เชลยศึก ตอนที่ 20
อาละแมนั่งหวีผมยิ้มกระหยิ่มภาคภูมิใจกับตัวเองอยู่หน้ากระจก สักพักจึงเห็นทกยอเปิดประตูเดินเข้ามาหา อาละแมเหลียวมองแว่บเดียวโดยไม่ทัก
“ฝีมือเจ้าใช่มั้ย”
อาละแมหันกลับไปยิ้มกระหยิ่มกับตัวเองในกระจก ใบหน้าสวยของราชธิดาจอมโหดมีวี่แววรำลึกจดจำ
โดยในห้องมังคยอจินก่อนหน้านี้ บากองถือยาพิษ เตรียมเทใส่โถเหล้าของมังคยอจิน เสนาฯบากองหยุดชั่งใจอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจกรอกยาพิษใส่โถเหล้าเขย่าให้เข้ากันจนเรียบร้อย จึงหันไปมองอีกมุม เห็นอาละแมยืนยิ้มมาให้จากตรงนั้น
“เจ้าตัดสินใจถูกแล้วบากอง ข้ารับปากว่าจะจัดหาหมอหลวงชั้นดีไปรักษาพ่อของเจ้า พ่อของเจ้าจะหายและสุขสบายไปตลอดชีวิต”
เมื่อได้ฟัง ทกยอถึงกับอึ้งไป อาละแมยิ้มกระหยิ่มภาคภูมิใจมาก
“บากอง อาละแม ที่แท้บากองคือคนของเจ้า”
อาละแมยิ้มแทนคำตอบ ทกยอคิดทบทวนเหตุการณ์
“รวมทั้งเรื่องที่บากองปรักปรำมังจาเล เจ้าก็บังคับบากองใช่มั้ย”
อาละแมยิ้มกระหยิ่ม “ข้ามิได้บังคับ แต่มันคือข้อตกลงที่บากองสมัครใจ”
ทกยออึ้งอีก “แปลว่าบากองยอมตายเพื่อต่อชีวิตให้พ่อของมันงั้นรึ”
อะละแมเหยียดยิ้มสะใจ “น่าชื่นชมความกตัญญูของบากองยิ่งนัก ฮ่าๆ”
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ทำไมเจ้าไม่บอกข้าก่อน”
“การที่ท่านไม่รู้อะไรเลย จะทำให้ทุกอย่างยิ่งดูสมจริงมากขึ้น”
ทกยอขำ “เข้าใจละ เจ้านี่ช่างร้ายกาจยิ่งนัก แล้วเจ้าต้องทำอะไรกับพ่อบากองเป็นการตอบแทนบ้าง”
อาละแมยิ้มมีเลศนัย “ข้าส่งหมอไปแล้ว”
ทกยอเอะใจกับรอยยิ้มนั้นของน้องสาว
บากองดูแลพ่อที่ป่วยอาการหนัก ไอเป็นเลือดไม่หยุด อองซอยืนดูอยู่อีกมุม
“ท่านอองซอ ทำไมป่านนี้หมอหลวงยังไม่มารักษาพ่อข้า”
“ไม่ต้องถึงมือหมอหลวงหรอก ข้าจะรักษาพ่อเจ้าเอง”
อองซอเดินเข้ามาประคองพ่อบากอง แล้วหักคอตายคามือ และต่อหน้าต่อตายบากอง
“พ่อ”
บากองร้องลั่นแค้นสุดขีด ควักมีดพกจะแทงอองซอ แต่กลับชะงักยืนนิ่งตรงหน้าอองซอ
“ท่านบากอง ข้ารู้ว่าเจ้ากตัญญู ข้าจะส่งเจ้าไปอยู่กับพ่อเจ้า”
มืออองซอจับมีดมั่นแทงพุงบากองเต็มแรง เลือดไหลเป็นทาง อองซอบิดมือหมุนให้มีดทะลวงท้องบากอง จนบากองค่อยๆ สิ้นใจตายตามพ่อไปในที่สุด
ทกยอรู้แผนของอาละแมหัวเราะสะใจออกมา
“ถือว่าเป็นความปราณีของเจ้าแท้ๆ อาละแม ที่ช่วยทำให้พ่อลูกไปอยู่ด้วยกัน ฮ่าๆ น่าเสียดายอยู่อย่างเดียวท่านพ่อไม่สั่งประหารชีวิตมังจาเลให้สิ้นซากไปซะ”
“การถูกถูกคุมขังไว้ที่ลานประตูผี ก็ไม่ต่างอะไรกับการโดนประหารชีวิต ดีซะอีก การที่มังจาเลถูกคุมขังอยู่ที่ลานประตูผี ทำให้เราสามารถทำอะไรกับมันได้ทุกอย่าง จะทรมานมัน หรืออยากให้มันตายเมื่อไหร่ก็แล้วแต่เรา”
ทกยอชอบอกชอบใจหัวเราะร่า “จริงของเจ้า ฮ่าๆๆ อะละแม แผนการณ์ล้ำลึกของเจ้าครั้งนี้เท่ากับว่าเจ้ายิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว ได้กำจัดมังจาเล แล้วยังทำให้ข้ากับเจ้าได้เคลียร์ตัวเองจากเรื่องลอบวางยาพิษท่านพ่อด้วย”
“จริงๆ แล้วได้นกถึงสามตัว” อาละแมยิ้มร้าย
“อะไรอีกรึ”
“ก็หญิงงามคนรักของมังจาเรที่พี่ทกยอต้องการไงล่ะ”
ทกยอยิ้มหื่น “เฟื่องฟ้า”
คุกลานประตูผี เช้าวันนี้ ผู้คุมกร้อนผมมังจาเล โดยที่ราชบุตรอังวะไม่ขัดขืนใดๆ นั่งนิ่งสีหน้าเคียดแค้นมาก
เมื่อกร้อนผมในฐานะนักโทษเสร็จแล้ว มังจาเลถูกมัดข้อมือยื่นให้ผู้คุมเฆี่ยนหลังจนเลือดไหลซิบกระเซ็นตามแรงตี เจ็บปวดทรมานมาก แต่ไม่ขัดขืน ไม่ร้องซักแอะ
เช้าวันเดียวกัน มะเมียะเข้าพบองค์มังระเพื่อสอบถามและหารือเรื่องมังจาเล ต่างคนต่างเครียด
“ข้าทำไม่ได้”
“ทำไมเพคะ”
“ข้าได้สั่งไปแล้ว ข้าจะคืนคำไม่ได้ ยังไงมังจาเรก็ต้องถูกคุมขังอยู่ในลานประตูผี”
“ท่านพ่อ ท่านพ่อรู้จักพี่มังจาเลดีกว่าใคร ท่านพ่อคิดจริงๆ รึว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือท่านพี่มังจาเล”
องค์มังระนิ่ง ไม่ตอบ
มะเมียะคาดคั้นพระบิดา “ตอบข้าสิว่าท่านพ่อคิดว่าเป็นฝีมือพี่มังจาเล เงียบทำไม ท่านพ่อตอบข้าสิ ท่านพ่อ...”
มังระตวาด “มะเมียะ”
มะเมียะเงียบทันที พระเจ้ามังระทอดถอนใจ
“เจ้าพูดถูก ข้ารู้จักมังจาเลดีกว่าใคร ข้าไม่เชื่อว่ามังจาเลจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่เจ้าจะให้ข้าทำยังไง ในเมื่อหลักฐานทุกอย่างมัดตัวมังจาเลแน่นขนาดนี้”
“แล้วถ้าข้าสามารถหาหลักฐานมาลบล้างความผิดของพี่มังจาเลได้ล่ะ”
“หลักฐานอะไร”
มะเมียะบอกอย่างหนักแน่นจริงจังมาก
ส่วนที่ลานประลองประตูผี กล้าต่อสู้กับเชลยอีกคน เป็นการต่อสู้ด้วยอาวุธดาบ ที่นั่งประจำของมังคยอจินว่างเปล่า แต่ชาวอังวะบนอัฒจรรย์เชียร์กันลั่นสนามกล้าเหนือกว่าเห็นๆ เล่นงานคู่ต่อสู้ฝ่ายเดียว จนถึงจังหวะที่คู่ต่อสู้ล้มนอน กล้าเงื้อมีดปักที่ท้องคู่ต่อสู้ คู่ต่อสู้ยกมือไหว้ยอมแพ้
“ฆ่ามันๆๆๆ”
กล้าจ้องหน้าคู่ต่อสู้ที่ยกมือไหว้ขอชีวิต สุดท้ายตัดสินใจปักมีดที่ท้องคู่ต่อสู้เต็มแรง เลือดพุ่งกระฉูดเลอะหน้ากล้า ชาวอังวะเฮลั่นสะใจ
มะขามยืนดูอยู่ในกลุ่มชาวอังวะ ถึงกับอึ้งช็อก ตะลึงตะไลกับความโหดเหี้ยมของกล้า
ทหารเดินนำสาวบรรณาการมาส่งให้เชลย จนถึงคุกของนิล มะขามรีบเลื่อนย้ายตัวเองมาข้างหน้าสาวๆเพื่อเป็นคิวต่อไป ทหารผลักมะขามเข้าไปในคุกของนิล
“มะขาม เจ้าจะเสี่ยงชีวิตเข้ามาในนี้อีกทำไม”
“นิล บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ ไอ้กล้ามันเป็นอะไร”
นิลไม่ตอบ ผลักมะขามลงพื้น แล้วตามไปนอนทับร่างมะขาม ทำเอามะขามตกใจดิ้นรนขัดขืนพัลวัน
“เจ้าทำอะไรของเจ้า นี่ข้านะ”
นิลปิดปากมะขาม ส่งซิกให้หยุดส่งเสียง
ด้านนอก ทหารเดินตรวจความเรียบร้อยหน้าคุก นิลรอจนทหารเดินผ่านไป จึงค่อยกระซิบบอกมะขาม ทั้งที่ยังนอนทับนางอยู่
“ข้าไม่รู้หรอกว่าไอ้กล้าเป็นอะไร ข้ารู้แต่เพียงว่ามันจำใครไม่ได้เลย มีครั้งหนึ่ง ข้าต้องต่อสู้กับมัน มันก็จำข้าไมได้ มันจะฆ่าข้าด้วยซ้ำ”
มะขามใจเสีย “จริงเหรอ โธ่กล้า”
ทหารเดินกลับมาชะเง้อดูด้วยความสงสัย นิลรีบทำเป็นนัวเนียมะขามกลบเกลื่อน ทหารยืนมองจนมั่นใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติจึงเดินจากไป
“ตะกี้ข้าดูไอ้กล้าต่อสู้ มันฆ่าคู่ต่อสู้ของมันทั้งๆ ที่คู่ต่อสู้ของมันยอมแพ้ ไหว้ขอชีวิต”
“ข้าไม่แปลกใจหรอก”
“แต่ไอ้กล้าไม่ใช่คนจิตใจโหดร้ายแบบนี้”
“เอ็งไม่รู้หรอกมะขามว่า ชีวิตของเชลยที่อยู่ในลานประตูผีเป็นอย่างไร”
กล้าปลุกปล้ำเริงสวาทกับสาวบรรณาการอีกคน ในขณะที่นิลคุยกับมะขามไปเรื่อยๆ
“เชลยทุกคนในนี้มีชีวิตเหมือนสัตว์ป่า สัตว์ป่าที่ต้องดิ้นรนทำทุกอย่างเพื่อเอาชีวิตรอด และทางเดียวที่จะมีชีวิตรอดคือต้องชนะ การชนะคู่ต่อสู้คือโอกาสที่จะได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก 1 วัน หากวันใดที่แพ้นั่นเท่ากับชีวิตต้องจบลง”
“แล้วไอ้กล้ามีโอกาสจะได้ออกไปจากที่นี่หรือไม่”
“โอกาสเดียวที่จะรอดออกไปจากที่นี่คือความตาย หากยังมีชีวิตอยู่ ก็อย่าหวังว่าจะได้ออกจากไปจากที่นี่”
มะขามฟังแล้วเศร้ามาก
“ไม่ ข้าไม่ยอม ข้าจะต้องหาทางพาเจ้ากับไอ้กล้าหนีออกไปจากที่นี่”
“ข้าไม่เห็นด้วย”
“ทำไม”
“ข้าว่าสิ่งที่เจ้าควรทำก่อนจะพาข้ากับไอ้กล้าหนี คือเจ้าต้องหาทางทำให้ไอ้กล้ากลับมาจำทุกอย่างได้ก่อน”
มะขามหยุดคิดตาม แล้วพยักหน้าเห็นด้วย
“จริงของเจ้า ข้าต้องทำให้ความจำของไอ้กล้ากลับคืนมาให้ได้ก่อน”
ฝ่ายมะเมียะเก็บข้าวของเสร็จเตรียมออกไปหาอ่อง เมื่อเปิดประตูจะรีบออกไป แต่กลับเจออาละแมยืนยิ้มเย้ยอยู่ก่อนหน้า
“เจ้าจะไปไหน”
“เรื่องของข้า”
มะเมียะผลักอาละแมหลบทางแล้วจะออกไป แต่เจออองซอยืนขวาง มะเมียะชะงักหันมองอะละแม
“นี่เจ้าคิดจะทำอะไร”
“สถานการณ์เช่นนี้ ข้าคงปล่อยเจ้าไว้ไม่ได้ ข้าคิดว่าเจ้าควรจะไปอยู่ในที่ที่สมควรอยู่”
ว่าแล้วอองซอก็รวบตัวมะเมียะพาออกไป มะเมี๊ยดิ้นขัดขืนไปตลอดทาง อะละแมยืนยิ้ม
ภายในบ้านลับที่อาละแมจัดเตรียมไว้เป็นที่เก็บตัวมะเมียะ ซึ่งไม่แจ้งใจว่าอยู่ที่ใด มะเมียะพยายามเดินสำรวจหาลู่ทางหนี แต่พบว่าประตูและหน้าต่างปิดล็อคตายทุกบาน ไม่มีทางหนี
สักพักอองซอเปิดประตูเดินถือถาดอาหารเข้ามาวางให้ มะเมียะปัดจานชามข้าวทิ้งกระจายเต็มพื้น
อองซองไม่พอใจ “ทำไมท่านถึงทำแบบนี้”
“ข้าต่างหากที่ต้องถามเจ้า ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้”
อองซอไม่ตอบ เดินไปก้มก้มเก็บเศษอาหารบนพื้นใส่ถาด
“ทั้งหมดเป็นแผนการของพี่ทกยอใช่มั้ย พี่ทกยอวางแผนฆ่าพี่มังคยอจิน รวมทั้งกำจัดพี่มังจาเลให้พ้นทาง เพื่อหวังจะได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากท่านพ่อ ใช่มั้ย”
อองซอเอาแต่เงียบ มะเมียะคาดคั้น
“เงียบทำไม ตอบข้าสิอองซอ”
อองซอไม่ตอบ มะเมียะคิดปราด หันไปมองประตู ตัดสินใจวิ่งหนีออกไปโดยเร็ว อองซอไวกว่ารีบวิ่งตามไปคว้าตัวไว้ที่ประตู มะเมียะดิ้นรนขัดขืนกัดแขนอองซอเต็มเขี้ยว อองซอสะลัดแขนหลุด เงื้อมือจะตบมะเมียะ แต่ยั้งไว้ทัน ผลักมะเมียะกระเด็นไปกองอีกมุม
“อย่าทำแบบนี้อีก ข้าไม่อยากทำร้ายท่าน”
พร้อมกับว่าอองซอเดินเครียดออกไป ปิดประตูปัง มะเมียะลุกตามไปทุบประตูร้องตะโกน
“เปิดประตู อองซอ เปิดประตูให้ข้าเดี๋ยวนี้”
เงียบกริบ ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
ทางด้านกล้านอนขดตัว กุมขมับปวดหัวอย่างรุนแรง
นึกถึงตอนมะขามเรียกตนว่า "นายขนมต้ม"
กล้าปวดหัวรุนแรง จนทนไม่ไหว ถึงขั้นลุกไปยืนหันหน้าเข้ากำแพง เอาโขกหัวกระแทกกำแพงเพื่อหวังให้ความเจ็บบรรเทาความปวดหัว กระแทกแรงจนเลือดไหลย้อยเลอะใบหน้า ผู้คุมเดินมาเปิดประตู พาตัวกล้าออกไป
ที่ลานประลอง ผู้คุมนำตัวกล้าในสภาพเลือดยังเลอะหน้าอยู่ ออกมาผลักเข้าไปในลาน ซึ่งคู่ต่อสู้ของกล้ายืนรออยู่ก่อนแล้ว มันตัวใหญ่มาก ใหญ่กว่ากล้าเห็นๆ กล้ายังปวดหัวไม่หาย ตาเบลอ มองคู่ต่อสู้ไม่ชัด ทุกอย่างกลายเป็นภาพซ้อน
มะขามแทรกตัวอยู่ในกลุ่มขาวอังวะบนอัฒจรรย์ คู่ต่อสู้ลุยก่อน กล้าปวดหัว สู้ไม่ไหว โดนต่อยหมัดเดียวก็ล้ม คู่ต่อสู้จับกล้าทุ่มจนนอนนิ่งในสนาม
มะขามกับชาวอังวะพากันงงงันที่กล้าไม่สู้ เงียบงันกันไปทั้งสนาม คู่ต่อสู้ตามไปยืนเยียบขยี้ตัวกล้าแบบผู้ชนะ ทันใดนั้นเองเลือดนักสุ้ของกล้าก็ลุกฮือ
กล้าแหกปากร้องคำรามราวสัตว์ป่า จับขาคู่ต่อสู้พลิกจนล้ม ลุกยืนมาปาดเลือดที่ปิดตาเลอะหน้าตัวเอง แล้วเดินหน้าลุยคู่ต่อสู้แบบไม่ยั้ง
มะขามกับชาวอังวะกลับมาตะโกนเชียร์กล้าอย่างสนุกสนานเหมือนเดิมทุกครั้ง
กล้าทั้งต่อย เตะ ศอก เข่า ถีบสารพัด ชนิดที่คู่ต่อสู้โต้ตอบอะไรไม่ได้เลย จนกล้ามีโอกาสกระโดดตีเข่าเข้ากลางอกคู่ต่อสู้อย่างจัง คู่ต่อสู้ล้มตึง นอนนิ่ง
กล้าไม่หยุด ตรงเข้าไปประคองคู่ต่อสู้ขึ้นมา หักคอคู่ต่อสู้จนตายคาที่ กล้าชูสองแขนคำรามแบบสัตว์ป่า ชาวอังวะเฮลั่นให้กับชัยชนะของกล้า มะขามยืนอึ้ง
บนอัฒจันทร์บริเวณที่นั่งประจำของราชบุตรมังคยอจิน เวลานี้มีราชธิดาอาละแมนั่งดูอยู่แทน พระนางลุกยืนตบมือให้กล้าอย่างพอใจ
เฟื่องฟ้านั่งเศร้า คิดถึงแต่มังจาเล จนเห็นทกยอเปิดประตูเดินเข้ามาเฟื่องฟ้าลุกพรวด เดินหนีไปอีกมุม
“ท่านจะทำอะไร”
“ข้าอยากรู้ว่ารสชาติคนรักของมังจาเลเป็นเยี่ยงไร ฮ่าๆ”
ทกยอเดินเข้าหา เฟื่องฟ้าคว้ามีดขึ้นมาขู่ ทกยอชะงัก
“อย่าเข้ามานะทกยอ ข้าไม่ได้ขู่”
ทกยอหัวร่อร่า “ฮ่าๆๆ เฟื่องฟ้า เจ้าไม่กล้าทำอะไรข้าหรอก”
เฟื่องฟ้ากระชับมีดมั่น เมื่อทกยอเดินเข้าหา เฟื่องฟ้าไม่แทงทกยอ แต่เชือดแขนตัวเองต่อหน้าทกยอ เลือดไหลเป็นทาง ทกยอชะงักตกใจ
“เฟื่องฟ้า นี่เจ้า”
“ท่านอย่าหวังว่าจะได้เป็นเจ้าของข้า เพราะทั้งร่างกายและหัวใจของข้าเป็นของท่านมังจาเรผู้เดียวเท่านั้น”
“ฮ่าๆ เฟื่องฟ้า ตัดใจซะเถอะ ไอ้มังจาเลของเจ้าตอนนี้มีสภาพไม่ต่างจากหมาขี้เรื้อน มันไม่ควรค่ากับเจ้าอีกแล้ว”
“ต่อให้ท่านมังจาเลเป็นหมาขี้เรื้อน ข้าก็ยังยินดีที่จะรักและเป็นของท่านมังจาเล ดีกว่าที่จะเป็นของท่าน”
ทกยอชักโกรธ “เฟื่องฟ้า เจ้าดูถูกข้า”
เฟื่องฟ้าขู่ทำท่าจะปาดเชือดแขนตัวเองอีก “ออกไปเดี๋ยวนี้ ไปสิ ออกไป๊”
ทกยอทำอะไรไม่ได้ คุมแค้นเจ็บใจ และล่าถอยจากไป
ทกยอคุมแค้นออกมา เดินผ่านอาละแมไปโดยไม่ทักทาย เล่นเอาอาละแมงง ตามไปขวางไว้
“ท่านพี่จะไปไหน”
“เฟื่องฟ้าขัดขืนข้าเพราะรักมังจาเล ข้าจะทำให้เฟื่องฟ้ารู้ว่าข้าเหนือกว่าไอ้มังจาเล ข้าจะไปฆ่าไอ้มังจาเล”
“ข้าเข้าใจ ถ้าเป็นข้า ข้าก็คงแค้นใจมังจาเรไม่ต่างจากท่านพี่ แต่ท่านพี่จะลงมือเองให้เกิดข้อครหาทำไม”
“เจ้าหมายความว่าไง”
อาละแมยิ้มร้ายมีเลศนัย
เช้าวันต่อมา อาละแมเปิดประตูเข้ามาหาเฟื่องฟ้าในห้อง
“ท่านพี่ทกยอให้ข้ามารับเจ้า”
“ไม่ ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“แม้แต่จะไปพบมังจาเลงั้นรึ”
เฟื่องฟ้าชะงัก คาดไม่ถึง
มังจาเลนอนขดตัวถูกล่ามโซ่อยู่กับพื้น พอเงยหน้าขึ้นมาต้องชะงัก ตกใจมาก เมื่อเห็นเฟื่องฟ้ายืนเศร้าอยู่ตรงหน้า
“เฟื่องฟ้า”
มังจาเรลุกพรวด โผเข้ากอดเฟื่องฟ้าด้วยความรักความคิดถึง เฟื่องฟ้ากอดตอบแนบแน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ท่านเป็นยังไงบ้าง”
“ข้าก็คิดถึงเจ้า เฟื่องฟ้า เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะหาทางออกไปจากที่นี่ แล้วข้าจะพาเจ้าหนีไปจากเมืองอังวะให้จงได้”
ทันใดนั้นเอง ทกยอก็เข้ามากระชากเฟื่องฟ้าออกจากมังจาเล ล็อคตัวนางไว้
มังจาเลตกใจ “ทกยอ ปล่อยเฟื่องฟ้า”
“ฮ่าๆๆ มังจาเล เจ้ายังคิดอีกเหรอว่าจะหนีออกจากที่นี่ได้ ฮ่าๆๆเฟื่องฟ้า เจ้ารักมันมากใช่มั้ย ดี ข้าก็อยากรู้ว่าเจ้าจะรู้สึกอย่างไรถ้าได้เห็นคนที่เจ้ารักตายต่อหน้าต่อตาเจ้า”
ทกยอลากตัวเฟื่องฟ้าออกไป มังจาเลจะตาม แต่ไปไม่พ้นห้องขัง เพราะถูกโซ่ล่ามอยู่ ได้แต่ร้องตามไปเสียงดังโหยหวน
“เฟื่องฟ้า”
มังจาเรสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย เหงื่อแตกพลั่ก
“เฟื่องฟ้า”
มีผู้คุม 2 คน เปิดประตูเข้ามาปลดโซ่ออก แล้วช่วยกันคุมตัวมังจาเลออกไป
ชาวอังวะนั่งเต็มอัฒจันทร์ หนึ่งในนั้นคือมะขาม อาละแมเดินพาเฟื่องฟ้าเข้ามานั่งข้างๆ ทกยอ ซึ่งเป็นที่นั่งประจำของมังคยอจิน
“นึกว่าเจ้าจะไม่ยอมมาซะแล้ว” ทกยอยิ้มทัก
“อาละแมบอกว่าท่านจะพาข้าไปพบท่านมังจาเร ทำไมถึงพาข้ามาที่นี่”
ทกยอหันไปสบตากับอาละแม ยิ้มกระหยิ่มอย่างรู้กัน ไม่ตอบคำถามเฟื่องฟ้า
ทันใดนั้นเองผู้คุมก็ลากตัวมังจาเลออกมา ผลักเข้าไปลานประลอง เฟื่องฟ้าเห็นก็ตกใจมาก
“มังจาเล”
เฟื่องฟ้าจะวิ่งลงไปหามังจาเล แต่ทกยอจับมือไว้ไม่ให้ไป มังจาเลลุกยืนมองไปรอบสนาม เจอเฟื่องฟ้านั่งอยู่กับทกยอบนอัฒจันทร์
“เฟื่องฟ้า”
เฟื่องฟ้าหันมาหาทกยอ “ท่านคิดจะทำอะไรของท่าน”
“ข้าเตรียมคู่ต่อสู้ให้มังจาเรแล้ว อีกไม่กี่อึดใจ เจ้าจะได้เห็นคนที่เจ้ารักตายต่อหน้าต่อตาเจ้าน่ะสิ”
“ไม่ ไม่มีทาง ท่านมังจาเลไม่เคยแพ้ใคร”
“อาจไม่มีทหารอังวะหรือเชลยคนใดทำอะไรมังจาเลได้ ยกเว้นซะแต่คนนี้” ทกยอยิ้มสะใจ
“ท่านหมายถึงใคร”
ผู้คุมนำตัวคู่ต่อสู้ของมังจาเลออกมา และผลักเข้ามาในลานประลอง เป็นกล้านั่นเอง
เฟื่องฟ้าอุทานด้วยความตกใจ “กล้า”
ทกยอหันมามอง “เจ้ารู้จักมันด้วยรึ”
ในลาน มังจาเรเจอกล้าจังๆ ก็ออกอาการตกใจเช่นกัน
“กล้า” มังจาเลเดินเข้าไปหา “ไอ้กล้า เจ้าจริงๆเหรอเนี่ย”
กล้าจำไม่ได้ ไม่ทักไม่ตอบ ผลักมังจาเลกระเด็นไป จ้องหน้าอย่างกระหายเลือด
เฟื่องฟ้ากับมะขามตื่นตระหนกตกใจกับการที่มังจาเลจะต้องต่อสู้กับกล้า
ผู้คุมตีฆ้อง ให้สัญญาณเริ่มการต่อสู้ ทุกสายตามองลงไปในลานประลอง
สิ้นเสียงสัญญาณเริ่มการต่อสู้ กล้าค่อยๆ เงยหน้ามองมังจาเลแต่จำไม่ได้
“ไอ้กล้า นี่ข้าเอง” มังจาเลพยายามเรียก
ไม่ทันขาดคำ กล้าโถมเข้าลุยมังจาเลทันที มังจาเลทั้งแปลกใจและไม่ทันตั้งตัว โดนกล้าเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียว โดยไม่มีโอกาสตอบโต้
กล้าลุยแหลก จนจังหวะหนึ่งมังจาเลได้เปรียบ ล็อคคอกล้า กล้าดิ้นไม่หลุด
“ไอ้กล้า เจ้าเป็นอะไร เจ้าจำข้าไม่ได้รึไง ข้า มังจาเล”
กล้าไม่สนใดๆ พลิกตัวทุ่มมังจาเล แล้วกระโดดตามแทงเข่าที่อกมังจาเลอย่างจัง เลือดพุ่งออกปาก อาละแมกับทกยอยิ้มกริ่มสะใจ ตรงข้ามกับสีหน้าเฟื่องฟ้ากับมะขามที่ตกใจมาก
กล้าจะซ้ำอีก คราวนี้มังจาเลทนไม่ไหวอีกต่อไป โต้ตอบคืนบ้าง
กล้ากับมังจาเลต่อสู้กันอย่างดุเดือดสูสี ผลัดกันได้เปรียบเสียเปรียบ จนจังหวะหนึ่งมังจาเลกระโดดตีศอกเข้าที่ขอบตากล้าเลือดกระจาย กล้าเริ่มสะเปะสะปะเพราะเลือดไหลไม่หยุดมองไม่เห็น มังจาเลได้จังหวะ ถีบกล้ากระเด็นไปนอนนิ่ง พยายามลุกแต่ลุกไม่ไหว
มังจาเลเงยหน้ามองทกยอและเฟื่องฟ้า ทกยอเจ็บใจที่มังจาเลชนะกล้า เฟื่องฟ้าสงสารกล้าจับใจ
มังจาเลตัดสินใจเดินออกจากลาน ทกยอยืนพรวดประกาศก้อง
“เวลายังไม่หมด ห้ามผู้ใดออกจากสนาม”
จู่ๆ กล้าก็ลุกพรวดมากระโดดถีบมังจาเล จนกระเด็นไป กล้าปาดเลือดที่บังตาแล้วลุยแหลก มังจาเลตอบโต้ แต่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ โดนกล้าลุยแหลก จนน่วม ล้ม ลุกไม่ไหว
ทกยอสะใจโยนมีดพกประจำตัวให้กล้าในลาน กล้ารับมีดแล้วเดินตรงเข้าไปหามังจาเล เงื้อมีดจะปักที่อกมังจาเล กะเอาให้ตาย เสียงคนตะโกนเชียร์ "ฆ่ามันๆๆๆ" ดังเซ็งแซ่
ปรากฏว่า เสียงฆ้องดังขึ้นเป็นสัญญาณหมดเวลา ผู้คุมเข้ามาแยกกล้ากับมังจาเล แล้วคุมตัวทั้งคู่ออกไป
ทกยอกับอาละแมเจ็บใจที่เวลาหมดซะก่อน เฟื่องฟ้าทนไม่ไหว จะลุกออกไปหามังจาเล แต่ทกยอห้ามไว้ แล้วฉุดกระชากเฟื่องฟ้าออกไปอีกทางอย่างไม่พอใจ
มะขามยืนอึ้งตกใจกับภาพที่เห็น
ทกยอกระชากเฟื่องฟ้าเข้ามาแล้วผลักไปที่มุมหนึ่ง ยังฉุนเฉียวไม่หายที่มังจาเลไม่ตาย
“เจ้าคงดีใจมากสินะที่ไอ้มังจาเลยังไม่ตาย”
“ท่านทกยอ ทำไมท่านทำแบบนี้ ท่านจงใจให้ไอ้กล้าฆ่าท่านมังจาเล ทำไม ทำไมท่านถึงโหดเหี้ยมอำมหิตเพียงนี้”
“เพราะข้าต้องการให้เจ้าเห็นกับตาว่าไอ้มังจาเลของเจ้าอยู่ในกำมือข้า ข้าจะทำอะไรมัน หรือจะฆ่ามันเมื่อไหร่ก็ได้ ไอ้มังจาเลมันไม่มีวันได้กลับมาหาเจ้าอีกแล้ว”
“แต่มังจาเลเป็นน้องชายแท้ๆ ของท่าน”
ทกยอหัวเราะเยาะ “น้องชาย ฮ่าๆๆ สำหรับข้า มังจาเลไม่ใช่น้องชาย แต่มันคือไอ้หัวขโมย มันขโมยความรัก ความไว้ใจทั้งหมดของเสด็จพ่อไปจากข้า”
“ไม่นะท่านทกยอ ข้าขออ้อนวอนท่าน อย่าทำท่านมังจาเล”
ทกยอเดินเข้าหาเฟื่องฟ้า เฟื่องฟ้าถอยหนีจนติดกำแพง ทกยอยืนพูดแบบประชิดตัว
“เฟื่องฟ้า หากเจ้ารักมังจาเล ห่วงมัน ไม่อยากให้ข้าทำอะไรกับมัน เจ้าจงเชื่อฟังข้า จงทำทุกอย่างที่ข้าต้องการ อย่าคิดขัดขืนหรือทำให้ข้าไม่พอใจ เพราะชีวิตของมังจาเลขึ้นอยู่กับเจ้า”
ทกยอผลักเฟื่องฟ้าออกแล้วเดินไปหยุดที่ประตู หยุดแล้วหันกลับมาบอกเชิงสั่งว่า
“อีก 3 วันนับจากนี้ เจ้าจะต้องเข้าพิธีอภิเษกกับข้า”
ทกยอเดินออกไปเลย ทิ้งเฟื่องฟ้าให้ยืนอึ้งตะลึงตะไลอยู่ลำพัง
อองซอวางถาดอาหารบนโต๊ะ มะเมียะถามย้ำอีกครั้งอย่างตื่นตกใจ
“จริงรึ”
อองซอพยักหน้ารับหนักแน่น
“อองซอ เจ้าหลอกลวงข้ารึป่าว”
“สิ่งสุดท้ายที่ข้าจะยอมทำคือการหลอกลวงท่าน”
มะเมียะชะงักนิดๆ
“ไม่ ข้าจะยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่ได้ เฟื่องฟ้าไม่ได้รักพี่ทกยอ เฟื่องฟ้าพี่มังจาเล คนที่จะอภิเษกกับเฟื่องฟ้าต้องเป็นพี่มังจาเลคนเดียวเท่านั่น” มะเมียะอ้อนวอน “อองซอ ข้าขออ้อนวอนเจ้าได้โปรดยอมให้ข้าออกไปจากที่นี่ ข้าต้องรีบไปบอกพี่มังเร เพื่อที่พี่มังจาเลจะได้รีบหาทางขัดขวางพี่ทกยอ ก่อนที่จะสายเกินไป”
อองซอไม่ตอบ เดินหนีไปที่ประตู มะเมียะร้อนใจมากทำอะไรไม่ถูก ขณะที่อองซอเปิดประตูจะออกไป มะเมียะตัดสินใจวิ่งไปปิดประตู ยืนขวางประจันหน้ากับอองซอ ก้มลงมองมีดสั้นเหน็บอยู่ที่เอวของอองซอ แล้วได้ความคิดบางอย่าง
“เจ้ารักข้าใช่มั้ย”
อองซอไม่ตอบ
“ข้ารู้ว่าเจ้ารักข้า อองซอ ขอเพียงเจ้ารับปากว่าจะยอมให้ข้าออกไปจากที่นี่ ข้าจะยอมเป็นของเจ้า”
อองซอตกใจ จ้องมะเมียะอย่างคาดไม่ถึง มะเมียะจ้องตอบยืนยันสิ่งที่พูด อองซอค่อยๆ สวมกอดมะเมียะ โดยที่มะเมียะไม่ขัดขืนใดๆ
ประตูห้องที่ปิดสนิทอยู่นั้น จู่ๆ มะเมียะก็ผลักประตูผลัวะ วิ่งพรวดออกมาหันซ้ายหันขวาแล้วรีบวิ่งหนีออกไปทางหนึ่ง สักพักหนึ่งจึงเห็นอองซอเดินตามออกมา โดยมีมีดของตัวเองปักหลัง เลือดไหลเป็นทาง
อองซอเจ็บใจแค้นใจที่โดนมะเมียะหลอก เอี้ยวตัวดึงมีดออกจากหลังอย่างแรง
มะเมียะเดินเร็วรี่เข้ามาในคุก จะตรงเข้าไปยังห้องขังมังจาเล แต่เจอทหารยามยืนขวางไว้
“หลบไป ข้าจะเข้าไปพบท่านพี่มังจาเล”
“ท่านเข้าไมได้”
“บังอาจ ทหารอย่างเจ้ากล้าขัดคำสางของข้างั้นรึ”
“ข้ามิบังอาจ แต่ท่านต้องปฏิบัติตามคำสั่งของท่านทกยอ ห้ามผู้ใดเข้าไปพบท่านมังจาเลโดยเด็ดขาด”
“แต่ข้าเป็นน้องสาวพี่มังจาเล”
“ท่านทกยอสั่งว่าแม้แต่พระเจ้ามังระก็เข้าไม่ได้”
มะเมียะอึ้ง ทหารยืนกันเต็มที่ยังไงก็ไม่ยอมให้เข้า มะเมียะเจ็บใจมาก จนนึกถึงคำสั่งเสียของมังจาเลที่บอกให้ไปตามหาอ่อง มะเมียะรีบวิ่งออกไปทันทีอย่างมีความหวัง
มะเมียะเที่ยวเดินตามหาอ่องที่หมู่บ้านที่อ่องเคยอยู่ สอบถามกับแม่ค้าในตลาดร้านนั้นร้านนี้ แต่ทุกคนส่ายหน้าไม่รู้จัก มะเมียะกลุ้ม หันมองไปรอบๆ จนเจออะไรบางอย่าง หยุดจ้องมองอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
อ่องปลอมตัวเป็นตาแก่นั่งขอทาน มีขันใส่เศษเงินวางตรงหน้า ชาวบ้านคนหนึ่งเดินมาหยอดตังค์ใส่ขัน อ่องยกมือไหว้รับเศษเหรียญมาแต่ดันหลุดมือเหรียญตกพื้นกลิ้งไปอีกมุม อ่องเอื้อมจะคว้าเหรียญ แต่มีมือใครหนึ่งเดินมาช่วยเก็บเหรียญให้ อ่องเงยหน้ามองแล้วต้องตกใจ เพราะเป็นมะเมียะนั่นเอง
มะเมียะก้มไปคุยด้วย “อ่อง เจ้าคืออ่องใช่มั้ย ข้าจำเจ้าได้”
อ่องอึกอักๆ สีหน้าหวาดกลัว คอยหันมองไปรอบๆ อย่างระวัง
“เจ้าไม่ต้องกลัว ข้ามาคนเดียว ไม่มีใครตามข้ามา”
“ท่านมะเมียะ คือข้า เอ่อ ข้า...”
“ท่านพี่มังจาเลให้ข้ามาตามเจ้า”
อ่องยิ่งตกใจ “ท่านมังจาเล”
ต่อมามะเมียะกับอ่องหลบออกมาคุยกันสองคนในที่ลับตาคน
“โธ่ ท่านมังจาเล ไม่น่าเลย”
“เจ้าต้องไปกับข้า ไปพบพี่มังจาเล”
“ท่านมะเมียะ ข้าช่วยอะไรท่านมังจาเลไม่ได้หรอก มีคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยท่านมังจาเลได้นั่นคือ เมียต”
มะเมียะอุทาน “เมียต เมียตยังไม่ตาย เมียตมีชีวิตอยู่งั้นรึ”
“ท่านอาละแมจับตัวเมียตคุมขังไว้ในคุกของท่านทกยอ”
มะเมียะเจ็บใจ “อาละแม อ่อง เจ้าต้องไปกับข้า ไปช่วยเมียต และพาเมียตไปเล่าความจริงทุกอย่างให้ท่านพ่อของข้าฟัง เพื่อที่พ่อของจ้าจะได้ตาสว่างและรีบปล่อยตัวพี่มังจาเล ก่อนที่ทกยอจะแต่งงานกับเฟื่องฟ้า”
อ่องคิดหนัก มองข้ามไหล่มะเมียะออกไปแล้วร้องอุทานเสียงหลง "ท่านทกยอ"
มะเมียะตกใจหันไปมองตามแต่ไม่เจอใคร พอหันกลับมาอีกที อ่องหนีหายไปแล้ว
มะเมียะเจ็บใจ แต่ไม่คิดตาม ยืนคิดหนัก "...เมียต"
มะเมียะเดินเข้ามาหยุดหน้าคุ้มทกยอ เจอทหารที่ยืนยาม จึงหยุดวางฟอร์มใส่ ทหารทำความเคารพเป็นแถว มะเมียะจะเดินเข้าไปในคุ้ม เพื่อไปหาเมียต แต่จู่ๆ อองซอเดินออกมาพอดี มะเมียะชะงัก
“อองซอ”
อองซอจ้องหน้าเขม็ง มะเมียะอึกอักๆ
“ท่านหลอกข้า”
“คือข้า เอ่อ ข้า...”
“ข้าจะลืมสิ่งที่ท่านทำกับข้า แต่ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะได้พบท่าน อย่าให้ข้าได้พบเจอท่านอีก ไปซะ”
อองซอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง จนมะเมียะกลัว จำต้องเดินหนีไป อองซอมองตามเคืองแค้น
เมื่อไม่รู้จะไปไหนมะเมียะะจึงแวะมาหากล้า
“กล้า เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
กล้าไม่ตอบ แต่รวบตัวมะเมียะเข้ามากอดปล้ำเอาดื้อๆ มะเมียะไม่ขัดขืน นอนนิ่งสีหน้าเศร้า
“ไม่เหลือใครอีกแล้ว นอกจากเจ้า เจ้าต้องช่วยท่านพี่มังจาเล”
กล้าหยุดปล้ำ จ้องหน้ามะเมียะนิ่ง
“เจ้าจำได้มั้ย พี่มังจาเลเคยช่วยเหลือเจ้า มีบุญคุณกับเจ้า บัดนี้ถึงคราวแล้วที่เจ้าจะต้องตอบแทนพี่มังจาเล เจ้าต้อง...”
กล้าถามสวนออกมาว่า “มังจาเลคือใคร”
“โธ่ กล้า เจ้าจำพี่มังจาเลไม่ได้จริงรึ”
จู่ๆ มีทหารเดินมาขัดจังหวะ มะเมียะรีบหลิกตัวหนีหันหน้าเข้ากำแพง ทหารนำตัวกล้าออกไป
มะเมียะนอนตะแคงมองกำแพง น้ำตาไหลพราก
กล้าสู้กับคู่ต่อสู้ในลานประลองค่ายประตูผี การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด ส่วนบนอัฒจันทร์ มะขามยืนแทรกอยู่ในกลุ่มชาวอังวะ ที่พากันโห่ร้องสะใจเชียร์กล้ากันเต็มที่ มะเมียะแทรกตัวเข้ามาหยุดยืนดูการต่อสู้ของกล้าข้างๆ มะขาม โดยที่สองสาวไม่รู้จักกัน จนจังหวะหนึ่ง กล้าพลาดโดนคู่ต่อสู้กระโดดถีบจนล้ม
มะขามตกใจอุทานลั่น “ไอ้กล้า”
มะเมียะหันขวับไปมองมะขามอย่างสงสัย
“เจ้าคือใคร”
มะขามงง “แล้วเจ้าล่ะคือใคร”
“เจ้าไม่รู้จักข้างั้นรึ”
“ทำไมข้าต้องรู้จักเจ้าด้วย”
“ข้าคือมะเมียะ น้องสาวท่านมังจาเล โอรสแห่งกษัตริย์เมืองอังวะ”
มะขามผงะตกใจ มะเมียะเสียงดังใส่
“เจ้าไม่ใช่ชาวอังวะ เจ้าคือใคร”
ชาวอังวะที่ยืนข้างๆ พากันหันมองมะขามเป็นตาเดียวกัน มะขามกลัวโดนจับได้ว่าเป็นคนอโยธยา จึงวิ่งหนีออกไปทันที มะเมียะรีบตามไปติดๆ
ส่วนในลานกล้าน็อคคู่ต่อสู้ในสนาม ตายคาที่เช่นเคย
มะขามวิ่งหนีออกมาหลบหลังต้นไม้ เหลียวมองกลับไปดู ไม่มีใครวิ่งตามมาแล้ว จึงโล่งอก พอหันกลับมาดันเจอทหาร 2 คนยืนจังก้าจ้องหน้าอยู่ มะขามผงะตกใจ รีบลุกจะวิ่งหนีต่อ แต่ไม่ทัน โดนทหาร 2 คนคุมตัว มะขามดิ้นรนขัดขืนเต็มที่ จนกระทั่งมะเมียะเดินออกมา มะขามชะงัก
มะเมียะสั่งทหาร “ปล่อย”
ทหารปล่อยตัวมะขามตามสั่ง
“พวกเจ้าไปได้แล้ว”
ทหารรับคำแล้วพากันแยกไป ทิ้งมะเมียะไว้กับมะขาม
“เจ้าคือใคร รู้จักไอ้กล้าได้ยังไง”
“ข้าชื่อมะขาม ข้าคือคนรักของไอ้กล้า”
มะเมียะตกใจ “คนรัก”
“ใช่ ทำไมรึ”
“เอ่อ คือ ข้า เอ่อ...” มะเมียะตอบเลี่ยงไป “ถ้าเจ้าคือคนรักของไอ้กล้า เจ้าก็น่าจะช่วยเหลือข้าได้”
“ช่วยอะไร”
สองสาวนั่งคุยกันมะขามรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็ตกใจมาก
“ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้”
มะเมียะส่ายหน้ากลุ้มใจเหลือเกิน มะขามคิดตาม
“ท่านมะเมียะ ข้าเห็นด้วยกับท่าน ท่านมังจาเลเคยช่วยเหลือไอ้กล้า มีบุญคุณกับไอ้กล้า เพราะฉนั้นไอ้กล้าต้องตอบแทน”
“งั้นเจ้าต้องช่วยข้า”
“ท่านจะให้ข้าช่วยเช่นไร”
“เมียต มะขาม เจ้าต้องหาทางไปพบเมียตที่คุกของทกยอ และคาดคั้นเอาความจริงจากเมียตให้จงได้”
“ทำไมต้องเป็นข้า”
“เพราะข้าคือมะเมียะ คนในอย่างข้าไม่สามารถหลบเข้าไปหาเมียตได้ ข้าต้องอาศัยคนนอกอย่างเจ้า”
“ตกลง แต่ท่านก็ต้องช่วยข้าด้วย”
“เจ้าจะให้ข้าช่วยอะไรเจ้า”
“ข้าต้องการให้ความจำของไอ้กล้ากลับคืนมา”
“เจ้ามีวิธีรึ”
มะขามพยักหน้าหนักแน่น แล้วนึกขึ้นได้ถึงเหตุการณ์บางอย่าง
ตอนมะขามแอบเข้าไปหากล้า เรียกกล้าว่า "นายขนมต้ม" แล้วกล้าออกอาการให้เห็น
“เฟื่องฟ้า...เฟื่องฟ้าคือคนเดียวที่จะทำให้ความจำของไอ้กล้ากลับมาเหมือนเดิม ท่านต้องหาทางพาข้าไปพบเฟื่องฟ้าเดี๋ยวนี้”
“แต่เฟื่องฟ้าถูกจองจำไว้ในวัง มีทหารเฝ้าแน่นหนา อย่าว่าแต่เจ้า แม้แต่ตัวข้าเองก็ยังเข้าวังไม่ได้”
“เป็นหน้าที่ของท่านที่ต้องหาวิธี”
มะเมียะะคิดหนัก
“ข้าจะไปพบเมียตตามที่ท่านขอ และเมื่อข้าได้ความจริงจากปากเมียต มาให้ท่าน ท่านต้องพาข้าไปพบเฟื่องฟ้า”
“ตกลง” มะเมียะรับเอาคำ
มะขามแอบมาสอดส่องดูลาดเลา เจอทหารเฝ้ายามหน้าคุกอาวุธพร้อมมือ จึงคิดหาวิธี จนนึกออกวิ่งหายออกไปทางหนึ่ง ทหารพร้อมอาวุธยืนเฝ้ายามท่าทางขึงขัง จู่ๆ มะขามโผล่มาจากด้านหลัง ล็อคคอ ทหารขัดขืน มะขามโชว์ฝีมือการต่อสู้ หักคอทหารตายคาที่
มะขามจะรีบเข้าไปในคุก แต่มีทหารอีกคนโผล่มาพอดีเข้ามาล็อคตัวมะขามไว้ มะขามร้องขัดขืน
“เจ้าคือใคร”
มะขามไม่ตอบ พยายามดิ้นขัดขืน แต่ไม่หลุด ทหารผลักมะขามลงกับพื้น หมายจะฆ่าทิ้งด้วยอาวุธในมือ แต่จู่ๆมีใครคนหนึ่งเข้ามาคอล็อคทหารใช้มีดปาดคอทหารตายต่อหน้าต่อตา
มะขามช็อคตกใจกลัว จะวิ่งหนี แต่ใครคนนั้นคว้าตัวมะขามไว้ ที่แท้ เป็นอ่องนั่นเอง
“ปล่อย ปล่อยข้า”
อ่องจ่อมีดที่คอมะขามอีก มะขามนิ่งจังงัง อ่องตะคอกถาม
“เจ้าคือใคร”
“แล้วเจ้าล่ะคือใคร”
“ข้าคืออ่อง คนรักของเมียต”
“คนรักของเมียต” มะขามโล่งอก “ข้าคือมะขาม ท่านมะเมียะสั่งข้าให้มาพบเมียต”
อ่องตกใจ “ข้าก็จะมาช่วยคนรักเช่นกัน”
อ่องเดินนำมะขามตามหาเมียต ไล่ดูตามห้องขังในคุ้มทีละห้องๆ ทุกห้องมีนักโทษถูกจองจำไว้ จนเจอห้องขังเมียต สภาพเมียตที่เห็นนอนป่วยหน้าหน้าซีดเผือด สภาพทรุดโทรมเต็มที่
“เมียต”
เมียตค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นมอง เห็นอ่องกับมะขาม อ่องรีบเข้าไปกอดเมียตไว้ด้วยความสงสาร เมียตกอดตอบ
“เมียต เจ้าเป็นอะไร”
เมียต อ่อนแรงเต็มทน “ข้า ข้าโดนทกยอวางยา”
“โธ่เมียต” อ่องสงสารเมียตมาก
เมียตจ้องหน้ามะขามสงสัยว่าเป็นใคร
“ข้าชื่อมะขาม ท่านมะเมียะส่งข้ามาหาเจ้า”
เมียตไม่ไว้ใจ หันมองอ่อง
“ท่านมะเมียะส่งมะขามมาฟังความจริงทั้งหมดจากปากเจ้า”
“ความจริงอะไร”
“ความจริงเรื่องท่านทกยอ”
ได้ยินชื่อนี้เมียตผวา ตกใจกลัว “ท่านทกยอ ไม่...ไม่...ไม่...”
เมียตเสียขวัญ ร้องโวยวายด้วยขยาดกลัวทกยอสุดชีวิต จนอ่องต้องกอดปลอบ มะขามรอฟัง
มะขามนำเอาความจริงทั้งหมดจากปากเมียตมาเล่าให้มะเมียะฟัง มะเมียะแค้นมาก
“ที่แท้ทั้งหมดก็เป็นฝีมือพี่ทกยอกับอาละแมนี่เอง ขอบใจเจ้ามากมะขาม ที่ช่วยทำให้ข้ากระจ่างความจริงทั้งหมด”
“ไม่ใช่แค่ข้า แต่ต้องขอบใจอ่อง หากไม่ได้อ่อง นอกจากจะไม่พบตัวเมียต ข้าคงตายไปแล้ว”
“จริงของเจ้า ในที่สุดอ่องก็เปลี่ยนใจมาช่วยพี่มังจาเล”
“แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อไป”
“พรุ่งนี้เช้า ข้าจะต้องพาเสด็จพ่อของข้าไปพบเมียต เพื่อที่เสด็จพ่อจะได้รู้ความจริงทั้งหมดและปล่อยตัวพี่มังจาเลให้เป็นอิสระ และเมื่อเสร็จจากนั้น ข้าจะพาเจ้าไปพบเฟื่องฟ้า ตามที่เจ้าต้องการ”
มะขามพยักหน้ารับเอาคำ
มะเมียะหาทางเข้าในเขตเวียงวังอังวะ และเข้าพบพระเจ้ามังระจนได้ ในตอนเช้า
ยินเสียงอุทานของเหนือหัวมังระดังขึ้น "เมียตงั้นรึ"
สองพ่อลูกคุยกันอยู่ลำพังในห้อง เหนือหัวมังระหน้าตาตื่นตกใจ ตวาดใส่ราชธิดาอย่างไม่เชื่อ
“เหลวไหล เจ้าเอาอะไรมาพูด เมียตตายไปแล้ว”
“ท่านพ่อ เมื่อคืนคนของข้าเพิ่งไปพบเมียต เมียตยังมีชีวิตอยู่ เมียตโดนจับตัวไปคุมขังในคุกของพี่ทกยอ”
“คุกของทกยอ? ทกยอจับเมียตไปขังทำไม”
“ข้าอยากให้ท่านพ่อได้ยินคำตอบจากปากเมียตเอง เพราะมันคือคำตอบ ที่จะทำให้พ่อจะเข้าใจทุกอย่างที่เกิดขึ้น”
“แล้วทำไมเจ้าไม่ให้คนของเจ้าพาเมียตมาพบข้าที่นี่”
“สภาพร่างกายของเมียตทรุดโทรมและป่วยหนักเกินกว่าข้าจะพาเข้าวังมาพบท่านพ่อได้”
“เมียตป่วยเป็นอะไร”
“พี่ทกยอวางยาพิษเมียต หวังให้เมียตเจ็บปวดทรมานและตายอย่างช้าๆ”
องค์มังระตกใจ “มะเมีย นี่เจ้าเอาเรื่องเหลวไหลที่ไหนมาพูด เจ้ากำลังปรักปรำทกยอพี่ชายของเจ้า”
“พี่ชายของข้ามีคนเดียวเท่านั้นคือท่านพี่มังจาเล และข้ามั่นใจหากท่านพ่อได้ฟังเรื่องราวจากปากเมียต ท่านพ่อจะรู้ความจริงว่า คนที่ถูกปรักปรำ ไม่ใช่พี่ทกยอ แต่เป็นพี่มังจาเล”
เหนือหัวมังระคิดหนัก
องค์มังระเดินเครียดตรงเข้ามากับมะเมียะ ทหารที่ยืนเฝ้าอยู่ตกใจ ไม่กล้าขวาง รีบคุกเข่าถวายบังคมมังระ มังระเดินนำมะเมียะกับอ่องเข้าไปด้านใน ทหารหงอ ไม่กล้าขัดแม้แต่น้อย
มะเมียะเดินนำองค์มังระมาหยุดที่ห้องคุมขังเมียต เจอสาวนางหนึ่งนอนหันหลังอยู่
“เมียต นั่นเจ้าจริงๆ รึ” องค์มังระร้องเรียก
สาวคนนั้นค่อยๆ หันมามอง แต่ไม่ใช่เมียต สองพ่อลูกผิดคาด งงไปเลย
มะเมียะตะคอกถามสาวนางนั้น “เจ้าเป็นใคร แล้วเมียต เมียตอยู่ไหน” สาวนางนั้นส่ายหน้าไม่รู้
องค์มังระหันมาโวยมะเมียะ “นี่มันอะไรกัน เจ้าโกหกข้างั้นรึ”
“ไม่ ข้าไมได้โกหก เมื่อคืนคนของข้า...”
“แล้วเมียตไปไหน”
มะเมียะตอบไม่ถูก จู่ๆ ทกยอกับอาละแมเดินเข้ามาสมทบ
“ทหารไปรายงายข้าว่าท่านพ่อเสด็จมาที่นี่ มีเหตุอันใดรึ” ทกยอทักทายตาใส
องค์มังระยังไม่ทันตอบ มะเมียะโวยทกยอทันที
“พี่ทกยอเอาเมียตไปไว้ที่ไหน”
“เมียต เมียตตายแล้วไม่ใช่รึ” ทกยอโกหกตาใส
“อย่ามาทำเป็นไขสือ เมื่อคืนคนของข้าเจอเมียตอยู่ที่นี่ ในห้องนี้ เมียตบอกว่าพี่ทกยอคือคนจับตัวมันมาขังไว้ที่นี่ และวางยาพิษให้มันกิน”
อาละแมทำเป็นปราม “มะเมียะ เจ้าพูดอะไรของเจ้า เจ้ากำลังปรักปรำท่านพี่ทกยอ”
มะเมียหันมาหาอาละแม อย่างเอาเรื่อง “ไม่ใช่แค่พี่ทกยอ เจ้าด้วย อาละแม เจ้าร่วมมือกับพี่ทกยอบังคับให้เมียตลอบวางยาพิษท่านพ่อ”
ทกยอทำเป็นอึ้ง ตกใจ “มะเมียะ เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าพูดอะไร”
“ข้ารู้ตัวดี แต่ท่านตะหากทกยอ จิตใจท่านโหดเหี้ยมอำมหิต คิดได้แม้แต่จะสังหารท่านพ่อ”
พระเจ้ามังระตวาดลั่น “มะเมียะ”
“ท่านพ่อ ข้าไม่ได้โกหก ข้า...”
องค์มังระสวนคำเสียงดัง “หยุด พอได้แล้ว”
พร้อมกับว่า เหนือหัวมังระก็เดินหุนหันออกไปดื้อๆ มะเมียะกับทกยอรีบตามออกไป เหลืออาละแมยืนยิ้มกริ่มสะใจสมใจ ก่อนจะหันไปเจออ่องยืนอยู่ในมุมมืดตรงหน้า อาละแมผงะถอยอย่างตกใจ
“อ่อง...เจ้า...”
อ่องไม่พูดใดๆ ถลันเข้าไปล็อคคอ ควักมีดมาจ่อคอหอยอาละแมทันที
อ่านต่อตอนที่ 21