี้"
"คุณสนใจฉันด้วยเหรอคะ"
"ตราบใดที่คุณยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียผมอยู่ จะทำอะไรก็ขอให้นึกถึงหน้าผมไว้บ้างนะ"
"คุณเป็นอะไรของคุณ ฉันกลับมาถึงก็ใส่ฉันเป็นชุดเลย"
"นายพัฒนะอะไรนั่น ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าไปยุ่งกับมัน มันไม่ใช่คนดี"
เกษณีย์ชะงักไปนิดหนึ่ง แล้วเข้ามากอดซบฉัตรชนก
"แหม...ที่แท้ก็หึงเมียนี่เอง ฉันกับคุณพัฒนะเราเป็นแค่เพื่อนกันค่ะ"
ฉัตรชนกดันตัวเกษณีย์ที่เข้ามานัวเนียออกไป
"คุณไปอาบน้ำก่อนไป ตัวคุณมีแต่กลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่ นี่คุณไปไหนมากันแน่เนี่ย" ฉัตรชนกส่ายหน้าระอา "ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนเค้าทำตัวแบบนี้"
เกษณีย์ปรี๊ด
"ใช่สิ! ต่อให้ฉันทำดีแทบตาย คุณก็คงไม่มีวันมองว่าฉันดีขึ้นมาได้หรอก เพราะในใจคุณมีแต่นังวรรณิศา ขนาดมันตายไปตั้งนานแล้ว คุณก็ยังไม่ลืมมันเลย ชาตินี้จะไม่มีใครมาแทนที่นังวรรณิศาได้เลยใช่มั้ยคะ!!"
ฉัตรชนกชะงักคิดนิดหนึ่ง เพราะตอนนี้จิดาภากำลังจะเข้ามาแทนที่วรรณิศาในใจตนทีละนิดแล้ว
"ซักวันนึงก็คงจะมี แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่คุณแน่นอน"
เกษณีย์กรี๊ด
"คุณฉัตร! นังผู้หญิงคนนั้นมันเป็นใคร บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ... หรือว่านังเลขาคนใหม่ของคุณ"
ฉัตรชนกนิ่งไม่ตอบ
"เงียบแบบนี้แปลว่าใช่จริงๆ ใช่มั้ยคะ"
"ก็แล้วแต่คุณจะคิดก็แล้วกัน"
ฉัตรชนกเดินออกไปนอนห้อง
เกษณีย์ยิ่งโกรธ ขว้างปาข้าวของระบายอารมณ์ยกใหญ่
บ้านฉัตรชนก เช้าวันใหม่
ในห้องกินข้าว ฉัตรชบา ฉัตรชนก เกษณีย์ ฉกาจและอำภานั่งกินอาหารเช้าอยู่ด้วยกัน
ที่หน้าผากฉัตรชนกยังมีผ้าพันแผลติดอยู่...
อำภาบอกลูกสาว
"กินเยอะๆ นะลูก ช่วงนี้หนูซูบไปนะ"
"แม่เค้าตื่นแต่เช้ามาลงครัวทำข้าวต้มกุ้งที่หนูชอบเองเลยนะ" ฉกาบอก
ฉัตรชบายิ้มดีใจ "จริงเหรอคะ"
ฉัตรชบารับตักกินไป 3-4 คำ แล้วก็ชะงัก ทำท่าเหมือนอยากอ้วก แต่กลั้นไว้ก่อน
"เป็นไงลูก ฝีมือแม่ยังใช้ได้อยู่ใช่มั้ย"
ฉัตรชบากลั้นไม่ไหว ทำท่าจะอ้วกออกมา ฉัตรชบารีบวิ่งออกจากโต๊ะไปเข้าห้องน้ำ
"ชบา เป็นอะไรลูก"
ทุกคนมองหน้ากันเลิกลักว่าฉัตรชบาเป็นอะไร
เกษณีย์ยิ้มเยาะอยู่ในที
"อาการแบบนี้เหมือน..."
"เหมือนอะไร"
"ก็เหมือนคนแพ้ท้องน่ะสิคะ"
ฉัตรชนก ฉกาจและอำภามีสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที
ฉัตรชบาโก่งคออ้วกอยู่ในห้องน้ำ อ้วกจนหมดไส้หมดพุง บ้วนปาก แล้วเอามือลูบท้อง สีหน้าหวั่นใจอะไรบางอย่าง
ฉัตรชบาเดินกลับมาที่โต๊ะอาหาร ฉัตรชนกรีบเข้ามาประคอง พาไปนั่งที่โต๊ะด้วยความเป็นห่วงน้อง
"เป็นยังไงบ้าง เดี๋ยวพี่พาไปหาหมอนะ"
อำภากับฉกาจมองหน้าฉัตรชบา เป็นห่วง และหวั่นใจกลัวว่าจะท้องอย่างที่เกษณีย์พูดจริงๆ
"ชบาไม่ได้เป็นอะไรมาก ไม่ต้องไปหาหมอหรอก"
"พี่ว่าไปตรวจซักหน่อยก็ดีนะ โอ้กอ้ากแบบนี้ อาการมันเหมือน....เหมือนคนแพ้ท้องเลยค่ะ"
ฉัตรชบาหน้าเสีย
ฉัตรชนกปราม"คุณเกษ"
ฉัตรชบาระงับความวิตกของตัวเอง
"ชบาไม่ท้องแน่นอนค่ะ เพราะชบาไม่ได้มีอะไรผู้ชายที่ไหน"
"แล้วที่หายไปกับนายอัคคีเป็นอาทิตย์ๆ น่ะ อย่าบอกนะคะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย"
ฉกาจกับฉัตรชนกชักสีหน้าไม่ค่อยพอใจเกษณีย์ ในขณะที่อำภามีสีหน้าเครียดตามคำพูดเกษณีย์
ฉัตรชบาแกล้งยืนยันแบบขึงขังเพื่อให้ทุกคนยอมเชื่อ
"ชบาบอกแล้วไงคะว่านายอัคคีไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นกับชบา ชบาขอตัวไปทำงานนะคะ"
ฉัตรชบาลุกออกไป
ฉัตรชนกต่อว่าเกษณีย์
"ถ้าพูดไม่สร้างสรรค์อย่างนี้ วันหลังไม่ต้องพูดก็ได้นะ ... ผมไปทำงานนะครับคุณพ่อ คุณแม่"
ฉัตรชนกลุกออกไปจากโต๊ะอาหาร ฉกาจลุกตามไปอีกคน
เกษณีย์ทำหน้ากระเง้ากระงอด
"คุณแม่ดูคุณฉัตรสิคะ ชอบว่าเกษอยู่เรื่อยเลย เกษทำอะไรก็ผิด ก็ขวางหูขวางตาเค้าไปหมด"
อำภาปลอบ
"ตาฉัตรคงจะเครียดเป็นห่วงชบาน่ะ หนูเกษก็อย่าถือสาเลยนะลูกนะ"
อำภาปลอบใจเกษณีย์ไป ทั้งที่อีกใจนึงก็ยังกังวลเรื่องของฉัตรชบาอยู่
ฉัตรชบาเดินมาที่รถที่จอดอยู่หน้าบ้าน พร้อมกับเอามือลูบๆ ที่หน้าท้องไปด้วย บอกตัวเอง
"ไม่ท้องหรอกน่า"
ฉัตรชบาตัดความกังวลเรื่องท้องออกจากหัว แล้วรีบเดินไปขึ้นรถ แล้วขับออกไปทำงาน
บริษัทฉัตรชนก ตอนกลางวัน
ในห้องทำงานของฉัตรชนก เห็นจิดาภากำลังแปะผ้าก๊อซอันใหม่ให้ฉัตรชนกอยู่
" แผลแห้งดีแล้วนะคะ อีกสองสามวันก็คงหาย"
ฉัตรชนกมองหน้าจิดาภาที่อยู่ในระยะประชิดกับหน้าตนแล้วเผลอยิ้มออกมา
"คุณเป็นเลขาหรือพยาบาลกันแน่ครับเนี่ย"
จิดาภายังไม่รู้ตัวว่าถูกมอง
"ปฐมพยาบาลเบื้องต้นง่ายๆ แค่นี้เด็กประถมก็ทำได้ค่ะ"
จิดาภาละสายตาจากแผลที่หน้าผากปะทะกับสายตาของฉัตรชนกที่มองตนอยู่ ทั้งคู่มองสบตากันนิ่งอยู่ชั่วอึดใจ แล้วจิดาภาก็เป็นฝ่ายถอยห่างออกก่อน ฉัตรชนกรีบปรับสีหน้าและอารมณ์ให้เป็นปกติ
จิดาภาอึกอักเล็กน้อย หวั่นไหวจากเมื่อครู่
"คุณฉัตรคะ ฉันจะขอลาออกสิ้นเดือนนี้นะคะ"
ฉัตรชนกอึ้งไปอย่างคาดไม่ถึง
"เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมอยู่ๆ ถึงจะลาออกอย่างนี้ล่ะครับ หรือว่าคุณเกษมาว่าอะไรคุณ"
"ไม่เกี่ยวกับคุณเกษหรอกค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นเป็นเพราะอะไรครับ หรือว่าผมทำอะไรให้คุณลำบากใจ"
"เปล่าค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นเป็นเพราะอะไรล่ะครับ"
จิดาภาคิดหาข้ออ้าง
"คือว่าฉัน...ฉัน...ฉันจะกลับไปอยู่บ้านที่เชียงใหม่น่ะค่ะ ทิ้งคุณพ่อให้อยู่ที่โน่นคนเดียวก็เป็นห่วงท่านค่ะ"
ฉัตรชนกสีหน้าซึมๆ ไม่อยากให้จิดาภาลาออก แต่ก็เข้าใจเหตุผล
จิดาภาลังเล นึกเป็นห่วงฉัตรชนกอยู่เหมือนกัน
จิดาภาคิดนิดหนึ่งแล้วบอก
"เอาอย่างนี้ก็แล้วกันค่ะ ช่วงนี้งานคุณก็ยุ่งมาก ฉันจะอยู่ช่วยงานคุณจนกว่าคุณจะหาเลขาใหม่ได้ก็แล้วกัน"
ฉัตรชนกยิ้มนิดๆ แบบเก็บอาการ ไม่แสดงออกโจ่งแจ้ง
ฉัตรชบาถือแฟ้มงานเดินมาที่หน้าห้องทำงานฉัตรชนก เป็นจังหวะเดียวกับที่ฉกาจรีบร้อนเดินเข้ามาพอดี
"คุณพ่อมาทำอะไรที่นี่คะ"
"ตำรวจโทร.มารายงานความคืบหน้าคดีวรรณิศากับพ่อแล้ว"
"เป็นยังไงบ้างคะ"
"เข้าไปคุยข้างใน"
ฉัตรชบากับฉกาจรีบเดินเข้าไปในห้องทำงานของฉัตรชนก
ฉัตรชบากับฉกาจเข้ามาในห้องทำงานของฉัตรชนก เป็นจังหวะที่จิดาภากำลังถือถาดปฐมพยาบาลจะออกไปนอกห้องพอดี จิดาภายกมือไหว้ฉกาจ ฉกาจรับไหว้แบบรีบร้อน ไม่ได้ใส่ใจจิดาภาเท่าไหร่
ฉัตรชนกแปลกใจ
"คุณพ่อ ชบา มีอะไรด่วนหรือเปล่าครับ ทำไมถึงได้มาพร้อมกันอย่างนี้"
ฉัตรชบากับฉกาจเข้าไปนั่งที่หน้าโต๊ะฉัตรชนก จิดาภามองอย่างสงสัยว่ามีเรื่องอะไร
ฉกาจจะพูด แต่หางตาเห็นว่าจิดาภายืนรอฟังอยู่ เลยหันไปไล่ทางอ้อม
"หนูออกไปแล้วช่วยปิดประตูให้ด้วยนะ"
จิดาภารู้ว่าถูกไล่ทางอ้อม "ค่ะ"
จิดาภาออกจากห้องไปพร้อมปิดประตูให้ตามที่ฉกาจสั่ง พร้อมมีสีหน้าติดใจสงสัยว่าฉกาจมีความลับอะไรจะคุยกับฉัตรชนก
"ตำรวจโทร.มาบอกพ่อว่า เมื่อคืนนี้ไปล้อมจับพวกคนร้ายที่ทำร้ายวรรณิศา แต่พวกมันต่อสู้ขัดขืน ก็เลยถูกวิสามัญหมด"
ฉัตรชบากับฉัตรชนกอึ้งกันไป
"ตายหมดทุกคนเลยเหรอครับ"
"ใช่ พวกมันมีคดีค้ายาบ้าด้วย ก็เลยคิดว่าตำรวจจะไปล้อมจับยากันล่ะมั้ง ก็เลยสู้ตาย สุดท้ายก็ถูกตำรวจจับตายพร้อมยาบ้าล็อตใหญ่"
ฉัตรชบาเสียดาย
"พวกมันตายกันหมดอย่างนี้ ก็ไม่มีใครยืนยันกับนายอัคคีน่ะสิคะว่าพี่ฉัตรไม่เกี่ยวข้องกับการตายของวรรณิศา"
อัคคีมีสีหน้าโกรธจัด เมื่อรู้ข่าว
"สุดท้ายพวกมันก็ใช้เงินกับเส้นสายฆ่าตัดตอนคนร้าย ปิดคดี ล้างความผิดให้ตัวเองจนได้"
อดุลย์ยืนอยู่กับอัคคี
"ตำรวจบอกว่าพวกคนร้ายมันยิงต่อสู้ เพราะคิดว่าถูกล้อมจับยาบ้า"
"พวกมันจะพูดยังไงก็ได้ ในเมื่อตอนนี้คนร้ายพวกนั้นก็ตายไปหมดแล้วนี่"
"ไม่ใช่มีแต่คนร้ายนะที่ตาย ตำรวจก็ตายไปหนึ่งนาย บาดเจ็บอีกสองนาย ถ้าพวกเค้าจะสร้างสถานการณ์เพื่อปิดคดี คงไม่ต้องลงทุนถึงขนาดนี้ก็ได้มั้ง"
"แกไม่ต้องเข้าข้างพวกมัน ฉันไม่เชื่อใครทั้งนั้น"
"แกมันก็เป็นซะอย่างนี้ ชอบคิดเองเออเอง ลองได้เชื่ออะไรแล้วก็ปักใจเชื่ออยู่อย่างนั้น ทำไมแกไม่หัดฟังเหตุผลคนอื่นบ้างวะ"
"เหตุผลจอมปลอมที่พวกมันสร้างขึ้นมาน่ะเหรอ ถ้าแกอยากเชื่อก็เชื่อไปคนเดียว แต่ฉันไม่เชื่อ!!!
อัคคีบอกอย่างเกรี้ยวกราด"
อัคคีเดินหน้าตาโกรธเกรี้ยวผ่านหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ บริษัทของฉัตรชนกเข้าไป
เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์รีบวิ่งไปดักหน้า
"คุณคะ มาติดต่อเรื่องอะไรคะ"
อัคคีหน้าตาบึ้งตึง
"มาหาไอ้ฉัตรชนก ห้องทำงานมันอยู่ชั้นไหน"
เจ้าหน้าที่หน้าเสีย ท่าทางกลัวอัคคี เจ้าหน้าที่หันไปเห็นฉัตรชบาเดินผ่านมาพอดี
"คุณฉัตรชบาคะ เชิญทางนี้หน่อยค่ะ"
อัคคีหันขวับไปมองฉัตรชบา ในขณะที่ฉัตรชบาเห็นอัคคีบุกมาที่นี่ก็ตกใจ รีบเข้ามาหาอัคคี
"นายมาทำอะไรที่นี่"
"คุณรู้เรื่องคนร้ายที่ถูกตำรวจยิงตายแล้วใช่มั้ย"
"รู้แล้ว"
"พวกคุณคงสบายใจแล้วล่ะสิ ที่พ้นผิดได้ซะที แต่บอกไว้เลยว่า ถึงกฎหมายจะเอาผิดไอ้ฉัตรชนกไม่ได้ แต่ผมนี่แหละจะลงโทษมันเอง" อัคคีเดินเข้าไปข้างใน "ไอ้ฉัตรชนก มุดหัวอยู่ที่ไหน แน่จริงก็ออกมาเจอกันหน่อยสิวะ"
อัคคีเดินเข้าไปข้างในพร้อมตะโกนโหวกเหวก ฉัตรชบาตามไปลากตัวออกไปข้างนอก
"หยุดบ้าได้แล้วนายอัคคี มานี่"
ฉัตรชบาลากอัคคีถูลู่ถูกังออกไปที่มุมหนึ่ง เป็นมุมเงียบๆ ที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน
เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์มองตามไปสีหน้ากลัวๆ อัคคี
ฉัตรชนกกับจิดาภาเดินเข้ามา
"มีอะไร เมื่อกี๊ผมได้ยินเสียงคนโวยวายลั่นเลย"
"มีคนชื่ออัคคีมาหาคุณฉัตรชนกค่ะ แต่ตอนนี้คุณฉัตรชบาพาตัวออกไปแล้ว"
ฉัตรชนกตกใจที่อัคคีบุกมาถึงที่นี่
จิดาภาก็ตกใจเหมือนกัน แต่เก็บอาการ เพราะจะให้ฉัตรชนกรู้ไม่ได้ว่าตนรู้จักกับอัคคี
ฉัตรชบาลากอัคคีออกมาที่มุมหนึ่ง เป็นมุมที่ไม่ค่อยมีใครเดินผ่าน
"ตกลงนายมาที่นี่ทำไม"
"ผมจะมาฆ่าไอ้ฉัตรชนก"
"คนร้ายก็ตายหมดแล้ว เรื่องมันก็น่าจะจบได้แล้วนะ"
"ไม่จบ! เพราะพวกคุณใช้เงินกับอำนาจบิดเบือนคดี สร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง"
อัคคีจะเดินเข้าไปในตึก ฉัตรชบาขวางหน้าไว้ อัคคีปัดตัวฉัตรชบาออกอย่างแรงจนเซไปจนล้ม
"ถอยไป ผมจะไปฆ่าไอ้ฉัตรชนก"
ทันใดนั้น เสียงฉัตรชนกก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของอัคคี
"ฉันอยู่นี่ อยากจะทำฉันอะไรก็เชิญเลย หยุดทำร้ายชบาได้แล้ว"
อัคคีหันมามองหน้าฉัตรชนก สีหน้าอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
"โผล่หัวออกมาได้แล้วเหรอ"
จิดาภาเข้าไปช่วยประคองฉัตรชบาให้ลุกขึ้น
ฉัตรชนกเดินเข้าหาอัคคีแบบไม่กลัว อัคคีชักปืนออกมาเล็งใส่ฉัตรชนก
ฉัตรชบาตกใจ รีบวิ่งไปขวางหน้าปกป้องฉัตรชนกเอาไว้
"อย่าทำอะไรพี่ฉัตรนะ"
"คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร ผมถึงต้องเชื่อคุณ"
จิดาภาอยากพูดห้ามอัคคีมาก แต่พูดไม่สะดวก ได้แต่มองลุ้นสถานการณ์ไป
ฉัตรชนกดึงตัวฉัตรชบาไปไว้ข้างหลังตน
"ชบาเดือดร้อนเพราะพี่มามากแล้ว ต่อไปนี้พี่จะรับทุกอย่างด้วยตัวเอง"
ฉัตรชนกเดินเข้าหาอัคคีแบบบไม่กลัวปืนในมืออัคคีเลย
"ศาตายฉันก็เสียใจ แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมนายถึงได้ปักใจเชื่อว่าฉันเป็นคนทำร้ายศา"
"เพราะแกต้องการกำจัดศาออกจากชีวิตแก เพื่อที่แกจะได้ไปแต่งงานกับคุณเกษณีย์อะไรนั่นไง"
"ไม่จริงเลย ถ้าเลือกได้ฉันไม่อยากแต่งงานกับคุณเกษเลย ฉันไม่ได้รักเธอเลย แต่ที่ต้องแต่งก็เพราะความจำเป็น"
"เลิกพล่ามได้แล้ว"
เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ พา รปภ. คนหนึ่งเดินย่องเข้ามาทางด้านหลังอัคคี รปภ. ใช้กระบองตีหลังอัคคีอย่างแรง จนเสียจังหวะ ฉัตรชนกเข้าชาร์ทแย่งปืนในมืออัคคี ปืนกระเด็นหลุดมือ ฉัตรชนกกับอัคคีต่อยกันนัว โดนกันไปคนละหมัดสองหมัด ฉัตรชนกโดนอัคคีเตะล้มกระเด็นไปใกล้ๆ กับปืนที่ตกอยู่ที่พื้น อัคคีจะตามไปกระทืบฉัตรชกซ้ำ ฉัตรชนกคว้าปืนขึ้นมาเล็งอัคคี
อัคคียิ้มเยาะ ท้าทาย
"ถ้าอยากให้ฉัตรชบาเป็นแม่ม่ายผัวตายก็ยิงเลย!"
"นายอัคคี! ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้พูดเรื่องนี้!"
ฉัตรชนกกับจิดาภาอึ้ง ช็อคมากกับเรื่องที่ได้ยิน
"จริงเหรอชบา"
ฉัตรชบาพยักหน้ารับทั้งน้ำตา ฉัตรชนกเข่าแทบทรุด อัคคียิ้มเยาะสะใจที่เห็นฉัตรชนกเสียใจแบบนี้
จิดาภามองหน้าอัคคีด้วยแววตาทั้งผิดหวังและเสียใจ
อัคคีเบือนหน้าหลบสายตาจิดาภา แล้วปั้นหน้าทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรที่เห็นจิดาภาเสียใจ แต่ความจริงๆ ในใจก็เสียใจที่ทำให้จิดาภาเสียใจเหมือนกัน แต่สถานการณ์ตอนนี้ต้องล้างแค้น ต้องทำทุกอย่างเพื่อความสะใจเท่านั้น
อัคคียิ้มเยาะใส่หน้าฉัตรชนก แล้วเดินเข้ามากระชากปืนในมือฉัตรชนกคืน แล้วเดินออกไป
เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์กับ รปภ. ยืนมองสถานการณ์แล้วซุบซิบๆ กัน
ฉัตรชบานั่งร้องไห้อยู่ในห้องทำงานฉัตรชนก
"ทำไมชบาไม่บอกพี่ตั้งแต่แรกว่านายอัคคีมันข่มเหงชบา"
ฉัตรชบาน้ำตาไหล
"ที่ชบาไม่บอก เพราะชบาไม่อยากให้พี่ฉัตรไม่สบายใจ ไม่อยากให้พี่ฉัตรรู้สึกผิด"
ฉัตรชนกกอดน้องน้ำตาซึม ทั้งเสียใจและรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้น้องต้องเป็นแบบนี้
"ชบาไม่จำเป็นต้องทำเพื่อถึงขนาดนี้ ถ้านายอัคคีมันอยากฆ่าพี่ก็ให้มันมาเลย พี่ไม่กลัวมันหรอก"
ฉัตรชบาปาดน้ำตา ทำใจให้เข้มแข็ง
"พี่ฉัตรไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรทั้งนั้นนะคะ ทุกอย่างที่ชบาทำลงไป ชบาตัดสินใจดีแล้ว ชบาไม่เสียใจค่ะ"
ฉัตรชนกโกรธ
"มันบังคับขืนใจชบาอย่างนั้นได้ยังไง...มันทำได้ยังไง! ไอ้สารเลว ยังเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า!"
"เค้าไม่ได้ขืนใจชบาหรอกค่ะ ชบายอมเค้าเอง"
"ว่าไงนะ!"
"ชบายอมให้เค้าทำกับชบา อย่างที่วรรณิศาถูกกระทำ เพื่อให้เค้าหายแค้นพี่ฉัตร ชบาขอร้องเค้าว่าให้ทุกอย่างมันจนลงที่ชบา แต่เค้าก็ไม่ยอมจบ ชบาก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วเหมือนกัน"
"ชบาไม่ต้องทำอะไรแล้ว ปัญหาของพี่กับอัคคี พี่จะจัดการเอง แล้วพี่ก็จะไม่ยอมให้มันมาทำร้ายชบาได้อีกเด็ดขาด"
ฉัตรชนกบอกอย่างหนักแน่น
เย็นวันเดียวกัน ที่โถงบ้านอัคคี
จิดาภาตบหน้าอัคคีเต็มแรง
จิดาภาน้ำตาไหล
"ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะเลวได้ถึงขนาดนี้ คุณด่าว่าคนที่ทำร้ายศา แต่สิ่งที่คุณทำกับคุณฉัตรชบา มันก็ไม่ต่างจากพวกสัตว์นรกพวกนั้นเลย"
อัคคีกัดฟันพูด
"ฉัตรชบายอมผมเอง ผมไม่ได้บังคับขืนใจเค้า"
จิดาภาตบหน้า
"นี่คุณยังไม่สำนึกอีกเหรอว่าสิ่งที่คุณทำมันผิดมหันต์ มันทำลายชีวิตลูกผู้หญิงคนนึงจนไม่เหลือชิ้นดีแล้ว คุณเจ็บที่ศาถูกทำร้าย แล้วคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าคุณฉัตรชนกเค้าก็จะเจ็บเหมือนกัน"
อัคคีหึงเลยพาล
"ตกลงที่คุณมาด่าผม ตบผมอยู่เนี่ยเพราะโกรธแทนไอ้ฉัตรชนกเหรอ"
"อย่าพาลนะคะอัคคี โอเค ถ้างั้นฉันจะถามคุณใหม่ คุณเองก็เห็นว่าศาทุกข์ทรมานใจแค่ไหนที่โดนข่มเหง แล้วคุณไม่คิดบ้างเหรอ ว่าคุณฉัตรชบาก็ต้องเจ็บปวดไม่ต่างกัน"
"ผมก็ไม่เห็นว่าฉัตรชบาจะเสียใจอะไร ก็ยังเห็นเค้าใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุข ยังเดินช้อปปิ้งลั๊ลลาได้อยู่เลย"
"ผู้หญิงบางคนเค้าไม่ร้องไห้ ไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นหรอก ที่คุณเห็นว่าฉัตรชบามีความสุขดีอยู่น่ะ ความจริงมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่คุณเห็นก็ได้ เพราะคุณชอบมองอะไรด้านเดียวอย่างนี้ยังไงล่ะ ถึงได้เห็นแต่มุมของตัวเอง ไม่เคยเข้าใจคนอื่นเลย"
"แล้วมีใครเข้าใจผมมั่งมั้ย แม้แต่คุณก็ไม่เข้าใจผม"
จิดาภาน้ำตาไหล
"ฉันพยายามจะเข้าใจคุณมาตลอดนะคะอัคคี แต่มาถึงวันนี้ ฉันไม่อยากเข้าใจอะไรอีกแล้ว คุณทำแบบนั้นกับคุณฉัตรชบา ทั้งที่คุณยังมีฉันอยู่ทั้งคน คุณทำได้ยังไง คุณเคยนึกถึงจิตใจฉันบ้างมั้ยคะอัคคี"
อัคคีท่าทีอ่อนลง
"คุณจิ...ผมขอโทษ"
จิดาภาเชิดหน้ากลั้นน้ำตา แล้วตัดใจพูดอย่างเด็ดเดี่ยว "เราเลิกกันเถอะค่ะ"
อัคคีอึ้ง
"คุณจิ"
จิดาภาบอกเป็นนัยๆ
"แต่ก่อนจากกัน ฉันอยากเตือนอะไรคุณไว้อย่างนึงนะคะอัคคี ตอนนี้คุณอาจจะกำลังแก้แค้นผิดคนอยู่ก็ได้"
"คุณรู้อะไรมาเหรอ"
"ฉันไม่รู้อะไรหรอกค่ะ ฉันก็แค่อยากให้คุณลองตั้งสติแล้วคิดดูให้ดีๆ ว่ารอบตัวศา มีใครที่หวังร้ายกับศาอยู่บ้าง นอกจากคุณฉัตรชนก"
อัคคีฉุกคิด
ที่วัด ฉัตรชบาจุดธูปไหว้
"ฉันเห็นใจคุณนะคะที่ต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ คืนนั้นฉันคงไม่ด่วนตัดสินคุณอย่างนั้น แล้วถ้าฉันยอมฟังคุณอธิบายซักนิด ฉันก็อาจจะช่วยคุณจากคุณพัฒนะได้บ้าง"
ทันใดนั้นอัคคีที่เดินเข้ามาทางด้านหลังฉัตรชบาก็กระชากแขนฉัตรชบาให้ลุกขึ้นอย่างแรง
อัคคีมีสีหน้าฉุกคิดถึงพัฒนะ
"พัฒนะ!"
พัฒนะกับเกษณีย์ชนแก้วฉลองกันอยู่ในผับ
"ยินดีด้วยนะที่ไอ้พวกกุ๊ยของคุณถูกเก็บกวาดไปหมดแล้ว"
เกษณีย์กระดกเหล้าจนหมดแก้ว
"โชคเข้าข้างฉันจริงๆ ต่อไปนี้ฉันก็ไม่ต้องหวาดระแวงว่าพวกมันจะมาซัดทอดฉันแล้ว"
พัฒนะชงเหล้าให้เกษณีย์ใหม่อีกแก้ว พร้อมกับแอบยิ้มร้าย ประมาณว่าถึงพวกกุ๊ยพวกนั้นจะตายแล้ว แต่ก็ยังมีเขาอีกคนที่รู้ความลับเรื่องนี้
เวลาเดียวกัน ฉัตรชบาเดินเข้ามาในผับ สอดส่ายสายตามองหาพัฒนะ พนักงานเดินเข้ามาต้อนรับ
"มีโต๊ะหรือยังครับ"
"ฉันมาหาคุณพัฒนะค่ะ"
"ทางนี้ครับ"
พนักงานเดินนำฉัตรชนกไปที่โต๊ะพัฒนะ
ทางด้านหลังฉัตรชบา อัคคีเพิ่งเดินเข้ามา มองตาม สงสัยว่าฉัตรชบามาที่นี่ทำไม
อัคคีเดินตามหลังฉัตรชบาไปห่างๆ
เกษณีย์นั่งดื่มอยู่กับพัฒนะอยู่ในห้อง
พอเห็นพนักงานพาฉัตรชบาเข้ามาก็ชะงักไปนิดหนึ่ง
ฉัตรชบาเองก็แปลกใจเหมือนกันที่เห็นเกษณีย์นั่งดื่มกับพัฒนะท่าทางสนิทสนมกันอย่างนี้
"ชบา...มาได้ยังไง"
"ถ้าพี่ฉัตรรู้ว่าพี่เกษมานั่งดื่มกับคุณพัฒนะสองต่อสองแบบนี้ พี่ฉัตรคงไม่ชอบใจแน่"
เกษณีย์ดึงตัวฉัตรชบามานั่งใกล้ๆ
ด้านหลังฉัตรชบา อัคคีนั่งมองสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ
"น้องชบาอย่าเพิ่งเข้าใจพี่ผิดนะ พี่กับคุณพัฒนะเป็นแค่เพื่อนกัน ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นเลยจริงๆ"
พัฒนะยิ้มกรุ้มกริ่ม
"คุณฉัตรชบามาคนเดียวเหรอครับ"
ฉัตรชบาแกล้งยิ้มหวานตามน้ำไป เพราะอยากขอความร่วมมือ
"ฉันตั้งใจมาหาคุณพัฒนะค่ะ"
พัฒนะยิ้มกว้างดีใจระคนแปลกใจ
"มาหาผม! นี่ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ยครับ"
ฉัตรชบาขยับไปใกล้พัฒนะอีกนิด
"คุณฟังไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันตั้งใจมาหาคุณจริงๆ"
เกษณีย์แปลกใจว่าฉัตรชบาคิดจะทำอะไรกันแน่
อัคคีมองฉัตรชบาอย่างไม่พอใจ ลึกๆ คือหึงโดยไม่รู้ตัว แต่แสดงออกมาว่าโกรธ ในผับเปิดเพลงเสียงดัง อัคคีไม่ได้ยินว่าฉัตรชบาพูดอะไรกับพัฒนะ แต่โกรธที่ฉัตรชบาพูดคุยยิ้มแย้มกับพัฒนะ พาลคิดไปว่าพวกนี้รวมหัวกันทำร้ายวรรณิศา
"คุณฉัตรชบามีธุระอะไรกับผมเหรอครับ"
"คืนวันงานปาร์ตี้ที่บ้านฉัน ฉันเห็นคุณตามคุณศาออกจากงาน"
พัฒนะกับเกษณีย์เสียวสันหลังวาบ ไม่รู้ว่าฉัตรชบาต้องการอะไรกันแน่
"คุณก็น่าจะรู้ว่คุณศาหายไปไหน แล้วก็ไปกับใครถูกมั้ยคะ"
พัฒนะโกหกไป
"ผมตามคุณศาออกไปก็จริงๆ แต่เราก็คลาดกัน ผมไม่รู้หรอกครับว่าเธอหายไปไหนกับใคร"
เกษณีย์ระแวง
"อยู่ๆ มาถามเรื่องนี้อีกทำไม"
"ชบาอยากให้คุณพัฒนะช่วยไปพูดกับนายอัคคีให้หน่อยว่าพี่ฉัตรไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของวรรณิศา"
"คนอย่างคุณอัคคีเค้าไม่มาฟังคำพูดผมหรอกครับ" พัฒนะมองด้วยสายตาแทะโลม "แต่ถ้าคุณฉัตรชบายอมไปทานข้าวกับผมซักมื้อ ผมก็จะลองช่วยพูดให้ซักครั้งนะครับ" แล้วเอื้อมมือไปแตะหลังมือฉัตรชบาหยั่งเชิงดู
อัคคีเห็นพัฒนะจับมือฉัตรชบาก็โกรธพัฒนะ พาลโกรธฉัตรชบาด้วยที่ปล่อยตัวให้พัฒนะแบบนั้น
ฉัตรชบาปัดมือพัฒนะออกแบบไว้ตัว
"ฉันไม่ใช่สาวโลกสวย ที่จะให้คุณหลอกได้ง่ายๆ นะคะ"
พัฒนะยิ้มใจเย็น
"หลอกเหลิกอะไรกันครับ"
"หรือว่าความจริงแล้วคนที่ทำร้ายวรรณิศาอาจจะเป็นคุณก็ได้ เพราะคืนนั้นฉันเห็นคุณลวนลามวรรณิศาอยู่"
พัฒนะฉุน
"นี่คุณ อย่ามาโยนขี้ให้ผมอย่างนี้สิ ความจริงคนร้ายตัวจริงอาจจะเป็นคนใกล้ตัวคุณมากกว่าที่คุณคิดก็ได้"
ฉัตรชบายั่วให้พูด
"ถ้าคุณรู้ว่ามันเป็นใครก็พูดออกมาเลยดีกว่า อย่ามาแกล้งทำเป็นรู้เพื่อหลอกเคลมฉัน ถ้าคุณยอมบอกฉัน ฉันยินดีตอบแทนคุณจนหนำใจแน่นอน"
พัฒนะยิ้มพอใจ ท่าทางอยากได้ตัวฉัตรชบามาก
"หวังว่าคุณจะรักษาสัญญานะ ถ้าผมบอก แล้วคุณจะยอม.." พัฒนะส่งสายตาแทะโลม"บอกมาก่อนสิคะ"
พัฒนะกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เกษณีย์รีบขัดขึ้น
เกษณีย์ดึงตัวฉัตรชบาให้ลุกขึ้น
"พี่ว่าชบารีบกลับบ้านเถอะ แพ้ท้องอยู่ไม่ใช่เหรอ มาอยู่ในที่แบบนี้เดี๋ยวก็ได้เป็นลมเป็นแล้งไปหรอก"
พัฒนะมองฉัตรชบาอึ้งๆ "ท้อง!"
"ค่ะ ไปๆๆ เดี๋ยวพี่ไปส่งที่รถ"
เกษณีย์ลากตัวฉัตรชบาออกไป เธอก็ยอมให้ลากออกไปแต่โดยดี เพราะคิดว่าพัฒนะหลงกลตนแล้ว ไม่ช้าก็เร็ว พัฒนะต้องติดต่อมาแน่ๆ ฉัตรชบาหันไปทิ้งสายตาให้ พัฒนะยิ้มแบบวอนท์ฉัตรชบามาก
อัคคีเห็นฉัตรชบากับพัฒนะส่งสายตาให้กันแล้วของขึ้น โกรธมาก เขาเดินตามฉัตรชบาไปห่างๆ
เกษณีย์ลากฉัตรชบาออกมาที่ลานจอดรถ
"คุณพัฒนะน่ะร้ายกว่าที่เธอคิดไว้มากนะ ถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็อยู่ห่างๆ เค้าเอาไว้"
ฉัตรชบามองจับสังเกต
"พี่เกษทำท่าเหมือนกลัวว่าคุณพัฒนะเค้าจะบอกอะไรชบาอย่างนั้นล่ะ"
"ฉันไม่ได้กลัวอะไรทั้งนั้น เธอรีบกลับไปเลยไป ไปๆๆ" เกษรีย์ผลักฉัตรชบาออกไป
ฉัตรชบาทำท่าเหมือนจะหน้ามืด แต่ก็ตั้งหลักทรงตัวไว้ได้
ฉัตรชบาเดินไปที่รถ เกษณีย์เดินกลับเข้าไปในผับ
ฉัตรชบาหยิบกุญแจรถออกมา แล้วกดรีโมทปลอดล็อค ฉัตรชบากำลังจะเปิดประตูรถ ทันใดนั้น อัคคีก็ยื่นมือมาดึงมือฉัเธอไว้ไม่ให้เปิดประตูรถ
ฉัตรชบาตกใจ
"นายอัคคี!"
อัคคียักไหล่กวนๆ
"ใช่ผมเอง"
ฉัตรชบาผลักอัคคีออก
"ถอยไป นายนี่มันน่ารำคาญจริงๆ ไปไหนก็เจอแต่นายเนี่ย"
อัคคีใช้สองแขนกักตัวฉัตรชบาไว้กับตัวรถ
อัคคียื่นหน้าเข้ามาถามใกล้ๆ
"มาคุยอะไรกับนายพัฒนะ"
"เรื่องส่วนตัวของฉัน ไม่เกี่ยวกับนาย"
"เห็นเมียตัวเองมาอ่อยผู้ชายอื่นตำตาอย่างนี้ จะให้ผัวอยู่เฉยๆ ได้ยังไง"
"ฉันจะอ่อยเค้า จะยั่วเค้า มันก็เรื่องของฉัน นายไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของฉัน"
อัคคีโกรธเพราะหึง)
"คุณต้องเป็นของผมคนเดียว ไม่มีสิทธิ์ไปอ่อยผู้ชายอื่น"
อัคคีจะจูบ ฉัตรชบาดิ้นขัดขืน ซักพักก็เป็นลมไป
อัคคีตกใจ "ฉัตรชบา!"
อัคคีอุ้มฉัตรชบาไปนั่งในรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับ คาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย
อัคคีใช้สองมือตบหน้าฉัตรชบาเบาๆ เพื่อปลุก
"ฉัตรชบา...ตื่น...ฉัตรชบา"
ฉัตรชบาไม่ฟื้น อัคคีจับเนื้อตัวฉัตรชบาดู
"ตัวเย็นเฉียบเลย เป็นไรวะเนี่ย"
อัคคีปิดประตูรถด้านที่ฉัตรชบานั่ง แล้ววิ่งไปขึ้นที่ด้านคนขับ แล้วขับออกไป
เกษณีย์กลับเข้ามาหาพัฒนะ
"น้องสะใภ้คุณนี่สวยแซ่บดีนะ หาทางจัดการให้ผมหน่อยสิ"
เกษณีย์จิกตามอง
"ทำไมฉันต้องช่วยคุณ ทีเมื่อกี๊นี้คุณยังเกือบจะหักหลังฉันเลย"
"ผมก็แค่แกล้งทำท่าจะบอกไปอย่างนั้นแหละ ผมไม่บอกจริงๆ หรอกน่า ยังไงตอนนี้เราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ถ้าคุณซวย ผมก็ซวยไปด้วย เรื่องอะไรผมจะทำให้ตัวเองเดือดร้อนล่ะ"
"ให้มันจริงเถอะ"
"ตกลงว่าไงเรื่องฉัตรชบาน่ะ จัดการให้ผมได้มั้ย"
"ฉันจัดการให้คุณได้อยู่แล้ว แลกกับเงินห้าล้านที่ฉันต้องหาให้คุณ ตกลงมั้ย"
"ไม่มีปัญหา เพราะถ้าผมได้น้องสะใภ้คุณมาเป็นเมียเมื่อไหร่ เงินแค่ห้าล้านมันเล็กน้อยมาก"
พัฒนะกับเกษณีย์ชนแก้วทำสัญญากัน แล้วกระดกรวดเดียวหมดแก้วทั้งคู่
ณ โรงพยาบาล ตอนกลางคืน
ในห้องตรวจ ฉัตรชบานั่งหน้าเพลียๆ อยู่บนเตียงตรวจ อัคคีกับหมอยืนอยู่ใกล้ๆ
"คนไข้มีอาการยังไงบ้างครับ"
"ช่วงนี้ฉันเพลียๆ ค่ะ เวียนหัวบ่อย ทานอะไรไม่ค่อยได้ ทานเข้าไปก็อาเจียนออกมาหมด"
อัคคีพูดโพล่งออกมา
"แพ้ท้องเหรอ"
"จะบ้าเหรอ หมอยังไม่ได้พูดอะไรเลย"
อัคคีบอกหมอ
"งั้นคุณหมอช่วยตรวจให้ละเอียดหน่อยนะครับ ว่าเมียผมท้องหรือเปล่า"
ฉัตรชบาถลึงตาใส่อัคคีประมาณว่าพูดมากไปแล้ว
"ถ้างั้นเชิญคุณออกไปรอข้างนอกก่อนนะครับ"
อัคคีเดินออกไปข้างนอก
ฉัตรชบามีสีหน้าหวั่นใจ กลัวจะท้องจริงๆ
ต่อมา อัคคีขับรถของฉัตรชบามาจอดส่งที่หน้าบ้าน
ฉัตรชบานั่งเงียบมาตลอดทาง สีหน้านิ่งๆ
"เสียใจเหรอที่ไม่ท้อง"
ฉัตรชบาประชด
"ฉันไม่ได้คิดว่าจะท้องตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก เพราะคนอย่างนายคงไม่มีน้ำยาขนาดนั้น" เธอปลดเข็มขัดนิรภัย เตรียมจะลงจากรถ
อัคคีฉุนที่ถูกสบประมาท รวบตัวฉัตรชบามากอดไว้แน่น
"งั้นมาลองอีกซักครั้งมั้ยล่ะ คราวนี้จะไม่ให้พลาดเลย"
อัคคียื่นหน้าเข้ามาจะจูบ ฉัตรชบาไม่ถอยหนี แต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ติดจะเนือยๆ เพราะเพลีย
"หยุดทำร้ายกันซักวันได้ไหม วันนี้ฉันไม่มีแรงจะสู้รบปรบมืออะไรกับนายแล้ว"
อัคคีชะงักไป ถอนหน้าออกมาพร้อมกับคลายกอดที่กอดไว้แน่นในตอนแรกออก เหลือแค่จับตัวไว้หลวมๆ
อัคคีน้ำเสียงอ่อนลง
"ขับรถเข้าบ้านเองไหวมั้ย"
"ไหว"
อัคคีเปิดประตูรถ ก้าวขาลงจากรถ แล้วก็ชะงัก พูดกับฉัตรชบาโดยที่หันหลังให้ น้ำเสียงเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด
"กินยาให้ครบตามที่หมอสั่งด้วยนะ"
อัคคีพูดจบก็เดินออกไป โดยไม่หันหน้ากลับมามองฉัตรชบาเลย
ฉัตรชบามองถุงยาที่วางอยู่ที่ช่องเก็บของ รู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของอัคคีเมื่อครู่นี้แสดงความเป็นห่วงตนจริงๆ
ฉัตรชบาลงจากรถ เดินอ้อมมาทางที่นั่งด้านคนขับ แต่ก่อนจะเข้าไปนั่งในรถ ฉัตรชบาก็หันไปมองอัคคี เห็นอัคคีกำลังเดินออกไปทางหน้าปากซอย
ฉัตรชบายืนมองอัคคีอยู่พักใหญ่ กว่าจะขับรถเข้าบ้าน
ฉัตรชบาจอดรถเสร็จ ก็หยิบกระเป๋าถือจะก้าวลงจากรถ แต่แล้วก็ชะงัก หันกลับมามองถุงยาที่วางอยู่ในช่องเก็บของอย่างชั่งใจนิดหนึ่ง พร้อมกับนึกถึงคำพูดของอัคคีที่บอกให้กินยาตามที่หมอสั่งด้วย
ฉัตรชบาหยิบถุงยาแล้วลงจากรถไป
ฉัตรชนกนั่งรอฉัตรชบาอยู่ในห้องโถง ท่าทางร้อนใจเป็นห่วงน้อง
ฉัตรชบาเดินเข้ามา ฉัตรชนกรีบเข้าไปหา
"หายไปไหนมา พี่โทร.หาตั้งหลายครั้งก็โทรไม่ติด"
ฉัตรชบาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู
"แบตหมดค่ะ หมดตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้"
"ตกลงว่าไปไหนมา พี่เป็นห่วงแทบแย่ ยิ่งมีเรื่องอยู่ด้วย"
ฉัตรชบาแก้ตัวอึกอักเล็กน้อย
"ชบาไปทานข้าวกับเพื่อนมาค่ะ พี่ฉัตรไม่ต้องห่วงนะคะ เรื่องนั้นมันไม่มีผลอะไรกับชีวิตชบาหรอกค่ะ ชบาเคยบอกแล้วไงคะว่าชีวิตชบาจะมีแต่วันนี้กับวันพรุ่งนี้เท่านั้น อะไรที่เสียไปแล้ว ชบาไม่ใส่ใจ"
ฉัตรชนกฟังแล้วเจ็บปวด รู้สึกผิด คิดว่าเป็นเพราะตน ฉัตรชบาถึงต้องมีชะตากรรมแบบนี้
ฉัตรชนกเห็นถุงยาในมือฉัตรชบา
"แล้วนั่นถุงยาอะไร ชบาเป็นอะไร"
"อ๋อ...ยาโรคกระเพาะค่ะ หมอบอกว่าที่ชบาอาเจียนเมื่อเช้าเป็นเพราะกระเพาะไม่รับอาหารหารค่ะ"
"แล้วที่เวียนหัวหน้ามืดล่ะ เกี่ยวกันด้วยเหรอ"
"เพราะชบาไม่ค่อยได้กินอะไร บวกกับพักผ่อนน้อย ร่างกายก็เลยอ่อนเพลียค่ะ ชบาไม่ได้ท้องจริงๆ ค่ะ พี่ฉัตรสบายใจได้"
ฉัตรชนกมีสีหน้าโล่งใจที่น้องไม่เป็นอะไรมาก
"ถ้างั้นก็รีบขึ้นไปพักผ่อนไป"
"ค่ะ"
ฉัตรชบาเดินขึ้นชั้นบนไป
เกษณีย์เมากลับมาเห็นฉัตรชนกก็ยิ้ม แล้วปรี่เข้ามากอดซบ
"คุณฉัตรรอเกษอยู่เหรอคะ น่ารักจังเลยนะคะวันนี้" พร้อมหอมแก้มฉัตรชนกทีนึง
ฉัตรชนกเบือนหน้าหนี
"กลิ่นเหล้าหึ่งเลยคุณ เมาขนาดนี้ขับรถกลับมาได้ยังไงเนี่ย" ฉัตรชนกพูดพลางถอนใจหนักๆ
"แค่กินเหล้านิดหน่อย ไม่เห็นเป็นอะไรเลย คุณอย่าขี้บ่นนักเลยน่า"
เกษณีย์คอพับคออ่อน กอดซบฉัตรชนกไป
"รีบขึ้นข้างบนเลย เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่มาเห็นท่านจะไม่สบายใจ"
ฉัตรชนกประคองเกษณีย์ขึ้นชั้นบน สีหน้าเบื่อหน่ายที่ต้องมีเมียแบบนี้
ฉัตรชบาเดินเข้ามานั่งที่เตียง มองถุงยาในมือ แล้วลูบท้องตัวเอง
ฉัตรชบามีสีหน้าโล่งใจที่ไม่ท้อง
ฝ่ายจิดาภายืนร้องไห้เสียใจเรื่องอัคคีอยู่ที่ระเบียงหลังห้องที่คอนโดฯ
อัคคียิ้มเยาะ ท้าทาย
"ถ้าอยากให้ฉัตรชบาเป็นแม่ม่ายผัวตายก็ยิงเลย!"
"นายอัคคี! ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้พูดเรื่องนี้!"
ฉัตรชนกกับจิดาภาอึ้ง ช็อคมากกับเรื่องที่ได้ยิน
"จริงเหรอชบา"
ฉัตรชบาพยักหน้ารับทั้งน้ำตา ฉัตรชนกเข่าแทบทรุด อัคคียิ้มเยาะสะใจที่เห็นฉัตรชนกเสียใจแบบนี้
จิดาภามองหน้าอัคคีด้วยแววตามั้งผิดหวังและเสียใจ
จิดาภาน้ำตาไหล
"ฉันพยายามจะเข้าใจคุณมาตลอดนะคะอัคคี แต่มาถึงวันนี้ ฉันไม่อยากเข้าใจอะไรอีกแล้ว คุณทำแบบนั้นกับคุณฉัตรชบา ทั้งที่คุณยังมีฉันอยู่ทั้งคน คุณทำได้ยังไง คุณเคยนึกถึงจิตใจฉันบ้างมั้ยคะอัคคี"
อัคคีท่าทีอ่อนลง
"คุณจิ...ผมขอโทษ"
จิดาภาเชิดหน้ากลั้นน้ำตา แล้วตัดใจพูดอย่างเด็ดเดี่ยว
"เราเลิกกันเถอะค่ะ"
จิดาภาร้องไห้ต่อเนื่อง
เสียงโทรศัพท์มือถือดังเข้ามา จิดาภาหันไปมองมือถือที่วางอยู่ในห้องนิดหนึ่ง สีหน้าแบบไม่อยากรับสาย
เธอละสายตาจากโทรศัพท์ แล้วหันหน้ากลับมามองวิวกรุงเทพยามราตรีตรงหน้าแบบไร้ชีวิตจิตใจ สายตามองตรงไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย เหมือนคนผิดหวังในความรักอย่างแรง
หน้าจอโทรศัพท์ที่วางอยู่ในห้อง เห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากอัคคี
ที่บ้านอัคคี
อัคคีกำมือถือไว้ในมือแน่น ท่าทางหงุดหงิดงุ่นง่านที่จิดาภาไม่ยอมรับสายตน
อดุลย์เดินเข้ามา
"เป็นไรวะ ดึกแล้วทำไมยังไม่นอนอีก"
"คุณจิไม่ยอมรับสายฉันเลย"
"เป็นฉัน ฉันก็ไม่รับ" อดุลย์ถอนใจหนักๆ "แกเห็นหรือยังอัคคีว่าการแก้แค้นของแก มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย ศาก็ฟื้นขึ้นมาไม่ได้ แถมแกยังทำร้ายผู้หญิงดีๆ พร้อมกันถึงสองคนอีก ถามจริงๆ เถอะ ไม่รู้สึกอะไรมั่งเลยเหรอ"
อัคคีชะงักคิดตามคำพูดของอดุลย์นิดหนึ่ง ลึกๆ รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน แต่ก็ยังมีท่าทีดื้อรั้นไม่ยอมรับผิดอยู่
เพราะความแค้นในใจยังมีมากกว่า
อ่านต่อตอนที่ 13