ระบำไฟ ตอนที่ 22
ชิงฉัตรกับตรีประดับนั่งคุยกันที่มุมหนึ่งในร้านอาหาร ชิงฉัตรก้มหน้า ท่าทางเซื่องซึมรู้สึกละอายใจไม่หาย
“ผมดีใจที่อาตรียอมมาพบผม”
“ทำไมจะไม่มาล่ะ อาเป็นห่วงเธอนะ ตั้งแต่เกิดเรื่องพัดชาเธอก็หายไปเลย”
ชิงฉัตรแปลกใจ สีหน้าดีขึ้น
“อาตรีหายโกรธผมแล้วเหรอครับ”
“อาลืมไปหมดแล้วล่ะ ในเมื่อเธอเข้าใจอา และกล้าที่จะขอโทษ อาก็พร้อมจะยกโทษให้”
ชิงฉัตรยิ้มออกมาอย่างดีใจ เกือบจะดึงมือตรีประดับมาจับ แต่ยั้งตัวเองไว้ได้ทัน
“ขอบคุณครับอาตรี แค่นี้ผมก็ไปจากเมืองไทยได้อย่างสบายใจแล้ว”
ตรีประดับงง “เธอจะไปไหน”
“ผมจะไปอเมริกาครับ ป้าผมอยากให้ไปช่วยงานที่ร้านอาหารแล้วก็เรียนต่อที่โน่นเลย แกจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ ผมเห็นว่าก็ดีเหมือนกัน จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ให้มันดีกว่าที่ผ่านมา ไปอยู่ที่โน่นคงทำให้ผมโตเป็นผู้ใหญ่กว่านี้”
ตรีประดับแปลกใจ แต่ก็ยิ้มให้ ชื่นชมกับความคิดของชิงฉัตร
“อาดีใจที่ฉัตรคิดได้ ขอให้ฉัตรโชคดีนะ”
“ผมมีเอกสารเกี่ยวกับเรื่องเรียนอยู่ที่บ้านอาพยส อยากรบกวนให้อาตรีส่งตามไปให้ที่โน่นได้ไหมครับ”
“เธอน่าจะไปเองมากกว่านะ จะได้ถือโอกาสไปลาญาติๆ ด้วย”
“พวกเขาไม่สนใจหรอกครับว่าผมจะไปไหน ผมไม่อยากไปบอกลาเพื่อที่จะให้พวกเขาตอกย้ำความรู้สึกแบบนี้กับผมอีกแล้ว”
ชิงฉัตรยิ้มเศร้า ตรีประดับเข้าใจความรู้สึกนั้น
บุพชากับอรณาช่วยกันพยุงพยสเข้าบ้านพามานอนที่โซฟา
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นพยส ทำไมสภาพแกถึงเหมือนโดนหมาฟัดแบบนี้” บุพชามองสมเพช
พยสส่ายหน้าไม่ตอบ ดูเจ็บปวด อรณารีบไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดแผล
“เดี๋ยวล้างแผลเสร็จแล้วรีบไปโรงพยาบาลนะพี่”
“ไม่ ฉันไม่ไป”
“จะบ้าเหรอ ปางตายขนาดนี้แล้ว” บุพชาเอะใจ “แกไปมีเรื่องกับใครมา หรือว่าไปยุ่งกับเมียชาวบ้านจนโดนผัวเขาซ้อมเอา”
บุพชาพูดเหมือนเห็น ยิ่งทำให้พยสเสียดแทงใจ
“เรื่องของผมน่า” พยสตวาดอรณา “จะล้างแผลก็ล้างสิ ฉันเจ็บ”
พยสจับแผลร้องโอดโอย อรณาเอาผ้ามาเช็ดให้เท่าที่ทำได้ บุพชามองพยสอย่างเคลือบแคลงใจ
ทางด้านพยางค์กลุ้มใจกับข่าวฉาวพัดชาอยู่ที่โรงพิมพ์
“พังหมดงานนี้ แทนที่จะเป็นข่าวเปิดตัวหนูพัดชาสวยๆ กลายเป็นว่ามีแต่ข่าวแฉจนเละไปหมด”
พยางค์พยายามโทร.ติดต่อพัดชา แต่พบว่าปิดเครื่อง
“ติดต่อก็ไม่ได้ สรุปเรื่องราวมันเป็นยังไงกันแน่เนี่ย”
พัดชานั่งร้องไห้อยู่ที่คอนโดสิงคาร ผู้กำกับหนุ่มใหญ่เข้าไปดู
“คุณเป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ” พัดชาสะอื้นไห้
“ทำไมอยู่ๆ ชินานางก็เป็นบ้าขึ้นมา ผมถามจริงๆ คุณสองคนมีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า”
“พัดไม่เคยทำอะไรให้คุณนางเลยนะคะ มีแต่คุณนางที่ไม่ชอบหน้าพัด พยายามจะหาเรื่องพัดต่างๆ นานา คุณสิงคารทราบใช่ไหมคะว่าคุณนางกับคุณพยส...”
สิงคารพยักหน้า แต่ยังคลางแคลงใจ
“แล้วเรื่องที่เขาพูดถึงคุณ มันจริงหรือเปล่า”
พัดชาแก้ตัวปากคอสั่น “ไม่มีอะไรจริงซักอย่างเดียว แต่ตอนนี้ใครๆ ก็คงไม่เชื่อพัด ชื่อเสียงพัดคงป่นปี้หมดแล้ว”
พัดชาบีบน้ำตา ปล่อยโฮออกมาอย่างน่าสงสาร
“เอาเป็นว่าตอนนี้คุณอยู่เงียบๆ ไปก่อน ขอผมดูสถานการณ์อีกทีว่าเป็นยังไงต่อไปละกัน”
พัดชาร่ำไห้สวมกอดสิงคารออดอ้อน ขณะที่อีกฝ่ายเริ่มกัวลกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่อยากเสี่ยงด้วย
ชินานางโดนตบตีจนช้ำไปทั้งหน้า โดยมีลูกน้องเสี่ยจับไว้ เสี่ยยังไม่หนำใจ จิกผม อนิลแอบดูด้วยสีหน้าหวาดเสียว ชินานางยกมือไหว้ปลกๆ
“เสี่ย พอแล้วค่ะ นางเจ็บ”
“เธอสั่งฉันเหรอ ที่ฉันสั่งห้ามไม่ให้ออกไปไหน เธอมันยังดื้อไม่เชื่อฟัง แล้วมีสิทธิ์อะไรมาออกคำสั่งกับฉัน”
เสี่ยจิวตบชินานางอีกฉาด
“ที่ก่อเรื่องวันนี้มันเสียหายแค่ไหนเธอรู้ไหม ตอนนี้กองถ่ายยุ่งไปหมดแล้ว ผู้ใหญ่ในช่องก็โทร.หาวุ่นวายไปหมด เพราะเธอคนเดียว”
“ทำไมเสี่ยโทษแต่นาง ทั้งที่คนก่อเรื่องก็คือนังพัดชา”
“พัดชาแค่นัดนักข่าวไปให้สัมภาษณ์ ไม่ได้พาดพิงเธอด้วยซ้ำ เธอนั่นแหละที่เข้าไปหาเรื่อง อย่าให้ฉันต้องเอาคลิปมาตอกย้ำความเฮงซวยของเธออีกรอบนะชินานาง”
ชินานางเห็นเสี่ยจิวเอาแต่ด่าๆ เริ่มเอะใจ
“เสี่ยด่านาง แต่ปกป้องมัน นี่อย่าบอกนะ ว่าจะหวังจะได้งาบมันอีกคน”
“มันก็ไม่แน่ ยังไงฉันก็ต้องหาผู้หญิงคนใหม่มาดูแลอยู่แล้ว เพราะคนเก่ามันไม่รักดีไง”
เสี่ยจิวพูดใส่หน้าชินานางแล้วผลุนผลันออกไปกับลูกน้อง
“ไม่ได้นะเสี่ย เสี่ยจะทิ้งนางไม่ได้นะ”
ชินานางกรี๊ดๆ จะตามไปเอาเรื่อง แต่ลูกน้องรีบปิดประตูล็อคไว้ไม่ให้ออกจากคอนโด ชินานางเลยได้แต่วี้ดๆ ทุบประตูระบายอารมณ์
เทศราชเดินเก้ๆ กังๆ พาตัวเองเข้ามาในร้านเพชร รอจนพนักงานเดินเข้ามาหา
“สวัสดีค่ะ สนใจวงไหนคะ”
เทศราชอึกอักไปมา
“วงนี้ก็สวยนะคะ เหมาะกับผู้ชาย” พนักงานหยิบขึ้นมาโชว์ “หรือจะวงนี้”
เทศราชรับมา แต่ทำหน้าเขินๆ
“คือ...ผมอยากได้แหวนหมั้นน่ะครับ”
“อ๋อ งั้นเชิญทางนี้ค่ะ”
พนักงานเดินนำพาเทศราชไปเลือกแหวนอีกมุมหนึ่ง
ตรีประดับจอดรถที่หน้าบ้านพยส คิดหนักแต่ก็ต้องตัดใจลงรถไป ค่อยๆ พาตัวเองเดินเข้ามาในบ้าน จู่ๆอรณาวิ่งเข้ามาชนจนเป็นฝ่ายล้มลง เงยหน้าขึ้นมามอง
“พี่ตรี”
“น้องอร”
“ดีใจจังเลยได้เจอพี่ตรีตอนนี้ อรกับพี่บุพคิดอยู่ว่าจะเอายังไงกับพี่ยสดี ไปค่ะ รีบเข้าไปหาพี่ยสเถอะค่ะ”
“เออ พยสเป็นอะไรเหรอคะ”
บุพชาโผล่มารีบตัดบท
“ยังไม่ต้องถามอะไรตอนนี้หรอก รีบๆ ไปดูสามีเก่าเธอหน่อยเถอะ นายยสกำลังจะแย่แล้ว”
ตรีประดับยิ่งตกใจ ทั้งสองรีบพาไปอย่างร้อนใจ
ตรีประดับเข้ามา เห็นสภาพอันสะบักสะบอมอยู่ไกลๆ สามคนคุยกันห่างออกมา พยสนั้นยังไม่เห็นตรีประดับ
“เกิดอะไรขึ้นกับพยสคะ”
“ฉันกับยายอรคาดคั้นยังไงก็ไม่ยอมบอก ถามกันเอาเองก็แล้วกัน แต่สภาพนี้สงสัยจะไปยุ่งกับเมียชาวบ้านเขาจนโดนกระทืบปางตายมาแน่ๆ”
ตรีประดับอดสงสารไม่ได้
“น่าจะพาไปโรงพยาบาลนะคะ”
“พี่ยสไม่ยอมไปค่ะ”
“เอาเถอะ ผัวเมียกันก็พูดกันเองแล้วกันนะ พี่กับยายอรจะไม่ยุ่งวุ่นวายล่ะ หมดธุระเราแล้ว ยายอร ไปกันเถอะ”
“เออ คือ อยู่ด้วยกันจะดีกว่านะคะ”
“แหม นายพยสเขาตามคุณตรีมาแบบนี้ เขาคงอยากจะให้เมียเขาดูแลมากกว่า พวกพี่อยู่ไปก็เกะกะ ขอตัวก่อนนะคะ ไป ยายอร”
ตรีประดับงงยังไม่ทันพูดตอบอะไร อยู่ๆ โดนมัดมือ จะหันไปทัดทาน แต่ทั้งสองไม่ฟัง คว้ากระเป๋าเดินลิ่วออกไปเลย พยสลุกขึ้นแล้วเห็นตรีประดับพอดี ทั้งตกใจและดีใจสุดๆ
“ตรี”
ทางด้านคุณภิรมย์อาการดีขึ้นมาก วันนี้เทศราชมาเยี่ยม และนวดเอาใจมารดา
“ผมมีเรื่องอยากจะบอกคุณแม่ครับ”
“เรื่องอะไรฮึ เอาใจขนาดนี้ จะขออะไรละสิท่า”
“ผมจะขอคบตรีจริงจังครับคุณแม่” ภิรมณ์อึ้ง “ผมรักตรีเขาจริงๆ นะครับ เราสองคนรักกัน”
“ลูกแน่ใจแล้วใช่มั้ยเทศ ที่จะเอาผู้หญิงม่ายมาเป็นคู่ชีวิตต่อไป”
“ผมรักตรีและผมไม่แคร์ว่าเธอจะเป็นม่ายหรืออะไร ในเมื่อผมรักผมก็รัก แม่ก็รู้อยู่ว่าผมรักเขามานานแค่ไหน
“แล้วแกไม่กลัวต้องเลิกลากับเขารึไง คนมีอดีตแบบนี้ นั่นแสดงว่าเขาต้องมีข้อผิดพลาดในตัวเขาเหมือนกัน ไม่งั้นสามีเก่าเขาไม่ไปมีเมียน้อยหรอก”
“แม่”
“เออ ฉันก็ไม่อยากตอกย้ำ แต่ถ้าแกตกลงจะคบกับแม่ตรีประดับนั่น วันหน้าเอามาพบฉันหน่อย ฉันจะขออบรมสั่งสอนหน้าที่เมียที่ดีให้”
เทศราชฟังแล้วหน้างง ภิรมณ์มองลูกชายยิ้มหมั่นไส้
“ทำเป็นงง ก็ถ้าจะมาใช้ชีวิตกับลูกฉันต่อไป ก็ต้องรู้จักทำหน้าที่เมียไม่ให้บกพร่องยังไงหล่ะ แกจะได้คบแม่ตรีนั่นไปตลอดรอดฝั่ง”
เทศราชยิ่มกว้าง กอดมารดาแน่น
“ขอบคุณนะครับคุณแม่”
บัดนี้ภิรมณ์รู้แล้วว่าคงขวางทางเทศราชไม่ได้ แต่จะช่วยประคับประคองลูกชายต่อไป
“ฉันรู้ว่าฉันคงรั้งความรักของแกไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ยังไงแกก็ลูกฉัน ถ้าแกมีความสุข แม่ก็มีความสุขด้วย”
แม่ลูกกอดกันด้วยความรักความเข้าใจกัน
ตรีประดับแวะมาเอาเอกสารชิงฉัตร และต้องมาช่วยทำแผลให้พยส
“พี่บุพกับยายอรบอกคุณเหรอ คุณถึงมาหาผม คุณเป็นห่วงผมใช่มั้ยตรี”
พยสจับมือที่ทำแผลอยู่ ตรีประดับรีบดึงออก
“เปล่าค่ะ ตรีมาทำธุระให้นายฉัตรต่างหาก พอดีว่าเขาจะไปเรียนต่อ ก็เลยวานตรีให้มาเอาเอกสารที่บ้าน”
พยสหงุดหงิด “แล้วทำไมมันไม่มาเอง คงกลัวโดนด่าละสิ แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงผมควรต้องขอบคุณมันมากกว่า ที่มันทำให้ตรีกลับมาหาผมจนได้”
“ทำธุระเสร็จแล้ว ตรีก็จะไปค่ะ”
ตรีประดับทายาต่อ ไม่สนใจสายตาอ้อนวอนของพยส
“ผมเจ็บแผลขนาดนี้ จะลุกนั่งทำอะไรก็ลำบากไปหมด ตรีจะทิ้งผมไปจริงๆ เหรอ”
“ตรีไม่ใช่พยาบาลนะคะ ถ้าคุณอยู่คนเดียวไม่ได้ ก็ต้องไปโรงพยาบาลค่ะ”
ตรีประดับพูดอย่างไม่เหลือเยื่อใย แต่พยสตื๊อหนัก รู้ว่าตรีประดับเป็นคนใจอ่อนขี้สงสาร
“ตรีไม่รู้หรอกนะคะว่าคุณไปมีเรื่องกับใครมา แต่คุณควรไปหาหมอ สภาพภายนอกยังขนาดนี้ ภายในจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
พยสดีใจตรีเป็นห่วง เลยได้ทีอ้อนให้ตรีประดับดูแล
“คร้าบ แต่ตอนนี้ผมหิวจัง คุณทำอะไรให้ผมกินหน่อยได้มั้ยครับ”
ตรีประดับลังเลแต่สุดท้ายก็จำใจ
“ค่ะ แล้วตรีขอเอกสารของนายฉัตรด้วยนะค่ะ”
พยสพยักหน้ารับคำ ตรีประดับจึงออกไปที่ครัว พยสยิ้มสุขใจ คิดว่าตรีประดับต้องใจอ่อน
ตรีประดับยกข้าวต้มมาวางให้ พยสเป็นปลื้มมองตรีประดับไม่วางตา
“ขอบคุณนะครับตรี”
ตรีประดับไม่สนใจพยสเท่าไหร่เพียงแค่หวังดีเท่านั้น
“เอกสารนายฉัตรได้เรียบร้อยรึยังคะ”
“วางไว้ตรงนั้นหมดแล้วครับ” พยสบุ้ยใบ้ไปทางซองเอกสาร
“งั้นก็เสร็จธุระแล้ว ตรีขอตัวกลับก่อนนะค่ะยส”
พยสจับมือตรีไว้
“เรากลับมาเริ่มต้นใหม่ได้มั้ยครับตรี”
ตรีประดับหน่าย “ยส”
“ผมยังเชื่อว่าเราจะกลับมาเดินทางเดียวกันได้ ถ้าคุณให้โอกาสผม”
ตรีประดับอึ้งไป
“ชีวิตของเราสองคนเดินกันคนละทางแล้วค่ะยส”
พยสจับมือตรีประดับไว้มั่น
“ตรีให้โอกาสคนอื่นไปแล้ว”
พยสคุมแค้นเจ็บใจ “ไอ้เทศ มันไม่มีทางจะทำให้คุณมีความสุขเท่ากับที่ผมเคยทำหรอกตรี”
“อาจจะใช่ค่ะ แต่ตรีก็แน่ใจว่าเขาจะไม่มีวันทำให้ตรีทุกข์ที่สุดเหมือนที่คุณเคยทำกับตรรีเช่นกัน”
พยสเถียงไม่ออก ตรีประดับมองอย่างเย็นชา
“ขอให้การเจอกันของเราครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายนะคะยส”
ตรีประดับจะไป พยสกอดรั้งไว้ออดอ้อนขอโอกาส
“ตรีผมยังรักคุณ รักคุณคนเดียว ไม่มีสักวันที่ผมจะลืมคุณได้เลย คุณรู้บ้างมั้ยว่าชีวิตผมทรมานแค่ไหนที่ไม่มีคุณ คุณอย่าเดินออกไปจากผมเลยนะตรี คุณจะไม่ให้โอกาสคนที่คุณรักเลยเหรอ”
“เคยรักเท่านั้นค่ะ” ตรีประดับเสียงแข็งสิ้นเยื่อใย
“ตรี”
พยสฟังแล้วแทบทรุด เสียงโทรศัพท์ตรีประดับดังขึ้น เป็นเทศราชโทร.มา
“ดูแลตัวเองดีๆนะคะยส”
ตรีประดับเดินออกไปเลย
“ไม่ตรี อย่าเพิ่งทิ้งผมไปไหนไหนนะ ผมไม่เหลือใครแล้วจริงๆ ตรี ตรีกลับมาก่อน”
ตรีประดับไม่แยแส เดินลิ่วออกไปโดยไม่หันมามอง พยสสิ้นแรง ได้แต่ร้องเรียกตรีประดับอยู่ตรงนั้น
ตรีประดับเดินออกมารับสายเทศราช ทำเสียงให้ปกติ
“ค่ะ เทศ ตรีกำลังไปค่ะ ไว้เจอกันนะคะ”
ตรีประดับวางสาย แล้วถอนใจแม้ตอนนี้ไม่ได้รักพยสแล้วแต่ก็ยังสงสารห่วงใยอยู่บ้าง
ชินานางหน้าตาบอบช้ำหมดสภาพ นั่งหง่าวอยู่ที่คอนโดไม่มีอะไรทำ จู่ๆ ได้ยินเสียงเปิดประตู ก็รีบลุก เพราะคิดว่าเสี่ยจิว
“ลุกขึ้นแต่งตัว เก็บเสื้อผ้าซะคุณนาง”
“อะไร จะพาฉันไปไหนอีก ฉันไม่ไป”
“แต่เสี่ยสั่ง คุณต้องกลับไปอยู่ที่บ้าน ต้องการข้าวของอะไรก็ขนไปให้หมด”
ชินานางงง “หมายความว่ายังไง”
“ห้องนี้เสี่ยจะเอาคืน”
ชินานางวี้ดลั่น
“ไม่ได้นะ ฉันไม่ให้”
“มันไม่ใช่การตัดสินใจของคุณ ไปแต่งตัว”
ชินานางเริ่มฉุนที่โดนลูกน้องเสี่ยออกคำสั่ง
“ฉันไม่ไป แกไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน ไอ้กระจอก”
ชินานางทิ้งตัวลงนั่งกอดอก ไม่สนใจ ลูกน้องพยักหน้ากับคนที่มาด้วยกัน
“งั้นพวกผมจะเก็บเสื้อผ้าให้คุณเอง”
ลูกน้องพากันเข้าไปในห้องนอน ชินานางรีบวิ่งตามไป
“ไม่ได้นะ ออกไปจากห้องฉัน ออกไป๊”
ลูกน้องไม่สน เปิดตู้หยิบเสื้อผ้ามาโยน อีกคนไปกวาดเครื่องประดับ ชินานางห้ามคนนั้นทีคนนี้ที
ชินานางเดินกระฟัดกระเฟียดเข้ามาหาเสี่ยจิว ที่นั่งดื่มไวน์สบายอารมณ์อยู่ในห้องรับแขก
“ทำไมเสี่ยถึงทำแบบนี้ คอนโดนั่นมันเป็นที่พักส่วนตัวของนาง”
“แต่ฉันเป็นคนจ่ายเงิน ชื่อเจ้าของห้องก็เป็นชื่อฉัน”
ชินานางเถียงไม่ออก เสียงอ่อนลง เข้าไปเกาะแกะอ้อน
“เสี่ยคะ แต่เสี่ยยกให้นางแล้ว ทำไมถึงจะมาเอาคืน”
“ก็เพราะเธอมันเลี้ยงไม่เชื่อ ปล่อยให้ไปไกลหูไกลตาฉัน ถึงได้เกิดเรื่องฉาวๆ แบบนี้ นอกจากพฤติกรรมจะส่ำส่อน เธอก็ยังไปก่อเรื่องที่กองถ่ายอีก วุ่นวายกันไปหมด ตอนนี้ฉันสั่งตัดบทเธอออกจากละครแล้ว”
“อะไรนะ”
“เธอจะต้องอยู่แต่ในบ้านหลังนี้ ห้ามออกมาเพ่นพ่านนอกห้อง ยกเว้นเวลากินอาหาร”
ชินานางตกใจปนโกรธ แผดเสียงลั่น “เสี่ย เสี่ยจะทำกับนางเหมือนเป็นหมาแมวไม่ได้นะ นางไม่ยอม”
“ทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อเธอมันก็ไม่ต่างกับสัตว์เลี้ยงของฉัน ฉันเอาเงินซื้อเธอมา”
ชินานางเจ็บใจ เสี่ยจิวไม่สน ลุกหนี เรียกลูกน้อง
“เอาตัวชินานางไปที่ห้อง”
ลูกน้องเข้ามาจับ ชินานางดิ้นรนขัดขืน
“ไม่ อย่ามายุ่งกับฉัน ไอ้พวกขี้ข้า ปล่อยฉัน”
ชินานางดิ้นหนีสุดแรงเกิด แต่สุดท้ายก็โดนลากออกไป เสี่ยจิวมองตามอย่างสมเพชเวทนา
เทศราชปิดตาพาตรีประดับเดินเข้ามาในมุมแสนโรแมนติกที่เตรียมไว้ แล้วจึงเปิดตาออก ตรีประดับมองฉงนฉงาย
“นี่มันโอกาสอะไรคะเทศ”
“โอกาสที่เรารอคอยมานานไง”
ตรีประดับมองฉงน
“ตรี เรารู้ว่ามันอาจจะเร็วเกินไปสำหรับตรี แต่เรา.. ไม่อยากรอจนกระทั่งต้องสูญเสียตรีไปให้ใครอีกแล้ว ที่ผ่านมาเราช้ามาตลอด ช้าเกินไปด้วยซ้ำ ตรี...”
เทศราชค่อยๆ คุกเข่าลง หยิบแหวนออกมายื่นขึ้นให้ขอแต่งงาน ตรีประดับตกใจ
“แต่งงานกับเรานะ”
“เทศ แน่ใจเหรอ เทศแน่ใจในตัวตรีแล้วใช่มั้ย”
“แน่ใจที่สุด” เทศราชจับมือตรีประดับมากุม “เราอยากใช้ชีวิตร่วมกับตรี เราไม่อยากให้เวลาล่วงเลยไปอีก”
“แล้วครอบครัวเทศเขาจะยอมรับได้เหรอคะ ที่ตรีเป็นแม่หม่าย”
เทศราชยิ้มชื่น “เราเชื่อว่าความรักของเราจะทำให้พวกเขาเปิดใจรับทุกสิ่งของตรีได้ และวันนี้แม่เราก็รับรู้แล้วว่าเราจะขอใช้ชีวิตร่วมกับตรี แล้วตรีล่ะ ตรีจะอยู่กับเทศไปตลอดได้มั้ย”
ตรีประดับมองเทศราชอย่างตะลึง
“ให้เราได้ทำหน้าที่ดูแลตรีไปตลอดชีวิตนะ”
ตรีประดับยิ่งตะลึงอยู่อย่างนั้น
“เราไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าเราจะให้ความสุขตรีได้มากแค่ไหน แต่มีสิ่งนึงที่ตรีแน่ใจได้ นั่นก็คือเราจะไม่ทำให้ตรีต้องเสียใจ เราจะไม่ทำให้ตรีต้องร้องไห้นะ”
ตรีประดับน้ำตาคลอ พยักหน้ารับอย่างเต็มตื้น
“ตกลงค่ะ เราจะต่อสู้ไปด้วยกันนะเทศ”
เทศราชดีใจสวมแหวนให้ แล้วยืนขึ้นดึงตรีประดับมาสวมกอดเต็มรัก ทั้งสองก็บรรจงจูบกันอย่างดูดดื่ม
พัดชาเข้ากองถ่ายแต่เช้า เห็นทีมงานกำลังรุมมุงดูอะไรกันอยู่ จึงเดินตรงเข้าไปทักทาย
“สวัสดีค่ะ ทำอะไรกันอยู่คะพี่ๆ”
พวกทีมงานหันมามองพัดชาด้วยสายตาแปลกไป ก่อนจะขยับตัวออกเผยให้เห็นที่มุงกันอยู่นั้นกำลังดูการแถลงข่าวของสิงคารพร้อมกับผู้บริหารช่อง8 ในทีวี
“หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นที่กองถ่ายเมื่อวานนี้ คุณชินานางกับคุณพัดชายังจะร่วมงานกันต่อไปได้ไหมคะคุณสิงคาร”
สิงคารสบตากับผู้บริหารอย่างลำบากใจ แล้วให้สัมภาษณ์ไปว่า
“สำหรับเรื่องนี้ บทของคุณชินานางถ่ายทำหมดแล้วครับ ส่วนคุณพัดชาเองก็ขอถอนตัวออกจากโปรเจกต์เมื่อเช้านี้ เพื่อแสดงความรับผิดชอบ แต่ผมคิดว่าทั้งสองท่านเป็นมืออาชีพ ในอนาคตคงจะร่วมงานกันได้ครับ”
พัดชาตะลึงตะไล ช็อกที่รู้ว่าตัวเองโดนถอด
ในขณะที่สิงคารกลับมาที่กองถ่ายด้วยหน้าตาอันเครียดเคร่ง พัดชาดักรออยู่ลากแขนเข้ามาในมุมลับตา“มันยังไงกันคะคุณสิงคาร พัดไม่ได้ถอนตัวนะคะ”
“ผมรู้ แต่ทางช่องอยากให้คุณอยู่นิ่งๆ ไว้ก่อน เพราะตอนนี้กระแสข่าวมันแรง”
“แต่พัดไม่ผิดอะไรนะคะ พัดถูกกระทำ ทุกคนก็เห็น”
“แต่ข้อหาที่คุณชินานางกล่าวหาคุณมันแรง คุณพร้อมที่จะตอบคำถามพวกนั้นจากนักข่าวที่มาเฝ้ากองเหรอ”
พัดชาอึ้งไป สิงคารปลอบโยน
“เชื่อผมเถอะพัดชา คุณอยู่เฉยๆ ไปก่อน ที่จริงบทเรื่องนี้มันก็ไม่มีอะไร คุณเก็บตัวไว้ก่อน ค่อยรอลงเรื่องใหม่ดีกว่านา”
“แล้วเมื่อไรล่ะคะ”
สิงคารนิ่ง ทำหน้าหนักใจ
“ไม่รู้เหมือนกัน คงต้องแล้วตาทางช่อง แล้วผมจะติดต่อไปนะ”
จากนั้นสิงคารก็ไปทำงานต่อ ทิ้งให้พัดชายืนอึ้ง ผิดหวัง สุดท้ายสิงคารก็ไม่ได้มีอำนาจมากพอที่จะช่วยอะไรตัวเองได้
พัดชาแวะมาหาพยางค์ที่ออฟฟิศโรงพิมพ์หวังจะให้ช่วยเหลือ รอจนเห็นพยางค์เดินคุยกับลูกน้องลงบันไดมาจึงหลบมุมดู ด้วยไม่กล้าเข้าไปหา
ลูกน้องนักข่าวยื่นซองให้พยางค์
“ข้อมูลเด็กพัดชาครับ นี่ครับ เผื่อ บ.ก. จะได้รู้ไว้บ้าง”
พยางค์รับไปแล้ว หยิบเอกสารออกมาเปิดอ่านแล้วถึงกับตาโต พัดชาใจไม่ดีเอาเลย
ทางด้านตรีประดับกับเทศราชพากันมาที่บ้านสวน เพื่อบอกกล่าวผู้ใหญ่เรื่องตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน สองคนก้มลงไหว้ภูมิกับแววที่ศาลาริมน้ำบ้านสวน
“ลูกทั้งสองคนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถ้าตัดสินใจถ้วนถี่ว่าจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน พ่อก็ไม่ขัดข้อง” ภูมิยิ้มแย้มสุขใจ
“แม่ก็เหมือนกัน ขออวยพรให้ลูกทั้งสองมีความสุข ฝากตรีด้วยนะจ๊ะเทศ”
“ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะครับที่เข้าใจพวกเรา เราอยากใช้ชีวิตร่วมกันโดยไม่มีข้อกฎหมายใดๆ มากำหนด ผมกับตรีจะใช้ความรักเป็นตัวกำหนดชีวิตรักของเราครับ”
เทศราชก้มกราบอีก แววลูบหัวเทศราชอย่างเอ็นดูแล้วดึงตัวมากอด ตรีประดับกราบแล้วโผเข้าไปกอดตาม
“ตาเทศรอลูกมาเนิ่นนาน มันถึงเวลาแล้วลูก ต่อไปนี้จะไม่มีเงาของใครมาบังตาตาเทศของพ่ออีกแล้ว”
ภูมิบอกลูกสาว จากนั้นทั้งสี่คนต่างสวมกอดกันเป็นภาพครอบครัวแสนมีความสุข
ถัดมาแววกำลังเตรียมทำเมนูอาหารโปรดของตรีประดับ เทศราชมาช่วยและตั้งใจฟังเรียนรู้ ตรีประดับมองยิ้มชื่น สองคนหยอกล้อกัน สักพักโทรศัพท์มือถือดังขึ้นตรีประดับหยิบมาดู เห็นเบอร์แปลกๆ แต่ก็กดรับ
“ใช่เบอร์คุณตรีประดับหรือเปล่าครับ” เป็นเสียงอนิลโทร.มา
“ใช่ค่ะ จากไหนครับ”
“ผมเป็นน้องพี่พยส ตอนนี้พี่พยสอยู่โรงพยาบาล”
ตรีประดับตกใจสีหน้าเป็นกังวล เทศราชแปลกใจหันมามอง
“มีอะไรหรือตรี”
“โทรศัพท์ด่วนเรื่องงานจ้ะ”
ตรีประดับอึกอัก สีหน้ากังวลเป็นห่วงพยส
อนิลนั่งเฝ้าพยสอยู่ข้างเตียง พอเห็นตรีประดับเดินมา ก็รีบลุกขึ้น ยกมือไหว้
“ผมชื่ออนิลครับ เป็นน้องพี่ยสที่โทรไปหาคุณตรี”
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมพยสต้องกินยานอนหลับเกินขนาด”
“พี่ยสเครียดมากครับ ที่บริษัทกำลังมีปัญหา เพราะลูกค้าที่เป็นเพื่อนเสี่ยจิวยกเลิกสัญญาธุรกิจกันหมด แล้วเสี่ยจิวก็ปล่อยข่าวทำลายชื่อเสียงพี่ยสไปทั่ว”
ตรีประดับมองพยสอย่างเห็นใจ
“นี่แสดงว่าที่พยสเจ็บตัวขนาดนั้นเพราะมีเรื่องกับเสี่ยจิวมา เรื่องคุณชินานางเหรอคะ”
“ครับ ผมเป็นลูกน้องเสี่ยยังช่วยพี่ตัวเองไม่ได้เลย”
“แล้วอาการเขาตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
“ปลอดภัยแล้วครับ” อนิลทำเป็นดูนาฬิกา “แต่ผมต้องรีบกลับไปทำงานก่อน ฝากคุณตรีดูแลพี่ยสด้วยนะครับ”
“อ้าว เดี๋ยวสิ”
อนิลรีบแจ้นออกไปโดยไม่ฟังเสียง ตรีประดับเซ็ง ที่พี่น้องพยสเอาแต่โยนภาระมาให้ เลยต้องนั่งเฝ้าแทน สักพักพยสค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามอง เห็นตรีประดับ ก็ยิ้มอ่อนแรง
“ตรีมาเยี่ยมผมแล้ว ขอบคุณนะครับ”
พยสพยายามจับมือตรีประดับมาจูบ แต่ท่าทางไม่ค่อยมีแรง ตรีประดับเห็นแล้วก็สงสารใจอ่อนอีกตามประสา
เสี่ยจิวเดินเข้ามาที่บริษัทพร้อมกับลูกน้อง กำลังจะเข้าห้องทำงาน แต่ลูกน้องเหลือบไปเห็นคนมารอพบ
“เสี่ยครับ”
เสี่ยจิวหยุดหันไปมอง เห็นพัดชาลุกขึ้นแบกสีหน้าโศกศัลย์ทุกข์ล้นชีวิต เดินมาหา
“อ้าว หนูพัดชา มาหาฉันถึงที่นี่ มีอะไรหรือเปล่า”
พัดชามองหน้าเสี่ย แล้วจู่ๆ ก็ปล่อยน้ำตาออกมาร้องไห้โฮ เสี่ยตกใจถามไถ่
“หนูพัดชา หนูเป็นอะไร”
พัดชาส่ายหน้าไม่ตอบ เอาแต่ร้องไห้ สุดท้ายซบลงกับอกเสี่ยจิวหวังเป็นที่พึ่งพิง
พัดชานั่งก้มหน้าก้มตาทำท่าจะร้องไห้อยู่ในห้องทำงานเสี่ยจิว จนเสี่ยเดินมานั่งข้างๆ ยื่นไวน์มาให้ดื่ม
“ดื่มซักหน่อย จะได้รู้สึกดีขึ้น”
“พัดได้ข่าวว่าทางบริษัทเปลี่ยนตัวพัดออกจากละครใช่ไหมคะ”
เสี่ยหนักใจ “มันเป็นคำสั่งของทางช่อง ฉันเองก็จนปัญญาจะคัดค้าน”
“แต่มันไม่ใช่ความผิดพัดเลย พัดถูกคุณชินานางทำร้าย แล้วยังโดนผู้ใหญ่ซ้ำเติมอีก พัดเข้ามาในวงการด้วยความตั้งใจที่จะเป็นนักแสดงจริงๆ นะคะเสี่ย แต่ทำไมอนาคตพัดต้องมืดมนด้วยฝีมือคนอื่นด้วย”
พัดชาร้องไห้พรั่งพรูออกมาอีก
“โธ่ หนูพัด”
พัดชาช้อนสายตขึ้นมองหน้าเสี่ย แววตาเว้าวอน พูดอ้อนวอน
“เสี่ยช่วยพัดด้วยนะคะ จะให้พัดทำยังไงพัดก็ยอมทุกอย่าง”
เสี่ยจิวนิ่งไป เห็นสายตาท่าทางพัดชาก็พอจะเข้าใจความหมาย แต่ทำเป็นยิ้มใจดีหยิบทิชชู่ใช้
“หนูพัดหยุดร้องไห้ก่อนนะ แล้วเดี๋ยวเราไปหาอะไรทานให้อารมณ์ดีๆ ค่อยช่วยกันคิดหาทางออก”
พัดชาสะอึกสะอื้นเช็ดน้ำตาป้อยๆ เสี่ยจิวยิ้มหื่น ชูชันเต็มที่
ในขณะที่เทศราชกำลังง่วนอยู่ในครัว เสียงมือถือดังขึ้น เทศราชกดเสียงรับสาย มือวุ่นวายกับการคนแกงในหม้อ
“ว่าไงวะพสุ อะไรนะ ไปทำข่าวเหรอ แกโทร.หาน้องที่ออฟฟิศฉันเลย วันนี้ฉันไม่ได้จริงๆ ว่ะ กำลังทำดินเนอร์เซอร์ไพรส์ตรี ใช่ อุตส่าห์ไปหัดทำของโปรดตรีมาจากคุณแม่ยายเชียวนะโว้ย คราวหน้าแล้วกันนะเพื่อน”
เทศราชวางสายแล้วหันมาคนต้มในหม้อต่อ ตักชิม แล้วพยักหน้าพอใจ รีบปิดไฟ หันมาเตรียมอาหารอีกอย่าง แล้วนึกได้ หยิบโทรศัพท์มาโทรหาตรี แต่ได้ยินสัญญาณว่าตรีประดับปิดเครื่อง
เทศราชชะงักไปเล็กน้อยที่ติดต่อตรีประดับไม่ได้ แต่ไม่ได้คิดอะไร รีบทำกับข้าวต่อ คิดว่ายังไงตรีประดับก็คงกลับมากินข้าวที่บ้าน
ฝ่ายตรีประดับดูแลพยสอยู่ที่โรงพยาบาล
“ดูสภาพคุณตอนนี้ซิยส ทั้งตัวของคุณมีส่วนไหนที่ปกติดีบ้างมั้ย”
“คุณคงสมน้ำหน้าผม ผมไม่มีใครแล้วไงตรี ผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว หน้าที่การงานผมย่ำแย่ พี่น้องไม่มีใครสนใจ แม้กระทั่งคุณก็ไม่แยแส”
“คุณก็ต้องต่อสู้กับมันไปให้ได้ ทำอะไรคิดถึงอนาคตสิคะ”
“อนาคตของผมมีแต่คิดถึงคุณ เมื่อไม่มีคุณผมก็ไม่มี อะไรจะเหลืออีกแล้วตรี”
ตรีประดับถอนใจ คุยกับพยสไม่รู้เรื่อง ตรีประดับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“ตรีจะโทร.ไปบอกพี่บุพกับน้องอร ให้มาช่วยดูคุณ”
ตรีประดับจะกดโทรศัพท์
“ไม่ต้องโทร.หาใครทั้งนั้น”
จังหวะนั้นพยสเห็นแหวนที่นิ้วตรีประดับ จึงคว้าโทรศัพท์มาปิดเครื่องไปเลย ถามด้วยน้ำเสียงระแวง
“ตรีสวมแหวน ของไอ้เทศเหรอ
ตรีประดับจ้องหน้าตอบย้ำ “ค่ะ เราตกลงจะใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว”
พยสอึ้งไป หน้าเศร้าลง
“ตรีรักไอ้เทศมันเหรอ ถึงจะใช้ชีวิตกับมัน คุณแน่ใจว่าคุณรักมัน”
“ค่ะ ตรีแน่ใจ ตรีรักเขา”
พยสสลดยิ่งกว่าเก่า
“คุณก็ปลอดภัยดีแล้ว งั้นตรีกลับก่อนดีกว่านะคะ เผื่อว่าคุณจะได้ตั้งสติคิดเรื่องที่ตัวเองควรคิดด้วย”
ตรีประดับจะออกไป พยสรู้ดีว่าโอกาสของตนแทบไม่เหลือแล้ว
“ตรี ผมขอโทษ ผมรู้ที่ผ่านมาผมทำคุณเจ็บมามาก คุณคงรังเกียจผมซะเต็มประดา แต่คุณช่วยยกโทษให้ผมเถอะ ตอนนี้ผมไม่เหลือใครอีกแล้ว มีคุณเท่านั้นที่จะเป็นเพื่อนทุกข์ผมได้ ผมขอแค่ความเป็นเพื่อนจากคุณ จะได้มั้ยตรี”
ตรีประดับใจอ่อนยวบ
“อยู่เป็นเพื่อนผมก่อนนะ ผมขอแค่นี้ เพราะต่อไปนี้ผมก็คงไม่มีโอกาสในตัวคุณอีกแล้ว จริงมั้ย”
ตรีประดับยอมกลับมานั่งลง พยสยิ้มดีใจ
“ถ้าจะเป็นเพื่อนกัน ตั้งแต่นี้อย่าพูดถึงเรื่องอดีตของเราอีกนะคะ ตรีให้ยสได้แค่ความเป็นเพื่อนเท่านั้น”
พยสเจ็บจี๊ด แต่จังหวะนี้ต้องจำยอมฝืนยิ้มรับ
“ครับ ผมขอแค่ที่เราเป็นอยู่นี้ก็พอ”
ตรีประดับเปิดประตูบ้านเข้ามาตอนค่ำ เห็นเทศราชนั่งหงอยอยู่ที่โต๊ะกินข้าว ก็ใจหาย
“เทศ ยังไม่ทานข้าวอีกเหรอ”
เทศราชซึม “เรารอตรีให้กลับมาทานด้วยกัน แต่โทรหาไม่ติด”
ตรีประดับรู้สึกผิด มองเห็นอาหารโปรดเต็มโต๊ะ
“ตรีแบตหมด ไม่งั้นจะโทร.มาบอกเทศว่าไม่ต้องรอ ขอโทษนะ”
“นั่นสิ ถ้ารู้เราจะได้ไม่ต้องทำ”
ตรีประดับมองอาหารบนโต๊ะถึงกับอึ้งไป
“นี่เทศทำเองหมดเลยเหรอ”
“เราโทร.ไปหาแม่ตรี ถามเรื่องเมนูที่ตรีอยากกิน ตั้งใจทำเต็มที่เลยนะ แต่ช่างมันเถอะ เก็บไว้กินพรุ่งนี้ก็ได้”
เทศราชเซ็งๆ เดินไปเก็บอาหารจะใส่ตู้กับข้าว แต่ตรีประดับแย่งไว้
“ไม่ ตรีจะกิน ตรีหิว เทศก็ยังไม่ได้กินนี่ มากินด้วยกันดีกว่า” ตรีประดับแกล้งเอามือกุมท้อง “อุ๊ย อยู่ๆ ตรีก็ท้องร้องขึ้นมาเลย เทศนั่งรอนะจ๊ะ เดี๋ยวตรีอุ่นกับข้าวแป๊บเดียว”
ตรีประดับจับเทศราชนั่งลง แล้วรีบยกกับข้าวไปอุ่น ท่าทางกระฉับกระเฉง
เทศราชมองเห็นตรีประดับง่วนกับการจัดเตรียมอาหารใหม่อีกรอบก็อารมณ์ดีขึ้น
ฝ่ายอนิลนั่งอยู่ข้างๆ พยสที่สภาพแย่มาก
“ทำไมพี่ต้องลงทุนกินยากับเมียเก่าขนาดนี้เนี่ย”
“เจ็บครั้งที่แล้วมันยังไม่พอ เจ็บคราวนี้อาจจะเรียกคะแนนสงสารจากตรีเขาได้ ยังไงก็ขอบใจแกมากที่ช่วยฉัน”
“ไม่เป็นไรพี่ เรื่องแค่นี้ แต่เรื่องเสี่ยนี่สิ ผมว่าพี่ไม่น่ารอดแน่”
“แกหมายความว่ายังไง”
“มันจะให้คนตามมาเล่นงานพี่อีก ส่วนคุณชินานางก็ตกกระป๋องไปเรียบร้อยแล้ว”
“ฉันต้องทำยังไงกับมันดีเนี่ย”
“พี่ดันไปเล่นกับเสี่ยเขา เขาร้ายมาก อิทธิพลก็เยอะ ผมว่าพี่หลบไปอยู่ที่ไหนสักพักก่อนก็ได้นะ เรื่องเงียบๆ ค่อยกลับมา”
พยสคิดหนักเอายังไงดี
“แกรู้เรื่องธุรกิจมืดของเสี่ยหมดใช่มั้ย”
“รู้สิ พี่จะทำไมเหรอ”
พยสยิ้มร้ายไม่ยอมตอบน้องชาย มีแผนจัดการเสี่ยจิวแล้ว
พัดชากับเสี่ยจิวอยู่ด้วยกันในรถ พัดชาทำเป็นเล่นจริตจะก้านเอียงอาย
“ขึ้นไปกินกาแฟบนห้องฉันก่อนนะ เราจะได้คุยกันต่อเรื่องงาน”
เสี่ยมมองตาเชื่อมพัดชาทำเป็นหลบตา
“พัดอยู่ได้ไม่นานนะ”
“ตามใจสิ อยากกลับตอนไหนก็ได้ เดี๋ยวจะให้รถไปส่ง” เสี่ยส่งกุญแจให้ “ถ้ากลัวคนเห็นก็ขึ้นไปก่อน เดี๋ยวอีกซักพักฉันจะตามไป”
พัดชารับกุญแจมาอย่างว่าง่าย ยิ้มให้เสี่ยแล้วลงจากรถแต่โดยดี
เสี่ยจิวยิ้มกริ่ม รู้ดีว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น
พัดชาไขกุญแจ พาตัวเองเข้ามาในคอนโด มองดูสภาพอันหรูหราของห้องแล้วพอใจมาก เที่ยวเดินสำรวจมุมต่างๆ ของคอนโด ห้องนั้นห้องนี้ จนจบที่เปิดประตูออกดูวิวตรงระเบียง ชมแสงสีของตึกรามบ้านช่องกรุงเทพฯ
พัดชาหันกลับไปมองภายในห้องอีกครั้ง พอใจกับห้องนี้อยากได้เป็นเจ้าของ หยิบมือถือออกมาเซลฟี่ตัวเองติดวิวด้านหลัง แล้วอัพลงไอจีทันที
ฝ่ายชินานางเดินวนไปมาในห้อง อยากจะออกไปข้างนอกก็โดนล็อกจากข้างใน ได้แต่เคาะ
“นี่ ฉันรู้นะว่าเสี่ยไม่อยู่บ้าน เปิดประตูให้ฉันออกไปสูดอากาศข้างนอกบ้างไม่ได้หรือไง ซักครึ่งชั่วโมงก็ยังดี”
ชินานางทุบๆ ประตู แต่ไม่มีเสียงตอบ
“เดี๋ยวฉันให้ค่าปิดปากแกก็ได้เอ้า”
ชินานางสอดแบงก์พันออกไปนอกประตู หวังว่าจะลูกน้องเสี่ยจะเปิดให้ แต่ปรากฏข้างนอกสอดแบงค์พันกลับคืนมา ไม่ยอมรับเงิน
“ไอ้พวกโง่”
ชินานางโมโหสุดขีดเดินกระฟัดกระเฟียดกลับมากลิ้งบนเตียงต่อ หยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดไอจีดูเล่น ไล่ๆ รูปมาจนถึงรูปหนึ่งก็หยุดชะงัก
เมื่อเห็นรูปพัดชาโพสต์วิวจากระเบียงห้องนอน พร้อมแคปชั่น “จงบินสูงให้เหมือนกับนก”
ชินานางเพ่งมองดูรูปขยายดูอย่างคุ้นตา แล้วเอะใจ
“นี่มันระเบียงห้องฉันนี่” ชินางนางนิ่งคิด ตาวาววับ “อีพัดชา”
ฟากตรีประดับนอนหนุนแขนเทศราชอยู่บนเตียงในห้อง สักครู่หนึ่งเทศราชหอมแก้มแล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำ
“ไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวไปเข้างานสาย”
ตรีประดับพยักหน้ารับเอาคำ เทศราชหอมอีกฟอดแล้วเข้าห้องน้ำไป มีโทรศัพท์เข้า เป็นสายจากพยส ตรีกังวลกงวลนิดๆ สุดท้ายก็รับสาย
“ว่ายังไงคะ”
ตรีประดับมองไปทางห้องน้ำอย่างชั่งใจ สุดท้ายตัดสินใจไม่บอกเทศราช
บุรุษพยาบาลเข็นเตียงพยสออกมาจากห้องตรวจ ตรีประดับรีบเดินตามออกมา เตรียมจะกลับคอนโด จากอีกมุมหนึ่งภิรติจ่ายค่ายาอยู่ หันมาเห็นตรีประดับเดินตามเตียงรถเข็นที่มีผู้ชายคนหนึ่งนอนอยู่ ก็สงสัย
“ตรีประดับ มาดูแลใครเนี่ย ผู้ชายซะด้วย”
ภิรตีวิ่งตามมาดูใกล้ๆ เห็นตรีประดับเข้าลิฟต์ไปพร้อมกับพยส เงยหน้ามองดูไฟบอกตัวเลขชั้น เห็นไฟเลื่อนตามชั้นขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วยุดนิ่งยาวนานที่ชั้นหนึ่ง ภิรตีมีสีหน้ามุ่งมั่นมาดหมายว่าต้องรู้ให้ได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร
หลังไฟรักมอดดับลงไป พัดชากับเสี่ยจิวยังคงนอนกอดกันอยู่บนเตียง จู่ๆ มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เสี่ยครับ เสี่ย”
เสี่ยจิวลุกขึ้นไปเปิดประตู ท่าทางหงุดหงิดมาก
“อะไรของเอ็ง บอกแล้วไงถ้าไม่เรียกไม่ต้องขึ้นมา”
ลูกน้องลนลานใหญ่ “เสี่ยเปิดทีวีเถอะครับ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
พัดชาแต่งตัวตามออกมาจากห้อง เห็นลูกน้องก็งง เสี่ยจิวแปลกใจเดินไปกดรีโมทเปิดทีวี
เป็นภาพตำรวจบุกทลายโรงแรมเจ๊ไก่ นักข่าวช่อง 8 รายงานฉอดๆ
“เช้ามืดวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังบุกเข้าตรวจค้นโรงแรมนิวตัน ซึ่งเป็นธุรกิจของนายจิระ ลือพงศ์กิจ หรือเสี่ยจิว นักธุรกิจใหญ่ หลังจากได้รับข้อมูลว่ามีการค้าประเวณี นอกจากนี้ยังมีการนำกำลังอีกส่วนเข้าตรวจค้นบ้านพักเพื่อหาหลักฐานการประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย หลังจากได้รับข้อมูลเป็นเอกสารจากพลเมืองดีที่ส่งมายังเจ้าหน้าที่สอบสวนกลาง”
เสี่ยจิวตกใจ “เฮ้ย อะไรวะเนี่ย”
“เสี่ยรีบหนีเถอะครับ เพราะตำรวจจะต้องตามมาที่นี่แน่ๆ”
เสี่ยจิวปราดเข้าห้องไปเปลี่ยนชุด พัดชายังยืนบื้องุนงงอยู่
“มีอะไรกันคะเสี่ย”
“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้ รีบแต่งตัวเร็วเข้า”
เสี่ยจิวลากพัดชาเข้าห้องไปด้วย
ใม่นานต่อมา เสี่ยจิว และลูกน้องอีก สองคนพากันหนีลงมายังลานจอดรถ ท่าทีระแวดระวัง พัดชางงไม่หาย
“เสี่ย ทำไมต้องหนี เสี่ยทำอะไรผิดหรือเปล่า”
“มันไม่เกี่ยวกับเธอ” เสี่ยจิวลุกลี้ลุกลน เปิดกระเป๋ายกเงินให้ปึกใหญ่ “เราแยกกันตรงนี้ แล้วปิดปากให้สนิทว่าไม่รู้ไม่เห็น ไม่ได้พบฉัน เข้าใจไหม”
“แต่เสี่ยคะ แล้วเรื่องละคร...”
“โธ่เว๊ย จะมาห่วงเล่นละครอะไรอีก เอาตรงนี้ให้รอดก่อนสิวะ”
เสี่ยจิวหงุดหงิดตวาดใส่ พัดชาผิดหวัง กอรปกับชักเริ่มกลัวๆ ที่เห็นท่าทีแปลกๆ พยักหน้ารับแล้วคว้าเงินมา จะแยกไป แต่ทันใดนั้นชินานางก็ปราดมาขวางหน้าพัดชาไว้
“ได้เงินแล้วก็จะชิ่งเลยเหรอพัดชา แกนี่มันสันดานโสเภณีแท้ๆ”
เสี่ยจิว พัดชา ลูกน้องตกใจ
“ชินานาง”
“ไม่ต้องแปลกใจนะคะเสี่ยว่านางมาได้ยังไง ก็ลูกน้องเสี่ยมันหนีเตลิดไปหมดแล้วไง” ชินานางยิ้มเยาะสะใจ “นางก็เลยต้องลงมาเปิดประตูต้อนรับตำรวจด้วยตัวเอง เอกสารอะไรที่เขาอยากได้ นางก็ให้เขาไปหมดแล้ว”
เสี่ยจิวคำราม “แก อีงูพิษ”
“มันก็สาสมแล้วที่แกหักหลังฉัน คิดจะเขี่ยฉันทิ้ง มาเอานังเด็กใหม่แต่เครื่องในเก่าคนนี้ ! แกพามันมากกที่คอนโดฉัน มานอนทับรอยฉัน”
พัดชาตกใจ “นี่คอนโดคุณนางเหรอคะ”
“ใช่ รู้ไว้ด้วยว่านี่เป็นอีกอย่างที่แกแย่งไปจากฉัน แต่มันจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่แกจะได้ไป ถ้าฉันต้องสูญเสียทุกอย่าง พวกแกก็ต้องสูญเสียเหมือนกัน”
ชินานางควักปืนออกมา ทุกคนตกใจ พัดชาร้องวี๊ดถอยกรูดกลับไปหาเสี่ยจิว ที่ผวากลัวตัวสั่น หันไปสั่งลูกน้อง
“ทำอะไรกันอยู่วะ จัดการสิ”
พวกลูกน้องขยับ ชินานางยิงเปรี้ยงๆๆๆๆ ใส่ ทุกคนกระโดดหลบหนีตาย
“เข้ามาสิ เข้ามา”
ชินานางหัวเราะสะใจ ยิงใส่พัลวัน พวกลูกน้องเห็นท่าไม่ดี ตัดสินใจวิ่งหนีเอาตัวรอดไป
“เฮ้ย”
เสี่ยจิวตกใจเมื่อลูกน้องวิ่งหนีทิ้งไปหมด ชินานางหัวเราะขำ
“สะใจจริงโว้ย เป็นยังไงเสี่ย ทีนี้เหลืออะไรบ้าง ทรัพย์สมบัติตำรวจก็มายึดไปหมดแล้ว ขี้ข้ารองมือรองเท้าก็ไม่เหลือซักคน เหลือแต่อีนี่”
ชินานางเล็งปืนไปหยุดที่พัดชา
“คุณชินานาง อย่านะคะ พัดไม่รู้ไม่เห็น”
“แกนี่แหละตัวดี ตัวทำลายทุกอย่าง ทำลายชีวิตทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับแก เสี่ยมันซวยที่ลากตัวกาลกิณีอย่างมันมาขึ้นเตียง แต่ก็สมน้ำหน้า กรรมกำลังจะตามสนองอยู่นี่ไงล่ะ”
ชินานางมัวแต่หันไปด่าพัดชา เอาปืนโบกไปมาอยู่ตรงหน้าพัดชา เสี่ยจิวจับตามองอยู่ พอเผลอก็ได้จังหวะเข้าชาร์จทันที
“เอาปืนมานี่”
เสี่ยจิวแย่งปืนไป ชินานางสู้ตายไม่ยอมปล่อย พลันเสียงปืนก็ดังเปรี้ยงขึ้นระหว่างที่ทั้งคู่แย่งปืนกันนั้นเอง เห็นเป็นเสี่ยจิวเอามือกุมท้องตัวเอง เลือดทะลักออกมามากมายน่ากลัว เสี่ยทรุดฮวบลง เบื้องแรกชินานางเองก็ตกใจเหมือนกัน แต่แล้วกลับหัวเราะออกมาอย่างคนจิตหลุดไม่กลัวอะไรแล้ว
พัดชาร้องกรี๊ดเมื่อเห็นเสี่ยจิวล้มลงขาดใจตายต่อหน้า รีบถอยหนี ชินานางปราดไปกระชากผมไว้ แล้วเอาปืนจ่อ
“ทีนี้ก็ถึงคราวของแก ไปปีนต้นงิ้วในนรก นังพัดชา”
พัดชาตาเหลือกลานดิ้นไม่หลุด ชินานางเอาปืนจ่อขมับแล้วลั่นไก ทว่ากระสุนหมดพอดี ชินานางตกใจ พัดชาสบช่องกระทืบเท้าเต็มแรงแล้วสะบัดตัวจะหนี ชินานางคว้าไว้ได้ กระชากจนล้มกันลงไปทั้งสองคน ชินางนางเอื้อมมือไปคว้าก้อนหินก้อนใหญ่ จะเอามาทุบหัวพัดชาแทน
“แกตาย”
เสียงไซเรนดังลั่นเข้ามา รถตำรวจพุ่งเข้าจอด แล้วกรูกันลงมาพอดี
“หยุด”
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
พัดชาหวีดร้องด้วยความหวาดกลัว ตำรวจกรูเข้ามาจับชินานางแยกออกไป
“ปล่อยฉัน ฉันจะฆ่ามัน มันต้องตายไปพร้อมกับไอ้เสี่ยจิว อีพัดชา แกต้องไปลงนรก”
อ่านต่อตอนที่ 23