xs
xsm
sm
md
lg

เชลยศึก ตอนที่ 19

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เชลยศึก ตอนที่ 19

ไอ้โล้นยืนโดดเด่นอยู่กลางลานประลอง ศพของคู่ต่อสู้เมื่อครู่ถูกหามออกไปแล้ว มังคยอจิน นางสนม และชาวอังวะรอชมคู่ต่อไป

ผู้คุมลากตัวกล้าเดินออกสู่ลานประลอง ถีบกล้ากระเด็นออกไปล้มหน้าคว่ำบนพื้น ไอ้โล้นยืนจ้องกล้าแบบกระหยิ่มใจ จนเสียงสัญญาณดังขึ้น
กล้าเงยหน้าขึ้นมองไอ้โล้น
ไอ้โล้นลุยเข้าไปต่อยหน้าต่อยท้อง กล้าไม่ทันตั้งตัว โดนจนน่วม ทุกคนเฮลั่นเชียร์ไอ้โล้นกันอย่างสะใจลั่นสนาม ไอ้โล้นถีบกล้ากระเด็นไปนอนนิ่งคาพื้น แล้วตามเข้าไปยกตัวกล้าชูขึ้นสุดแขนเตรียมจะทุ่มให้ตาย
จังหวะนั้นเอง กล้าเริ่มตั้งตัวได้ โชว์ไหวพริบหมุนตัวกระโดดลงมายืนตรงหน้าไอ้โล้น แล้วเป็นฝ่ายเอาคืน ต่อยหน้าไอ้โล้นอย่างจัง เพียงแค่หมัดเดียว ไอ้โล้นถึงกับปากแตกเลือดสาด ฟันหลุดกระเด็นออกจากปากเห็นๆ
ทั้งมังคยอจินและทุกคนที่เฮเชียร์ไอ้โล้นพากันอึ้งตะลึงตะไล เงียบกริบกันทั้งลาน
ไอ้โล้นแค้นมาก บ้าเลือด ลุยแหลกเอาคืน แต่ทำอะไรกล้าไม่ได้ซักนิด
มังคยอจินไม่ยอมให้พ่ายแพ้กันง่ายๆ โยนมีดให้ไอ้โล้น ไอ้โล้นคว้ามีดสู้กับกล้า หมายจะแทงกล้าให้ตาย แต่ก็ทำอะไรกล้าไม่ได้ กล้าแย่งมีดได้สำเร็จ เตะมีดทิ้งออกไป
กล้ากระโดดถีบหน้าไอ้โล้นจนกระเด็นไปนอนแน่นิ่งอีกมุม แล้วตามไปขึ้นคร่อม จับคอไอ้โล้น เหมือนจะหักคอ กล้าเงยหน้าหันไปมองรอบๆ ทุกคนเงียบกริบ มองกล้าอย่างไม่เชื่อสายตา
มังคยอจินตะโกนสั่งดังลั่น “ฆ่ามัน”
ทุกคนในลานเงียบกริบ ก่อนจะเริ่มตะโกนตามกันทีละคนๆๆๆ จนดังลั่นลาน
"ฆ่ามันๆๆๆ"
กล้าออกแรงจับคอไอ้โล้นเตรียมหักทั้งสนามเงียบกริบ
กล้าเกร็งจนเส้นเลือดปูด ออกแรงเต็มกำลัง มีเสียงคอไอ้โล้นหักดังก้องไปทั้งลาน กล้าลุกยืนมองไอ้โล้นที่คอหักตายคาพื้น ก่อนจะหันมองทุกคนไปในลานด้วยแววตาเรียบเฉย
ทุกคนเงียบกริบ ช็อกกันทั้งสนาม จนมังคยอจินปรบมือให้กล้า ทุกคนจึงค่อยๆ พร้อมใจกันปรบมือ ตะโกนเฮลั่น หันมายินดีกับชัยชนะของกล้า
ผู้คุมเข้ามาลากศพของไอ้โล้นออกไป กล้ายืนโดดเด่นกลางลาน ทุกคนยังปรบมือให้ไม่หยุด จนกระทั่งคู่ต่อสู้คนต่อไปถูกผู้คุมลากตัวออกมา ถีบเข้าไปกลางลาน คู่ต่อสู้คนที่ว่าคือนิลที่ลุกยืน หันไปมอง พอเห็นสภาพกล้า ก็ตกใจมากกว่าดีใจ
“ไอ้กล้า”
กล้าไม่ทักตอบ เสียงสัญญาณการชกดังขึ้น กล้าลุยเข้าไปเล่นงานนิลแบบไม่ยั้ง นิลใช้ความสามารถหลบหลีกล้า แบบไม่สู้ แต่นิลพลาด โดนกล้าต่อยหน้าต่อยท้องจนน่วม ล้มลง กล้าล็อคคอนิล
“ไอ้กล้า นี่ข้าเอง นิล เอ็งจำข้าไม่ได้รึไง”
กล้าไม่ตอบทุ่มนิลกระเด็นไปอีกมุม แล้วจะตามไปซ้ำ นิลถีบกล้ากระเด็นออกไป จากนั้นนิลก็เริ่มสู้ ตอบโต้กล้าได้อย่างสูสี
สองคนโชว์ความสามารถอย่างพอฟัดพอเหวี่ยง ผลัดกันได้เปรียบ ทุกคนในลานตบมือเชียร์กันอย่างสนุกสนานสะใจ
กะลาจับเวลาจมน้ำลง เสียงสัญญาณยุติการต่อสู้ดังขึ้น
ผู้คุมเข้ามาแยกกล้ากับนิล นิลมองกล้าอย่างอึ้งๆ กล้ามองนิลแบบบ้าดีเดือด จำนิลไม่ได้สักนิด

ผู้คุม 2 คน ลากตัวกล้ากับนิลตรงเข้ามาในคุก ระหว่างทางนิลพยายามชวนคุยถามกล้ามาตลอด
“ไอ้กล้า เอ็งจำข้าไมได้จริงๆรึ นิล ข้าคือเพื่อนเอ็งไง ชื่อนิล”
“ข้าไม่เคยมีเพื่อน” กล้าบอกสีหน้าเรียบเฉย
นิลจะซักต่อ แต่ถึงห้องขังของตนก่อน ผู้คุมยัดนิลใส่ห้องขังล่ามโซ่ที่ขานิล ผู้คุมอีกคนลากตัวกล้าไปยัดใส่ห้องริมสุด ล่ามโซ่ที่ขากล้าเช่นกัน นิลพยายามยื่นหน้าผ่านลูกกรงไปมองกล้า แต่มองไม่เห็น เดินกลับมานั่งเครียด
“ไอ้กล้า”
สักพักผู้คุมอีกคนเดินนำสาวๆ ชาวอังวะ 5-6 คนเดินเรียงแถวเข้ามา แจกจ่ายสาวๆ ให้กับเหล่าเชลยห้องละคนๆๆ จนครบแล้วออกไป
กล้ายืนมองสาวอังวะที่ตนได้มาอย่างหื่นหิว ผลักสาวนางนั้นลงกับพื้นแล้วโถมตัวตามไปนัวเนีย ทั้งๆ ที่ยังมีโซ่ล่ามขาไว้

อีกฟากหนึ่ง พันแสงคุยอยู่กับซีอ่องชาวอังวะที่มักคุ้นกัน เมื่อฟังจบพันแสงถึงกับออกอาการตกใจสุดขีด ถอนใจเฮือกใหญ่ เครียดจัด
“เอ็งไปได้แล้ว”
ซีอ่องไม่ยอมไป แบมือรอ พันแสงส่ายหน้า หยิบเงินให้ ซีอ่องดีใจ วิ่งจู๊ดออกไป จนชนกับจำปาที่เดินตรงเข้ามาพอดี
ซีอ่องยิ้มแหะๆ ขอโทษ แล้วรีบวิ่งหนีออกไป จำปาสงสัย เดินไปถามพันแสง
“นั่นใครเหรอจ้ะพ่อ”
พันแสงไม่ตอบ “นังมะขามอยู่ไหน”
จำปาไม่ตอบเช่นกัน “ไอ้คนตะกี้คือใคร”
พันแสงฉุนขาดตะคอกเสียงดัง “ข้าถามว่านังมะขามอยู่ไหน”
จำปาผงะตกใจไม่เคยเห็นพ่อกราดเกรี้ยวแบบนี้มาก่อน

มะขามนั่งเศร้าสร้อยอยู่ที่ท่าน้ำหลังหมู่บ้านเพียงลำพัง เอาแต่คิดถึงกล้า
ความรักความหลังพร่างพรูขึ้นมาราวสายน้ำไหล โดยเฉพาะตอนกล้ากับมะขามบอกรักกันก่อนหน้านี้
มะขามหน้าเศร้า พันแสงกับจำปาเดินมานั่งข้างๆ ทั้งคู่จ้องมองมะขามอย่างเข้าใจความรู้สึก
“คิดถึงไอ้กล้าใช่มั้ย”
มะขามไม่มีอารมณ์จะคุย ลุกเดินหนีไปดื้อๆ จำปาพูดตามหลังไปว่า
“ไอ้กล้ายังมีชีวิตอยู่”
มะขามถึงกับชะงัก หันมาถามจำปาเสียงดัง
“เอ็งรู้ได้ยังไงจำปา”
“พ่อข้าจ้างชาวอังวะให้ช่วยสืบหาตัวไอ้กล้า มันเพิ่งมาบอกพ่อข้าเมื่อครู่ว่าไอ้กล้ายังมีชีวิตอยู่”
มะขามดีใจมากหันไปทางพันแสง “จริงเหรอน้า”
พันแสงพยักหน้ารับ “นั่นเป็นข่าวดี แต่ที่ข้ากำลังจะเอ็งคือข่าวร้าย”
มะขามรอฟังอย่างกังวล
“ไอ้กล้าถูกจับเป็นเชลยที่ลานประตูผี”
“ลานประตูผี คืออะไรเหรอน้า”
พันแสงถอนใจเครียดๆ มะขามรอฟังอย่างใจจดจ่อ

ฝ่ายทกยอเดินเข้ามาในวังกรุงอังวะ ตรงไปยังห้องบรรทมพระเจ้ามังระ แต่เจอทหารองครักษ์ยืนคุ้มกัน ขวางไว้
“หลบไป ข้าจะเข้าไปพบท่านพ่อ”
ทหารองครักษ์ไม่ยอมหลบ
ทกยอโกรธตะคอกใส่ “นี่เจ้าบังอาจจะขัดขืนคำสั่งข้างั้นรึ”
“ข้ามิกล้า แต่ท่านสั่งว่า ท่านไม่ต้องการพบใครทั้งนั้น”
ทกยอไม่สนจะเปิดประตุเข้าไปให้ได้ แต่ทหารขวางไม่ยอมหลีกทางให้ ทกยอโกรธจัดคว้าคอทหารจะต่อย ทหารนิ่งไม่ขัดขืนใดๆ อาละแมเดินเข้ามาพอดี
“ถึงจะเข้าไปได้ ท่านพ่อก็ไม่ประสงค์จะคุยกับท่านพี่หรอก”
ทกยอหันไปมอง เห็นอะละแมยืนยิ้มเยาะอยู่มุมหนึ่ง

สองคนหลบมุมมาคุยกันตรงบริเวณลับตาของวัง
“มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ท่านพ่อต้องการพบ นั่นคือมังจาเล”
“เจ้ารู้ได้ยังไง”
“เมื่อวานข้าก็จะเข้าไปพบท่านพ่อ แต่ก็โดนบากองห้ามไว้เหมือนกัน เพราะท่านพ่อกำลังคุยกับมังจาเล”
ทกยอโกรธ “ไอ้มังจาเล นี่ท่านพ่อจะเอาแต่ไอ้มังจาเรผู้เดียวเลยรึไงขืนเป็นเช่นนี้ อีกหน่อยมันคงได้ทุกอย่างจากพ่อ รวมทั้งได้ขึ้นครองเมืองอังวะต่อจากท่านพ่อด้วยแน่ๆ”
“เมื่อวานมีหมอมาตรวจอาการท่านพ่อ ท่านพ่อรู้ตัวแล้วว่าโดนลอบวางยาพิษ”
ทกยอตกใจ “จริงรึ”
“ท่านพ่อสั่งหมอกับบากองให้ปิดเรื่องนี้เป็นความลับ ห้ามเปิดเผยให้ใครรู้”
ทกยอแปลกใจมาก “เดี๋ยวๆ แล้วเจ้ารู้ได้ไง”
“ข้ามีวิธีของข้าก็แลัวกัน”
“โธ่เว๊ย แล้วเราจะทำยังไง ท่านพ่อรู้ตัวแล้วแบบนี้ ท่านพ่อต้องระวังตัวมากขึ้น ที่สำคัญ ถ้าท่านพ่อจับได้ว่าเป็นฝีมือของเรา เรามิโดนท่านพ่อสั่งประหารงั้นรึ”
“เรื่องนั้นท่านพี่ไม่ต้องกังวล ท่านพ่อจะไม่มีวันจับได้ว่าเป็นฝีมือเรา”
“อะไรทำให้เจ้ามั่นใจเยี่ยงนั้น”
“ถ้าข้าไม่มั่นใจ ข้าคงไม่เลือกจัดหมอคนนั้นให้มาเป็นคนตรวจอาการท่านพ่อหรอก” อาละแมยิ้มย่อง
ทกยองงหนัก “อะละแม นี่เจ้า...ยังไง ข้าตามเจ้าไม่ทัน”
“ข้าต้องการให้ท่านพ่อรู้ตัวว่ากำลังโดนคนลอบปลงพระชนม์”
ทกยอตกใจ คาดไม่ถึง “ทำไม อะละแม นี่เจ้าคิดอะไรอยู่”
“เมื่อถึงเวลา พี่จะเข้าใจทุกอย่างเอง”
อะละแมเดินยิ้มกริ่มไปที่โต๊ะเก็บของมุมห้อง เปิดลิ้นชักหยิบขวดยาพิษออกมาดู ยิ้มร้ายกาจมีเลศนัย

ฝ่ายมังจาเลป้อนยาให้องค์มังระอยู่ในห้องบรรทม แล้วช่วยประคองให้นั่งเอนพิงหัวเตียง
“เจ้ารู้ใช่มั้ยมังจาเรว่าเจ้าคือลูกคนเดียวที่ข้าไว้ใจ” องค์มังระเอ่ยขึ้น
“พระเจ้าข้า ท่านพ่อ”
“ถ้าเช่นนั้น เจ้าจงฟังข้า มังจาเลต่อนี้ไป เจ้าอย่าไว้ใจใครเป็นเด็ดขาด แม้แต่คนใกล้ตัวเจ้า”
มังจาเลมองฉงน “ท่านพ่อหมายถึงผู้ใด”
“ทุกคน” องค์มังระบอก
“ข้าไม่เข้าใจ”
“มังจาเล เจ้าสัญญากับพ่อได้มั้ย หากถึงวันไหนที่ข้าสิ้น เจ้าจะไม่ทอดทิ้งเมืองอังวะ เจ้าจะดูแลชาวอังวะแทนพ่อ”
“ท่านพ่อ”
“สัญญากับข้าสิมังจาเล”
“พระเจ้าข้าท่านพ่อ”
องค์มังระยิ้มดีใจ ตบไหล่ลูกชายสุดสวาท มังจาเลหันมองบากอง ท่านเสนาบดีเงียบ ไม่ปริปากพูดสักคำ

ฝ่ายเฟื่องฟ้านั่งหง่าวอยู่คนเดียวภายในเรือนที่คุ้ม จนมีเสียงเคาะประตูห้อง เฟื่องฟ้าถึงกับสะดุ้ง ไม่กล้าลุกไปเปิด จนมีเสียงมะเมียะดังเข้ามาให้ได้ยิน
“ข้าเองเฟื่องฟ้า มะเมียะ”
“มะเมียะ”
เฟื่องฟ้าดีใจ รีบลุกไปเปิดประตู เจอมะเมียะยืนยิ้มหวานอยู่หน้าประตู เฟื่องฟ้างงๆ

มะเมียะพาเฟื่องฟ้าออกมาเดินเที่ยวตลาดอังวะ เฟื่องฟ้ายิ้มแฉ่งมีความสุข
“เลิกขอบใจข้าซะทีเถอะเฟื่องฟ้า มันเป็นหน้าที่ของข้า ท่านพี่มังจาเลสั่งให้ข้าคอยดูแลเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้าเบื่อที่ทนอุดอู้อยู่แต่ในบ้าน เลยพาเจ้าออกมาเดินเล่นข้างนอกบ้าง”
มะเมียะกับเฟื่องฟ้าหยุดแวะที่แผงเครื่องประดับผู้หญิง หยิบชิ้นนั้นชิ้นนี้มาลองอย่างเพลิดเพลินเจริญใจตามประสา มะเมียะหันไปเจอร้านขนม
“เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก่อนนะเฟื่องฟ้า ข้าจะไปซื้อขนม”
มะเมียะเดินแยกไปที่ร้านขนม ทิ้งเฟื่องฟ้าไว้คนเดียวที่ร้านเครื่องประดับ
เฟื่องฟ้าหยิบสร้อยเส้นหนึ่งมาลองสวมคอ คนขายยื่นกระจกให้ส่อง เฟื่องฟ้าส่องดูตัวเองอย่างอารมณ์ดี จู่ๆ หน้าทกยอก็โผล่อยู่ในกระจก เฟื่องฟ้าตกใจ รีบหันไปมอง ทกยอเดินยิ้มเข้ามาหา

มะเมียะซื้อขนมเสร็จ เดินกินขนมกลับมาที่ร้านเครื่องประดับ แต่แปลกใจที่ไม่เจอเฟื่องฟ้า
“เฟื่องฟ้า”
มะเมียะตกใจถึงกับทิ้งขนม แล้วออกเดินแกมวิ่งตามหาเฟื่องฟ้าไปทั่วตลาด

มะเมียะเดินตามหาเฟื่องฟ้าอย่างร้อนใจมาที่อีกมุมในตลาด จนกระทั่งเจอเฟื่องฟ้าโดนทกยอฉุดมือลากออกไป มะเมียะตกใจรีบวิ่งเข้าไปยืนขวาง
“พี่ทกยอ ปล่อยเพื่อนข้าเดี๋ยวนี้”
ทกยอยิ้มขำไม่สนใจ ฉุดมือเฟื่องฟ้าพาออกไป มะเมียะตามไปขวางไว้อีก บอกเสียงดัง
“ข้าบอกให้ปล่อยเพื่อนข้า”
ทกยอยิ้มเยาะ “ทำไมข้าต้องปล่อย”
เสียงมังจาเลดังขึ้น “เพราะเฟื่องฟ้าคือคนรักของข้า”
ทั้งสามหันไปมอง เห็นมังจาเลเดินหน้าเข้มเข้ามาหา ท่าทีจริงจัง
เฟื่องฟ้าสะบัดจนหลุดจากทกยอ วิ่งเข้าไปหามังจาเล
“คนรักของเจ้างั้นรึ”
มังจาเลไม่ยอมตอบ ฉุดแขนเฟื่องฟ้ากำมือแน่นพาออกไปดื้อๆ มะเมียะยิ้มเยาะสะใจใส่ทกยอนิดหนึ่งแล้วรีบตามไปติดๆ ทกยอยืนมองตามอึ้งๆ ก่อนจะยิ้มกริ่มแบบมีเลศนัย

ด้านอองซอกลับมารายงานทกยอซึ่งออกอาการหงุดหงิดใส่
“อองซอ ข้าไม่เข้าใจ เจ้าเป็นยอดฝีมือ แต่ทำไม ลำพังแค่ผู้หญิงคนเดียว เจ้าจึงไม่สามารถพาตัวมาให้ข้าได้”
อองซอนิ่งไม่ตอบ
ทกยอคาดคั้น “เกิดอะไรขึ้น”
อองซอไม่ตอบ ทกยอพอเดาออก
“มะเมียะใช่หรือไม่”
อองซอจำต้องพยักหน้ายอมรับ
“นั่นไง ข้าเดาไม่ผิด ลำพังเฟื่องฟ้าคงไม่เกินมือเจ้า แต่เพราะมะเมียะ มะเมียะมาขัดขวางเจ้าไม่กล้าขัดใจมะเมียะ เจ้ากลัวมะเมียะจะไม่พอใจ เจ้ารักมะเมียะใช่มั้ย”
อองซอไม่ตอบ ทกยอตะคอก
“อองซอ ข้าถามเจ้า เจ้ารักมะเมียะใช่มั้ย”
อองซอก็ยังไม่ตอบ หันเดินจากไปดื้อๆ ทกยอส่ายหน้าผิดหวัง

ในเวลาต่อมาอาละแมเดินคุยกับทกยอ อะละแมฟังแล้วตกใจ
“คนรักของมังจาเล”
“ใช่ นี่คือโอกาสดีที่สุดที่จะทำให้ท่านพ่อผิดหวังในตัวมังจาเล แล้วเลิกเอาอกเอาใจมันซะที ข้าจะไปบอกท่านพ่อว่ามังจาเลแอบพาสาวไทยลักลอบเข้าเมืองอังวะ”
“ถ้าเป็นข้า ข้าคงไม่เลือกทำเช่นนั้น”
ทกยอหยุดเดิน หันไปมองน้องสาว อาละแมยิ้มร้ายกาจมีเลศนัย
“ข้าว่าข้ามีวิธีที่ดีกว่านั้น”
“ยังไง”
“ท่านพี่บอกข้าเองไม่ใช่รึว่านางผู้นั้นงดงามยิ่งนัก”
“ใช่”
“ท่านพ่อรักมังจาเลมากแค่ไหน ท่านพี่ก็รู้ ข้าเชื่อว่าเรื่องนี้คงไม่ทำให้ท่านพ่อ ผิดหวังในตัวมังจาเลมากนักหรอก”
ทกยองงใหญ่ “เจ้ากำลังจะบอกอะไรข้างั้นรึ”
“พี่ทกยอลองคิดดูสิ มังจาเลจะเสียใจชอกช้ำมากแค่ไหน ถ้าคนรักของมัน คนที่มันอุตส่าห์เสี่ยงแอบลักลอบเข้าเมืองอังวะ ต้องกลายเป็นเมียของพี่ทกยอ”
ทกยอตกใจ “อาละแม นี่เจ้าหมายความว่า...”
อาละแมพยักหน้ารับ ทกยอคิดตามแล้วยิ้มกริ่มออกมา เห็นด้วยกับอาละแมเต็มๆ

ตกกลางคืนมังจาเลคุยกับเฟื่องฟ้าด้วยสีหน้าซีเรียส
“เห็นทีเจ้าจะไม่ปลอดภัยแน่หากต้องอยู่ที่นี่ต่อไป”
“แล้วท่านจะให้ข้าไปอยู่ที่ไหน”
“ขอเวลาข้าอีกนิด ข้าจะหาที่ทางแล้วพาเจ้าย้ายออกไปอยู่นอกเมืองอังวะ เพื่อจะพี่ทกยอจะได้ไม่ตามมายุ่งวุ่นวายกับเจ้าอีก”
เฟื่องฟ้าจับมือมังจาเลยิ้มชื่นใจ “ขอแค่มีท่าน ข้าจะอยู่ที่ไหนก็ได้ ข้าไม่กลัว”
“เฟื่องฟ้า”
“เพราะข้ารู้ว่าท่านจะปกป้องคนรักของท่าน ข้าเชื่อแล้วว่าท่านจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายข้าเด็ดขาด”
เฟื่องฟ้าซบลงกับอกมังจาเล ยิ้มหวาน มังจาเลยิ้มชื่น

ฝ่ายมะเมียะเดินอารมณ์ดี เข้ามาในวัง จู่ๆ เจออองซอยืนดักหน้ารออยู่ มะเมียะชะงักนิดหนึ่งแล้วเดินหนีเลี่ยงไปอีกทาง อองซอรีบตามไปขวางไว้
“มะเมียะ เจ้าจะไปไหน”
“เจ้าจะรู้ไปทำไม ข้าจะไปไหนก็เรื่องของข้า”
มะเมียเดินหนีอองซอตามไปขวางไว้
“ข้ามีเรื่องอยากคุยกับเจ้า”
“แต่ข้าไม่มี”
มะเมียะไม่สนเดินหนี อองซอคว้ามือไว้ไม่ให้ไป มะเมียะโกรธจัดขึ้นเสียงใส่
“อองซอ เจ้าถือดียังไงกล้าจับมือข้า”
“ข้า...ข้าคิดถึงเจ้า”
มะเมียะกระชากมือคืนแล้วตบหน้าอองซอดังฉาด
“บังอาจ เจ้าเป็นแค่ทหารเสนา เจ้าไม่มีสิทธิ์พูดกับข้าเยี่ยงนี้ จำไว้”
อองซอโกรธแค้นมาก มะเมียะเดินหนีไป อองซอตามไปติดๆ

อองซอเดินตามมะเมียะมา ด้วยสีหน้าโกรธแค้น มะเมียะเดินหนีคอยหันมองเห็นอองซอตามมาอยู่ เริ่มไม่ไว้ใจ จนหันไปเจอมังคยอจินเดินเลี้ยวมาจากอีกทาง มะเมียะรีบวิ่งไปหามังคยอจิน
“ท่านพี่มังคยอจิน ช่วยข้าด้วย”
“เจ้าจะให้ข้าช่วยอะไรรึมะเมียะ”
มะเมียะหันมองกลับไปหาอองซอ แต่ไม่เจอแล้ว มังคยอจินมองตามงงๆ
“มีอะไรรึ”
“เฮ้อ เปล่าๆ ไม่มีอะไร” มะเมียะเปลี่ยนเรื่องคุย “ท่านพี่มังคยอจินจะไปไหนรึ”
“ลานประตูผี”
“ให้ข้าตามไปด้วยนะ”
มังคยอจินตกลง เดินนำมะเมียะออกไป มะเมียะเหลียวหลังมองหาอองซอ แต่ไม่เจอ
อองซอแอบมองอยู่อีกมุม เจ็บแค้นใจไม่หาย

อองซอถีบประตูเดินเข้ามาในบ้านอย่างแค้นคลั่ง หยุดมองเมียตในสภาพทรุดโทรมโดนล่ามโซ่ หลับอยู่บนที่นอน เมียตรู้สึกตัวตื่น เจออองซอยืนจ้องอยู่
“ท่านอองซอ อย่า ข้ากลัวแล้ว อย่าทำอะไรข้า ข้า...”
เมียตพูดได้แค่นั้นเสียงก็ขาดไป เพราพอองซอโถมตัวเข้าไปปลุกปล้ำเมียตอย่างรุนแรงหื่นกระหาย
เมียตร้องพร้อมกับดิ้นรนขัดขืนไม่หยุด อองซอโมโหตบหน้าเมียตอย่างแรง แล้วฉีกเสื้อผ้าเมียตขาดกระจุย จากนั้นปลุกปล้ำเมียตอย่างโหดเหี้ยม ระบายความแค้น

ในลานประลอง กล้ากระโดดถีบคู่ต่อสู้กระเด็นออกไป แล้วตามไปกระชากขึ้นมาชกซ้ำอย่างบ้าเลือด
มะเมียะนั่งดูอยู่ข้างๆ มังคยอจินบนอัฒจรรย์ มังคยอจินกับชาวอังวะเชียร์กันสนั่นด้วยความสะใจกับความบ้าเลือดของกล้า
มะเมียะมองจ้องมองกล้า ยังไม่มั่นใจนัก และไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง จนกระทั่งกล้าสามารถปราบคู่ต่อสู้ได้อย่างราบคาบ ยืนเหยียบอกคู่ต่อสู้ ชูแขนสองข้าง แหกปากส่งเสียงตะโกนราวกับสัตว์ร้าย
“ไอ้กล้า”
มังคยอจินได้ยินไม่ถนัดหันมาถาม “อะไรนะมะเมียะ เจ้ารู้จักมันรึ”
“เอ่อ ไม่ๆ ข้าไม่รู้จัก”
มะเมียะตกใจมากที่เจอกล้าโดยบังเอิญ ในสภาพแบบนี้

หลังการประลองจบลง มะเมียะคิดอุบายแยกตัวจากมังคยอจินเดินหน้าเครียดเข้ามาในคุก ผู้คุมเห็นราชธิดาแล้วตกใจรีบก้มลงถวายบังคม มะเมียะเดินผ่านผู้คุมเข้าไปด้านใน

มะเมียะเดินสอดสายตามองหากล้าเข้าไปตามห้องขัง ทีละห้องๆ หนึ่งในนั้นคือห้องนิล แต่มะเมียะไม่รู้จัก และนิลก็ไม่รู้จักมะเมียะ แต่นึกสงสัยเพราะมะเมียะแต่งตัวงดงามเกินกว่าจะเป็นสาวบรรณาการทั่วไป มะเมียะเดินผ่านไป นิลลุกไปชะเง้อมองตามผ่านกรงขัง
มะเมียะเดินตรงเข้าไปถึงห้องริมสุด เห็นสภาพกล้าซึ่งเพิ่งต่อสู้เสร็จสิ้นไปหมาดๆ ถูกโซ่ล่ามขานั่งพักอยู่ มะเมียะตกใจมาก
“ไอ้กล้า...ไอ้กล้าจริงๆ ด้วย ข้าไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าถูกคุมขังอยู่ที่นี่”
มะเมียะเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องไปอย่างตื่นเต้น กล้าจำมะเมียะไม่ได้ นึกว่ามะเมียะคือสาวบรรณาการจึงโถมเข้าหากอดจูบปลุกปล้ำทันที มะเมียะตกใจ ตบหน้ากล้าอย่างจัง
“ไอ้กล้า เอ็งจะบ้ารึไง นี่ข้าเอง มะเมียะ”
“มะเมียะ...มะเมียะไหน”
มะเมียะงง “เจ้าจำข้าไมได้งั้นรึ มะเมียะ น้องสาวท่านมังจาเล”
“มังจาเลคือใคร”
“ไอ้กล้า เจ้าจำพี่มังจาเลไม่ได้รึ” มะเมียะแปลกใจมาก
กล้าไม่ตอบ โถมเข้าไปปล้ำมะเมียะอีกที มะเมียะถีบกล้าแล้วรีบวิ่งหนีออกจากห้อง กล้าวิ่งตามไม่ได้เพราะมีโซ่ล่ามไว้
มะเมียะจะเดินหนีออกไป ผ่านห้องนิลที่ยืนดูอยู่ นิลรีบตะโกนบอก
“ไอ้กล้ามันจำใครไม่ได้หรอก”
มะเมียะะงัก งง เดินกลับมาหานิล
“แม้แต่ข้า เป็นเพื่อนรักของมัน มันยังจำข้าไม่ได้เลย”
“เดี๋ยวๆ เจ้าเป็นเพื่อนไอ้กล้างั้นรึ”
“ใช่ ข้าชื่อนิล แล้วท่านละคือใคร”
“ข้าชื่อมะเมียะ เป็นน้องสาวของท่านพี่มังจาเล”
“น้องสาวท่านมังจาเล” นิลถึงบางอ้อ “นั่นไง ข้าถึงสงสัย ท่านไม่น่าจะใช่สาวบรรณาการ”
มะเมียะงง “สาวบรรณาการ”
นิลอธิบาย “หลังการต่อสู้ ท่านมังคยอจินจะส่งสาวชาวอังวะ มาบรรณาการให้กับเชลยที่ออกไปทำการต่อสู้ และรอดชีวิตกลับมา”
มะเมียะนึกออก “มิน่า ตะกี้ไอ้กล้ามันคงคิดว่าข้าเป็นสาวบรรณาการ มันถึงได้...”
จู่ๆ ผู้คุมคนหนึ่งเดินเข้ามาขัดจังหวะ บอกนิลว่า
“ถึงคราวของเจ้าแล้ว ออกมา”
ผู้คุมเปิดประตูห้องขัง เดินเข้าไปปลดโซ่ให้นิลแล้วพาตัวออกไป มะเมียะะยืนมองตามอึ้งๆ ตัดสินใจบางอย่าง

ในลานประลอง เชลยนักมวย 2 คนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด มังคยอจิน นางสนม และชาวอังวะเต็มอัฒจรรย์ หนึ่งในนั้นคือมะขามแทรกอยู่ในกลุ่มคนชาวอังวะ
การต่อสู้ของ 2 เชลยเป็นไปอย่างดุเดือดจนได้ผู้ชนะ ผู้แพ้นอนน่วมบนพื้น ผู้ชนะชูมือเป็นผู้ชนะ แต่มังคยอจินยังไม่สาใจ โยนหอกด้ามยาวลงมาให้ผู้ชนะ ชาวอังวะตะโกนเชียร์เต็มที่
"ฆ่ามันๆๆๆ" มะขามหน้าตาตื่นกับความหื่นกระหาย บ้าเลือดของชาวอังวะ
ผู้ชนะบ้าดีเดือดทนแรงเชียร์ไม่ไหว คว้าหอกยาวปักอกผู้แพ้ เลือดพุ่งเลอะติดหน้าผู้ชนะ ทุกคนเฮลั่น มะขามขยาดกลัวกับความโหดร้ายที่เห็น
กรรมการเข้ามาชูมือให้ผู้ชนะ และลากศพของผู้แพ้มีหอกยาวปักอกออกจากสนาม
ผู้คุมลากตัวนิลออกมา ผลักเข้าไปกลางลาน มะขามอุทานตกใจ
“นิล” มะขามชูไม้ชูมือ ตะโกนร้อง “นิลๆๆๆ”
ชาวอังวะที่ยืนข้างๆ หันมองมะขามอย่างสงสัย มะขามรีบหุบปากและชะเง้อดูการต่อสู้ของนิลกับผู้ชนะเมื่อครู่
นิลซึ่งตัวเล็กกว่ามาก ต่อสู้กับผู้ชนะอย่างสูสี นิลโดนลุยแบบไม่ทันตั้งตัว โดนจนน่วม ทุกคนเฮๆๆเชียร์ลั่น มะขามดูด้วยความเป็นห่วงนิล จนกระทั่งนิลตั้งตัวได้ นิลก็เล่นงานคู่ต่อสู้ที่ตัวใหญ่กว่า ลุยแหลกจนล้มคู่ต่อสู้ได้และเอาชนะได้ในที่สุด
มะขามกระโดดเฮดีใจที่นิลชนะอย่างออกนอกหน้า จนชาวอังวะข้างๆ หันมอง

ทหารเดินนำสาวบรรณาการมาส่งให้เชลยในคุกทีละคนๆ โดยที่มะขามอยู่กลางแถวของสาวๆ
ทหารส่งสาวมาให้นิลหนึ่งคน นิลตกใจมากที่เห็นมะขาม มะขามรีบส่งซิกให้นิลเงียบ แล้วเดินตามแถวเข้าไปด้านใน นิลชะเง้อมองตามอย่างกังวลและเป็นห่วงมะขาม
ทหารส่งสาวให้เชลยทีละห้องๆ จู่ๆ มะขามนึกขึ้นได้
นิลเคยบอกมะขามก่อนหน้านี้ว่า "ไอ้กล้าอยู่ห้องริมสุด"
มะขามรีบเร้นตัวถอยไปต่อท้ายแถวเนียนๆ กะว่าให้ตัวเองอยู่คิวสุดท้าย ตรงกับห้องกล้าริมสุด ทหารส่งสาวให้เชลยจนถึงด้านในสุด ซึ่งมี 2 ห้อง ห้องของกล้าอยู่ขวามือ ทหารส่งสาวอีกคนให้กล้า และผลักมะขามให้กับเชลยห้องตรงข้ามกล้า
ในคุกห้องตรงข้ามกล้า มะขามเจอเชลยหนุ่มนั่งหันหลัง มั่นใจว่าเป็นกล้า มะขามเนื้อเต้น ดีใจมากๆ ร้องเรียก
“ไอ้กล้า ข้าเอง มะขาม”
เชลยค่อยๆ หันมามอง...ไม่ใช่กล้า มะขามผงะตกใจ
กล้าปล้ำสาวที่ทหารเอามาส่ง จู่ๆกล้าหยุด เมื่อเห็นว่าสาวคนดังกล่าว กำลังตั้งท้องอ่อนๆอยู่ กล้าตะโกนไล่สาวออกไป สาวกลัวรีบวิ่งหนีออกไปทันที
เชลยเข้าปล้ำมะขาม มะขามขัดขืน ถีบเชลยแล้วจะวิ่งหนี แต่เชลยคว้าตัวมะขามไว้ทัน ผลักมะขามล้มนอนบนพื้น แล้วตามลงไปนัวเนียมะขาม แต่จู่ๆ มีมือมากระชากคอเชลยขึ้นมาจากมะขาม มะขามตกใจมาก เพราะมันคือกล้านั่นเอง
มะขามอึ้งกับสภาพอันทรุดโทรมของกล้า “ไอ้กล้า”
กล้าไม่ทักตอบ ถีบเชลยล้มแล้วฉุดมือมะขามกระชากไปที่ห้องตัวเอง กล้าฉุดมะขามเข้ามาโยนลงพื้น มะขามรีบลุกยืน ดีใจมาก
“ไอ้กล้า เอ็งจริงๆด้วย ไอ้กล้า”
มะขามตรงเข้ากอดกล้าอย่างดีใจสุดๆ กล้าผลักมะขามกระเด็นแล้วตามลงไปปล้ำอย่างหื่นๆ มะขามตกใจ ร้องห้าม มะขามร้องโวยวาย
“อย่า อย่ามากับข้าแบบนี้ไอ้กล้า”
กล้าไม่สน ตบหน้ามะขามอย่างจัง มะขามชะงัก กล้าฉีกเสื้อมะขามขาด จับสองมือมะขามกดกับพื้นแล้วปล้ำต่อ มะขามดิ้นไม่ไหว ได้แต่ร้องขอ
“หยุดนะไอ้กล้า ทำไมเอ็งทำกับข้าแบบนี้ เอ็งจำข้าไม่ได้รึไง ข้าเอง มะขามข้าคือคนรักของเอ็งไงไอ้กล้า...นายขนมต้ม”
กล้าได้ยินคำว่า "นายขนมต้ม" แล้วชะงักไป
ภาพความทรงจำเก่าๆ ของกล้าสมัยยังเป็นนายขนมต้มแว่บเข้ามาในหัวกล้าถี่ๆ รัวๆ
กล้าเริ่มออกอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ยกสองมือกดขมับ สีหน้าทรมาน มะขามลุกยืนมอง สงสัย
“ไอ้กล้า เอ็งเป็นอะไร”
กล้าไม่ตอบ แต่อาการหนักขึ้น ปวดหัวจนร้องลั่นด้วยความทรมาน มะขามยืนอึ้ง ค่อยเข้าไปจับตัวกล้า กล้าผลักมะขามออกแล้วปวดหัวหนัก ถึงขั้นนอนดิ้นทุรนทุราย
มะขามยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก จนกระทั่งทหารคนเดิมเข้ามาฉุดตัวมะขามออกไป มะขามขัดขืนร้องเรียกกล้าออกไปตลอดทาง
ทหารฉุดตัวมะขามพาออกไป มะขามยังคงร้องเรียกหากล้าไม่หยุด จนผ่านคุกขังนิล เสียงร้องนั้นเรียกนิลให้ผลักสาวที่ปล้ำอยู่ออก แล้ววิ่งตามไปเกาะลูกกรงชะเง้อดู ทันเห็นมะขามโดนทหารลากตัวออกไป นิลเป็นห่วงจับใจ
“มะขาม”

ฟากมังจาเลนั่งคุยกับเฟื่องฟ้าและมะเมียะอยู่ที่คุ้ม
“ทกยองั้นรึ” เฟื่องฟ้าถามขึ้น
“ข้ารู้จักท่านพี่ทกยอดี ข้าไม่ไว้ใจ ขืนเจ้าต้องอยู่ที่นี่ต่อไป ท่านพี่ทกยอของข้าต้องมารังควานเจ้าอีกเป็นแน่ เฟื่องฟ้า เจ้าจงรีบเก็บสัมภาระให้พร้อม แล้วข้าจะพาเข้าย้ายไปอยู่บ้านนอกเมือง ที่ที่จะไม่มีใครตามไปวุ่นวายกับเจ้าได้”
เฟื่องฟ้าไม่อยากไปด้วยเป็นห่วงมังจาเล “แต่ข้า เอ่อ ข้า...”
“เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะให้มะเมียะตามไปดูแลเจ้าด้วย”
“แต่ข้าไม่ได้กังวลเรื่องตัวข้า ข้ากังวลเรื่องท่านต่างหาก ท่านมังจาเล”
“เจ้าไม่ต้องห่วงข้า ข้าดูแลตัวข้าเองได้”
“สบายใจได้เฟื่องฟ้า พี่ทกยอทำอะไรพี่มังจาเลไม่ได้แน่นอนเจ้ารีบเก็บสัมภาระให้พร้อมเถิด จะได้รีบไป” มะเมียะว่า
เฟื่องฟ้าตกใจ “จะไปกันคืนนี้รึ”
“ใช่ เพื่อความปลอดภัยของเจ้า ข้าจะไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่นาทีเดียว”
จู่ๆ มีเสียงเคาะประตู ทั้งสามคนตกใจมองหน้ากัน มังจาเลส่งสัญญาณให้เฟื่องฟ้าเข้าไปหลบข้างในก่อน ส่วนมะเมียะอยู่ด้วย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยมังจาเลจึงเดินไปเปิดประตู ปรากฏว่าเป็นบากอง มังจาเลงงปนตกใจ
“ท่านบากอง ท่านพ่อข้าเป็นอะไรรึ”
“เปล่า ท่านมังคยอจินวานให้ข้ามาตามท่านไปพบด่วน” บากองบอก
มังจาเลงง “ท่านพี่มังคยอจิน มีอะไรรึ”
บากองส่ายหน้าไม่รู้ แล้วเดินแยกออกไปก่อนเลย มังจาเลกับมะเมียะสบตากันนึกสงสัยทั้งคู่
“ทำไมท่านพี่มังคอยอจินถึงต้องการพบพี่มังจาเลในเวลาค่ำคืนเช่นนี้”
มังจาเลส่ายหน้าไม่รู้ เฟื่องฟ้าเดินออกมาจากด้านใน
“มีอะไรรึ”
“ท่านพี่มังคยอจิน พี่ชายคนโตของข้า เรียกข้าไปพบด่วน เฟื่องฟ้า เจ้ารีบเก็บสัมภาระให้พร้อม แล้วอยู่รอข้าที่นี่ ข้าจะรีบกลับมาหาเจ้า แล้วเราจะได้ออกเดินทางกันคืนนี้”
มังจาเลจะออกไป เฟื่องฟ้าตามไปส่งที่ประตู จับมือมังจาเล
“ท่านต้องกลับมารับข้านะท่านมังจาเลข้าจะรอท่าน”
มังจาเลกุมมือเฟื่องฟ้า พยักหน้าแล้วออกไป เฟื่องฟ้าชะเง้อมองตามไปจนลับสายตา แล้วจึงค่อยๆ ปิดประตู หันมาทางมะเมีย
“อย่ามัวช้าเลยเฟื่องฟ้า รีบเก็บสัมภาระกันเถอะ” มะเมียะใจหายหวนนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้

มะเมียะตัดสินใจปลอมตัวเป็นสาวบรรณาการถูกส่งไปให้กล้าที่ห้องริมสุด
ไม่นานนักกล้าเสร็จกิจกามกับมะเมียะแล้ว พลิกตัวนอนหงายเหงื่อแตก มะเมียะดึงผ้ามาคลุมตัวเอง ก่อนจะเปรยบอกกล้า
“คงอีกนานกว่าข้าจะได้เจอเจ้าอีกครั้ง”
กล้าหันมองอย่างสงสัย
“ข้ามีเหตุที่จะต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นซักพัก”
“เจ้าจะไปไหนรึ”
“ข้าต้องพาสาวคนรักของพี่ชายข้าย้ายไปอยู่ต่างเมือง”
“คนรักของพี่ชายเจ้า”
“ใช่ เป็นคนไทยเหมือนเช่นเจ้า นางชื่อเฟื่องฟ้า”
“เฟื่องฟ้า” กล้าทวนชื่อ แต่ไม่มีวี่แววว่าจะจำได้
“เจ้าจำเฟื่องฟ้าได้หรือไม่”
กล้าพยายามคิดๆๆ แต่ก็จำไม่ได้ ส่ายหน้าในที่สุด
“ข้าควรจะรู้จักเฟื่องฟ้างั้นรึ”
“เอ่อ คือ เฟื่องฟ้าคือ เอ่อ...”
“เฟื่องฟ้ารู้จักข้างั้นรึ”
มะเมียะตัดสินใจบอกปัดไปว่า “ข้าคงจำผิดไป เจ้าไม่รู้จักเฟื่องฟ้า”

ด้านมังจาเลเดินเข้ามาในห้อง เจอมังคยอจินนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ตรงหน้ามีโถเหล้าวางอยู่ในถาด
“ท่านพี่มังคยอจินต้องการพบตัวข้างั้นรึ”
มังคยอจินไม่พูด จ้องหน้ามังจาเลยื่นมือออกไปหาด้วยสีหน้าเจ็บปวด มังจาเรตกใจ รีบเข้าไปจับมือมังคยอจิน
“ท่านพี่ ท่านพี่เป็นอะไร”
ไม่ทันขาดคำ มังคยอจินก็เลือดพุ่งออกจากปาก กระเด็นเลอะเสื้อมังจาเล
มังคยอจินกอดมังจาเลเลือดไหลออกปากไม่หยุด ก่อนที่ค่อยๆ ล้มลงตัวพื้น โถเหล้าตกพื้นแตกกระจาย มังคยอจินดิ้นทุรนทุราย จนเฮือกสุดท้าย นอนแน่นิ่ง ตายคาพื้น มังจาเรช็อคกับภาพที่เห็น
มังจาเลร้องลั่น “ท่านพี่ๆๆ”
ทันใดนั้นเอง หน้าต่างทุกบานรอบห้องก็เปิดผลัวะออกโดยพร้อมเพรียง ทหารพลธนูยืนง้างธนูเตรียมพร้อมครบหน้าต่างทุกบาน มังจาเรตกใจ ยืนโดดเดี่ยวกลางห้อง คิดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก

เฟื่องฟ้าเก็บเสื้อผ้าข้าวของใส่ห่อผ้าเตรียมเดินทางไปกับมังจาเลด้วยสีหน้ามีความสุข มะเมียะเก็บอยู่อีกมุม มองเฟื่องฟ้าอย่างสุขใจไปด้วย

ฝ่ายมังจาเรยืนกลางห้อง มีทหารพลธนูยืนง้างธนูอยู่ที่หน้าต่างทุกบาน หัวหน้าทหารร้องบอกว่า
“ท่านมังจาเลท่านทำอะไรกับท่านมังคยอจิน”
มังจาเรไม่ตอบ อาละแมกับทกยอเดินหน้าตาตื่นตามเข้ามาสมทบ เจอศพมังคยอจิน
อาละแมกรีดร้องลั่น “ท่านพี่มังคยอจิน”
ทกยอหันมามองมังจาเล สีหน้าตื่นตกใจ “เกิดอะไรขึ้น ท่านพี่มังคยอจินเป็นอะไร”
มังจาเลไม่ตอบ จนองค์มังระ และหมอหลวงเดินหน้าตาตื่นเข้ามาสมทบ ในเวลาติดๆ กัน
“มีอะไรกันรึ ทำไมเสียงดัง...” องค์เห็นร่างมังคยอจินแล้วชะงัก “มังคยอจิน”
หมอหลวงรีบเข้าไปตรวจอาการของมังคยอจินทันที
เหนือหัวมังระถามมังจาเลว่า “ทำไมเสื้อของเจ้าเปื้อนเลือด”
มังจาเลเงียบนิ่ง ไม่มีท่าทีหวาดกลัวๆใดๆ จนหมอหลวงขัดขึ้นมาว่า
“ท่านมังคยอจินสิ้นแล้วขอรับ”
ทุกคนรวมทั้งมังจาเลพากันช็อก ตกใจ อาละแมหันไปซบไหล่ทกยอ หมอหลวงกระซิบทูลเบาๆ องค์มังระตกใจกับสิ่งที่หมอบอก
“ยาพิษ”
ทกยอตกใจ “ยาพิษ? ยาพิษอะไร มังจาเลนี่เจ้าลอบวางยาพิษท่านพี่มังคยอจินงั้นรึ อองซอ คุมตัวมังจาเล”
อองซอเข้าคุมตัวมังจาเล โดยที่มังจาเลไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย

องค์มังระ ทกยอกับอะละแมรุมจ้องมองมังจาเลซึ่งโดนอองซอคุมตัวนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า
“มังจาเลท่านพี่มังคยอจินทำอะไรให้เจ้า ทำไมเจ้าถึงต้องเอาชีวิตท่านพี่มังคยอจินเยี่ยงนี้”
มังจาเลก็ยังคงเงียบนิ่ง ไม่ตอบซักคำ
“เจ้าหวังจะขึ้นครองราชย์ต่อจากท่านพ่อ เจ้าจึงกำจัดท่านพี่มังคยอจินและหากครั้งนี้เจ้ารอดตัวไม่ได้ เป้าหมายต่อไปถึงข้า ใช่มั้ยมังจาเล” ทกยอใส่ร้ายยับ
“ไม่จริง ข้าไม่เชื่อ” องค์มังระไม่เชื่อ
“โธ่ท่านพ่อ ถึงขั้นนี้แล้วท่านพ่อจะยังสงสัยอะไรอีก”
“ข้าก็ไม่เชื่อ” อาละแมเอ่ยขึ้น
ทกยองงจริง “อาละแม นี่เจ้าเข้าข้างมังจาเลงั้นรึ”
“ข้าเปล่า ข้าแค่...”
ทกยอสวนคำ “ในเมื่อทุกอย่างมันฟ้อง เลือดของท่านพี่มังคยอจินยังเลอะเสื้อพี่มังจาเลด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่ฝีมือมังจาเลแล้วจะใคร ใครจะกล้าทำกับพี่มังคยอจินเยี่ยงนี้ ท่านพ่อ เชื่อข้าเถิด ต้องเป็นฝีมือมังจาเลแน่ๆ”
“ข้าจะเชื่อก็ต่อเมื่อมังจาเลบอกกับข้าเอง” องค์มังระจ้องหน้าคาดคั้นมังจาเล “มังจาเลเจ้าตอบข้ามาเดี๋ยวนี้ เจ้าฆ่ามังคยอจินใช่หรือไม่”
มังจาเลนิ่งเงียบ ทุกคนรอฟัง จนมังจาเลเปรยออกมาห้วนๆ
“บากอง”
ทุกคนงง มองหาบากอง แต่ไม่เจอแล้ว
“บากองคือคนไปตามข้ามาพบท่านพี่มังคยอจิน บากองต้องรู้เห็นกับเรื่องนี้ด้วยแน่ๆ”
องค์เหนือหัวมังระตะโกนลั่น “บากองอยู่ไหน”

เฟื่องฟ้ากับมะเมียะเก็บของเสร็จแล้ว นั่งรอมังจาเลอยู่ จู่ๆ มีเสียงทุบประตูดังขึ้น
"ท่านมังจาเล" เฟื่องฟ้าดีใจรีบลุกไปเปิดประตู แต่กลายเป็นบากอง มะเมียะตามมา เห็นก็แปลกใจ
“ท่านบากอง ท่าน...”
“มะเมียะ ท่านจงรีบไปจากที่นี่” บากองทำเป็นร้อนใจมาก
“ทำไม เกิดอะไรขึ้น แล้วท่านพี่มังจาเลอยู่ไหน”
“ข้าไม่มีเวลาอธิบายอะไรทั้งนั้น ท่านรู้เพียงว่าบัดนี้เมืองอังวะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ท่านจงรีบหนีไปจากที่นี่ตามที่ข้าบอก”
“แต่ข้าต้องรอพี่มังจาเล พี่มังจาเลบอกให้ข้ารอ”
“ท่านมังจาเลคงไม่มีโอกาสได้มาที่นี่อีกแล้ว”
“ทำไม เกิดอะไรขึ้น”
บากองไม่ตอบ ทำความเคารพมะเมียะแล้วรีบออกไป มะเมียะกับเฟื่องฟ้าตื่นตกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เกิดอะไรขึ้นกับท่านมังจาเล”
“ข้าไม่รู้ ข้าสังหรณ์ใจว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีบางอย่างเป็นแน่ ข้าว่าทางที่ดี เราควรไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”
“ไม่ ข้าไม่ไป”
มะเมียะทักท้วง “แต่...”
เฟื่องฟ้าสวนคำหนักแน่น “ไม่ ท่านมังจาเลสัญญากับข้าแล้วว่าจะกลับมา ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ข้าจะรอท่านมังจาเลอยู่ที่นี่”
เฟื่องฟ้านั่งรอต่อไป สีหน้าจริงจังมาก มะเมียะส่ายหน้ากลุ้ม ทำอะไรไม่ถูก

บากองเดินเข้ามาหาพ่อที่นอนป่วยอยู่บนเตียง พ่อตกใจมาก
“บากอง”
บากองเดินไปคุกเข่าตรงหน้าพ่อ
“เมื่อครู่มีทหารมาตามตัวเจ้าที่นี่ บากอง เจ้าฆ่าท่านมังคยอจินงั้นรึ”
บากองไม่ตอบ
“เจ้าไม่ได้ทำใช่มั้ย บอกพ่อสิ เจ้าไม่ได้ทำ” ผู้เป็นพ่อกลัวมาก “บากอง เจ้ารีบหนีไปจากที่นี่ก่อน ก่อนที่พวกทหารจะกลับมาเอาตัวเจ้า”
ไม่ทันขาดคำ ทหาร 2 คนก็เดินเข้ามาคุมตัวบากองไป บากองปัดทหารออกอย่างดุดัน แล้วบรรจงก้มกราบเท้าพ่อทั้งน้ำตา
จากนั้นบากองก็ลุกยืนมองตัวแต่โดยดี ทหารคุมตัวบากอง โดยที่บากองไม่ขัดขืนซักนิด แต่จ้องมองพ่อด้วยน้ำตาตลอด
“ปล่อย ปล่อยลูกข้า”

ทุกคนยังพร้อมหน้าเหมือนเดิม ขณะบากองถูกคุมตัวนั่งคุกเข่าข้างมังจาเล
พระเจ้ามังระตวาดเสียงดังลั่น “บากอง ตอบข้ามาเดี๋ยวนี้ เจ้ารู้เห็นอะไรกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่”
บากองพยักหน้ายอมรับ ทุกคนตกใจ องค์มังระโกรธมาก
“ท่านบากอง”
บากองจำใจต้องพยักหน้ารับ ทุกคนตกใจ รวมทั้งอาละแม
“ทำไม ทำไมเจ้าต้องฆ่ามังคยอจิน ทำไม” องค์มังระแค้นสุดจะกล่าว
“ข้าไม่มีทางเลือก เพราะหากข้าไม่ทำ ท่านมังจาเลขู่จะฆ่าพ่อข้า”
มังจาเลทนนิ่งไม่ไหว “บากอง เจ้าพูดอะไรของเจ้า ข้าไม่เคยบังคับให้เจ้าทำอะไรทั้งนั้น”
ทกยอรีบผสมโรง “สายไปแล้วมังจาเลความจริงปรากฏแล้ว ยังไงเจ้าก็ดิ้นไม่หลุดเจ้ามันโหดร้าย พี่ชายในสายเลือดแท้ๆ เจ้ายังกล้าทำได้ลงคอ”
องค์มังระเดินไปยืนตรงหน้ามังจาเล จ้องหน้ามังจาเลเขม็ง ทุกคนรอลุ้นว่าองค์เหนือหัวจะตัดสินว่าอย่างไร แต่แล้วองค์มังระกลับทำสิ่งที่ไม่ใครคิด มังระตบหน้าบากองสุดแรงจนหน้าหัน ทุกคนงง
องค์มังระด่าบากอง “โกหก เจ้าปรักปรำมังจาเล”
“ท่านพ่อ ท่านพ่อรู้ได้ไงว่าบากองปรักปรำมังจาเล” ทกยอว่า
“หมอหลวงกระซิบบอกข้าว่ามังคยอจินตายด้วยยาพิษ ยาพิษตัวเดียวกับที่ไอ้ตัวฆาตกรเคยลอบใช้กับข้า”
ทุกคนตกใจ อะละแมกับทกยอแอบสบตากัน
“ท่านพ่อโดนลอบวางพาพิษงั้นรึ” มังจาเลตกใจ
“ข้าตั้งใจจะปิดเป็นความลับ แต่เมื่อถึงขั้นนี้ ข้าจำเป็นต้องพูด” องค์มังระหันมาทางมังจาเล “ระหว่างที่เจ้าไปทำศึก มีคนปองร้ายหมายเอาชีวิตข้าด้วยยาพิษชนิดเดียวกับที่มังคยอจินโดน แต่โชคดีหมอตรวจเจอก่อน ข้าเลยปลอดภัย นั่นหมายความว่าไอ้คนที่คิดร้ายกับข้าต้องเป็นคนๆ เดียวกับที่ลอบวางยาพิษมังคยอจิน และจะเป็นมังจาเลได้อย่างไรในเมื่อมังจาเลเพิ่งกลับจากไปทำศึก”
ทุกคนอึ้งๆ องค์มังระตะคอกใส่บากอง
“ข้านึกออกแล้ว ที่แท้ไอ้คนที่ปองร้ายหมายเอาชีวิตข้าก็คือเจ้า บากองเจ้าคือเสนาที่คอยดูแลข้า อยู่ใกล้ชิดกับข้า เจ้าคือคนที่ลอบวางยาพิษข้า”
บากองแทรกขึ้นทันที “ท่านมังจาเลสั่งข้าไว้ก่อนเดินทางไปทำศึก ท่านมังจาเลต้องการให้ท่านสิ้น เพื่อจะได้ขึ้นครองราชย์หลังจากกลับจากทำศึก
ทุกคนช็อกกับสิ่งที่บากองบอก
“ท่านพ่อ ในเมื่อทุกอย่างชัดเจนแบบนี้แล้ว ท่านพ่อจะตัดสินใจเยี่ยงไร” ทกยอถาม
“เอาตัวบากองไปประหาร”
ทหารนำตัวบากองออกไป บากองไม่ขัดขืนใดๆ มังระจ้องมังจาเลอย่างผิดหวัง มังจาเลจ้องตอบ อะละแมกับทกยอรอฟัง
“แล้วท่านพ่อจะจัดการมังจาเลเยี่ยงไร”
มังระจ้องมังจาเลอย่างผิดหวัง มังจาเลจ้องตอบ อะละแมกับทกยอรอฟังคำพิพากษาอย่างร้อนรุ่ม

ทกยอกับอะละแมฟังรอการตัดสินของมังระ มังระตัดสินใจบอกมังจาเล
“มังจาเลข้าขอขับไล่เจ้าให้ออกไปให้พ้นจากเมืองอังวะจนฟ้าสาง”
“ทำไม ความผิดเยี่ยงนี้ ท่านพ่อควรสั่งประหารชีวิตมังจาเลไปด้วย” ทกยอไม่พอใจ
“ข้ามิอาจสั่งประหารลูกในไส้ข้าได้ ไปซะ มังจาเลนับแต่นาทีนี้ เจ้าไม่ใช่ชาวอังวะอีกต่อไป” องค์มังระสั่งทหาร “เอาตัวมังจาเลออกไป”
อาละแมขัดขึ้น “ช้าก่อนท่านพ่อ ข้าเห็นด้วยที่ท่านพ่อไม่คิดประหารมังจาเล แต่หากท่านพ่อปล่อยตัวมังจาเลไปเยี่ยงนี้ เท่ากับปล่อยเสือเข้าป่า รอวันมันกลับมาแก้แค้น ข้าว่าทางที่ดีท่านพ่อควรจะคุมขังมังจาเลไว้ที่เมืองอังวะตลอดชีวิตจะเหมาะกว่า”
มังระเห็นด้วย สั่งอองซอ “เอาตัวมังจาเลไปขังไว้ที่ลานประตูผี”
อองซอจะพามังจาเลออกไป แต่มังจาเลสะบัดอองซอออก
“คำสั่งของท่านพ่อเป็นประกาศิต นี่เจ้าคิดจะขัดขืนงั้นรึ”
“ไม่ เมื่อเป็นความประสงค์ของท่านพ่อ ข้ายินดีน้อมรับ แต่ก่อนที่จะนำตัวข้าไปขัง ข้าขอโอกาสไปทำธุระสำคัญก่อน”

กลางดึก เฟื่องฟ้ากับมะเมียะนั่งรอกันอยู่ท่าทีหงอยๆ มีห่อเสื้อผ้าสัมภาระกองอยู่ข้างๆ เตรียมพร้อมเดินทาง กระทั่งมีเสียงทุบประตูดังขึ้น เฟื่องฟ้าดีใจรีบวิ่งไปเปิดประตู คราวนี้เจอมังจาเลจริงๆ เฟื่องฟ้าปิดประตูลง
“ท่านมังจาเลข้านึกแล้วว่าท่านต้องกลับมารับข้า ข้าพร้อมแล้ว...”
มังจาเลขัด “ท่านพี่มังคยอจินตายแล้ว”
มะเมียะตกใจมาก “ท่านพี่มังคยอจิน ทำไม ใคร ใครฆ่าท่านพี่มังคยอจิน”
“ข้าไม่รู้ แต่ทุกคนเข้าใจว่าเป็นฝีมือข้า” มังจาเลหันมาหาคนรัก “เฟื่องฟ้า จงจำคำของข้าไว้ ต่อนี้ไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ต่อให้ชีวิตข้าสิ้นวันนี้หรือวันพรุ่ง แต่หัวใจของข้าจะคงยังอยู่กับเจ้าตลอดไป ขอให้เจ้าช่วยรักษาหัวใจของข้าด้วย”
“ทำไมท่านพูดแบบนี้ ข้า...”
มังจาเลขัดขึ้นทันที “มะเมียะ เจ้ารีบพาเฟื่องฟ้าไปจากที่นี่ และดูแลเพื่องฟ้าแทนข้า”
“ไม่ ข้าไม่ไป ข้าจะอยู่กับท่าน”
“แต่เจ้าต้องไป เฟื่องฟ้า ข้ามิอาจดูแลเจ้าได้อีกแล้ว ข้าโดนสั่งให้ถูกคุมขังตัวที่ลานประตูผี บัดนี้ทหารรอข้าอยู่ด้านนอก”
“ข้าไม่ไป ท่านมังจาเลไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ข้าจะอยู่กับท่าน”
มังจาเลตวาดทั้งน้ำตา “เฟื่องฟ้า ข้าขอสั่งให้เข้าไปกับมะเมียะเดี๋ยวนี้ ไปสิ ไป๊”
เฟื่องฟ้าโดนมังจาเลตะคอกจนร้องไห้
ทันใดนั้นเองอาละแมก็เปิดประตูผลัวะเข้ามาพร้อมกับทหาร 5 คน ทุกคนตกใจ
“แหม... รักกันจริง มังจาเลเจ้าไม่ต้องห่วงแม่นางเฟื่องฟ้า ข้ารู้ว่าเจ้ารักเฟื่องฟ้ามากพอๆ กับชีวิตของเจ้า เพราะฉะนั้นขอให้เจ้าจงอย่าเป็นกังวล ข้าจะมอบหมายให้พี่ทกยอดูแลเฟื่องฟ้าแทนเจ้าเอง ฮ่าๆๆ”
มังจาเรคุมแค้นโกรธจัด “อาละแม นี่เจ้า...”
อะละแมยิ้มหยัน “ข้ารู้มาว่าพี่ทกยอก็มีใจชอบพอเฟื่องฟ้าของเจ้า ข้ามั่นใจพี่ทกยอจะดูแลคนรักอย่างดีที่สุด ดีชนิดที่เจ้าจะคาดไม่ถึง”
อะละแมหัวเราะสะใจ มังจาเลจะเอาเรื่องอาละแม แต่ถูกทหารล็อคตัวไว้ มังจาเลดิ้นแต่ไม่หลุด
“ไปกับข้า”
อาละแมฉุดเฟื่องฟ้าออกไป เฟื่องฟ้าขัดขืนไปตลอดทาง มังจาเลจะตามออกไป แต่โดยทหารล็อคไว้ พอมะเมียะจะตามออกไปช่วย ก็โดนทหารขวางไว้ มังจาเลโกรธแค้นสุดขีด ที่ต้องทนเห็นเฟื่องฟ้าถูกอาละแมคุมตัวออกไปต่อหน้าต่อตา
“ไปได้แล้ว”
ทหารคุมตัวมังจาเลไป มังจาเลตะโกนสั่งมะเมียะก่อนโดนทหารคุมตัวออกไป
“ตามหาอ่องให้พบ”
มะเมียะยืนอึ้งทวนชื่อ “อ่อง”

ในห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างสวยงามหรูหรา ข้าวของทุกอย่างพร้อมเพียบ อาละแมเปิดประตู ผลักเฟื่องฟ้าเข้ามาในห้องนี้ เฟื่องฟ้าหันมองไปรอบๆ อย่างระวังตัว
“นี่คือห้องที่ท่านพี่ทกยอสั่งคนจัดเตรียมไว้ให้เจ้าโดยเฉพาะ”
“ทกยอ” เฟื่องฟ้างุนงงหนัก
“นับแต่นี้ไป เจ้าต้องอยู่ที่นี่”
“ไม่ ข้าไม่อยู่ ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่” เฟื่องฟ้าจะหนี
อาละแมขวางไว้ “เฟื่องฟ้า ข้าว่าจริงๆ แล้วเจ้าควรจะภูมิใจที่ท่านพี่ทกยอของข้าให้เกียรติเจ้า ยอมให้เจ้าเข้าวัง มันเป็นความฝันของหญิงชาวอังวะทุกคน เพราะมันคือเกียรติสูงสุดที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะได้รับจากคนที่กำลังจะได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์คนต่อไป”
สิ้นคำนั้น ประตูก็เปิดผลัวะออก ให้ทกยอเดินยิ้มกริ่มเข้ามาสมทบ
เฟื่องฟ้าตกใจ “ท่านทกยอ”
“เฟื่องฟ้า”
ทกยอเดินเข้าหาเฟื่องฟ้าอย่างคุกคาม เฟื่องฟ้าหันไปมองถาดผลไม้ที่เตรียมไว้บนโต๊ะ ในถาดมีมีดปอกผลไม้ เฟื่องฟ้าแกล้งทำทีเป็นเดินหนีไปประชิดโต๊ะ ทกยอเดินตามไป
“เจ้าชอบห้องที่ข้าเตรียมจัดไว้ต้อนรับเจ้าหรือไม่”
เฟื่องฟ้าคว้ามีดในถาดผลไม้มาขู่ ทกยอขำ อาละแมเองก็ขำ
“เจ้าคิดจะทำอะไรข้างั้นรึ”
“ปล่อยข้าไปเดี๋ยวนี้ ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่”
ทกยอขำแล้วทำทีเป็นหันหลัง แล้วจู่ๆ ก็อาศัยทีเผลอ หันขวับมาคว้าข้อมือเฟื่องฟ้า ออกแรงบิดข้อมือเฟื่องฟ้า จนมีดหลุดมือ ทกยอเตะมีดไปอีกมุมยังจับข้อมือสาวอโยธยาไว้อย่างแรง จนเฟื่องฟ้าเจ็บ
“ปล่อยข้า ข้าเจ็บ”
“เฟื่องฟ้า ข้าขอเตือนเจ้าด้วยความหวังดี ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะไม่คิด ทำอะไรโง่ๆ ข้าจะทำตัวดีๆ ให้เหมาะสมกับที่ข้าให้เกียรติสูงสุดนี้แก่เจ้า”
“ข้าไม่ต้องการ ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่ ข้า...”
ทกยอสวนขึ้น “เจ้าต้องอยู่ อยู่เพื่อเตรียมตัวแต่งงานกับข้า”
เฟื่องฟ้าตกใจมาก ปฏิเสธลั่น “ไม่ ข้าไม่ได้รักท่าน ข้า...”
ทกยอขู่ “ถ้าเจ้าคิดหนี มังจาเล...ตาย”
เฟื่องฟ้าชะงัก ทกยอกับอาละแมหัวเราะชอบใจ แล้วพากันเดินออกไป ปิดประตูลง
เฟื่องฟ้าวิ่งตามไปพยายามเปิดประตู แต่พบว่าถูกล็อคเปิดไม่ได้ เฟื่องฟ้ายืนอึ้งอยู่คนเดียวในห้อง ครวญคร่ำหาราชบุตรยอดดวงใจสีหน้าหมองเศร้า

“ท่านมังจาเล”

อ่านต่อตอนที่ 20
กำลังโหลดความคิดเห็น