ระบำไฟ ตอนที่ 21
ด้านตรีประดับพยายามแกะมือออก ไม่อยากรับฟังพยสพูดพล่าม
“พอเถอะพยส เลิกโทษคนอื่นได้แล้ว คุณเองนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุของทุกอย่าง”
“ถ้าผมเป็นต้นเหตุ แล้วคุณล่ะ”
ตรีประดับอึ้งนิ่งงันไป งงที่ถูกย้อน พยสกระชากร่างตรีประดับเข้ามาใกล้ ทั้งโกรธและเมา
“ตั้งแต่เราแต่งงานกัน คุณไม่เคยใส่ใจผม เวลาที่เราจะอยู่ด้วยกันตามลำพังแทบไม่มี พอผมพยายามจะแตะต้องคุณ คุณก็ทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวแบบนี้แหละ”
ตรีประดับเผลอตัวสะบัด พยสยิ่งจับแขนแน่น แต่สีหน้าอ้อนวอน
“ยอมรับเถอะตรี เราบกพร่องกันทั้งคู่ แต่ก็ยังมีโอกาสแก้ไข ให้โอกาสกันและกันใหม่อีกครั้งนะครับ ให้เราได้ดูแลกันมากกว่านี้นะตรี”
พยสดึงตรีประดับเข้ามากอด แล้วพรมจูบ
“พยส ไม่นะ ปล่อย”
พยสไม่ฟัง ยิ่งจูบหนักขึ้น ตรีประดับต้องออกแรงผลักอย่างแรง
พยสโกรธ “ตรี คุณหวงตัวกับผม แล้วไอ้เทศล่ะ ไปถึงไหนกันแล้ว”
ตรีประดับตบหน้าพยสเปรี้ยงทันที พยสเอามือลูบแก้มตัวเองอย่างเจ็บใจ
“ในเมื่อเราบกพร่องกันทั้งคู่อย่างที่คุณว่า ก็สมควรแล้วที่จะต้องจบกันแค่นี้ ยอมรับความจริงเถอะยส
ตรีประดับผลักพยสออก แล้ววิ่งออกจากศาลาไป
ตรีประดับวิ่งตึงๆ กลับขึ้นเรือนมา เทศราชรีบเปิดมุ้งออกมาหาอย่างเป็นห่วง
“มีอะไรหรือเปล่าตรี”
ตรีประดับชะงักกึก มองเทศราชอย่างรู้สึกผิด
“เปล่านี่”
“แล้วทำไมไปนานจัง หรือไอ้พยสมันวอแวอะไร”
“ก็ตามประสาเขานั่นแหละ ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้สร่างเมาก็คงกลับ เทศนอนเถอะ”
ตรีประดับยิ้มกลบเกลื่อนแล้วรีบเข้าห้องนอนไป เทศราชมองตามอย่างเป็นห่วง
ตรีประดับเข้าห้องนอนมา คำพูดแทงใจของพยสติดค้างอยู่ในหู
“ตั้งแต่เราแต่งงานกัน คุณไม่เคยใส่ใจผม เวลาที่เราจะอยู่ด้วยกันตามลำพังแทบไม่มี ! พอผมพยายามจะแตะต้องคุณ คุณก็ทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวแบบนี้แหละ”
ตรีประดับเริ่มสับสนขึ้นมาว่าหรือเพราะจริงๆ แล้วตัวเองก็มีส่วนผิดในเรื่องชีวิตคู่เหมือนกัน
รุ่งเช้า สิงคารนอนกกกอดก่ายเกยพัดชาอยู่บนเตียงด้วยอาการอ้อยอิ่ง ไม่รู้อิ่ม และไม่อยากลุกไปไหน ผิดกับพัดชา
“จะรีบไปไหน นอนต่อดีกว่าน่า”
“กองถ่ายนัดแปดโมงไม่ใช่หรือคะ”
“ผมเป็นผู้กำกับ ไปสายๆ หน่อยก็ได้ ให้มันเตรียมงานกันไปก่อน”
“แต่พัดเป็นนักแสดง ไปสายเดี๋ยวเขาจะว่าเอา”
“คุณไปกับผม ใครมันจะกล้าว่า”
สิงคารดึงพัดชามากอดหอม พัดชารีบเบี่ยงออก
“ไม่ได้นะคะ พัดยังไม่อยากเปิดตัวตอนนี้ คุณชินานางยิ่งไม่ชอบหน้าพัด พัดไม่อยากโดนเธอหาเรื่อง”
สิงคารทำหน้าขัดเคืองใจ พัดชารีบเข้าไปซุกตัวอ้อนเอาใจ
“แล้วพัดก็ไม่อยากให้ใครมาพูดว่าใช้คุณเป็นสะพานด้วย ขอเวลาให้พัดพิสูจน์ฝีมือจนได้เป็นนางเอกในจอของคุณก่อนนะคะ แล้วค่อยเปิดเผยเรื่องของเรา”
สิงคารพอใจมากขึ้น แต่ก็ยังไม่อยากปล่อยพัดชากลับบ้าน
“งั้นตอนนี้คุณเล่นบทนางเอกนอกจอให้ผมอีกซักเรื่องนะ”
สิงคารดึงพัดชาเข้ามานัวเนีย พัดชายินยอม
พยสเดินเข้าบ้านมา เห็นเทศราชกำลังเก็บมุ้งอยู่ก็หมั่นไส้ จนเทศราชหันมา
“นี่แกยังอยู่อีกเหรอวะไอ้ยส”
“แล้วทำไมฉันจะอยู่ไม่ได้ บ้านพ่อตาแม่ยายฉัน ทีแกคนนอกแท้ๆ ยังเสนอหน้า”
“อดีตพ่อตาแม่ยายของแกต่างหาก ! ตอนนี้เรามันก็คนนอกพอๆ กันนั่นแหละ”
พยสยิ้มเยาะ “แน่ใจเหรอ แต่ฉันว่าฉันยังมีหวังอยู่ว่ะ”
เทศราชชะงักไป พยสถือโอกาสคุยข่ม
“เมื่อคืนขนาดฉันเมาหมดสภาพ พ่อกับแม่ตรียังวุ่นวายหาเครื่องนอนไปให้ ตรีก็ต้องออกไปดูแลฉัน แกคิดว่าถ้าคนบ้านนี้ไม่เห็นหัวฉันแล้ว ฉันจะได้รับการดูแลขนาดนั้นเหรอวะ”
เทศราชเริ่มหวั่นไหว พยสเสี้ยมต่อ
“คนเป็นพ่อเป็นแม่ ไม่มีใครอยากเห็นลูกบ้านแตกโลกโว้ย ยิ่งลูกสาว ใครจะให้อยากให้เป็นแม่ม่าย สู้ลุ้นให้คืนดีกับลูกเขยที่มาตามง้อไม่ดีกว่าเหรอ”
“แต่ยังไงทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับตรี”
พยสยิ้มเยาะ “ก็นั่นสินะ ฉันถึงยังต้องปักหลักอยู่นี่ไง เมื่อคืนฉันก็คุยปรับความเข้าใจกับตรีจนดึก ท่าทางตรีก็อ่อนลงมากแล้ว”
เทศราชนิ่งคิดถึงภาพที่เห็นตรีประดับดูอึกอักมีพิรุธตอนตนถามเมื่อคืน เทศราชเป็นฝ่ายอึ้งบ้าง พยสรุกหนัก
“คุณพ่อคุณแม่ตรีท่านหัวโบราณ ถ้าต้องเลือกระหว่างให้ตรีมีสามีสองคน กับกลับไปคืนดีกับลูกเขยคนแรกที่พร้อมจะกลับตัว แกว่าพวกท่านจะเลือกใครวะ”
พยสยิ้มเย้ย ทำให้เทศราชตัวชา เริ่มไม่มั่นใจสถานะตัวเอง
ตรีประดับเดินลงมาจากชั้นบน เห็นพยสนั่งกินกาแฟสบายใจเฉิบยิ้มทักท่าทีสบายๆ
“กินกาแฟด้วยกันไหมครับตรี”
“เมื่อไรคุณจะกลับคะยส”
“จะรีบไล่ผมไปไหน เมื่อวานยังลงต้นไม้ไม่เสร็จไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวผมช่วยเอง เพราะไอ้เทศมันไม่อยู่แล้ว”
ตรีประดับตกใจ วิ่งออกไปดู พบว่าเทศราชไม่อยู่แล้วจึงรีบโทร.หา พยสหัวเราะชอบใจ
“ไม่ต้องรีบร้อนโทรก็ได้มั้งตรี ผมว่ามันคงยังไม่อยากคุยกับคุณเท่าไร”
“หมายความว่ายังไง” ตรีประดับเอะใจ “คุณไปบอกอะไรเทศ”
พยสทำเป็นยิ้มอมพะนำ ตรีประดับยิ่งร้อนใจ
“คุณไปพูดอะไรกับเทศ บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ”
พยสโกหกหน้าตาย “ผมก็แค่บอกว่าเมื่อคืนเราทำอะไรกัน พูดได้แค่นั้นมันก็ฉุน คว้ากุญแจรถแล้วก็ขับออกไปเลย”
“คุณนี่มันทุเรศที่สุด ยิ่งคุณทำแบบนี้ฉันก็ยิ่งรังเกียจ ออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว”
“ไม่ นอกจากคุณจะไปกับผมด้วย”
พยสคว้ามือตรีประดับ ตรีประดับสะบัด แต่ไม่หลุด
“กลับไปด้วยกันสิตรี ไปเริ่มต้นกันใหม่”
“ฉันบอกแล้วว่าไม่”
ตรีประดับคว้าแก้วกาแฟของพยสสาดใส่หน้า แววกับภูมิได้ยินเสียงรีบวิ่งเข้ามาดู เห็นเข้าก็ตกใจ
“ตรี อะไรกันลูก”
“เขาลวนลามตรีค่ะคุณพ่อ” ตรีประดับหันมาด่าพยส “คุณไม่มีสิทธิ์ทำกับฉันแบบนี้ ในเมื่อเราไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว”
“แต่ผมเป็นผัวคุณ”
แววโกรธจัด ปราดเข้ามาขวางตรีประดับไว้อย่างปกป้อง
“นี่ อย่ามาลำเลิกฐานะที่เธอไม่มีสิทธิ์แล้วนะ ทีตอนที่ตัวเองจะสำส่อน ทำไมไม่คิดบ้างว่ายายตรีเป็นเมีย! เธอเหยียบย่ำจิตใจลูกสาวฉันมากพอแล้ว ออกไปจากชีวิตยายตรีซักที”
พยสหันไปมองภูมิขอคะแนนสงสาร ภูมิได้แต่ทอดถอนใจแล้วส่ายหน้า ในที่สุดพยสก็ฮึดฮัดออกไป เพราะไม่มีใครเข้าข้างเลย
ที่กองละครพัดชาเดินท่องบทสีหน้าเคร่งเครียด สิงคารทำเป็นเดินสั่งงานลูกน้องผ่านไปมา
ทั้งสองแอบมองสบตากัน พัดชากลัวคนมองเลยเลี่ยงหนีไปอีกทาง สิงคารได้แต่มองตามตาละห้อย
ขณะที่พัดชาทำเป็นหลบๆ มาแถวที่จอดรถโอบี จู่ๆ ประตูก็เปิดออก สิงคารดึงตัวพัดชาเข้าไป
“ว้ายคุณสิงคาร”
“ชื่นใจ”
“ทำแบบนี้เดี๋ยวคนก็เห็นเข้าหรอกค่ะ”
“ใครจะมาเห็น ฉันไล่ให้มันไปกินข้าวกันหมดแล้ว”
สิงคารนัวเนียควักล้วง พัดชายอมพอเป็นพิธีแล้วผลักออก
“พอแล้วค่ะ เดี๋ยวชุดยับ”
“งั้นเสร็จงานแล้ว คุณต้องไม่ให้ชุดพวกนี้มากวนใจผมอีกนะ”
พัดชายิ้มยั่ว แล้วหอมแก้มสิงคาร ก่อนจะรีบลงจากรถ แล้วหันซ้ายขวาดูลาดเลา ก่อนจะเดินยิ้มจากไปด้วยความลำพองที่ยั่วสิงคารจนติด
พัดชากลับเข้ามาในห้องแต่งตัว เห็นชินานางนั่งอยู่ ช่างแต่งหน้าทำผมรีบเข้ามารุมเอาใจ
“น้องพัด มาแต่งหน้าทำผมได้แล้วค่ะ”
ชินานางหมั่นไส้ “แล้วฉันนั่งหัวโด่อยู่นี่ มีใครจะมาทำไหม สนใจกันอยู่ได้กะอีแค่ตัวประกอบ”
พวกช่างหน้าเจื่อนไป มองหน้าเกี่ยงกัน ก่อนจะแยกมาดูแลชินานางคนนึง
“ของพัดไม่ต้องทำอะไรมากก็เข้าฉากได้ค่ะ พวกพี่ไปดูแลคุณชินานางเถอะค่ะ น่าจะต้องแต่งอีกเยอะ”
พัดชาพูดยิ้มๆ ชินานางมองเห็นรอยยิ้มนั้นถึงกับลุกพรวด
“แกหมายความว่ายังไง นี่แกจะด่าว่าฉันโทรม ไม่สวยใสเหมือนแกงั้นเหรอ”
พัดชาทำเป็นหวาดกลัว สิงคารเดินเข้ามา
“อะไรกันคุณนาง มาถึงก็จะอาละวาดให้ผมปวดหัวเลยเหรอ วันนี้มีแต่ฉากยากๆ ทั้งนั้นเลยนะ อย่าหาเรื่องได้ไหม”
“แต่นังเด็กใหม่ของคุณมันปีนเกลียวนาง”
พัดชาแอ๊บใสซื่อ “พัดก็แค่บอกให้พี่ๆ ไปแต่งหน้าทำผมให้คุณนาง ส่วนพัดจะดูแลตัวเองเท่านั้นแหละค่ะ”
“เมือกี้แกไม่ได้พูดแบบนี้”
ชินานางปราดเข้าหาอีก สิงคารเข้าขวางอย่างไม่พอใจ
“พอได้แล้ว เก็บความดราม่าของคุณไว้เล่นในซีนบ้าง เดี๋ยวถ้าตอนถ่ายเล่นไม่ได้อย่างนี้ล่ะก็ ผมจะเจาะคุณคนเดียวซักห้าสิบเทค”
สิงคารดุแล้วเดินออกไป พัดชามองเย้ย แล้วตามออกไป ชินานางอึ้ง และก็เริ่มระแวงความสัมพันธ์ของทั้งคู่
ตรีประดับยืนกระวนกระวายกดออดอยู่หน้าประตู กลัวเทศราชจะเข้าใจผิดอะไร มีเสียงเปิดประตูจากด้านใน
“เทศ”
ตรีประดับชะงัก เมื่อพบว่าคนที่เปิดออกมาคือภิรตี ยกมือไหว้พลางบอก
“ตรีมาหาเทศค่ะ”
“แล้วเมื่อคืนมันไม่ได้กกอยู่กับเธอหรือไง”
ตรีประดับตอบไม่ถูก จะบอกว่าไปนอนที่บ้านก็กลัวน่าเกลียด ได้แต่อ้ำอึ้ง ภิรตีเลยด่าซ้ำ
“ทำหน้าอย่างนี้ แสดงว่านอนอยู่ด้วยกัน แต่ตอนเช้านายเทศมันคงจะหายไป” ภิรตียิ้มเยาะ “เธอต้องทำใจหน่อยนะ บางทีนายเทศมันอาจจะเห็นค่าเธอเป็นแค่เพื่อนนอนเท่านั้นแหละมั้ง อย่าเสียเวลาตามจิกเลย”
“มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะคะ เทศไปนอนค้างที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ตรี แต่เขา...เขามีปากเสียงกับอดีตสามีตรีนิดหน่อย ก็เลย...”
ภิรตีสวนออกมา “ต๊าย นี่ผัวเก่าเธอมารังควานน้องฉันเหรอ อะไรกัน จะจบหรือไม่จบยังไงอย่าเอาน้องฉันไปเกี่ยว เรื่องคาวๆ ส่วนตัวผัวเมียของเธอสิ”
ตรีประดับทำหน้ายุ่งยากใจ คร้านจะทะเลาะ รู้สึกยิ่งพูดก็ยิ่งเข้าใจผิดไปกันใหญ่
“เอาเป็นว่า ถ้าพี่พบเทศ ช่วยบอกเขาหน่อยนะคะว่าตรีอยากคุยด้วย ขอบคุณค่ะ”
ตรีประดับยกมือไหว้ แล้วเดินออกมา ภิรตีคุมแค้นตะโกนไล่หลัง
“เชอะ ทำเป็นเดินหนี กลัวฉันจะประจานใช่ไหมว่าเธอมันหญิงสองผัว แน่จริง กลับมาแก้ตัวกับฉันก่อนสิ”
ตรีประดับข่มอารมณ์ถึงขีดสุด รีบๆ เดินพาตัวเองเข้าลิฟต์ไป
ที่กองละครช่อง8 ชินานางสวมเสื้อผ้าที่ทีมงานจัดให้ แต่งสวยอยู่หน้ากระจก แต่พอเห็นพัดชาแต่งตัวออกมาจากห้องเปลี่ยนชุดก็ชะงัก มองตาขวาง
“ทำไมฉันถึงไม่ได้ใส่ชุดนั้น”
“อ้าว ก็คุณนางเลือกเองนี่คะว่าจะใส่ตัวนี้” คอสตูมชี้ตัวที่ชินานางใส่อยู่
“แต่ฉันไม่เห็นว่ามีชุดที่แม่นั่นใส่ด้วยนี่” ชินางนางเหล่มอง “มันเข้ากับคาแรกเตอร์ฉันมากกว่า”
“แต่คุณนางเล่นบทพี่สาวนะคะ”
“พี่สาวจะแต่งตัวเปรี้ยวกว่าน้องไม่ได้หรือไง ไปเอามา”
ทีมงานเลิ่กลั่กมองกัน พัดชาถอนใจ
“เดี๋ยวพัดเปลี่ยนให้ค่ะ”
พัดชาเดินกลับเข้าไปในห้อง ชินานางเบ้ปากสะใจ
ชินานางกับพัดชาเข้ามาในฉาก สิงคารมองพัดชาที่ใส่รองเท้าส้นเตี้ย ดูบ้านๆ
“ทีมงาน ทำไมให้พัดชาใส่รองเท้าแบบนี้ มันไม่สวย”
ชินานางหมั่นไส้ พอเห็นว่าสิงคารโวยวายเรื่องการแต่งตัวพัดชา แต่พัดชาแทรก
“พัดขอเองค่ะ เวลาเข้าฉากจะได้ไม่สูงโดดจากคนอื่น โดยเฉพาะคุณนาง” พัดชามองชินานางด้วยสายตาเยาะหยาม “ยังไงก็ถ่ายแค่ครึ่งตัวอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ”
สิงคารพยักหน้าไม่ว่าอะไร เข้ามาบล็อกคิว โดยมีชินานางมองสิงคารที่เข้ามาติวให้พัดชาอย่างขุ่นเคืองใจ
สิงคารเริ่มเดินกล้องถ่ายทำ เห็นชินานางในบทลิลลี่เดินกอดแขนพระเอกออดอ้อนเอาใจกันอยู่
“คุณอรัญขา ให้ลิลลี่ไปช่วยงานที่บริษัทเถอะนะคะ ลิลลี่จบเลขามาโดยตรง ไม่ใช่แค่เรียนพิมพ์ดีดป๊อกๆ แป๊กๆ มาเหมือนยายโรส” ชินางนางปรายตามองพัดชาที่รับบทโรส
“แต่คุณโรสทำงานกับผมมานาน คงไม่มีใครแทนที่ได้แล้วล่ะครับ”
พระเอกหันไปทำตาหวานใส่พัดชา แต่พอพัดชาจะพูดบทต่อ ชินานางก็แกล้งกรี๊ด กระทืบเท้า
“ลิลลี่จะไปฟ้องคุณพ่อ”
“คัต” สิงคารโวยวายเข้ามาในฉาก “อะไรกันคุณนาง พัดชายังไม่ได้พูดเลย นี่เราซ้อมกันหลายรอบแล้วนะ”
“ก็นางนึกว่าลืมบท เห็นมัวแต่อ้ำๆ อึ้งๆ มองหน้าพระเอกอยู่นั่นแหละ” ชินางนางจงใจด่า “ทำเหมือนคนไม่เคยเห็นผู้ชาย”
“พัดไม่ได้ลืมค่ะ แต่พัดคิดว่าตัวละครนี้น่าจะใช้ความคิดเยอะ ก่อนจะพูดอะไรออกมา”
ชินานางค้อนควักหมั่นไส้พัดชา หันไปพูดกับสิงคารว่า
“ที่จริงตัดบทพูดพัดชาไปเลยก็ไม่เห็นเป็นไรนี่คะคุณสิงคาร ตามคาแรกเตอร์ก็ต้องเป็นคนโง่ๆ ไม่ทันคนอยู่แล้ว”
“ไม่ คุณนั่นแหละ ถ้าไม่ทำตามบท ผมอาจจะต้องตัดออก” สิงคารเหลืออดแล้ว
“คุณสิงคาร”
สิงคารไม่สนใจเดินกลับไปที่มอนิเตอร์ต่อ ชินานางตาวาว เจ็บใจ
พัดชาเข้ามาด้วยท่าทางหวาดกลัว จนเห็นชินานางเดินถมึงทึงเข้ามา
“ต่อหน้าคุณอรัญแกทำเป็นสำออยอ่อนแอ เพราะแกจะยั่วเขาใช่ไหมนังโรส”
“เปล่านะคะ โรสไม่เคยยั่วใคร”
ชินานางกระชากตัวพัดชาเข้ามาเขย่าอย่างแรง
“อย่ามาสตอเบอรี่ ถ้าไม่ยั่วแล้วทำไมไม่อยู่ห่างๆ เขา ทำไม”
ชินานางเขย่าตัวพัดชาอย่างแรงจนหัวคลอน สิงคารกับผู้ช่วยฯ ดูอยู่ เริ่มผิดสังเกต
“คุณนางเล่นแรงไปหรือเปล่าพี่สิงคาร”
ชินานางยังเขย่าพัดชา บีบแขนแรงจนพัดชาเจ็บ ใกล้จะหลุดจากบท
“แกมันตัวมาร ถ้าไม่มีแก คุณอรัญก็จะต้องรักฉัน”
ชินานางจิกเล็บเข้าที่แขนพัดชา
“โอ๊ย”
“เจ็บเหรอ แค่นี้ฉันว่าแกไม่รู้สึกหรอก มันต้องอย่างนี้”
ชินานางพูดจบก็เงื้อมือตบหน้าพัดชาดังฉาด สิงคารตกใจ
“ไม่มีบทนี่หว่า คัต”
ชินานางไม่สนตามไปตบซ้ำอีก สิงคารกับทีมงานรีบเข้าไปห้าม
“หยุดเดี๋ยวนี้ คุณชินานาง”
สิงคารกับทีมงานแยกชินานางกับพัดชาออกมา ชินานางยังอารมณ์ค้างอินจัด
พัดชานั่งประคบน้ำแข็งที่แก้มข้างที่โดนตบ โดยมีทีมงานเฝ้าดูแลอยู่ ชินานางเดินโวยวายเข้ามา สิงคารตามหลัง
“คุณพูดเองไม่ใช่เหรอสิงคารว่าให้เอาอารมณ์มาใส่ในฉากให้เต็มที ฉันก็ทำแล้วไง”
“แต่ในบทมันไม่มีให้ต้องตบตีกันขนาดนั้น”
“นางไม่ได้ตั้งใจ แค่เล่นไปตามอารมณ์”
“งั้นอารมณ์คุณมันก็คงล้นเกินไปสำหรับละครเรื่องนี้ ผมจะไม่ยอมให้นักแสดงผมต้องเจ็บตัวเพราะคุณอีกแล้ว”
“ฮึ นักแสดงของผม” ชินางนางยิ้มเยาะ “ประกาศออกมาให้เต็มปากเต็มคำเลยสิว่ามันเป็นเมียเก็บของคุณ ปกป้องกันขนาดนี้แล้วก็ไม่ต้องทำเป็นแอ๊บ”
สิงคารทำไก๋ “พูดอะไร”
“ฉันกับทีมงานกองนี้รู้จักคุณดี ออกอาการแบบนี้ทีไรก็แปลว่ากำลังสมภารกำลังจะกินไก่วัด แล้วหน้าอย่างมันก็คงพร้อมจะยอมให้ลากไปกิน”
พัดชาแอ๊บใส “คุณชินานาง อย่าดูถูกพัดอีกเลยนะคะ เรื่องนี้พัดไม่เกี่ยว”
“ฉันดูถูก เพราะคนอย่างเธอมันดูไม่ยากไง หลักฐานความคาวมันเปรอะไปทั้งตัว ตอนเด็กๆ เธอคงขาดความอบอุ่น พ่อแม่ไม่รัก หรือไม่ก็ไม่มีทั้งพ่อทั้งแม่ เลยต้องวิ่งขอบริจาคไออุ่นจากผู้ชายไปทั่ว ไม่รู้ว่าผ่านมากี่สมรภูมิแล้ว”
พัดชาเจ็บจี๊ดโดนแทงใจดำ หันไปมองสายตาทีมงาน ทุกคนมองมาอย่างเคลือบแคลง เพราะคล้อยตามคำพูดชินานาง
ในที่สุดพัดชาก็ทนไม่ไหว อับอายสายตาทุกคน ผลุนผลันออกไปจากกองถ่ายทันที
กลางสายฝน พัดชาเดินออกมาอย่างไร้จุดหมาย นึกรังเกียจตัวเองเพราะคำพูดชินานางมาตอกย้ำหลุมดำในชีวิต ฝนปรอยตกลงมา แต่พัดชาไม่สนใจ เพราะสมองยังวนเวียนคิดถึงที่ชินานางด่า
“ฉันดูถูก เพราะคนอย่างเธอมันดูไม่ยากไง หลักฐานความคาวมันเปรอะไปทั้งตัว ตอนเด็กๆ เธอคงขาดความอบอุ่น พ่อแม่ไม่รัก หรือไม่ก็ไม่มีทั้งพ่อทั้งแม่ เลยต้องวิ่งขอบริจาคไออุ่นจากผู้ชายไปทั่ว ไม่รู้ว่าผ่านมากี่สมรภูมิแล้ว”
พัดชาสะท้อนใจ นึกถึงตอนถูกเดฟปล้ำขืนใจที่ญี่ปุ่น กระทั่งชิงฉัตรก็ปลุกปล้ำขืนใจตน
จนได้ครองกายพยสด้วยความรัก และต่อมาได้เสียกับสิงคารเพื่อแลกงาน
พัดชายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจตัวเอง ฝนตกหนักลงมาจนเปียกไปทั้งตัว พัดชาเดินไปก็เอามือถูเนื้อตัวของตัวเอง เหมือนพยายามจะล้างคาวให้หมด
ด้านเทศราชเดินถือกล้องออกมากับเพื่อนนักข่าวหลังงานเสร็จ แกะเมมจากกล้องส่งให้เพื่อน
“ฝากเอากลับที่โรงพิมพ์ด้วยนะเว้ย จะได้เอาลงเว็บคืนนี้เลย”
เพื่อนพยักหน้าแล้วแยกย้ายไป เทศราชขึ้นรถขับออกไปจากที่ตรงนั้นทันที
ในรถของเทศราชที่แล่นออกมาตามถนน ฝนตกหนาเม็ดแทบมองไม่เห็นทาง
จู่ๆ ผู้หญิงคนนึงก็พรวดพราดตัดหน้าแล้วล้มลงไป เทศราชรีบเบรกอย่างรวดเร็ว แล้วรีบลงไปดู
“คุณ”
เทศราชเข้าไปประคอง พอเห็นว่าเป็นพัดชาก็แปลกใจ
“พัดชา นี่เธอเองเหรอ”
พัดชามองหน้าเทศราชอย่างอัดอั้นตันใจ พอใจคนที่คุ้นเคยกันก็โผเข้ากอด ร้องไห้โฮ เทศราชอึ้งๆ แต่ก็ปล่อยให้พัดชากอดต่อไป
พัดชานั่งกอดตัวเองด้วยความหนาวอยู่ในห้องรับแขกคอนโดเทศราช เจ้าของห้องเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาส่งให้
“ขอบคุณมากนะคะ คุณเทศยังเป็นคนที่ดีกับพัดไม่เสื่อมคลายเลย”
เทศราชเดินไปนั่งอีกที่หนึ่ง พยายามไม่ไกล้พัดชามาก เพราะระวังตัว
“จะให้ผมโทร.ตามอาพยางค์ให้ไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ พัดขอหลบพายุซักครู่ แล้วก็จะไป”
“งั้นก็ตามสบายนะ”
พัดชามองออกไปนอกหน้าต่าง พบว่าสายฝนยังคงตกหนัก
“นึกถึงตอนที่อยู่ญี่ปุ่นนะคะ ตอนนั้นพัดก็เจอพายุปัญหาพัดใส่จนต้องหนีมา โชคดีที่ได้เจอกับคุณเทศ พัดถึงได้มีกำลังใจลุกขึ้น คราวนี้ก็มาเจอคุณเทศตอนชีวิตกำลังมีพายุอีกพอดี”
“คุณมีปัญหาอะไรอีกเหรอ”
พัดชาหลายเรื่องค่ะ คุณเทศอย่ารู้ดีกว่า จะได้ไม่ต้องรังเกียจพัดมากไปกว่านี้
“ผมไม่เคยรังเกียจคุณนะพัดชา ตรงกันข้าม ผมเป็นห่วงคุณด้วยซ้ำ ผมไม่อยากให้...” เทศราชพยายามคิดหาคำที่เหมาะสม “เพื่อนคนนึงที่ผมรู้จัก มีชีวิตที่ผิดพลาด หรือพบกับความผิดหวังซ้ำซาก ทั้งที่เขาควรหาความสุขได้ถ้าเลือกทางเดินที่ถูกต้อง”
พัดชาซาบซึ้งตื้นตันจนน้ำตาคลอมองเทศราช
“ไม่ว่าคุณจะเคยทำอะไรผิดมาก็ตาม โอกาสที่คุณได้รับตอนนี้มันสามารถเปลี่ยนชีวิตคุณไปในทางที่ดีได้ คุณต้องอย่ายอมแพ้”
เทศราชบอกอย่างหวังดีและจริงใจ พัดชาเกิดความรู้สึกปลื้มขึ้นมาทันที
ด้านตรีประดับเปิดตู้จดหมายในคอนโด เจอซองเอกสารใหญ่ๆ จากญี่ปุ่น ก็แปลกใจ
“จดหมายจากมิจิกับซาโต้”
ตรีประดับเข้ามาในห้อง หยิบซองจดหมายออกมาดู เห็นมี SD Card หล่นลงมาพร้อมกับกระดาษเขียนจดหมาย เลยเปิดออกอ่าน
“ถึงตรีซัง ระหว่างจัดร้านใหม่ เราทั้งสองค้นเจอรูปของคุณที่เทศราชถ่ายให้ที่ญี่ปุ่น เลยส่ง SD Card มาให้ เผื่อว่าคุณจะต้องใช้มัน ชีวิตคู่ของคุณเป็นยังไงบ้าง หวังว่าคงมีความสุขดีนะ ฝากความคิดถึงถึงสามีของคุณด้วย
มิจิ-ซาโต้”
ตรีประดับอ่านจดหมายจบ มองดู SD Card อย่างแปลกใจ รีบเสียบเข้าโน้ตบุ๊คเปิดดู
ภาพที่ปรากฏขึ้นในจอตรงหน้าตรีประดับ ไม่ใช่รูปถ่ายพรีเวดดิ้งงานแต่งงาน แต่เป็นรูปภาพเดี่ยวๆ ของเธอ ที่เทศราชแอบถ่ายำไว้ตลอดทริปที่อยู่ญี่ปุ่น
ตรีประดับไล่ดูภาพไปเรื่อยๆ จำได้ทุกมุมที่ถ่ายว่าอยู่กับพยส แต่ทุกรูปที่ผ่านกล้องของเทศราช กลับมีแค่ตรีประดับคนเดียว
ตรีประดับดูรูปเหล่านั้นด้วยความซาบซึ้งใจ รู้ชัดแล้วว่าในใจของเทศราชมีแต่ตัวเธอตลอดมา
เทศราชได้ยินเสียงกริ่งหน้าห้อง จึงเดินมาเปิดเห็นตรีประดับยืนอยู่ แต่โดยไม่ทันตั้งตัว ตรีประดับก็โผเข้ากอด
เต็มแรง เทศราชทั้งตกใจ และขัดเขิน
“อะไรกันตรี”
“ไม่มีอะไร ตรีอยากกอดเทศแน่นๆ”
เทศราชเขินๆ แต่ก็กอดตรีประดับตอบ จังหวะนั้นเองพัดชาก็เดินออกมาพอดี
“พัดขอใส่ชุดนี้นะคะคุณเทศ”
พัดชาเดินออกมาแล้วทำเป็นชะงัก ทั้งที่จริงได้ยินเสียงตรีประดับก่อนหน้านี้แล้ว
ตรีประดับอึ้งไปเมื่อเห็นพัดชาใส่ชุดเทศราชอยู่ ค่อยๆ ผละออกจากอ้อมกอด
พัดชาทำเป็นแปลกใจ “พี่ตรี”
ตรีประดับหันไปมองหน้าเทศราชเป็นคำถาม
“พี่ตรีมาแล้ว พัดก็คงต้องไปซักที พัดขอฝากเสื้อผ้าไว้ที่ห้องคุณเทศก่อนนะคะ ว่างๆ จะมาเอา”
พัดชาทิ้งระเบิดลงกลางใจตรีประดับ แล้วหันไปพูดกับเทศราชอย่างสนิทสนม
ตรีประดับอึ้งอีก ไม่ยอมมองหน้าพัดชา จ้องหน้าเทศราชนิ่งนาน ทำเอาเทศราชใจแป้ว
“ตรี คือ...”
ตรีประดับทำหน้านิ่งๆ อยู่พักเดียวก็ยิ้มพรายออกมา แกล้งหยิกหัวไหล่เทศราช พูดทีเล่นทีจริง
“หนีมาจากบ้านตรีทำไมไม่บอกกันก่อน โทร.หาก็ไม่ติด น่าตีนัก”
เทศราชอึ้งๆ แต่ยังแอบน้อยใจอยู่นิดๆ
“ก็เราเห็นตรีมีแขกสำคัญ ก็ไม่อยากรบกวน”
“ไม่มีใครสำคัญกว่าเทศหรอกนะตอนนี้ และไม่มีใครมาทำลายความรู้สึกดีๆ ของเราได้ด้วย”
ตรีประดับไม่สนใจ ไม่เห็นพัดชาอยู่ในสายตาสักน้อย
“นี่รู้มั้ย ตรีเป็นห่วงว่าเทศจะเป็นอะไร คุณพ่อคุณแม่ก็งง เพราะอยู่ๆ เทศตื่นมาจากบ้านตรีก็รีบออกไปเลย” ตรีประดับจงใจพูดเหมือนอวดพัดชานิดๆ “คุณแม่ทำขนมมาฝากเทศด้วย เดี๋ยวทานกันเลยนะ”
ตรีประดับจูงแขนเทศราชเดินกระหนุงกระหนิงกันเข้าครัวไปเลยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนไม่เห็นพัดชาอยู่ในสายตา
พัดชามองตามตรีประดับ กำมือแน่นอย่างเจ็บใจ รู้ตัวว่าไม่ควรจะอยู่ตรงนี้อีกแล้ว
พัดชาเดินออกมาจากห้องเทศราชเงียบๆ ปิดประตูลงเบาๆ ดูออกว่าเดือดดาลอยู่ข้างใน แต่พยายามเก็บอารมณ์ไว้ นึกถึงความแสนดีของเทศราชตอนเจอกันที่ญี่ปุ่นขึ้นมา
ตอนนั้นพัดชานั่งหนาวสั่นจนจามออกมา เทศราชมองเป็นห่วง
“ผมว่าคุณเข้าไปอาบน้ำเถอะ จะได้ไม่เป็นหวัด เดี๋ยวผมเอายาให้ทาน”
เทศราชลุกไปเปิดตู้ยา หยิบโน่นนี่เตรียมให้ พัดชาลอบมอง เห็นความเอาใจใส่ของเทศราชแล้วเพิ่งรู้สึกเห็นความดีงามของเทศราชขึ้นมา
พัดชาเดินมาที่หน้าลิฟต์ พัดชาพึมพำกับตัวเองด้วยความถือดี สายตามีความมุ่งมั่นมาดหมายมากขึ้น
“พัดเคยชนะพี่ตรีมาแล้วครั้งนึง ทำไมจะชนะอีกไม่ได้”
ตรีประดับจัดขนมใส่จาน เทศราชเดินเข้ามาหา โอบเอว แล้วซบหน้าลงกับไหล่ เหมือนเด็กสำนึกผิด
“ตรี”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น”
เทศราชชะงัก ตรีประดับหันมายิ้มหวาน
“ตรีเข้าใจ”
เทศราชงง “เข้าใจจริงเหรอ เข้าใจว่ายังไง”
“เทศคงจะไปเจอเขาโดยบังเอิญ แล้วเขาก็ดันมีปัญหาบางอย่างที่ทำให้ยังกลับบ้านไม่ได้ เลยต้องมาหลบฝนอยู่ที่นี่”
เทศราชอึ้งไป “ถูกเกือบหมด ทำไมตรีรู้”
“ก็เพราะครั้งแรกและครั้งต่อๆ มาที่ตรีเจอพัดชา เขาทำแบบนั้นเสมอ จนตรีเริ่มอ่านเกมออกแล้วไง ตรีอ่านออกแม้กระทั่งว่า พัดชาหวังจะเห็นตรีโกรธแล้วก็วิ่งหนีออกไปโดยไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น แต่ตรีไม่ทำอย่างนั้นหรอก เพราะตรีมั่นใจในตัวเทศ”
“เราดีใจที่ตรีรู้สึกแบบนี้นะ”
เทศราชยิ้มกว้าง ดึงตรีประดับเข้ามากอด ตรีประดับเขินๆ รีบผละออก
“เลิกพูดเรื่องของคนอื่นเถอะ ตรีอยากปรึกษาอะไรนิดหน่อย”
ตรีประดับทำหน้าซีเรียส แล้วหยิบซองจดหมายขึ้นมา
“มีอะไรหรือเปล่า”
“ซาโต้ส่งจดหมายมาบอกว่าตรีโดนปาปารัซซี่โรคจิตตามแอบถ่ายตอนอยู่ญี่ปุ่น”
พร้อมกับว่าตรีประดับดึง SD Card กับจดหมายของซาโต้ออกมา อมยิ้มเจ้าเล่ห์
“ตรีควรทำยังไงดี แจ้งความดีไหม”
เทศราชอึ้งๆ แล้วหัวเราะออกมา เมื่อรู้ว่าตรีประดับหมายถึงรูปที่ตัวเองแอบถ่าย
“มีเยอะกว่านี้อีกนะ”
เทศราชเอาโปสการ์ดต่างๆ ให้ตรีประดับดู ตรีประดับหยิบมาไล่ดูแล้วอึ้งๆ
“ตรีเคยได้โปสการ์ดพวกนี้เหมือนกัน ทุกใบไม่มีชื่อคนส่ง มีแต่ข้อความดีๆ ให้กำลังใจ จนตรีคิดว่าเป็นของแฟนหนังสือที่ไม่อยากเปิดเผยตัว ที่แท้แล้วก็คือ...”
เทศราชยิ้มย่อง “เราส่งให้ตรีหนึ่งแผ่น แล้วก็ส่งให้ตัวเองอีกแผ่น จะได้จำได้ว่าเคยส่งอะไรไปหาตรีบ้าง”
“ทำไมเทศไม่ลงชื่อ”
“ในวันที่ตรีมีพยสแล้ว เราก็ควรจะเป็นแค่แฟนคลับลับๆ ของตรี เราไม่ได้ต้องการให้ตรีมองเห็นเราในวันที่มีความสุข แต่เราก็ยินดีที่จะปรากฏตัวเสมอเวลาที่ตรีมีความทุกข์”
เทศราชจับมือตรีประดับมาจูบเบาๆ
“วันนี้เราดีใจที่มีโอกาสได้ทำสิ่งนั้นแล้ว ถ้าเราจะต้องหลบเข้าไปอยู่ในมุมมืดอีก ก็ไม่เป็นไร”
“ไม่ ! ตรีจะไม่ให้เทศไปไหนอีก ในเมื่อเรามีกันและกันตลอดมา เราก็จะต้องมีกันและกันตลอดไป”
เทศราชยิ้มเต็มสุขดึงตรีประดับเข้ามากอดเต็มรัก ประคองใบหน้างามให้เงยขึ้นมา
ทั้งสองสบตากันซึ้งๆ แต่พอจะก้มลงจูบ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขัดจังหวะเสียก่อน เทศราชหยิบมารับสาย
“พี่ภิ ว่ายังไงครับ” เทศราชนิ่งฟัง หันมาบอกตรีประดับหน้าเครียดหนักใจ “แม่เราไม่สบาย”
เช้าวันนี้ ตรีประดับกับเทศราชเดินเข้ามาโถงบ้าน เห็นตรีประดับถือโถข้าวต้มกับของเยี่ยมมาด้วย แต่ภิรตีเดินมาดักไว้ พูดเหน็บแนม
“กว่าจะโผล่มาเยี่ยมคุณแม่ได้นะนายเทศ ไม่มาซะอาทิตย์หน้าเลยล่ะ”
“เมื่อคืนพี่ภิบอกว่าหมอให้คุณแม่พักผ่อน ผมก็เลยตกลงกับตรีว่าเราจะรีบมาแต่เช้า”
ภิรตีเบ้ปาก มองตรีประดับอย่างหมั่นไส้ เทศราชไม่ใส่ใจเอาความ จูงตรีประดับจะเข้าบ้าน แต่ภิรตีขวางไว้
“ฉันให้แกขึ้นไปหาคุณแม่ได้คนเดียว ส่วนคนอื่น รอข้างนอก”
เทศราชโกรธ “มันจะมากไปแล้วนะพี่”
“คุณแม่ไม่สบาย ฉันไม่อยากให้ใครเอาเชื้อโรคไปติด”
เทศราชจะเถียงต่อ ตรีประดับรีบตัดบท
“ไม่เป็นไรจ้ะเทศ งั้นตรีกลับก่อน ฝากข้าวต้มกับของเยี่ยมให้คุณแม่ด้วยนะ อุ่นซักนิดจะได้อร่อย”
“คุณแม่ฉันไม่กินของของเธอหรอก เอากลับไป” ภิรตีด่าไม่ไว้หน้า
“พี่ภิ ผมว่าคุณพ่อแม่อบรมมารยาทเราสองคนมาอย่างดีนะ โดยเฉพาะการต้อนรับแขก”
“ไอ้เทศ นี่แกด่าฉันเหรอ ไอ้น้องบ้า”
ภิรตีทุบตี แต่เทศราชไม่สน หันไปรับชามข้าวต้มจากตรีประดับ ภิรตีเข้าไปแย่ง
“เอามานี่”
“พี่ภิ”
เทศราชไม่ยอมให้ ยื้อแย่งกัน ภิรตีกระชากแรง ข้าวต้มหกรดตัว ไม่เปื้อนอะไรมาก
“อ๊าย”
“เป็นไงล่ะ เสียของหมด แทนที่คนป่วยจะได้กิน พี่นี่มันไม่รู้จักโต”
เทศราชเดินหัวเสียเข้าบ้านไป ภิรตีกรี๊ดกร๊าดตาม
“กล้าดียังไงมาด่าพี่ด่าเชื้อ ไอ้น้องเนรคุณ กลับมานะแก”
ตรีประดับมองแล้วหนักใจเหลือเกิน
คุณภิรมณ์นอนซมอยู่บนเตียง ฟังภิรตีที่เปลี่ยนชุดใหม่เสร็จก็รีบเข้ามาฟ้องแว้ดๆ
“คุณแม่ต้องจัดการให้หนูนะคะ ไอ้เทศมันเข้าข้างแฟนตัวเองจนไม่เห็นหัวหนู หนูไม่ยอม”
“พอเถอะยายภิ ฉันไม่สบายอยู่นะ อยากจะให้ฉันตายเร็วหรือไง”
“แต่มันกำลังเห็นคนอื่นดีกว่าพวกเรานะคะคุณแม่”
“ผมไม่ได้เห็นใครดีกว่าใครทั้งนั้น พี่ภิกับคุณแม่ก็ยังเป็นครอบครัวที่ผมรัก แต่ตรีก็คือผู้หญิงที่ผมเลือก ทำไมพี่ภิต้องรังเกียจเขาด้วย”
“ก็เพราะแม่นั่นไม่คู่ควรกับแก” ภิรตีว่า
“ผมต่างหากที่เคยไม่คู่ควรกับเขา ตรีถึงไม่เลือกผมตั้งแต่แรก แต่วันนี้ผมพิสูจน์ให้ตรีเห็นแล้วว่าผมเป็นผู้ชายที่สามารถดูแลเขาผ่านทุกข์สุขต่างๆ มาได้ ตรีถึงได้ยอมให้โอกาสผม”
ภิรมณ์นิ่งไป เทศราชหยิบกระเช้าของเยี่ยมยื่นให้มารดา
“แล้วตรีก็อยากให้คุณแม่ให้โอกาสเขาด้วยเหมือนกัน ตรีถึงได้ขอตามผมมาเยี่ยม ที่จริงตรีต้มข้าวต้มมาให้คุณแม่ด้วยนะครับ แต่พี่ภิเททิ้งไปหมด”
ภิรตีถลึงตาใส่เทศราช ขณะที่ภิรมณ์ใจอ่อนลงเพราะเห็นลูกชายติสต์ จริงจังกับผู้หญิงคนนี้มาก
“ไหนลองเล่าให้ฟังหน่อยสิ ว่าเขาเป็นลูกเต้าเหล่าใคร เป็นมายังไงถึงได้ปักอกปักใจกันนัก”
ภิรตีไม่พอใจ กลัวภิรมณ์เปลี่ยนข้าง “คุณแม่”
“ถ้าเธอไม่อยากฟัง ก็ออกไปรอข้างนอก”
ภิรตีหน้างอ เทศราชดีใจ รีบลากเก้าอี้มานั่งข้างภิรมณ์ แล้วจับมือภิรมณ์มาจูบแรงๆ อย่างยินดี
อีกฟากเสี่ยจิวดูรูปที่แอบถ่ายชินานางกับพยส ครั้งนี้เห็นหน้าพยสชัดเจน อย่างโกรธจัด
“ที่แท้แล้ว ไอ้คนที่มันแอบกินบนเรือนขี้รดหลังคาบ้านฉัน ก็คือไอ้พยสนี่เอง”
พัดชานั่งสงบเสงี่ยมอยู่ตรงหน้าเสี่ยจิว
“พัดจำเป็นต้องรายงานเรื่องนี้ให้เสี่ยทราบ เสี่ยจะได้ไม่เข้าใจพัดผิดว่าทำตัวมีปัญหาจนทำงานไม่ได้ค่ะ”
พัดชาก้มหน้าบีบน้ำตา
“พัดต้องกราบขอโทษเรื่องที่หนีออกจากกองถ่ายเมื่อวาน แต่เพราะพัดทนความกดดันไม่ไหวจริงๆ คุณชินานางเกลียดพัดตั้งแต่เรื่องคุณพยส เลยพยายามหาเรื่องพัดค่ะ”
พัดชาทำเป็นก้มหน้าสะเอื้อน แล้วเอาผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา เสี่ยจิวมองท่าทางของพัดชาด้วยความรู้สึกน่าทนุถนอม เสียงอ่อนลง
“ขอบใจเธอนะที่ทำให้ฉันตาสว่าง เรื่องของหญิงร้ายชายชั่วคู่นี้ ฉันจัดการมันแน่ ว่าแต่เธออยากได้รางวัลอะไรตอบแทนหรือเปล่า”
พัดชาหยุดร้องไห้ ค่อยๆ ช้อนสายตาขึ้นมองเสี่ยจิว
“ไม่ค่ะ แค่โอกาสที่เสี่ยให้พัดมาก็มากพอแล้ว พัดขอแค่ได้ทำงานให้เสี่ยอย่างราบรื่นเท่านั้นก็พอค่ะ”
เสี่ยจิวฟังแล้วยิ่งพอใจพัดชามากยิ่งขึ้น
“ได้สิ โอกาสแค่นี้ ทำไมฉันจะให้เธอไม่ได้”
พัดชายิ้มในสีหน้า สะใจที่จะได้ทำลายชินานาง
ฝ่ายสิงคารกระวนกระวายโทรศัพท์หาพัดชา แต่โทร.เท่าไรก็ไม่ติด ต้องปิดมือถือไปอย่างหงุดหงิด แต่พอจะเดินกลับขึ้นห้องก็เหลือบไปเห็นตรีประดับว่ายน้ำอยู่ เลยหยุดมอง ยิ้มพรายออกมา
ตรีประดับแหวกว่ายสายน้ำอยู่ในสระคลายความเครียดเรื่องครอบครัวเทศราช โดยไม่รู้ว่ากำลังเป็นเป้าสายตาของผู้กำกับสายหื่น
เวลาผ่านไปอีก ตรีประดับว่ายน้ำอยู่จนกระทั่งได้ยินเสียงคนหย่อนตัวลงในสระน้ำ พอหันไปก็เป็นสิงคารก็แปลกใจนิดๆ
“ที่แท้ก็คุณตรีนี่เอง ผมก็นึกว่าใครมาว่ายน้ำอยู่คนเดียว”
“คุณสิงคารว่ายน้ำด้วยเหรอคะ”
“ก็มีบ้างครับ เวลาเครียดๆ อยากให้สมองโล่ง อยู่ในน้ำมันทำให้คิดอะไรได้เยอะดี”
“ตรีก็ว่างั้นแหละค่ะ”
“แสดงว่าเราสองคนเครียดกันทั้งคู่สินะครับ”
ตรีประดับหัวเราะแทนคำตอบ ไม่ได้ระวังตัวอะไรมาก เพราะคิดว่าเขาเป็นเพื่อน สิงคารยิ่งประทับใจ
“ถ้างั้นว่ายน้ำเสร็จแล้ว เย็นนี้เราไปหาอะไรอร่อยๆ ทานให้หายเครียดดีไหมครับ”
“เอ่อ คือตรี...”
สิงคารรวบรัดตัดความ “ผมอยากจะปรึกษาเรื่องงานคุณตรี พอดีผมไปเจอนิยายแปลของคุณตรี แล้วสนใจอยากจะเสนอเรื่องไปทำละครน่ะครับ”
ตรีประดับปฏิเสธไม่ออก เพราะสิงคารเอาเรื่องงานมาอ้าง
ชินานางขับรถมาจอดในลานจอดของคอนโด มองซ้ายมองขวา ไม่เห็นคนของเสี่ยจิวซุ่มดูอยู่แน่ จึงกดโทรศัพท์หาพยส
“เสี่ยคงจะรามือไปแล้วล่ะค่ะพยส วันนี้ถึงไม่ส่งคนมาคุม เจอกันที่ลิฟต์นะคะ”
ชินานางวางสายแล้วยิ้มสมใจ
ไม่นานต่อมาพยสเดินหลบเข้ามาทางประตูด้านหลังคอนโด ตรงมาที่ลิฟต์กดเปิดออกชินานางอยู่ในนั้นโผเข้าหา ทั้งสองกอดจูบลูบคำกันอย่างเร่าร้อนภายในลิฟต์
ยามมองดูภาพนั้นจากกล้องในลิฟต์ตาค้าง รีบค้นนามบัตรเสี่ยจิว
“เสี่ยครับ ที่เสี่ยจ้างให้ผมคอยดูคุณชินานาง...”
สิงคารนั่งคุยอยู่กับตรีประดับ ด้วยสีหน้าเบิกบานยิ้มกริ่ม ดื่มไวน์ไปสักพักแล้ว
“เป็นอันว่าคุณตรีไม่ขัดข้องอะไรกับเรื่องการขายลิขสิทธิ์นะครับ”
“ตรีไม่ติดขัดอะไรหรอกค่ะ แต่คุณสิงคารคงต้องติดต่อสำนักพิมพ์เพื่อคุยกับเจ้าของลิขสิทธิ์ในต่างประเทศด้วย”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาครับ ทุกอย่างจะต้องราบรื่นแน่”
สิงคารมองตรีประดับด้วยแววตาวาววาว พนักงานเข้ามารินไวน์
“น้อง ขอแก้วให้คุณผู้หญิงด้วย”
“ตรีไม่ดื่มหรอกค่ะ”
“เราน่าจะฉลองซักหน่อยนะครับ สำหรับโอกาสที่จะได้มีผลงานร่วมกัน”
ตรีประดับรู้สึกหวั่นในใจแปลกๆ แต่ก็ไม่ต้องรักษามารยาทไว้ เลยจำใจรับไวน์มา
“สำหรับละครเรื่องใหม่ของเรา “ระบำแห่งความรัก"
สิงคารยกแก้วขึ้นชนกับตรีประดับ แล้วจิบไวน์ด้วยอารมณ์กรึ่มๆ
สองคนนอนกกกอดกันอยู่บนเตียงในห้องนอน ชินานางยังหงุดหงิดเรื่องพัดชาไม่หาย
“นางอยากจะให้คุณไปเห็นนังเด็กนั่นตอนที่อยู่กองถ่ายนัก ทำเป็นแอ๊บใสไร้เดียงสา”
พยสทำหน้าเบื่อหน่ายไม่อยากรับรู้
“นางรู้ว่ามันต้องมีเป้าหมายจะเขี่ยนาง แต่นางไม่ยอมหรอก งานนี้ตาต่อตาฟันต่อฟัน”
“คุณจะทำอะไรก็ทำเถอะ ไม่ต้องมารายงานให้ผมรับรู้ บอกแล้วว่าผมไม่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว”
“งั้นถ้านางเอาน้ำกรดไปสาดหน้ามันให้เสียโฉม คุณก็จะไม่โกรธนางใช่ไหมคะ”
“ตามใจ”
ชินานางยิ้มร้ายสะใจ หายเครียดก็หันมาเลื้อยพยส แต่แล้วประตูก็เปิดเข้ามาอย่างแรง ด้วยฝีมือเสี่ยจิวที่เดินหน้าเหี้ยมเกรียมเข้ามาประกาศกร้าว
“คนที่จะเสียโฉมก็คือเธอต่างหากชินานาง นังทรยศ”
ชินานางกับพยสตกใจสุดขีดประสานเสียงร้องลั่น “เสี่ย”
“พวกแกหยามน้ำหน้าฉันมากนะทำขนาดนี้ โดยเฉพาะมึง”
เสี่ยจิวชี้หน้าพยส แล้วเข้าไปกระชากคอเสื้อขึ้นมา
“มึงรับเงินค่าจ้างจากกู แล้วยังมาแอบกินเปอร์เซ็นต์บนตัวเมียกูอีก มึงไม่รู้ซะแล้วว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร”
“เสี่ย ค...คือ ผมป...”
พยสตกใจสุดขีด ปากคอสั่น พยายามจะปฏิเสธ แต่เสี่ยจิวต่อยโครมจนล้มลง ชินานางร้องกรี๊ด พยสเลือดกบปาก ผวากลัว ลุกขึ้นยกมือไหว้ปลกๆ
“ส...เสี่ยครับ”
เสี่ยจิวไม่ฟังอะไร ยกเท้าเตะเสยปลายคางพยสจนล้มกลิ้งลงไปอีก แล้วสั่งลูกน้อง
“จัดการมันต่อที ส่วนอีนังนี่ จะหนีไปไหน”
เสี่ยจิวปราดไปกระชากผมซุปตาร์นางร้ายที่พยายามจะถอยหนี ชินานางหวีดร้อง ก่อนจะโดนตบผัวะ
เสียงตบตีเตะต่อยของเสี่ยจิวกับลูกน้องดังสลับเสียงร้องโหยหวนของชินานางกับพยสออกมาจากประตูที่ยังเปิดแง้มอยู่ แต่ไม่มีใครกล้าโผล่หน้าไปยุ่งด้วย
ตรีประดับกลายเป็นคนที่ต้องขับรถพาสิงคารกลับมา เพราะสิงคารเมามาก
“คุณสิงคาร ไหวไหมคะ เดี๋ยวฉันไปตามรปภ.มาช่วยพาคุณขึ้นห้องนะคะ”
ตรีประดับจะไป แต่สิงคารคว้าหมับไว้
“อย่ากวนรปภ.เลยครับ คุณตรีจำห้องผมไม่ได้เหรอครับ”
ตรีประดับอึ้งๆ แต่พอนึกถึงน้ำใจที่สิงคารเคยช่วย เลยไม่ได้คิดอะไร ตรีประดับประคองสิงคารลงรถเดินไปได้ไม่กี่ก้าว สิงคารก็เริ่มซุกไซ้มือไม้เลื้อยไล้ไปมา
“คุณสิงคาร ทำอะไรคะ”
“กว่าจะไปถึงห้อง ผมคงรอไม่ไหวจริงๆ คุณตรีสวยเหลือเกิน เนื้อตัวก็หอม”
ตรีประดับตกใจ พยายามจะผลักออก แต่สิงคารรวบตัวไว้แล้ว
“คุณสิงคาร”
“ไม่มีใครเห็นหรอกคุณตรี” สิงคารทำรุ่มร่ามจะหอมแก้ม
“คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่คุณจะมารุ่มร่ามแบบนี้นะ”
สิงคารงง แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือจากตรีประดับ
“แล้วที่คุณยอมไปไหนมาไหนกับผม ไปกินไปดื่มกับผม มันไม่ได้แปลว่าคุณยินยอมพร้อมใจเหรอ”
ตรีประดับอึ้ง เพิ่งรู้ว่าสิงคารเข้าใจไปแบบนั้น เริ่มไม่พอใจ
“ฉันยอมก็เพราะเห็นว่าคุณเป็นเพื่อน ไม่นึกว่าคุณจะมีความคิดแบบนี้”
สิงคารหัวเราะเยาะ “โธ่ คุณ เพื่อนผมหลายคนก็ไม่ได้รังเกียจเรื่องแบบนี้ทั้งนั้นแหละ คุณเองก็ไม่ใช่สาวโสดนี่นาคุณตรี”
สิงคารเข้ากอดหอม ตรีประดับยิ่งรังเกียจสิงคาร พยายามผลักออกแต่สิงคารรุกหนัก
“คุณสิงคาร ปล่อยฉันนะ”
ตรีประดับสู้แรงสิงคารไม่ได้ เกือบจะเสียทีรอมร่อ ทันใดนั้นเองสิงคารก็ถูกเทศราชที่กระโจนเข้ามากระชากออกแล้วชกโครม
“อย่าเอามือสกปรกของแกมาแตะต้องตรี”
“เสือกอะไรด้วยวะ”
สิงคารเข้าชกทันที เทศราชต่อยสวนไป สิงคารสู้ไม่ไหว เพราะเมาอยู่ ในที่สุดก็ฟุบลงกับพื้น
“ตรีกับฉันเป็นคนรักกัน จำใส่หัวแกไว้ อย่าเข้าใกล้ตรีอีก ไม่งั้นฉันจะแจ้งความให้ชื่อเสียงแกฉาวไปทั้งวงการเลยคอยดู”
ตรีประดับมองสิงคารอย่างผิดหวังแล้วรีบดึงเทศราชออกไป
ตรีประดับจับแก้มเทศราชพลิกไปมา แล้วเอาผ้าห่อน้ำแข็งประคบที่แก้มให้เทศราช
“เจ็บมากไหม”
“ไม่เลย แค่เห็นตรีห่วงเราแบบนี้ก็หายเจ็บแล้ว”
“ตรีผิดเองที่ไว้ใจ คิดว่าเขาเข้ามาหาตรีในฐานะเพื่อนที่ดีคนนึง เรื่องไว้ใจคนง่ายนี่แก้ไม่หายซักที”
“เพราะตรีเป็นคนดีไง ก็เลยพยายามมองคนแต่ด้านที่ใสสะอาด จนไม่ได้สังเกตด้านสกปรกของพวกเขา”
เทศราชจับมือตรี ลูบไล้แขน
“ไม่มีใครอยู่ใกล้ชิดตรีแล้วจะไม่ชอบตรีหรอกนะ นี่เป็นสิ่งนึงที่เรากลัว”
“เทศกลัวอะไรคะ”
“กลัว...กลัวที่ต้องมีใครจะมาแย่งตรีไป”
“จะไม่มีใครมาแย่งตรีไปจากเทศหรอกค่ะ เราจะอยู่ด้วยกันไปอีกนานแสนนาน”
“ตรีพูดให้เราดีใจ”
“ตรีพูดจริง ตรีพบผู้ชายที่ดีที่สุดแล้ว เทศเป็นได้ทั้งเพื่อนและคนรักของตรี ต่อไปนี้เราจะรักกันตลอดไป จะไม่มีอุปสรรคอะไรมาขวางเราได้อีก”
เทศราชตื้นตันใจ ดึงตรีประดับเข้ามากอด
“ผมรักคุณ ตรี”
ตรีประดับกอดซบเทศราชแน่นด้วยความอบอุ่นใจ
“ตรีก็รักคุณค่ะ”
เทศราชค่อยๆ ประคองหน้าของตรีประดับให้หันมาหา ทั้งสองสบตากันอย่างลึกซึ้ง สื่อสารความรักกันผ่านทางแววตา สุดท้ายเทศราชก้มลงจูบอย่างดูดดื่ม ตรีประดับไม่ขัดขืน ค่อยๆ ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามครรลองของมัน
ทางด้านพัดชายิ้มสะใจเมื่อคิดว่า ป่านนี้ชินานางต้องโดนเล่นงานจากที่ตนไปส่งข่าวให้เสี่ยจิวแล้วแน่ๆ แต่พอพยางค์เข้ามา พัดชาก็รีบตีหน้าเศร้าทันควัน
“คิดอะไรอยู่เหรอจ้ะ”
“อ๋อ พัดกำลังคิดเรื่องงานน่ะค่ะ”
“เรื่องบทละครเหรอ”
พัดชาทำเป็นไม่ตอบคำถาม แต่ตีสีหน้ากลุ้มใจ
“พัดแค่คิดว่าตัวเองเป็นแค่นักแสดงโนเนม ตั้งใจทำงานแค่ไหนก็ไม่มีใครสนใจ ทุกวันนี้เวลานักข่าวเข้ากอง ก็มีแต่รุมสัมภาษณ์พระเอกนางเอกกับคุณชินานาง พัดรู้สึกว่าตัวเองไม่มีตัวตน”
“โถ เรื่องแค่นี้เอง ฉันช่วยได้”
พยางค์ลูบหัวพัดชาอย่างเอ็นดู
“หนูอยากได้นักข่าวซักกี่คนล่ะ พรุ่งนี้ฉันจะเรียกให้ไปทำข่าวหนูมาลงสกู๊ป จะเอามาลงหนังสือบันเทิงทุกเล่มเลย”
พัดชายิ้มกว้างดีใจ “คุณอาทำได้เหรอคะ”
“หนู ฉันมันระดับไหนแล้ว นักข่าวทั้งวงการทำไมจะสั่งไม่ได้”
บอกอหนุ่มใหญ่หัวเราะร่า พัดชาสวมกอดแน่นประจบเอาใจ พยางค์ใจเต้นโครมคราม พัดชาทำเป็นเขินดึงตัวออกมา พยางค์มองกรุ้มกริ่มอยากกลืนกินทั้งตัว
รุ่งเช้า ขณะที่ชินานางนอนซมอยู่ที่คอนโด ตาบวมปูดใบหน้าฟกช้ำหมดสภาพ ลูกน้องเปิดประตูเอาข้าวมาให้
ลูกน้องสวมบทโหด ไม่ไว้หน้า “เสี่ยให้เอาข้าวมาให้คุณกิน”
“ฉันไม่หิว”
“งั้นก็ตามใจ”
ลูกน้องวางข้าวไว้ให้แล้วเดินไปนั่งมุมห้อง ไม่แคร์ ชินานางเจ็บใจ ทิ้งตัวลงนอนหยิบโทรศัพท์มาเล่น เห็นข่าวจากเฟซบุ๊คช่องแปด
“เตรียมพบไลฟ์สดๆ เปิดใจดาราสาวหน้าใหม่ น้องพัด-พัดชา ทุกซอกทุกมุม เที่ยงวันนี้ผ่านเฟซบุ๊คไลฟ์ช่องแปด”
ชินานางกระแทกโทรศัพท์อย่างเจ็บใจ ตัวเองต้องเจ็บตัว แต่พัดชากลับได้ชูคอลอยหน้าลอยตา
“แกแน่ๆ นังพัดชา ที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้”
รถตู้เสี่ยแล่นมาจอดหน้าบ้าน เห็นลูกน้องเสี่ย 2-3 คนโยนอุ้มพยสที่สะบักสะบอมลงจากรถไปโยนไว้หน้าบ้าน อนิลนั่งอยู่ที่ตรงคนขับมองผ่านกระจกแล้วเป็นห่วงพี่ เลยรีบกดโทรศัพท์เร่งด่วน
“ฮัลโหล พี่อร มาบ้านพี่พยสด่วนเลยนะพี่ ไม่ต้องถามหรอกน่า มาถึงก็เห็นเองว่ามีอะไร ผมต้องไปแล้ว แค่นี้นะ”
อนิลรีบวางสาย เมื่อพวกลูกน้องกลับขึ้นมาบนรถ แล้วรีบขับออกไป ทิ้งพยสให้นอนสลบไสล หน้าบวมปูด เสื้อผ้าขาดวิ่นอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง
พัดชานั่งคุยให้สัมภาษณ์กับนักข่าวในโซนที่กองถ่ายจัดให้ มีไมค์นับสิบอันวางรวมๆ อยู่ตรงหน้า พร้อมกับสื่อรายล้อม
“ขอให้น้องพัดชาเล่าความเป็นมาก่อนจะเข้าวงการให้ฟังซักหน่อยได้ไหมคะ” นักข่าวหนึ่งในนั้นถาม
“ได้ค่ะ”
พัดชาโปรยยิ้มให้นักข่าว แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ชินานางก็โผล่พรวดเข้ามา
“นังพัดชา”
พัดชาหันไปมอง โดยไม่ทันตั้งตัวชินานางกรากเข้ามาตบเปรี้ยง นักข่าวตกใจ รีบคว้ากล้องถ่ายกันพัลวัน
“เพราะแกคนเดียว แกทำลายชีวิตฉัน”
พร้อมกับว่าชินานางจิกหัวพัดชาขึ้นมา แล้วหันหน้าไปหากล้องนักข่าว
“อยากรู้ประวัติของนังนี่ใช่ไหม ฉันจะบอกให้ ก่อนเข้าวงการมันเคยแย่งผัวชาวบ้าน แล้วก็ปล่อยท้องเพื่อจับผู้ชาย แต่แท้งลูกเสียก่อน ผู้ชายเขาถึงไม่เอา ก็เลยต้องใช้เต้าไต่ทั้งหนุ่มทั้งแก่ จนได้มาเป็นเมียเก็บผู้กำกับ”
“คุณชินานาง” พัดชาตกใจ
บรรดานักข่าวพระยาเผือกตื่นเต้นตาโต จดประเด็นยิกๆ ถ่ายรูประรัว
“ปฏิเสธสิว่าไม่จริง ฉันจะได้ไปตามคุณตรีประดับ เมียหลวงของผัวเก่าแกมาช่วยประจานอีกคนว่าแกมันโชกโชนขนาดไหน กว่าจะอัพตัวเองมาเป็นดาราได้ เอาสิ แกคิดจะทำลายฉัน ฉันก็ทำลายแกได้เหมือนกัน”
พัดชาสุดทน กระชากหัวชินานาง คืนบ้าง
“ฉันไม่ได้ทำลายคุณ คุณต่างหากทำลายตัวเอง มีสามีแล้วแต่ไม่ซื่อสัตย์ แอบไปคบชู้ จนโดนจับได้ถึงได้ถูกตบหน้าบวมอย่างนี้ไง”
นักข่าวฮือฮาขึ้นมาอีก หันมาถ่ายหน้าชินานางที่ยังบวมบูดอยู่
“อีพัดชา”
ชินานางโผเข้าตบพัดชาจนหน้าสะบัด พัดชาตบสู้กลับ สองสาวตบตีสู้กันชุลมุน สิงคารในสภาพใบหน้าปูดจากการโดนชกเมื่อคืน พร้อมทีมงานได้ยินเสียง รีบวิ่งมาดู ตรงเข้าแยก
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรอีกเนี่ย”
นักข่าวกรูเข้าไปรุม กดถ่ายรูประรัว สิงคารพยายามหันมาห้าม
“อย่าถ่ายนะครับ อย่าถ่าย”
ไม่เป็นผล นักข่าวไม่ฟัง พยายามซูมทั้งพัดชาและชินานางอุตลุด นักข่าวพยายามแย่งกันถามทั้งชินานาง ทั้งพัดชาเซ็งแซ่
สิงคารรีบดึงพัดชาออกไปให้พ้นกองทัพสื่อ นักข่าวจอมเผือกกรูตามไม่ลดละ สิงคารจึงรีบพาพัดชาออกไป ส่วนชินานางล้มลุกคลุกคลานอยู่ที่พื้น นักข่าวหันมาถ่ายรูปอีก
“จะถ่ายบ้าอะไรอีก ออกไป๊ ไปให้พ้น ไป๊ แอร๊ย...”
ชินานางร้องกรี๊ดๆๆ อาละวาด แถมขว้างปารองเท้าใส่นักข่าว หมดสภาพซุปตาร์คนดัง
ตรีประดับนอนหลับอยู่บนเตียง ค่อยๆ รู้สึกตัวตื่น พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นเทศราชยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แล้วจูบจมูกเบาๆ ตรีประดับเขิน แกล้งทำขยี้ตา
“นี่เราตื่นสายกว่าเทศอีกหรือ น่าอายจัง”
“เปล่าหรอก เรานอนไม่ค่อยหลับต่างหา”
“เป็นอะไร”
เทศราชกอดตรีประดับไว้ ซุกหน้าแนบแก้มตรีประดับ
“ก็กลัวว่าถ้าเผลอลับไป ตื่นมาอีกทีแล้วตรีจะไม่อยู่ตรงนี้ แล้วกลายเป็นว่าทั้งหมดเป็นแค่ความฝันของเราเท่านั้นเอง”
ตรีประดับอมยิ้มหยิกแก้มหมับ จนเทศราชร้องลั่น
“ทีนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าเป็นเรื่องจริง”
“ขี้แกล้งแบบนี้ต้องเอาคืน”
เทศราชจูบแก้มตรีประดับแรงๆ แล้วระดมจูบไปทั่วหน้า
“พอแล้ว ตรียังไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟัน”
“ไม่เป็นไรหรอก เรารับได้”
เทศราชระดมจูบอีก ตรีประดับหัวเราะคิกคัก ปัดป้องพอเป็นพิธี
เสียงโทรศัพท์ดังขัดความสุขนี้ขึ้น ตรีประดับหยิบมาเห็นชื่อชิงฉัตรบนหน้าจอ กดรับสาย สีหน้าแปลกใจนิดๆ
“ชิงฉัตร นั่นเธอเหรอ”
อ่านต่อ ตอนที่ 22