xs
xsm
sm
md
lg

เงาเสน่หา ตอนที่ 2

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เงาเสน่หา ตอนที่ 2

สองคนยิ้มให้กันจนลิฟท์วีไอพีเปิดออก วิริยาจะเข้า รปภ.ซึ่งประจำอยู่ในลิฟท์วีไอพีสวมถุงมือขาวและเครื่องแบบเนี้ยบ บอกห้ามกับวิริยามาดขึงขังว่า

“ลิฟท์วีไอพี ขึ้นไม่ได้นะครับ” พร้อมกับชี้ไปที่ลิฟท์ตัวอื่น “เชิญทางโน้นครับ”
“เชิญเถอะครับ”
พร้อมกับว่าพงศธรหันไปยิ้มให้วิริยา ก่อนจะผายมือให้เข้าไป
“ลิฟท์ตัวไหนไม่สำคัญหรอกครับ ถ้ามันพาเราไปถึงจุดหมายได้”
วิริยาทำเป็นอิดออด “แต่เป็นกฎของที่นี่ไม่ใช่เหรอคะ”
“แค่ธรรมเนียมปฏิบัติน่ะครับ”
“คุณเป็นคนกล้ามากนะคะ กล้าฝ่าธรรมเนียมได้ รอยัลแอร์ไลน์โชคดีนะคะที่มีผู้นำอย่างคุณ”
“ผมยังเป็นแค่ผู้ตามครับ เชิญครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
พงศธรกับวิริยาจะเข้าไป แต่ลิฟท์ตัวข้างๆ กันที่เปิดอยู่ พนักงานหลายคนพยายามเบียดตัวเข้าไป เสียงเตือนน้ำหนักเกินดังขึ้น จนพนักงานหญิงที่หอบแฟ้มมาตั้งใหญ่จะท่วมหัวที่ยืนอยู่หน้าสุด จำเป็นต้องเดินออกมา พงศธรกดลิฟท์วีไอพีรอ ร้องบอกอย่างมีน้ำใจ
“เชิญทางนี้ก็ได้ครับ”
พนักงานหญิงปฏิเสธอย่างเกรงใจ “เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ”
“เชิญเถอะครับ ผมขอร้อง”
พนักงานก้มหน้ารับทำตัวไม่ถูก เก้ๆ กังๆ ก้าวเข้าลิฟท์ไป ในลิฟท์ตอนนี้มีกันอยู่ 4 คน รวมรปภ.พงศธรหันไปยิ้มกับพนักงานหญิง
“ชั้นไหนครับ”
“21 ค่ะ”
รปภ.กดลิฟท์ให้ พงศธรอาสาช่วยพนักงานหญิง
“ผมช่วยครับ”
พงศธรแย่งแฟ้มมาช่วยถือ พนักงานหญิงรีบก้มหน้าขอบคุณ
“ขอบคุณค่ะๆ”
พงศธรหันมาถามวิริยา “คุณล่ะครับ ไปชั้นไหนครับ”
“รอยัลอายส์ค่ะ”
พงศธรเหลือบตามองวิริยาอย่างแปลกใจนิดๆ ที่บอกว่าจะไปรอยัลอายส์ แต่ไม่ได้พูดอะไร หันไปบอก รปภ. ประจำลิฟท์
“ลิฟท์ก็ไม่ต่างจากเครื่องบิน มีหน้าที่พาผู้โดยสารไปถึงจุดหมายเหมือนๆ กัน สะดวก ปลอดภัย สุขใจทุกจุดหมายปลายทาง อย่าลืมสโลแกนของเราสิ”
“ครับ ผมขอโทษครับ”
พริบตาเดียวลิฟท์เปิดที่ชั้น 21 พงศธรเดินออกไปส่งพนักงานหญิง
“เดี๋ยวผมช่วยถือไปส่งครับ”
วิริยามองตามไปด้วยสายตาชื่นชม

ทายาทสาวสวยของอาณาจักรรอยัลแอร์ไลน์เดินมาหยุดที่รอยัลอายส์ จุดชมวิวของบริษัท มองออกไปเห็นมุมสวยรอบอาคารสำนักงานอันหรูหราใหญ่โต
“เป็นสปายจากสายการบินไหนรึเปล่าครับ” เสียงพงศธรสัพยอกดังมาจากด้านหลัง
วิริยาหันมามองแล้วยิ้มตอบ
“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะคะ”
“จากรอยัลอายส์สามารถมองเห็นทุกสิ่งของรอยัลแอร์ไลน์ ผมไม่คุ้นหน้าคุณ ก็ต้องคิดว่าเป็นสปายไว้ก่อนสิครับ”
“ชั้นไม่ใช่สปายที่ไหนหรอกค่ะ ชั้นวิริยาค่ะ” วิริยายื่นมือมาขอจับ
“วิริยา...วิริยา ศุภดำรงกุล ผมนี่ปล่อยไก่ตัวแบ้อเร่อเลย” พงศธรจับมือวิริยาตอบ หัวร่อขำๆ
วิริยาหัวเราะตามพงศธร
“ผมพงศธรครับ”
วิริยาต่อให้ “พงศธร วรเดชเดชา”
พงศธรอึ้งนิดๆ “คุณรู้จักผม”
“ถ้าบินกับรอยัลแอร์ไลน์ ก็ต้องรู้จักคุณสิคะ แมกกาซีนบนเครื่องมีแต่เรื่องของคุณทั้งนั้น”
พงศธรยิ้มๆ
“คุณรู้จักผม เห็นทีผมต้องรีบทำความรู้จักคุณแล้วล่ะครับ”
“อยากรู้จักชั้นก็มาปาร์ตี้คืนนี้สิคะ”
พงศธรมองฉงน “ปาร์ตี้”
“งานเลี้ยงต้อนรับกลับบ้านน่ะค่ะ คุณแม่ท่านจัดให้ คงอยากจะบอกคนอื่นๆ ว่าลูกสาวคนเดียวกลับมาแล้ว ประมาณนี้มั้งค่ะ นึกซะว่ามาเป็นเกียรติให้คุณแม่ฉันได้ทำตามที่ท่านคาดหวังจากงานนี้ละกันนะค่ะ มาให้ได้นะคะ” หล่อนเน้นคำตอนท้ายว่า “ถ้าอยากรู้จักกัน”
พงศธรมองหน้าวิริยานิ่งๆ

บริเวณสนามหน้าบ้านถูกจัดเตรียมเป็นสถานที่จัดเลี้ยงต้อนรับวิริยา อีกด้านเห็นรถของเคเทอริ่ง บริษัทจัดเลี้ยงจอดอยู่ พนักงานในชุดยูนิฟอร์มเชฟสีขาวสะอ้านตา ทยอยขนของลงจากรถ
คุณเปรมจิตบงการหัวหน้าเคเทอริ่งอยู่เป็นที่วุ่นวาย
“บาร์เครื่องดื่มสำคัญมากนะคะ บาร์เทนเดอร์เก่งรึเปล่า”
“เราคัดแต่มือดีที่สุดอยู่แล้วค่ะ” หญิงหัวหน้าบอก
“อาหารต้องพอนะคะ แขกในงานมากพอสมควร งานไม่เล็กนะคะ”
“ค่ะ เราจัดมาตามจำนวนที่แจ้งไป แล้วก็มีสำรองไว้ให้อีกส่วนหนึ่งค่ะ”
“ชั้นอยากเพิ่มบาร์บีคิว เอาแบบที่ให้เชฟมาย่างกันสดๆ ให้เป็นไฮไลท์ของานไปเลย คุณหาให้ชั้นได้มั้ย”
“ได้สิคะ ทางเรามีบริการพร้อมทุกอย่างอยู่แล้วค่ะ”
รถยนต์หรูแล่นเข้ามาจอด เปรมจิตหันไปเห็น
“เอ้า มาแล้ว”
เปรมจิตรีบเดินเร็วรี่ไปรอรับธิดาสุดสวาท วิริยาก้าวลงจากรถมา
“ยายวิวลูกแม่” เปรมจิตอ้าแขนเตรียมกอด
วิริยายกมือไหว้แล้วสวมกอดมารดา
“โอ๊ย เป็นสาวเต็มตัวแล้วนะเรา ไม่เหลือคราบคนเดิมเลย” เปรมจิตหันไปบอกกรเกียรติที่เดินออกมารับลูกสาวด้วย “ดูซิคะคุณ ลูกดูดีมากเลยค่ะ ออร่ามาก ต่างจากตอนไปยังกับคนละคน”
“มันก็ยายวิวเจ้าอารมณ์ จอมเอาแต่ใจเหมือนเดิมน่ะแหละ เปลี่ยนซะทีไหนกัน นี่เพิ่งจะมาถึงก็ออกฤทธิ์สั่งพ่อซะแล้ว” กรเกียรติว่า
เปรมจิตงง “สั่งอะไรกันคะ”
“วิวก็แค่อยากให้พนักงานที่ทำงานพลาดมาแก้ตัวในงานคืนนี้น่ะค่ะ” วิริยาบอก
เปรมจิตงงใหญ่มองสามีทีมองลูกที “ใครกัน ใครทำอะไรพลาด”
“ถามคุณพ่อเองสิคะ วิวเข้าบ้านก่อนนะคะ วิวอยากอาบน้ำพักผ่อนค่ะ นั่งเครื่องยี่สิบกว่าชั่วโมง”
“อ้าว นั่งรอยัลแอร์ไลน์ เฟิร์สคลาส จะบ่นเหนื่อยได้ยังไง เสียชื่อหมด” บิดาท้วง
“นั่นสิคะ ถ้าคุณพ่อจะว่าวิว คุณพ่อไปว่าคนเก่งของคุณพ่อดีกว่าไหมคะ เห็นสัญญาว่าจะดูแลอย่างอบอุ่นดั่งสมาชิกในครอบครัว เชอะ”
วิริยาแอบยิ้มเดินเข้าบ้านไป
เปรมจิตมองตามลูกสาวแล้วหันมาถามสามีงงไม่หาย
“ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่ ยายวิวพูดถึงใครคะคุณ”

พงศธรอยู่ที่ออฟฟิศคุยโทรศัพท์มือถือกับนิสาอยู่
“โอเค เดี๋ยวเลิกงานผมไปรับนะครับ ค่าจ้างขอเป็นข้าวเย็นอร่อยๆ ฝีมือคุณก็แล้วกัน แล้วเจอกันครับ”
อรชุมาเข้ามา พงศธรวางสายหันมาสั่งงานทันที
“เลื่อนประชุมฝ่ายการตลาดขึ้นมาเลย ผมจะรีบสรุป”
“ได้ค่ะ สรุปผลแล้วจะรายงานกับท่านผอ.ฝ่าย ต่อเลยมั้ยคะ จะได้ขอคิวเลย”
“โอเค”
“พีอาร์อยากนัดคุยเรื่องพีอาร์แพลนค่ะ ช่วงเย็นมั้ยคะ”
“ได้ครับ”
“โอเคค่ะ เดี๋ยวคอนเฟิร์มไปเลย สรุปวันนี้ประชุมทั้งบ่ายนะคะ ไม่รับนัดเพิ่มแล้วนะคะ”
“ถ้ามีเรื่องด่วนก็เสียบเข้ามาเลยครับ”
อรชุมายิ้มขำๆ “โห ขยันแบบนี้ อีกไม่นานต้องได้เป็น ผอ.ฝ่ายแน่ๆ เลยค่ะ”
พงศธรถ่อมตัว “ผมยังไม่มีประสบการณ์ขนาดนั้นหรอกครับ”
“ดูจากแพลนวันนี้แล้ว เดี๋ยวอรไปเอาเครื่องดื่มชูกำลังมาให้นะคะ”
อรชุมาสัพยอกแล้วจะออกไป พงศธรนึกได้ เรียกไว้
“เดี๋ยวครับคุณอร”
อรชุมาหันกลับมา “คะ”
“ป้าคุณอรที่เคยเล่าให้ฟังว่า แกเป็นอัมพฤกษ์ แล้วได้นักกายภาพที่เก่งๆ มา ช่วยทำกายภาพบำบัดจนหาย คุณอรพอจะช่วยติดต่อให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”
“อ๋อ คุณพอพล ว่าแต่คุณพงจะเอานักกายภาพไปทำไมเหรอคะ”
“ไปช่วยให้คนสำคัญของผม สบายใจขึ้นนะครับ” พงศธรยิ้มกริ่ม
“ใครเหรอคะ คนสำคัญของคุณ คงไม่ได้หมายถึง...” เลขาสาวพูดเองเขินเอง
พงศธรตัดจังหวะ “ผมขอวันนี้เลยนะครับ ให้มาพบผมที่นี่หลังเลิกงาน”
อรชุมาถอนหายใจ เสียอารมณ์ “ได้ค่ะ อ้อ อุ๊ย เกือบลืม เย็นนี้คุณพงศ์มีงานต่อค่ะ”
“อะไรครับ” พงศธรมองจ้อง

ที่แฮปปี้โคเรียทัวร์ มัทรีหรือแมสซี่ของเพื่อนๆ โวยวายเอากับนิสา
“แมสซี่ไม่เข้าใจ จะให้แมสซี่ไปทัวร์ตลาดน้ำทำไม เราชื่อแฮปปี้โคเรีย แต่แมสซี่ไปแต่ทัวร์เก้าวัด ทัวร์ตลาดน้ำ ทัวร์สินค้าโอท็อป เธอไปแต่โคเรียๆ ฉันว่าบอสเราสองมาตรฐานอ่ะ”
“ก็เธอมันเอนเตอร์เทนคนสูงอายุเก่ง แล้วคนพวกนี้นะพอเค้าแฮปปี้กับเรา เค้าก็ไปบอกต่อลูกหลานกลุ่มลูกค้าของเราว่าเราดี๊ดี ลูกหลานเค้าก็จะเลือกไปโคเรียกับเราไง มันเป็นเรื่องของการต่อยอด คิดไม่ทันบอสเลย เข้าใจนะ”
“ไม่เข้าใจอ่ะ”
“เรื่องของเธอละ ไปเถียงกับบอสเอาเอง”
นิสาหันมาสนใจหน้าหน้าคอมพ์ เปิดเว็บเมนูอาหารดู
“ยากไปไหมเนี่ย อันนี้ก็ยากเยอะ นี่ก็ไม่มีเตาอบ”
พอได้รับข้อความไลน์จากพงศธร ก็หยุดเปิดดู มัทรีเริ่มหมั่นไส้
“ไลน์จีบกันทั้งวัน”
“จีบที่ไหนเล่า เค้าแค่บอกว่าติดงานเย็นนี้”
“ซึ่งนั่นแปลว่า”
“เมื่อกี้เพิ่งบอกให้ชั้นทำข้าวเย็นให้กิน”
“ก็ไม่ต้องทำแล้วนี่ ดีเลย ไปหาที่เดินเล่น ช็อปเบาๆ กันมั้ย”
“แกก็รู้ว่าชั้นต้องทำอะไร”
“ไปแป๊บเดียว ไม่ได้ให้กลับดึกซะหน่อย พ่อไม่ว่าหรอกน่า นะๆๆ”
“ไม่อ่ะ”
“ตามใจ ไปคนเดียวก็ได้ย่ะ”
มัทรีค้อนขวับแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ นิสาปิดหน้าคอมพ์ลง

อรชุมาแอบเล่นเฟสบุ๊คอยู่ มีคนมายืนข้างหน้าโต๊ะ พอเงยหน้าขึ้นแล้วตกใจ
“ว้าย”
อรชุมารีบปิดหน้าเฟสบุ๊ค พงศธรยิ้มขำๆ
“มีอะไรคะคุณพงศ์”
“มีเรื่องให้คุณช่วยหน่อยน่ะครับ”
“เรื่องอะไรคะ ว่ามาเลยค่ะ” อรชุมาเตรียมจด

ในเวลาเดียวกัน
ภายในอู่เครื่องบินของรอยัลแอร์ไลน์ แลเห็นวิศวกรและช่างทำงานกันอยู่ ส่วนในห้องทำงานทีมวิศวกร มีนาเดินนำหน้าธีรภาพกับเจนไวย์เข้ามา ถอดหมวกออกวางไว้แล้วทิ้งตัวลงนั่งหมดสภาพ
“เฮ่อ เหนื่อยชะมัด”
“ผู้หญิงมาทำงานผู้ชายก็งี้แหละ รับไม่ไหวหรอก ไปลาออกไป๊” เจนไวย์บอก
“ฝัน” มีนาบิดเนื้อบิดตัว “โอ๊ย ปวดไปหมดเลย”
ธีรภาพยิ้มแล้วลุกขึ้นมายืนด้านหลังของมีนา วางมือลงบนบ่าเธอ
มีนาสะดุ้ง “เฮ้ย จะทำอะไรน่ะ”
“จะนวดให้ไง ปวดเมื่อยไม่ใช่เหรอ”
มีนาประหลาดใจ “จริงดิ?”
ธีรภาพพยักหน้าให้ “อื้อ”
มีนายอมให้นวด ธีรภาพลงมือนวด
“มีข่าวกอสสิบมาว่า ลูกสาวท่านจะมาทำงานเว้ย” เจนไวย์เปิดประเด็น
มีนาถามโดยไม่หันไปมอง “ใคร”
“ชื่อวิริยา เห็นในเว็บไซต์ของรอยัลฯ รู้สึกจะกลับมาจาก ’เมกา”
“ผู้หญิงจะทำไรได้ นอกจากการตลาด พีอาร์ มาเก็ตติ้ง” มีนาดูแคลน
“เค้าไม่ต้องทำอะไรก็ได้ แค่เดินไปเดินมาสวยๆ ก็พอแล้ว” เจนไวย์หันมาบอกธีรภาพ “สวยมากด้วยนะเว้ย ชั้นว่าจะจีบ”
มีนาหมั่นไส้ “เฮอะ มโน”
“ทำไมวะ ชั้นไม่ดีตรงไหน”
“ตรงที่ไม่อยู่กับความเป็นจริง เพ้อฝันไม่เข้าเรื่อง” มีนาบอก
“เดี๋ยวคอยดู คอยดูเลยนะ จะจีบให้ดู จะเป็นลูกเขยรอยัลแอร์ไลน์ให้ดู”
มีนาถามธีรภาพที่บีบๆ นวดๆ ว่า “ไม่จีบกับเค้าบ้างล่ะ”
“ไม่อ่ะ ไม่อยากเป็นลูกเขย อยากเป็นลูกจริงๆ มากกว่า” ชายหนุ่มพูดทีเล่นทีจริง
มีนาส่ายหัว “นี่ก็มโนอีกคนแล้ว จะอยากเป็นลูกจริงไปทำไม”
ธีรภาพหยุดนวด ตีหัวมีนาเบาๆ “จะได้ไล่พวกขี้เกียจ ไม่ทำงาน วันๆ เอาแต่อู้ได้ไง”
พร้อมกับว่าธีรภาพหัวเราะขำ คว้าหมวกมา
“ทำงานได้แล้ว พักพอแล้วไป”
ธีรภาพใส่หมวกแล้วเดินออกไป เจนไวย์กับมีนาตามไปเซ็งๆ

เมื่อนิสากลับมาถึงบ้าน เปิดรั้วเข้ามา ไม่เห็นพ่อมารอรับอย่างทุกวันก็แปลกใจ
“กลับมาแล้วค่ะพ่อ ทำไมเงียบๆ แปลกๆ”
นิสาชักใจคอไม่ดี
“หรือว่าเป็นอะไร”
นิสารีบเปิดประตูเข้าไปในบ้าน เห็นศักดิ์นั่งรถเข็นยิ้มอยู่
“พ่อเป็นอะไรรึเปล่าคะ เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าคะพ่อ”
“พ่อไม่เป็นไร”
“แน่นะคะ”
“มีของส่งมาถึงลูกแน่ะ พ่อให้เค้าเอาไปไว้ในห้องนอนแล้ว ขึ้นไปดูสิ”
“ของอะไรคะพ่อ”
“ขึ้นไปดูเอง”
นิสารีบขึ้นบันไดไป ศักดิ์ชายมองตามไปยิ้มชื่นสุขใจ

นิสาเปิดประตูเข้ามาเปิดไฟ เห็นชุดเดรสสั้นสวยงามแขวนอยู่
“อะไรกันนี่” ไกด์สาวเดินเข้าไปดูใกล้ๆ “สวยจัง”
นิสาเห็นโน้ตติดมาด้วยเลยเปิดออกอ่าน
“หวังว่าคุณจะชอบ แล้วผมจะมารับนะครับ” นิสาอ่านแล้วงงๆ “รับไปไหน”

ไม่นานต่อมานิสาเปิดประตูบ้านออกมาในเดรสชุดนั้น พงศธรยืนพิงรถรออยู่ยิ้มอย่างพอใจเดินเข้ามารับ
“คุณสวยมาก สวยจนผมตะลึงเลย”
“เราจะแค่ไปทานข้าวกันจริงๆ เหรอคะ” นิสาคาใจ
“เดี๋ยวก็รู้” พงศธรเปิดประตูรถให้ “เชิญครับ”
“จะกลับดึกมั้ยคะ คือ ชั้นห่วงพ่อ”
มีรถแท็กซี่แล่นเข้ามาจอดพอดี หญิงคนหนึ่งลงมาพร้อมอรชุมา
“มาแล้วค่า”
นิสางงใหญ่ “คะ”
อรชุมารีบอธิบายกับพงศธร “กว่าจะได้คิว รอจนค่ำเลยค่ะ แต่รับรอง มือหนึ่งของประเทศ”
นิสามองหน้าคนรักงงๆ พงศธรอธิบายว่า “คุณอร เลขาผมน่ะครับ แล้วก็นักกายภาพบำบัด เค้าจะมาช่วยดูแลคุณพ่อคุณ”
อรชุมาเสริมว่า “ไม่ต้องห่วงนะคะ เราจะดูแลให้เป็นอย่างดีเลยค่ะ เสร็จแล้วอรจะอยู่เป็นเพื่อนคุยกับท่านจนกว่าคุณจะกลับมานะคะ”
“เอ่อ...ขอบ ขอบคุณค่ะ”
“ไปเถอะครับ”
“ขอให้สนุกนะคะ” อรชุมายิ้มส่ง
นิสาเข้ารถไปงงๆ พงศธรขึ้นรถ ขับออกไป อรชุมาพานักกายภาพเข้าบ้าน ตะโกนบอกศักดิ์ชายเสียงดัง
“ขออนุญาตนะค้า”

ทางด้านวิริยาสวมชุดคลุมตัว แต่งหน้าอยู่ ยังไม่ได้แต่งตัว เปรมจิตเปิดประตูเข้ามา
“ทำไมยังไม่เสร็จอีก แขกมารอแล้วนะ”
“ก็ให้รอไปสิคะ วิวจะได้เปิดตัวแกรนด์ๆ คุณแม่ชอบให้วิวเด่น เป็นที่สนใจไม่ใช่เหรอคะ”
“ก็เร็วๆ เข้าเถอะ งานนี้ชั้นถือเป็นการเปิดตัวแกเข้าสังคม แขกเซเลบทั้งนั้น ให้รอนานๆ เดี๋ยวก็เชิดใส่ กลับก่อนกันหมดพอดี”
“คุณพงศธรมารึยังคะ”
“ยังไม่เห็น แต่มาแน่ๆ ชั้นอุตส่าห์ลดตัวไปเชิญ ไม่มาได้ยังไง ตกลงมีเรื่องอะไรกัน ทำไมต้องให้เค้ามาด้วย”
“เรื่องงานน่ะค่ะคุณแม่ วิวเริ่มงานเลยตั้งแต่มาถึง ไม่ดีเหรอคะ”
“งั้นก็เร็วๆ เข้า แขกมารอกันแล้ว อย่าเสียมารยาท แล้วจะพูดจะทำอะไรก็ดูให้ดี ที่นี่เมืองไทย ไม่ใช่เมืองนอก”
“ไม่ต้องห่วง คนอย่างวิวไม่เคยพลาดหรอกค่ะคุณแม่”
วิริยาบอกมารดาด้วยสีหน้ามาดหมาย

ปาร์ตี้บริเวณสนามหน้าบ้านศุภดำรงกุลเริ่มมาสักพักหนึ่งแล้ว
ไฟบนเตาบาบีคิวขนาดใหญ่ลุกพรึ่บร้อนแรง เป็นงานเลี้ยงเป็นแบบคอกเทล ที่บาร์เครื่องดื่ม บาร์เทนเดอร์หน้าตาเข้าทีกำลังเชคคอกเทลให้แขกที่รออยู่ พนักงานเสิร์ฟถือถาดฟิงเกอร์ฟู้ดไปรอบๆ
กรเกียรติคุยอยู่กับเซเลบรุ่นเจ้าสัว
“จริงครับ รอยัลแอร์ไลน์เติบโตขึ้นมากจริงๆ ทั้งเปิดรูทใหม่ เติมไฟล้ท์ เติมเครื่อง เพิ่มคน เรียกว่าเรากำลังขยายในทุกๆ ส่วนจริงๆ ครับ”
“บริหารคนเดียวจะไหวเหรอครับ หนูวิวก็เป็นผู้หญิง จะสนใจสานงานต่อได้เท่าพ่อรึเปล่าก็ยังไม่แน่” เจ้าสัวเย้า
“ได้แน่นอนครับ ยังไงก็ต้องสอนต้องสั่งกันจนได้นั่นแหละครับ ยายวิวได้เลือดนักสู้จากผมไปเยอะ ยังไงก็ต้องทำได้ ผมมั่นใจ”
ภาคภูมิ ชายวัยกลางคน ผอ.การตลาดเสริมว่า “ท่านมั่นใจ ผมก็มั่นใจ เหลือแค่คุณวิวเท่านั้นที่จะทำให้ทุกคนมั่นใจ”

ภาคภูมิจิบแชมเปญด้วยสีหน้าเคียดขึ้ง และดูออกว่าไม่ค่อยพอใจการเข้ามารับช่วงธุรกิจของวิริยานัก
 
อ่านต่อตอนต่อไป

อีกด้านคุณเปรมจิตเดินจ๊ะจ๋าเข้ามาหาเซเลบสาวๆ หนุ่มๆ คนดังในแวดวงไฮโซเมืองไทย
“วิวยังแต่งตัวไม่เสร็จ กลัวสวยสู้พวกหนูไม่ได้ เดี๋ยวก็ลงมาจ้ะ ยังไงป้าฝากวิวด้วยนะ เค้าไปเมกาตั้งแต่เด็ก ไม่ค่อยมีเพื่อน ฝากด้วยนะลูกนะ”
เซเลบสาวยิ้มบอก “ไม่ต้องห่วงค่ะคุณป้า พวกเราจะดูแลวิวให้เองค่ะ”
“ขอบใจนะลูก ทานกันเยอะๆ เลยนะ ป้าเตรียมอาหารไว้เยอะเลย”
หนุ่มสาวเซเลบ รับคำพร้อมๆ กัน “ค่า” / “ครับ”
เปรมจิตเดินไปที่บาร์เครื่องดื่ม สั่งกับบาร์เทนเดอร์
“ขอไวน์ให้ชั้นซักแก้วซิ เหนื่อยเหลือเกิน”
เปรมจิตรอไวน์ มองหาพงศธร
“ไวน์ครับคุณผู้หญิง”
“ขอบใจ”
เปรมจิตเดินถือแก้วไวน์ไปหากรเกียรติที่เพิ่งผละออกมาจากเจ้าสัว
“ไหนล่ะคะนายพงศธรอะไรนั่น ชั้นล่ะอยากเห็นหน้าจริงๆ”
“ยังไม่เห็นนะ คงยังมาไม่ถึง”
เปรมจิตบ่น “มาช้าอย่างนี้ ยายวิวไม่พอใจแน่”

ระหว่างนี้มีเสียงฮือฮาดังขึ้น เปรมจิตกับกรเกียรติหันไปมอง
เห็นเป็นวิริยาก้าวเข้างานมาในมาดสวยงามสง่า ได้รับความสนใจจากทุกคน พนักงานเอาถาดเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ นางหยิบแก้วแชมเปญมา
เปรมจิตรีบปรี่เข้ามาประกบ ยิ้มร่าประกาศกับทุกคน
“ยายวิว ผู้สืบทอดรุ่นต่อไปของรอยัลแอร์ไลน์ค่า”
เสียงปรบมือดังเกรียวกราว
วิริยายิ้มหวานบอกต่อว่า “ขอบคุณทุกคนนะคะที่มาต้อนรับวิวในวันนี้ วิวรู้สึกเป็นเกียรติมากค่ะวิวยังต้องเรียนรู้อีกมาก ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
เสียงปรบมือดังอีกกราว ตามด้วยเสียงซุบซิบ สีหน้า แววตา ล้วนเป็นไปให้ทางบวก วิริยาภูมิใจในตัวเองมากๆ วางหน้าสวย ท่วงท่างามสง่า
ผอ.ฝ่ายการตลาดเข้ามาขอชนแก้ว
“ผมภาคภูมิครับ ดูแลสายงานการตลาดทั้งหมดของรอยัลแอร์ไลน์”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“ผมทำงานกับรอยัลแอร์ไลน์มาตั้งแต่เริ่มต้น หวังว่าคนรุ่นใหม่จะไม่ลืมคนรุ่นเก่านะครับ” ภาคภูมิบอกเชิงเย้า
“ถ้ามีฝีมือ จะต้องกลัวถูกลืมทำไมกันล่ะคะ” วิริยายิ้มซ่อนร้าย
มีรถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน วิริยาหันไปมอง คุณกรเกียรติจำรถได้
“เอ้า พงศธรมาแล้ว”
วิริยามองเห็นพงศธรก้างลงรถแล้วยิ้มพรายออกมา
“วิวขอต้อนรับแขกของวิวก่อนนะค่ะ”
วิริยาเดินตรงไปที่พงศธรเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่าง วิริยาเดินไปรับพงศธรที่รถ ภาคภูมิมองตามไปอย่างไม่พอใจ
“อวดดี”

วิริยาเดินมาที่รถ ยื่นมือให้พงศธรจับ
“คุณพงศธรใช่มั้ยคะ”
“ครับ ผมพงศธร”
“วิวค่ะ”
พงศธรจับมือกับวิริยา ในจังหวะที่นิสาเปิดประตูรถลงมาพอดีวิริยาเห็นเข้าก็มองฉงน พงศธรเดินไปรับนิสามายืนข้างๆ ยิ้มแนะนำ
“นี่นิสา คนรักของผมครับ”
วิริยาอึ้ง นิ่งงันไป
พงศธรหันมาแนะนำนิสา “คุณวิว ลูกสาวท่านประธาน”
นิสายิ้มกว้างเป็นมิตร “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“งั้นเหรอคะ”
นิสางงดอกแรก “คะ”
วิริยาไม่สนใจนิสาเลยหันไปพูดกับพงศธร
“เชิญค่ะ”
วิริยาเดินนำพงศธรเข้างานไป นิสากระซิบพงศธร
“นิสารู้สึกไม่ค่อยดีเลยค่ะ คุณพงศ์เข้าไปคนเดียวมั้ยคะ”
“คุณมาในฐานะคนรักของผมนะ จะกลัวอะไร” พงศธรปลอบคนรัก
“เธอดูท่าทางไม่พอใจชั้น”
“เรามาให้เกียรติเค้า เสร็จแล้วก็กลับ ไปเถอะ ผมดูแลคุณเอง”
พงศธรจูงมือนิสาตามวิริยาไป

เมื่อมาในงานวิริยาหันมาหาพงศธรแล้วยิ้มชวน
“ไปนั่งคุยกันที่บาร์ดีกว่าค่ะ”
วิริยาเอาตัวพงศธรไปอย่างเนียนๆ นิสาเหวอ พงศธรหันกลับมามอง นิสารีบยิ้มให้คนรัก ทำมือว่าโอเค พนักงานเสิร์ฟถือถาดอาหารผ่านมา นิสาเลยหยิบกิน ทำมือทำหน้าให้พงศธรรู้ว่าโอเคๆ ไม่เป็นไร ดูแลตัวเองได้ หยิบกินใหญ่เลย
เปรมจิตมองมายังนิสา ถามกรเกียรติว่า
“ใคร”
“ก็มาด้วยกันขนาดนี้ ยังต้องถามอีกเหรอ”
กรเกียรติเดินไปหานิสา เปรมจิตมองตามไปอย่างไม่พอใจ

นิสาหยิบจิ้มอาหารกิน กรเกียรติเดินเข้ามายิ้มให้ หยิบจิ้มกินบ้าง ชวนคุยไม่ให้นิสาเก้อ
“ผมก็หิวเหมือนกัน อาหารชิ้นเล็กชิ้นน้อย กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มซะที”
กรเกียรติยิ้มให้นิสาอย่างเป็นมิตร นิสายิ้มออกรู้สึกดีขึ้น สายตามองไปที่บาร์เครื่องดื่ม
วิริยานั่งอยู่กับพงศธร
“แชมเปญมั้ยคะ”
“ได้ครับ”
บาร์เทนเดอร์รินแชมเปญให้พงศธร พงศธรมองไปที่นิสาเห็นกำลังกินและคุยอยู่กับกรเกียรติ หัวเราะกันอยู่ พงศธรอดยิ้มออกมาไมได้ เอ็นดูนิสา
วิริยาชน “ดื่มให้กับอะไรดีคะ”
“การกลับเมืองไทยดีมั้ยครับ”
“มิตรภาพดีกว่าค่ะ เราคงต้องร่วมงานกันเร็วๆ นี้”
“ยินดีครับ”
วิริยากับพงศธรชนแก้วดื่ม พนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่มเดินกลับมาที่บาร์พร้อมถาดใส่แก้วเปล่า พงศธรหันไปหาบอกว่า
“รบกวนเอาน้ำส้มไปให้คุณผู้หญิงคนนั้นด้วยนะครับ” เขาชี้ให้ดู
“ได้เลยค่ะ”
พนักงานยกแก้วน้ำส้มออกไป
“เทคแคร์กันดีนะคะ”
พงศธรไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มๆ
“คบกันมานานแล้วเหรอคะ”
“เพิ่งคบครับ” พงศธรรีบเปลี่ยนเรื่อง “ไม่ทราบว่าคุณวิวสนใจงานด้านไหนเป็นพิเศษครับ”
“คุณพ่อจะให้วิวช่วยงานด้านบริหารเป็นหลัก แต่วิวอยากรู้จักงานทั่วไปของบริษัทเราก่อน เลยคิดว่าน่าจะเริ่มที่สายงานการตลาดที่เป็นหัวใจของบริษัทเรา”
“การตลาดเหรอครับ ดีนะครับ ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยเหลือ หรือต้องการข้อมูลทางการตลาดอะไร ก็บอกมาได้เลยนะครับ ยิ่งตอนนี้ทางเรากำลังวางแผนงานกลยุทธ์การตลาดใหม่ให้กับเส้นทางใหม่ คุณวิริยาจะได้รับรู้แผนไปพร้อมๆ กัน”
“วิวชอบเรื่องวางแผนอยู่แล้วค่ะ ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว”
“ครับ”
พงศธรมองไปที่นิสาอีกครั้ง เห็นนิสากำลังกินและคุยกับกรเกียรติท่าทางสนุก ก็ยิ้มสุขใจ
วิริยามองตาม “แฟนคุณเป็นคนมีเสน่ห์นะคะ ดูสิ คุณพ่อยังชอบเลย”
“เค้าน่ารักครับ ใครรู้จักก็ต้องชอบ” พงศธรตัดบท “ยินดีต้อนรับกลับเมืองไทยนะครับ ผมคงต้องขอตัวก่อน”
พร้อมกับว่าพงศธรลุกเดินออกไปหานิสาเลย วิริยามองตามไปด้วยสายตาไม่ยอมแพ้ เปรมจิตเข้ามาเตือน
“อย่าไปอะไรกับเค้ามาก ก็แค่ตัวเล็กตัวน้อยในบริษัท ให้ความสำคัญกับตัวใหญ่ๆ ก่อน เค้าอุตส่าห์มาเป็นเกียรติต้อนรับแก”
“จะให้ความสำคัญกับใคร วิวขอเลือกเองค่ะ”
วิริยาเหวี่ยงใส่ แล้วเดินหนีมารดาไป

ฝ่ายกรเกียรติบอกกับพงศธรที่เพิ่งเดินมาสมทบว่า
“แม่หนูคนนี้น่ารักนะ คุณโชคดีมาก”
“ครับ”
นิสาอาย กรเกียรติหันมาบอกนิสา
“ขอตัวพงศธรเดี๋ยวนะ” แล้วหันกลับมาบอกพงศธรว่า “ผมอยากให้คุณรู้จักเจ้าสัวชัย เค้าจะช่วยเราได้มากเรื่องคอนเน็คชั่นที่เซี่ยงไฮ้”
กรเกียรติพาพงศธรเดินออกไป นิสายืนเก้อๆ ทำตัวไม่ถูก
“วางตัวไม่ถูกเหรอคะ”
นิสาหันมางงๆ “คะ”
“ผิดที่ผิดทางก็แบบนี้ล่ะค่ะ”
“คะ” นิสางงหนัก
วิริยาหัวเราะเบาๆ “คุณพงศธรชอบของบ้านๆ พื้นๆ นะคะ”
นิสายังไม่รู้ตัวว่าโดนแดกดัน “เหรอคะ เค้าบอกอย่างนั้นเหรอคะ”
“ไม่ต้องบอกหรอกค่ะ ดูเอาก็รู้” วิริยามองนิสาหัวจรดเท้า โดยไม่ให้เกียรติ
นิสาชักรู้สึกไม่ดี เริ่มรู้สึกตัวว่าวิริยาไม่เป็นมิตรเอาเลย
“คุณพงศธรคงจะเก่งแต่เรื่องงาน ไม่เก่งเรื่อง รสนิยม” หล่อนเน้นคำตอนท้าย
นิสาอึ้งหนัก
“แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ รสนิยมสอนกันได้ เปลี่ยนกันได้ ไม่ใช่เรื่องยาก ตามสบายนะคะ”
วิริยายิ้มร้าย แล้วเดินออกไป นิสาอึ้งๆ
“หมายความว่าไง”

พงศธรมาส่งนิสาที่บ้าน แปลกใจไม่น้อยที่เห็น ดูนิสานิ่งๆ เครียดๆ
“ขอบคุณนะคะ”
นิสาจะลงจากรถแต่พงศธรจับตัวไว้
“เดี๋ยวครับ”
“คะ”
“คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ นั่งเงียบมาตลอดทางเลย”
นิสาฝืนยิ้ม “ไม่เป็นอะไรนี่คะ”
“มีอะไรบอกผมได้นะ”
“ไม่มีจริงๆ ค่ะ” นิสายิ้มหวาน “ยังยิ้มได้อยู่เลย เห็นมั้ย”
พงศธรยิ้มขำ “คุณนี่น่ารักจริงๆ เลย”
“ขอบคุณค่ะ ขับรถกลับบ้านดีๆ นะคะ”
“ฝันดีครับ”
นิสาลงจากรถไป พงศธรขับรถเคลื่อนออกไป นิสามองตามไปก่อนถอนใจเฮือกใหญ่

ฟากวิริยานั่งเช็ดเครื่องสำอางออกอยู่หน้ากระจกในห้องแต่งตัว มีเปรมจิตยืนดุอยู่ในนั้น
“งามหน้ามั้ยล่ะ อยากเชิญเค้าแต่เค้าพาแฟนมาด้วย”
“แล้วไงคะ วิวไม่เห็นจะเดือดร้อนแล้ว”
“เค้ามีแฟนแล้วเนี่ยนะ แกไม่เดือนร้อน”
“วิวไม่ได้ให้เค้ามาเพราะวิวรักวิวชอบเค้านะคะ วิวแค่ต้องการให้เค้าแก้ตัวเรื่องงานก็เท่านั้น”
เปรมจิตหงุดหงิด “แต่คนอื่นเค้าไม่คิดแบบนั้น ทุกคนจ้องมองแกตลอดเวลา แกกลับไปสนใจแต่มัน อย่าลืมสิว่าแกเป็นใครแล้วมันเป็นใคร อีกหน่อยพอเข้าไปทำงาน มันต้องมานอบน้อมยกมือไหว้แก วางตัวให้มันถูก”
“วิวไม่เห็นว่าวิวทำอะไรเสียหาย”
“แต่แกต้องระวังตัวมากกว่านี้ จะคบจะพูดจะจากับใครต้องคิด ชั้นเลี้ยง ชั้นปั้นแกมาอย่างดี จะมีเรื่องให้คนเอาไปพูดต่อให้เสื่อมเสียไม่ได้”
“นี่คุณแม่ห่วงวิวหรือห่วงหน้าตาตัวเองกันแน่คะ” วิริยาหงุดหงิด
“มันก็ด้วยกันน่ะแหละ ถ้าไม่มีชั้น ก็ไม่มีแก ชั้นทำให้แกเกิดมาสูง แกก็อย่าลดตัวลงไปต่ำ”
“งั้นวิวจะดึงเค้าให้ขึ้นมาสูงเท่าวิว คุณแม่จะโอเคมั้ยคะ”
“อย่าทำบ้าๆ นะ ผู้ชายที่ยอมให้แกทำแบบนั้นมันก็ไม่ต่างจากเกาะชายกระโปรงหรอก”
“เก่ามากค่ะคุณแม่ คุณแม่เป็นคนที่หัวเก่ามากๆ เราคงคุยกันไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ”
“ชั้นพูด ชั้นสั่ง ชั้นสอน ชั้นชี้ให้แกทำโน่นทำนี่ มันเพื่อตัวแกเองนะยายวิว แกไม่รู้หรอกว่ากว่าแกจะเป็นลูกคนเดียวของพ่อแกได้ ชั้นต้องผ่านอะไรมาบ้าง”
สีหน้าเปรมจิตดำดิ่งหวนย้อนกลับไปในอดีต

เมื่อในอดีตสมัยเปรมจิตยังสาวๆ เธอมีปากเสียงกับกรเกียรติหนุ่มหล่อ
“ดิชั้นทราบค่ะคุณพี่ ว่าคุณพี่ไม่ได้รักดิชั้น ทุกอย่างเป็นการจัดฉากของคุณพ่อคุณแม่พวกเราเท่านั้น แต่พวกท่านทำไปก็เพื่อคุณพี่นะคะ ถ้าเราแต่งงานกัน คุณพี่จะพร้อมทั้งฐานะและหน้าตา เกียรติยศ คุณพี่ไม่ต้องการหรอกหรือคะ”
“ผมต้องการความรัก และผมก็มีมันอยู่แล้ว”
“ดิชั้นจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้คุณพี่รักดิชั้นให้ได้”
เปรมจิตทรุดตัวลงนั่ง
“ได้โปรดเถอะค่ะคุณพี่ เปิดใจให้ดิชั้นบ้าง ให้โอกาสดิชั้นบ้าง ดิชั้นกราบล่ะค่ะ”
เปรมจิตก้มลงกราบเท้ากรเกียรติ
เปรมจิตดึงตัวเองกลับมา ในสีหน้าร้ายลึกเย็นชา
“แกต้องคุ้มค่ากับสิ่งที่ชั้นยอมทำลงไป”

นิสาขึ้นห้องนอนมากลุ้มใจเรื่องวิริยา ตัดสินใจ โทร.หามัทรีทันที
“ฮัลโหล” เสียงมัทรีรับสาย
“มัทแกอยู่ไหนอ่ะ ชั้นมีเรื่องอยากคุย”

ตลาดนัดกลางคืนแห่งนี้คึกคักเช่นทุกคืน ที่ร้านบะหมี่จอมพลังร้านดังของที่นี่ ธีรภาพนั่งกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางกับมีนา มีนาสูดเส้นบะหมี่เสียงดังมาก
“เบาๆ เป็นผู้หญิงนะเราน่ะ”
“แล้วไง ก็มันหิวอ่ะ”
“หิวก็กินดีๆ กินสวยๆ น่ะ ทำเป็นมั้ย”
“ไม่เป็น ยุ่งจริง”
“พูดจาอย่างนี้กับรุ่นพี่ได้ไง”
“ก็เป็นคนแบบนี้อ่ะ พูดแบบนี้ ทำไม ไม่ชอบเหรอ อ๋อ ชอบหวานๆ หญิงๆ สวยๆ เงี้ยเหรอ”
“ผู้ชายที่ไหนไม่ชอบแบบนั้นบ้างล่ะ หัดทำตัวแบบนั้นบ้าง จะได้มีแฟนซะที”
“อยากให้มีเหรอ”
“อื้อ”
ธีรภาพหันไปเรียกเก็บเงินพอดีกับที่มีนาพูดขึ้น
“น้อง เก็บเงินด้วยครับ” / “ก็เป็นแฟนกันมั้ยล่ะ” สองคนพูดพร้อมๆ กัน
“หือ? ว่าไงนะ”
“เปล่า ไม่มีอะไร”
มีนาก้มหน้าก้มตากินต่อ ใจเต้นตูมตาม รู้สึกเสียจังหวะ และเสียหน้า

นิสาเดินเข้ามาในบริเวณตลาดนัดกลางคืนอันโด่งดัง เห็นคนเดินเต็มไปหมด นิสาเดินไปกับฝูงคน อีกด้าน ธีรภาพเดินมากับมีนา
“ขอเอาเสื้อไปเปลี่ยนก่อนได้ปะ วันก่อนซื้อมาใส่ไม่ได้อ่ะ”
“ไปดิ”
“ไปด้วยกันดิ”
“ไปๆๆ นำไปดิ”
มีนานำหน้าธีรภาพไป นิสากำลังเดินสวนทางมาพอดี
มีนาเข้าไปจ๊ะจ๋ากับคนขายเจ้าของร้านเสื้อที่ว่าในร้าน
“พี่ จำหนูได้ป่ะ”
ธีรภาพยืนรอด้านนอก อีกด้านนิสาเดินมากับฝูงคน ธีรภาพเดินไปดูของแต่งบ้านเก๋ๆ นิสาเดินใกล้เข้ามา พอจะสวนกันก็มีคนเข็นรถเข็นใหญ่ๆ มาพอดี
“ขอทางด้วยครับ ขอทางด้วย”
นิสากับธีรภาพถูกรถเข็นแหวกแยกกันไปคนละทาง ธีรภาพมองเห็นนิสาไม่ชัด มองตามไปอย่างสนใจ มีนาเสร็จธุระก็ออกมา
“ได้แล้ว”
ธีรภาพแล้วหันไปมองหานิสาแต่ถูกคนกลืนไปหมดแล้ว
มีนามองตาม “หาอะไร”
“เปล่า”
“ไป”
“เดี๋ยว”
“ไปแล้ว เร็วเข้า ง่วงแล้ว”
มีนาฉวยโอกาสจูงมือธีรภาพเดินไปเฉยเลย และพากันเดินหายไปในฝูงคน

ที่ร้านขายเสื้อผ้าในตลาด นิสาเข้ามาหามัทรีที่กำลังเลือกของอยู่
“มาแล้ว”
“เอาๆๆ” มัทรีส่งให้เจ้าของร้าน “เอาตัวนี้ค่ะ” แล้วหันมาถามนิสา “มีอะไร หน้าตาไม่ดีเลยอ่ะ ทะเลาะกับแฟนเหรอ”
นิสาถอนใจเฮือกใหญ่

ถัดจากนั้นสองสาวนั่งคุยกันอยู่ในร้านเครื่องดื่ม มัทรีรู้เรื่องวิริยาแล้ว
“พูดงั้นเลยเหรอ”
“อื้อ”
“ดูถูกกันนี่หว่า แบบคำพูดนางเหยียดมากอ่ะ นิสัยเสีย ปากไม่ดี นี่ถ้าชั้นไปด้วยนะ มีตบอ่ะ”
“เค้าต้องการอะไรอ่ะ”
มัทรีขึ้น “โอ๊ย ยังจะถาม นางก็อยากได้แฟนแกน่ะสิ แล้วแกเค้ารู้เรื่องมั้ย”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่จะว่าไป ผู้หญิงคนนั้นเค้าก็ดีกว่าชึ้นทุกอย่างเลยนะ”
“พูดอะไรโง่ๆ คนอื่นดูถูกมายังไม่เจ็บใจเท่าดูถูกตัวเองนะยะ”
“ก็มันจริงอ่ะ อีกหน่อยเค้าต้องไปทำงานร่วมกันด้วย”
มัทรีหนักใจแทน “เรื่องใหญ่ล่ะทีนี้”
“ใช่มะ เค้าต้องใกล้ชิดกัน แล้วก็สนิทกัน แล้ว...” นิสาคิดเตลิดไปแล้ว
“หยุดๆ อย่าเพิ่งมโน”
“ก็ชั้นไม่สบายใจนี่”
“เข้าใจ แต่เอางี้มั้ย แกก็กลับไปหลอกถามแฟนแกดูว่านางเปิดไพ่อะไรมาบ้าง แล้วเค้าคิดยังไง ค่อยๆ หลอกถามไปก่อน มันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ อย่าเพิ่งมโน”
นิสาอึ้งๆ จิตตก “แต่จะว่าไปเค้าก็เหมาะสมกันนะ”
มัทรีขึ้นอีก “เอ๊ะ นี่ตกลงจะให้ช่วยคิดหรือว่าจะซ้ำเติมตัวเองฮะ”
“มันก็จริงนี่”
“คนเราน่ะนะ ถ้าจะเป็นคู่กัน มันต้องมีวาสนาต่อกัน ถ้าไม่มีวาสนาต่อกัน ยังไงก็แคล้วคลาด แต่ถ้ามีวาสนาต่อกัน ต่อให้อยู่ไกลกันแค่ไหน แตกต่างกันอย่างไร ก็จะมาพบมารักกันจนได้”
“อืม...”
จังหวะนั้น มีเด็กหญิงวัย 4 ขวบ วิ่งมาสะดุดล้มลงตรงหน้านิสาพอดี นิสาตกใจรีบก้มนั่งยองๆ ลงไปหา เป็นช่วงเวลาที่ธีรภาพเดินผ่านมากับมีนาพอดี แต่มีนามัวแต่มองรอบๆ จึงไม่เห็นนิสาที่พยายามช่วยเด็กน้อยที่กำลังร้องไห้ นิสาปัดขาเด็กอย่างจริงใจ
ธีรภาพจับตามองด้านหลังนิสาที่พยายามพูดปลอบใจเด็กน้อย นิสาเอาผ้าเช็ดหน้าตัวเองเช็ดใบหน้าเด็กน้อย จนเด็กยิ้มได้ นิสายิ้มให้เด็ก ธีรภาพประทับใจมาก รีบหยิบมือถือเพื่อถ่ายภาพประทับใจนี้ไว้ให้ได้ เขาถ่ายได้เพียงข้างหลังนิดๆ ของนิสา
มีนาที่ไม่รู้เรื่องไร มาสะกิดดึงมือธีรภาพ จนทำให้มือถือหล่นจากมือกระแทกพื้น เป็นจังหวะเดียวกับแม่เด็กน้อยเดินมาขอบใจนิสา และจูงลูกออกไป
ระหวางที่ธีรภาพงมกับการปัดเช็ดมือถือบ่นบ้าด่ามีนา มัทรีก็ดึงนิสากลับไปอีกทาง เมื่อธีรภาพเงยหน้าขึ้นมองที่นิสา พบว่าเธอหายไปแล้ว ธีรภาพพยายามมองหา แต่ไม่พบแล้ว มีนาสงสัยธีรภาพมองหาอะไร
“มองอะไร”
“เปล่า”
มีนามองตามสายตาธีรภาพกระชากมือธีรภาพ
“ไปซะทีเหอะ”
ธีรภาพมองรูปที่ถ่ายได้ในมือถือ มีนาลากแขนธีรภาพออกไป ธีรภาพยังหันมองหานิสาแต่ไม่เจอ

มีนาเดินหน้างอตามหลังธีรภาพออกมาจากตลาดนัด
“ใครเหรอ”
“อะไร”
“ก็เมื่อมองหาใครนักหนา”
“ไม่รู้”
“ไม่รู้ได้ไง มองหาซะขนาดนั้น”
“ก็บอกว่าไม่รู้” ธีรภาพยิ้มๆ “เห็นแต่ด้านหลัง หน้าเป็นไงยังไม่รู้เลย”
“ถ้าไม่รู้จะยิ้มทำไม”
“ใครยิ้ม อะไร ไม่รู้เรื่อง”
“อย่ามาโกหก เดินไปยิ้มไปตลอดเวลา เห็นนะเว้ย”
ธีรภาพคิดๆ “ก็ ปิ๊งนะ”
มีนาจี๊ดในใจกำมือแน่น
“ก็แบบที่ชอบเลยอ่ะ”
“ทนไม่ไหวแล้วเว้ย”
มีนาหันมาชกท้องธีรภาพอย่างแรง
“โอ๊ย อะไรวะ”
“เกลียดที่สุดเลย ไอ้รุ่นพี่ ไอ้บ้า”
มีนาวิ่งหนีหายไป ธีรภาพมองตามไป
“เป็นบ้าอะไรของมันเนี่ย ล้อเล่นแค่นี้ ชอบบ้าบออะไร เห็นแค่ปลายจมูกกับติ่งหูเนี่ยนะ”
ธีรภาพเปิดรูปด้านหลังนิสาที่แอบถ่ายได้ แล้วยิ้มพอใจ

ฟากพงศธรกำลังจะเข้านอนมีไลน์เข้า เห็นว่าชื่อวิว “พบกันที่รอยัลแอร์ไลน์” พงศธรกดตอบกลับ
อีกฟาก บนเตียงในห้องนอนหรูหราใหญ่โตวิริยารอไลน์ตอบกลับจากพงศธร จนเสียงไลน์เข้าจึงกดอ่าน
“ครับ”
วิริยาคุมแค้น “แค่ครับสำหรับชั้นเนี่ยนะ”
ฝ่ายนิสาเดินกลับเข้าบ้านมา มีไลน์เข้าจากพงศธรมาว่า
“ฝันดีนะครับ” นิสากดอ่านยิ้มออก
ส่วนวิริยาหงุดหงิดสุดๆ คิดไปคิดมาแล้วออกจากห้องไป

กรเกียรตินั่งทำงานอยู่ วิริยาเคาะเรียกแล้วเดินเข้ามาหา
“ทำไมยังไม่นอน”
“วิวเจ็ทแลคน่ะค่ะ”
“อีกสักพักก็ชิน”
“คุณพ่อคะ วิวจะบอกว่า วิวพร้อมเริ่มงานแล้วค่ะ”
“เมื่อไหร่ดี”
“พรุ่งนี้ค่ะ วิวจะเริ่มพรุ่งนี้”

ตอนเช้า ทันทีที่พงศธรมาถึงห้องทำงานลงนั่ง อรชุมาก็รีบร้อนเข้ามาหา
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณพงศ์ เชิญประชุมด่วนที่ห้องประชุมใหญ่เลยค่ะ”
“เรื่อง”

วิริยาแนะนำตัวกับทุกคนในที่ประชุม
“ดิฉัน วิริยา ลูกสาวท่านประธานมาร่วมงานกับ รอยัล แอร์ไลน์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของบริษัท”
ทุกคนยิ้มรับเอาหน้ากันใหญ่ หัวหน้าพีอาร์ยิ้มถามว่า
“ไม่ทราบว่าคุณวิริยา จะมาโฟกัสสายงานไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ”
“ทุกฝ่ายค่ะ เพราะทุกส่วนงานประกอบร่างขึ้นเป็นรอยัล แอร์ไลน์ และที่สำคัญ อย่าคิดว่าดิฉันเป็นลูกท่านประธาน มีอะไรก็พูดกันตรงๆ ผิดพลาดอะไรก็พูดกันได้ ทำงานกันแบบมืออาชีพ”
“ผมคิดว่าจะสนใจการตลาดเป็นพิเศษซะอีก” ผอ.ฝ่ายการตลาดเป็นนัย
“ดิชั้นพร้อมจะสนใจทุกสิ่งที่น่าสนใจในรอยัลแอร์ไลน์ค่ะ
วิริยายิ้มไปรอบๆ แล้วมาหยุดสบตาพงศธรนานผิดปกติ พงศธรเลือกที่จะหลบตา

ส่วนที่แฮปปี้โคเรียนทัวร์ นิสานั่งหน้าเครียดๆ เปิดเว็บไซต์ท่องเที่ยวประเทศโน้นนี้อย่างใจลอย ประยงค์สะกิดถามมัทรี
“แมสซี่ นางเป็นไรอ่ะ”
“นางกำลังเครียด”
“ว่า”
“มีผู้หญิงมาหยามเหยียดนาง”
ประยงค์เสียงเขียว “มันเป็นใคร”
“ก็ลูกสาวท่านประธานรอยัลแอร์ไลน์น่ะสิ”
ประยงค์อะเมซิ่ง “จริงดิ”
“ค่ะ แล้วเซเลบสาวก็ทำท่าเหมือนจะมายุ่งกับแฟนนาง นางก็เลยเครียด”
“บอกแล้วให้รักกับชายกลางอย่างเรา”
“ชายกลางหรือชายน้อยคะ”
ประยงค์ด่า “ปลาร้า”
“เดี๋ยวแมสซี่ไปดูนางหน่อยดีกว่า ก่อนที่นางจะใจลอยจนกินยางลบ”
แมสซี่เดินไปหานิสาที่โต๊ะ
“ตะเอง อย่านอยด์สิ คุณพงศ์เค้ารักตะเองจะตาย นางเซเลบริตี้เจาะไม่เข้าหรอก ใจร่มๆ นะ หยุดมโนเถอะ”
“ใช่ หยุดมโนแล้วทำงานกันเถอะ เรามาทำงานเนอะๆๆ” ประยงค์พยักพเยิดกับแมสซี่ที่ไม่เล่นด้วย
“ขอโทษค่ะบอส”
“รอยัลแอร์ไลน์ใหญ่โต อาจจะหากันไม่เจอก็ได้” มัทรีบอก

ด้านอรชุมาบอกพงศธรว่า
“เดี๋ยวคุณพงศ์มีประชุมกับฝ่ายขาย สิบโมงนะคะ ห้องประชุมใหญ่ค่ะ”
เสียงโทรศัพท์โต๊ะอรชุมาดัง อรชุมารีบออกไปรับสาย พงศธรเตรียมตัวไปประชุม อรชุมารีบกลับมา
“เปลี่ยนแผนด่วนค่ะ คุณวิริยาเรียกพบค่ะ”
พงศธรรีบเข้ามาในห้องทำงานวิริยาด้วยมาดอันสุภาพ วิริยายิ้มหวานให้
“อยากเห็นภาพองค์กรชัดๆ น่ะค่ะ อธิบายให้ฟังหน่อยสิคะ”
“ยินดีครับ”
พงศธรเปิดหน้าเว็บไซต์บริษัทขึ้นมา วิริยาเข้ามาใกล้ๆ พงศธรขยับออกห่างนิด
“รังเกียจเหรอคะ”
“ใครจะกล้ารังเกียจกันล่ะครับ อันที่จริงผมว่าผมพาคุณทัวร์บริษัทจะดีกว่า จะได้เห็นภาพชัดเจนไปเลย เชิญครับ”

พงศธรลุกเดินไปเปิดประตูให้ วิริยาออกไปก่อน พงศธรจึงตามไป

อ่านต่อตอนที่ 3
กำลังโหลดความคิดเห็น