เงาเสน่หา ตอนที่ 11
วิริยายืนมอนิเตอร์เหตุการณ์ในรอยัลแอร์ไลน์อยู่ที่รอยัลอายส์ลำพัง จนพงศธรก้าวเข้ามา
“คุณหาผมไม่เจอหรอกครับ” วิริยาหันกลับมา “ผมออกไปข้างนอกมา รอยัลอายส์มองไม่เห็นผมหรอก”
“แต่คุณมาบอกชั้น แสดงว่าคุณอยากให้ชั้นเห็น”
“ผมเคลียร์แล้วนะ”
“ในแง่ไหนคะ”
“ทุกแง่ที่จะขัดขวางการทำงานของผม” พงศธรบอก
วิริยายิ้มนิดๆ “งั้นนักล่าก็พร้อมจะออกล่าแล้วสินะคะ”
“ถ้าเหยื่อพร้อม ก็ไม่มีอะไรต้องรอ”
“เหยื่ออยู่ตรงหน้าคุณแล้วค่ะ”
วิริยาพูดเป็นนัย ท้าทายในที ขณะเบี่ยงตัวหลบให้อีกฝ่าย ไม่รู้ว่าหมายถึงตัวหล่อนเองหรืออาณาจักรรอยัลแอร์ไลน์แห่งนี้
ด้านมัทรีโวยวายออกมาจากห้องประยงค์ กลับมาที่โต๊ะ เห็นที่นิสานั่งนิ่งอยู่
“เลวมาก เลวที่สุด ไม่คิดเลยว่าจะเลวขนาดนี้”
นิสาจิตตก นั่งนิ่งเป็นรูปปั้น ไม่โต้ตอบอะไรเหมือนไม่ได้ยิน
“ว่ามั้ยนิสา ดูสิ อยู่ๆ มาตัดหน้าราคาแพคเกจเราซะกระจุย ราคาต่ำอย่างนั้นจะทำทัวร์ดีๆ ได้ยังไง อย่างนี้มันหลอกกันชัดๆ แล้วนี่ถ้าใครหลงเชื่อขึ้นมา ซวยตายเลย ไม่น่าทำแบบนี้เล้ย น่าเกลียดที่สุด”
นิสายังนั่งนิ่ง
“นิสา”
นิสายังไม่ได้ยิน
มัทรีเรียกดังขึ้น “นิสา”
นิสาสะดุ้ง
“เป็นอะไร”
นิสาไม่ตอบ แต่ร้องไห้โฮออกมาแล้วลุกวิ่งออกไปจากโต๊ะ
“อ้าว เฮ้ย นิสา”
ประยงค์ออกมาพอดี ชนเข้ากับนิสา
“นิสาช่วยดูให้บอสหน่อย...”
พูดไม่ทันจบนิสาวิ่งร้องไห้หนีไปทางหนึ่ง
“นิสา” ประยงค์งงหันมาถามมัทรี “เค้าเป็นอะไรน่ะ ใครทำอะไรนาง”
“เดี๋ยวแมสซี่ไปดูเองค่ะ”
มัทรีรีบตามไป
นิสาหลบมาร้องไห้มุมหนึ่งของออฟฟิศ มัทรีรีบเข้าไปหา
“นิสา เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น”
นิสาไม่ตอบแต่โผกอดมัทรีไว้แน่น
“ทำใจดีๆ ไว้ ค่อยๆ พูดกันนะ ใจร่มๆๆ”
“มัท...ชั้นท้อง”
มัทรีตกใจนิดๆ “ฮะ ท้อง”
นิสาพยักหน้ารับ
“เอ่อ ท้อง...”
“ท้อง...แล้ว จะร้องไห้ทำไม ท้องกับคุณพงศ์ใช่มะ”
นิสาพยักหน้ารับอีก แล้วร้องไห้หนักมากขึ้น
“ไม่เห็นต้องร้องไห้เลย แล้วนี่คุณพงศ์รู้รึยัง”
“รู้...”
“แล้วจะร้องทำไม ท้องก็แต่งงานสิ เดี๋ยวนี้ใครเค้าก็ต้องท้องก่อนแต่งเยอะแยะไป ไม่เห็นต้องร้องเลย”
นิสาโพล่งขึ้น “เค้าไม่ให้ชั้นเก็บลูกไว้”
มัทรีตกใจยิ่งกว่าถูกผีหลอก “อะไรนะ”
“จะไม่มีงานแต่ง จะไม่มีลูก”
มัทรีไม่อยากเชื่อ “นี่หมายถึงคุณพงศ์รึเปล่า เราพูดถึงคนเดียวกันอยู่ใช่มั้ย”
นิสาพยักหน้ารับ
“มายก้อด ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ ไม่อยากจะเชื่อเลยอ่ะ แล้วจะทำยังไงอ่ะ”
นิสาไม่ตอบ นึกทวนหวนย้อนเล่าเหตุการณ์เมื่อชั่วโมงก่อนหน้านี้ให้เพื่อนรักฟัง
เจ้าหน้าที่หญิงของคลินิกเถื่อนแต่ดูดีจัด โน้มน้าวนิสาอีกครั้งว่า
“ไม่ต้องกลัวนะคะ ทำใจให้สบายนะคะ”
“คืนนี้เลยเหรอคะ” นิสาใจหาย
“ทำเร็วที่สุดจะเป็นผลดีกับตัวคุณแม่นะคะ”
“ค่ะ”
“นัดทุ่มหนึ่งนะคะ ทำจิตใจให้เข้มแข็งนะคะ คิดซะว่าเราเลือกทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทั้งคุณทั้งเด็กนะคะ”
นิสาถอยออกมาหน้าเสียเหลือไม่ถึงขีด
พอได้ฟังมัทรีสงสารนิสาจับใจ กอดปลอบ สองสาวกอดกันร้องไห้โฮ
“ชั้นไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ชั้นอยู่ข้างแกนะ ไม่ต้องกลัวนะ ชั้นอยู่ข้างแก”
อีกฟากพงศธรนั่งเครียดอยู่ในห้องทำงาน กดอ่านข้อความไลน์จากนิสา “คืนนี้ทุ่มตรง ชั้นจะทำตามที่คุณต้องการ”
สีหน้าพงศธรรู้สึกอึ้งไปเหมือนกัน แต่พยายามปลุกปลอบใจตัวเองให้เข้มแข็ง
“มันต้องเป็นแบบนี้ มันจำเป็นต้องเป็นแบบนี้”
มัทรีถึงกับลงทุนออกไปซื้อยาบำรุงครรภ์มาให้ เวลานี้วางห่อยาจีนลงตรงหน้านิสา
“ยาจีนบำรุงเลือดลม ซินแสแกว่ามันจะช่วยบำรุงครรภ์ นี่ชั้นไปซื้อมาจากเยาวราชเลยนะแก๊ เอาไปต้มกินนะ เช้า เย็น เด็กจะได้แข็งแรง”
“ขอบใจนะ แต่แกก็รู้นี่ว่าชั้นเก็บ ไว้ไม่ได้”
มัทรีคุมแค้นย้อนเสียงขุ่น “จะทำตามที่ มัน สั่งงั้นเหรอ อย่าโง่ไปหน่อยเลย เลิกกับมันซะแล้วเก็บลูกของเราไว้ โอ๊ย สมัยนี้ซิงเกิ้ลมัมเยอะแยะไป ไม่เห็นต้องกลัวเลย เดี๋ยวชั้นช่วยเลี้ยงเอง”
“แต่ว่า...”
“ถ้าจะกำจัด ชั้นว่ากำจัดผู้ชายที่ไร้ความรับผิดชอบออกไปจากชีวิตดีกว่า เชื่อชั้น คนอย่างนั้นไม่มีค่าให้เราเก็บไว้หรอก” มัทรีแค้นแทนเพื่อน
เสียงประยงค์ตะโกนเรียกดังมา
“แมสซี่”
“ค่าบอส” มัทรีกำชับนิสา “แกต้องเชื่อชั้นนะ ชั้นรักแก แต่มันไม่ได้รักแก”
มัทรีรีบเข้าไปหาประยงค์ ทิ้งนิสาให้จมอยู่กับความคิดเพียงลำพัง
ในร้านกาแฟเมื่อบ่าย นิสาร้องไห้หนัก พงศธรจับมือไว้ พยายามอธิบาย
“ผมแค่ยังไม่ได้พร้อม ไม่ได้แปลว่าผมไม่รักคุณ ไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากมีลูกกับคุณ ชีวิตผมกำลังจะเปลี่ยน มันกำลังจะดีขึ้น ทุกอย่างกำลังไปด้วยดี ผมยังมีภาระตอนนี้ไม่ได้”
“ภาระ คุณเห็นสากับลูกเป็นภาระเหรอคะ”
“สา การเป็นพ่อเป็นสามี เป็นเรื่องใหญ่มากนะ ผมยังไม่พร้อมจะทำหน้าที่นั้น ผมอยากทำชีวิตตัวเองให้สมบูรณ์แบบก่อน ถ้าถึงเวลาผมจะเป็นทั้งสามีทั้งพ่อที่เพอร์เฟ็กต์ ผมจะดูแลคุณและลูกได้เป็นอย่างดี มันแค่ไม่ใช่ในตอนนี้เท่านั้นเองเข้าใจผมนะ ได้โปรดเข้าใจผมด้วย”
นิสาดึงตัวเองกลับออกมา น้ำตาหยดริน
“ในที่สุดคุณก็เลือกงาน ไม่ใช่สา ไม่ใช่ลูกของเรา”
ภายในห้องประชุมย่อยของรอยัลแอร์ไลน์ มีการประชุมซึ่งดำเนินมาได้สักพักแล้ว โดยมี พงศธร วิริยา เจนไวย์ ธีรภาพ และหัวหน้าวิศวกรชายวัย 40 ปี ร่วมประชุมด้วยกัน
ธีรภาพจบการพรีเซ้นต์ ต่อทุกคนในที่ประชุม
“ทั้งหมดที่ทีมได้ข้อมูลเครื่องบินรุ่นนี้มา ก็สรุปตามนี้ละครับ”
วิริยาฟังแล้ว หันไปถามหัวหน้าฝ่ายวิศวกร โดยไม่ยอมถามธีรภาพโดยตรง
“เราควรซื้อใช่มั้ยคะ”
หัวหน้าฯ หันไปทางธีรภาพเชิงบอกให้แสดงความคิดเห็น ธีรภาพตอบตามหน้าที่ ให้ความคิดเห็นผู้บริหาร
“ทีมวิศวกรเห็นตรงกันว่า ควรครับ ถ้ารอยัลแอร์ไลน์ของเรายังคงต้องการเป็นสายการบิน 1 ใน 3 ที่อยู่ในใจของคนทั่วเอเชีย”
วิริยาฟังแล้ว ลึกๆ ชอบในวิธีคิดของธีรภาพไม่น้อย เพราะคนแบบนี้คือ คนที่องค์กรต้องการที่สุดในช่วงเวลานี้
“ทั้งใหม่กว่า ทั้งแพงกว่า น่าสนใจกว่าของเก่าอยู่แล้วค่ะ” วิริยาหันหามาพงศกร “ใช่ไหมคะ คุณพงศธร”
“ผมยังไม่รู้จักของใหม่ดี เลยยังยืนยันไม่ได้ครับ ว่าจะดีกว่าของเก่าจริงรึเปล่า”
“ลองสิคะ จะกลัวอะไร” วิริยาว่า
“ไม่กลัวหรอกครับ แต่ถ้ายังไม่มั่นใจ ก็ไม่อยากตัดสินใจพลาด”
วิริยาหันมาบอกหัวหน้าฯ เจนไวย์ กับธีรภาพว่า “โอเค ขอบคุณค่ะ แล้วชั้นจะสรุปกับบอร์ดอีกที ขอบคุณมากค่ะ”
สามคนออกไปแล้ว พงศธรจะลุกตามไป แต่ถูกวิริยาเรียกไว้
“เรื่องของเรายังไม่จบนะคะ”
“เรื่องของเรา” พงศธรมองฉงน
“เรื่องงานของเรา” วิริยาเปลี่ยนคำใหม่
ฝ่ายนิสาเตรียมตัวจะกลับบ้าน มีมัทรีคอยถามด้วยความห่วงใย ประยงค์ก็อยู่ด้วย
“ไหวมั้ยอ่ะ โอปะแก? ชั้นไปนอนด้วยมั้ย”
“ไหวๆ ไม่เป็นไร ขอบใจนะ”
“เดี๋ยวคืนนี้โทร.หา”
นิสาพยักหน้ารับยิ้มๆ แล้วออกไป
“นิสาเป็นอะไร บอสสัมผัสได้ถึงความเศร้า”
“เรื่องผู้หญิงๆ น่ะคะบอส”
“เรื่องอะไรล่ะ บอสเป็นห่วง บอสขอเผือก”
“รอไว้ให้นิสาเข้มแข็งกว่านี้ เดี๋ยวนางก็คงยอมเล่าเองล่ะค่ะ ถ้าบอสห่วงนางจริง รักนางจริง โอกาสของบอสมาถึงแล้วล่ะค่ะ นี่เชียร์เลย พูดเลย”
ประยงค์ไม่เชื่อนางนัก “จริงจังปะเนี่ย”
“จริงจังสิคะบอส แมสซี่จะช่วยบอสจีบนิสาเอง”
“อ๋ออออ.... รักแท้ชนะทุกสิ่ง ในที่สุดบอสก็มีหวังแล้ว” ประยงค์ยิ้มกริ่ม
สองคนอยู่ในห้องทำงานวิริยาด้วยกัน คุณหนูวิวนั่งกระดิกนิ้วเป็นจังหวะอย่างใจเย็น
“คุณพ่อต้องการให้เราทำงานร่วมงาน”
“ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วครับ ทุกความเห็นของผมต้องผ่านการตัดสินใจของคุณ”
“ทุกความเห็นเหรอคะ” วิริยาย้อน
พงศธรเหลือบตามองวิริยา
“ทุกความเห็นที่เกี่ยวกับรอยัลแอร์ไลน์”
อีกฟาก นิสานั่งแท็กซี่ไปลงหน้าคลินิก สีหน้าทั้งเศร้าทั้งเครียด นึกไปถึงคำพูดของพ่อ
“พงศธรอาจจะเป็นคนรักที่ดี รักเรามาก แต่เค้าก็รักตัวเองมากเช่นกัน”
“แล้วไม่ดีเหรอคะ เค้าผิดเหรอคะที่รักตัวเอง”
“ไม่ผิดหรอก ถ้ามันไม่มากเกินไปจนทำให้ใครต้องเสียใจ”
นิสาดึงตัวเองกลับมา เช็ดน้ำตา เรียกความเข้มแข็ง
ส่วนที่ห้องประชุม วิริยายังคงพูดเรื่อยๆ
“การที่เราจะมีอู่เครื่องบินเป็นของตัวเอง ไม่ใช่เรื่องเล็ก ชั้นว่ามาเก็ตติ้งต้องตีจุดนี้ให้ดัง สร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า สร้างเครดิตที่ดีให้กับสายการบินเรา แล้วเราจะชนะคู่แข่งทั้งหมด”
“ผมเห็นด้วยครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ลงมือได้เลยค่ะ ไม่ต้องรอให้เราเปิดอู่ คุณสร้างกระแสตอนนี้ได้เลย ชั้นจะดูแลเองว่าคู่แข่งจะงัดอะไรมาสู้เรา คุณเดินหน้า ชั้นระวังหลัง เกมนี้ เราชนะแน่”
พงศธรฟังผ่านๆ หู เหลือบตาดูนาฬิกาข้อมือพบว่าใกล้ 1 ทุ่มแล้ว
นิสามาถึงคลินิกก่อนนัดเล็กน้อย บรรยากาศรอบๆ ชวนหดหู่ ดูหม่นหมองมาก มีเจ้าหน้าที่รับหน้าอยู่
“คุณหมอติดเคส จะมาช้าหน่อยนะคะ รอก่อนนะคะ”
“ค่ะ”
นิสาไปนั่งรอ ระหว่างนี้เห็นหนุ่มวัยรุ่นเดินประคองสาววัยใสออกมาจากห้องด้านใน สภาพฝ่ายหญิงเพิ่งทำแท้งเสร็จมา
“แค่นี้ก็จบปัญหา เราจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กันนะ เค้าสัญญา”
“จ้ะ”
สองคนประคองกันออกไป นิสามองตาม แล้วนึกสะท้อนใจตัวเอง เศร้าขึ้นมาอีก
ทางฝ่ายวิริยามองหน้าพงศธร
“มีคำถามมั้ยคะ”
“ไม่มีนี่ครับ ทุกอย่างชัดเจน”
“แต่ชั้นมี”
พงศธรจ้องหน้ารอฟัง “ครับ”
“ในเมื่อคุณเคลียร์แล้ว พร้อมจะเป็นกัปตันให้ชั้นรึยังคะ”
พงศธรเงียบไป
นิสานั่งรอหมออยู่ สีหน้าว้าวุ่น ทั้งเครียดและเศร้า
วิริยาคาดคั้นพงศธร
“คุณจะได้เป็นแบรนด์ ไม่ใช่แค่โพรดัก....นี่คือข้อเสนอของชั้น”
พงศธรลุกลี้ลุกลนดูนาฬิกา
ด้านนิสานั่งรอหมอ นึกถึงคำหวานของพงศธร
“ผมแค่ยังไม่ได้พร้อม ไม่ได้แปลว่าผมไม่รักคุณ ไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากมีลูกกับคุณ ชีวิตผมกำลังจะเปลี่ยน มันกำลังจะดีขึ้น ทุกอย่างกำลังไปด้วยดี ผมยังมีภาระตอนนี้ไม่ได้”
นิสาน้ำตาหยดริน เหมือนคนยอมรับชะตากรรมแล้ว
วิริยาคาดคั้นหนัก หมายเอาคำตอบจากพงศธรที่นั่งนิ่งเป็นนานสองนาน
“ว่ายังไงคะ”
เลขาเข้ามาขัดจังหวะพอดี
“ขอโทษค่ะ คุณวิริยาคะ ท่านประธานเรียกพบค่ะ”
วิริยาพยักหน้ารับเอาคำ “โอเค”
“ค่ะ”
เลขาออกไป
“แล้วชั้นจะกลับมาฟังคำตอบของคุณ”
วิริยาลุกออกไป พงศธรเครียดหนัก ดีชั่วตีกันอย่างรุนแรงในกบาลยามนี้
นิสานั่งรอ ใจเสียจนร้องไห้ ต้องคอยเช็ดน้ำตาเป็นระยะ คำหวานของคนรักผุดขึ้นมาอีกครา
“สา การเป็นพ่อเป็นสามี เป็นเรื่องใหญ่มากนะ ผมยังไม่พร้อมจะทำหน้าที่นั้น ผมอยากทำชีวิตตัวเองให้สมบูรณ์แบบก่อน ถ้าถึงเวลา ผมจะเป็นทั้งสามีทั้งพ่อที่เพอร์เฟค ผมจะดูแลคุณและลูกได้เป็นอย่างดี มันแค่ไม่ใช่ในตอนนี้ เท่านั้นเอง เข้าใจผมนะ ได้โปรดเข้าใจผมด้วย”
ฟากกรเกียรติยังอยู่ที่ห้องทำงานในออฟฟิศรอยัลแอร์ไลน์ สีหน้าเครียดเข้ม หลังเรียกวิริยามาพบ สองพ่อลูกนั่งคุยกันอยู่
“อย่าล้ำเส้น วางตัวให้ถูก”
“ไม่ได้ล้ำเส้นค่ะ แต่เรากำลังจะเดินอยู่ภายในเส้นเดียวกัน” วิริยาย้อนอย่างอวดเก่งถือดี ตามนิสัย
เวลาเดียวกันนี้เจ้าหน้าที่คลินิก เดินออกมาตามนิสา
“คุณหมอมาถึงแล้วค่ะ เชิญค่ะ”
นิสาเดินตามเข้าไปด้านใน
ฝ่ายพงศธรนั่งคิดเครียด เอาไงดีกับเรื่องทำแท้ง
“สาเลือกชื่อๆ ไว้ให้ลูกแล้วนะคะ เลือกเผื่อไว้ทั้งชื่อผู้ชายผู้หญิง พวกชื่อมงคลก็ดูไว้นะคะ แต่ต้องขึ้นกับวันที่แกเกิดด้วย”
พงศธรเครียดจัด ดูนาฬิกา เปิดดูไลน์จากนิสาอีกครั้ง
“คืนนี้ทุ่มตรง ชั้นจะทำตามที่คุณต้องการ”
นิสาเปลี่ยนเสื้อผ้าในชุดคนไข้เสร็จแล้ว นอนรออยู่ที่เตียง
เมื่อวิริยากลับมาที่ห้องทำงาน เปิดเข้ามาไม่เจอพงศธรแล้ว
“ถ้านี่คือคำตอบของคุณ คุณตอบผิดแล้ว คุณพงศธร”
นิสานอนระทึกรออยู่บนเตียง เจ้าหน้าที่คอยแจ้งขั้นตอน
“จะให้ยาคลายเครียดนะคะ จะได้สบายใจขึ้น”
พงศธรขับรถมาเร็วราวกับจะบิน นิสาค่อยๆ หลับตาลง
พงศธรมาถึงหน้าคลินิก กระโจนลงรถ แล่นลิ่วเปิดประตูพรวดเข้ามาเจอเจ้าหน้าที่ถามอย่างร้อนใจ
“คุณนิสาล่ะครับ คุณนิสาอยู่ไหน”
หมอบอกกับนิสาว่า
“พร้อมนะคะ”
นิสาหลับตาพยักหน้ารับเอาคำ น้ำตาไหลรินเป็นสายที่หางตา
ทันใดนั้น พงศธรก็พรวดพราดเข้ามา
“นิสา”
นิสาลืมตาโพลง ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง
“คุณพงศ์” ไกด์สาวร้องไห้โฮด้วยความอัดอั้นตันทรวง
พงศธรโผเข้ากอดนิสาไว้แน่น พร่ำบอกด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจ
“ไม่ต้องแล้ว ไม่ต้องทำแบบนี้แล้ว ไม่ต้องทำแล้วนะ”
นิสาร้องไห้อย่างหนักหน่วง พงศธรกอดไว้แน่น
“ผมขอโทษ ผมขอโทษ ยกโทษให้ผมด้วย”
วิริยาหงุดหงิดงุ่นง่านที่พงศธรตัดสินใจหนีไปหานิสา ระหว่างนี้มีเสียงข้อความไลน์ดังขึ้นมา วิริยาหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดู เป็นภาพพงศธรประคองนิสาออกมาจากคลินิกวางแผนครอบครัวแห่งหนึ่ง วิริยาอึ้งไปเลย
“ยังไม่มีการทำแท้งเกิดขึ้นครับ”
วิริยาอ่านข้อความเจ็บจี๊ดที่ใจ
“แล้วคุณก็ไม่กล้า ฉันผิดหวังในตัวคุณจริงๆ”
วิริยามองภาพในมือถือซูมเข้าหน้านิสา โกรธจัดถึงกับโยนมือถือทิ้งลงตรงแฟ้มเอกสารรอเซ็น
สายตาวิริยาสะดุดกับสมุดเสนอเซ็น เป็นเอกสารการขออนุมัติเครดิตตั๋วเครื่องบินของแฮปปี้ โคเรีย วิริยาหยิบขึ้นมามองจ้องใช้ความคิด
กรเกียรติเปิดประตูเข้ามา เห็นวิริยานั่งอยู่ตามลำพัง
“กลับเถอะ”
เห็นวิริยานั่งนิ่ง ไม่สบตา กรเกียรติดูออกว่าลูกสาวมีปัญหา และไม่ใช่เรื่องงาน
“หมดเวลางานแล้ว เค้าไม่จำเป็นต้องกลับมา ถ้าไม่ใช่ เรื่องสำคัญ”
วิริยาฉุนกึก ปิดแฟ้มเอกสารของแฮปปี้โคเรีย ลง
“เรื่องของวิวไม่สำคัญพอ คุณพ่อกำลังจะพูดอย่างนั้นใช่มั้ยคะ”
“แล้วมันใช่เรื่องงานมั้ยล่ะ”
“ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ก็ต้องเป็นเรื่องงานสิคะ” วิริยาเฉไฉ
กรเกียรติจ้องหน้ารู้ทัน “ใช่ ถ้าเป็นเรื่องนั้นก็เป็นเรื่องงาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็อยู่ที่วิธีการพูด วิธีการวางตัว ว่าอยู่ในขอบเขตของการคุยเรื่องงานรึเปล่า”
วิริยาโกรธ “คุณพ่อกำลังดูถูกวิว”
“ที่นี่ต้องไม่มีวิว ที่นี่ต้องมีแต่ คุณวิริยา เท่านั้น”
วิริยาอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง จำใจเดินตามกรเกียรติออกไป
ฝ่ายศักดิ์ชายนั่งรถเข็นอ่านหนังสือพิมพ์บนตัก รอนิสาอยู่ในบ้าน สักครู่หนึ่งรถพงศธรแล่นเข้ามาจอด หน้าบ้าน เห็นพงศธรประคองนิสาลงจากรถเข้าบ้านมา นิสาเห็นพ่อก็หน้าเสียรู้สึกผิด แต่พยายามฝืนยิ้มกลบ
พงศธรซะอีกยิ้มแย้มกับศักดิ์ชายมากเกินปกติ
“พามาส่งแล้วครับ”
ศักดิ์ชายจ้องหน้า ถามเสียงเรียบ “กลับช้าอย่างนี้ ไปไหนกันมาล่ะ”
นิสาอึกอัก “เอ่อ...”
พงศธรรีบพูดขึ้น
“ผมพานิสาไปทานอาหารญี่ปุ่นน่ะครับ เห็นบ่นอยากทานมาหลายวันแล้ว” เขาหันไปยิ้มถามกับนิสาว่า “อร่อยมั้ยครับ”
นิสายิ้มๆ คิดไม่ถึงว่าพงศธรจะเนียนขนาดนี้ ศักดิ์ชายสังเกตสีหน้าเศร้าๆ ของลูกสาว พอรู้อะไรเป็นอะไร และลูกต้องมีเรื่องไม่สบายใจมาก
“ไม่อร่อยรึไง ถึงได้เศร้าขนาดนี้”
นิสาสะดุ้งยิ้มกลบ
“อร่อยสิคะ เอ่อ...” เธอหันมาบอกพงศธร “พรุ่งนี้ไม่ต้องมารับนะคะ นิสาลางาน”
นิสารีบเดินขึ้นห้องไป พงศธรมองตาม
ศักดิ์ชายถามขึ้น “ทะเลาะกันเรื่องอะไร”
“เปล่านี่ครับ ไม่ได้ทะเลาะกันครับ”
“ผมรู้จักลูกสาวผมดี ลองทำหน้าแบบนี้แสดงว่าต้องมีเรื่องแน่”
“คือ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอกครับ นิสาก็แค่งอนผมนิดหน่อย เถียงกันบ้างตามประสาคนรักกันน่ะครับ ไม่ซีเรียสอะไร”
ศักดิ์ชายมองหน้าคนรักลูก “คุณไม่ซีเรียส แต่ลูกผมซีเรียส”
“เดี๋ยวผมค่อยโทร.มาง้อก็ได้ครับ”
“คุณเห็นมันเป็นเรื่องเล็กน้อยงั้นเหรอ” ศักดิ์ชายถามเสียงเข้มขึ้น “ความรู้สึกของลูกผมเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคุณอย่างนั้นเหรอ”
พงศธรอึ้งไป
“ผมบอกคุณแล้วไงว่าน้ำตาสักหยดก็อย่าให้ผมต้องเห็น คุณลืมสัญญาไปแล้วรึไง”
“ผมไม่ลืมหรอกครับ ผมยืนยันที่จะทำตามสัญญานั้น และผมก็เพิ่งทำลงไป”
สีหน้าศักดิ์ชายเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงใจ “ไหนคุณว่าไม่ได้ทะเลาะกัน”
“ผู้หญิงไม่ได้ร้องไห้เพราะแค่ทะเลาะกับแฟนหรอกครับ น้ำตามีที่มาหลายทาง แต่ไม่ว่าจะมาจากทางไหน ผมก็พร้อมจะหยุดมันให้กับเธอ ผมจะหยุดน้ำตาทุกหยดของนิสา ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นเพราะใคร หรือเพราะสิ่งใด”
“พูดได้ดีนี่ จำคำพูดของคุณให้ได้ก็แล้วกัน” ศักดิ์ชายไม่วางใจนักเน้นคำว่า “ผมไม่อยากให้ลูกต้องเสียใจเพราะแค่คุณเปลี่ยนใจ”
พร้อมกับว่ากรเกียรติส่งหนังสือพิมพ์ที่อ่านค้างไว้ให้ พงศธรรับไปดูเป็นข่าวหน้าเซเลบไฮโซไซตี้ ภาพพงศธรกับวิริยานั่งเคียงคู่กันในบาร์ พร้อมพาดหัวชวนคิดเตลิดว่า
“เปิดตัวคู่เดททายาทสายการบิน หวานใส่แวดวงเซเลบริตี้”
พงศธรอึ้งไปอีก
“ถ้าเค้ารู้ว่าคุณมีนิสาแล้ว คงจะไม่ชอบใจนัก”
พงศธรได้แต่เงียบ
“ผมเองก็ไม่ชอบพูดเรื่องของใคร ถ้ามันไม่จำเป็น”
พงศธรนิ่งงันไปนาน
นิสาอาบน้ำเสร็จเตรียมเข้านอน เปิดวิดีโอคอลคุยกับมัทรี
“โอเคมั้ยอ่ะแก ไหวปะ ชั้นไปนอนเป็นเพื่อนมั้ย ไปได้นะ”
“ไม่เป็นไร อย่าลำบากเลย”
“ไม่ลำบาก ไปได้ เอาปะล่ะ”
“อย่าเลย ชั้นอยากอยู่คนเดียวมากกว่า อยากร้องไห้เงียบๆ มากกว่า”
“เฮ่ย ได้ไงล่ะแก เป็นเพื่อนกันนะ อยากดราม่าก็ต้องมีเพื่อนดราม่าปะวะ”
“ชั้นอยากอยู่คนเดียวจริงๆ ไม่อยากให้พ่อสงสัยด้วยอ่ะ”
“เออๆ ตามใจ แต่ถ้าไม่ไหวก็โทร.มานะ อย่าทน”
“ขอบใจนะ”
“แล้วมันกลับไปเลยเหรอ”
“อื้อ กลับไปแล้ว”
“ใจจะดำไปไหนอ่ะ แทนที่จะอยู่เป็นเพื่อนกันก่อน แกกำลังจะทำแท้งนะเว้ย ไม่ได้ทำหมัน จะอยู่เคลียร์กันก่อนไม่ได้รึไง” น้ำเสียงมัทรีแค้นมากเกลียดพงศธรมาก
“ไม่มีอะไรต้องเคลียร์แล้วล่ะ เค้าขอโทษชั้นแล้ว”
“แค่ขอโทษพอที่ไหนอ่ะ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เอาดอกไม้ธูปเทียนมากราบ ขอขมายังไม่พอเลย ผู้ชายอะไร ไม่แมนเลยอ่ะ ทำแฟนท้องแล้วบอกให้ ไปทำแท้ง โห... เอาอะไรคิด”
“แต่เค้าก็บอกเหตุผลของเค้านะ...”
“แล้วแกก็เชื่อเค้า บีลีฟอินยู บิลีฟอินเลิฟ อะไรงิ แหวะะ! อย่าไปฟังมัน มันก็แค่ผู้ชายเลวๆ ที่ไม่อยากรับผิดชอบแล้วเอาเรื่องงานมาอ้าง ฟังยังไงก็ไม่ขึ้น ถ้าไม่โง่อ่ะนะ”
“ชั้นอาจจะโง่ก็ได้”
“สมัครใจ อย่างนี่เค้าเรียกสมัครใจโง่ รู้ก็รู้ว่ามันอ้าง ยังจะโง่ไปเชื่อมันอีก แต่ก็อย่างว่า มาดมันดี ดูดี เริ่ด น่าเชื่อถือ ใครจะดูออกว่าจริงแล้วมันเลว”
“อย่าว่าเค้าอีกเลย ชั้นไม่อยากได้ยิน”
มัทรีขึ้นเลย “เอ้านังเน่”
“พอเถอะ ชั้นไม่อยากฟังจริงๆ”
“แต่แกต้องฟัง ฟังให้ดีนะนิสา แกเป็นเพื่อนชั้น เพื่อนรักเลยนะ ไม่มีทางที่ชั้นจะคิดร้าย หวังร้าย อยากทำร้ายแกเด็ดขาด สิ่งที่ชั้นพูด ชั้นนำเหนอความคิดเห็น ไม่ใช่สิ่งที่จะทำร้ายแกเลย มีแต่จะช่วยแกเท่านั้น อย่างน้อยก็ช่วยให้แกตาสว่าง เห็นตัวจริงมันแล้วเลิกโทษตัวเองซะที เลิกเชื่อซะทีว่าแกกับลูกในท้องเป็นอุปสรรคแห่งความสำเร็จในชีวิตของมัน ลืมตาได้แล้วนิสา เลิกปิดตาตัวเองซะที มันไม่มีประโยชน์”
เจอชุดใหญ่ไฟกะพริบส่งท้ายเข้าไป นิสากดปุ่มปิดการโทร. ร้องไห้โฮ
“ชั้นไม่อยากฟัง ยังไงก็ไม่อยากฟัง”
ที่หน้าห้อง เห็นศักดิ์ชายมายืนฟังอยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ หน้าเครียดยิ่งขึ้น
วิริยาเข้ามาในห้องโถงรับแขก เห็นกรุณนั่งอยู่กับเปรมจิต กรุณยิ้มทัก
เปรมจิตยิ้มแย้มกุลีกุจอ “เอานั่นไง น้องมาแล้ว วิว นี่พี่กรุณไงจ๊ะลูก”
“ค่ะ”
“แม่เชิญพี่กรุณมาทานข้าวเย็น แต่วิวกลับมาซะดึกเลยทานกับแม่ไปซะแล้ว” เปรมจิตขอตัวกับกรุณ “เดี๋ยวป้าหาอะไรมาให้ดื่มกันนะ”
“ขอบคุณครับ”
“วิวนั่งคุยกับพี่กรุณไปก่อนนะ แม่ไปดูอะไรมาให้ดื่ม” เปรมจิตบอกลูกสาวแล้วยิ้มให้กรุณ “มีอะไรจะแนะนำน้องก็ตามสบายเลยนะจ้ะ น้องเพิ่งเรียนจบ ยังไม่มีประสบการณ์เรื่องงานเลย ฝากด้วยแล้วกันนะ”
“ยินดีครับ”
เปรมจิตออกไปแล้ว วิริยาลงนั่ง สีหน้าเบื่อๆ บรรยากาศดูอึดอัดพิกล กรุณชวนคุย
“น้องวิวเรียนจบบริหารมาใช้มั้ยครับ”
“ค่ะ”
“คงกลับมาช่วยคุณพ่อบริหารสายการบินสินะ”
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละค่ะ”
“สนใจเรื่องไหนเป็นพิเศษรึเปล่าครับ”
“เรื่อยๆ ค่ะ แล้วพี่กรุณล่ะคะ เบียร์ไทยยังมีคนดื่มอยู่อีกเหรอ เห็นเบียร์อิมพอร์ตออกมาเต็มตลาดไปหมด”
“ก็แค่มาแชร์ตลาดบนไปบ้างน่ะครับ แต่ไม่สะเทือนถึงเรา”
“พี่กรุณเน้นตลาดล่างเหรอคะ” วิริยายิ้มเหยียดนิดๆ “ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าจะมีคนรุ่นใหม่มองต่ำๆอยู่อีก”
“พี่ไม่คิดว่าต่ำหรือสูงหรอกครับ พี่ขายตลาดกว้างมากกว่า ตลาดนี้ฐานใหญ่สุดน่ะครับ”
วิริยาพูดเป็นนัย “วิวคงไม่ได้อยู่ในตลาดของพี่กรุณ วิวดื่มแต่ไวน์กับแชมเปญ ไม่คิดจะดื่มเบียร์ และคงไม่มีวันดื่ม”
วิริยาประหัตประหารกรุณด้วยน้ำคำแล้วยิ้มแถมให้สวยๆ
“ขอตัวก่อนนะคะ”
วิริยาลุกหนีขึ้นบ้านไปเลย กรุณโกรธจัดมองตามไป อย่างเสียหน้า
“หยิ่งให้ตลอดเถอะ จะคอยดู”
เปรมจิตยกแก้วเบียร์ออกมา เหลียวหาลูก
“ลองเบียร์เบลเยี่ยมดูมั้ย อ้าว ยายวิวล่ะ”
“น้องวิวบอกว่าไม่ดื่มเบียร์ครับ”
เปรมจิตงงเด้ “เอ้า...”
“ผมขอตัวเลยแล้วกันนะครับ ของไม่ถูกปาก ผมก็กินไม่ลง”
กรุณยกมือไหว้แล้วหุนหันออกไปเลย เปรมจิตมองตาม งงและมึน มากๆ ด้วย
“กรุณเดี๋ยวก่อนลูก เอ้า ยังไงเนี่ย ไปกันหมดเลย เอ๊ะ เมื่อกี้เหมือนโดนด่า ตกลงด่าใคร”
วิริยาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ มีเสียงทุบประตูโครมๆๆ วิริยากลอกตาก่อนเดินไปเปิดให้มารดา
“แกทำอะไรลงไป บอกแม่มาเดี๋ยวนี้นะ ว่าแกทำบ้าอะไรกับพี่กรุณ”
“วิวก็คุยกับเขาไงคะ”
“คุยประสาอะไร เขาถึงหนีกลับแถมด่าทิ้งไว้อีก ฮะ แกคุยบ้าอะไรกับเค้า แกไปทำให้เค้าโกรธใช่มั้ย โง่ที่สุด อุตส่าห์นัดคนดีๆ ทายาทพันล้านใส่พานมาให้ ยังจะมาทำเรื่องอีก”
“คุณแม่คะ เลิกคิดเรื่องจับคู่วิวเถอะค่ะ วิวไม่ชอบ”
“ฉันจับคู่แกกับผู้ชายที่เหมาะสม ทำไมไม่ชอบ หรือชอบแต่ของสั่วๆ อย่างไอ้พงศกรนั่น”
วิริยาเดินมานั่งที่เก้าอี้รับแขกที่มีแก้วเหล้าฝรั่งรินไว้อยู่แล้ว
“เค้าเพิ่งจะไม่เลือกวิวเองนะคะ”
เปรมจิตประหลาดใจมากกว่าตกใจ “แกว่าอะไรนะ”
วิริยาเน้นทุกคำช้าๆ “เค้า ไม่ เลือก วิว ค่ะ”
จากนั้นวิริยาก็ดื่มเอาๆ จนเปรมจิตสุดทน ดึงแก้วออกมาจากปากลูก
“หยุดบ้าได้แล้ว เหล้ามันไม่ได้ช่วยอะไรได้หรอกนะ”
“แล้วอะไรล่ะค่ะที่จะช่วยวิวได้ คุณแม่ก็ไม่ใช่ คุณพ่อก็เอาแต่ย่ำยีวิว ไหนล่ะคะ ใคร อะไร ที่จะช่วยวิวได้”
“มันไม่เลือกแกก็ดีแล้ว มันจะไปเลือกผู้หญิงหน้าโง่ที่ไหนก็เลือกของมันสิ จะไปแคร์มันทำไม”
“แต่วิวแคร์ ขอโทษนะคะที่วิวแคร์”
“แกแคร์เพราะแกมันโง่”
“วิวโง่มากด้วยค่ะ”
เปรมจิตทนไม่ไหวตบหน้าวิวหนึ่งฉาดดึงสติลูกสาว
“หยุดโง่ได้แล้ว อยู่กับความจริงได้แล้ว มันก็แค่ไอ้กระจอกคนหนึ่งที่หวังจะจับแก ไม่มีอะไรคู่ควร ไม่มีความเท่าเทียม แกจะลดตัวไปคว้าผู้ชายแบบนั้นไม่ได้ เข้าใจมั้ยว่าแกทำไม่ได้”
“แต่วิวจะทำ”
เปรมจิตแทบเต้น “ไม่รักดี”
วิริยาระบดระบายชุดใหญ่ไฟกะพริบ “วิวอาจจะไม่ได้แค่เอาชนะ เป็นแม่วิว เลี้ยงวิวมา รู้จักวิวดีทุกอย่าง แต่ทำไมไม่ถามวิวบ้างว่าวิวคิดยังไงกับเค้า ทำไมไม่สนใจหัวใจวิวบ้างว่ามันคิดอะไร รู้สึกอะไรกันแน่ ทำไมเอาแต่ห้าม เอาแต่คิดจะหยุดวิว”
“ก็เพราะฉันเป็นแม่แกน่ะสิ ชั้นถึงทำแบบนี้”
“วิวไม่เข้าใจ”
“คนอย่างแกมันก็แค่แพ้ไม่เป็น เสียหน้าไม่ได้ ที่แกทำอยู่ทุกวันนี้ก็แค่ต้องการเอาชนะคนรักของมัน ต้องการพิสูจน์ให้มันเห็นว่าแกดีกว่า มีค่ากว่า มันก็แค่นั้น”
วิริยาอึ้ง มารดาวิเคราะห์หล่อนได้อย่างถ่องแท้
“หรือชั้นพูดอะไรผิด”
“คุณแม่พูดไม่ผิดหรอกค่ะ แค่ไม่ได้พูดบางอย่าง”
เปรมจิตงง “อะไร ชั้นไมได้พูดอะไร”
“วิวรักเค้าค่ะ นั่นแหละค่ะ ที่คุณแม่ไม่ได้พูด”
เปรมจิตเป็นฝ่ายอึ้ง
ออกจากห้องลูกสาวเปรมจิตเปิดประตูผลัวะเข้ามาในห้องทำงานสามีโดยไม่เคาะเรียก กรเกียรติเงยหน้าขึ้นจากจอคอมพ์ หันมามอง
“คุณต้องช่วยชั้นแล้วล่ะค่ะ”
เช้าวันต่อมา วิริยานั่งที่โต๊ะทำงาน สไลด์ดูภาพจากไลน์ในมือถือ เป็นภาพพงศธรประคองนิสาเดินออกจากคลินิก หลายๆ ภาพ
“คุณจะได้เห็นว่ารัก กับ สงสาร มันต่างกัน”
วิริยาขยายซูมใบหน้าพงศธรชัดๆ เต็มจอ
ก่อนจะวางมือถือลงหยิบแฟ้มเอกสารของแฮปปี้โคเรียขึ้นมา แล้วกดโทรศัพท์หาเลขา
“แจ้งระงับเครดิตเทอมตั๋วเครื่องบินของ แฮปปี้โคเรีย ทุกเส้นทางอย่างไม่มีกำหนด”
“รับทราบค่ะ”
วิริยาวางสายลง ยิ้มร้ายจนเต็มสีหน้า แลดูน่ากลัวสุดจะประมาณ
อ่านต่อตอนที่ 12