xs
xsm
sm
md
lg

เชลยศึก ตอนที่ 22 จบบริบูรณ์

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชลยศึก ตอนที่ 22 จบบริบูรณ์

ท้องฟ้าวันใหม่ในอีกหลายวันต่อมา มะเมียะพามะขามมาพบกล้า เล่าความคืบหน้าทั้งหมดให้ฟัง กล้าออกอาการตกใจ

“แล้วท่านเจอเมียตรึยัง
“ท่านมะเมียะสังหรณ์ใจว่าเมียตตายแล้ว” มะขามว่า
กล้าตกใจ หันมองมะเมียะ มะเมียะพยักหน้ารับ
“คนอย่างพี่ทกยอทำได้ทุกอย่าง และในเมื่อเมียตคือคนที่กำความลับทั้งหมดไว้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่พี่ทกยอจะสั่งฆ่าเมียต”
“และหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ไม่เหลือใครอีกแล้วที่จะช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ของท่านมังจาเล”
“ท่านไงมะเมียะ ท่านเป็นอีกคนที่รู้ความจริง”
มะเมียะส่ายหน้า “บัดนี้เสด็จพ่อของข้าไม่เชื่อคำข้าอีกแล้ว”
“โธ่ แล้วใครจะช่วยท่านมังจาเลได้” กล้าครวญ
มะขามกับมะเมียะไม่มีคำตอบ เครียดพอกัน

เวลาเดียวกัน ทกยอเรียกอองซอมาพบ อองซอทวนคำสั่ง
“ท่านจะให้ข้าฆ่าท่านมังจาเลงั้นรึ”
“ใช่ เจ้าเป็นคนเดียวที่มีฝีมือทัดเทียมกับมังจาเล และที่สำคัญ นี่คือเวลาที่เหมาะที่สุด ถ้ามังจาเลตายในคุก ก็ไม่มีใครสงสัย”
อองซอพยักหน้ารับ ทกยอตบไหล่ให้กำลังใจอองซอ
“ข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า อองซอ”

ในขณะที่มะเมียะกับมะขามเดินเครียดออกมาจากด้านใน ต้องชะงักตกใจเมื่อเจออาละแมกับทหาร 2 คนยืนรออยู่ก่อนแล้ว มะเมียะไม่อยากเสวนาดึงมะขามเดินเลี่ยงไปอีกทาง อาละแมไม่ตาม แค่พูดตามหลังไปว่า
“เมียตต้องการพบเจ้า”
มะเมียะเหลียวขวับไปหา ด้วยสีหน้าตกใจ
“เมียต เมียตอยู่ไหน”
“ตามข้ามา ข้าจะพาเข้าไปพบเมียต”
อาละแมเดินนำออกไป มะเมียะหันมามองมะขามเชิงหารือ แล้วพยักหน้าตกลงเดินตามไปด้วยกัน แต่ทหารขวางมะขามไว้ไม่ให้ตามไปด้วย
“เจ้าไม่ต้องห่วงข้า ข้าไปคนเดียวได้”
มะเมียะบอกแล้วเดินตามอาละแมไป มะขามไม่วางใจจะวิ่งตามไปส่ง แต่โดนทหารรวบตัวไว้
มะขามขัดขืนสะบัดหลุด แล้วตั้งกร์าดมวยเตรียมลุย ด้วยท่าทางทะมัดทะแมงมาก ทหารเห็นมะขามตั้งการ์ดต่างพากันหัวเราะเยาะ
บริเวณหน้าผาจุดเดียวกับที่เมียตตกหน้าผาไป อาละแมเดินนำมะเมียะมาหยุดตรงนั้น มะเมียะมองหาเมียตแต่ไม่มีวี่แวว
“เมียตอยู่ไหน”
อาละแมยิ้มแสยะแทนคำตอบ มะเมียะเริ่มไม่วางใจในสถานการณ์

ในเวลาเดียวกันนี้ มังจาเลอยู่ในคุกมีโซ่ล่าม ทหารเปิดประตูให้อองซอแล้วเดินแยกไป ทิ้งอองซอไว้กับมังจาเล
“อองซอ”
อองซอไม่ทักตอบยืนจ้องมังจาเลแน่วนิ่ง จนมังจาเลเริ่มไม่วางใจ
“อองซอ เจ้าคิดจะทำอะไร”
อองซอนิ่งไม่ตอบ เอาแต่จ้องหน้ามังจาเลอยู่อย่างนั้น มังจาเลก้มมองโซ่ที่ล่ามข้อเท้าตัวเอง ประเมินแล้ว รู้ตัวว่าตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจึงเริ่มเจรจาหว่านล้อมอองซอ
“ฟังข้าก่อนอองซอ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนของทกยอ เจ้ารู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นแต่ในฐานะที่เจ้าเป็นชาวอังวะ เลือดอังวะในตัวเจ้าเข้มข้นนัก แล้วเจ้าจะยอมให้ทกยอทำกับเมืองอังวะของเจ้าเช่นนี้งั้นรึ”
อองซอไม่พูด ตรงเข้าไปปลดโซ่ที่ล่ามมังจาเลออก มังจาเลเริ่มระวังตัว
ทันทีที่โซ่หลุดจากข้อมือมังจาเล อองซอก็ลุยใส่มังจาเลทันที แต่มังจาเลไม่สู้ไม่ตอบโต้ใดๆ


ส่วนเหตุการณ์ที่หน้าผา มะเมียะตะคอกถามอาละแม
“เมียตอยู่ไหน”
อาละแมไม่ตอบฉวยทีเผลอผลักมะเมียะตกหน้าผาไป มะเมียะไม่ทันตั้งตัว แต่โชคดี สองมือยังเกาะขอบหน้าผาไว้ได้เฉียดฉิว
อาละแมยกเท้าเหยียบมือมะเมียะ บดขยี้ให้ปล่อยมือ มะเมียะร้องเจ็บปางตายแต่ไม่ยอมปล่อย
ทันใดนั้นเองก็มีมือใครคนหนึ่งมากระชากตัวอาละแมผลักออกไปเป็นมะขามนั่นเอง
มะเมียะดีใจ “มะขาม”
ก่อนหน้านี้ทหารอังวะพากันหัวเราะเยาะมะขาม เจอมะขามจัดการเตะก้านคอทหารคนหนึ่งแล้วหมุนตัวตีศอกใส่ทหารอีกคน แค่นั้น ทหาร 2 คนก็ร่วงลงไปกองกับพื้น
มะขามเข้าไปช่วยดึงมือมะเมียะขึ้นมา อาละแมขัดขวางกระชากมะขามออกไป มะขามโชว์ลีลาหมัดมวย ตีศอกใส่อาละแม แต่อาละแมหลบทัน แถมหาโอกาสสวนกลับถีบมะขามล้มไปอีกทาง
การต่อสู้ของมะขามกับอาละแมเริ่มต้นขึ้น โดยที่มะเมียะยังเกาะขอบหน้าผาตัวห้อยต่องแต่งน่าหวาดเสียว

ฝ่ายอองซอเล่นงานมังจาเลอย่างหนักหน่วง แต่มังจาเลก็ยังคงนิ่ง ไม่ตอบโต้ใดๆ จนอองซอทนไม่ไหว หยุด
“ท่านมังจาเล ทำไมท่านตอบโต้ข้า”
“ณ เพลานี้ เมืองอังวะต้องการคนอย่างเจ้า ความสามารถของเจ้าสามารถช่วยให้เมืองอังวะกลับมาสงบสุขเหมือนเช่นเดิมได้ ข้าต้องการคนมีฝีมืออย่างเจ้ามาช่วยข้า”
อองซอไม่ใจอ่อน เล่นงานมังจาเลต่อ หนักหน่วงขึ้นอีก แต่มังจาเลก็ยังนิ่งไม่ตอบโต้ใดๆ

ทางด้านมะขามกับอาละแมโชว์ลีลาการต่อสู้อย่างเชี่ยวชาญและสวยงาม ดุเดือด สูสี ไม่มีใครยอมใคร ผลัดกันได้เปรียบ เสียเปรียบ มะเมียะที่เกาะหน้าผาดูการต่อสู้ของมะขามกับอาละแมตรงหน้า เป็นห่วงมะขาม อาละแมพลาดเสียท่ามะขาม โดนมะขามเล่นงานจนล้ม มะขามจะซ้ำ อะลแมพลิกหมุนตัวแล้วคว้ามีดสั้นที่ติดตัวสู้กับมะขาม มะขามลุยต่อด้วยมือเปล่า พลาด โดนอาละแมฟันที่แขนเลือดไหล
มะเมียะเริ่มอ่อนล้า มือซ้ายหลุดจากขอบหน้าผา เหลือเพียงมือขวาข้างเดียวที่เกาะไว้
มะขามฮึด ลุยต่อ เอาคืนมะเมียะ จนกระทั่งได้เปรียบ ล็อคตัวบิดข้อมืออาละแมให้ปล่อยมีด อาละแมฝืนไม่ไหว ปล่อยมีดหลุดมือ ร่วงลงพื้น
มะเมียะหมดแรง มือขวาที่เกาะขอบหน้าผากำลังจะร่วง วินาทีนั้นเอง มะขามก็วิ่งมาคว้ามือของมะเมียะไว้ทัน ฉิวเฉียด
มะขามออกแรงช่วยดึงตัวมะเมียะขึ้นจากหน้าผาแล้วพากันวิ่งหนีออกไป อาละแมนอนน่วมอยู่บนพื้น จะตามแต่ลุกไม่ไหว เจ็บใจแค้นใจสุดจะประมาณ


อีกฟาก อองซอถีบมังจาเลกระเด็นไปมุมหนึ่ง มังจาเลไม่ลุกไม่หนี อองซอหงุดหงิดที่มังจาเลไม่ตอบโต้ เดินตรงไปขึ้นคร่อมตัวมังจาเล ควักมีดพกขึ้นจะแทงที่อก มังจาเลนิ่งวัดใจอองซอ
“กลับตัวกลับใจ แล้วมาร่วมมือกับข้าเพื่อหยุดทกยอ ก่อนที่ทกยอจะทำลายเมืองอังวะ ก่อนที่เมืองอังวะของเจ้าจะ...”
มังจาเลพูดได้แค่นั้น อองซอก็เงื้อมีดสุดมือแล้วปักลงที่ตัวมังจาเลสุดแรงเกิด

ไม่นานต่อมาอองซอเดินหน้าขรึมออกมาจากคุก เจอทกยอยืนยิ้มรออยู่
“อองซอ เจ้า...”
“ข้าทำในสิ่งที่ท่านต้องการแล้ว”
ทกยอยิ้มย่อง “เจ้าไม่เคยทำข้าปิดหวัง ครั้งนี้ข้าพร้อมจะตบรางวัลเจ้าอย่างงาม”
“ข้าไม่ต้องการรางวัล”
“แล้วเจ้าต้องการอะไร ข้ายินดีจะทำตามที่เจ้าขอทุกอย่าง”
“ข้าต้องการเป็นสุดยอดฝีมือแห่งเมืองอังวะ”
ทกยองงว่าอองซอหมายถึงอะไร

ทะยอเดินยิ้มสาสะใจกลับเข้ามา เจออาละแมนั่งคุมแค้นเจ็บใจอยู่ก่อนแล้ว
“อาละแม เจ้า...”
“ข้าพลาด ข้าจัดการมะเมียะไม่ได้”
“ทำไม”
“มีคนมาช่วยมะเมียะ ไม่รู้ว่ามันคือใคร ฝีมือมันเก่งกาจเกินสาวชาวอังวะ มันต้องไม่ใช่ชาวอังวะแน่นอน”
“อืม..เอาเถอะ” ทกยอยิ้มกริ่ม “ลำพังมะเมียะจะทำอะไรได้ ในมื่อสิ้นมังจาเลไปแล้ว”
อาละแมตกใจ “มังจาเลสิ้นแล้ว”
“ใช่ สิ้นด้วยน้ำมือของอองซอ และข้ากำลังจะตอบแทนอองซอด้วยสิ่งที่อองซอขอจากข้า”
มะเมียะนิ่งคิด นึกเอะใจ
“มีอะไรรึ”
“เปล่าๆ แล้วอองซอต้องการอะไรรึ”

ท้องฟ้าวันใหม่แสนสดใสเหนือกรุงอังวะ ทกยอบอกกับอาละแมเดินคุยกันมาที่ลานประตูผี
“อองซอขอให้จัดงานประลองครั้งยิ่งใหญ่ที่ลานประตูผี อองซอต้องการประลองฝีมือกับเชลยทุกคน เพื่อที่อองซอจะได้เป็นสุดยอกฝีมือแห่งชาวอังวะต่อหน้าชาวอังวะ”
ชาวอังวะเริ่มทยอยเดินมุ่งหน้าเข้าสู่ลานประตูผี

เวลาเดียวกัน ทกยอแต่งตัว สีหน้ายิ้มแย้ม อารมณ์ดี
“วันนี้แล้วสินะที่ท่านจะได้ขึ้นครองราชย์”
ทกยอหันมามองเจออาละแมยืนยิ้มอยู่อีกมุม
“เจ้าหมายความเช่นไร”
“ไม่เหลือใครอีกแล้วที่จะขัดขวางท่าน ทุกอย่างพร้อมแล้วที่ท่านจะได้ครองเมืองอังวะ”
“แต่เสด็จพ่อยังอยู่”
อาละแมเดินยิ้มมาหาทกยอ ยื่นมีดพกเล่มหนึ่งให้ ทกยอมองฉงน
“หากเสด็จพ่อสิ้นด้วยมีดเล่มนี้ ท่านก็สามารถได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากเสด็จพ่อได้ทันที”
ทกยอตกใจคาดไม่ถึง “อาละแม นี่เจ้าจะให้ข้า...”
“ในเมื่อสิ้นมังจาเลแล้ว หากท่านได้ขึ้นครองราชย์ เป็นกษัตริย์แห่งเมืองอังวะ ไม่ว่าท่านจะทำสิ่งใด ก็ไม่มีใครสามารถตำหนิ หรือเอาผิดท่านได้มิใช่หรือ”
ทกยอคิดตาม ก่อนจะรับมีดจากอาละแม มองมีด พยักหน้ายิ้มกริ่ม

เวลาเดียวกัน องค์มังระยืนมองตัวเองในบานกระจกเงา คิดถึงเหตุการณ์คืนนั้น
คืนที่พระองค์ลุกจากที่นอนมาเปิดประตูห้อง แล้วต้องผงะตะลึงตะไลกับสิ่งที่เห็น
เสียงทกยอดังขึ้น “ได้เวลาแล้วครับเสด็จพ่อ”
องค์มังระหันไปมอง เจอทกยอกับอาละแมยืนยิ้มอยู่ที่ประตู

สนามยังว่างเปล่า องค์มังระ ทกยอ และอาละแมประจำที่บริเวณแท่นประทับ บนอัฒจัทร์อัดแน่นไปด้วยชาวอังวะเต็มสนาม มะเมียะกับมะขามแทรกตัวอยู่ในกล่มชาวอังวะ กล้า นิล และเชลยถูกนำตัวมายืนรวมกันที่มุมๆ หนึ่ง รอการต่อสู้
เสียงตีฆ้องดังขึ้น ทุกคนเงียบสนิท กรรมการทหารอังวะเดินออกมายืนกลางสนาม
“บัดนี้ได้เวลาแล้วสำหรับการประลองครั้งสำคัญ เพื่อค้นหาสุดยอดฝีมือแห่งเมืองอังวะ”
ชาวอังวะเฮลั่น
“การประลองในครั้งนี้จะใช้วิธีแบ่งสายการต่อสู้ ให้เหลือเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น และคนสุดท้ายที่เหลือจะได้รับการยกย่องให้เป็นสุดยอดฝีมือแห่งเมืองอังวะ และมีสิทธิ์ขออะไรก็ได้ 1 อย่างจากเหนือหัวมังระ”
ชาวอังวะเฮลั่น โห่ร้องกันอย่างฮึกเหิม
“และถือเป็นการเกียรติกับการประลองสำคัญครั้งนี้ ท่านอองซอ นายทหารอารักขาประจำตัวของท่านทกยอ จะเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ด้วย”
อองซอเดินออกมายืนขรึมกลางลานประลอง ทุกคนโห่ร้องยินดีตบมือรับกันสนั่นหวั่นไหวไม่หยุดหย่อน

(เป็นฉากการต่อสู้ในรอบแรก สู้กันทีละคู่)
ใช้วิธีซ้อนภาพการต่อสู้เข้มข้นของผู้ร่วมประลอง - เชลยกับเชลย / นิลกับเชลย / กล้ากับเชลย / อองซอกับเชลย
ตัดสลับกับภาพชาวอังวะตะโกนเชียร์ โห่ร้องกันสนุกสนานเต็มที่
มะขามกับมะเมียะเชียร์กล้ากับนิล
องค์มังระนั่งนิ่งเหมือนมีเรื่องอึดอัดในใจ ขณะที่ทกยอกับอาละแมหันมองกันยิ้มกริ่ม
จนในที่สุด นิล กล้า และอองซอสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างไม่ยากเย็น


ในสนามลานประลองเหลือแค่ 4 คนยืนโดดเด่นอยู่กลางสนาม นั่นคือ กล้า นิล อองซอ และเชลยอีกคน
กรรมการประกาศก้อง “บัดนี้การประลองเหลือเพียงแค่ 4 คนเท่านั้น และทั้ง 4 คนนี้ จะจับคู่กันต่อสู้ให้เหลือเพียง 2 และเข้ารอบกันไปต่อสู้กันอีกครั้ง เพื่อค้นหาคนสุดยอดฝีมือแห่งอังวะ”
ชาวอังวะเฮลั่น
จู่ๆ อองซอหักคอเชลยคนที่ยืนข้างๆ ตายคาที่ ทุกคนชะงักตกใจ
“ฝีมือเช่นเจ้าไม่คู่ควรกับการประลองครั้งนี้”
ทุกคนอื้ออึงกับการกระทำของอองซอ
กรรมการเง็ง “ท่านอองซอ ถ้าเหลือเพียงสามคน แล้วจะประลองกันเยี่ยงไร”
“ข้าเตรียมผู้ที่เหมาะสมอีกคนไว้แล้ว”
ทุกคนในสนามงง อองซอหันมองไปที่ด้านหนึ่ง ทุกคนชะเง้อมองตาม จนเห็นมังจาเลโดนทหารคุมตัวออกมา
ภาพในคุกมังจาเลก่อนหน้านี้ อองซอขึ้นคร่อมตัวมังจาเล เงื้อมีดปักมังจาเล แต่ไม่ได้ปักที่อกมังจาเล อองซอปักมีดที่พื้นข้างๆ ตัวมังจาเล
ทุกคนตกใจ ฮือฮากันใหญ่ "ท่านมังจาเล ๆ ๆ"
ทกยอกับอาละแมหันมองกันแบบไม่เชื่อสายตา
อาละแมบ่นกับทกยอ “ข้าคิดไว้ไม่ผิด คนอย่างอองซอหยิ่งทะนงเกินกว่าจะฆ่ามังจาเลในคุก อองซอขอให้ท่านจัดการประลองครั้งนี้ขึ้น เพื่อต้องการฆ่ามังจาเลให้เป็นที่ประจักษ์ต่อหน้าทุกคน”
ทกยอคุมแค้นเจ็บใจที่เสียรู้อองซอ

กลางสนามยามนี้ เหลือเพียงกรรมการกับอีก 4 คนในสนาม คือ กล้า นิล อองซอ และมังจาเล
“พวกเจ้าจะจับคู่กันเยี่ยงไร”
“ข้าขอจับคู่กับอองซอ” นิลบอกพลางหันมาทางกล้า
“ไม่ ฝีมือเจ้าด้อยกว่าอองซอ ข้าเองนิล ข้าขอเป็นคนฆ่าอองซอ เพื่อล้างแค้นให้ครูเที่ยงกับไอ้โหน”
นิลไม่สน ชิงต่อยอองซอก่อนเลย อองซอแค้น เอาคืนนิล
กล้ากับมังจาเลตกใจ กรรมการกันกล้ากับมังจาเลออกไปรอที่มุมหนึ่ง กล้ากังวล เป็นห่วงนิล นิลแบบรู้ดีว่านิลสู้อองซอไม่ได้
อองซอเล่นงานนิล พยายามฮึดสู้สุดชีวิต แต่ทำอองซอได้แค่ประปราย
จนถึงจังหวะหนึ่งนิลพลาด โดนอองซอเล่นงานอย่างหนัก ก่อนจะจัดการหักคอนิล ตายกลางสนาม
“ไอ้นิล”
มะขามช็อค มะเมียะหดหู่ใจ กรรมการเข้ามาลากศพนิลออกไป ชาวอังวะเฮลั่น ตบมือเชียร์สนั่น ยินดีกับอองซอ กล้าเสียใจมาก น้ำตาร่วง หันมาหารือกับมังจาเลทั้งน้ำตา
“ท่านมังจาเล ข้าขออ้อนวอนให้ท่านยอมข้า ข้าต้องการล้างแค้นให้ครูเที่ยงกับเพื่อนรักของข้า”
“ไม่ เจ้าต่างหากที่ต้องยอมแพ้ข้า ข้าต้องการชนะอองซอ เพื่อที่ข้าจะมีสิทธิ์ขออะไรก็ได้จากเสด็จพ่อข้า”
กล้ากับมังจาเลจ้องตากัน ต่างคนต่างไม่ยอม

สุดท้ายกล้ากับมังจาเลต้องสู้กันเอง มีอองซอนั่งรอที่มุมหนึ่ง
มะขามกับมะเมียะกังวลมาก ทกยอกับอาละแมและองค์มังระนั่งเครียด ขณะที่ชาวอังวะตะโกนเชียร์กันลั่นกันทั้งสนาม
กล้ากับมังจาเลมีฝีมือทัดเทียมกัน ผลัดกันได้เปรียบเสียเปรียบ ดุเดือด เลือดกระจาย ไม่มีใครเหนือกว่าใคร จนถึงจังหวะหนึ่ง มังจาเลพลาด โดนกล้าเล่นงานน่วมคาพื้น พยายามลุกยืน แต่ยืนไม่ไหว ชาวอังวะตะโกนเชียร์กล้า
"ฆ่ามันๆๆๆ"
ทกยอกับอาละแมยิ้มสะใจ
กล้าตรงเข้าไปล็อคคอมังจาเล กล้ากับมังจาเลจ้องตากัน กล้าหักคอมังจาเล มังจาเลตายคาที่กลางสนามต่อหน้าทุกคน
ชาวอังวะเฮลั่น ทกยอกับอาละแมพยักหน้ายิ้มสะใจมาก มังระเสียใจน้ำตาไหล มะขามกับมะเมียะอึ้ง พูดไม่ออก มะเมียะถึงกับน้ำตาไหล
กล้าลุกออกมายืนนิ่ง มองทหารเข้ามาลากศพของมังจาเลออกไปต่อหน้าต่อตา

ทหารลากศพของมังจาเลมากองรวมกับศพนิลและเชลยที่ตายจากการต่อสู้ พอทหารเดินออกไป มังจาเลก็ลืมตา เจอศพนิลอยู่ข้างๆ ตายังเบิกโพลงอยู่ ราชบุตรจึงช่วยปิดตาให้

กลางสนาม เหลือเพียงกล้ากับอองซอ
“บัดนี้เหลือยอดฝีมือเพียง 2 คนเท่านั้น และหนึ่งในสองคนนี้และผู้ชนะ นอกจากจะได้รับการยกย่องให้เป็นสุดยอดแห่งเมืองอังวะ ยังมีสิทธิ์ขออะไรก็ได้ 1 อย่างจากเหนือหัวมังระ”
เสียงฆ้องดังขึ้น กรรมการถอยออกไป เหลือเพียงแค้กล้ากับอองซอ


กล้าประจันหน้าอองซอจังๆ
“อองซอ เจ้าฆ่าครูเที่ยงกับเพื่อนของข้า ข้าจะเอาชีวิตเจ้าชดใช้ ให้ครูเที่ยงกับเพื่อนข้า”
อองซอหัวเราะเยาะ เป็นฝ่ายเปิดเกมลุยกล้าก่อนเลย
อองซอกับกล้าสู้กันอย่างดุเดือด ยาวนาน เริ่มด้วยอองซอเล่นงานกล้าอย่างหนัก กล้าโดนจนน่วม เลือดสาดกระจาย แต่ยังฮึดสู้ เอาคืนอองซอได้อย่างสาสม
การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด แต่ไม่มีวี่แววว่าใครจะเป็นผู้ชนะ กรรมการโยนมีดยาว 2 อันเข้าไปในสนาม
อองซอกับกล้าคว้ามีด มาต่อสู่กันต่อ จนจังหวะหนึ่ง กล้าพลาด โดนอองซอฟันที่แขนขวาอย่างจัง เลือดพุ่ง กล้าถือมีดไม่ไหว เปลี่ยนเป็นถือมีดมือซ้าย ซึ่งไม่ถนัด
อองซอได้เปรียบ เล่นงานกล้าชุดใหญ่ เลือดกระจาย อองซอกระโดดตีเข่าจนกล้ากระเด็นไปนอนแน่นิ่งกลางสนาม มะขามกับมะเมียะหน้าเสีย ชาวอังวะเฮลั่น ตะโกนเชียร์อองซอ
"ฆ่ามันๆๆ"
อองซอตรงเข้าไปเงื้อมีดจะปักที่อกกล้า แต่กล้าฮึดสุดท้าย หมุนตัวพลิก และตอบโต้อองซอด้วยมือเปล่า ทั้งๆที่แขนเจ็บมาก เลือดไหลไม่หยุด
กล้าบ้าเลือด สุดท้ายอองซอก็พลาด โดนกล้าเอาคืน แย่งมีดมาได้ และเอาชนะอองซอได้ด้วยการใช้มีดพกเล่มนั้นแทงอองซอที่คออย่างโหดเหี้ยม เลือดพุ่งกระฉูด อองซอยังไม่ยอมแพ้ ยกมือข้างหนึ่งปิดห้ามเลือดที่คอ ลุยต่อด้วยมือเดียว แต่สุดท้ายก็ล้มตายคาที่
ชาวอังวะเฮลั่น ตบมือโห่ร้องยินดีกับกล้า มะขามกับมะเมียะโล่งอก ทกยอกับอาละแมอึ้งๆ องค์มังระยังคงเงียบนิ่งเครียดตลอด
กรรมการเข้ามาชูมือกล้าให้เป็นผู้ชนะ ข้างๆ เป็นศพของอองซอที่จมกองเลือดอยู่

กรรมการชูมือกล้า ประกาศก้อง
“เจ้าคือสุดยอดฝีมือแห่งเมืองอังวะ เจ้ามีสิทธิ์ขออะไรก็ได้ 1 อย่าง จากองค์มังระ เจ้าจะขออะไร”
กล้าเงยหน้ามองเหนือหัวมังระ ทุกคนลุ่นว่ากล้าจะขออะไร
“ข้าขอตัวท่านทกยอ”
ทุกคนอึ้งตกใจ โดยเฉพาะทกยอ ถึงกับหน้าซีด
“ไม่ ข้าไม่ได้ร่วมประลอง”
“แต่ข้ามีสิทธิ์ขออะไรก็ได้”
เหนือหัวมังระที่นิ่งมานาน ลุกยืนถามกล้า “เจ้าต้องการประลองกับทกยองั้นรึ”
“ไม่ใช่ข้า”
ทุกคนงง กล้าหันมองไปมุมหนึ่งทุกคนมองตาม สักพักจึงเห็นมังจาเลเดินออกมากลางลาน หน้าตาพร้อมลุยเต็มเหนี่ยว
ทุกคนตกใจที่เห็นมังจาเลยังมีชีวิตอยู่ มะเมียะกับมะขาม รวมทั้งองค์มังระดีใจมาก มังจาเลยืนข้างกล้า ทกยอลนลาน
“เสด็จพ่อ มันหลอกลวง มันร่วมมือกับมังจาเล มัน...”
เหนือหัวมังระประกาศกร้าว “ข้าขอมอบตัวทกยอให้เจ้า”
ทกยอตกใจสุดขีด “เสด็จพ่อ”
“กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ”
ทุกคนจ้องมองทกยอเป็นตาเดียว ทกยอจนตรอกหน้าซีด ทำอะไรไม่ถูก ตัดสินใจผลุนผลันตรงเข้าล็อคตัวพระบิดา ควักมีดที่อาละแมให้ จี้คอองค์มังระขู่ ทุกคนตื่นตะลึง โดยเฉพาะมังจาเล
“ทกยอ”
อาละแมประเมินสถานการณ์เห็นท่าไม่ดี และไม่รอดแน่ รีบทำดีใส่ตัวทันที
“พี่ทกยอ ท่านจะทำอะไร ปล่อยเสด็จพ่อเดี๋ยวนี้”
ทกยออึ้งเลย คาดไม่ถึง “อาละแม เจ้า เจ้าคือคนที่แนะนำให้ข้าทำเยี่ยงนี้”
“ข้าเปล่า ข้าไม่รู้เรื่อง”
ทกยอเจ็บใจมาก “อาละแม ทำไมเจ้าเป็นเช่นนี้ ข้าไว้ใจเจ้า แต่เจ้ามันงูพิษ เจ้าเอาตัวรอด เจ้าหักหลังข้า”
อาละแมปฏิเสธพัลวัน “ท่านพูดอะไรของท่าน ข้ามิได้หักหลังท่าน ข้า...”
ทกยอแค้นมาก ปล่อยองค์มังระแล้วจะแทงอาละแมด้วยมีดที่นางให้ มังจาเลสบช่องรีบวิ่งไปคว้ามีดที่อกอองซอ พุ่งมีดออกไปบนอํฒจันทร์ มีดทะลุท้องทกยอจัง อาละแมร้องกรี๊ดตกใจสุดขีด ที่เห็นทกยอล้มตายคาที่ตาเหลือกลาน ทุกคนอึ้งกันไปทั้งสนาม
สายตาของทกยอเบิกโพลง ยังจ้องมองอาละแมด้วยความอาฆาตแค้น


กลับถึงคุ้ม อาละแมเก็บข้าวของใส่ห่อผ้าเสร็จหนี เตรียมหนี จู่ๆ หันไปเจอทกยอ(สภาพศพ)ยืนจ้องอยู่มุมหนึ่ง อาละแมช็อคตกใจ ถึงกับผงะล้มลง มองอีกที ทกยอหายไปแล้ว
อาละแมลนลาน มัดห่อผ้าเตรียมหนี วิ่งไปจะเปิดประตู แต่ประตูเปิดขึ้นเองก่อน อาละแมชะงัก เจอทหาร 5-6 คนพร้อมอาวุธ ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
องค์มังระเดินตามมาสมทบ
“เจ้าร่วมมือกับทกยอลอบวางยาพิษข้า”
อาละแมอึ้งไปชั่วขณะ “เสด็จพ่อ เสด็จพ่อพูดอะไร ข้าไม่รู้เรื่อง”
“เจ้าอย่ามาทำไขสือ เมียตเล่าความจริงให้ข้าฟังหมดแล้ว”
อาละแมงง “เมียต”
เหนือหัวมังระนึกถึงเหตุการณ์เมื่อหลายคืนก่อนหน้านี้)
ขณะที่องค์มังระบรรทมอยู่นั้น จู่ๆ มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นไม่หยุดหย่อนจนพระองค์ลุกมาเปิดประตูแล้วต้องชะงักกับสิ่งที่เห็น เป็นเมียตนั่นเอง ในสภาพเมียตทรุดโทรมใกล้ขาดใจตายรอมร่อ
“เมียต”
เมียตคุกเข่าถวายบังคับ แล้วซวนเซอย่างคนหมดแรง องค์มังระรีบก้มลงประคองเมียตไว้บนตัก
“เจ้ายังมีชีวิตจริงๆ รึ”
เมียตร่ำไห้ด้วยความเสียใจ “เหนือหัวเพคะ ข้า...ข้าผิดไปแล้ว ขอจงยกโทษให้ข้าด้วย”
“เจ้าทำอะไร เมียต บอกข้า เจ้าทำอะไร”
“ราชบุตรทกยอกับราชธิดาอาละแมบังคับให้ข้าลอบวางพาพิษพระองค์เพคะ”
องค์มังระช็อค เมียตขยับปากพูด แต่หมดแรง พูดต่อไม่ไหว พระเจ้ามังระจึงก้มลงฟังเมียตใกล้ๆ เมียตกระซิบเล่าเรื่องราวให้ฟังจนหมดสิ้น องค์มังระฟังแล้วอึ้ง พูดไม่ออก
ทำหน้าที่จบเมียตก็สิ้นใจตายคาตักต่อหน้าต่อตาองค์มังระ
“เมียต”

อาละแมได้ฟังถึงกับหน้าซีดขาวเป็นกระดษา ทหารพร้อมอาวุธล้อมอาละแมไว้ องค์มังระด่าว่าต่ออย่างเคียดแค้น
“ยังไม่พอ เจ้ายังร่วมมือกับทกยอวางแผนฆ่ามังคยอจิน และใส่ร้ายให้มังจาเล เพื่อให้ทกยอขึ้นครองราชย์แทนข้าด้วย”
“ข้า...เอ่อ...ข้าเปล่า ข้า...”
มังระสั่งทหาร “จับตัวไปขัง”
ทหารเข้าไปรวบตัวอาละแมพาออกไป อาละแมทั้งร้องครวญคร่ำทั้งดิ้นขัดขืนไปตลอดทาง พระเจ้ามังระยืนมองอย่างปล่อยปลง


ด้านมังจาเลนอนขดตัวด้วยเจ็บปวดกับการต่อสู้ สักครู่มีคนมาเปิดประตูให้ มังจาเลพลิกตัวหันไปมองแล้วต้องตกใจ เมื่อพบว่าเป็นพระบิดามาพร้อมกับมะเมียะ
“เสด็จพ่อ”
“มังจาเล”
องค์มังระตรงเข้าไปประคองมังจาเล พ่อลูกสวมกอดกันด้วยความรัก มะเมียะยืนมองทั้งน้ำตา

ทหารเดินเข้ามาในคุก มีเสียงของมังจาเลที่พูดคุยกับองค์มังระก่อนหน้านี้
“ข้ารอดมาได้ก็เพราะมีเชลยคนหนึ่งที่คอยช่วยเหลือข้า ข้าอยากให้เสด็จพ่อช่วยปล่อยตัวมันให้เป็นอิสระ...มันคือไอ้กล้า”
ทหารเดินตรงมาหยุดที่ห้องขังกล้า เปิดประตูให้ แล้วพาตัวกล้าออกไป กล้างง

ทหารนำตัวกล้าเดินออกมาจากในคุก เจอมะขามยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“กล้า”
“มะขาม”
“เจ้าเป็นอิสระแล้ว”
มะขามโผเข้ากอดกล้า ดีใจสุดๆ
มะเมียะยืนมองหน้าเศร้าอยู่อีกมุม ก่อนจะฝืนยิ้มเดินไปร่วมยินดี
“ท่านมะเมียะ”
“พ่อข้าสั่งให้มารับตัวเจ้าเข้าวัง” มะเมียะฝืนยิ้มให้
กล้าแปลกใจ “เข้าวัง”

เหนือหัวมังระ มังจาเล และ มะเมียะ นั่งยิ้มสุขใจเรียงกันตรงหน้า กล้ากับมะขามก้มกราบถวายบังคมองค์มังระ
“ที่แท้ก็เจ้านี่เอง ข้าจำเจ้าได้ สุดยอดฝีมือแห่งอังวะ”
“มิใช่ข้า แต่คือท่านมังจาเล”
มังระหันมาทางมะขาม “ส่วนเจ้า”
มะเมียะตอบแทนด้วยความยินดี “มะขาม คนรักของกล้า”
“อืม มังจาเลเล่าทุกอย่างให้ข้าฟังหมดแล้ว ข้าขอขอบใจเจ้าที่ช่วยเหลือมังจาเล”
“และความดีของเจ้าครั้งนี้ เสด็จพ่อของข้าจะให้โอกาสเชลยเช่นเจ้า”
กล้างงว่าโอกาสอะไร
“วันพรุ่ง หากเจ้าสามารถเอาชนะทหารอังวะของข้า 10 คนด้วยมือเปล่า ข้ายินดีจะปล่อยตัวเจ้ากับเชลยทั้งหมดให้เป็นอิสระ” องค์มังระประกาศิต
กล้ากับมะขามตกใจ แต่มังระ มังจาเลและมะเมียะยิ้ม เพราะรู้ดีว่ากล้าเอาชนะได้สบายๆ

กล้ามือเปล่า โดนล้อมด้วยทหารอังวะพร้อมอาวุธ 10 นาย มีองค์มังระ ราชบุตรมังจาเล ราชธิดามะเมียะนั่งดูอยู่ที่บนอัฒจันทร์ มะขามได้รับเกียรติให้นั่งข้างๆ ชาวอังวะเต็มอัฒจันทร์
กรรมการตีฆ้องเริ่มการแข่งขัน ทหารทั้ง 10 ลุยเข้าหากล้า กล้าต่อสู้ด้วยมือเปล่าด้วยฝีมือฉกาจฉกรรจ์


ท้องฟ้าวันใหม่ อากาศสดใส
กล้ากับเชลยทุกคนก้มลงกราบลาเหนือหัวมังระ ราชบุตรมังจาเล และราชธิดามะเมียะ
“แล้วคนรักของเจ้าล่ะ” มังจาเลเหลียวหา
มะเมียะตอบแทน “มะขามชิงเดินทางกลับไปก่อนแล้ว”
“ขอให้พวกเจ้าเดินทางด้วยความปลอดภัย”
กล้ากับเชลยก้มกราบอีกที สีหน้าชื่นมื่น

ด้านอาละแมอยู่ในคุก เกิดอาการหลอน หันไปทางไหนก็เจอแต่ทกยอยืนจ้องอยู่ อาละแมร้องกรี๊ดๆๆ แล้วก้มลงกราบกับพื้น ร้องไห้โฮ
“พี่ทกยอ ยกโทษให้ข้าด้วย ข้าผิดไปแล้ว”
อาละแมเงยหน้าขึ้นมา เจอทกยอยืนค้ำหัวอยู่
“พี่ทกยอ”
อาละแมทนไม่ไหว ลุกไปเกาะเขย่าประตูห้องกรัง
“ช่วยด้วยๆๆๆ”
จู่ๆ ทกยอมาปรากฏตัวยืนตรงหน้า อาละแมร้องกรี๊ดอาการเหมือนคนสติวิปลาสไปแล้ว

ที่หมู่บ้านตีดาบ อโยธยา พันแสง มะขาม จำปา รวมทั้งคนไทยอีกกลุ่มหนึ่งอุ้มลูกจูงหลาน ญาติๆ ของเชลย มายืนรอ แต่ไม่มีวี่แวว จนพันแสงหันมาโวยเอากับมะขาม
“นังมะขาม เอ็งหลอกพวกข้ารึป่าว”
“เปล่า”
“แล้วไหงจนป่านนี้ไอ้กล้ากับพวกยังมาไม่ถึง”
เด็กหัวจุกคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นร้องเอ็ดตะโรเข้ามาขัดขังหวะ
“มาแล้วๆๆๆ”
เด็กน้อยชี้ไปยังทางเข้าหมู่บ้าน ทุกคนมองตาม เห็นกล้าเดินนำกลุ่มเชลยคนไทยตรงเข้ามาแต่ไกล
ทุกคนยิ้มชื่น ญาติๆเชลยดีใจสุดขีด พากันวิ่งเข้าไปกอดเชลยที่เป็นญาติตน พันแสง มะขาม และจำปายืนรอจนกล้าเดินมาหยุดตรงหน้า
“ไอ้กล้า”
กล้าก้มกราบเท้าพันแสงซาบซึ้งน้ำใจ พันแสงประคองกล้าลุกยืนขึ้น ตบไหล่อย่างชื่นชม
“แผ่นดินไทยยินดีต้อนรับการกลับมาของเจ้า ไอ้กล้า”
มะขามมองกล้าอย่างปลื้มสุดๆๆๆ
กล้าหันมาทางยานเป็ง “ท่านมังจาเลฝากความห่วงใยมาให้ท่านด้วย”
“อีกไม่นาน ข้าจะต้องกลับเมืองอังวะบ้านเกิดข้าเช่นกัน”

กล้ายืนสุขใจอยู่ริมน้ำหลังหมู่บ้าน ทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“เอ็งคิดถึงท่านมะเมียะะใช่มั้ย”
กล้าหันมามองเห็นมะขามยืนอยู่มุมหนึ่ง กล้าส่ายหน้ายิ้มๆ
“เอ็งจำท่านมะเมียะได้แล้วใช่มั้ย”
กล้าส่ายหน้า “ไม่สำคัญหรอกว่าข้าจะจำท่านมะเมียะได้มั้ย”
“แล้วอะไรที่สำคัญ”
“ขอแค่ข้าไม่ลืมเอ็ง ข้าก็สุขใจแล้ว”
มะขามเขินๆ ซึ้งๆ “ไอ้กล้า”
กล้าจับมือมะขามมากุม “ถ้าไม่ได้เอ็ง ข้าอาจจะไม่มีวันได้กลับมาเหยียบแผ่นดินไทยบ้านเกิดข้าอย่างวันนี้ ข้าขอขอบใจเอ็ง มะขาม”
“แค่ขอบใจ ไม่พอหรอก”
“ข้าต้องทำอะไรอีก”
“เจ้าต้องรักข้า และดูแลข้าไปตลอดชีวิต”
กล้าไม่ตอบ แต่กอดมะขามเต็มรัก สองคนหวานชื่นกันอยู่ดีๆ มีเสียงกระแอมไอขัดจังหวะ กล้ากับมะขามหันไปมอง เจอพันแสงกับจำปายืนยิ้มอยู่อีกมุม
“พ่อ ฉันว่าอีกไม่นาน บ้านเราต้องมีงานมงคลแน่ๆ” จำปาเย้าหยอก
“เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง เพราะตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่านั้น”
“เรื่องอะไรรึ” กล้าแปลกใจ
“มีคำส่งให้เอ็งเข้าวัง”
กล้าตกใจคาดไม่ถึง มะขามตื่นเต้น พันแสงกับจำปายินดีกับกล้า

ตอนกลางวันของวันนั้น ทหารเดินนำกล้าเข้าในวัง กล้าเดินตามด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจมาก
ในท้องพระโรง วังหลวงในเวลาต่อมา กล้านั่งคุกเข่าพนมมือแต้ ถูกเหนือหัวพระเจ้าตากถามว่า
“กล้า เจ้าคิดเช่นไร กับตำแหน่งทหารอารักขาประจำข้า”
“ด้วยบุญบารมีมิพ้นเกล้า ข้าขอน้อมรับใช้ เป็นทหารอารักขาประตัวท่านนับแต่นี้จนชีวิตจะหาไม่”
กล้าก้มกราบถวายบังคมพระเจ้าตาก ขอเป็นข้ารองพระบาทในพระองค์นับแต่นั้น

จบบริบูรณ์
กำลังโหลดความคิดเห็น