xs
xsm
sm
md
lg

เงาเสน่หา ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เงาเสน่หา ตอนที่ 4

วิริยาแต่งหน้าอยู่ในห้องเตรียมไปทำงาน พร้อมกับเปิดทีวีดูข่าวช่อง8 ฮอตนิวส์ พิธีกรจอมเผือกรายงานข่าวไฮโซเจื้อยแจ้วดังมาจากจอทีวี

“กอสสิปไฮโซได้ตามติดชีวิตคนดังในแวดวงเซเลบริตี้เมืองไทยมาฝากคุณผู้ชมอีกแล้วนะคะ วันนี้เราคงต้องขอต้อนรับคุณวิริยา ทายาทสายการบินรอยัลแอร์ไลน์ที่เดินทางกลับเมืองไทยมาเพื่อสานต่อธุรกิจหมื่นล้านของครอบครัว แหม ทั้งสวย ทั้งเก่งแบบนี้ รับรองรอยัลแอร์ไลน์ต้องแซงขึ้นเป็นสายการบินอันดับหนึ่งแน่นอนค่ะ”
ภาพประกอบข่าวเป็นคลิปอิริยาบถอันสวยสง่าของวิริยาในงานเลี้ยงต้อนรับ
“เรามาฟังความเห็นของผู้บริหารหนุ่มโสดในฝันกันนะคะ”
พิธีกรเข้ามาสัมภาษณ์พงศธรในงานเลี้ยงคืนนั้น
“รู้สึกยังไงคะที่จะมีเจ้านายทั้งสวยทั้งเก่งโพรไฟล์เริดๆ แบบคุณวิริยา”
พงศธรบอกว่า “รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากครับ”
“มีเจ้านายสวยๆ อย่างนี้ คุณพงศธรลำบากใจอะไรบ้างไหมค่ะ” พิธีกรสาวยิ้มเผือกเต็มที่
พงศธรหัวเราะ “คงโฟกัสที่เรื่องงานมากกว่าครับ”
พิธีกรหมดคันถามหันมาพูดกับกล้อง “ไม่รู้ว่าปากแข็งหรือใจแข็งกันนะคะ เพราะข่าวว่าหนุ่มโสดในฝันของเราคนนี้ไม่โสดซะแล้วล่ะค่ะ สาวๆ เตรียมตัวเช็ดน้ำตากันได้แล้วนะคะ แหม พูดแล้วก็อิจฉาสาวโชคดีที่กุมหัวใจคุณพงศธรไปได้นะคะ อกหักกันทั้งเมืองสิคะคุ๊ณณณณ จะรออะไร”
วิริยาหน้าตึงเปรี๊ยะ เห็นชัดแจ้งว่าไม่พอใจมาก

อีกด้านหนึ่ง ธีรภาพแต่งตัวเสร็จเตรียมจะออกไปทำงาน เดินเข้ามาในครัว
ในนั้นคนางค์กำลังง่วนอยู่กับของสดผักต่างๆ ที่ซื้อมา ด้านหนึ่งเห็นปิ่นโตเถาใหม่ๆ หลายเถา
“โห วันนี้ซื้อของมากกว่าทุกวันเลยนะครับแม่”
“ได้ลูกค้าเพิ่มน่ะ เมื่อวานเลยออกไปซื้อปิ่นโตเพิ่ม ได้เรื่องเลยมั้ยล่ะดีนะ แม่หนูคนนั้นช่วยไว้ ไม่งั้นล่ะแย่แน่”
“อยากเจอแม่หนูคนดีของแม่จัง จะกราบงามๆ ซักสามทีเป็นการตอบแทน”
“ได้ตอบแทนแน่ ไม่ต้องห่วง เอาข้าวปื่นโตไปกินมั้ยล่ะ เดี๋ยวแม่ทำให้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมหาอะไรกินง่ายๆ กับเพื่อน”
“แล้วก็อยู่แต่ในอู่ล่ะ อย่าเดินไปไหนมาไหน” คนางค์พูดทีเล่นทีจริง
ธีรภาพหัวเราะขำ “แม่ก็พูดเหมือนคนเป็นเด็กไปเล่นซนบริษัทเค้างั้นแหละ ผมเป็นวิศวกรนะคร้าบ”
“ก็อยู่ในที่ของเรา เค้าก็อยู่ในที่ของเค้า”
“เค้าที่ว่านี่ ใครกันเหรอครับ”
“ก็...” คนางค์รู้ตัวรีบตัดบท “รีบไปเถอะ เดี๋ยวก็สายกันพอดี ไปได้แล้ว ไปๆ”
“คร้าบ ตอนเย็นจะกลับมาส่งปิ่นโตให้นะ”
คนางค์พยักหน้ารับคำลูกชายยิ้มๆ “อื้อ”
ธีรภาพเดินออกไป คนางค์มองตามไปด้วยความไม่สบายใจ กลัวเจอกับกรเกียรติ
“ต่างคนต่างอยู่นะ อย่าให้เจอกันเลย”

เปรมจิตกับกรเกียรติกำลังนั่งกินกาแฟกันอยู่ ที่โต๊ะอาหารเช้า
“คุณก็ไม่ควรตามใจปล่อยให้ไปทำงานกับพงศธร” เปรมจิตว่า
“พูดยังกับว่ามีใครขัดใจยายวิวได้อย่างนั้นแหละ คุณเองก็รู้”
“แต่ชั้นไม่ไว้ใจนายพงศธร เกิดมันคิดจะจับลูกเราขึ้นมา ก็เข้ามาทางมันเลยสิ”
“คุณก็คิดมาก ดูละครไทยมากไปหรือเปล่า พงศธรมีคนรักแล้ว เค้าก็เอามาเปิดตัวแล้วนี่”
“มีแล้วก็เลิกได้ เจอของใหม่ดีกว่า ทำไมมันจะไม่เอา คุณเองก็น่าจะเข้าใจเรื่องนี้ดีกว่าใคร”
กรเกียรติรำคาญ “จะมาพูดทับพูดถม ขุดเรื่องเก่ามาพูดทำไม”
วิริยาในชุดสวยพร้อมเข้าออฟฟิศแล้ว เดินเข้ามา
“ไปกันรึยังคะคุณพ่อ”
“จะรีบไปทำงานหรือไปทำอะไรกันแน่”
“มีปัญหาอะไรกันเหรอคะ”
“แม่แกเค้าอยากให้แกย้ายไปเรียนงานที่สายงานอื่น” กรเกียรติบอก
วิริยาหงุดหงิด แดกดันเอา “เพิ่งจะรู้ว่าคุณแม่ยุ่งเรื่องงานด้วย”
เปรมจิตหันไปฟ้องสามี “ดูสิคะคุณ”
“วิวไปรอที่รถนะคะคุณพ่อ”
วิริยาเดินออกไป กรเกียรติลุกตามไปทันที เปรมจิตฮึดฮัดขัดใจ
“ชอบของต่ำเหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูก”

รถจอดหน้าสตาร์บัค วิริยาเตรียมจะลง คนขับรถทักท้วง
“เดี๋ยวผมไปซื้อให้ก็ได้ครับ คุณหนู”
“ไม่เป็นไร กาแฟชั้นเรื่องมาก ไม่โน่นไม่นี่ไม่นั่น คนอื่นจำไม่ได้หรอก”
วิริยาลงรถเดินขึ้นบันไดไปยังร้านกาแฟ
บังเอิญอะไรเบอร์นี้ นิสาเดินถือแก้วกาแฟออกมาพอดิบพอดี คุยสายโทรศัพท์กับมัทรีไปด้วย
“โอเคๆ ก็ซื้อให้แล้วนี่ไง แฟปูชิโนนอนวิบ นอนแฟต เอ็กตร้าช็อต โอเคปะ” ไกด์สาวก้มหน้าพูดๆ โดยไม่ดูทางจนทำให้ชนเข้ากับวิริยาจังๆ “ว้าย”
กาแฟในมือตกพื้น กระเด็นไปโดนรองเท้าวิริยาเปื้อน
“แค่นี้ก่อนนคะ” นิสากดวางสายไป “ขอโทษนะคะ ขอโทษจริงๆ ค่ะ”
วิริยาเห็นหน้านิสาชัดๆ จำได้ว่าเป็นแฟนพงศธร ภาพตอนพงศธรแนะนำตัวนิสาในงานเลี้ยงผุดขึ้นในหัว
“เดินยังไงไม่ดูคน”
นิสาชะงักมองหน้าวิริยาแล้วจำได้
“คุณ”
“จำชั้นได้แล้วเหรอ”
“จำได้ค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
“ถ้าอยากขอโทษก็เก็บแก้วของคุณไปสิคะ”
วิริยาก้มลงมองแก้วกาแฟที่ตกแอ้งแม้งแทบเท้าตัวเองอยู่
“เอ่อ…”
“อย่าบอกนะว่าจะให้ชั้นเก็บให้”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวชั้นเก็บเอง”
นิสาก้มลงเก็บแก้วกาแฟแทบเท้าวิริยา
“ปกติมองแต่ของสูง ก้มลงมองของต่ำบ้าง ก็ดีนะคะ”
นิสาค่อยๆ ลุกขึ้นเผชิญหน้ากับวิริยา
“คุณคงไม่ได้หมายถึงกาแฟ”
วิริยายิ้มมุมปาก “ฉลาดนี่”
“โง่ไม่ได้หรอกค่ะ คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้ หน้าอย่าง ใจอย่าง”
“เธอว่าใคร” วิริยาฉุนกึก
“ไม่ได้ว่าคุณหรอกค่ะ เพราะคุณน่ะ หน้ายังไง ใจก็อย่างนั้น ไม่ชอบเก็บความรู้สึกนี่คะ ใครก็ดูออกหมดว่าคุณคิดอะไรอยู่”
วิริยาแทบเต้น
“ขอตัวนะคะ พอดีเป็นคนคนชั้นกลาง ต้องทำมาหากิน ไม่มีเวลามาคิดถึงของของคนอื่น”
นิสายิ้มให้ แล้วเดินไปทิ้งแก้วกาแฟ กลับเข้าร้านไปซื้อใหม่
วิริยาคุมแค้นมองตามไปด้วยความโกรธถึงขีดสุด

ฝ่ายธีรภาพมาถึงออฟฟิศ เจอเจนไวย์รออยู่ และรีบลุกขึ้นเดินมาหา ส่งหมวกให้
“จ๊อบด่วน ไปเลยเหอะ”
ธีรภาพรับหมวกแล้วเดินตามเจนไวย์ออกไป
“มีนาล่ะ”
“ยังไม่เห็น ไม่รู้ทำไมวันนี้มาสาย”
สองหนุ่มเดินออกไปมาดแมนสุดเท่

ที่ห้องประชุมใหญ่ ออฟฟิศรอยัลแอร์ไลน์ พงศธรเปิดประชุม
“เริ่มเลยแล้วกันนะครับ พอดีว่าคุณวิริยา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการมีไอเดียจะนำเสนอ ลองแชร์กันดูนะครับ” พงศธรหันมาทางวิริยา “เชิญครับ”
วิริยาลุกเดินมาที่ด้านหน้า “ใครเป็นคนแอพพรูฟแพลนพีอาร์ที่ส่งมาคะ”
“ผมครับ” ชายสูงวัยในนั้นบอก
พงศธรแนะนำว่า “คุณธนาเป็นผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพีอาร์ครับ ร่วมงานกับเรามานานมากแล้ว”
“งั้นคงถึงเวลาต้องอัพเดทตัวเองแล้วมั้งคะ รีเฟรชตัวเองบ้าง งานจะได้ไม่เก่าคร่ำครึเหมือนคน”
ทุกคนอึ้งกันทั้งห้อง
“แต่ถ้าทำไม่ได้ คงต้องพิจารณาตัวเองนะคะ เพราะรอยัลแอร์ไลน์ต้องร่วมสมัย ไม่ยึดติดอยู่กับความคิดเก่าๆ คอนเน็คชั่นเดิมๆ เอื้ออวยผลประโยชน์ให้กัน วันนี้เราต้องการมากกว่านั้นค่ะ เครื่องบินลำนี้ ต้องเร็วและว่องไว ใครพร้อมก็ขึ้นไปนั่ง ยึดพื้นที่ รัดเข็มขัดให้แน่น ส่วนใครไม่พร้อม ก็เกาะหางเครื่องบินเอา แต่ดิฉันก็ไม่รับประกันนะค่ะ ว่าจะเกาะไปถึงปลายถทางหรือเปล่า”
ทายาทสาวรอยัลแอร์ไลน์ แสดงวิสัยทัศน์อย่างเผ็ดร้อน และไม่ไว้หน้าใคร

ส่วนที่แฮปปี้โคเรียหวานหนัก นิสาเดินออกมารับช่อดอกกุหลาบจากพนักงานส่งที่ประตูด้านหน้า
“ขอบคุณนะคะ”
พนักงานออกไป นิสาเดินกลับเข้ามาที่โต๊ะ ประยงค์มองค้อนงอนๆ
“อวดรวย มุขซ้ำ ไร้การสร้างสรรรค์”
มัทรีมองหมั่นไส้ เหยียดหยามพอขำๆ
“ว้าย อิจ(ฉา) น่าอายอ่ะ”
มัทรีเย้ยหยันจิกกัดประยงค์เสร็จก็ปรี่เข้าไปดักหน้านิสา
“ทั้งมาบอกรักตอนดึก ทั้งส่งดอกไม้ โอ๊ย จองโรงแรมเลยป่ะล่ะ”
“คือไร”
“หวานเบอร์เนี้ย แต่งไปเลยเหอะ”
“นิสา บอสไม่ดีตรงไหน ทำไมไม่เลือกบอส” ประยงค์ตีหน้าเศร้า
“ไม่ดีตั้งแต่เบ้าหน้าแล้วค่ะบอส” มัทรีตอบให้แล้วหันมาเพ้อกับนิสาต่อ “ไปดูฤกษ์ เลือกชุด
เลือกเค้กเลยมั้ยล่ะ เดี๋ยวชั้นไปเป็นเพื่อน”
“เพ้อ”
นิสากลับไปที่โต๊ะทำงาน วางดอกไม้ลงบนโต๊ะยิ้มหวานชื่น มัทรียิ้มกริ่มตามมาเม้าท์ต่อ
“หล่อก็หล่อ โรแมนติคอีกต่างหาก เกลียดแกอ่ะ นิสา อยากได้ผู้ชายแบบนี้บ้างอ่ะ ทำไมแกโชคดีออยู่คนเดียว ทำไมสังคมนี้ไม่มีที่ยืนให้คนอย่างชั้นบ้าง”
ประยงค์สอดขึ้นว่า “อยู่ยากนะโลกนี้”
“แมสซี่ก็ดีทุกอย่างอ้ะ เป๊ะทุกอย่างอ้ะ ถ้าหน้าปลาร้าอย่างบอสก็พอเข้าใจ แต่นี่มันไม่ใช่อ้ะ” มัทรีเพ้อ
ประยงค์หมั่นเขี้ยว “ถ้าชั้นหน้าปลาร้า แกก็หน้าปลากุเลา”
“เอ๊ะ บอสมาอย่างขัดใจ นี่แมสซี่กำลังเครียด”
“แล้วนี่ไม่เครียด” ประยงค์ชี้หน้าตัวเอง
“จัดทริปไหว้พระขอผัวกันเถอะค่ะบอส พอกันที แมสซี่จะไม่ทน”
“จัดแพลนมาสิ เดี๋ยวชั้นไปด้วย”
นิสาขัดขึ้นว่า “บอสคะ”
ประยงค์หันมางงๆ “ว่า”
“ทำงานมั้ยคะ”
“เออ จริงด้วย ทำงานๆๆ” ประยงค์กระซิบบอกมัทรี “จัดมาเลยนะ”
จากนั้นประยงค์ทำมือไอเลิฟยูใส่นิสาจนเดินหายเข้าห้องทำงานไป
“คิดออกแล้วค่ะบอส”
มัทรีร้องขึ้น รีบตามประยงค์ไป
นิสามองดอกไม้ยิ้มหวาน พูดเบาๆ กับตัวเองว่า
“คุณทำให้ชั้นเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก ชั้นรักคุณจัง”

หลังการประชุมอันเผ็ดร้อนจบลง พงศธรเดินกลับห้องทำงานมาพร้อมกับวิริยา
“ชั้นพูดตรงมันผิดตรงไหนคะ”
“ไม่ผิดหรอกครับ แต่เราเป็นสายการบินของคนไทย พนักงานเป็นคนไทย ธรรมเนียมปฏิบัติก็เป็นแบบไทยๆ บางคนอาจจะรับความตรงไปตรงมาแบบฝรั่งไม่ได้”
“งั้นคนพวกนั้นก็คงร่วมงานกับชั้นไม่ได้
“อย่าเพิ่งตัดสินดีกว่าครับ พนักงานส่วนใหญ่อยู่กับเรามานาน ดูที่ผลงานเค้าดีกว่าครับ”
สองคนเดินมาถึงหน้าห้อง อรชุมาลุกขึ้นรายงานทันที
“ส่งดอกไม้ให้เรียบร้อยแล้วนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
พงศธรเข้าห้องไป วิริยาหยุด แล้วถามอรชุมา
“ส่งดอกไม้อะไร”
“อ๋อ คุณพงศ์สั่งให้ส่งดอกไม้ให้แฟนทุกวันน่ะค่ะ น่าอิจฉาคุณแฟนนะคะ”
“ส่งไปที่ไหน” วิริยาหน้าตึง
อรชุมาอึกอัก “เอ่อ”
วิริยาเสียงเข้ม “ชั้นถามว่าส่งไปที่ไหน”

วิริยาเปิดประตูเข้ามาในออฟฟิศ เจอหน้ามัทรีเป็นคนแรก
“แฮปปี้โคเรียยินดีต้อนรับค่า” มัทรีกล่าวต้อนรับ
“ชั้นมาพบคุณนิสา”
นิสานั่งหันหลังอยู่ ได้ยิน หันมาเห็นวิริยาถึงกับชะงักไป
“คุณ”
วิริยาเดินเข้ามาหยุดตรงหน้านิสา
“ชั้น วิริยา”
“ค่ะ ชั้นจำคุณได้ แฮปปี้โคเรียยินดีต้อนรับ มีอะไรให้เรารับใช้คะ”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแฮปปี้โคเรีย”
มัทรี กะ นิสามองหน้ากันมัทรียืนหน้าเหวอ ทำตัวไม่ถูก งงๆ
“มันเกี่ยวกับเธอคนเดียวเท่านั้น”
นิสาสังหรณ์ใจว่าคู่กรณีคงจะมาไม่ดีเป็นแน่ มัทรีรีบเดินเข้าห้องประยงค์โดยไว

มัทรีรีบร้อนเข้ามาหน้าตาตื่นๆ
“บอสคะ ท่าทางจะไม่ค่อยดีแล้วค่ะ”
ประยงค์ก้มหน้าง่วนอยู่กับแฟ้มงานบนโต๊ะ “ใช่ รายได้ซีชั่นนี้ไม่ค่อยดีเลย”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นค่ะบอส”
ประยงค์เงยหน้ามามอง “อ้าว แล้วเรื่องอะไร”

ประยงค์กับมัทรีค่อยๆ ออกมาแอบดู เห็นวิริยาเผชิญหน้ากับนิสา บรรยากาศมาคุและเคร่งเครียด
“คิดเหรอว่าจับเค้าไว้ได้”
นิสาชักโกรธ “ที่นี่เป็นที่ทำงาน ชั้นไม่คุยเรื่องอื่นนะคะ โดยเฉพาะ เรื่องไม่เป็นเรื่อง”
วิริยาฉุนกึก
“ถ้าไม่มีอะไรเกี่ยวกับแฮปปี้โคเรีย ก็เชิญคุณกลับไปเถอะค่ะ”
“กล้าไล่ชั้นงั้นเหรอ หรือไล่เพราะทนไม่ได้ที่จะฟังเรื่องจริง”
นิสาเงียบไม่โต้ตอบ
“ยอมรับเถอะว่า เธอไม่มีเทียบเท่าชั้นได้แม้แต่เรื่องเดียว”
“ชั้นก็ไม่เคยคิดจะเปรียบเทียบตัวเองกับคุณนี่คะ เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันสักอย่าง ชั้นไม่สนใจหรอกว่าคุณจะเป็นใคร”
สองคนแอบฟังเงียบๆ ประยงค์เครียด บอกเบาๆ ว่า
“แต่เค้าเป็นทายาทรอยัลแอร์ไลน์นะนิสา เธอต้องยอมไว้ก่อน”
“นางไม่ได้มาเรื่องงานนะคะบอส”
“เรื่องอะไรก็ต้องย้อม” ประยงค์เสียงสูง
วิริยาขยับเข้ามาใกล้นิสามากขึ้น
“เกี่ยวสิ ทำไมจะไม่เกี่ยวล่ะ ในเมื่อคุณพงศธรเป็นคนของชั้น ของรอยัลแอรไลน์”
นิสาย้อน “แล้วทำไมคะ”
“เค้ามีหน้าที่ทำตามคำสั่งของชั้น”
“ก็เฉพาะเรื่องงาน”
วิริยายิ้มเยาะ “เธอแน่ใจเหรอ ว่าแค่เรื่องงาน”
“ถ้าคุณเป็นมืออาชีพพอ คุณคงแยกแยะออกระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว” นิสาบอก
“แล้วเธอมั่นใจเหรอว่าเค้ากับชั้นจะเกี่ยวข้องกันแค่เรื่องงาน”
“ชั้นเชื่อใจ ไว้ใจคนรักของชั้นค่ะ”
วิริยาเย้ยหยาม “เธอคิดว่าสุดท้ายแล้วเค้าจะเลือกเธอ งั้นเหรอ”
นิสาอึ้งไป ตอบไม่ได้
“ถ้าเธอมั่นใจอย่างนั้น ก็ตามใจ ชั้นก็แค่มาเตือน ถ้าไปจากเค้าซะตั้งแต่ตอนนี้ เธออาจจะเจ็บน้อยกว่ายื้อเค้าไว้”
นิสาโกรธ
“อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เพราะเธอไม่ใช่คู่ต่อสู่ที่น่ากลัวเลยซักนิดเดียว”
วิริยาเชิดใส่แล้วออกไป นิสาอึ้งอยู่อย่างนั้น มัทรีกับประยงค์รีบเข้ามาหา
“นิสา เป็นไรป่ะแก ไหวมั้ยอ่ะ”
ประยงค์ฮึดฮัด “นางสติแตกมาจากไหนเนี่ย โอ๊ย มาแย่งแฟนคนอื่น ต้องมาประกาศให้รับรู้กันอย่างนี้เลยเหรอ”
“ไม่ต้องไปสนใจ คุณพงศ์เค้ารักแกจะตายไป เค้าไปเปลี่ยนใจง่ายๆ หรอก” มัทรีปลอบ
“ใช่ ต่อให้เป็นทายาทเจ้านาย สวย รวย เป๊ะ โพรไฟล์ดีโคตร ก็ไม่มีทางชนะนิสาของบอสได้หรอก”
คำปลอบของสองคนดูจะไม่ได้ผล นิสาเครียดจัด

นิสาหลบมาโทร.หาคนรัก เสียงพงศธรดังหวานแว่วออกมา
“ว่าไงครับ”
“เอ่อ คือ เที่ยงนี้ทานข้าวด้วยกันมั้ยคะ คือว่าสามีเรื่องจะคุยอ่ะค่ะ”
“ได้ครับ”
“เจอกันที่ร้านนะคะ”
“ครับผม”
นิสาวางสาย สีหน้าเครียดไม่คลาย เสียงมัทรีดังขึ้น
“อ่ะแน่ะ แอบมาคุย”
นิสาสะดุ้ง เห็นเป็นมัทรีก็โล่งอก
“มีอะไรรึเปล่าอ่ะ”
“ชั้นคงต้องคุยกับคุณพงศ์”
“เรื่องเมื่อกี้น่ะเหรอ”
“ใช่ ชั้นไม่สบายใจเลย หรือว่าชั้นไม่ควรพูด”
“พูดไปเลย เกิดอะไรขึ้นพูดไปให้หมด ให้เค้าไปรู้ไปเลยว่านางบ้าระห่ำแค่ไหน อย่าไปยอม”
นิสาเครียดหนัก

เจนไวน์กับธีรภาพในชุดยูนิฟอร์มเปื้อนเลอะน้ำมันเครื่องบิน เดินออกมาจากอู่ ท่าทางเหนื่อยๆ
“ยังดีนะที่ซ่อมทัน ขืนปล่อยไปเราซวยแน่” ธีรภาพว่า
“โดนไล่ออกยกชุดชัวร์”
มีนาเดินมานางแต่งหน้าเบาๆ สวยเด้งมาเลย แต่ท่าทางดูขัดๆเขินๆ
เจนไวย์ตะลึง “เฮ่ย เป็นบ้าอะไรวะ”
ธีรภาพเงยหน้าขึ้นมองมีนา อึ้งเช่นกัน มีนาเขินๆ
“นอกจากเครื่องบินจะเสียแล้ว คนก็เสียด้วยเว้ย สงสัยต้องรีบซ่อมแล้วล่ะ ท่าทางอาการหนักซะด้วย” เจนไวย์ชี้มือไปที่มีนา
มีนาปัดมือทิ้ง “ไอ้รุ่นพี่บ้า”
“แกน่ะสิบ้า ดูๆ แต่งหน้าทำผมซะเด้งเลย เป็นไรมากป่ะเนี่ย ผีเข้าเหรอ”
“เฮ่ย” ธีรภาพปรามเจนไวย์
“ก็ดูมันดิ ตลกชะมัดเลยอ่ะ สงสัยจะบ้า”
มีนาโมโหพุ่งเข้าชกท้องเจนไวย์อย่างแรง ส่งเจนไวย์ล้มลงไปกับพื้น
“โอ๊ย”
จากนั้นมีนาก็วิ่งหนีไป
“เฮ้ย อะไรของมันวะ พูดแค่นี้ต้องต่อยด้วย สงสัยจะบ้าจริงว่ะ”
ธีรภาพมองตามมีนาไป อดนึกเป็นห่วงไม่ได้

มีนาเช็ดเครื่องสำอางออกจากหน้า ธีรภาพตามมาเจอ เดินเข้าไปจับข้อมือไว้มีนาหันมามอง
ธีรภาพยิ้มบอก “สวยดีออก”
“ไม่ต้องมาโกหก”
“ไม่ได้โกหก สวยจริงๆ” พร้อมกับว่าธีรภาพเอามือเกลี่ยผมมีนาออก
มีนาเคลิ้มเพราะดีใจไปครู่หนึ่งก่อนรู้สึกตัว ปัดมือธีรภาพออก
“ไม่ต้องมายุ่ง”
“นี่มาให้กำลังใจไง”
“ทีตอนไอ้พี่เจนด่า ไม่เห็นจะช่วยเลย พอกันทั้งคู่น่ะแหละ บ้าเอ้ย”
มีนาผลักธีรภาพออกแล้วเดินหนีไป ธีรภาพมองตามอย่างเหนื่อยใจ ถอนใจเฮือก

ฝ่ายอรชุมากำลังยืนรอเอกสารเซ็นจากพงศธร
“ขอบคุณค่า เที่ยงนี้จะทานอะไรคะ ต้องรีบโทร.สั่ง เดี๋ยวคิวจะยาว”
“ไม่ต้องสั่งให้ผมนะ ผมจะออกไปทานข้างนอก”
เสียงวิริยาดังแทรกเข้ามา “ชั้นไปด้วยคนนะคะ”
พงศธรกับอรชุมาหันไปมองที่ประตู เห็นวิริยาเดินเข้ามา อรชุมารับแฟ้มแล้วรีบออกไป
“คุณจะไปกับผม”
“ค่ะ ไม่ได้เหรอคะ ทานข้าวไปคุยเรื่องงานไป บ่ายนี้เรามีประชุมนี่คะ จะได้เตรียมพร้อมไปเลย ไม่ดีเหรอคะ” วิริยายกงานมาอ้าง
พงศธรขัดไม่ได้ “เอ่อ ครับ โอเคครับ”

นิสาเข้ามาในร้าน เห็นพงศธรรออยู่ แต่ยังไม่วิริยา นิสายิ้มกว้างแล้วรีบเดินเข้าไปหา จนพบว่ามี
วิริยานั่งอยู่ข้างๆ พงศธรด้วย
นิสาอึ้งไป วิริยามองหน้ายิ้มร้ายในสีหน้า พงศธรลุกมาเลื่อนเก้าอี้ให้นิสา
“คุณวิริยามาด้วย จะได้คุยเรื่องงานก่อนเข้าประชุมน่ะ โอเคมั้ย”
“โอเคค่ะ”
นิสาลงนั่ง พยายามคุมสติกำกับอารมณ์ให้นิ่งไว้ ไม่มองหน้าวิริยา
“ตั้งแต่วันงาน ก็ไม่ได้เจอกันอีกเลยนะคะ” วิริยาเปิดฉากตอแหล
“เอ่อ ค่ะ”
“สบายดีนะคะ”
“ก็มีเรื่องไม่ดีบ้างค่ะ พวกเรื่องรบกวน”
วิริยาหัวเราะเบาๆ ยิ้มบางๆ “ชีวิตก็แบบนี้ล่ะค่ะ ทนได้ก็ทนไปนะคะ”
นิสาสบตากับวิริยา รู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
“สั่งอาหารเลยมั้ยครับ” พงศธรเอ่ยขึ้น
วิริยาบอกทันที “ขอเหมือนคุณนิสาค่ะ”
“ไม่ดูเมนูก่อนเหรอครับ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ชั้นชอบอะไรๆ เหมือนคุณนิสา”
พงศธรหันไปสั่งบริกรที่ยืนกุมหำรอรับออเดอร์อยู่
“ขอชุดอาหารกลางวันสามที่ครับ เพิ่มสลัดด้วย”
“ครับผม”
พงศธรไม่ใช่คนโง่ เขารับรู้ว่ามีอะไรบางอย่างระหว่างสองสาว รีบชวนคุยเปลี่ยนบรรยากาศ
“งานยุ่งมั้ยครับ”
“ไม่ค่ะ แค่ช่วยกองทัวร์บ้างระหว่างรอทริปเกาหลีน่ะค่ะ”
พงศธรบอกวิริยาว่า “นิสาเป็นไกด์น่ะครับ รับทัวร์เกาหลีโดยเฉพาะ เจ้าแม่เกาหลีตัวเทพเลยล่ะครับ”
“คุณนิสาเรียนจบจากเกาหลีเหรอคะ” วิริยาถามขึ้น จ้องหน้านิสา
“เปล่าหรอกค่ะ”
“อ้าว แล้วทำไมถึงเป็นตัวเทพได้ล่ะคะ”
“ชั้นชอบดูซีรี่ส์เกาหลีน่ะค่ะ”
วิริยาหัวเราะเบาๆ “เพ้อฝันออกค่ะ”

พงศธรเห็นบรรยากาศไม่ดี เลยออกตัวช่วยนิสา
“เราเจอกันก็ที่เกาหลีนี่แหละครับ”
“เหรอคะ ฟังดูโรแมนติกดีนะคะ ลูกทัวร์พบรักกับไกด์ เทพนิยายสมัยใหม่ชัดๆ”
“เรื่องของเราเป็นเรื่องจริงครับ ไม่ใช่เทพนิยาย” พงศธรหันไปยิ้มหวานนิสา
“แม่มดก็ไม่ได้มีแต่ในเทพนิยายนะคะ ชีวิตจริงก็มี” วิริยาจ้องหน้านิสาแน่วนิ่ง
พงศธรตัดบท “คุณวิวว่าจะคุยเรื่องงาน”
“เอาไว้ก่อนดีกว่าค่ะ ชั้นอยากคุยกับคุณนิสามากกว่า” วิริยามองหน้านิสา “เป็นไกด์นี่ดีนะคะ ไม่ต้องดูแลตัวเองมาก เซอร์ได้ ชิลล์ได้ รู้อะไรแค่เรื่องเดียวก็ทำงานได้แล้ว ไม่ต้องเรียนอะไรมากมาย หลายดีกรี ง่ายดีนะคะ”
นิสารู้ว่าอีกฝ่ายเหน็บแนม “อาจจะง่ายสำหรับคุณ แต่สำหรับชั้น ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ หรอกค่ะ ได้มาแล้วก็ต้องรักษาไว้ให้ดี อย่าให้ใครมาขโมยไปได้”
“บางอย่างต่อให้โจรเก่งแค่ไหนก็ขโมยไม่ได้หรอกครับ” พงศธรยิ้มให้คนรัก
“มีด้วยเหรอคะ ของแบบนั้น” วิริยาหมั่นไส้
“มีสิครับ นอกจากเรื่องงานแล้ว โลกนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่คุณต้องเรียนรู้”
“คุณจะช่วยสอนให้ชั้นใช่มั้ยคะ” วิริยาอ้อนในที
“เป็นหน้าที่ของผมครับ”
“อะไรๆ ก็หน้าที่ๆ ใช้แต่สมอง เคยใช้หัวใจบ้างมั้ยคะ”
“หัวใจผมใช้รักนิสาไปแล้ว คงหมดหน้าที่ของมันแล้วล่ะครับ”
พงศธรแอบกุมมือนิสาใต้โต๊ะ นิสารู้สึกดีและมั่นใจมากขึ้น
“รักกันดีนะคะ” ริริยาหมั่นไส้
“ผมไม่ล้อเล่นกับเรื่องความรัก ถ้าตัดสินใจแล้วว่าจะรักก็รักเลย ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ”
วิริยาคุมแค้น เสียหน้าเต็มประตู
ระหว่างพนักงานเสิร์ฟอาหารให้ วิริยาลอบมองหน้านิสาตลอด นิสามองตอบและยิ้มให้อย่างเหนือกว่า

เสียงมัทรีแหวดังขึ้น
“ฮะ นางมาด้วย”
มัทรีโวยใส่นิสาทันทีที่ฟังจบ
“เอานางมาทำไม ยังไงกันเนี่ย นี่งงแล้วนะ บอกเลย”
ประยงค์ถามขึ้นว่า “แล้วกินข้าวลงเหรอ”
“โอ๊ย ใครจะไปกินลงล่ะคะบอส ก้างมันขวางคออยู่เห็นๆ”
“บอสว่านะนิสา นิสาควรจะเริ่มมองหาผู้ชายใหม่ๆ เข้ามาเติมได้แล้วนะ สถานการณ์ชักไม่น่าไว้ใจแล้วนะ นี่สังหรณ์แม่น พูดเลย”
มัทรีกลอกตามองบน “พูดเข้าตัวอีกแล้ว บอสน่าเบื่ออะ บอสเข้าห้องไปไป๊ ไปๆ” มัทรีดันหลังประยงค์เข้าห้องไป ประยงค์ชขัดขืนไม่ไหว
“บอสเป็นห่วงนะนิสา” ประยงค์หันมาทำตาหวานให้นิสา
มัทรีหันกลับมาหานิสา
“แล้วเค้าบอกรึเปล่าว่าพานางมาทำไม”
“เค้าว่านางจะคุยเรื่องงาน”
“เอาเรื่องงานมาอ้าง คุณพงก็เลยดิ้นไปหลุดงี้”
“คงอย่างนั้น”
“แต่ก็นะ อย่าหาว่าเผือกเลยนะ ยังไงก็ระวังคนของเราไว้บ้างก็ดี ผู้ชายน่ะ รู้หน้าไม่รู้ใจนะ”
“ชั้นไว้ใจเค้า เค้าสัญญาแล้วว่าความรักของเราจะไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงได้”
“ก็เลยเชื่อเลยงี้”
“อื้อ ชั้นเชื่อเค้า เชื่อสัญญาของเค้า”
นิสามั่นใจในคนรักมาก

ตอนพักเที่ยง ที่ตลาดนัดข้างตึกสำนักงาน เต็มไปด้วยหนุ่มสาวออฟฟิศออกมาหาของกิน ธีรภาพกับเจนไวย์นั่งกินก๋วยเตี๋ยวกันอยู่มุมหนึ่ง คุยกันไปสูดเตี๋ยวไป
“เปลี่ยนใจกลับไปทำโรงงานมั้ยมึง” เจนไวย์ถาม
“ไม่”
“มุ่งมั่นกับเครื่องบินไรงี้”
“อื้อ”
“ก็ดี เออ ว่าแต่ลูกสาวท่านประธานไหนว่ามาทำงานแล้ว ไม่เคยเห็นเลยว่ะ”
“ก็เค้าไม่ได้มาซ่อมเครื่องอย่างเรานี่หว่า จะเจอได้ไง”
“มันก็น่าจะมีผ่านๆ ตากันบ้างปะวะ ยังไงก็บริษัทเดียวกัน อ่ะ”
“แล้วอยากเจอเค้าไปทำไม”
“ก็บอกแล้วไง ว่าจะจีบ จะจีบ เบื่อแล้ว ซ่อมเครื่องเนี่ย อยากนั่งห้องแอร์เว้ย”
“ตื่นๆๆๆๆ” ธีรภาพทุบโต๊ะปังๆๆ
“นี่กูพูดจริงนะเนี่ย ทำไมวะ วิศวกรกับลูกสาวประธาน” เจนไวย์นึกๆ “ก็โอเคนะ”
ธีรภาพกินเสร็จ “เดี๋ยวกูไปเดินแถวนี้ก่อน อย่าลืมซื้อเผื่อไอ้ตัวแสบอ่ะ แมร่งงอนจนไม่ยอมออกมากิน ซื้อกลับไปง้อมันด้วย ไปล่ะ”
ธีรภาพเดินออกไป เจนไวย์บ่นงึมงำ
“ตกลงกูต้องง้อมันเหรอ”
ธีรภาพเดินมาท่ามกลางหนุ่มสาวออฟฟิศมากมาย เหมือนมองหาอะไรบางอย่าง ก่อนเห็นเป้าหมายเข้า แล้วเดินแหวกคนหายไป

พงศธรกับวิริยากลับมาจากกินข้าว กำลังเดินกลับไปห้องทำงาน
“คุณรักษาน้ำใจเธอเหลือเกินนะคะ ไม่แคร์เลยว่าชั้นเป็นใคร”
“เข้าออฟฟิศแล้ว คุยเรื่องงานเถอะครับ”
วิริยาวางอำนาจใส่ “ชั้นจะคุยเรื่องอะไรก็ได้ ชั้นเป็นใครล่ะคะ อย่าลืมสิ”
“คุณเป็นลูกสาวท่านประธาน ส่วนผมเป็นพนักงานคนหนึ่ง ผมไม่ลืมหรอกครับ”
วิริยารู้ตัว “ชั้นล้อเล่น อย่าเครียดสิคะ คุณเป็นถึงโคชสอนงานชั้นนะคะ ไม่ใช่แค่พนักงานธรรมดาๆ ซะหน่อย”
“ต่อให้คุณพูดยังไง ผมก็ยังคงเป็นผม พนักงานคนหนึ่งเท่านั้นแหละครับ”
“แล้วคุณอยากเป็นมากกว่านี้มั้ยล่ะคะ”
พงศธรนิ่ง
“สมมุติว่าวันหนึ่งคุณมีโอกาสที่จะก้าวข้ามไปอีกขั้น อยู่เหนือคนอื่นหรือทุกๆ คน คุณจะเลือกมั้ยคะ”
“ผมไม่ชอบเรื่องสมมติ ชีวิตผมไม่มีเรื่องสมมติ อะไรที่ผมอยากได้ อะไรที่ผมต้องการ ผมจะทำทุกอย่างให้มันเป็นจริง ไม่มัวแต่คิดเป็นเรื่องสมมติหรอกครับ”
“เหมือนชั้นเลยค่ะ ชั้นก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ”
วิริยายิ้มเป็นนัยให้พงศธรแล้วเดินนำไป พงศธรรู้ว่าหล่อนหมายถึงอะไรพูดกับตัวเองเบาๆ
“คนเราคงไม่สมหวังทุกเรื่องหรอกครับ”

เจนไวย์นั่งหน้าคอมพ์ กำลังสั่งอะไหล่
“ซื้อเข้าไป บริษัทเรารวย อะไรเสีย ซื้อใหม่ได้เลย”
ธีรภาพเดินเข้ามาเหงื่อซ่ก
เจนไวย์หันมาเห็น “เอ้า ไปไหนมาวะ หายหัวไปเลย”
“ไปซื้ออะไรนิดหน่อย”
“มาดูนี่ๆ รายการสั่งซื้ออะไหล่ ของมึงมีอะไรเพิ่มป่ะ ตรวจดูดิ๊”
“ตามนั้นแหละ”
“แล้วนี่ตกลงไปไหนมา”
“ไปซื้อหนังสือพิมพ์”
“แล้วไหน หนังสือพิมพ์ เอามาอ่านดิ”
“ทิ้งไปแล้ว อ่านเสร็จแล้วก็ทิ้งไปเลย”
“อะไรของมึงวะ”
“ไอ้ตัวแสบอยู่ไหนวะ”

มีนาในชุดวิศกรกำลังถ่ายรูปเครื่องบินที่เสียหายอยู่ ไล่ถ่ายไปเรื่อยๆ จนธีรภาพเข้ามาตะโกนเรียก
“ไอ้ตัวแสบ”
มีนาหันมามอง ธีรภาพยิ้มหล่อโบกมือเรียก
“อะไร”
“มานี่ก่อน”
มีนามองๆ อย่างไม่ไว้ใจ
“ไม่ต้องมายุ่งเลย ทำงานอยู่”
“แป๊บเดียว มาเร็ว”
มีนาน่ะอยากไปหาใจจะขาด ทำอิดออดเข้าไปหา
“มีอะไร จะมาเม้าท์อะไรอีกล่ะ ล้างออกหมดแล้ว” มีนาชี้หน้าที่ไม่มีเครื่องสำอางให้ดู
“อ้ะ” ธีรภาพกำมือยื่นของให้ “ให้”
“อะไร” มีนาไม่ยอมยื่นมือไปรับ
“รับไปสิ”
“ไม่เอา เดี๋ยวแกล้งอ้ะ อะไรอยู่ข้างในก็ไม่รู้”
ธีรภาพคว้ามือมีนามาแล้ววางของลงบนมือ เป็นกิ๊บน่ารักๆ ตัวหนึ่ง
“ฮะ”
“ซื้อข้างทางเนี่ย ไม่ว่ากันนะ”
มีนาอึ้งๆ ดีใจ
“ไปละ”
ธีรภาพหันหลังเดินกลับไป มีนาร้องถามขึ้น
“ทำแบบนี้ทำไมอ่ะ”
ธีรภาพหันกลับมายิ้ม
“เอาใจน้องสาวเป็นหน้าที่ของพี่ชายไง”
มีนาดีใจแต่ผิดหวังกับคำว่าน้องสาว
“ไม่ต้องแต่งหน้าหรอก แค่ติดกิ๊บก็น่ารักแล้ว”
ธีรภาพเดินหล่อออกไปเลย มีนาก้มลงมองกิ๊บในมือ บอกกับตัวเองว่า
“ก็บอกว่าไม่อยากเป็นน้องสาว...” แล้วติดกิ๊บลงบนผมด้านหน้า “อยากเป็น...”
มีนาไม่ได้พูดคำว่าแฟน ออกมา แต่ถอนใจเฮือกใหญ่ออกมา

คุณเปรมจิตนั่งให้คนใช้นวดบ่าอยู่ที่บ้าน คุยโทรศัพท์ไปด้วย
“ชั้นก็ต้องโทร.มาเช็คว่าแกทำงานหรือทำเรื่องบ้าๆ อยู่น่ะสิ”
อีกฟากหนึ่งที่ออฟฟิศ วิริยาเดินไปคุยโทรศัพท์กับมารดาไป
“ถ้าคุณแม่รู้ว่าวิวทำอะไรไปบ้าง รับรองคุณแม่ต้องกรี๊ด”
“แกทำอะไร บอกชั้นมาเดี๋ยวนี้นะว่าแกทำบ้าอะไร”
“เอาไว้ให้สำเร็จก่อน แล้ววิวจะบอกนะคะ คาดว่าคงอีกไม่นานนี่หรอกค่ะ”
วิริยากดวางสาย เดินยิ้มสะใจไป
ฝ่ายเปรมจิตเครียดจัด
“โอ๊ย ชั้นจะบ้าตาย ลูกบ้าลูกบออะไรทำไมมันถึงได้ดื้ออย่างนี้ ถ้าเกิดมันไปคว้าไอ้...ชั้นจะทำยังไงล่ะเนี่ย ฮึ่ย”

ส่วนที่แฮปปี้โคเรีย มัทรีเม้าท์มอยไม่หยุด
“นี่ไม่สบายใจอ้ะ ล่อแหลมมาก นี่เครียดอ่ะ”
“แฟนชั้น ๆ ไม่ต้องมาเครียดแทนชั้น”
“ก็ห่วงแกน่ะแหละ เกิดไรขึ้นมาก็ชั้นนี่แหละที่ต้องอยู่กับแก”
“ไม่เกิดหรอกน่า”
“แกกับคุณพงศ์ก็ไม่ใช่ว่าดูใจกันมาเป็นสิบๆ ปี รู้นิสัยใจคอกันไปหมดซะที่ไหน เพิ่งรู้จักกันแป๊บๆ แท้ๆ ชั้นละห่วงจริงๆ ว่าเค้าจะนอกใจแก”
“ไม่หรอกน่า”
“อย่าแน่นอน อย่ามาแน่นอนใส่ ทางที่ดีแกควรจะหาผู้ชายสำรองไว้ เวลาล้มจะได้ไม่เจ็บ”
“เค้าไม่มีทางนอกใจชั้นหรอก”
มัทรีหมั่นไส้ “โอ๊ย กล้าเชื่อเนอะ”
“คนรักกัน เป็นแฟนกัน ไม่เชื่อกัน แล้วจะไปกันรอดเหรอ”
“เออๆๆเชื่อก็เชื่อ แต่หาสำรองไว้บ้าง ก็ไม่เห็นเสียหายนี่ แต่ไม่ใช่อีบอสนะ ไม่เจริญหูเจริญตา”
“ให้ชั้นหาตัวสำรอง แล้วใครล่ะ ไหน คนแบบไหน เค้าจะยอมเป็นตัวรองให้กันล่ะ”

ที่อู่ซ่อมเครื่องบิน ธีรภาพเช็ดไม้เช็ดมือที่เปื้อนคราวน้ำมันออก เจนไวย์ทำงานอยู่ข้างๆ
“เจออีกแล้ว ถามจริง”
“เออ”
“ไมไม่ขอเบอร์วะ”
“จังหวะมันไม่ได้เว้ย”
“แล้วนี่จะเจอกันอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ โทรคุยก็ไม่ได้ โอ๊ย ไม่เห็นทาง”
“คนเราถ้ามันจะใช่ ยังไงก็ต้องได้เจอ”
“มึงอย่ามาแอ๊บใส่ พรหมลิขิตไรงี้ กูไม่เอาด้วยหรอก”
“แต่กูเชื่อนะ”
“มึงตุ๊ดมากอ่ะเพื่อน”
“เชื่อไว้ก็ไม่เสียหายนี่หว่า อย่างที่บอก ถ้ามันจะใช่ ยังไงก็ได้เจอ”
ธีรภาพอมยิ้มอย่างมีความหวัง

คนางค์ทำกับข้าวเสร็จ เริ่มตักใส่จัดปิ่นโตเรียงๆ ใส่เถา
“ปิ่นโตนี้ต้องพิเศษหน่อย”
คนางค์ตักกับข้าวใส่ปิ่นโตยิ้มๆ นึกถึงตอนนิสาช่วยตนไว้กลางถนน
“เป็นอะไรมากมั้ยคะ”
คนางค์หันมาหานิสา ปิ่นโตที่ซื้อมาใหม่หลายเถาหล่นกระจายเต็มพื้น
“แม่แกเหรอ คราวหลังดูให้ดีหน่อย ปล่อยมาเดินเพ่นพ่าน เดี๋ยวได้รถชนตายห่า” คนขับมอเตอร์ไซค์ด่า
“พี่ก็พูดดีๆ ก็ได้ ทำไมต้องด่ากันด้วย ป้าแกก็คงไม่ได้อยากตัดหน้ารถฆ่าตัวตายหรอก ถนนมันแคบนิดเดียว ขับให้มันช้าๆ หน่อยไม่ได้รึไง”
“โอ๊ย กูไม่มีเวลาต่อปากต่อคำ ไม่ตายก็ดีแล้ว แมร่ง เกือบทำกูซวย”
คนขับกลับขึ้นรถแล้วกระชากรถออกไปอย่างหงุดหงิด นิสาหันมาประคองคนางค์
“ลุกไหวมั้ยคะ”
“ไหวจ้ะไหว”
คนางค์พยายามจะลุกแต่ก็ไม่ได้
“สงสัยเท้าจะแพลง”
“หนูช่วยนะคะ”
นิสาช่วยประคองขึ้นมา คนางค์ร้องโอดโอย
“โอ๊ยๆๆ ไม่ไหวลูก ไม่ไหว มันเจ็บมาก”
“เดี๋ยวหนูพาไปหาหมอนะคะ รอแป๊บนะคะ”
นิสาวิ่งไปเก็บปิ่นโตตามพื้นถนน คนางค์มองตามอย่างชื่นชมในน้ำใจ
คนางค์ปิดล็อคปิ่นโตเรียบร้อย มองผลงานยิ้มๆ

วิริยาเข้ามาในห้องกรเกียรติ
“คุณพ่อมีอะไรเหรอคะ”
“นั่งก่อนสิ”
วิริยาไม่ยอมนั่ง “คุณแม่โทร.มาใช่มั้ยคะ”
“แกก็รู้ว่าแม่เค้าห่วงเรื่องอะไร ยังจะทำตัวให้เค้าห่วงอีก”
“วิวทำอะไรคะ วิวยังไม่ได้ทำอะไรเลย คุณแม่โวยวายไปเองทั้งนั้น”
“แกแน่ใจนะ” กรเกียรติจ้องหน้าลูกสาว
“แน่ใจสิคะ แล้วถึงวิวทำจะทำอะไร มันก็ไม่เห็นจะต้องโวยวายกันเลย คุณพงศธรเค้าก็ไม่ได้แย่ หน้าที่การงานก็ดี คุณพ่อเองก็ไว้ใจเค้าไม่ใช่เหรอคะ
“พงศธรเป็นคนดี แต่เค้ามีคนรักอยู่แล้ว”
วิริยาหงุดหงิด “วิวยังไม่เคยพูดสักคำว่าวิวรักชอบเค้า คิดมากกันไปเองทั้งนั้น หรือถึงมันจะจริง แล้วไงคะ”
“ผู้ชายที่เลือกผู้หญิงที่สูงส่งกว่า อาจจะไม่ใช่คนดีนักก็ได้ บางทีอาจจะเลวเลยด้วยซ้ำ แล้วที่สำคัญ ยังทำร้ายคนที่ถูกทิ้งให้ตายทั้งเป็น” กรเกียรติพูดถึงเรื่องของตัวเอง
วิริยาหน้าตึง “คุณพ่ออย่ามาดราม่าใส่วิว คนเราเลิกกับคนนี้ก็ไปมีคนใหม่ได้ เริ่มต้นใหม่ได้ มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละค่ะที่จะตายเพราะแค่ถูกทิ้ง”
กรเกียรติโกรธ “ยายวิว”
“ก็วิวพูดเรื่องจริง ถ้าวิวถูกใครทิ้ง วิวก็หาคนใหม่ได้ วิวไม่มานั่งเสียใจไปทั้งชีวิตหรอกค่ะ”
“นั่นเพราะแกไม่ได้รักใครจริง แกมันรักแต่ตัวเองถึงได้คิดแบบนี้”
“โอ๊ย วิวไม่มาเถียงเรื่องความรักกับคุณพ่อที่นี่หรอกค่ะ เสียเวลา แล้วก็ไม่ต้องมาห้ามวิวด้วย คุณพ่อก็รู้นิสัยวิว ยิ่งห้ามวิวก็ยิ่งอยากทำ”
วิริยาเดินหุนหันออกไป กรเกียรติถอนใจเฮือกใหญ่ ด้วยความระอาในนิสัยเอาแต่ใจของลูกสาว

วิริยาปึงปังเข้ามาในห้อง แต่ไม่เจอพงศธรแล้ว จึงออกมาถามอรชุมา
“คุณพงศธรล่ะ”
“กลับไปแล้วค่ะ เพิ่งออกไปเมื่อกี้นี่เอง”
วิริยาอยากจะกรี๊ด ปึงปังกลับเข้าห้องไป อรชุมาสะใจ
“เรียกหาผัวทั้งวัน เป็นชะนีรึไงยะ”

ทางด้านมัทรีเดินออกมาส่งนิสาหน้าบริษัท
“อย่าลืมถามๆ ไปรอบๆ นะแก ดูซิว่ามีพิรุธอะไรบ้าง อย่าทำเป็นนิ่งนอนใจ ผู้ชายไว้ใจไมได้นะแก”
“เออน่า ไปละ พรุ่งนี้เจอกัน”
“เจอกัน”
นิสาเดินไปขึ้นรถพงศธรที่จอดรออยู่ เมื่อขึ้นมานิสานั่งเงียบ ไม่มองหน้าพงศธรด้วย
พงศธรหันมามองคนรักถามขึ้นว่า “มีอะไรรึเปล่าครับ”
“คะ”
“ขึ้นรถมา ไม่พูดไม่ทักผมเลย โกรธอะไรรึเปล่า”
“ไม่มีอะไรค่ะ”
พงศธรจับมือนิสา
“ยิ้มให้ผมก่อน”
นิสาหันมามองพงศธรแล้วฝืนยิ้มให้
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้เชื่อใจผม เชื่อในคำสัญญาของผมนะครับคนดี”
นิสายิ้มออก “ค่ะ สาจะเชื่อสัญญาของคุณ”
พงศธรยิ้มแล้วออกรถไป

ในเวลาต่อมาพงศธรจอดรถหน้าบ้านนิสา เห็นศักดิ์ชายรออยู่บนรถเข็น พงศธรลงจากรถไปไหว้สวัสดี
“นักกายภาพที่ผมส่งมาโอเคมั้ยครับ ถ้าไม่ถูกใจผมจะหาคนใหม่ให้”
“ไม่ต้องหาใหม่หรอกครับ คนนี้เค้าเก่ง นี่ก็เพิ่งจะกลับไปก่อนคุณมาเองอันที่จริง นิสาก็พอช่วยผมได้ ไม่ต้องรบกวนคุณจะดีกว่า”
“ไม่รบกวนหรอกครับ ผมรักนิสาและเคารพคุณลุงมาก ให้โอกาสผมได้ดูแลเถอะนะครับ”
“งั้นก็ขอบคุณนะ นิสาโชคดีที่มีคุณดูแล”
“ผมต่างหากล่ะครับที่โชคดีได้ดูแลนิสา” พงศธรยกมือไหว้ลา “ผมลาล่ะครับ”
ศักดิ์ชายรับไหว้ พงศธรออกไป นิสามองตามไปด้วยสีหน้ากังวล
“เป็นอะไร มีอะไรรึเปล่า”
“ไม่มีอะไรค่ะ เข้าบ้านกันเถอะค่ะ หนูหิวแล้ว”
นิสาเข็นรถพ่อเข้าบ้านไป

เจนไวย์จอดมอเตอร์ไซค์หน้าอพาร์ตเมนต์ มีนาลงรถถอดหมวกกันน็อคคืนให้แล้วจะเดินไปเลย
“เฮ่ย เดี๋ยวดิ”
มีนาหันกลับมามองอย่างเบื่อหน่าย
“จะไม่พูดกันสักคำเลยเหรอ แค่ขอบคุณก็ได้”
มีนาเงียบไม่พูดไม่จา
“ยังไม่หายงอนอีก”
มีนากลอกตาเบื่อๆ
“เออๆๆ ไม่ต้องพูดก็ได้ นี่ถ้าไอ้ตี้มาส่งคงยิ้มแก้มแตกเลยล่ะสิ”
“ยุ่งไรด้วย”
เจนไวย์ยิ้มรู้ทัน “หรือไม่จริงอ่ะ”
มีนาเถียงไม่ออก
“อย่าคิดว่าดูไม่ออกนะเว้ย ไปชอบมันน่ะ ระวังอกหักนะ”
“ทำไม”
“ระวังไว้ก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน”
เจนไวย์ออกรถไปทันที มีนามองตามไปหน้าเครียดเลย

ฝ่ายธีรภาพจอดบิ๊กไบค์หน้าบ้านหลังหนึ่ง
“มีของมาส่งคร้าบ”
เสียงแตรรถมอเตอร์ไซค์ดังมาจากหน้าบ้าน
“ค่า รอแป๊บนึงค่า”
ธีราภาพรอโดยที่ไม่รู้ว่านี่คือบ้านนิสา ไฟดวงหน้าบ้านถูกเปิดขึ้น ธีรภาพเงยหน้าขึ้นมองกลายเป็นศักดิ์ชายออกมาดูซะนี่ ธีรภาพยืนรอพร้อมปิ่นโตยิ้มให้
นิสาวิ่งลงบันไดมาทั้งชุดนอน รีบร้อนออกมาหน้าบ้าน พบว่าธีรภาพเพิ่งออกรถไป เหลือแต่ศักดิ์ชายถือปิ่นโตในมือ
“ใครเอาอะไรมาส่งคะพ่อ”
“ลูกชายเอามาตอบแทนที่เราไปช่วยแม่เค้าไว้น่ะ”

ฟากพงศธรลงรถเดินเข้ามาที่ล็อบบี้คอนโด มีเสียงเรียกชื่อดังขึ้น
“คุณพงศ์”
พงศธรหันกลับไปมอง เห็นวิริยาที่นั่งรออยู่ตรงมุมรับแขกลุกขึ้นยิ้มพราย

“วิวมาเซอร์ไพรส์ค่ะ”

อ่านต่อตอนที่ 5
กำลังโหลดความคิดเห็น