เงาเสน่หา ตอนที่ 3
ธีรภาพมาถึงออฟฟิศตอนเช้า พอวางกระเป๋าลงเจนไวย์ที่มาถึงก่อนสักพัก ก็เดินเข้ามาหา
“มาก็ดีแล้ว เบื่อจะทะเลาะกับไอ้มีนา”
“มีอะไรกัน”
“มันน่ะดิ ไม่รู้เป็นบ้าอะไร ไม่พูดไม่จา สั่งอะไรก็ไม่ทำ ถามอะไรก็ไม่ตอบหน้าหงิกหน้างอ แกไปดูมันหน่อยดิ กับแกมันคงยอมพูดด้วยหรอก”
ธีรภาพยิ้มแซว “ห่วงนะเนี่ย”
เจนไวย์เขินนิดๆ “ห่วงอะไร ไม่ได้ห่วง ก็ มันต้องมาทำงานไง เป็นบ้าแบบนั้นจะทำงานได้ไง”
ธีรภาพยิ้ม “โอเค เดี๋ยวไปดูให้ อยู่ไหนอ่ะ”
มีนานั่งคิดมากอยู่ในอู่เก็บเครื่องบินป่วย ธีรภาพเข้ามา
“มาหลบอะไรอยู่ตรงนี้ ไอ้ตัวแสบ”
มีนามองแล้วเมินหน้าหนี ทำไม่สนใจ หน้างอเป็นจวัก ธีรภาพมานั่งข้างๆ
“นั่งด้วยนะ”
“ใครไปห้ามล่ะ”
ธีรภาพลงนั่ง “เอาพูดได้แล้วนี่ เมื่อกี้เห็นว่าไม่พูดไม่จา เป็นไร”
มีนานั่งหน้าเครียด ไม่ยอมตอบ
“รุ่นพี่ถามต้องตอบนะ ไม่งั้นเดี๋ยวเจอว้าก”
“กล้าเหรอ”
ธีรภาพขยี้หัวมีนาอย่างเอ็นดู “อยากลองมั้ยล่ะ”
“ที่ทำเมื่อวาน ยิ่งกว่าว้ากอีก” มีนาบอก
“ทำอะไร” ธีรภาพงง
“ก็ผู้หญิงคนนั้นไง ที่บอกว่าชอบ”
ธีรภาพนึกได้ “โอ๊ย นึกว่าอะไร ก็อยากสอดรู้สอดเห็นนัก เลยยั่วเล่นซะ”
“ไม่จริงอ่ะ ไม่ใช่แค่นั้นแน่”
“นี่ตกลงที่ไอ้เจนว่าเราเป็นบ้าเนี่ย เพราะเรื่องแค่นี้น่ะเหรอ”
“ไม่ได้บ้า แต่ไม่ชอบ ไม่ชอบให้ไปยุ่งกับคนอื่น ไม่ชอบให้ไปคุยกับใคร”
ธีรภาพอึ้งไป “ทำไม”
“ไม่รู้”
“ฟังนะ โลกนี้มันใหญ่มากนะ คนเป็นแสนๆ ล้านๆ เลยนะ จะเจอเค้าอีกรึเปล่าก็ยังไม่รู้ หน้าตาเป็นไงก็ยังไม่เคยเห็นซะที เกิดปากแหว่ง เพดานโหว่จะทำยังไง”
“แล้วถ้าเจอล่ะ”
“ก็ดีสิ จะได้ขอดูหน้าชัดๆหน่อย”
มีนาเหลียวขวับ “ก็ดีงั้นเหรอ”
“ใช่”
มีนาอึ้งๆ น้ำตาคลอๆ แต่ต้องกลั้นไว้
“ฟังนะ” ธีรภาพจ้องตาไม่ทันสังเกตสาวมาดทอม “เป็นพี่น้องกัน มันดีที่สุดแล้ว เป็นน้องสาวนะ จะดูแลอย่างดีเลย”
“แค่น้องสาว”
“อื้อ” ธีรภาพลุกขึ้น “ไปทำงานก่อนนะ”
ธีรภาพขยี้หัวมีนาอีกทีแล้วเดินไป มีนามองตามไป ร้องไห้ออกมา
“ใครอยากเป็นแค่น้องสาวกันล่ะ”
นางหลงรักธีรภาพเต็มๆ
ท่ามหาราช มัทรีลงจากรถบัสริมถนนหน้าท่ามหาราช ร้องเรียกลูกทัวร์ ป้าๆ ลุงๆ ร่วม 20 กว่าคน ที่ทยอยตามลงมา
“ท่ามหาราชนะคะ กำลังฮอตฮิตอินเทรนด์ เดี๋ยวเราจะแวะพักดื่มน้ำชากันที่นี่ก่อนขึ้นเรือไปไหว้พระที่วัดอรุณ กับวัดโพธิ์ สองวัดเก่าแก่ของไทยนะคะ”
นิสาตามลงมาด้วยพร้อมกระเป๋าใส่ยา มีตรากากบาทสีแดงข้างหน้า
“ดีนะที่แกมาช่วย ไม่งั้นชั้นแอ้กแน่ พาคนแก่ข้ามเรือนี่เรื่องใหญ่นะแก แดดก็ร้อนซะ โอ๊ย เดี๋ยวต้องมีเป็นลมชัวร์” มัทรีบ่น
นิสายิ้มให้ “ไม่ต้องห่วงน่า เดี๋ยวช่วยเอง”
“งั้นวานหน่อยได้ปะ”
“ว่ามา”
“น้ำแข็งในรถหมดอ่ะ กลับมาจากฝั่งโน้นเป็นเรื่องแน่ อากาศแบบนี้ เรียกหาน้ำกันแหลก ซื้อมาเติมหน่อยดิ แถวๆ ข้างหน้าน่ะน่าจะมี เดี๋ยวชั้นพาพวกนี้ไปร้านน้ำชาก่อน”
“ได้เลย”
“เดี๋ยวเจอกันที่ท่าเรือนะ”
“โอเค”
นิสากับมัทรีแยกกันไป
“เชิญค่า ทางนี้เลยค่า”
บริเวณร้านค้าในตลาดด้านหน้าท่ามหาราช นิสาเดินมาที่ร้านขายของชำที่มีตู้แช่
“ขอน้ำแข็งยี่สิบถุงค่ะ”
คนขายจัดการให้ นิสายืนรอ ทันใดนั้นเสียงเบรกเอี๊ยดดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงหวีดร้องด้วยความตกใจ
“โอ๊ย”
นิสามองไปเห็นผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งล้มอยู่กลางถนน หน้ารถส่งของ คนขับลงมาด่าๆๆ
“ตาบอดรึไง ไม่เห็นเหรอว่ารถมา เสือกข้ามมาได้ อยากตายรึไงวะ”
นิสาเห็นท่าไม่ดีรีบเดินไปดู
“ตายห่าตายโหงขึ้นมากูก็ซวยพอดี แมร่งเอ๊ย”
นิสาเข้าไปหาหญิงที่ล้มอยู่
“เป็นอะไรมากมั้ยคะ”
หญิงคนนั้นหันมาหานิสา ที่แท้เป็นคนางค์แม่ธีรภาพนั่นเอง มีปิ่นโตหลายเถาหล่นกระจายเต็มพื้น
“แม่แกเหรอ คราวหลังดูให้ดีหน่อย ปล่อยมาเดินเพ่นพ่าน เดี๋ยวได้รถชนตายห่า”
นิสาสุดทน “พี่ก็พูดดีๆ ก็ได้ ทำไมต้องด่ากันด้วย ป้าแกก็คงไม่ได้อยากตัดหน้ารถฆ่าตัวตายหรอก ถนนมันแคบนิดเดียว ขับให้มันช้าๆ หน่อยไม่ได้รึไง”
คนขับยัวะจัด “โอ๊ย กูไม่มีเวลาต่อปากต่อคำ ไม่ตายก็ดีแล้ว แมร่ง เกือบทำกูซวย”
คนขับกลับขึ้นรถแล้วกระชากรถออกไปอย่างหงุดหงิด
นิสาหันมาประคองคนางค์
“ลุกไหวมั้ยคะ”
“ไหวจ้ะไหว”
คนางค์พยายามจะลุกเองแต่ก็ไม่ได้
“สงสัยเท้าจะแพลง”
“หนูช่วยนะคะ”
นิสาช่วยประคองคนางค์ขึ้นมา คนางค์ร้องโอดโอย
“โอ๊ยๆๆ ไม่ไหวลูก ไม่ไหว มันเจ็บมาก”
“เดี๋ยวหนูพาไปหาหมอนะคะ รอแป๊บนะคะ”
นิสาวิ่งไปเก็บปิ่นโตเถาใหม่ที่คนางค์เพิ่งซื้อมาที่กระจัดกระจายเต็มพื้นถนน คนางค์มองตามอย่างชื่นชมในน้ำใจ
นิสานึกได้รีบกดโทรศัพท์หามัทรี
“มัท”
“ว่าว่า...” เสียงมัทรีดังออกมา
“เดี๋ยวชั้นกลับมานะ พอดีมีเรื่องด่วนน่ะ จะรีบกลับมานะ
นิสาวางสายไปแล้วหิ้วหอบปิ่นโตทั้งหมดมาให้คนางค์
“ไปค่ะ” นิสาช่วยประคอง “ฮึบ ค่อยๆ นะคะ”
รถแท็กซี่แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านหลังหนึ่ง เท้ามีผ้าพันแผลไว้ก้าวลงมา เห็นเป็นคนางค์พยายามลงจากรถ นิสาลงจากอีกด้านวิ่งอ้อมมาช่วย
“ระวังค่ะ ช้าๆ ช้าๆ”
นิสาเอาตัวคนางค์ออกมาได้สำเร็จ แท็กซี่ขับออกไป นิสามองบ้านคนางค์
“บ้านป้าน่าอยู่จังค่ะ มีคนอยู่มั้ยคะ เดี๋ยวหนูไปเรียกให้”
“ไม่มีหรอกลูก ลูกชายเค้าไปทำงานน่ะจ้ะ”
“งั้นเดี๋ยวหนูเข้าไปส่งข้างในนะคะ”
นิสาประคองคนางค์เข้าบ้านไป
สองคนเข้าบ้านมา นิสาช่วยคนางค์ลงนั่งตรงโถงรับแขก
“เรียบร้อย”
คนางค์ซาบซึ้ง “ป้าไม่รู้จะตอบแทนหนูยังไง หายากนะน้ำใจคนสมัยนี้”
“ไม่ต้องตอบแทนหรอกค่ะ ช่วยๆ กัน”
“นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องออกไปซื้อปิ่นโตคงไม่เจอเข้าแบบนี้”
นิสามองไปที่ถุงใส่ปิ่นโต
“หนูเก็บมาให้หมดครบนะคะ ไม่มีขาดตก”
“ขอบใจมานะลูก”
“คุณป้าอย่าลงน้ำหนักข้างนี่นะคะ เดี๋ยวจะบวม ถ้าปวดก็กินยาที่หมอให้มานะคะ ไม่กี่วันก็น่าจะดีขึ้นค่ะ”
“จ้ะๆ”
“อีกนานมั้ยคะกว่าลูกชายป้าจะกลับมา”
“คงจะค่ำๆ น่ะจ้ะ”
“พอดีว่าหนูติดงาน อยู่เป็นเพื่อนไม่ได้ซะด้วยสิ”
คนางค์ยิ้มให้ “ไม่เป็นไรลูก แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้ว หนูรีบไปทำงานเถอะจ้ะ”
“งั้นหนูไปก่อนนะคะ” นิสาไหว้ลา
คนางค์คิดได้ “เดี๋ยวลูก”
ธีรภาพนั่งเช็ดเครื่องมืออยู่ในอู่ แต่มองเหม่อไปไกล
“เฮ้ย” เจนไวย์เห็นแกล้งเข้ามากระทืบเท้าใส่ตรงหน้า
“เฮ้ย” ธีรภาพตกใจ
“เหม่อจัง เหม่อไปถึงไหนเนี่ย เป็นไรมากเปล่าวะ”
“ไม่ได้เป็นไร”
“กูว่ามี”
“ไม่มี๊”
“เสียงสูงแบบนี้ มีชัวร์ บอกมา มีอะไร”
ธีรภาพอึกๆ อักๆ “มึง...”
“กูทำไม”
“มึงเชื่อพวก เรื่องแบบ อือ รักแรกพบอะไรงี้เปล่าวะ”
“รักแรกพบ” เจนไวย์หัวเราะขำ
“กูไม่น่าพูดกับมึงเลย” ธีรภาพเซ็ง
“ก็กูตลกอ่ะ แมนๆ กันอยู่ดีๆ แมร่งมารักแรกพบใส่กู กูตั้งตัวไม่ทัน”
“ไอ้เลว”
“เดี๋ยวๆ แล้วมึงไปรักแรกพบกับใครมา”
มีนาเดินเข้ามาจากอีกด้านหนึ่งพอดี ชะงักกึก แอบฟัง
“ไม่มี๊”
“บอกมาดีๆ”
“ก็บอกว่าไม่มี แค่ถามว่าเชื่อมั้ยเฉยๆ ไม่ได้พูดเลยว่ามี”
“เอาดีๆ”
“ก็ มันประทับใจ เออมันบอกไม่ถูก มันปังหน้า แต่ไม่รู้ว่าใคร จะได้เจอกันอีกรึเปล่ายังไม่รู้เลย”
“เฮ้ย ของแบบนี้ถ้ามันจะใช่ ยังไงมันก็ต้องเจอ มึงเชื่อเรื่องพรหมลิขิตป่ะ”
“เพ้อแล้วมึงอ่ะ เฮ้ยๆ ไปดีกว่า”
ธีรภาพลุกหนีไป
“เอ้า กูก็ถามดีๆ มาเดินหนีใส่ ไอ้นี่”
มีนาหน้าตึงเปรี๊ยะ ไม่พอใจอย่างมาก สองหนุ่มไม่ทันเห็น
ทางฝ่ายวิริยาเดินนำพงศธรกลับเข้ามาในห้องทำงานของหล่อน ทิ้งตัวลงนั่งตรงมุมรับแขก
“เฮ้อ..ขอแอร์หน่อยๆ”
เลขารีบถือถาดน้ำสองแก้วเข้ามาให้
“น้ำเย็นๆ ค่ะ”
อรชุมารีบร้อนเข้ามา
“ขอโทษนะคะ” แล้วรีบบอกพงศธร “อีก15นาทีประชุมนะคะ”
“ครับ”
อรชุมาออกไป
“เห็นรึยังล่ะครับว่ารอยัลแอร์ไลน์ของคุณใหญ่โตแค่ไหน นี่เราเพิ่งสำรวจได้แค่ครึ่งทางเองนะครับ”
“ค่อยๆ เรียนจากคุณก็ได้นี่คะ ชั้นไม่รีบ”
“ชีวิตที่นี่รีบนะครับ ต้องรีบทุกระบบ คุณคงต้องใช้เวลาปรับตัว”
“คุณจะช่วยใช่มั้ยคะ”
“แน่นอนครับ ผมยินดีช่วยทุกอย่าง”
“หวังว่าจะไม่ได้หมายถึงเรื่องงานอย่างเดียวนะคะ” วิริยาหยอด
“ครับ”
“ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน คุณยังจะอยากช่วยชั้นมั้ยคะ”
พงศธรรู้ทันว่าวิริยามาไม้ไหน แต่พยายามทำตัวปกติ
“คนอย่างคุณวิริยา มีพร้อมทุกอย่าง จะยังเหลืออะไรให้ผมช่วยเหลือได้ล่ะครับ ขอตัวนะครับ ผมมีประชุม”
พงศธรเดินออกไป วิริยามองตามไปยิ้มร้ายอย่างพึงพอใจ
อีกฟากหนึ่งที่ท่ามหาราช มัทรีกำลังต้อนลูกทัวร์กลับขึ้นรถ
“ไหว้พระขอพรกันครบแล้วนะคะ ต่อไปเราจะไปทัวร์กินมื้อเย็นกันที่เยาวราชนะคะ หายใจเข้าลึกๆ ให้กระเพาะเปิดรอเลยค่า”
นิสาลงวินมอเตอไซค์แล้วรีบเข้ามาหามัทรี
“มาแล้วๆๆๆ”
“คิดว่าหนีซะแล้ว หายไปไหนมายะ ปล่อยชั้นต้อนคนแก่ข้ามน้ำไปข้ามน้ำมาอยู่คนเดียว ถ้าเรือล่มขึ้นมา จะช่วยทันมั้ย”
“โทษๆๆ”
“แล้วนี่ตกลงแกหายไปไหนมา”
“เรื่องมันยาว เดี๋ยวค่อยเล่า”
“เอาไปๆๆ ขึ้นรถๆ เดี๋ยวไปเล่ากันที่เยาวราช”
มัทรีกับนิสาขึ้นรถไป
พงศธรเก็บของคว้ากระเป๋า ลุกขึ้นเตรียมตัวกลับบ้าน จู่ๆ วิริยาก็โผล่เข้ามา
“จะกลับแล้วเหรอคะ”
“ครับ”
“รีบเหรอคะ”
“ผมต้องไปรับแฟนน่ะครับ นัดเค้าไว้”
“ไปสายนิดนึงได้มั้ยคะ พอดีวิวไม่ค่อยชอบพีอาร์แพลนที่ทีมเค้ามาเลยค่ะ อยากปรึกษาคุณพงศ์ก่อน”
พงศธรอึกอัดและอึดอัด “อ่า...”
“ถ้าคุณรีบก็ไม่เป็นไรค่ะ”
“มีอะไรก็ว่ามาเลยครับ เรื่องงานผมพร้อมเสมอ”
วิริยายิ้มร้ายสมใจ
นิสากับมัทรีเดินกลับเข้ามาในออฟฟิศด้วยท่าทีอันเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ประยงค์ร้องทักเดินมาหา
“ยินดีต้อนรับนิสาครับ”
“อ้าว นี่กลับมาสองคนไง”
ประยงค์ไม่สนมัทรี หันไปใส่ใจนิสา
“เหนื่อยมั้ยอ่ะ ร้อนก็ร้อน บอกแล้วว่าไม่ต้องไปช่วย ปล่อยให้แมสซี่ลุยไปคนดียวก็ได้ นางอึด นางล่ำ นางเอาอยู่”
“ไม่เป็นไรค่ะ ช่วยๆ กัน ช่วงนี้สาก็ยังไม่ทริปด้วย”
“ไปนานเลยนะ นี่คิดถึง บอกเลย” ประยงค์ผู้ขยันหยอดบอก
มัทรีหมั่นไส้ “แหวะ”
“เอ้า ไปท้องกับลิงคิงคองที่ไหนมาล่ะยะ คลื่นเหียนเวียนไส้”
“คลื่นไส้บอสนั่นแหละค่ะ อย่าไปจีบเค้าเล้ยยย เค้ามีแฟนแล้ว ปล่อยเค้าไปเหอะ”
“มีแฟนแล้วก็เลิกกันได้” ประยงค์ยิ้มหวานให้นิสา “เจอของดีกว่าอยู่ตรงหน้า ถ้าไม่คว้าไว้ จะเสียใจนะจ๊ะ”
มัทรีไม่ไหวจะเคลียร์ “โอ๊ย บอสๆๆ หยุดๆ ไปๆๆ กลับบ้านๆๆ วันนี้บอสต้องไปส่งแมสซี่นะ เดินจนขาจะหักอยู่แล้วเนี่ย”
“แต่ต้องไปส่งนิสาก่อน”
“อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะบอส เดี๋ยวแฟนมารับค่ะ”
มัทรีหัวเราะสะใจ “ฮ่าๆๆๆ สมนำหน้า”
ประยงค์จ้องหน้า “ถามจริง”
“จริงๆ ค่ะ”
“นี่หึงนะ พูดเลย”
“นี่รำคาญ ไปเถอะ”
มัทรีคว้าแขนประยงค์ให้ลุกออกไป ประยงค์ไม่วายทำมือไอเลิฟยูใส่นิสาทิ้งทวน
“รอคนเดียวได้นะ” มัทรีหันมาถามเพื่อน
“ได้จ้า”
“เข้ามารอในหัวใจมั้ยอ่ะ” ประยงค์อ้อล้อไม่เลิก
มัทรีกระชากประยงค์เต็มแรงพาออกไป นิสามองตามหัวเราะขำๆ
ภายในห้องทำงานพงศธร วิริยากำลังพูดเรื่องแพลนพีอาร์อยู่ในนั้น
“กลยุทธ์ที่เลือกใช้ไม่มีความน่าสนใจพอ แล้วยังขาดความต่อเนื่อง ตอนนี้ธุรกิจสายการบินแข่งกันหนักมาก แค่เราเดินเร็ว เราก็แพ้เค้าแล้ว”
พงศธรนึกชื่นชม “แล้วคุณมีไอเดียยังไงครับ”
“ชั้นยังไม่มีประสบการณ์ ถึงอยากปรึกษาคุณยังไงล่ะคะ”
“งั้นเราเก็บไว้ประชุมระดมไอเดียพรุ่งนี้ก็ได้นะครับ”
“อ๋อ ลืมไปว่าคุณต้องรีบกลับ ชวนคุยซะนาน เสียเวลาคุณแย่เลย” มีวี่แววตัดพ้อในน้ำเสียงวิริยา
“คุยเรื่องงานไม่เสียเวลาหรอกครับ”
อรชุมากลับเข้ามา
“ฮัลโหล กลับกันหมดตึกแล้วนะคะ”
“แล้วเธอจะรออะไรอยู่ ทำไมไม่รีบกลับไปซะล่ะ เก็บข้าวของกลับไปแล้วไม่ต้องกลับมาที่นี่อีกก็ได้นะ เชิญ”
อรชุมาตกใจ “อุ่ย! รู้สึกเหมือนโดนไล่ออก”
“ใจเย็นๆ ครับคุณวิริยา” เขาหันไปบอกอรชุมา “ล้อเล่นน่ะ ไม่มีอะไรหรอก คุณอรกลับไปเถอะครับ ไม่ต้องรอหรอก”
“ค่ะๆ”
อรชุมาโล่งอกรีบออกไป
“เรามาสรุปหัวข้อที่จะประชุมพรุ่งนี้กันเลยมั้ยคะ”
พงศธรอึ้งๆ ดูนาฬิกา
“เอ่อ โอเคครับ”
วิริยาลอบยิ้มร้ายชอบใจ
ระหว่างพงศธร วิริยากับนิสาสองสามครั้งเพื่อผ่านเวลา-
ฝ่ายนิสารอคนรักอยู่นานและเมื่อดูเวลาเห็นว่าดึกแล้ว ตัดสินกลับเอง ลุกออกไปปิดล็อคประตู เดินไปตามซอยมุ่งหน้าออกถนนใหญ่
ธีรภาพจอดมอเตอร์ไซค์หน้าอาคารอพาร์ตเมนต์ที่พักของมีนา วิศวกรสาวมาดทอมบอยลงรถถอดหมวกกันน็อคส่งคืนให้ บอกเสียงห้วน
“ขอบคุณ”
ธีรภาพไม่รับหมวก
“เก็บไว้เถอะ ต้องใช้ทุกวัน”
“จะมาส่งทุกวันเหรอ”
“ทางผ่านอยู่แล้วนี่ สบาย” เขาบอกเสียงสูง
“ทำไมต้องให้ความหวัง” มีนาโพล่งขึ้น
ธีรภาพงง “ฮึ”
“ไม่ชอบกัน ก็ไม่ต้องมาให้ความหวัง ทำแบบนี้ มันเจ็บนะเว้ย”
พร้อมกับว่ามีนาขว้างหมวกใส่แล้ววิ่งหนีเข้าไปข้างใน
“คิดมากจังวะ ไหนไอ้เจนว่าเหมือนผู้ชาย เหมือนตรงไหน”
ธีรภาพถอนใจ แล้วสตาร์ตเครื่องออกรถไป
เมื่อพงธรจอดรถหน้าแฮปปี้โคเรียทัวร์ พบว่าออฟฟิศปิดล็อคกุญแจแล้ว และข้างในปิดไฟมืด เขารู้สึกผิดจับใจกดโทร.หานิสา
นิสาเดินมาตามซอยออกถนนใหญ่แล้ว ผู้คนเดินสวนไปมา รถบนถนนวิ่งพลุกพล่านเล็กน้อย ไกด์สาวกดรับสายจากคนรัก
“ฮัลโหล”
พงศธรคุยสายอยู่ในรถ
“นิสา อย่าบอกนะว่าคุณกลับไปแล้ว”
“นิสาออกมาแล้วค่ะ”
“ผมขอโทษ คุณอยู่ที่ไหน ผมจะตามไป”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ สาจะเรียกแท็กซี่แล้ว
นิสารอแท็กซี่อยู่ มอเตอร์ไซค์ธีรภาพแล่นสวนมาเห็นเข้า
“เฮ้ย”
ธีรภาพเลี้ยวรถกลับมาแต่แท็กซี่จอดหน้านิสาก่อน นิสาขึ้นรถออกไป ธีรภาพขับตามไป
ตามมาถึงบริเวณสี่แยกไฟเขียวอยู่แท็กซี่แล่นผ่านไปได้ แต่ธีรภาพดันติดไฟแดง
“ฮึ่ย พลาดอีกจนได้”
ฝ่ายศักดิ์ชายออกมานั่งรถเข็นรอลูกสาวอยู่หน้าบ้าน จนเห็นนิสาลงแท็กซี่เข้าบ้านมา
“ขอโทษนะคะพ่อที่กลับช้า”
“แล้วพงศธรไปไหน”
“เค้าไลน์มาบอกว่าติดงานน่ะค่ะ พอเค้ามารับ สาก็ออกมาแล้วเลยคลาดกันน่ะค่ะ”
ขาดคำนั้นเอง รถของพงศธรแล่นมาจอดหน้าบ้าน พงศธรรีบร้อนลงมาหา
“นิสา”
ศักดิ์ชายบุ้ยใบ้บอก “มาโน่นแล้วไง”
พงศธรหน้าตาตื่นๆ เครียดๆ ไหว้ทักศักดิ์ชายแล้วเข้ามาหานิสา
“นิสา ผมขอโทษ ผมผิดเองที่ไม่ได้ไปรับคุณ ทั้งๆที่บอกไว้แล้ว” เขารีบหันมาทางศักดิ์ชายหน้าเศร้า “ผมขอโทษนะครับ ต่อไปนี้จะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก”
“ก็คุณพงต้องทำงานนี่คะ” นิสาเอ่ยขึ้น
“ต่อไปนี้ผมจะวางคุณไว้ก่อนทุกสิ่ง คุณต้องสำคัญกว่าทุกอย่างในชีวิตผม”
นิสาอึ้งไป
ศักดิ์ชายสวนขึ้นมาว่า “แน่ใจเหรอที่พูดออกมา”
“แน่ใจสิครับ”
“อย่าลืมที่สัญญาไว้ก็แล้วกัน พูดแล้วก็อยากให้คุณทำให้ได้อย่างที่พูด”
ศักดิ์ชายกลับเข้าในข้างในบ้านก่อนเปิดโอกาสให้ พงศธรสวมกอดนิสาพร่ำขอโทษ
“ผมขอโทษนะ ผมผิดเอง ผมขอโทษ”
ธีรภาพเดินยิ้มกริ่มเข้ามาในบ้าน คนางค์เห็นเข้า
“ยิ้มอะไร”
“เปล๊า”
“เปล่าอะไร เดินยิ้มเข้ามาเห็นๆ ยังจะเปล่าอีก”
“มีความสุขไงครับแม่”
“มีความสุขก็ดีแล้ว แต่สุขเรื่องอะไร”
ธีรภาพยักท่า “ยังไม่บอก”
คนางค์มองค้อน “เซี้ยวนักนะเรา”
“ไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
“เดี๋ยว” ธีรภาพหันมา “แล้วเรื่องงานเป็นยังไงบ้าง มีปัญหาอะไรรึเปล่า”
“ไม่มีครับ ทุกอย่างกำลังไปได้ดี”
คนางค์เลียบๆ เคียงๆ ถาม “เจอใครรึเปล่า”
“เจอใคร หมายถึงใครครับ”
“ก็...เจ้านาย เจ้าของบริษัท” คนางค์หลบตาลูก
“ช่างมอมแมมอย่างผมจะไปเจอท่านได้ยังไงล่ะครับ วันๆ อยู่แต่ในอู่ ไม่มีทางเจอท่านได้หรอกครับ ไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
ธีรภาพวิ่งขึ้นบันไดไป คนางค์โล่งใจ
“ไม่เจอก็ดีแล้ว ขออย่าให้เจอกันเลย”
พอเข้าห้องมาวางของวางกระเป๋า ธีรภาพนึกไปถึงนิสาแล้วยิ้มออกมา
“นี่เรายังต้องเชื่อเรื่องพรหมลิขิตอยู่ใช่มั้ย”
เย็นนั้น วิริยาเทน้ำส้มใส่แก้ว หันไปบอกคนใช้
“จัดแค่สลัดให้ชั้นก็พอ ชั้นไม่ทานข้าวเย็น”
“ค่ะคุณวิว”
คนใช้ลุกไปในครัว วิริยาลงนั่งที่โต๊ะกินข้าว จิบน้ำส้ม เปรมจิตเดินเข้ามาหน้าตาบึ้งตึง
“พ่อแกบอกชั้นว่าแกไปทำงานกับพงศธร”
“ใช่ค่ะ แล้ววิวก็สนุกมากด้วย”
“ทำไมแกถึงทำตัวเหลวไหลได้ขนาดนี้”
“วิวไปทำงานนะคะคุณแม่” วิริยาหน้าตึง
“งานมีตั้งมากมายหลายแผนก ทำไมจะต้องไปทำกับมันด้วย อย่าคิดว่าชั้นไม่รู้นะ ว่าแกคิดอะไร”
“วิวอยากเริ่มงานกับคนเก่งค่ะ คุณพงศธรก็เป็นคนที่คุณพ่อไว้ใจ โปรโมทเค้าอยู่เรื่อยๆ จนขึ้นมาสูงขนาดนี้ ถ้าคุณแม่ดูถูกเค้า ก็เหมือนดูถูกคุณพ่อด้วย”
“พ่อแกก็ใช่ว่าดีนักดีหรอกนะ ชอบของต่ำๆเหมือนแกไม่มีผิด กว่าชั้นจะดึงขึ้นจากดินได้ก็แทบเลือดตากระเด็น”
วิริยาเบื่อหน่าย “เมื่อไหร่คุณแม่จะเลิกพูดถึงคุณพ่อกับเมียเก่าซะทีละคะ เรื่องมันนานเปีนชาติแล้ว รื้อฟื้นอยู่ได้ทุกวัน ไม่เบื่อบ้างเหรอคะ”
“ชั้นคงไม่ต้องขุดขึ้นมาด่า ถ้าแกไม่มีท่าจะทำซ้ำรอยพ่อแกอีก”
“คิดมากไปรึเปล่าคะคุณแม่”
“ชั้นไม่ไว้ใจแก แล้วมันก็มีเมียอยู่แล้ว”
“แฟนค่ะ”
“สมัยนี้มันก็เหมือนกันน่ะแหละ จะเมียหรือแฟน ก็หน้าที่เดียวกัน”
“ถึงจะมีอยู่แล้วก็ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ ถ้าวิวอยากได้จริงๆ วิวก็จะแย่ง วิวชอบแย่ง ได้มาจากคุณแม่ไงคะ”
วิริยาวางแก้วน้ำส้ม ยิ้มเหยียดแล้วลุกเดินออกไป
เปรมจิตบ่นกับตัวเองว่า “ถึงชั้นจะแย่ง ชั้นก็เลือกแย่งของดี”
อีกฟาก คนางค์รีดชุดยูนิฟอร์มให้ธีรภาพ สีหน้ากังวลใจ
“ขออย่าให้เจอกันเลย อย่าให้ต้องรู้ความจริงเลย”
คนางค์แขวนชุดยูนิฟอร์มลูกชายไว้ มองนิ่งๆ แล้วถอนใจอย่างเป็นกังวล
มือถือในห้องนอนดังขึ้น พงศธรเดินเข้ามาหยิบดูกดรับสาย
“ครับ คุณวิริยา”
วิริยาอยู่ในห้องนอน กำลังถอดเสื้อผ้าจะอาบน้ำ
“นอนไม่หลับอ่ะค่ะ กังวลเรื่องที่เราคุยค้างกันไว้เมื่อตอนค่ำเราคุยกันต่อได้มั้ยค่ะ กลัวว่าพรุ่งนี้ต้องฟรีเซ้นต์งานกับบอร์ดแล้วจะออกมาไม่ดี ผู้บริหารคนอื่นจะมองว่า ที่มาทำงานได้ก็เพราะนามสกุล
ศุภดำรงกุล”
“คงไม่มีอะไรหน้าเป็นห่วงหรอกครับ อย่ากังวลไปเลย”
“คุณไม่ใช่วิว คุณไม่มีทางรู้สึกถึงความกดดันนี้หรอกค่ะ”
พงศธรอึกอัก
ไม่นานหลังจากนั้นที่ล็อบบี้เล้าจน์บรรยากาศเงียบเหงาชวนดื่มด่ำความเมา วิริยานั่งอยู่ที่บาร์ พงศธรมาถึงรีบเข้าไปหา
“ขอโทษที่ให้รอนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ชั้นผิดเองที่นัดคุณกะทันหันไปหน่อยดื่มอะไรดีคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ดื่ม” พงศธรออกตัว
“ดื่มเป็นเพื่อนหน่อยสิคะ”
“เราจะคุยกันเรื่องงานไม่ใช่เหรอครับ ผมว่าคงไม่เหมาะถ้าจะดื่มระหว่างงาน”
“คุณพูดซะชั้นดูแย่”
“ตามสบายเถอะครับ” พงศธรหันไปบอกบาร์เทนเดอร์ “ขอน้ำครับ” แล้วหันกลับมาทางวิริยา “เข้าเรื่องเลยดีกว่านะครับ”
“กลัวแฟนว่าเหรอคะ”
“คุณมีข้อสงสัยหรือมีไอเดียอะไรเพิ่มเติมเหรอครับ”
“ไม่ชอบที่รอยัลแอร์ไลน์ดูคอนเซเวทีฟ เน้นความโก้ วิวว่ามันเชยค่ะ”
“คนรุ่นใหม่ย่อมมีความเห็นที่ต่างออกไปอยู่แล้วครับ ไม่แปลกที่คุณจะเห็นต่างจากท่าน”
“ไหนๆ ชั้นก็ต้องลงเอยกับที่นี่ ชั้นอยากได้สายบินที่โมเดิร์น กระฉับกระเฉง มีชีวิตชีวา ราคาไม่ต่ำมาก วิวไม่อยากแชร์ตลาดโลว์คอส มันทำให้เราดูแย่ อยากจับกลุ่มบีบวกมากกว่าฮิปสเตอร์ อาร์ติสต์ วิวว่าคนพวกนี้รสนิยมดี ถ้าดึงพวกเค้ามาเป็นฐานลูกค้าของเราได้ เราก็จะดูดี ทันสมัย เก๋ๆ ชั้นชอบแบบนั้นค่ะ” วิริยาร่ายยาว
“การปรับเปลี่ยนเป็นเรื่องที่ทำกันได้ครับ แต่ต้องอาศัยเวลา อย่าใจร้อน กว่าจะเป็นรอยัลแอร์ไลน์ในแบบที่ทุกคนยอมรับในวันนี้ ต้องใช้เวลาเกือบยี่สิบปี การจะปรับโฉมใหม่ทั้งหมด ผมแนะนำว่าให้ค่อยๆ ทำครับ อาจจะขยายกลุ่มลูกค้าในกลุ่มที่คุณต้องการ แต่ก็รักษาฐานเก่าไว้ด้วยคนแก่อาจจะเดินทางไม่บ่อยเท่าหนุ่มสาว แต่พวกเค้ามีคือความภักดีต่อแบรนด์ ที่คนรุ่นใหม่ไม่มี ซึ่งนั่นคือจุดแข็งของเราครับ”
วิริยามองหน้าพงศธรยิ้มพราย
“คุณดูดี๊ดีเวลาพูดถึงเรื่องงาน”
“อ่า” พงศธรถูกชมจังๆ ไปไม่ถูกเลย
“น่าอิจฉาแฟนคุณนะคะ เธอออกจะธรรมดา แต่กลับได้ผู้ชายที่เพอร์เฟ็กต์แบบคุณ”
“เอ่อ” พงศธรพยายามเข้าเรื่องงาน “อย่าเพิ่งรีบสรุปเลยครับ คุณเพิ่งพบกับผมแค่ไม่กี่ชั่วโมง ผมอาจจะไม่ได้เป็นคนอย่างที่คุณคิดก็ได้”
“คุณซ่อนอะไรไว้เหรอคะ”
“อย่าเรียกว่าซ่อนเลยครับ แค่ยังไม่ถึงเวลาใช้ นิสัยก็เหมือนอาวุธ เลือกใช้อาวุธให้ถูกสถานการณ์ มักจะได้ผลดีเสมอ”
“ชั้นชอบคุณจัง” วิริยาจ้องหน้าเขาตาเชื่อม
“คุณไม่ได้ชอบผมหรอกครับ คุณแค่เมา”
พงศธรชี้ไปที่แก้วคอกเทลนับสิบที่วางเรียงกันอยู่ข้างๆ วิริยา สาวสวยหัวเราะ
“นั่นสินะ”
วิริยายกแก้วขึ้นจะดื่ม พงศธรดึงแก้วออกจากมือเบาๆ
“พอเถอะครับ พรุ่งนี้เรามีประชุมเช้า”
พงศธรบอกบาร์เทนเดอร์
“เช็คบิลด้วยครับ”
“ห่วงคนหรือห่วงงานคะ”
“สำหรับผม ก็ต้องงานสิครับ” พงศธรหัวเราะเบาๆ “เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่บ้านแล้วกันนะครับ อย่าขับรถเลย”
วิริยาส่งมือให้พงศธรจับลงจากเก้าอี้ เซปะทะอกแกร่งข้างซ้ายของพงศธร สองคนใกล้ชิดกันครู่หนึ่ง
“หัวใจเต้นแรงจังนะคะ”
พงศธรรู้สึกร้อบวูบทั่วหน้า
พงศธรขับรถเข้ามาจอดหน้ารั้วบ้าน ประตูใหญ่ค่อยๆ เลื่อนเปิดออก
รถจอดสนิท พงศธรประคองวิริยาออกมาจากรถ พาเข้าไปหน้าคฤหาสน์ เปรมจิตออกมาเห็นสีหน้าเครียดโกรธ
“นี่มันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้นกับลูกชั้น”
“คุณวิวดื่มมากไปหน่อยครับ”
“เธอก็เลยฉวยโอกาสดูแล หวังจะให้ลูกชั้นพอใจใช่มั้ย”
“ผมต้องดูแลอยู่แล้วครับ เธอไม่ควรขับรถกลับเอง”
เปรมจิตหันสั่งคนใช้
“เอาตัวคุณวิวไปนอน”
คนใช้พยุงวิริยาที่หมดสติแล้วเข้าบ้านไป เปรมจิตเผชิญหน้ากับพงศธร
“ชั้นรู้ว่าคุณเป็นใคร คุณเองก็ควรจะรู้ด้วยว่าคุณเป็นใคร”
พงศธรอึ้ง
“ยายวิวติดนิสัยฝรั่งมามาก นั่นคงไม่ทำให้คุณเข้าใจอะไรผิดไปเอง หลงตัวไปเอง”
พงศธรอึ้งหนัก
ด่าเสร็จเปรมจิตก็เดินเชิดเข้าบ้านไป พงศธรมองตามไปด้วยแววตาแข็งกร้าว จากความโกรธที่โดนดูถูก
ด้านนิสาออกมาจากบ้านด้วยท่าทีแปลกใจ พร้อมๆ กับที่พงศธรลงจากรถมาหา
“คุณพงศ์ มีอะไรเหรอคะ”
พงศธรไม่พูดไม่จาแต่เข้ากอดนิสาไว้แน่น นิสาตกใจอึ้งๆ งงๆ
“ผมแค่จะมาบอกคุณ ว่าผมรักคุณคนเดียว”
นิสายิ้มรับเอาคำงงๆ
“จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงความรักของผมได้ ผมสัญญา”
อ่านต่อ ตอนที่ 4