xs
xsm
sm
md
lg

ระบำไฟ ตอนที่ 20

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ระบำไฟ ตอนที่ 20

ทุกชีวิตดำเนินไปตามครรลองใครมัน หลายวันมานี้พยสหมกตัวอยู่แต่ในห้องทำงานที่ออฟฟิศ

โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะทำงานของเขาสั่นไม่หยุด โทรศัพท์สายภายในถูกยกหูออกวางไว้ข้างๆ ดูออกว่าพยสไม่อยากรับสายจากใคร บนโต๊ะกลางมุมรับแขกในห้องทำงาน มีขวดเหล้าเปล่าวางเกลื่อน ขวดเหล้าเหลืออยู่ครึ่งหนึ่งตั้งอยู่ มีรอยเหล้าหกเปื้อนแฟ้มเอกสารเป็นดวงๆ สภาพห้องทำงานเละเทะไปหมด
โทรศัพท์ยังคงสั่นต่อเนื่องโดยไม่มีคนรับ จนประตูห้องทำงานถูกเปิดออกมาอย่างเร็ว เลขาถือโทรศัพท์มือถือตัวเองค้างพรวดพราดเข้ามา แล้วชะงักมองไปที่โซฟา
เห็นพยสนอนคว่ำหน้าอยู่ที่โซฟา เมาหลับหมดสภาพ เลขาส่ายหน้าหนักใจ แต่ก็จำต้องเข้าไปเขย่าตัว
“คุณพยสคะ”
พยสงัวเงียบอก “ก็บอกแล้วไงว่าอย่ากวน”
“แต่คุณพยสมีนัดทานข้าวกับ...”
พยสพูดแทบเป็นตวาด “แคนเซิลซะ”
“แต่ลูกค้ารายนี้สำคัญมากนะคะ คุณบุญชัยเจ้าของโรมแรมญาติคุณตรีประดับ เขานัดต่อสัญญากับเรา ถ้าคุณพยสแคนเซิล เขาอาจจะเปลี่ยนไปเลือกบริษัทอื่นได้นะคะ”
เมื่อได้ยินชื่อตรีประดับ พยสลุกขึ้นนั่ง เอามือลูบหน้าเรียกสติ พลางก้มลงดมเสื้อผ้าตัวเอง กลิ่นละมุดหึ่ง
“ขอเวลาครึ่งชั่วโมง ให้คนไปเอาเสื้อผ้าที่รถมาให้ผมเปลี่ยนด้วย”
“ได้ค่ะ”
เลขาโล่งอกรีบออกไป พยสทิ้งตัวลงนอนกับโซฟาอีกครั้ง ถอนใจเหนื่อยๆ คิดถึงแต่ตรีประดับ

พยสมีสีหน้าแจ่มใสขึ้นมาหน่อย หลังอาบน้ำแต่งตัวใหม่แล้ว นั่งกินอาหารอยู่กับคุณบุญชัย ชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐาน ลูกค้าผู้เป็นเจ้าของโรงแรม และเป็นญาติห่างๆ ของตรีประดับ
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่มาช้า”
“ไม่เป็นไร ผมไม่ได้หนีไปไหนอยู่แล้ว ยังไงก็ต้องอยู่ที่โรงแรมนี่” บุญชัยบอก
พยสโล่งใจ “แล้วเรื่องสัญญา...”
“ผมอ่านคร่าวๆ แล้ว เดี๋ยวจะเอาเข้าที่ประชุมบอร์ดอีกที แต่คิดว่าไม่มีปัญหาอะไรหรอก เราไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันนี่คุณพยส ยายตรีกับผมก็ญาติกัน”
พยสหน้าเจื่อนไป และไม่รู้เลยว่าตรีประดับเดินเข้ามาในห้องอาหารในโรงแรมนี้พอดี บุญชัยเองก็มองอย่างแปลกใจ
“อ้าว พูดถึงก็มาเลย นี่นัดมาเจอกันที่นี่ล่ะสิ”
พยสหันไปมองตามเห็นตรีประดับก็ตกใจ
ตรีประดับก็เหวอเหมือนกันที่เห็นพยสนั่งอยู่กับญาติตน แต่ก็จำต้องเดินมาทักทายเพราะอีกฝ่ายโบกมือเรียก บุญชัยชวนคุย โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่
“กำลังจะถามอยู่เชียวว่าตรีเป็นยังไงบ้าง ไม่ได้เจอกันตั้งแต่งานแต่ง”
ตรีประดับยิ้มเจื่อนๆ “สบายดีค่ะคุณลุง”
ชายกลางคนมองตรีประดับยิ้มๆ พูดเย้า
“ก็น่าจะอย่างนั้นแหละ หน้าตาท่าทางสดใสดี คุณพยสซะอีกดูหมองๆ ไป ท่าทางจะทำงานหนัก บำรุงสามีเยอะๆ หน่อยสิตรี”
คำพูดหยอกเย้าให้ตลกนั้น ยิ่งทำให้บรรยากาศอึดอัดมากขึ้น พยสได้แต่ยิ้มรับอิหลักอิเหลื่อ
ตรีประดับรู้สึกว่าปล่อยให้เข้าใจผิดต่อไปได้ เดี๋ยวจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกไปกันใหญ่ เลยฝืนยิ้มบอกไปว่า
“คงต้องฝากไปบอกภรรยาใหม่ของคุณพยสค่ะ ตรีกับคุณพยสไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว เราหย่ากันแล้วค่ะ”
บุญชัยอึ้งไปเลย และมีสีหน้าประหลาดใจ ตรีประดับถือโอกาสนี้ขอตัว
“ตรีขอตัวก่อนนะคุณลุง ถ้ามีโอกาสจะแวะไปกราบที่บ้านนะคะ”
ตรีประดับไหว้ลา แล้วรีบออกไป ทิ้งความเหวอไว้ให้บุญชัย ที่หันมามองพยสด้วยสายตาเคลือบแคลง เปลี่ยนจากท่าทีไว้ใจเป็นมิตรเมื่อครู่ ชนิดหน้ามือเป็นหลังมือไปเลย
พยสได้แต่ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนใจ ส่งสายตามองตามตรีประดับไปอย่างเจ็บช้ำ

เวลาผ่านไปอีกสักหน่อย ภายในร้าน ตรีประดับกับเทศราชนั่งกินอาหารด้วยกัน สองคนพูดคุยกระหนุงกระหนิงอย่างคู่รักกันเปิดเผย พยสคุยธุระเสร็จแล้วเดินมาหยุดมองทั้งสองด้วยแววตาเจ็บปวด ก่อนจะเดินเข้าไปหา
“ผมว่าแล้วว่าตรีต้องมากินกับคนสำคัญ และคนสำคัญของตรีที่แท้ก็คือไอ้เทศนี่เอง”
พยสถือวิสาสะนั่งลงโดยไม่รอให้ใครเชิญ ตรีประดับไม่พอใจ พยสเห็นเทศราชงงเลยทำเป็นคุยข่ม
“นี่ตรีไม่ได้บอกแกเหรอว่าฉันนัดกินข้าวกับญาติของตรีเขา ที่เป็นเจ้าของโรงแรมนี้น่ะ”
“ตรีไม่ได้บอกค่ะ เพราะไม่เห็นว่ามันสำคัญ” ตรีประดับหันไปยิ้มหวานกับเทศราช “คุณลุงบุญชัยเป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณพ่อจ้ะเทศ”
เทศราชพยักหน้าเออออไป ไม่ได้คิดอะไร แต่พยสยังไม่หายหมั่นไส้
“ที่จริงก็น่าจะพาไปแนะนำให้รู้จักเลยนะตรี ลุงของคุณคงอยากจะเห็นหน้า ผู้ชายใหม่ที่หลังจากเพิ่งหย่าได้ไม่นาน ก็พากันออกมาคั่วกันข้างนอกไม่อายชาวบ้านเขา”
เทศราชไม่พอใจ “พูดอะไรให้เกียรติตรีเขาบ้างนะยส ฉันกับตรีเราคบกันด้วยใจบริสุทธิ์”
“เหรอ ไอ้ใจบริสุทธิ์ของแก มันรวมถึงอยากได้ตรีเป็นเมียด้วยรึเปล่า”
เทศราชโมโหลุกขึ้นคว้าคอเสื้อพยสจนตัวลุกขึ้นตาม
“จะเป็นอะไรมันไม่สำคัญเท่ากับว่า ต่อไปนี้ฉันจะไม่ใครหน้าไหนมาทำร้ายจิตใจตรีได้อีก เพราะต่อไปนี้ฉันจะปกป้องตรีด้วยหัวใจฉันเอง”
ทั้งสองจ้องหน้ากันชนิดไม่มีใครยอมใคร จนตรีประดับขอร้องดีๆ
“กลับไปเถอะค่ะยส อย่ามาวุ่นวายกับเราอีกเลย ต่อไปนี้ต่างคนต่างอยู่ ตรีจะคบใครก็เป็นสิทธิ์ของตรี และคุณไม่มีสิทธิ์มาว่าเพราะคนที่ตรีเลือก เขาดีกว่าคุณ”
พยสสะบัดมือเทศราชออก “ได้ เชิญมีความสุขกันให้พอ แล้วผมจะคอยดูว่าคุณจะรักมันมั้ย ตอบใจตัวเองดีกว่าตรี ว่าคุณยังไม่ลืมผม คุณรู้ อยู่แก่ใจ คุณกับมันเป็นได้แค่เพื่อนกันเท่านั้นแหละ”
พร้อมกับว่าพยสเดินหน้าม้านออกไป ตรีประดับอึ้งคำพูดแทงใจ เทศราชอึ้งเช่นกัน
“ตรีอิ่มรึยัง เรากลับกันมั้ย”
“กินไม่ลงละค่ะ กลับกันดีกว่า”
เทศราชหันไปเรียกเด็กเช็คเงิน ตรีประดับมองกังวลรู้ว่าเทศราชต้องคิดมากแน่ๆ

สองคนเดินจูงกันออกมาบริเวณสวยสวยหน้าโรงแรม เห็นเทศราชเงียบไป ตรีประดับเอ่ยขึ้นว่า
“อย่าไปฟังสิ่งที่ยสพูดเลยนะคะ ตรีรู้ดีว่าตอนนี้ตรีกำลังทำอะไรอยู่”
“เราไม่สนใจหรอก แค่วันนี้ตรีให้โอกาสเราได้อยู่ข้างๆ คอยดูแลตรี เราก็มีความสุขมากๆ แล้ว”
“แล้วทำไมทำหน้าเครียด”
“แค่รู้สึกว่าตัวเทศเองแหละที่จะทำให้ตรีมีความสุขได้รึเปล่า”
ตรีจับมือเทศราชแน่น
“เทศรู้มั้ยว่าทุกวันนี้เทศทำให้หัวใจของตรีอบอุ่นแค่ไหน ไม่จำเป็นต้องคาดหวังอะไรในวันพรุ่งนี้ที่มันยังมาไม่ถึง ตรีแค่ต้องการใครสักคนที่ใส่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้ตรีได้ตลอดเวลา แค่นี้ตรีก็มีความสุขมากพอแล้ว”
เทศราชอมยิ้ม
“เราไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะให้ความสุขกับตรีได้มากแค่ไหน แต่มีสิ่งนึงที่ตรีแน่ใจได้คือเราจะไม่ทำให้ตรีเสียใจ จะไม่ทำให้ตรีร้องไห้”
ตรีประดับมองเทศราชด้วยความซาบซึ้งเต็มตื้น ซบหน้ากับไหล่ของเขายิ้มชื่นสุขใจ สีหน้าเทศราชเบิกบาน กับฝันเป็นจริงที่ได้อยู่กับตรีประดับสมใจ

เย็นวันเดียวกันนี้ นิตยสารเล่มที่เพิ่มพรเป็นช่างภาพ และพัดชาเป็นนางแบบ พิมพ์เป็นรูปเล่มออกมาแล้ว รูปพัดชาอยู่ในแฟชั่นเซ็ตหน้ากลาง อิริยาบถต่างๆ ดูสวยงามเซ็กซี่ ไม่โป๊จนน่าเกลียด แต่ดูลึกลับน่าค้นหา
พัดชาเดินเข้ามาหยุดมองพยางค์ที่พลิกดูแฟชั่น อยู่ห่างๆ อย่างจับสังเกตท่าที แต่เห็นพยางค์เปิดดูนิ่งๆ เดาอารมณ์ ยาก เลยเดินเข้ามาหา
“พัดขอโทษนะคะที่ไม่ได้ขออนุญาตคุณอา วันนั้นมันปุบปับจริงๆ ค่ะ ตัวเจ้าของหนังสือเขาก็ยืนยันจะให้พัดถ่ายแทนนางแบบที่เบี้ยวนัด แล้วพัดถ่ายเสร็จก็ยังพูดกับใครไม่ได้ เพราะเป็นความลับอีก”
พยางค์พยักหน้า “แต่จริงๆฉันก็ไม่อยากให้หนูพัดชาถ่ายงานพวกนี้นะ มันดูไม่ดี”
“พัดทราบค่ะ พัดก็ไม่ชอบอะไรแบบนี้เหมือนกัน”
พยางค์มองพัดชาอย่างใช้ความคิด
“ดูๆ ไปหนูขึ้นกล้องมากเลยนะ ฉันจะหางานที่ดีกว่านี้ให้หนูทำดีกว่า”
“จริงๆ ฝึกงานกับคุณเพิ่มพรก็สนุกดีนะคะ พัดทำต่อได้ค่ะ”
“อย่าเลยงานพวกนั้น เดี๋ยวมันเอาหนูพัดไปถ่ายแบบวับแวมๆ อีก อามีงานที่ดี อนาคตที่ดี มีชื่อเสียงให้หนู งานนี้น่าจะเหมาะกว่า”
พัดชาดีใจยิ้มออก เข้าไปไหว้พยางค์
“จริงเหรอคะ ขอบคุณนะคะคุณอา พัดอยากทำงาน พัดอยากมีชีวิตที่ดีกว่านี้ค่ะ”
“ดีสิ หนูจะมีชีวิตที่ดีแน่นอนถ้าหนูอยู่กับฉัน”
“คุณอา”
พัดชามองพยางค์อย่างรู้ทัน แต่ทำเป็นเป็นเขินอาย
“ฉันบอกตรงๆ นะ ฉันชอบหนู ถ้าหนูให้โอกาสฉัน ฉันจะดูแลหนูทุกเรื่อง”
“ให้โอกาส หมายความถึง”
“ไม่ต้องกลัว ฉันรู้หนูผ่านเรื่องร้ายแรงอะไรมาบ้าง ค่อยๆ ดูฉันไป ถ้าหนูชอบฉันเราก็ค่อยวางแผนอนาคตร่วมกัน ดีไหม”
“ค่ะ คุณอา”
พยางค์จับมืออย่างสุภาพ พัดชายิ้มตอบด้วยความยินดี เสน่ห์ของพัดชามัดใจพยางค์อย่างแรง

คืนนั้นสิงคารนั่งจิบกาแฟอยู่ในร้านกาแฟประจำ เปิดดูหนังสือไปเรื่อยๆ แล้วหยุดชะงักเมื่อไปเจอภาพที่พัดชาถ่ายแบบ จำได้ว่า เคยเจอพัดชาครั้งแรกที่ร้านกาแฟ และมาเจอกับพัดชาอีกครั้งที่งานเลี้ยงวันเกิดเสี่ยจิว
ผู้กำกับใหญ่ไล่ดูรูปจนไปเห็นชื่อพัดชาในเครดิต ก็มั่นใจว่าเป็นคนเดียวกัน
“พัดชา คุณนี่เอง”
สิงคารมองพัดชาอย่างสนใจ จนโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเสียก่อน
“สวัสดีครับพี่พยางค์ ไม่ได้คุยกันนานเลยนะครับพี่” สิงคารฟังแล้วหัวเราะ “ผมก็ยังมีงานอยู่เรื่อยๆ ล่ะครับ พี่พยางค์ถามแบบนี้ คงจะมีดาราใหม่มาแนะนำผมแน่ๆ ชื่ออะไรนะครับ”
สิงคารอึ้งเมื่อรู้ว่าที่แท้ก็คือพัดชาคนเดียวกันนี่เอง สีหน้ามีความมุ่งหวังขึ้นมาทันที
“ได้สิครับพี่ พามาได้เลยครับ ผมจะรอนะครับ”
สิงคารวางสายแล้วยิ้มกระหยิ่มสมใจที่ได้เจอกับพัดชาที่เฝ้ารอคอยมานานสักที
“พัดชา”

วันรุ่งขึ้นพัดชานั่งแท็กซี่มาถึงหน้ากองถ่าย เห็นทีมงานเช็ตฉากกันวุ่นวาย พัดชาลงมาจากรถ มายืนคว้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปหาทีมงานใกล้ๆ
“ขอโทษค่ะ ฉันมาหา...”
ทีมงานมองพัดชาอย่างไม่ใส่ใจ
“เอ็กซ์ตร้าใช่ไหม ยังไม่ถึงเวลานี่ ทำไมมาเร็ว ไปเดินเล่นก่อนไป๊”
พัดชายืนงง ไม่รู้จะไปไหน ทีมงานยกของผ่านมาอีก
“ถอยไปสิน้อง อย่าเกะกะ”
พัดชาตกใจถอยหนี แล้วเสียหลักจะล้ม
“อุ๊ย”
พัดชาหงายหลังไป แต่โชคดีมีคนเข้ามาประคองรับไว้พอดี ไม่ใช่ใครเป็นสิงคารนั่นเอง
“คุณ”
“ยินดีต้อนรับสู่กองถ่ายของเราครับคุณพัดชา”
สิงคารยิ้มเผล่ประคองพัดชาให้ยืนขึ้น
“พี่พยางค์โทร.มาบอกผมเมื่อวานแล้วว่าให้ช่วยดูงานให้คุณด้วย นี่บทของคุณสำหรับวันนี้ ไม่ยากมากหรอกครับ”
พัดชารับบทมา ยังงงๆ ทำตัวไม่ถูก สิงคารยิ้มกริ่ม
“เดี๋ยวผมจะพาคุณเข้าไปแต่งตัว เราจะได้เริ่มถ่ายกันเลย เชิญครับ”
สิงคารรีบพาพัดชาเข้าไปในตึกสำนักงาน

พัดชาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว รับบทเลขาสาวทรงเสน่ห์ของพระเอก ยืนท่องบนอยู่มุมหนึ่ง ขณะที่ทีมงานก็เตรียมงานกันไป สิงคารเดินมาเรียก
“คุณพัดชาครับ เชิญครับ”
พัดชาหันไปมองที่หน้าเซ็ต เห็นพระเอกนั่งรออยู่ที่โต๊ะทำงาน ทุกคนมองพัดชาเป็นตาเดียว
“พี่สิงคารเอาดาราใหม่มาเล่นกับผมเหรอเนี่ย จะไหวเหรอ”
พร้อมกับว่าพระเอกยักคิ้วหลิ่วตามาให้ พัดชาทำเป็นก้มหน้าประหม่า
“เถอะน่า” สิงคารหันไปบอกพัดชา “ทำตามบทที่ซ้อมไว้นะครับ เดินมาตรงนี้ ทิ้งสายตา แล้วก็ขยับเข้ามาใกล้ๆ วางมือตรงนี้”
สิงคารเล่นให้ดูคร่าวๆ พัดชาพยักหน้ารับ
“งั้นเริ่มซ้อมคิวก่อนนะครับ แต่เอาแอ็คติ้งจริงเลย”
พัดชากลับไปเตรียมตัวที่มุม

หน้าเซ็ตพร้อมถ่ายทำ เห็นพระเอกนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ สิงคารประจำเก้าอี้ผู้กำกับอยู่หน้ามอนิเตอร์
“1 2 3 แอ็คชั่น”
ทุกคนในซีนเงียบสนิท พัดชาในมาดเลขาสาวเดินออกมา สลัดความประหม่าทิ้งไปหมด เดินมาถึงโต๊ะที่พระเอกนั่งอยู่ หยุดตรงหน้าทำตาชะม้อยชม้ายจนพระเอกเคลิ้ม
“ดิฉันมีเอกสารให้ผู้จัดการเซ็นค่ะ”
พัดชายิ้มส่งสายตายั่วยวน
“ผู้จัดการเซ็นตรงนี้นะคะ”
พระเอกลุกมาหารวบพัดชาเข้ามากอด
“ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากคุณ”
พัดชาขวยเขินพองาม “อย่าค่ะ ผู้จัดการ”

สิงคารดูที่หน้ามอนิเตอร์ คลี่ยิ้มอย่างพอใจ
“คัต!”
ทีมงานรีบเอากระบอกน้ำให้พระเอก ช่างแต่งหน้ามาซับหน้าให้พัดชา
สิงคารยังมองพัดชาผ่านมอนิเตอร์ โดยมีผู้ช่วยกระซิบกระซาบชมไม่หยุด
“เยี่ยมเลยพี่ เด็กคนนี้มีแววว่ะ”
สิงคารไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มกระหยิ่ม อยากสนับสนุนพัดชา

พัดชาเปลี่ยนชุดเดิม เอาเสื้อผ้ามาคืน ฝ่ายคอสตูมชมจากใจจริง
“น้องนี่ฝีมือดีนะ มาวันแรกก็เล่นได้ขนาดนี้ ได้ข่าวว่าพี่สิงคารถูกใจใหญ่เลย”
พัดชายิ้มเขินๆ พึงพอใจเมื่อรู้ว่าสิงคารชอบการแสดงของตน
“แต่หนูยังต้องพยายามอีกมาก ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
พัดชาไหว้ทีมงานชดช้อย ท่าทางนอบน้อม แล้วเดินออกมา
สิงคารขับรถมาดักหน้าพอดี รีบเปิดกระจกบอก
“ขึ้นรถสิพัดชา เดี๋ยวผมไปส่ง”
พัดชาลอบยิ้มดีใจ แต่ทำเป็นเกรงใจ
“พัดไปเองดีกว่าค่ะ ปากซอยคงมีแท็กซี่”
“ถ้าคุณไม่ได้มีธุระที่ไหน ผมอยากจะเชิญไปคุยเรื่องบทตอนต่อๆ ไปด้วย”
พัดชาทำท่าลังเล แต่ก็ยอมขึ้นรถไปด้วยกัน

ไม่นานต่อมา สิงคารนั่งอยู่กับพัดชาในร้านอาหารบรรยากาศดีงาม พัดชาเปิดบทอ่านอยู่
“อ่านบทแล้วเป็นยังไงบ้าง ไม่เข้าใจตรงไหนหรือเปล่า บทมันอาจมีไม่เยอะนะ เพราะคุณเพิ่งเข้ามา อาจจะออกแค่เล็กๆ น้อยก่อน”
“พัดเข้าใจค่ะ แค่พัดได้มีโอกาสขนาดนี้ ก็ดีใจมากๆ แล้วค่ะ”
“แต่ผมก็แน่ใจว่าคุณเป็นนักแสดงได้ ตั้งแต่แรกที่เราพบกันแล้ว ผมรู้สึกว่าคุณมีแววที่จะเป็นนักแสดงที่ดี”
พัดชาสบตากับสิงคารจังๆฃ
“จริงเหรอคะ”
“ผมทำงานกับนักแสดงมาหลายคน เรื่องนี้ผมมองไม่พลาดหรอก”
พัดชาก้มดูบทแล้วช้อนสายตามองสิงคารจังๆ อีก
“ถ้าอย่างนั้น พัดคงจะต้องรบกวนให้คุณสิงคารช่วยชี้แนะ จะได้ใช้ศักยภาพตัวเองให้เต็มที่”
“ผมยินดีสอนคุณทุกอย่างที่อยากจะรู้”
สิงคารพูดพลางมองพัดชาด้วยสายตาวิบวับ พัดชามองตอบอย่างมีเป้าหมาย
“ว่าแต่...คุณกับพี่พยางค์...โทษทีนะ คือปกติถ้าพี่พยางค์จะเอาเด็กมาฝากผมทุกคนจะ... มีความสัมพันธ์กับแกแบบ...แล้วคุณ...”
ในใบหน้าใสซื่อ พัดชาเตรียมคำตอบสำหรับคำถามนี้ไว้แล้ว “คุณอาเอ็นดู สงสารพัด อยากช่วยเหลือพัด ไม่มีอะไรเป็นอย่างอื่นมากกว่านั้นค่ะ”
สิงคารยิ้มกว้างเป็นทวีคูณ พัดชายิ้มตอบรับรู้ว่าผู้กำกับหนุ่มใหญ่คิดอะไรกับหล่อน สิงคารตกเป็นเป้าหมายของพัดชาแล้วในตอนนี้

กลับถึงคอนโด พัดชายืนเหม่ออยู่ริมหน้าต่างห้องพัก นึกถึงคำพูดของสิงคาร
“ผมยินดีสอนคุณทุกอย่างที่อยากจะรู้”
พัดชายิ้มหมายมาด ฉับพลันก็รู้สึกว่ามีคนเดินเข้ามา หันไปเห็นเป็นพยางค์
“คิดอะไรอยู่หรือหนูพัด ฉันซื้อของกินของใช้มาฝากน่ะ”
พัดชาพูดด้วยหน้าตาซื่อๆ
“คิดเรื่องบทละครที่รับมาน่ะค่ะ” พัดชารับของมา “ขอบพระคุณนะคะ”
“บทเป็นยังไงมันน้อยไปรึเปล่า แต่หนูไม่ต้องกลัวนะตอนนี้อาจจะเล่นเป็นตัวเล็กๆ ไปก่อน แล้วฉันจะช่วยเขียนข่าวลงสร้างกระแสให้”
“คุณอามีเมตตากับพัดเหลือเกินค่ะ”
พยางค์มองพัดชาอย่างเอ็นดู
“ฉันบอกแล้วไงว่าถ้าหนูอยู่กับฉัน หนูจะมีชีวิตที่ดี”
“พัดจะต้องหาทางตอบแทนคุณอาค่ะ”
พัดชาช้อนสายตามองพยางค์อย่างมีความหมาย พยางค์สยิว
“หนูจะตอบแทนอะไรฉัน...”
พัดชายิ้มมีเลิศนัยรู้ว่าพยางค์ต้องการอะไร แต่ฉับพลันก็เล่นตัวลุกขึ้น
“ไหนๆ คุณอาก็ซื้อของมาเยอะแยะ เดี๋ยวพัดจะทำอาหารเย็นให้ทานนะคะ”
พัดชาตัดบทเดินไปทางครัว พยางค์มองตามอย่างเสียดาย เสียงโทรศพท์มือถือดังขึ้นพอดี พยางค์กดรับสาย
“สวัสดีครับพี่ภิรมณ์”

รุ่งเช้าวันต่อมาตรีประดับย้อนถามเทศราชเสียงดัง
“งานวันเกิดแม่คุณ”
“ใช่ เราอยากให้ตรีช่วยหน่อย”
“เทศจะให้ตรีช่วยอะไรคะ ให้ตรีไปซื้อของขวัญให้แม่เทศเหรอ อืม...แล้วคุณแม่คุณชอบอะไร”
“ไม่ต้องไปซื้อหรอก ทำกันเองนี่แหละ ตรีทำเค้กได้หนิ สนใจอวดฝีมือมั้ย”
ตรีประดับยิ้มขำ “โธ่ ที่แท้ก็จะให้ตรีช่วยทำเค้กนี่เอง เรื่องแค่นี้สบายมาก”
เทศราชยิ้มกว้างดีใจ
“แต่เราไม่ได้ให้ตรีช่วยแค่นี้นะ”
“มีอีกเหรอ แล้วเทศจะให้ตรีช่วยอะไรคะ”
เทศราชยิ้มเจ้าเล่ห์ให้โดยไม่ยอมตอบใดๆ ตรีประดับสงสัย

วันงานมาถึง ภิรติเป็นแม่งานจัดเลี้ยงฉลองวันเกิดมารดาอย่างยิ่งใหญ่เว่อร์วังสมฐานะไฮโซตระกูลดัง งานจัดขึ้นที่สนามหญ้าสวนสวยหน้าคฤหาสน์หรู มีแขกกลุ่มก๊วนไฮโซของภิรมณ์และภิรตีมากันเต็มงาน พยางค์เดินภูมิฐานเข้ามาในงานพร้อมกล่องของขวัญในมือ ตรงมาหาภิรมณ์กับภิรตีที่รับแขกอยู่อย่างเบิกบาน
“สุขสันต์วันเกิดครับพี่ภิรมณ์”
“ขอบใจจ้ะ นี่ถ้าเมื่อวานไม่โทรไปตามเธอจะจำได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”
พยางค์หัวเราะ “แหม ต้องได้สิครับ ผมไม่เคยพลาดซักปี”
“ย่ะ ตามสบายนะ”
พยางค์เดินเข้าไปภายในงาน

พยางค์เดินๆ อยู่ในงานกับภิรตี หยุดมองไปบนเวทีเล็กๆ กลางงาน และพบว่ามีหญิงสาวหญิงสาวหน้าตาลูกคุณหนูดูดีกำลังเล่นไวโอลินอยู่อย่างไพเราะเพราะพริ้ง
“แม่แกไปจ้างนักดนตรีที่ไหนมา สวยเป็นบ้า”
“มองได้อย่างเดียวนะอา คนนี้คุณแม่จองไว้ให้นายเทศแล้ว”
พยางค์งง “ฮะ”
“น้องเพนนี่เป็นถึงลูกสาวอดีตท่านทูตเชียวนะ เรียนจบการดนตรีที่ออสเตรีย โปรไฟล์หรูเริด เหมาะสมกับหลานอาพยางค์ที่สุด” ภิรติยิ้มภูมิใจ
พยางค์อึ้งไป เพราะรู้ว่าเทศราชคงไม่ยอมแน่ ภิรมณ์เดินมาสมทบพอดี
“ยายภิ ตาเทศอยู่ไหน ไกลจะถึงหรือยังลูก”
“เดี๋ยวหนูโทรตามให้ค่ะ”
ภิรตีเลี่ยงออกไปโทรศัพท์ พยางค์ทำหน้ากลุ้ม สังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น

สาวไฮโซเล่นไวโอลินจบลง ได้รับเสียงปรบมือดังกึกก้อง ภิรตีเดินออกมาทำหน้าที่พิธีกรบนเวที
“เพราะมากทีเดียวค่ะ สำหรับฝีมือเดี่ยวไวโอลินของน้องเพนนี พิมพ์อัปสร วิบูลย์สุนทรสกุล แขกสุดพิเศษของงานวันเกิดคืนนี้” ภิรติเว้นจังหวะ เล่นคำ ทำเป็นตื่นเต้น “ทุกท่านคงอยากทราบใช่ไหมคะ ว่าน้องเพนนีมีความพิเศษอะไรกับครอบครัวเรา คงต้องเรียนเชิญคุณแม่ของดิฉันกับคุณแม่ของน้องเพนนีขึ้นมาตอบแล้วล่ะค่ะ”
แขกในงานปรบมือกราวใหญ่อีกรอบ ภิรมณ์กับแม่เพนนีขึ้นมาบนเวที เพนนีมีท่าทางเขินอาย
ภิรมณ์ตรงรี่เข้ากระซิบกับภิรตี
“ตาเทศยังไม่มาเลยยายภิ”
“เมื่อกี้นายเทศบอกว่าขับรถมาถึงหน้างานแล้ว คุณแม่พูดไปก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวไฟจะฉายตรงทางเข้างานตอนนายเทศเดินเข้ามาพอดี ทีมงานมีคิวไว้หมดแล้วค่ะ”
ภิรมณ์สบายใจขึ้น รีบจูงมือเพนนี่กับแม่ออกไปหน้าเวที
“ขอบพระคุณทุกท่านที่มาร่วมแสดงความยินดีในวันคล้ายวันเกิดของดิฉันในวันนี้นะคะ”
พยางค์มองประเมิน เริ่มรู้แล้วว่าภิรมณ์จะพูดอะไร ยิ่งกลุ้มหนัก
“ตายแน่ๆ ไอ้เทศเอ๊ย”
“ก็อย่างที่ลูกสาวบอกไว้นั่นแหละค่ะ วันนี้เป็นวันดี ดิฉันตั้งใจจะจะแจ้งข่าวดีของครอบครัวเราให้ทุกท่านได้ทราบโดยพร้อมกัน”
เพนนีขยับเข้ามายืนตรงกลางใกล้ภิรมณ์ ภิรตีกระสับกระส่ายอยู่เบื้องหลังมองลุ้น ไปทางหน้าบ้าน จนเห็นเทศราชเดินเข้ามาพอดี ภิรตีโล่งใจ

ทีมงานแบ็คสเตจรีบวิ่งเข้าไปหาเทศราช ยัดช่อดอกไม้ใส่มือ เทศราชงงๆ แต่ก็ยอมรับมารีบเดินเข้ามา
บนเวทีภิรมณ์พูดต่อว่า “ดิฉันขอประกาศให้ทราบว่าในเร็วๆ นี้ ว่าหนูเพนนีกับตาเทศราช ลูกชายของดิฉันกำลังจะหมั้นกันค่า”
ภิรมณ์พูดจบ สปอต์ไลท์ก็ส่องมายังร่างเทศราชที่เดินงงๆ เข้ามาทันที พร้อมกับเสียงปรบมือดังไปทั่วงาน
เทศราชเหวอ มองไปรอบๆ ก็ยิ่งงง ภิรตีส่งสัญญาณเรียก เทศราชเดินขึ้นมาบนเวที โดนภิรตีจัดแจงจับให้มายื่นข้างๆ เพนนี
“เอาดอกไม้ให้น้องสิจ๊ะเทศ”
เทศราชงงๆ ไม่รู้จักเพนนี แต่ก็ยื่นดอกไม้ให้ เพนนีรับมาอายๆ
ภิรมณ์ยิ้มปลื้มพูดต่อ “ขออนุญาตเรียนเชิญล่วงหน้าสำหรับงานหมั้นของตาเทศกับหนูเพนนี่ด้วยนะคะ”
แขกเหรื่อปรบมือกันเกรียวกราวอีกครั้ง
“ฮะ อะไรนะครับคุณแม่”
เทศราชตกใจมาก ภิรมณ์ฉีกยิ้ม พูดลอดไรฟัน
“เดี๋ยวค่อยไปคุยกันข้างล่าง”
“ไม่ได้ครับ” เทศราชปฏิเสธเสียงแข็ง
ภิรมณ์อึ้ง เทศราชแย่งไมโครโฟนมาพูดกับแขกว่า
“ผมว่าคงจะมีเรื่องเข้าใจผิดกัน จะไม่มีงานหมั้นใดๆ เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ครับ”
ทุกคนตกตะลึงกันอีกรอบ เพนนีกับแม่หน้าเสียเหลือไม่ถึงขีด
“แต่ถ้าจะต้องมี ผมก็มีคนที่ผมเลือกแล้ว”
แขกในงานครางฮือ ส่วนใหญ่ตกใจคาดไม่ถึง เพนนีกับแม่เหวอ มองหน้ากันเงอะงะ
“คุณภิรมณ์ นี่มันอะไรกันคะ”
ภิรมณ์กับภิรตีหน้าซีด พยายามจะกู้สถานการณ์ แต่เทศราชลงจากเวทีไปพร้อมไมค์ลอย เดินผ่านกลุ่มแขกตรงไปยังหน้างาน ที่ไฟส่องไม่ถึง แล้วตรงไปจูงมือตรีประดับเข้ามาในงาน
ตรีประดับออกอาการประหม่า ถือของขวัญมาด้วย ภิรมณ์กับภิรตีแทบล้มทั้งยืน เมื่อเทศราชประกาศก้องผ่านไมค์
“นี่แหละครับ ผู้หญิงของผม ตรีประดับ”
เทศราชพูดพลางมองตาตรีประดับหวานซึ้ง แขกฮือฮา เม้าท์มอยเซ็งแซ่ ภิรมณ์กับภิรตีหน้าหดเหลือสองขีด
“ทำอะไรสุดๆ อีกแล้ว ไอ้เทศ”
พยางค์ส่ายหัว รู้นิสัยหลานชายอารมณ์ติสต์ดีกว่าใคร

เพนนีกับแม่เดินลิ่วๆ ออกจากงานด้วยความเสียหน้าสุดๆ ภิรมณ์กับภิรตีวิ่งตาม
“เดี๋ยวสิคะคุณหญิง คุณหญิงขา”
เพนนี่กับแม่หยุดเดิน หันมาโวยวาย
แม่เพนนี่ไหนคุณภิรมณ์บอกว่าลูกชายชอบหนูเพนนี่มาก แค่เห็นรูปก็หลงรักหัวปักหัวปำ แล้วนี่ทำไมถึงพาผู้หญิงอื่นมาหักหน้ากันได้
ภิรมณ์กับภิรตีอึกอัก
"ทำอย่างนี้มันดูถูกกันที่สุด ไปเถอะค่ะคุณแม่"
เพนนี่กับแม่สะบัดหน้าพรืดเดินออกไปขึ้น ภิรมณ์กับภิรตีอยากจะร้องไห้

ภิรตีกับภิรมณ์เข้ามาวี๊ดๆ ใส่เทศราช ตรีประดับกับพยางค์อยู่ด้วย แต่ไม่กล้าพูดอะไร
"แกให้ของขวัญวันเกิดฉันด้วยการฉีกหน้าฉันอย่างนี้เหรอตาเทศ"
"ป่านนี้พวกแขกคงเอาไปเม้าท์กันสนุกปาก เราสองคนจะเข้าหน้าใครติดคะคุณแม่"
"ถ้าคุณแม่ไม่มัดมือชกผม มันก็ไม่เป็นอย่างนี้ ผมต้องทำเพื่อปกป้องตัวเองและคนที่ผมรัก"
"นี่พูดออกมาได้เต็มปากเหรอว่าแกรักผู้หญิงคนนี้"
ภิรตีโกรธชี้หน้าตรีประดับ เทศราชเข้าไปขวาง เพราะกลัวภิรตีจะทำอะไร
"ใช่ ผมรักตรี แล้วตรีก็รักผม"
"ถ้าแกคิดจะปีนต้นงิ้วก็ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ" ภิรมณ์ประกาศกร้าว
พยางค์ทนฟังไม่ได้ รีบเข้ามา
"พูดอย่างนั้นก็เกินไปนะพี่ ต้นงิ้วเงิ้วอะไรกัน หนูตรีกับสามีก็หย่าขาดกันแล้ว ตอนนี้ไม่มีพันธะ..."
ภิรมณ์สวนออกไปว่า "นี่แกเห็นดีเห็นงามกันเหรอพยางค์"
พยางค์รีบเอามือปิดปากไม่กล้าพูดต่อ
"ยังไงฉันกับแม่ก็ไม่ยอมรับ ผู้หญิงดีๆ บริสุทธิ์ผุดผ่องมีอีกตั้งมากมาย ทำไมจะต้องไปเลือกเอาของมือสองด้วย" 
ตรีประดับหน้าชา ก้มหน้าไม่ตอบโต้ เทศราชหันไปมองอย่างสงสาร
“ผมคิดว่าคนเราควรจะยกย่องความบริสุทธิ์ที่จิตใจมากกว่าเปลือกนอกนะครับ แต่ถ้าพี่ภิกับคุณแม่ไม่เห็นด้วย ผมก็จะไม่ทำให้ลำบากใจ”
เทศราชหยิบของขวัญจากมือตรีประดับมาส่งให้
"สุขสันต์วันเกิดนะครับคุณแม่ ผมขอให้..."
เทศราชพูดไม่จบ ภิรมณ์ก็ปากล่องของขวัญลงพื้นต่อหน้า
"ฉันไม่รับ"
ภิรมณ์สะบัดหน้าเดินหนีไป ภิรตีมองน้องชายอย่างหมั่นไส้แล้วรีบตามแม่ไป เหลือแต่พยางค์ที่ยืนเก้อๆ ทำตัวไม่ถูก
เทศราชได้แต่ถอนใจ แล้วหันไปยิ้มปลอบใจคนรัก ตรีประดับยิ้มตอบหล่อนดูเข้มแข็งกว่าที่เคย

สองคนนั่งอยู่ด้วยกันบริเวณสวนสวยริมน้ำ เทศราชเปิดกล่องของขวัญออกดู พบว่าข้างในคัพเค้กเละเทะจนหมด
“เสียดายจัง อุตส่าห์ช่วยกันแต่งหน้าเค้ก ตรีอย่าโกรธแม่เรานะ”
“ไม่หรอก ตรีเตรียมใจไว้แล้วว่าอาจจะเกิดเรื่องแบบนี้ อย่างน้อยมันก็ไม่เละจนกินไม่ได้นี่”
ตรีประดับหยิบคัพเค้กในกล่องออกมาชิม
“แม่กับพี่ภิไม่น่าทำแบบนี้เลย เจ็บกันไปหมดทุกคน แม้แต่น้องเพนนีอะไรนั่นด้วย แต่เราก็ไม่มีทางเลือก ไม่ว่าจะมีใครเข้ามาแทรกกลาง เราจะไม่มีวันปล่อยมือจากตรีเด็ดขาด”
เทศราชสบตาคนรักอย่างมุ่งมั่น ตรีประดับทั้งซึ้งทั้งเขิน
“พูดได้ดี เอาไปกินคำนึง”
ตรีประดับบิเค้กออกมา แล้วป้อนใส่ปากเทศราช
“ยังไม่ได้รสชาติเลย ชิมอีกได้ปะ”
ตรีประดับบิเค้กให้อีก เทศราชแกล้งอ้าปากงับไปทั้งนิ้วตรีประดับ
“อร่อยนะ แต่เค็มนิดๆ สงสัยจะเป็น ซี ซอลท์”
“เค็มเหรอ งั้นลองอันนี้นะ”
ตรีประดับรู้ทันป้ายครีมบนฝากล่อง แปะไปที่หน้าเทศราช
“เฮ้ย เริ่มก่อนเหรอ นี่แน่ะ”
เทศราชเอามือป้ายครีมมาแปะหน้าตรีประดับบ้าง สองคนแกล้งกันไปมา ไม่ได้เก็บเอาเรื่องร้ายก่อนหน้ามาคิดติดใจอีกแล้ว

อีกฟาก ชินานางกำลังแต่งตัวไป พลางคุยโทรศัพท์นัดพยส
“เจอกันที่คลับเดิมนะคะยส นางกำลังจะออกไป”
ชินานางวางสายแล้วรีบร้อนออกจากห้องแต่งตัว แต่พอเปิดประตูออกไปก็เจอเสี่ยจิวยืนจังก้าอยู่
“เสี่ย”
“จะไปไหน”
ชินานางเอ้ออ้า พูดไม่ออก
“คือมีคิวถ่ายไนท์ซีนค่ะ คุณสิงคารโทร.มาตาม”
เสี่ยจิวมองชินานางอย่างไม่เชื่อ เปิดอีเมลเช็คคิวจากมือถือเดี๋ยวนั้นเลย
“ฉันมีเมลงานของเธออยู่ ถ้ามีคิวก็ต้องรู้” เสี่ยเปิดเมลโชว์ให้ดู “คืนนี้ไม่เห็นมีนี่ เขานัดเธอพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ”
เสี่ยจิวจ้องจับผิดเอาเรื่อง ชินานางหน้าม้าน ยิ้มเรี่ยราดกลบเกลื่อน
“ว้าย จริงเหรอคะ สงสัยนางจะจำผิด”
ชินานางหันกลับเข้าห้อง ซ่อนหน้าผิดหวัง

ดึกอีกหน่อย ชินานางนอนลืมตาโพลง พลิกไปพลิกมาข้างเสี่ยจิว จนกระทั่งได้ยินเสียงกรนครอก จึงรีบลุกขึ้น ชะโงกดู ชินานางมองเห็นเสี่ยจิวหลับสนิท ส่งเสียงกรน แกล้งเอามือไปโบกๆ ตรงหน้าให้แน่ใจว่าหลับจริง พอเห็นเสี่ยจิวไม่ตอบสนอง ก็ย่ามใจ ค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วคว้ามือถือ
“ไปไหน”
ชินานางสะดุ้งโหยง หันกลับมามอง เห็นเสี่ยจิวยังนอนหลับตาเหมือนแกล้งหลับ
“จะไปห้องน้ำค่ะ”
“แล้วจะเอาโทรศัพท์เข้าไปทำไม วาง”
ชินานางหน้างอ จำต้องวางโทรศัพท์แล้วกระฟัดกระเฟียดเข้าห้องน้ำไป

ชินานางเข้ามาในห้องน้ำบ่นบ้าระบายอารมณ์
“ล่ามฉันไว้ซะเลยสิไอ้แก่”
ชินานางเปิดตู้กระจก หยิบโทรศัพท์มือถือสำรองออกมากดโทร.ออกเซ็งๆ
พยสนั่งกึ่มๆ อยู่ที่คลับประจำ รับสายคุยโทรศัพท์กับชินานาง
“โอเคๆ มาไม่ได้ไม่เป็นไร ผมเข้าใจว่าเสี่ยกำลังจับตาดูอยู่”
พยสวางสาย กินเหล้าต่ออย่างเซ็งๆ เมื่อมองไปรอบๆ เห็นหนุ่มสาวมาเป็นคู่ๆ หัวเราะต่อกระซิกกันก็ยิ่งเซ็ง สั่งเหล้ามากินแก้กลุ้มอีก

เช้านี้ทีมงานกองถ่ายของสิงคาร กำลังเซ็ตฉากเตรียมถ่ายทำฉากในบ้านเป็นที่วุ่นวายใกล้เสร็จ รถตู้ของชินานางแล่นมาจอด นางร้ายซุปตาร์หนังหน้าหายดีแล้วก้าวลงมากับเสี่ยจิว ทักทายทุกคน
“สวัสดีค่ะทุกคน นางกลับมาแล้ว พร้อมทำงานแล้วนะคะ”
ทีมงานหันไปมองชินานางเหวอๆ เพราะแอบมีคนนินทากันว่าโดนซ้อม ไม่มีใครกล้าพูดอะไรด้วย ยิ่งเห็นเสี่ยจิวมาด้วยอีก
“อ้าว ยืนงงอะไรกันอยู่ล่ะ เอาบทมาดูซิ วันนี้ถ่ายฉากไหนบ้าง”
ทีมงานได้แต่อึกอัก สิงคารเดินออกมาพอดี
“สวัสดีครับเสี่ย”
“วันนี้ผมว่าง ขอมาดูกองด้วยคนนะ ช่วงนี้ต้องตามคุมหน่อย กลัวพวกแมวขโมย”
สิงคารหน้าเจื่อนๆ รู้ว่าเสี่ยจิวพูดแดกดันใส่
“เชิญครับ”
ชินานางหน้ามุ่ยถามเหวี่ยงใส่ “คุณสิงคาร ตกลงบทนางอยู่ไหน ไม่เห็นมีใครเอามาให้เลย ยืนเป็นบื้อกันอยู่เนี่ย”
“เอ่อ คือมันมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยน่ะคุณ”
ชินานางงง “เปลี่ยนแปลงอะไรคะ”
“ผมคิดว่าคุณยังไม่พร้อมจะรับงาน กลัวว่าถ้าเรื่องนี้มีคุณเด่นคนเดียวจะไม่รอด ก็เลยเพิ่มตัวละครใหม่เข้าไปอีก เพื่อให้เรื่องมันเข้นข้นขึ้น”
“อะไรนะ ใคร ใครที่ต้องเพิ่มมา เขาจะมาเล่นเป็นใครคะ”
พัดชาก้าวออกมาจากห้องแต่งตัวพอดีในชุดพร้อมถ่าย
“พัดพร้อมแล้วค่ะ”
พัดชาเสียงเบาลงเมื่อเห็นชินานางอยู่ตรงหน้า ชินานางยิ่งช็อก ขณะที่เสี่ยจิวตะลึงแลจำพัดชาได้
“นี่อย่าบอกนะว่า”
“ใช่ คุณพัดชาเป็นนักแสดงใหม่ที่มารับบทน้องสาวคุณ”
“ไม่จริง เป็นนังนี่ไม่ได้ นางไม่ยอม เสี่ยขา”
เสี่ยจิวมัวแต่จ้องพัดชาอย่างตะลึง ไม่สนใจชินานาง
“ใจเย็นๆ สิคุณนาง”
“บอกตัวเองเถอะคุณสิงคาร แค่นางไม่มาถ่ายช่วงนึง คุณก็ใจร้อนเอาใครก็ไม่รู้ว่าเล่นประกบนาง แล้วแก ไหนบอกว่าไม่ถนัดเสแสร้งเล่นละครไง เสนอหน้าเข้ามาในถิ่นฉันทำไม”
ชินานางเดินหน้าตึงเปรี๊ยะเข้าหาเรื่อง สิงคารเห็นท่าไม่ดี รีบลากออกไป
“ขออนุญาตนะครับเสี่ย”
ทั้งสองออกไป เสี่ยจิวมองจ้องพัดชาตาเป็นมัน

สิงคารลากชินานางเข้ามามุมลับตาคน
“ลากนางออกมาทำไม นางจะไปไล่มัน นี่มันกองของนาง ไม่ใช่ที่ของมัน”
“คุณอย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่น่า”
“ทำไม กองนี้สามีนางก็เป็นนายทุน คุณลืมแล้วหรือไง นางเกลียดมัน นางไม่ชอบมัน นางจะไปไล่มัน”
“แต่พัดชาเป็นคนมีฝีมือ ผมอยากดันเขา”
ชินานางปรี๊ด กรี๊ดแตก
“อร๊าย นี่คุณได้กินมันแล้วใช่ไหม ถึงได้ส่งเสริมมันแบบนี้ ใช่ไหม”
ชินานางทุบตีสิงคารด้วยความหึงหวง สิงคารสุดทนเตือนสติ
“นี่คุณ ทำบ้าอะไรเนี่ย อยากโดนเสี่ยตบอีกรึไง ผมไม่เอาชีวิตผมไม่เสี่ยงกับคุณหรอกนะ หยุดอาละวาดได้แล้ว เรื่องนี้ผมว่าคนที่ตัดสินเรื่องทุกอย่างได้คนเดียวก็คือเสี่ย ถ้าคุณจะไม่เอาพัดชา คุณก็ไปบอกกับเสี่ยแล้วให้เสี่ยมาบอกผมเองละกัน”
ชินานางนิ่ง
“ได้ นางจะให้เสี่ยไล่มันออกไป”

เสี่ยจิวเดินเข้ามาเห็นพัดชายืนกระวนกระวาย อยู่ในวงล้อมของทีมงานที่ลุ้นระทึกเช่นกัน
“ใจเย็นๆ ก่อนน้องพัด รอคุณสิงคารก่อน”
“มีอะไรกัน”
เสี่ยจิวมองพัดชาอย่างสนใจ พัดชามองเสี่ยจิวแล้วทำเป็นไม่กล้าพูด
“พูดมาเถอะ ผมเป็นหุ้นส่วนคุณสิงคาร ก็เหมือนเจ้าของละครเรื่องนี้เหมือนกัน มีปัญหาอะไรให้ช่วยไหม
พัดชาแอ๊บใสซื่อทำตัวเป็นนางเอกผู้น่าสงสาร
“คือพัดจะขอถอนตัวจากละครค่ะ คุณชินานางจะได้ไม่ลำบากใจ ที่จริง พัดต้องการแค่เข้ามาทำงานเล็กๆ น้อยๆ ในกองถ่าย ไม่สมควรจะมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรก”
“แต่น้องพัดเล่นดีมากนะคะเสี่ย” ทีมงานอวยไส้แตก
“ไม่หรอกค่ะ ถ้าคุณชินานางไม่อยากร่วมงานกับใครก็ไม่รู้อย่างพัด พัดขอถอนตัวดีกว่าค่ะ พัดขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะคะ”
พัดชาทำท่าจะเดินไปเปลี่ยนชุด เสี่ยจิวถือโอกาสดึงแขนไว้
“เดี๋ยวก่อน ให้ผมคุยกับคุณสิงคารดีกว่า เผื่อเราจะหาทางออกเรื่องนี้ได้”
พัดชาช้อนสายตามองเสี่ยจิว ทำเป็นไม่สบายใจ แต่กลับไม่ยอมดึงมือออกจากเสี่ยจิว
“ถ้าทีมงานยืนยันว่าคุณเป็นคนมีฝีมือ ผมก็ไม่อยากเสียคุณไป”
เสี่ยจิวมองเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม พัดชาทำเป็นเคอะเขิน ไม่กล้าสบตา

ถัดมาเมื่อชินานางเปิดบทดูเร็วๆ แล้วเงยหน้าขึ้นถามเสี่ยจิวเสียงขุ่น
“อะไรคะเนี่ย จะให้มันเล่นเป็นน้องสาวนางแล้วได้พระเอกด้วย” ชินางนางหันไปขึงตาใส่พัดชา
“ใช่ ตามบทแล้ว วัยคุณก็น่าจะได้ด้วยนะที่จะเป็นพี่สาวเขา” สิงคารว่า
“หมายความว่ายังไง ว่าฉันแก่อย่างนั้นเหรอ”
เสี่ยจิวพูดใส่หน้าอย่างไม่เกรงใจ เพราะเริ่มเห่อพัดชา “ก็แก่แล้วจริงๆ นี่”
ชินานางแทบเต้น “เสี่ย”
เสี่ยจิวไม่แยแส “เธอไม่ได้เล่นเป็นแม่เขาซักหน่อย ก็แค่พี่สาว ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน ยังไงบทเธอก็เด่นกว่าอยู่แล้ว แค่ได้ผู้ชายคนเดียวกัน”
ชินานางหันไปมองพัดชา อย่างโกรธเกลียด
“แต่นางไม่อยากให้มันได้ผู้ชายคนเดียวกับนาง แม่นี่ควรได้บทคนใช้หรือตัวประกอบเดินผ่านกล้องก็พอ”
“ฉันกับคุณสิงคารตัดสินใจแล้ว บทนั้นเหมาะกับพัดชาแล้ว ถ้าเธอไม่สบายใจ จะยกเลิกไม่เล่นละครเรื่องนี้ก็ได้นะ ดีเหมือนกัน เราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นด้วย”
เสี่ยจิวพูดอย่างท้าทาย ถือไพ่เหนือ ชินานางพูดอะไรไม่ออก อยากกรี๊ดใส่ แต่ก็ไม่กล้า

พัดชาอยู่ในห้องแต่งตัว ชินานางเดินตึงๆ เข้ามาแล้วกระชากบทเหวี่ยงออกไป
“คุณชินานาง”
“แกคิดจะตามรังควานฉันใช่ไหมนังพัดชา”
“สำคัญตัวผิดแล้วค่ะ ฉันแค่มาทำงานของคุณ คุณก็ควรจะทำงานของคุณไป ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกัน”
“ถามจริงๆ เถอะ แกไปอ่อยเสี่ยกับคุณสิงคารท่าไหน ถึงได้อ่อนเป็นขี้ผึ้งอย่างนั้น”
พัดชายิ้มเย้ย
“จะเอาไปทำบ้างหรือไงคะ แต่ฉันว่ามันไม่น่าจะสำเร็จหรอกนะ เพราะคุณมันแก่ไกล้ปลดระวางแล้ว มารยาหญิงคงช่วยอะไรไม่ได้มาก”
“นังพัดชา”
ชินานางเข้าไปดึงพัดชาขึ้นมา พัดชายิ้มยั่วไม่สะทกสะท้าน
“ไม่ต้องมาสอนฉันหรอกนะ เพราะแก่ๆ อย่างฉัน ก็ยังจับพยสได้อยู่หมัด มากกว่าผู้หญิงอย่างแกที่ไม่มีปัญญาแม้จะรั้งเขาไว้ ขนาดมีลูกด้วยยังจับเขาไม่ได้เลย”
โดนใจดำจังๆ พัดชาฟังแล้วโกรธจัด ชินานางชะงักมองจ้องว่าพัดชาจะต้องตบแน่นอน แต่พัดชากลับเฉย
“คุณรู้มั้ยว่าเสี่ยเขารู้เรื่องคุณมีชู้จากใคร ก็จากฉันนี่แหละ ฉันเป็นคนส่งรูปพวกนั้นให้เสี่ยเขาเอง ถ้าไม่อยากเจ็บตัวอีกก็อย่ายุ่งกับฉัน”
ชินานางแทบกระอัก “แก”
พัดชายั่วชินานางได้สำเร็จ ทันใดนั้นพัดชาก็หน้าหันไปตามแรงตบฉาดใหญ่จากน้ำมือชินานาง พัดชาร้องลั่น
“โอ๊ย”
“ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่ นังพัดชา”
“คุณนางอย่าค่ะ พอแล้ว พัดเจ็บ”
“อย่าหวังเลย อีสันดาน”
“คุณนาง ปล่อยพัดเถอะค่ะ โอ๊ย”
ชินานางตบตีพัดชาไม่ยั้งมือ ไม่เอะใจที่อีกฝ่ายไม่สู้เพียงปัดป้องไปมา
สิงคาร เสี่ยจิว และทีมงานวิ่งกรูเข้ามาตามเสียงกรีดร้อง พอเห็นภาพนั้น สองคารรีบเข้าห้าม
“อะไรกันเนี่ยคุณนาง ทำไมทำแบบนี้”
พัดชาเหลือบมองชินานางอย่างสาสมใจที่หลงกล แกล้งทำท่าหวาดกลัวสุดขีด
“คุณนางเข้ามาต่อว่า แล้วก็ลงไม้ลงมือกับพัดค่ะ ช่วยพัดด้วยนะคะ”
“แก”
ชินานางปราดเข้ามาจะเล่นงานพัดชาอีก แต่เสี่ยจิวกระชากแขนไว้อย่างแรง
“พอแล้วชินานาง อย่าให้กองนี้มีข่าวเสียหายเพราะเธอนะ”
“นี่เสี่ยเข้าข้างมันเหรอคะ” ชินานางโกรธปนน้อยใจ
“อย่าก่อเรื่องอีก ไม่งั้นฉันจะให้สิงคารหาคนมาแทนเธอ”
เสี่ยจิวขู่แล้วเดินหนีไป ชินานางหันไปมองพัดชาอย่างเจ็บแค้น พัดชายิ้มเยาะ
ชินานางจะถลาเข้าไปตบอีก แต่สิงคารยกมือห้าม เลยไม่กล้าทำ สะบัดหน้าตามเสี่ยไป

เสี่ยจิวเดินอารมณ์บูดออกมาจากกองถ่าย อนิลถือไอแพดลงจากรถมารายงานอย่างร้อนใจ
“เสี่ยครับ คนที่โรงแรมรายงานว่า มีข่าวของโรงแรมลงหนังสือพิมพ์อีกแล้วครับ คราวนี้มีคลิปด้วย”
เสี่ยจิวดูภาพในไอแพด เห็นเป็นรูปนักเที่ยวเดินควงเด็กสาวอายุไม่ถึงเข้าออกโรงแรม
“เวรเอ๊ย มันอยากตายกันหรือไงวะ”
เสี่ยจิวฉุนกึก ผลุนผลันขึ้นรถตู้บึ่งออกไป

พยสนั่งนอนกึ่มอยู่ที่โซฟามุมรับรองในห้องทำงานที่ออฟฟิศ ตรงหน้ายังมีขวดเหล้าวางบนโต๊ะที่ ชินานางเดินงุ่นง่านไปมา ฟ้องเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น
“นังพัดชามันให้อีตาเฒ่าพยางค์มาฝากตัวเล่นละครกับสิงคาร ดูสิ พนันได้เลยว่ามันต้องคั่วตาแก่นั่นมาแล้วแน่ๆ แล้วมันจะต้องหาทางมาจับสิงคารอีกแน่นอน”
“เลิกพูดถึง เขาได้ไหม”
พยสดื่มเหล้าหงุดหงิดไม่อาจเลิกคิดได้ที่พัดชาเป็นมารร้ายในชีวิตเขา
“ทำไมคะ นางอยากเล่าความทุเรศของมันให้ยสฟัง เชอะ อยากเป็นดารา จะไปสักแค่ไหน นางเลยหาเรื่องอาละวาดไม่ถ่ายต่อ เลยได้โอกาสออกจากกองมาหาคุณเลย”
ชินานางพูดจบก็หันไปมองยั่ว ทว่าพยสไม่สนใจกินแต่เหล้า
“คุณฟังอยู่หรือเปล่าคะพยส เรื่องฤทธิ์เดชนังเมียใหม่ของคุณน่ะ”
“ผมบอกแล้วไงว่าพัดชาไม่ใช่เมียผม เมียผมมีคนเดียวคือตรีประดับ”
พยสกินเหล้าดับกลุ้มต่อ
ชินานางค้อนควัก “หมั่นไส้ หย่ากันแล้วยังจะพร่ำเพ้อหาอยู่ได้”
พยสไม่สนใจ หยิบโทรศัพท์มาเปิดเฟซบุ๊คดู ชินานางเดินเข้ามานั่งกระแซะ เริ่มยั่ว
“แล้วเมียคุณที่อยู่ตรงนี้ล่ะคะ แคร์บ้างไหม”
พยสไม่ตอบ ไล่ดูเฟซบุ๊คไปเรื่อยๆ ชินานางเริ่มแพะพิง มือไม้ซุกซน เสียงกระเส่า
“คุณพยส”
พยสชะงักกึกเมื่อเห็นจากเฟซบุ๊ค เป็นภาพเทศราชกับตรีประดับกำลังช่วยกันทำสวนลงต้นไม้ อยู่กับภูมิ และแววสีหน้าเบิกบาน เขาลุกพรวด ชินานางตกใจ
“อ้าวคุณ จะไปไหน”
“ผมมีธุระ”
พยสพูดจบก็ออกไปทันที ชินานางค้างเติ่ง วันนี้มีแต่ผู้ชายขัดใจ
“โอ๊ย นี่มันวันอับโชคของฉันเหรอเนี่ย”

ตรีประดับ เทศราชกำลังช่วยกันเอาไม้กระถางที่ซื้อมาลงหลุม โดยมีภูมิกับแววคอยช่วย
พยสขับรถปราดเข้ามาในบ้าน แล้วเบรกเสียงดังจนทุกคนตกใจหันไปมอง
“พยส”
พยสโซเซลงมาจากรถยิ้มเผล่ไหว้ทักภูมิกับแวว
“สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่”
ตรีประดับดูออกว่าอีกฝ่ายเมา “คุณมาทำอะไรที่นี่”
“ก็ผมเห็นจากเฟซบุ๊คไอ้เทศว่ากำลังลงต้นไม้กันอยู่ ก็เลยว่าจะมาช่วย”
“ไม่ต้อง” แววเสียงขุ่น
ภูมิยกมือปรามแวว พยายามเข้าไปพูดกับพยสดีๆ
“พยสดื่มมาหรือ พ่อว่าไปนั่งพักในศาลาก่อนดีกว่า สร่างแล้วค่อยคุยกัน”
“ผมไม่เป็นไรครับคุณพ่อ ดื่มนิดหน่อย สังสรรค์ให้กับความโสดน่ะครับ”
พยสยิ้มขมขื่น แล้วหัวเราะแค่นๆ ออกมา แววเห็นแล้วหมั่นไส้เต็มที่
ตรีประดับมองพยสอย่างรำคาญ แล้วเลิกสนใจ เดินไปช่วยเทศราชซึ่งเลี่ยงไปขนกระถางต้นไม้ที่ท้ายรถกระบะต่อ
“ตรี ให้ผมช่วยนะ”
พยสโซซัดโซเซไปหาตรีประดับ จะช่วยยก
“ไม่ต้องค่ะ ปล่อย”
“มันหนัก ตรียกคนเดียวไม่ไหว” พยสเกาะแกะจะช่วยให้ได้ ไม่ยอมปล่อย
ตรีประดับทนไม่ไหว “ก็บอกให้ปล่อย”
เห็นพยสไม่ยอมปล่อย ตรีประดับพยายามกระชากหนีมา จนในสุดกระถางก็หลุดมือแตกเพล้งลงใกล้เท้าของตรีประดับ ทุกคนตกใจ เทศราชรีบกระโดดลงมาดู
“ตรี เป็นอะไรหรือเปล่า”
ตรีประดับงงๆ ก้มลงดู แต่เทศราชก้มลงไปจับเท้าดูแผลก่อนแล้ว เช็ดฝุ่นดูแผลอย่างละเอียด พยสเห็นแล้วทนไม่ได้
“เฮ้ย ให้มันน้อยๆ หน่อยไอ้เทศ ต่อหน้าพ่อแม่ตรียังกล้าทำขนาดนี้อีกเหรอ เกรงใจกันบ้าง”
“แกน่ะสิ หัดมีความเกรงใจซะบ้าง โผล่หน้ามาที่นี่ทั้งที่เมาแอ๋แบบนี้มันสมควรแล้วเหรอ”
“ฉันก็ต้องมาจับตาดูแก ไม่ให้ทำทุเรศๆ แบบนี้ไง” พยสพาลพาโล
“ใครทุเรศกันแน่วะ ดูสภาพแกในกระจกซะก่อน”
เทศราชผลักพยสให้หันไปทางรถที่จอดอยู่ พยสฉุนขาดที่ถูกจับตัวดันไป
“อย่ามาจับตัวกู”
พยสเหวี่ยงหมัดชกใส่เปรี้ยง จนเทศราชล้มลงไป ทุกคนตกใจ
“เทศ”
ตรีประดับตกใจรีบเข้าไปหา พยสจะเข้าซ้ำ ตรีประดับตวาดขวาง
“พอได้แล้วยส อย่ามาทำอันธพาลแบบนี้ ไม่งั้นตรีจะเรียกตำรวจ”
พยสชะงักนิ่งงันไป ตรีประดับหันไปดูเทศราช ภูมิกับแววเข้ามาดูด้วย
“ตายแล้วตาเทศ เลือดออกนี่”
เทศราชยกมือข้างที่เท้ากับพื้นดินขึ้นดู เห็นว่าโดนเศษกระถางบาดจนเลือดออก
“ไปๆๆ เข้าบ้านก่อน ตรีรีบไปล้างแผลทีลูก”
ภูมิกับแววรีบช่วยพยุงเทศราชเข้าบ้านไป ตรีประดับมองพยสอย่างผิดหวัง แล้วรีบตามเข้าไปอีกคน
พยสมองทุกคนที่หันไปดูแลเทศราชอย่างเจ็บใจ หันไปเตะลมแล้งระบายความหงุดหงิด

ตรีประดับทำแผลให้เทศราชใส่ยา แล้วเอาพลาสเตอร์ปิด
“เจ็บไหมเทศ”
เทศราชยิ้มทะเล้น ส่ายหน้า
“ไม่หรอก พยาบาลมือเบ๊าเบา”
ตรีประดับอมยิ้ม หันไปเปิดกล่องหยิบยาแก้ปวดมาให้
“กินยาแก้ปวดหน่อยไหม เดี๋ยวดึกๆ จะระบมจนนอนไม่หลับ”
“จะดีเหรอ เดี๋ยวกินแล้วง่วงกลับบ้านไม่ไหว จะทำยังไง”
ภูมิเดินขึ้นเรือนมาพอดี
“ไม่ไหวก็นอนนี่สิเทศ ห้องหับมีตั้งเยอะตั้งแยะ”
เทศราชยิ้มแหยๆ เกรงใจ “ไม่เป็นไรครับคุณพ่อ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก คืนนี้สงสัยต้องมีเพื่อนนอนหลายๆ คนหน่อย”
ตรีประดับกับเทศราชทำหน้าแปลกใจ ภูมิพยักพเยิดไปยังหน้าบ้าน
“พยสเขายังไม่กลับเลย นอนอยู่ที่ท่าน้ำโน่น ไม่รู้ไปจ้างเด็กที่ไหนให้ซื้อเหล้ามาให้กินอีก”
ขาดคำ สามคนก็ได้ยินเสียงพยสเมามายโวยวายดังแว่วมา
“ตรีจะไปไล่เขา” ตรีประดับทำท่าจะลุก
“อย่าเลยตรี เดี๋ยวจะมีเรื่องกันอีก ปล่อยมันไปก่อนเถอะ” เทศราชหันไปทางภูมิ “งั้นคืนนี้ผมจะนอนเฝ้านอกชานให้นะครับคุณพ่อ เผื่อมีอะไร”
“ขอบใจนะ”
ภูมิยิ้มให้เทศราชอย่างอุ่นใจ ขณะที่ตรีประดับนิ่งขึงไม่สบอารมณ์กับความบ้าบอของพยส

ที่กองละครช่อง8 พัดชายืนให้ทีมเสื้อผ้าเปลี่ยนชุดออก พลางเม้าท์มอยกันไป
“น้องพัดชาแสดงดี๊ดี แล้วก็ยังว่าง่าย ไม่เรื่องเยอะ”
“พัดไม่อยากเป็นภาระของใครน่ะค่ะ”
“น่ารัก” ทีมงาน 2 หยิกแก้ม “เป็นอย่างนี้ตลอดรอดฝั่งก็แล้วกันนะจ๊ะ รับรองว่าคุณสิงคารดันสุดใจขาดดิ้น”
ทีมงานสองคนหัวเราะกันอย่างมีเลศนัย พัดชาทำเป็นขวยเขิน แต่รู้ดีว่าทั้งสองหมายความว่าไง

รถสิงคารจอดรออยู่ สิงคารกำลังรอใครสักคน เปิดรับพัดชากำลังเดินออกจากกองเพื่อกลับบ้าน สิงคารเห็นยิ้มดีใจ รีบขับรถที่ตั้งใจดักรอไว้อยู่แล้ว เข้าไปหาพัดชาทันที
“ให้ผมไปส่งไหมครับ”
พัดชาทำอึกอัก
“ดึกแล้วอย่ากลับคนเดียวเลยครับ ผมไปส่งนะ”
พัดชายิ่มหวานส่งสายตาให้
“ขอบคุณค่ะ”
แล้วพัดชก็เข้าไปขึ้นรถ สิงคารยิ้มดีใจ รถแล่นออกไป

ที่ผับหรูบรรยากาศเริด ไฟสลัวรางยิ่งดูโรแมนซ์คลาสสิก พัดชานั่งกินอาหารอยู่กับสิงคารในมุมส่วนตัวของร้าน มองไปรอบๆ อย่างตื่นตากับสภาพแวดล้อมหรูหราอันไม่คุ้นเคย พนักงานเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ
พัดชาทำเป็นขัดเขินประหม่า “ไหนคุณสิงคารบอกว่าจะกลับบ้านไงคะ”
“ผมไม่ได้บอกนี่ว่าก่อนกลับบ้าน เราจะไม่แวะหาหาที่นั่งฉลองกันซักนิด”
พัดชาแอ๊บทำไก๋ “ฉลองเรื่องอะไรคะ”
“ที่เราร่วมงานกันอย่างราบรื่นไงครับ”
พัดชาชะม้อยชม้ายสายตามองผู้กำกับอดีตพระเอก
“มันเพิ่งเริ่มต้นนี่คะ อีกหน่อยพัดอาจจะทำให้คุณผิดหวังก็ได้”
“ไม่หรอก ผมรู้ว่าคุณเป็นคนตั้งใจจริง และคุณก็จะทุ่มเทกับสิ่งที่คุณทำอย่างเต็มที่เพื่อให้ตัวเองบรรลุเป้าหมาย”
สิงคารพูดอย่างรู้ทัน พัดชาผสานสายตาตอบอย่างท้าทายนิดๆ
“แต่มันคงก็ไม่ง่ายใช่ไหมคะ”
“ขึ้นอยู่กับว่าเป้าหมายคุณคืออะไร และคุณพร้อมจะแลกแค่ไหน”
สิงคารทอดสะพาน ยิ้มมีเลศนัยให้ แล้วยกมือสั่งเครื่องดื่มจากพนักงานอีก
“พัดพอแล้วดีกว่าค่ะ”
“เอาน่า ผมไม่อยากดื่มคนเดียว มันเหงา”
สิงคารยื่นเครื่องดื่มให้พัดชาอีกแก้ว พัดชาทำอิดออด แต่ก็รับมาจิบเหมือนคนคออ่อนดื่มไม่เก่ง

ส่วนที่บ้านสวน เทศราชอาบน้ำเสร็จประแป้งลายพร้อย ใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงสามส่วนของพ่อเก้ๆ กังๆ กางมุ้งนอน ตรีประดับเดินออกมาเห็นเข้าก็อดขำไม่ได้
“เข้าไปนอนในห้องก็ได้นะเทศ”
“ไม่เอาล่ะ เราอยากนอนตรงนี้ เผื่อไอ้พยสมันบ้าเลือดเข้ามา เราจะได้กัดทัน” เทศราชหัวเราะขำๆ “อีกอย่างเกิดมาไม่เคยนอนในมุ้งเลย อยากนอน”
“งั้นตรีช่วย”
ตรีประดับมาช่วยจับสายมุ้ง แล้วส่งให้เทศราชปีนขึ้นไปเกี่ยวไว้ที่เสาบ้าน
“มองเห็นตะขอเล็กๆ ไหมเทศ เอาเกี่ยวไว้ตรงนั้นแหละ”
เทศราชมองหาแต่ไม่เห็น เขย่งไปเขย่งมา กางเกงที่ผูกกับเอวทำท่าจะหลุด
“เฮ้ย”
เทศราชรีบเอามือตะครุบกางเกงแล้วกระโจนลงมา เอามุ้งปิดกันอุดจาด ตรีประดับหัวเราะขำ แววหอบหมอนเดินออกมาพอดีเดินออกมาพอดี
“ทำอะไรกันน่ะลูก”
“เอ่อ ป...เปล่าครับ”
“คุณแม่จะเอาหมอนไปไหนคะ ตรีเอามาให้เทศแล้วค่ะ”
แววพูดด้วยสีหน้าหมั่นไส้ “ก็ของนายพยสน่ะสิ ท่าทางคืนนี้คงไม่ได้กลับหรอก คงต้องรอจนเมาหลับนั่นแหละ”
“ตรีเอาไปให้เองค่ะ”
แววห่วง “จะดีเหรอลูก”
เทศราชอาสา “งั้นเราไปด้วย”
“ไม่เป็นไรจ้ะ เทศกางมุ้งต่อเถอะ ถ้ามีอะไรจะเรียก”
ตรีประดับรับหมอนจากแม่ แล้วเดินลงเรือนไป เทศราชมองตามไปอย่างเป็นห่วง ตัดใจกลับมากางมุ้งต่อ

พยสนอนเขลงอยู่ที่ศาลาหน้าเรือน ขวดเบียร์วางเกลื่อนกล่น อาการสะลึมสะลือเหมือนคนครึ่งหลับครึ่งตื่น
ตรีประดับเดินเข้ามาหยุดมอง เห็นสภาพพยสแล้วรู้สึกหดหู่ อนาถใจ ช่างผิดกับพยสอดีตสามีผู้สำอาง เนี้ยบ สะอาดสะอ้าน และถือดีในความเพียบพร้อมของตัวเองอย่างที่เคยเป็นอย่างสิ้นเชิง
ตรีประดับพยายามข่มความรู้สึกผิดหวังนี่หรือคนที่เคยรัก รักมากเสียด้วย ตรีประดับเดินเข้าไปใกล้ๆ เอาผ้าห่มคลุมตัวพยสให้ แล้วพยายามจะจับหัวขึ้นเพื่อสอดหมอน ทันใดนั้นเองพยสก็ลืมตาขื้นมา คว้าแขนตรีประดับหมับ
“ตรี”
ตรีประดับตกใจ พยายามชักแขนออก
“คุณแม่ให้เอาหมอนกับผ้าห่มมาให้ เผื่อกลางคืนจะหนาว”
พยสยิ้มออก “ตรียังเป็นห่วงผม”
“คุณแม่ต่างหากค่ะ”
“ไม่จริง ไม่ใช่คุณแม่ ตรีห่วงผม” พยสย้ำเพราะความเมา และไม่ยอมปล่อยมือง่ายๆ

ฝ่ายเทศราชกางมุ้งเสร็จแล้ว แต่ยังไม่นอน ยืนชะเง้อมองอยู่ตรงชานบ้าน แต่เห็นอะไรไม่ชัดนัก นอกจากเห็นว่ากำลังพูดกันอยู่ เทศราชกระสับกระส่ายอยากจะลงไปตาม แต่ก็กลัวว่าพยสจะเอะอะไปกันใหญ่ ได้แต่ละล้าละลัง

สองคนยังอยู่ในศาลาสวนหน้าบ้าน ตรีประดับพยายามดึงมือออกจากการเกาะกุม แต่พยสจับไว้แน่น
“ในที่สุดตรีก็ต้องยอมรับกับหัวใจตัวเองว่ายังมีผมอยู่”
“ตรีไม่ปฏิเสธว่ายังมีห่วงใยคุณอยู่ แต่ก็ในฐานะเพื่อนเท่านั้น ตรีเคยบอกแล้วไง”
“เพื่อนกันจะลงมาหากันตอนดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้หรือ”
พยสพูดพลางดึงแขนตรีประดับเข้าไปใกล้อีก จนตรีประดับได้กลิ่นเหล้า
ตรีประดับพยายามพูดดีๆ อย่างอดทน “ยส ตรีขอร้องนะ อย่าทำให้อะไรให้มันแย่ไปกว่านี้เลย”
พยสพาล “แย่ยังไง อะไรแย่ ความสัมพันธ์ระหว่างเราแย่ หรือว่าเป็นที่ตัวผมแย่ ถ้าเป็นอย่างหลัง ผมยินดีจะแก้ตัวใหม่ ผมจะปรับตัวใหม่ให้เป็นคนที่ตรีกลับมารักได้อีกครั้งให้ได้”
“ถ้าคุณจะเริ่มต้นใหม่มันก็ดีแล้ว แต่ขอให้คุณทำเพื่อตัวเองเถอะ อย่าทำเพื่อคนอื่นเลย โดยเฉพาะตรี เพราะมันไม่มีทางจะเป็นไปได้อีก”
"ตรีจะไม่ให้โอกาสผมเลยเหรอ" พยสเหลือบไปเห็นสร้อยโคลเวอร์ที่ตรีประดับสวมอยู่โดยบังเอิญ รู้ทันทีว่าเป็นของเทศราช "หรือว่าคุณก็เริ่มต้นใหม่กับไอ้เทศไปแล้ว ก็เลยกลับมาหาผมไม่ได้ ไอ้เลว ไอ้เพื่อนทรยศ"
พยสเริ่มพาลจะดึงสร้อยออก แต่ตรีประดับรีบดึงกลับมา
"ใครกันแน่ที่ทรยศ ไม่ใช่เทศเหรอที่ทรยศความรักความไว้ใจของตรี ยื่นมือไปดึงคนที่สามเข้ามาทำลายครอบครัวของเรา"
พยสโวยวายปฏิเสธลั่น "ไม่จริง พัดชายั่วผม เขาจงใจวางแผนทำลายครอบครัวของเรา ผมเป็นแค่เหยื่อของเขา"

ทางด้านสิงคารประคองพัดชาเข้ามาในคอนโด พัดชาทำท่าเป็นเดินสะเปะสะปะ จนสิงคารต้องประคอง
“ผู้หญิงคนนั้นใช้เรือนร่างของตัวเองแลกสิ่งที่ตัวเองต้องการ เขาต้องการความรักจากผม แต่ผมไม่มีให้ แล้วตอนนี้เขาก็โผไปหาผู้ชายอื่นแล้ว เพื่อหาสิ่งที่เขาอยากได้”
สิงคารเข้าปะทะร่างของพัดชาที่ผนัง พัดชาจ้องตา พลันภาพอดีตวาบเข้ามาตอนถูกเดฟพยายามขืนใจ
“เธออยากได้อะไร ฉันให้ได้นะ ขออย่างเดียว ยอมฉัน”
พัดชาสลัดภาพนั้นทิ้ง พลิกตัวให้สิงคารเป็นฝ่ายพิงผนังแทน สิงคารแปลกใจกับท่าทีดังกล่าว แต่คิดว่าพัดชาเมา หารู้ไม่ว่ามันคือการสลับตำแหน่งจากที่เคยถูกกระทำโดยเดฟ มาเป็นฝ่ายควบคุมเกมบ้าง
พัดชาค่อยๆ ไล้มือโอบรอบคอสิงคาร และใช้มืออีกข้างเกี่ยวกระดุมเสื้อสิงคารออกทีละเม็ด ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปใกล้

สิงคารเคลิ้มคล้อยเต็มที่เผยอปากขึ้นจูบ แต่พัดชาแกล้งถอยหนี กึ่งลากสิงคารให้ตามไป เดาได้ไม่ยากว่าอะไรจะเกิดขึ้นนับจากนี้

อ่านต่อตอนที่ 21
กำลังโหลดความคิดเห็น