เชลยศึก ตอนที่ 21
มะเมียะกับทกยอรีบวิ่งตามพระบิดาออกมา
“ช้าก่อนเสด็จพ่อ ฟังข้าก่อน ข้า...”
องค์มังระโกรธจัด หันกลับมาตวาด “มะเมียะ ข้าบอกให้เจ้าหยุด”
มะเมียะยอมหยุด เหนือหัวมังระไม่พอใจมาก
“ข้ารู้ว่าเจ้ารักและห่วงมังจาเล แต่เจ้าไม่มีสิทธิ์เรื่องปรักปรำทกยอแบบนี้”
“ข้าเปล่า ข้าพูดความจริง”
มังระตวาด “มะเมียะ”
มะเมียะเงียบกริบ ทกยอได้ทีรีบสวมบทเป็นพระเอกทันที
“เอาเถอะเสด็จพ่อ ข้ารู้ดีว่ามะเมียะไม่เคยนับถือข้าเป็นพี่ชายแต่สำหรับข้า จะยังไงมะเมียะก็มีศักดิ์เป็นน้องข้าเสมอ ข้าไม่เคยคิดถือสามะเมียะ”
มะเมียะยิ่งเจ็บใจ “พี่ทกยอ นี่พี่...”
องค์มังระปรามอีก “มะเมียะ” แล้วหันมาทางทกยอ “ข้าขอขอบใจเจ้าที่ไม่เอาความมะเมียะ ส่วนเจ้า มะเมียะ ข้าขอสั่งเจ้าไว้ตรงนี้ หากเจ้ายังดื้อดึง ยังไม่หยุดสร้างเรื่องปรักปรำทกยอ ข้าจะสั่งลงโทษเจ้า”
พระเจ้ามังระเดินหุนหันกลับตำหนักไป มะเมียะเจ็บใจ หันไปจ้องทกยออย่างรู้เท่าทัน
“ท่านทกยอ อีกไม่นาน บาปกรรมกับสิ่งที่ท่านทำไว้ จะคืนสนองท่าน”
มะเมียะเดินแยกไปอีกทางหนึ่ง ทกยอมองตาม เปลี่ยนสีหน้าเป็นโกรธแค้นทันที
ส่วนอ่องล็อคคอ พร้อมกับจ่อมีดที่คออาละแม ตรึงไว้มั่นคาดคั้นถามถึงเมียต
“เงียบทำไม ตอบข้ามาเดี๋ยวนี้ ท่านเอาตัวเมียตไปไว้ที่ไหน”
อาละแมยิ้มเยาะ หัวเราะหยัน
“ท่านหัวเราะอะไร”
“เจ้านี่เองที่ฆ่าทหารยามของข้าเมื่อคืน ฮ่าๆ ข้าต้องขอบใจเจ้าที่ทำให้ข้าไหวตัวทัน และรีบเอาตัวเมียตไปซ่อนได้ทันเวลา”
อ่องคุมแค้นตะคอกถาม “เมียตอยู่ไหน”
ทกยอกลับเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี ตกใจไม่น้อย
“อ่อง เจ้า...เจ้าทำอะไร ปล่อยอาละแมเดี๋ยวนี้”
อ่องยิ่งกระชับ ล็อคคออาละแมแน่นขึ้น เปลี่ยนไปเป็นขู่ทกยอ
“ข้าไม่ปล่อย จนกว่าท่านจะยอมบอกข้าว่าเมียตอยู่ไหน”
“ข้าบอกให้ปล่อยอาละแม”
“ถ้าท่านอยากรักษาชีวิตของท่านอาละแม ท่านจงบอกข้ามาเดี๋ยวนี้ท่านเอาตัวเมียตไปซ่อนไว้ไหน”
ทกยอหันไปตะโกนเรียกทหาร
“ทหาร” มีทหารวิ่งกรูกันเข้ามา 4-5 คน พร้อมอาวุธครบมือ
“ปล่อยอาละแม”
อ่องเลิ่กลั่ก ตัดสินใจจะปาดคออาละแม แต่อาละแมไวกว่า พลิกตัวหมุนแล้วบิดข้อมืออ่อง จนมีดหลุดมือ อาละแมล็อคแขนอ่องไว้ได้ในที่สุด
“ฮ่าๆ เจ้ามันโง่ โง่เหมือนเมียตคนรักของเจ้า”
ทกยอสั่งทหาร “เอาตัวมันไปประหาร”
ทหารจะเข้าคุมตัวอ่อง แต่อาละแมขอไว้
“พี่ทกยอ ขอเป็นหน้าที่ข้า”
อาละแมแวยะยิ้ม เหี้ยมโหดมีแผนชั่วในใจ
ณ บ้านหลังหนึ่งที่อาละแมนำตัวเมียตมาซ่อน เมียตถูกล่ามโซ่เอาไว้ อาละแมผลักอ่องเข้าไปหาเมียตแล้วยืนดู
“อ่อง” เมียตตกใจ
“เมียต” อ่องดีใจ
สองคนกอดกันแน่น
“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว”
ไม่ทันขาดคำ เมียตอาเจียนออกมาเป็นลิ่มเลือดสดใส่อ่อง
“เมียต เจ้า ฤทธิ์ของยาพิษใช่มั้ย” อ่องตกใจสุดขีดหันไปโวยอาละแม ด้วยความแค้น “ท่านอาละแม เมียตรับใช้ท่านมาตลอด ยอมทำในสิ่งที่ไม่ควรเพื่อท่าน ทำไมท่านต้องทำกับเมียตถึงขั้นนี้”
“เพราะมันกล้าขัดคำสั่งข้า มันเลยต้องโดนสิ่งเดียวกับมันไม่ยอมทำตามที่ข้าสั่ง อ่อง เจ้าไม่ต้องห่วง เมียตจะทรมานเช่นนี้อีกไม่นาน ไม่เกินพระอาทิตย์ขึ้น ยาพิษที่สะสมอยู่ในตัวมันก็จะทำให้มันตายอย่างสงบ”
อาละแมหัวเราะสะใจ อ่องสงสารเมียตเหลือเกิน ยอมคุกเข่าอ้อนวอนอาละแม
“ท่านอาละแม ข้าขอแลกชีวิตของเมียตด้วยชีวิตของข้า เพียงท่านมอบยาแก้พิษให้เมียต ข้ายอมตาย”
“ไม่ อ่อง ยังไงข้าก็ไม่รอด แต่เจ้า เจ้าต้องอยู่ต่อไป เพื่อข้า”
“ไม่ ถ้าไม่มีเจ้า ข้าก็ไม่รู้จะมีชีวิตต่อไปอีกทำไม”
อ่องกับเมียตกอดกันร้องไห้อย่างซาบซึ้งใน อาละแมแสยะยิ้ม
“เจ้าสองคนรักกันยิ่งนัก เอาเถอะ เพื่อเห็นแก่ความรัก ข้าจะให้โอกาสเจ้าสองคน”
อ่องกับเมียตสบตากันด้วยสีหน้าสงสัย
ไม่นานต่อมาร่างอ่องถูกมัดตรึงกับเสากลางลาน โดยมีส้มผลหนึ่งวางบนหัว ขณะที่เมียตยืนห่างออกไป ในมือถือคันธนูเล็งเตรียมยิงอาละแมยืนยิ้มสะใจมองดูอยู่อีกมุม
เมื่อครั้งที่เมียตยังสวยสดใสเคยซ้อมยิงธนูกับมังจาเล
เสียงอาละแมดังก้องขึ้น “ถ้าแกสามารถยิงโดนผลส้มบนศรีษะของเจ้า ข้าจะมอบยาแก้พิษให้เมียตและปล่อยให้เจ้าสองคนเป็นอิสระ ฮ่าๆ”
เมียตเล็งธนูใส่อ่อง มือสั่นด้วยฤทธิ์ยาพิษ สายตาพล่ามัว มองอ่องเป็นภาพเบลอ ขณะที่อ่องยืนนิ่ง ไม่ไหวติง จู่ๆ เมียตตัดสินใจลดธนูลง
“ข้าทำไม่ได้ ฤทธิ์ยาทำให้สายตาข้าพร่ามัวไปหมด”
“ฮ่าๆๆ ถ้าเจ้าไม่ทำ ส่งคันธนูมาให้ข้า”
“ไม่ ๆๆ”
อาละแมยิ้มสะใจ เมียตฮึดขึ้นมา ยกคันธนูขึ้นเล็งอีกครั้งอย่างตั้งใจสุดๆ มือยังสั่นตายังพร่า อ่องยืนนิ่ง เพราะมั่นใจในความแม่นของเมียต
เมียตปล่อยลูกธนูพุ่งออกไป ก่อนจะทรุดตัวลงร้องไห้เสียใจหนักมาก อาละแมหัวเราะชอบใจ เดินเข้าไปดูอ่อง
ปรากฏว่าเมียตยิงพลาดคันธนูปักเข้าที่หัวใจของอ่องจังๆ ยืนตายคาที่ ผลส้มยังวางอยู่บนหัว
“เจ้าไม่ต้องรอนานหรอก อีกไม่กี่อึดใจ เมียตก็จะตายเจ้าไป”
อาละแมหัวเราะสะใจ แล้วหันไปมองเมียต ปรากฏว่าเมียตหายไปแล้วเหลือเพียงคันธนูให้ดูต่างหน้า
“เมียต”
อาละแมหันมองไปรอบๆ แต่ไม่เจอแม้แต่เงา ราชธิดามหาโหดเจ็บใจมาก วิ่งออกไปตามหาโดยไว
เมียตลากสังขารหนีมาสะดุดล้มหมดแรงที่บริเวณหน้าผา มีเสียงอาละแมดังไล่หลังมาแต่ไกล
“เมียต เจ้าหนีข้าไม่รอดหรอก”
เมียตฮึด ลุกขึ้นวิ่งตรงออกถึงขอบหน้าผา ไปต่อไม่ได้ ขณะที่เสียงของอาละแมยังดังให้ได้ยิน
“เมียตๆๆ”
เมียตหลับตาเตรียมพร้อมยอมรับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น
อาละแมวิ่งร้องเรียกหาเมียตมาจากด้านหนึ่ง หยุดมองไปรอบๆ พบแต่ความว่างเปล่า ไม่มีเมียตที่หน้าผา อาละแมกวาดมองไปจนเจอบางอย่างบนพื้นริมหน้าผา บริเวณที่เมียตยืนหลับตาอยู่เมื่อครู่นี้
อาละแมรีบเดินไปหยิบขึ้นมาดู มันคือชิ้นส่วนเสื้อผ้าของเมียตที่ฉีกขาด
อาละแมมองออกไปยังหน้าผาเบื้องหน้ายิ้มกระหยิ่ม มั่นใจว่าเมียตกระโดดหน้าผาตายเพื่อหนีการจับกุม
“ลาก่อนเมียต ฮ่าๆๆ”
มะเมียะเล่าเรื่องที่พาองค์อังวะไปพบเมีตแต่ถูกตลบหลังให้มะขามฟัง มะขามตกใจมาก
“อะไรกัน ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ ท่านมะเมียะ ข้าไมได้โกหกท่าน เมื่อคืนข้าเจอเมียต แล้วเมียตก็พูดทุกอย่างให้ข้าฟัง ตามที่ข้าเล่าให้ท่านฟังก่อนหน้านี้จริงๆ ข้ากล้าสาบาน ข้าไม่ได้โกหกท่าน”
“ข้าเชื่อใจเจ้า ข้าว่าพี่ทกยอคงรู้ทัน เลยพาตัวเมียตไปซ่อนก่อน”
“โธ่ แล้วเมียตถูกเอาตัวไปซ่อนไว้ไหน”
“ข้าไม่รู้ เฮ้อ เอาเถอะ อย่างน้อยงานนี้ข้าก็ได้รู้ความจริงเรื่องพี่ทกยอกับอาละแมแล้ว งั้นพรุ่งนี้เจ้าเตรียมตัว”
“เตรียมตัวอะไร”
“เจ้าต้องการพบตัวเฟื่องฟ้าไม่ใช่รึ”
มะขามพยักหน้ารับเอาคำ
“พรุ่งนี้เป็นวันอภิเษกของพี่ทกยอกับเฟื่องฟ้า เหมาะที่สุดที่ข้าจะแอบพาเจ้าเข้าวังไปพบเฟื่องฟ้า”
เมื่อถึงเช้าวันใหม่ ทหารและข้าทาสบริวารช่วยกันจัดเตรียมสถานที่เพื่องานพิธีอภิเษกระหว่างทกยอกับเฟื่องฟ้า บรรยากาศวุ่นวายผู้คนพลุกพล่าน เดินกันขวักไขว่
สนมนางหนึ่งถือชุดแต่งงานของเฟื่องฟ้าเดินไปตามทาง จนถึงทางเลี้ยว จู่ๆ มะเมียะโผล่ออกมาขวางไว้ สนมตกใจ รีบทำความเคารพ
“ชุดของเฟื่องฟ้าใช่หรือไม่”
“เจ้าค่ะ ท่านทกยอให้ข้านำไปให้ท่านเฟื่องฟ้าที่ห้อง”
“แล้วท่านพี่ทกยอไปไหน”
“คุยกับท่านอาละแมอยู่ในห้องเจ้าค่ะ”
“เจ้ามีอะไรทำก็ไปทำ ข้าจะเอาไปให้เฟื่องฟ้าเอง”
สนมอึกอัก “แต่...”
มะเมียะมองดุเบอร์แรง แล้วคว้าชุดแต่งงานมาถือไว้เอง สนมกลัว ทำความเคารพแล้วเดินแยกไป โยไว มะเมียะหันไปมองอีกมุม ซึ่งมะขามยืนหลบอยู่พยักหน้าให้มะขาม
ทหารยืนยามเฝ้าประตู ขณะมะเมียะเดินชุดแต่งงานของเฟื่องฟ้าเดินเข้ามา ทหารยืนกัน ไม่ให้เข้า
“ท่านพี่ทกยอวานให้ข้าเอาชุดแต่งงานเข้าไปให้เฟื่องฟ้า”
ทหารเห็นชุดจึงยอมเปิดทาง
“จริงสิ ท่านพี่ทกยอตามให้เจ้าไปพบที่วังหน้า”
“แต่ท่านทกยอสั่งให้กระหม่อมเฝ้าเฟื่องฟ้าไว้ ห้ามไปไหน”
มะเมียะขู่ “ถ้าเจ้ากล้าขัดคำสั่งท่านพี่ทกยอ ก็เรื่องของเจ้า”
มะเมียะแสร้งไม่ใส่ใจ จะเปิดประตูเดินเข้าห้อง ทหารกลัว รีบทำความเคารพแล้วเดินแยกไป มะเมียะรีบหันไปมองมะขามที่หลบอยู่อีกมุม
มะขามรีบวิ่งเข้ามาสมทบกับมะเมียะโดยไว
เฟื่องฟ้านั่งเศร้าอยู่หน้ากระจก จู่ๆ ประตูเปิดเข้ามาเฟื่องฟ้าหันไปมองด้วยสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นมะเมียะกับมะขาม
“มะเมียะ มะขาม เจ้ามาได้อย่างไร”
“อย่าเพิ่งถามอะไรทั้งนั้น เฟื่องฟ้า เจ้าต้องรีบไปกับข้าเดี๋ยวนี้”
เฟื่องฟ้างง “ไปไหน”
มะขามไม่ตอบ รีบฉุดมือเฟื่องฟ้าออกไป เฟื่องฟ้าสะลัดมือหลุด
“ข้าไปไม่ได้”
“ทำไม รึเจ้ายอมที่จะเข้าพิธีอภิเษกกับท่านทกยอ” มะขามโมโห
“ไม่ ข้าไม่ยอม แต่...เอ่อ...ข้าไปไม่ได้ ยังไงข้าก็ไปไม่ได้” เฟื่องฟ้าห่วงมังจาเลนั่นเอง
“เจ้ากลัวอะไร”
“ท่านทกยอเคยบอกข้าให้ หากจับได้ว่าข้าแอบหนีออกไปจากห้องนี้ ท่านทกยอจะฆ่าท่านมังจาเล”
มะขามกับมะเมียะหันมามองหน้ากัน สองสาวเครียดหนัก
ทกยอเดินยิ้มกริ่มอารมณ์ดีตรงมาที่หยุดที่ประตู เอะใจที่ไม่เจอทหารยืนเฝ้า ทกยอคิดปราดแล้วตกใจ รีบเปิดประตูเดินเข้าไปในห้อง
ทกยอเปิดประตูเดินเข้ามา มองหาไม่รอบ เจอแต่ชุดแต่งงานวางบนโต๊ะ แต่ไม่เจอเฟื่องฟ้า
“เฟื่องฟ้า เจ้าอยู่ไหน”
ไม่มีเสียงตอบ ทกยอมองหา จนกระทั่งเจอเฟื่องฟ้านอนหันหลังอยู่บนเตียง มีผ้าห่มคลุมตัว
ทกยอโล่งอก จากที่ตื่นตกใจกลายเป็นยิ้มกริ่มอารมณ์ดีเหมือนเดิม เดินยิ้มเข้าไปหา
“ในที่สุดวันที่ข้ารอคอยก็มาถึง วันที่เจ้าจะตกเป็นของข้า ฮ่าๆ”
เฟื่องฟ้าไม่ตอบ ทกยอลูบเอวเฟื่องฟ้าเบาๆ เฟื่องฟ้าขยับตัวหนี ทกยอขำ
ทกยอขำ “เอาเถอะ ข้ารู้ว่าเจ้าคงยังทำใจไม่ได้”
อาละแมเปิดประตูเดินเข้ามาตาม
“ไปกันได้แล้วท่านพี่ทกยอ”
ทกยอพยักหน้ารับเอาคำ
“เฟื่องฟ้า ข้าจะให้เวลาเจ้าอีกซักนิด จะปล่อยให้เจ้านอนฝันหวานถึงไอ้มังจาเลต่อไป ก่อนที่ค่ำคืนนี้เจ้าจะตกเป็นของข้าโดยสมบูรณ์ ระหว่างนี้ข้าขอตัวไปทำธุระที่ข้าอยากทำมาตลอดชีวิต”
ทกยอหัวเราะสมใจ แล้วเดินยิ้มร่าออกไปกับอาละแม ปิดประตูลง
ที่แท้คนที่นอนหันหลังไม่ใช่เฟื่องฟ้า แต่เป็นมะเมียะ
เฟื่องฟ้าตัวจริงมีผ้าคลุมศรีษะปกปิดตัวเอง ต้มน้ำเตรียมทำขนมต้ม มะขามยืนข้างๆ หันซ้ายหันขวาคอยดูแลความปลอดภัย โดยมีข้าทาสบริวารเดินผ่านไปมา โดยไม่มีใครสงสัยใดๆ เฟื่องฟ้าตั้งใจปรุงขนมต้มอย่างมีสมาธิแน่วแน่ ตามคำแนะนำที่มะขามบอกว่า
“สิ่งเดียวที่จะทำให้ความจำของไอ้กล้าฟื้นคืนกลับมา คือขนมต้ม ฝีมือของเจ้า”
ด้านมังจาเลเกาะประตูห้องขัง กระชากสุดแรง ร้องโวยวายด้วยความแค้น
“ไม่ ทกยอ ท่านจะทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้”
ทกยอกับอาละแมยืนหัวเราะสะใจอยู่ด้านนอกคุก
“มังจาเลน้องรัก เจ้าจงรู้ไว้ด้วย ข้าไม่ได้มีใจรักเฟื่องฟ้าคนรักของเจ้าแม้แต่นิดเดียว แต่ข้ายอมอภิเษกกับเฟื่องฟ้า เพราะข้ารอมาตลอดชีวิต รอที่จะได้เป็นผู้ชนะได้ย่ำยีจิตใจเจ้าให้ทรมานสาสมแบบนี้”
มังจาเลแค้นจัด เอื้อมมือมาหมายจะคว้าคอทกยอ แต่คว้าไม่ถึง ทกยอยิ่งหัวเราะเยาะ
มังจาเลร้องลั่น “ปล่อยข้า ๆ ๆ ปล่อยข้า ปล่อยข้าออกไปเดี๋ยวนี้”
“ชีวิตของเฟื่องฟ้าอยู่ในกำมือข้าแล้ว ข้าจะดูแลเฟื่องฟ้าเยี่ยงทาส จะทำทุกอย่างเพื่อทรมานจิตใจคนรักของเจ้าให้สาสมกับความแค้นที่ข้ามีต่อเจ้า ฮ่าๆๆ”
ทกยอหัวเราะสะใจ อาละแมยิ้มร้ายกาจเลือดเย็น ขณะที่มังจาเลเขย่ากรงและร้องครวญครางอย่างทรมานใจถึงขีดสุด
ทกยอเปิดประตูเดินยิ้มหน้าบานเข้ามาพร้อมกับสนม 2 นาง เฟื่องฟ้ายังคงนอนหันหลังอยู่บนเตียง
“เฟื่องฟ้า หมดเวลาของเจ้าที่จะนอนคิดถึงไอ้มังจาเลแล้ว
เฟื่องฟ้ายังคงนอนนิ่ง ทกยอเดินไปหาจับตัวเฟื่องฟ้าหันมา ปรากฏว่าคนที่หันกลับมาคือเฟื่องฟ้าตัวจริง ทกยอไม่เอะใจสงสัยใดๆ
“เปลี่ยนชุดให้เจ้าสาวของข้า” ทกยอสั่งแล้วหันมาหาเฟื่องฟ้า “เตรียมตัวให้พร้อม เมื่อถึงเวลาข้าจะมารับ”
ทกยอเดินยิ้มกริ่มออกไป ทิ้ง 2 สนมให้อยู่แต่งตัวให้เฟื่องฟ้า เฟื่องฟ้าเสียใจ น้ำตาหยดแหมะ
มะเมียะเดินมากับมะขามซึ่งถือชามใส่ขนมต้มปิดด้วยผ้า สองสาวเดินตรงมา เห็นประตูคุกอยู่ไม่ไกล จู่ๆ มะขามหยุดกึก เหมือนคิดอะไรออก
“มีอะไรรึ”
มะขามยื่นถ้วยขนมให้มะเมียะ
“ทำไม”
“ไอ้กล้าจำข้าไม่ได้ มันคงไม่กล้ากินขนมถ้วยนี้เป็นแน่ แต่มันรู้จักท่าน มันเชื่อใจท่าน ท่านนำขนมถ้วยนี้เข้าไปให้ไอ้กล้า ส่วนข้าจะรออยู่ข้างนอก”
“เอางั้นรึ”
มะขามพยักหน้ายืนยัน มะเมียะคิดๆแล้วพยักหน้าตกลง รับถ้วยขนมจากมะขาม แล้วเดินตรงเข้าไปในคุก มะขามยืนรออยู่ด้านนอก
มะเมียะยื่นชามขนมถ้วยผ่านลูกกรงไปให้ แต่กล้าไม่รับในตอนแรก
“อะไร”
กล้ายอมรับถ้วยขนมมาเปิดดู เห็นเป็นขนมต้มควันยังร้อนฉุยกลิ่นหอมเตะจมูก
“มีคนบอกว่าถ้าเจ้ากินขนมถ้วยนี้ ความจำเจ้าทั้งหมดจะกลับคืนมา”
“เป็นไปได้ยังไง”
“ไม่มีใครรู้ จนกว่าเจ้าจะกิน”
กล้าจะกิน แต่ยั้งไว้ แบบไม่มั่นใจ
“เจ้าไม่ไว้ใจข้างั้นรึ”
“เปล่า เจ้าเป็นเมียข้า เจ้าดีกับข้า ข้าไว้ใจเจ้า”
กล้าเริ่มกิน แต่จู่ๆ มะเมียะรีบไปคว้ามือกล้าไว้ ไม่ให้กิน
กล้างง “ทำไม”
มะเมียะอึดอัดมาก พูดไม่ออก ร้องไห้โฮออกมา
“เจ้าร้องไห้ทำไม”
“หากความจำของเจ้ากลับมา เจ้ายังจะจำข้าได้หรือไม่ เจ้าจะจำได้มั้ยว่า ข้าคือเมียของเจ้า”
กล้าอึ้งตกใจ สงสารมะเมียะเหลือเกิน
หลายๆ เหตุการณ์ในสองสถานที่เกิดขึ้นไล่ๆ กัน ทั้งในห้องเฟื่องฟ้า กับกล้าที่อยู่ในคุก โดยมีมะขามที่ยืนรออยู่ด้านนอกคุกอย่างร้อนรนใจ
ในห้องเฟื่องฟ้า นางสนม นางกำนัลช่วยกันแต่งหน้าทำผมให้เฟื่องฟ้า เปลี่ยนมาใส่ชุดแต่งงานของสาวอังวะแล้ว เฟื่องฟ้านั่งโศกาอาดูร มองตัวเองในกระจกตรงหน้านิ่งราวกับหุ่นหินสลัก
ฝ่ายฟากมะเมียะเอาแต่นั่งร้องไห้ กล้ายังไม่ยอมกินขนมต้มสักคำ วางช้อน กอดปลอบมะเมียะ
“เจ้าอย่ากังวลไปเลย ข้าจะไม่กิน”
“กล้า”
กล้าจะปาถ้วยขนมทิ้ง มะเมียะห้ามไว้ โผเข้าซบอกกล้า ร้องไห้หนักจนกล้าต้องปลอบ
“มะเมียะ เจ้าฟังข้า ข้าไม่ต้องการอดีตอะไรทั้งนั้น ชีวิตข้า ขอเพียงข้ามีเพียงเจ้า ข้าก็พอใจแล้ว”
มะเมียะซาบซึ้งใจจนร้องไห้ออกมา
ส่วนที่หน้าลานประตูผี มะขามยืนกระวนกระวายใจ รอลุ้นอยู่คนเดียว
ภายในคุก มะเมียะสวมกอดกล้าอย่างตัดใจ จับมือกล้า มองทั้งน้ำตา
“แต่ข้าต้องช่วยพี่มังจาเลของข้า”
มะเมียะตัดใจหยิบช้อนให้ กล้าไม่รับ
มะเมียะยิ้มทั้งน้ำตา “เจ้าต้องกิน เพื่อพี่มังจาเลของข้า”
กล้าอิดออด “แต่ข้า...”
“ถ้าเจ้ารักข้า เจ้าต้องกิน”
กล้านิ่งคิด แล้วตัดสินใจรับช้อนจากมะเมียะ ตักกินขนมต้ม มะเมียะร้องไห้
ฝ่ายมะขามเห็นทหารกำลังเดินนำสาวบรรณาการเข้าไปคุกพอดี หันรีหันขวางแล้วตัดสินใจวิ่งไปต่อแถวสาวบรรณาการ ตามเข้าไปในคุก
มะขามวิ่งเข้ามาสมทบ เจอกล้ากำลังกินขนมต้ม
“มะขาม”
มะขามเห็นมะเมียะร้องไห้ก็แปลกใจ “ท่านร้องไห้ทำไม”
มะเมียะไม่ตอบ จู่ๆ กล้าเกิดอาการปวดหัวรุนแรง โยนขนมต้มในมือทิ้งไป
ภาพจำในหัวเมื่ออดีตในหลายๆ ช่วงสำคัญของชีวิต ผุดขึ้นมาราวสายน้ำไหลไม่หยุดหย่อน
มะเมียะะกับมะขามตกใจกับอาการของกล้า สองสาวถอยไปยืนกอดกันมองดู อยู่ตรงมุมห้อง
ส่วนในห้องเฟื่องฟ้า นางสนมพากันเดินออกจากห้อง ปิดประตูลง เฟื่องฟ้าอยู่ในชุดเจ้าสาวอังวะ ยังคงนั่งนิ่งอยู่หน้ากระจกใบหน้าสวยแสนเศร้า น้ำตาไหลรินเป็นสาย
ฝ่ายกล้าปวดหัวรุนแรง ดิ้นทุรนทุรายอยู่ในคุก ภาพจำในอดีตผุดขึ้นมารัวๆ ถี่ๆ ส่งให้กล้าหมดสติล้มลงแน่นิ่งไปเลย มะเมียะะกับมะขามร้องเรียกด้วยความตกใจ
"กล้าๆๆ"
ส่วนในวัง ทหารและข้าทาสบริวารกำลังช่วยกันจัดเตรียมสถานที่อย่างขะมักเขม้น ทกยอในชุดเจ้าบ่าวเต็มยศ เดินยิ้มกริ่มไปตามทาง ทหารทำความเคารพ
กล้าซึ่งหมดสติอยู่ ค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นมา ลืมตามองเห็นมะขามกับมะเมียะยืนรออยู่หน้ากรงด้านนอก
มะขามกับมะเมียะรอลุ้น กล้ามองทั้งคู่ มะขามกับมะเมียะเรียกชื่อกล้าพร้อมๆกัน
"กล้า"
กล้ามองมะเมียะแล้วลุกเดินไปหา มะเมียะดีใจ แต่กล้ากลับเดินผ่านมะเมียะไปกอดมะขาม
“มะขาม”
มะขามดีใจเหลือเกินยิ้มทั้งน้ำตา “ไอ้กล้า”
กล้ากับมะขามกอดกันอย่างดีใจสุดๆ มะเมียะยืนน้ำตาไหลริน เจ็บปวดไปทั้งหัวใจ
ทกยอเปิดประตูเดินยิ้มเข้ามา แล้วยืนตะลึงกับภาพที่เห็น เฟื่องฟ้ายืนอยู่กลางห้องงดงามในชุดเจ้าสาวผู้เลอโฉม
“เฟื่องฟ้า มเหสีของข้า เจ้าช่างงดงามยิ่งนัก”
ทกยอเดินยิ้มเข้าหาช้าๆ มองเฟื่องฟ้าอย่างหลงใหล
“ทุกอย่างพร้อมแล้ว ได้เวลาที่เจ้าจะได้เป็นมเหสีของข้าแล้ว เฟื่องฟ้า”
“ร่างกายและหัวใจของข้าเป็นของท่านมังจาเลคนเดียวเท่านั้น”
พร้อมกับว่า เฟื่องฟ้าคว้ามีดออกมาปักเข้าที่ท้องตัวเองจนมิดเล่ม ทกยอยืนช็อคในความใจเด็ดของสาวอโยธยา
เฟื่องฟ้ายืนจ้องหน้าทกยออย่างชิงชัง ปล่อยเลือดให้ไหลเลอะชุดเจ้าสาวลงพื้นเป็นทาง ก่อนจะล้มลง สิ้นใจตายท่ามกลางกองเลือดที่ไหลนองไปทั่วท้องห้อง
ทกยอช็อค อ้าปากค้าง ตะลึงตะไล
กล้ากับมะขามกอดกันอย่างดีใจสุดๆ มะเมียะเสียใจมาก ทนดูไม่ไหว หันหน้าหนีไปร้องไห้ มะขามปลื้มจนน้ำตาซึม
“ไอ้กล้า เจ้า ในที่สุดเอ็งจำข้าได้แล้วจริงๆ”
กล้าหันมองไปรอบๆ ก้มสำรวจตัวเอง ถามมะขามอย่างสงสัย
“ที่นี่คือที่ใด”
“ลานประตูผี เมืองอังวะ”
กล้างงใหญ่ “เมืองอังวะงั้นรึ เกิดอะไรขึ้น ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วครูเที่ยง ไอ้โหน ไอ้นิลอยู่ไหน”
มะขามอึกอัก ไม่กล้าบอก กล้าเห็นแล้วเริ่มใจไม่ดี เขย่าตัวมะขามแบบคาดคั้น
“ตอบข้ามาสิ เกิดอะไรขึ้น”
มะขามตัดใจ เล่าย้อนเหตุการณ์ในอดีตอันโหดร้ายให้ฟัง
กล้ากับพวกกับอองซอและทหารชาวอังวะสู้กัน หลังถูกหลอกไปยังหมู่บ้านเก็บอาวุธ
อองซอฆ่าครูเที่ยง และ โหน อย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะหันมาจัดการกับกล้า ใช้หินทุบหัว
กล้าอึ้งตกใจกับสิ่งที่มะขามเล่าให้ฟัง
“จากนั้นเอ็งกับนิล รวมทั้งชาวไทยอีกจำนวนหนึ่งก็โดนทหารอังวะจับตัวมาขังเป็นเชลยอยู่ที่ลานประตูผีแห่งนี้ โดยที่เอ็งกลายเป็นคนความจำเสื่อม เอ็งจำอะไรไม่ได้ จำใครไม่ได้ แม้แต่ข้า”
กล้าค่อยๆ พยักหน้าแบบความจำเริ่มฟื้น กลับมาจำทุกอย่างที่มะขามเล่าได้
“แล้วไอ้นิลอยู่ไหน ตอนนี้ไอ้นิลอยู่ไหน”
“ถูกคุมขังไว้ที่นี่เช่นกัน”
กล้าเสียใจ ทรุดตัวลงนั่งน้ำตาไหลนองหน้า มะขามกับมะเมียะมองด้วยความสงสาร
“ข้าผิดเอง ข้าผิดที่ดูแลครูเที่ยงกับไอ้โหนไม่ได้ ข้ารักษาชีวิตครูเที่ยงกับไอ้โหนไว้ไม่ได้”
มะเมียะสงสารกล้าจับใจจับไหล่เชิงปลอบ กล้าปัดมือออกมะเมียะตกใจ กล้าหันมามองมะเมียะจากหัวจรดเท้า ก่อนจะตะคอกใส่หน้าอย่างโกรธแค้น
“เจ้าเป็นชาวอังวะ”
“เอ่อ คือ ข้า เอ่อ...”
“ชาวอังวะอย่างพวกท่านจิตใจโหดเหี้ยม พวกท่านทำร้ายพวกข้า”
กล้าแค้นจนลืมตัว จะขย้ำคอมะเมียะ มะขามต้องรีบเข้าไปขวางไว้
“อย่านะไอ้กล้า นี่เอ็งจำท่านมะเมียะไม่ได้รึ”
กล้าแปลกใจ “ท่านมะเมียะ”
มะขามอธิบาย “ท่านมะเมียะน้องสาวท่านมังจาเล”
“ท่านมังจาเล ข้าจำได้ ข้าจำท่านมังจาเลได้ ท่านมังจาเลมีบุญคุณกับข้า เคยช่วยเหลือข้าไว้”
“ใช่ และท่านมะเมียะก็มีบุญคุณกับเอ็งเช่นกัน ท่านมะเมียะคือคนที่ดูแลเอ็งคอยช่วยเหลือเอ็งขณะที่เอ็งถูกคุมขังอยู่ที่นี่”
ฟังมะขามแล้วกล้างง หันมาถามมะเมียะ “ทำไมท่านต้องดูแลข้า”
“เพราะข้า เอ่อ ข้า...” มะเมียะจะตอบว่ารัก แต่ไม่กล้า เพราะมะขามอยู่ด้วย
มะขามไม่สนคำตอบ หันไปถามมะขาม “แล้วตอนนี้ท่านมังจาเลอยู่ไหน”
มะขามไม่ตอบหันไปมองมะเมียะ
“ท่านพี่มังจาเลโดนคุมขังเหมือนเช่นเจ้า”
กล้าตกใจ “เกิดอะไรกับขึ้นกับท่านมังจาเล”
ฝ่ายทกยอเดินหน้าเหวอเข้ามาหยุดกลางห้อง ยังช็อคกับการตายของเฟื่องฟ้าไม่หาย ทกยอระงับอารมณ์ไม่อยู่ ระบายด้วยการพังข้าวของในห้องอย่างบ้าคลั่ง โต๊ะ เก้าอี้ และข้าวของล้มระเนระนาด กระจุยการจาย จนกระทั่งอาละแมได้ยินเสียง วิ่งตื่นตกใจตามเข้ามาดู
“พี่ทกยอ เกิดอะไรขึ้น”
“เฟื่องฟ้า...เฟื่องฟ้าตายแล้ว”
อาละแมช็อคไปอีกคน
กล้าตกใจกับเรื่องของมังจาเลที่มะเมียะเล่า โวยวายเอากับมะเมียะ
“แล้วทำไมท่านถึงปล่อยให้ท่านมังจาเลโดนกระทำเยี่ยงนี้ ท่านเป็นน้องสาว ทำไมท่านไม่ช่วยท่านมังจาเล”
“ตอนนี้เมืองอังวะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของพี่ทกยอ พี่ทกยอดูแลและควบคุมทุกอย่างในเมืองอังวะแทนเสด็จพ่อของข้า”
มะขามเสริมว่า “ที่สำคัญ ท่านมะเมียะพยายามช่วยท่านมังจาเลแล้ว แต่โดนขัดขวางทุกทาง แม้แต่ชีวิตของท่านมะเมียะเองตอนนี้ก็อยู่ในอันตรายเช่นกัน”
กล้าคิดปราด แล้วลุกพรวดทำท่าจะออกไป มะขามกับมะเมียะช่วยกันห้าม
“ปล่อยข้า ข้าจะไปช่วยท่านมังจาเล”
“ไม่นะไอ้กล้า ตอนนี้เอ็งคือเชลย หากเอ็งขืนออกไปจากที่นี่ ทหารคงไม่ไว้ชีวิตเอ็ง เอ็งจะต้องตายก่อนจะได้เจอท่านมังจาเลเป็นแน่ ตอนนี้ที่นี่คือที่ที่ปลอดภัยที่สุดแล้วสำหรับเอ็ง”
กล้าหยุดจ้องหน้ามะขาม คิดตามที่มะขามพูด
“คนเดียวที่จะสามารถพาเจ้าออกจากไปที่นี่ได้อย่างปลอดภัย คือท่านพี่มังจาเล ระหว่างนี้เจ้าจงรออยู่ที่นี่ ส่วนข้ากับมะขามจะหาทางช่วยท่านมังจาเล แล้วให้ท่านมังจาเลรีบมาช่วยเจ้าทันที”
กล้าหยุดมองมะขามแบบขอความเห็น มะขามพยักหน้าหนักแน่น แต่กล้ายังไม่วางใจ
กล้าถามมะเมียะตรงๆ “ข้าจะเชื่อใจท่านได้ยังไง”
“กล้า เจ้าลืมข้าหมดสิ้นแล้วจริงๆ”
มะเมียะเสียใจจนทนไม่ไหว เดินร้องไห้ออกไป มะขามมองตามอย่างสังเกตอาการมะเมียะ
มะขามเดินออกมาเจอมะเมียะยืนหันหลังอยู่ จึงเดินไปยืนข้างๆ มะเมียะหยุดร้องไห้ฝืนยิ้มทำตัวเป็นปกติ
“ท่านมะเมียะ...ท่านกับไอ้กล้า เอ่อ คือ...”
มะขามอึกอักๆไม่รู้จะถามยังไง มะเมียะรอฟัง
“ข้าขอโทษที่ต้องถาม ก่อนหน้านี้ ระหว่างที่ท่านดูแลไอ้กล้า ท่านกับไอ้กล้ามีความสัมพันธ์กันเยี่ยงใด”
มะเมียะไม่ตอบ เดินเลี่ยงหนีไป มะขามหยุดคิดก่อนจะถอนใจ พอจะเดาเรื่องราวออก
มะเมียะเดินเข้ามาในวัง ตรงมาทางห้องคุมตัวเฟื่องฟ้า จู่ๆ ชะงักกับภาพที่เห็น ซากข้าวของเครื่องประดับตกแต่งงานแต่งงานพังกระจาย เละเทะ มะเมียะแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น จนทหารคนหนึ่งเดินผ่านมาพอดี
“เกิดอะไรขึ้น”
“ท่านทกยอยกเลิกงานอภิเษกขอรับ”
มะเมียะงงมาก “ทำไม”
ภายใต้ท้องฟ้าวันใหม่ ทหารคุมตัวกล้ากับนิลและเชลยอีก 2-3 คน พาเดินออกไปทำการต่อสู้
นิลกระซิบถามกล้า “ไอ้กล้า เอ็งจำข้าได้แล้วใช่มั้ย”
กล้าหันไปพยักหน้าแทนคำตอบ
“เอ็งจำทุกอย่างได้แล้วจริงๆ รึ”
กล้าไม่ตอบ นิลยังไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก
กล้าต่อสู้กับเชลย ชาวอังวะที่ดูการต่อสู้ ตะโกนเสียงเชียร์กล้ากันอย่างสาสะใจ โดยมีนิลนั่งอยู่กับเชลยอีก 2-3 คน รอเป็นคิวต่อไป ร่วมดูการต่อสู้ด้วย
กล้าเหนือกว่าคู่ต่อสู้เห็นๆ คู่ต่อสู้โดนจนน่วม กล้าล็อคคอคู่ต่อสู้ ทำท่าเหมือนจะหักคอ
ชาวอังวะตะโกนเชียร์ “ฆ่ามันๆๆๆ”
กล้าหันมองชาวอังวะที่ตะโกนเชียร์ให้ฆ่า ก่อนจะผลักคู่ต่อสู้ล้มไปทางหนึ่ง ชาวอังวะงงที่กล้าไม่ฆ่า อย่างเคย เลยเงียบกันทั้งสนาม
กล้าลุกเดินกลับเข้าไปดื้อๆ ชาวอังวะโห่ไล่หลัง พร้อมทั้งรุมปาข้าวของใส่กล้าอย่างไม่สบอารมณ์
นิลที่นั่งดูอยู่เหลียวมองตามกล้า ยิ้มดีใจ มั่นใจมาก
“ไอ้กล้า...ไอ้กล้าคนเดิมกลับมาแล้ว”
มังจาเลถูกโซ่ล่ามข้อเท้าตกใจสุดขีด ถามย้ำกับมะเมียะที่ลอบเข้ามาหา
“ทกยองั้นรึ”
มะเมียะพยักหน้ารับ มังจาเลแค้นมาก
“ทกยอ เจ้าบังอาจเกินไปแล้ว กล้าแม้แต่ลอบฆ่าเสด็จพ่อแล้วตอนนี้เมียตอยู่ไหน”
มะเมียะส่ายหน้าไม่รู้
“ข้าตามหาทั่วแล้ว แต่ไม่พบ ข้าสังหรณ์ว่าอาละแมจะสังหารเมียตแล้ว”
มังจาเลแค้นจัด “อาละแม งั้นก็เหลือเพียงเจ้า เจ้าต้องบอกความจริงทั้งหมดให้เสด็จพ่อรู้”
“เสด็จพ่อไม่เชื่อใจข้าอีกแล้ว”
“โธ่ แล้วจะทำเยี่ยงไรต่อไป”
มะเมียะส่ายหน้าจนใจ แล้วจู่ๆ นางก็ร้องไห้โฮออกมาด้วยความอัดอั้นสุดจะประมาณ
“มะเมียะ เจ้าร้องไห้ทำไม”
มะเมียะไม่ตอบ โผเข้ากอดพี่ชายแน่น สงสารมังจาเลสุดหัวใจ
“เป็นอะไรมะเมียะ มีอะไรอีกรึที่ข้าควรรู้”
“เฟื่องฟ้า”
มังจาเลตกใจ “เฟื่องฟ้า เฟื่องฟ้าทำไม”
มะเมียะไม่กล้าพูดต่อ หน้าเศร้าลงจนมังจาเลยิ่งเครียด
“มะเมียะ บอกข้า เฟื่องฟ้าเป็นอะไร บอกข้าเดี๋ยวนี้”
มะเมียะปล่อยโฮ สงสารพี่ชายจับใจ
มะขามยืนรออยู่หน้าทางเข้าคุก จนเห็นมะเมียะเดินหน้าเศร้าตาแดงๆ ออกมาจากข้างใน
“ท่านมังจาเลเป็นยังไงบ้าง”
มะเมียะไม่ตอบ มองหน้ามะขามแล้วร้องไห้ออกมาด้วยความสงสารพี่ชายกับเฟื่องฟ้า
ด้านมังจาเลเสียใจหนักมากกับข่าวการฆ่าตัวตายของเฟื่องฟ้า นั่งบื้อ ทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายมังจาเลเก็บกดต่อไปไม่ไหว เกิดอาการบ้าคลั่ง อาละวาดทำลายข้าวของในคุกเขย่าประตูห้องขัง ออกแรงดึงโซ่ที่ล่ามข้อเท้าจนเลือดไหล และหมดแรงล้มลงนอนตัวงอ ร้องไห้เสียใจอย่างหนักหน่วงรุนแรงที่สุดในชีวิต
“เฟื่องฟ้า”
ส่วนกล้านั่งทบทวนความจำเรื่องราวเกี่ยวกับมังจาเล หลายเหตุการณ์ที่มังจาเลช่วยกล้ากับพวกไว้
สีหน้าของกล้า เหมือนจดจำทุกอย่างได้หมดแล้ว
“ท่านมังจาเล”
ฟากสองพี่น้องสายโหดคุยกันอยู่ ทกยอยิ้มสะใจเมื่อฟังจบ
“ในที่สุดเมียตก็ตายไปพร้อมกับความลับทั้งหมดเสด็จพ่อก็ไม่มีวันเอาผิดอะไรเราได้”
“พี่ทกยออาจจะลืมอะไรไปบางอย่าง”
“อะไรรึ”
“ยังเหลืออีกคนที่รู้ความลับทั้งหมด”
ทกยอคิดปราดเดียว “มะเมียะ จริงของเจ้า ข้าว่าถึงเวลาอันควรของมะเมียะแล้ว”
อาละแมพยักหน้าเห็นด้วย
“มังจาเลก็เช่นกัน ข้าว่าก็ได้เวลาอันควรของมังจาเลเช่นกัน อาละแม เรื่องมะเมียะ ข้าขอให้เจ้าจัดการ ส่วนมังจาเล ขอให้เป็นหน้าที่ของข้า”
อาละแมรับเอาคำด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม
กลางดึก ขณะที่พระเจ้ามังระประทับนอนอยู่บนเตียงทอง จู่ๆ มีเสียงทุบประตูรัวๆ องค์มังระสะดุ้งตื่น เสียงทุบประตูยังดังไม่หยุด พระองค์จึงลุกจากที่นอนตรงไปเปิดประตู
แต่แล้วองค์มังระผงะตกใจ ตะลึงตะไลกับภาพที่เห็นตรงหน้า
อ่านต่อตอนที่ 22 จบบริบูรณ์