xs
xsm
sm
md
lg

ระบำไฟ ตอนที่ 18

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ระบำไฟ ตอนที่ 18

คืนเดียวกันนี้ พยสขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดของคอนโด เปิดประตูลงมา เว้นจากรถไปอีกสองคัน เห็นชินานางเปิดประตูตามลงมา ทั้งสองเดินเข้ามาหากัน ชินานางสวมกอดพยสอย่างแสนรัก โดยไม่รู้ว่ามีใครคนหนึ่งถ่ายภาพเอาไว้ตลอดเวลา

ขณะเดินไป ชินานางเป็นฝ่ายออเซาะเข้าหาพยสมากกว่า ใครคนนั้นซูมที่ชินานาง ตามถ่าย แชะๆๆ
เมื่อทั้งสองเดินกอดประคองกันเข้าตึกไป ตากล้องคนนั้นแสดงตัวออกจากที่ซ่อน เผยให้เห็นว่าเป็นพัดชานั่นเอง

รุ่งเช้า เทศราชตื่นลุกเดินออกมาจากห้อง แล้วชะงักเพราะเห็นตรีประดับผล็อยหลับที่โซฟา มีหนังสือปิดหน้า
เทศราชยิ้มเอ็นดู เดินเข้าไปหาหยิบหนังสือออกมาวาง แล้วจะช้อนอุ้มตรีประดับเข้าไปนอนในห้อง แต่ตรีประดับรู้สึกตัวสะดุ้งตื่นเสียก่อน
“เทศ”
เทศราชรีบผละออก สีหน้าเก้อๆ
“เห็นตรีหลับอยู่ เราเลยจะให้ไปนอนในห้อง จะได้สบายตัว”
“ตรีหลับไปตอนไหนเนี่ย ไม่รู้ตัวเลย”
เทศราชยิ้มขำ หยิบหนังสือสารคดีที่ตัวเองเขียนขึ้นมา
“ก็ดูหนังสือที่ตรีอ่านสิ ใครเขียนวะ” เทศราชแกล้งอ่านชื่อ “อ่อ ไอ้เทศราชนี่เอง ไอ้หมอนี่มันเขียนไม่สนุก”
ตรีประดับกับเทศราชหัวเราะให้กัน แล้วชะงัก มองหน้ากัน อยู่ๆ ตรีประดับก็รู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา
“รู้ไหมว่ามีแต่เทศนี่แหละที่ทำให้เรายิ้มได้”
เทศราชนิ่งไป มองตอบตรีประดับอย่างอ่อนโยน
“เราดีใจนะ ไม่ได้ดีใจที่เราเป็นคนเดียวที่ทำให้ตรีมีความสุข แต่ดีใจที่อย่างน้อยตรีก็รู้ว่าจะหารอยยิ้มได้จากที่ไหนในช่วงเวลานี้” เทศราชจับมือตรีประดับมากุม “เราจะอยู่ตรงนี้เพื่อตรีเสมอ จนกว่า...”

เทศราชพูดไม่ทันจบคำ ประตูห้องถูกไขกุญแจเข้ามา โดยฝีมือแม่และพี่สาวที่กระแทกประตูเปิดอย่างแรง ภิรติแผดเสียงดังลั่นกับภาพที่เห็น
“นายเทศ”
พอมองไปเห็นตรีประดับกับเทศราชใกล้ชิดกัน ภิรมณ์ถึงกับยกมือทาบอก ตรีประดับร้อนใจพยายามจะอธิบาย
“มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะคะ”
“เห็นภาพตำตาแบบนี้ จะไม่ให้ฉันกับแม่คิดเหรอ” ภิรตีไม่เชื่อไม่ฟัง ด่ายับโดยไม่ให้เกียรติตรีประดับ “เธอกำลังมีปัญหากับสามี ก็เลยเหงา อยากหาที่ระบายมากใช่มั้ย ไหนนายเทศจะเป็นคนหัวอ่อนว่าง่ายให้เธอสนตะพายมาได้เป็นสิบปีอีก เธอก็เลยเอาง่ายเข้าว่า คว้าเพื่อนเก่าอย่างนายเทศมาทำสามีใหม่ซะเลยละซิ”
เทศราชโกรธจัด “พี่ภิ”
ตรีประดับน้ำตาคลอ ด้วยความสะเทือนใจ เทศราชรีบเข้าไปขวาง
“หยุดพูดจาเพ้อเจ้อแบบนี้ได้แล้วพี่ ไม่งั้นก็กลับไป ไม่ต้องมาคุยกัน”
“ตายแล้ว นี่แกกล้าไล่ฉันกับแม่เหรอ” ภิรตีโมโห
ตรีประดับเห็นท่าไม่ดี ดึงแขนเทศราชห้าม
“พอเถอะเทศ ตรีจะกลับแล้ว ตรีขอตัวนะคะ”
ตรีประดับไหว้ลาแล้วเดินออกไปเอาเสื้อผ้าที่ตากอยู่นอกห้อง ภิรตีกับภิรมณ์มองตามอย่างหมั่นไส้ เทศราชถอนใจ

ตรีประดับออกมาจากคอนโด สีหน้าเศร้า นึกถึงคำพูดด่าทองของภิรตี
“เธอกำลังมีปัญหากับสามี ก็เลยความเหงา อยากหาที่ระบาย ไหนนายเทศจะเป็นคนหัวอ่อนว่าง่ายให้เธอสนตะพายมาได้เป็นสิบปี เธอก็เลยเอาง่ายเข้าว่าคว้าเพื่อนเก่าอย่างนายเทศมาทำสามีใหม่ซะเลยละซิ”
ตรีประดับน้ำตาซึม ก้มหน้าเช็ดน้ำตาแล้วจะเดินข้ามถนน
มอเตอร์ไซค์ส่งพิซซ่าคันหนึ่งขับตรงมาพอดี คนขับรีบบีบแตรดังลั่น ตรีประดับตกใจถอยหนีเกือบล้ม คนขับรีบจอดมอเตอร์ไซค์ข้างทาง ถอดหมวกกันน็อคลงมาดู เห็นว่าเป็นชิงฉัตร
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เด็กหนุ่มชะงัก “อาตรี”
ตรีประดับตกใจเช่นกัน ไม่คิดว่าจะเจอชิงฉัตรในสภาพนี้

ด้านเทศราชโวยวายใส่ภิรตีกับภิรมณ์อย่างเคืองขุ่น
“พี่รู้ไหมว่าเมื่อคืนตรีมาเฝ้าผม เพราะผมถูกทำร้ายบาดเจ็บ ผมเป็นคนบอกตรีเองไม่ให้โทร.ไปบอกพี่กับคุณแม่ เพราะไม่อยากให้เป็นห่วงกัน แล้วนี่เหรอคือสิ่งที่ตรีสมควรได้รับ”
“แล้วแกไปทำอะไรมาถึงโดนทำร้าย ผัวแม่นี่ซ้อมเอาหรือไง” ภิรติว่า
“โธ่โว้ย”
เทศราชกุมหัว ประสาทจะกิน เดินหนีพี่สาวเข้าห้องไป
“ทำไม พูดกับฉันให้รู้เรื่องก่อน”
ภิรตีตามมาเอาเรื่องไม่ลดละ เห็นเทศราชกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า
“แกอย่ามาเดินหนีฉันนะ ตกลงแกจะเอายังไง ถ้าแกไม่ยอมเลิกกับผู้หญิงคนนี้ ฉันกับแม่จะเอาคอนโดคืน”
เทศราชเหลืออด “เอาเลยพี่ เอาคืนไป ผมจะไปอยู่ทีอื่น ดีเหมือนกัน พี่จะได้ตามไปจุ้นจ้านไม่ได้อีก”
ภิรตีโกรธจัด “นายเทศ”
ภิรมณ์ตำหนิลูกชาย “เทศพูดแบบนี้ได้ยังไงลูก”
เทศราชหยิบกระเป๋าเดินทางออกมากระแทกวางบนเตียง
“ผมก็ไม่ไหวเหมือนกันนะครับแม่” เขาหันมาทางภิรตี “ว่าไง จะให้ขนของออกไปวันนี้เลยไหม”
ภิรตีอึ้งเมื่อเห็นท่าทางขึงขังเอาจริงของน้องชาย ไม่กล้าเด็ดขาดกับน้องเหมือนกันหันมามองแม่ คุณภิรมณ์เองก็ได้แต่ทอดถอนใจ

สองคนนั่งคุยกันอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“อาไม่รู้เลยว่าฉัตรหนีออกจากบ้าน”
“อาไม่เห็นจดหมายที่ผมเขียนทิ้งไว้เหรอครับ”
“จดหมาย”
“ผมวางไว้บนโต๊ะทำงานอาตรี”
ตรีประดับมีสีหน้ากระอักกระอ่วน ในที่สุดก็ยอมบอก
“อาไม่ได้อยู่บ้านนั้นแล้วล่ะฉัตร ก็เลยไม่เห็น”
“ทำไมครับ เกิดอะไรขึ้น”
ชิงฉัตรรู้เรื่องหมดแล้วก็ผลุนผลันลุกขึ้น ตรีประดับรีบทัก
“ผมจะไปเล่นงานยายพัดชา”
“ไม่มีประโยชน์หรอกฉัตร ยังไงเรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว”
ชิงฉัตรฮึดฮัด “ผมเคยบอกอาแล้วว่ายายนี่มันตัวร้าย อาก็ไม่เชื่อผม พัดชาจ้องอาพยสมานานแล้ว พอตอนนี้ท้องก็ได้โอกาสจับ ทั้งที่เป็นลูกอาพยสจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้”
ตรีประดับงุนงง “หมายความว่ายังไง”
“ก็ผมกับพัดชา...”
ชิงฉัตรค้างคำไม่พูดต่ออีก สีหน้ามีความละอายอยู่เต็ม ตรีประดับเดาได้ อึ้งหนัก เพิ่งกระจ่างความจริง
ตอนนั้นโกรธจัดด่าว่าเด็กหนุ่มอย่างรุนแรง
“หยุดนะฉัตร อย่ามาพูดอะไรน่ารังเกียจแบบนี้นะ”
“ผมพูดจริง เรามีอะไรกันแล้ว เขาเป็นเมียผม”
พัดชายิ่งร้องไห้โฮ ทรุดลงพื้น ตรีประดับสุดทน ตบหน้าชิงฉัตรดังฉาด
ตรีประดับรู้สึกผิดหวัง เมื่อรู้ว่าชิงฉัตรพูดเรื่องจริง
“อาไม่คิดเลยว่าฉัตรจะเป็นผู้ชายอีกคนของพัดชาด้วย”
“เขาไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาครับอาตรี อาตรีไว้ใจคนมากเกินไป”
“โทษพัดชาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้หรอก อาโง่เอง ที่เป็นคนเปิดโอกาสเปิดทางให้ไฟราคะของทุกคนจุดขึ้นในบ้าน แต่มันก็ได้ทำให้วันนี้อาเห็นแล้วว่า สัญชาติญาณของผู้ชายที่อาคิดว่าซื่อสัตย์อย่าพยสนั้นเป็นยังไง และเด็กผู้ชายคนที่อยู่ตรงหน้าอาคนนี้ก็ข่มอารมณ์ความต้องการไม่ได้เช่นกัน”
“ผมขอโทษครับอาตรี”
ตรีประดับน้ำตาตกใน ไม่อยากจะเชื่อเรื่องวีรกรรมของพัดชาผู้แสนดี

อรณากับบุพชามารับเงินเดือน รับเช็คเงินสดจากพยสมาดู พยสเหล่มองไม่อยากสนใจ
“ถ้าในเช็คไม่ได้สะกดชื่อผิดก็เอาไปขึ้นเงินสิครับ จะรออะไรล่ะ”
“หมั่นไส้ ทีหลังถ้าไม่อยากให้มาเจอหน้าก็โอนมาให้สิยะ” บุพชาเปิดซองดู “ฉันควรจะได้มากกว่านี้ด้วยซ้ำนะ เพราะแกแพ้พนันฉัน ทำตัวเป็นผัวทีดีไม่ได้อย่างที่ปากพูด”
“จะเอาหรือไม่เอา ถ้าไม่พอใจก็เอาคืนมา” พยสแบมือขอคืน
บุพชาค้อนควักแล้วรีบเก็บเช็คใส่กระเป๋า พยสยิ้มแค่นๆ แล้วหันไปหาอรณา
“ยายอร ไอ้นิลมันเป็นยังไงบ้าง ได้เจอมันบ้างไหม”
อรณาส่ายหน้า “ไม่เจอกันเลยค่ะ ครั้งสุดท้ายเห็นว่าเดี๋ยวจะมาขนของย้ายออกไปเช่าห้องใหม่ ท่าทางจะรวยอู้ฟู่แล้วมั้ง ไม่รู้ไปทำงานอะไรมา”
“จะงานอะไร๊นอกจากไปรับจ้างทวงหนี้ต่อยตีนักเลง ไอ้นิลมันก็ทำเป็นอยู่แค่นั้น” บุพชาบอก
พยสนิ่งคิด นึกถึงที่ตรีประดับมาพูด นึกเป็นห่วงน้องชาย
“เตือนๆ มันหน่อยก็แล้วกันว่างานอะไรที่สุ่มเสี่ยงนักก็เลี่ยงออกมา ฉันขี้เกียจต้องขึ้นศาลว่าให้มัน”
พยสคิดถึงเรื่องอนิลทำร้ายเทศราช

เสี่ยจิวยืนหันหลังอยู่ ท่าทางเคร่งเครียด ชินานางเดินเข้ามากอดอ้อนออเซาะ
“เสี่ยเรียกนางมาทำไมเหรอคะ มีธุระด่วนหรือเปล่า เดี๋ยวนางต้องรีบไปงาน”
“ฉันแคนเซิลงานของเธอให้หมดแล้ว”
ชินานางงง เสี่ยจิวหันมา หน้าบึ้ง
“หมายความว่ายังไงคะ”
“เธอจะรับงานไม่ได้ไปอีกหลายวัน เพราะรูปพวกนี้”
เสี่ยจิวเปิดรูปถ่ายในมือถือให้ดู ชินานางเห็นแล้วตกใจ เป็นรูปตัวเองเดินโอบกอดกับพยสเข้าคอนโด ทุกรูปเห็นหน้าหล่อนชัด แต่พยสเห็นแค่มุมด้านหลังเลยไม่รู้ว่าใคร
เสี่ยจิวกระชากคอชินานางเข้ามาใกล้อย่างแรงแล้วตะคอก
“ฉันเคยบอกเธอแล้วนะชินานาง เธออยากได้อะไร ฉันจะให้ทุกอย่าง แต่ฉันขออย่างเดียวคือความซื่อสัตย์ แค่นี้เธอยังให้ฉันไม่ได้”
ชินานางเสียงสั่น “ไม่ใช่นะคะเสี่ย เสี่ยเข้าใจผิด”
“เดินกอดกันแบบนี้ยังจะแก้ตัวอีกเหรอ ไอ้ผู้ชายคนนี้เป็นใคร”
ชินานางอ้ำอึ้ง ไม่กล้าบอกว่าเป็นพยส กลัวจะโดนหนักกว่าเดิม
เสี่ยจิวตวาดซ้ำ “ฉันถามว่ามันเป็นใคร”
ชินานางได้แต่ส่ายหน้าหวาดกลัว เสี่ยจิวยิ่งยัวะ
“ตอบไม่ได้ เพราะจำไม่ได้ว่ามั่วกับใครไว้บ้างใช่ไหม”
ชินานางตกใจกว่าเดิม “เปล่านะคะเสี่ย ไม่ใช่...”
ชินานางพูดไม่ทันจบ โดนเสี่ยจิวตบผัวะร่วงลงไปกองกับพื้น เสี่ยตามไปกระชากตัวกลับมา แล้วตบซ้ำอีก ชินานางร้องกรี๊ดๆ
ลูกน้องเสี่ยรออยู่หน้าห้อง ได้ยินเสียงตบตี สลับกับเสียงร้องอ้อนวอนของชินานาง แต่เสี่ยจิวยังไม่ยอมหยุด

อีกฟากพัดชานั่งยิ้มกริ่มดูรูปในมือถืออย่างพอใจ ไล่มาหลายรูป พบว่าจริงๆ แล้วมีรูปที่ถ่ายเห็นหน้าพยสชัดเจนด้วยเพียงแต่เธอไม่ส่งไป พัดชามีสีหน้าเบิกบานบันเทิงใจมาก เพราะมั่นใจว่าชินานางโดนแน่

พยสขับรถมาจอดที่คอนโด กำลังจะเดินไปที่ทางเข้าคอนโด แต่ถูกอนิลกระชากตัวไว้ แล้วเหวี่ยงหลบไปทางมุมตึก
พยสตกใจ “ไอ้นิล”
“พี่นี่เองที่เป็นชู้ของคุณชินานาง”
พยสตกใจ รีบปฏิเสธ “แกพูดบ้าอะไร ปล่อยฉันนะโว้ย”
พยสจะผลักออก อนิลเปิดมือถือ ให้ดูรูปที่เสี่ยจิวส่งมาให้
“เสี่ยจิวรู้แล้วว่าคุณนางเล่นชู้ แต่ไม่รู้ว่าไอ้ผู้ชายคนนี้เป็นใคร แต่ผมเป็นน้องพี่ มองด้านหลังปราดเดียวก็รู้แล้ว”
พยสรับมือถืออนิลมาดูแล้วตกใจ หน้าซีด
“ผมว่าช่วงนี้พี่ควรจะหลบหน้าไปก่อนนะ ผมยังไม่อยากไปงานศพพี่น้อง”
พยสรู้สึกเสียหน้าที่โดนจับได้ว่าเป็นชู้ชินานาง ฮึดฮัด ผลักอนิลแก
“ไม่ต้องมาสอนฉัน เอาตัวแกเองให้รอดเถอะไอ้นิล ที่แกรับงานไปซ้อมไอ้เทศล่ะ มันคืออะไร”
“พี่รู้”
“เออนะสิ ใครสั่ง”
“ก็ไอ้เพื่อนพี่มันแส่เรื่องเสี่ยนะสิ มายุ่งเรื่องงานผิดกฎหมายของเขา ถ้าไม่ได้ผมช่วยไว้ละก็แย่แน่ๆ ไม่น่ารอด”
“อย่างนี้นี่เอง แกก็ระวังตัวละกัน ไอ้เทศมันรู้ว่าแกเกี่ยวข้องด้วย มันจะเอาเรื่องแกเมื่อไรก็ไม่รู้”
อนิลอึ้งไป แล้วยิ้มเยาะออกมา
“ถ้างั้นเราก็หายกัน ผมจะปกป้องพี่ พี่เองก็ต้องปกป้องผมด้วย ดีมั้ยละ”
พยสฉุนกึก ที่ต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้ มองซ้ายมองขวาแล้วหลีบออกไป

ชิงฉัตรขับรถพาตรีประดับมาส่งที่คอนโด แล้วเห็นพยสจอดรถพอดี
“นั่นอาพยสนี่ครับ”
ตรีประดับตกใจ ขับรถจะเข้าไปจอดใกล้ๆ แต่ตรีประดับรั้งพวงมาลัยไว้
“ฉัตร อย่าเพิ่ง”
“ทำไมล่ะครับอาตรี ผมว่าเข้าไปเคลียร์กันให้รู้เรื่องดีกว่า ผมจะบอกความจริงกับอายสทุกอย่าง”
“ความจริงของฉัตรมันเปลี่ยนความจริงที่พยสไม่ซื่อสัตย์กับอาไม่ได้หรอก อาไม่อยากคุย ไม่อยากพบเขา ชีวิตคู่ของเรามันจบแล้ว”
ชิงฉัตรขัดใจ “อาตรี”
“ฉัตรเลี้ยวรถออกไปก่อน อย่าให้เขาเห็นเราที่นี่”
ชิงฉัตรมองตรีประดับอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็รีบเลี้ยวรถออกไป
“ยังไงอายสคงไม่กลับไปง่ายๆ ถ้าไม่ได้เจออาตรี แล้วอาตรีจะไปอยู่ที่ไหน”
ตรีประดับนึกๆ แล้วก็สิ้นหวัง กลับบ้านพ่อแม่ก็เครียด ไปอยู่กับเทศราชก็โดนภิรตีรังเกียจ
“อาก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ชิงฉัตรเห็นตรีประดับน้ำตาคลอๆ อยากมีโอกาสอยู่ใกล้ชิด
“งั้นผมมีที่ที่นึง”
ตรีประดับมองชิงฉัตรด้วยแววตาสงสัย

ตรีประดับนั่งเหม่ออยู่ที่เก้าอี้ผ้าใบริมทะเล ชิงฉัตรซื้อน้ำมะพร้าวมาฝาก แล้วนั่งลงข้างๆ
“น้ำมะพร้าวจากสวนเพื่อนผมเองครับ หวานชื่นใจมาก”
“ขอบใจนะจ๊ะ”
“เพื่อนผมเปิดร้านซีฟู้ดปิ้งย่างตรงสุดหาดด้านโน้นด้วย ค่ำนี้มันชวนให้แวะไปกินก่อนกลับเพราะวันนี้ได้ของสดมาเยอะมาก”
“ฝากขอบคุณเพื่อนด้วยนะจ๊ะ แต่อากลัวว่าจะถึงกรุงเทพฯ ดึก”
“ไม่เป็นไรนี่ครับ เดี๋ยวผมขับเอง ถ้าอาตรีง่วงก็หลับได้ตามสบาย พอถึงคอนโดแล้วผมปลุกเอง”
ตรีประดับลังเล ชิงฉัตรขยับเข้ามาใกล้ จ้องตา
“ผมอยากให้อาตรีพักผ่อนให้สบายใจ ถ้าอาตรียังเป็นทุกข์ ผมก็จะเป็นทุกข์ไปด้วย”
“ฉัตรไม่ต้องคิดมากตามอาหรอก เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่”
ชิงฉัตรขยับตัวทันที เริ่มมีทีท่ารุกมากขึ้น
“แต่ผมก็ไม่ใช่เด็กแล้วนะครับอา ผมก็โตพอที่จะปกป้องอาให้พ้นจากความทุกข์ได้ ถ้าอาตรีต้องการ”
ชิงฉัตรพูดส่อเสียดด้วยสีหน้าจริงจัง จนตรีประดับรู้สึกแปลกๆ เลยตัดบท
“อาขอบใจอีกครั้งจ้ะ”
ตรีประดับยิ้มกลบเกลื่อน แล้วลุกออกไป ชิงฉัตรมองตาม สายตาเต็มไปด้วยความรักความต้องการของชายหนุ่ม ที่อยากเป็นเจ้าของ อยากปกป้องตรีประดับ

ฝ่ายเทศราชเข้าออฟฟิศในสภาพยังมีผ้าพันแผลอยู่ กำลังคุยงานกับรุ่งน้องนักข่าวในโรงพิมพ์ กำลังเลือกรูปลงสกู๊ป มีภาพเด็กสาวประกอบ
“จะเอาจริงเหรอพี่เทศ ก็ไหนบก.บอกให้ระงับไปก่อน”
“ไม่รีบตีข่าวตอนนี้ อีกหน่อยสังคมก็จะลืม แล้วคนเลวมันก็ลอยนวลไปน่ะสิ”
“แต่แค่ลงข่าวเล็กๆ พี่ยังโดนตีเกือบตาย นี่ถ้าเรายังจะเล่นต่ออีก เราจะไม่ได้ระเบิดเป็นของฝากเหรอพี่”
“เอาเถอะน่า ฉันรับผิดชอบเอง”
นักข่าวพยักหน้ารับ แล้วเริ่มทำงาน เทศราชเดินออกมากดโทรศัพท์หาตรีประดับ

ชิงฉัตรนั่งอยู่ที่เก้าอี้ผ้าใบ เห็นตรีประดับวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ และสักพักเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เห็นชื่อเทศราชโทร.มา ชิงฉัตรหยิบมาดู
“เทศราช”
ชิงฉัตรนิ่งคิด แล้วนึกหน้าเทศราชออก
“ไอ้นักข่าว หึ ได้โอกาสเลยสิมึง”
ชิงฉัตรยิ้มร้ายแล้วกดตัดสายทันที ตรีประดับเดินกลับมา เห็นชิงฉัตรกำลังวางโทรศัพท์ลงพอดี
“มีคนโทร.มาหาอาเหรอจ๊ะฉัตร”
“อ๋อ เปล่าครับ” ชิงฉัตรอึกอัก “คือผมเปลี่ยนเบอร์ก็เลยหยิบมาแอดเบอร์ใหม่ให้อาตรี”
ตรีประดับพยักหน้ารับเอาคำ ไม่ได้สงสัยอะไร ขณะที่ชิงฉัตรทำไม่รู้ไม่ชี้

เทศราชถือหูโทรศัพท์ค้างอยู่ งงเต๊กที่อยู่ตรีประดับกดตัดสายไปเลย พอดีน้องนักข่าววิ่งออกมาตาม
“พี่เทศ ผมได้ความเคลื่อนไหวเสี่ยจิวแล้วพี่”
เทศราชเลยจำต้องเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า กลับเข้าไปในออฟฟิศต่อ

ร้านซีฟู้ดเล็กๆ แห่งนี้ บรรยากาศง่ายๆ และกันเอง ลูกค้า 2-3 โต๊ะ ชิงฉัตรมาช่วยเพื่อนปิ๊งย่างอยู่ที่หน้าเตา พยายามเลือกของดีไปบริการตรี
เพื่อนเหล่มอง “บริการดีอย่างนี้ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเป็นแค่ญาติแก ยอมรับมาดีกว่าว่าเดี๋ยวนี้เล่นรุ่นใหญ่ตัวท๊อป”
“บอกว่าญาติก็ญาติเหอะน่า” ชิงฉัตรเขินๆ
“แกไม่ยอมรับ งั้นฉันไปถามเองดีกว่า”
เพื่อนแกล้งจะเดินไป ชิงฉัตรรีบดึงไว้
“เฮ้ย อย่ายุ่ง ขายของไป ลูกค้าเต็มร้าน ไม่อยากได้ตังค์รึไง”
เพื่อนมองตาม ขำๆ ที่เห็นชิงฉัตรรีบเดินกลับไปหาตรีประดับ
ชิงฉัตรแกะโน่นตักนี่เอาใจตรีประดับสารพัด แทบจะป้อน จนตรีประดับอึดอัด เริ่มกินอะไรไม่ค่อยลง
โทรศัพท์ตรีประดับดังอีกครั้ง คราวนี้เห็นชื่อพยสโทร.มา
“ผมว่าอาตรีควรจะคุยกับอาพยสให้รู้เรื่อง”
“มันไม่มีเรื่องอะไรที่จะคุยกันอีกแล้วจ้ะ อาบอกพยสไปแล้วว่าอาต้องการอิสรภาพของอาคืน ไม่มีการต่อรองอะไรทั้งนั้น”
“แต่อาพยสคงไม่อยากเสียอาตรีไปง่ายๆ หรอกครับ”
“เขาเสียอาไปตั้งแต่วันที่เขาเริ่มต้นกับพัดชานั่นแหละ”
ตรีประดับก้มหน้าหลบสายตาเจ็บปวด ชิงฉัตรลอบมองด้วยความสงสาร ยิ่งอยากปกป้อง

อีกฟากเสี่ยจิวนั่งรถมาถึงหน้าโรงแรม อนิลกับลูกน้องลงมาเปิดประตูให้
เทศราชซุ่มอยู่ที่ตรอกมืดๆ ใกล้โรงแรมมองจ้องอยู่ รีบกดถ่ายรูปไว้ พยายามย่องเข้าไปให้ใกล้ที่สุด
รถตู้อีกคันติดฟิล์มดำมืดแล่นมาจอดบังหน้าเทศราชพอดี ทำให้เทศราชต้องรีบขยับออกจากที่ซ่อน
“ลงมาดีๆ อย่าเอะอะโวยวายนะมึง”
เทศราชมองเห็นช่องว่างใต้รถคันหนึ่งที่จอดทิ้งไว้ ตัดสินใจสอดตัวเข้าไปใต้รถ เก็บภาพให้ได้
สายตาเทศราชเห็นลูกน้องเสี่ยจิวกำลังพาเด็กหญิง 3-4 ลงจากรถตู้ แล้วลำเลียงเข้าโรงแรม
เทศราชกดชัตเตอร์รัวๆ จน memory เต็ม เลยรีบควัก เอสดีการ์ดออกมาเปลี่ยน แต่ความลนลานตอนแกะกล้อง การ์ดอันเก่ากระเด็นหลุดมือออกนอกรถไป เทศราชตกใจ เอื้อมมือจะคว้า แต่เห็นเสี่ยจิวมองมาพอดี เลยต้องทำตัวนิ่งสนิทมองดูความเคลื่อนไหวเงียบๆ
เสี่ยจิวกับพวกลูกน้องคุยงานกันสองสามคำ ก็เดินเข้าโรงแรม รถตู้เตรียมเคลื่อนที่ออก
เทศราชได้จังหวะ จะพุ่งไปเก็บ การ์ดแต่รถตู้ดันถอยกลับมาทับ ดังกร๊อบ
“เฮ้ย”
เทศราชกระโจนไปหยิบมาต้องใจหาย พบว่าเอสดีการ์ดแหลกละเอียดใช้การไม่ได้ไปแล้ว

ชิงฉัตรสตาร์ทรถ แต่ยังไงก็ไม่ติด ตรีประดับนั่งข้างๆ ด้วยสีหน้ากังวล
“รถเป็นอะไรเหรอฉัตร”
“ไม่รู้เหมือนกันครับ สตาร์ทเท่าไรก็ไม่ติด แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวผมให้เพื่อนตามช่างมาดูให้”
ชิงฉัตรทำหน้าเป็นสีหน้าจริงจัง
ช่างก้มๆ เงยๆ อยู่หน้ากระโปรงรถ ตรีประดับไปยืนมองกระวนกระวาย
“เป็นยังไงบ้างคะ”
ช่างเหลือบไปทางชิงฉัตร นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
ตอนนั้นชิงฉัตรเดินมากับช่าง แอบยัดเงินใส่มือ
“รถมันไม่เป็นไรหรอก แต่พี่ช่วยผมหน่อยนะ”
นึกแล้วช่างมองชิงฉัตร แล้วโกหกตรีประดับหน้าตาเฉย
“มอเตอร์สตาร์ตมันเสื่อมหรือเปล่าคุณ”
“ตอนบ่ายที่ขับมาก็ยังดีๆ นี่คะ”
ชิงฉัตรทำเป็นร้อนรน “แล้วจะซ่อมได้ไหมครับ”
“คืนนี้คงหาอะไหล่ไม่ทัน รอตอนเช้าได้ไหมล่ะคุณ เดี๋ยวผมกลับมาดูให้”
ชิงฉัตรทำเป็นหันไปมองตรีประดับสีหน้าหนักใจ ตรีประดับว้าวุ่นหนัก ไม่อยากค้าง

ตรีประดับเข้ามาในห้องพักรีสอร์ท ทีท่าอึดอัดไม่สะดวกใจเลย เสียงเคาะประดูดังขึ้นอีก ทำเอาสะดุ้ง พอเดินไปเปิดก็เห็นชิงฉัตรเอาเสื้อผ้ามาให้
“ผมขอยืมเสื้อผ้าแฟนเพื่อนมาให้ เผื่ออาอยากจะอาบน้ำ”
ตรีประดับรับมา สีหน้าไม่ดีเลย “ขอบใจจ้ะ”
“ถ้าอามีอะไร เคาะไปที่ห้องข้างๆ ได้เลยนะครับ ผมจะรีบมา”
ตรีประดับฝืนยิ้ม แต่ในมือกำโทรศัพท์แน่น ก่อนจะตัดสินใจบอกขณะชิงฉัตรจะออกจากห้อง
“เพื่อนฉัตรพอจะมีที่ชาร์จโทรศัพท์แบบของอาไหม อาจะขอยืมหน่อย จะได้โทร.ให้เพื่อนมารับพวกเรากลับกรุงเทพฯ คืนนี้เลย”
ชิงฉัตรชะงัก หันกลับมา ตรีประดับยิ้มทำใจดีสู้เสื้อ
“หรือเอาโทรศัพท์ฉัตรก็ได้นะ แบตหมดหรือยัง”
“ทำไมล่ะครับ อาอยู่ที่นี่ก่อนคืนนึงไม่ได้เหรอ หรือว่าจะรีบกลับไปหาใคร”
หางเสียงเด็กหนุ่มประชดประชันอย่างหึงหวง ตรีประดับจับน้ำเสียงไม่พอใจชิงฉัตรได้ เริ่มงง
“คือ...อาไม่สะดวก ที่นี่มันไม่ได้ไกลจากกรุงเทพฯ มาก เราน่าจะกลับกันเลยได้”
“ไม่ใช่ว่านัดใครไว้เหรอครับ เช่นนักข่าวอะไรซักคน”
ตรีประดับอึ้งนิ่งงันไป เริ่มสังหรณ์ใจ นึกถึงตอนเห็นชิงฉัตรหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาแล้ววางลง
“ขอยืมโทรศัพท์หน่อยจ้ะ” ตรีประดับแข็งใจพูดดีๆ ด้วย
“อาตรีไม่สะดวกที่จะค้างคืน เพราะต้องรีบกลับไปหาเขาใช่ไหมครับ”
ตรีประดับโกรธ พยายามข่มความไม่พอใจลงไป “มันไม่ใช่เรื่องของเธอ”
ชิงฉัตรเริ่มโมโห ระเบิดลง
“ผมพาอาตรีมาถึงที่นี่ เพื่อให้อาหนีพ้นจากความทุกข์ มาอยู่ในที่ที่สบายใจ แล้วอาตรียังจะบอกว่าเรื่องนี้ผมไม่เกี่ยวอีกเหรอ”
ตรีประดับอึดอัดใจมากขึ้นทุกขณะ ยิ่งเห็นชิงฉัตรเริ่มเกรี้ยวกราด
“ก็เพราะรบกวนเธอมากแล้วนั่นแหละฉัตร อาถึงอยากจะกลับบ้าน”
“กลับไปหาไอ้นักข่าวนั่น ที่แท้อาอยากเลิกกับอายส ก็เพราะอามีคนอื่นแล้วนี่เอง”
ตรีประดับหน้าตึง ไม่พอใจ และไม่อยากทนฟังอีก พูดเสียงต่ำ แต่เด็ดขาด
“อาจะไปยืมโทรศัพท์จากเพื่อนเธอเอง เธอจะกลับกรุงเทพฯ ด้วยหรือไม่ก็ตามใจ”
ตรีประดับจะออกไป ชิงฉัตรตรงเข้ารวบตัวไว้ทันที
“ผมไม่ให้ไป”
ชิงฉัตรตรงเข้ารวบตัวกอดตรีประดับไว้ ตรีประดับตกใจพยายามผลักออก
“ชิงฉัต”
“ถ้าอาให้โอกาสผู้ชายคนอื่นได้ ทำไมถึงไม่ให้โอกาสผมบ้าง อาตรีไม่รู้เหรอว่าผมคิดยังไงกับอา”
“ปล่อยอานะชิงฉัตร เธอทำแบบนี้ไม่ได้นะ”
“ทำไม เพราะผมยังเด็กงั้นเหรอ อาจะต้องเปลี่ยนใจ”
ชิงฉัตรกระชากตรีประดับมาจูบอย่างรุนแรง ตรีประดับยิ่งตกใจ ขัดขืนสุดแรงเกิด ผลักชิงฉัตรออกไปได้ แล้วตบเผียะเต็มมือ
“เธอกับอาของเธอมันก็คือผู้ชายชนิดเดียวกัน ผู้ชายที่เห็นแก่กิเลศตัณหา”
ตรีประดับน้ำตาคลอ ผิดหวังในตัวชิงฉัตรถึงขีดสุด วิ่งหนีออกไป
“อาตรี”

ตรีประดับวิ่งออกมาที่ลานจอดรถ มีชิงฉัตรวิ่งตามมา
“อาตรี เดี๋ยวก่อน”
ตรีประดับมองซ้ายขวา เห็นว่ายังไงหนีไม่รอดแน่ ตัดสินใจวิ่งขึ้นรถล็อกประตู ชิงฉัตรตามมาถึง พยายามเปิดประตู ทุบกระจกอ้อนวอน
“อาตรี เปิดประตูให้ผมก่อน อาตรี”
ตรีประดับมองชิงฉัตรตัวสั่นเทา เหมือนเห็นโจรร้าย น้ำตาไหลพรากๆ ในที่สุดตัดสินใจสตาร์ตรถ คราวนี้เครื่องติดอย่างง่ายดาย ตรีประดับหันมองชิงฉัตรอย่างผิดหวังและชิงชัง รู้ว่าเขาโกหก
ชิงฉัตรพยายามทุบกระจกอ้อนวอน ตรีประดับหันมาส่ายหน้าบ่งบอกความผิดหวังถึงขีดสุด แล้วขับรถออกไปทันที
“อาตรี”
ชิงฉัตรได้แต่มองตามอย่างสิ้นหวัง รู้ว่าคราวนี้ตรีประดับคงจะเกลียดตนจนไม่ให้โอกาสอีกแล้ว

ตรีประดับขับรถออกมา ปล่อยให้น้ำตาไหลรินอย่างเสียใจ ไม่นึกว่าชิงฉัตรจะกล้าทำขนาดนี้ ในรถที่แล่นมาตามทาง
ตรีประดับร้องไห้ให้กับตัวเองที่เจอเรื่องทุกข์ไม่จบไม่สิ้น

ทางด้านสิงคารพาตัวเองนั่งอยู่ตรงหน้าเสี่ยจิว ในคฤหาสน์อันโอ่อ่าของเจ้าพ่อมาเฟียคนดัง
“คือผมติดต่อคุณชินานางไม่ได้น่ะครับ พอดีมีคิวถ่ายสำหรับอาทิตย์หน้า...”
“คุณถ่ายคนอื่นไปก่อนแล้วกันสิงคาร คุณนางคงยังไม่พร้อม”
สิงคารแปลกใจ “ทำไมเหรอครับ หรือว่าเธอไปต่างประเทศ”
“คุณนางไม่สบาย”
สิงคารงงๆ แต่แล้วสายตาเหลือบไปเห็นชินานางโผล่มาแอบมองอยู่ด้วยหน้าตาอันบวมช้ำ ตาเขียว เนื้อตัวเป็นจ้ำๆ สิงคารตกใจเหมือนเห็นผี เสี่ยจิวหันไปมองเห็นชินานาง ตวาดใส่
“ลงมาทำไม ฉันบอกให้เธออยู่แต่บนห้อง”
ชินานางลนลานกลับขึ้นไป สิงคารมีสีหน้ากังวล รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
“งั้น ผมขอตัวก่อนนะครับ”
สิงคารไหว้เสี่ยแล้วรีบเผ่นออกไป เสี่ยจิวมองตามพลางหยิบรูปจากมือถือขึ้นมาเทียบ หันไปถามอนิล
“แกว่าใช่มันมั้ย อนิล”
อนิลมองตาม รู้อยู่เต็มอกว่าไม่ใช่ แต่ต้องปกป้องพี่ชาย เลยโกหก
“อาจจะใช่ครับเสี่ย”
“งั้นก็ให้คนจับตามันไว้”
“ครับ”

ตรีประดับขับรถมาจอดที่คอนโด ตัวยังสั่นไม่หาย พอก้าวลงจากรถก็ขาสั่นแทบทรุดลง แต่โชคดีที่มีคนเข้ามาประคองไว้ พอหันไปเห็นว่าเป็นสิงคาร
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณตรีประดับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ”
ตรีประดับพยายามจะยืนขึ้น แต่ก็ยังตัวสั่นจนสิงคารรู้สึกได้
“คุณตัวสั่นมากเลย ไม่สบายหรือเปล่าครับ”
ตรีประดับจะปฏิเสธ แต่สิงคารหันไปเปิดรถตัวเองที่จอดอยู่ข้างๆ หยิบเสื้อคลุมมาห่มให้
“ห่มไว้ก่อนนะครับ มันจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น”
“ขอบคุณนะคะ”
“ครับ ค่อยๆ เดินครับ ผมจะเดินไปส่ง”
สิงคารค่อยๆ พาตรีประดับเข้าคอนโดไป

สิงคารเดินตามตรีประดับห่างๆ ไม่ฉวยโอกาส แตะอั๋ง แต่คอยดูไม่ให้ตรีประดับล้มอีก ตรีประดับเดินมาถึงล็อบบี้ก็นั่งแปะลง
“มีใครที่อยากให้ผมโทร.ตามให้มาดูแลคุณไหมครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันขอนั่งพักตรงนี้ซักครู่”
“คุณควรขึ้นไปพักผ่อนบนห้องดีกว่า”
ตรีประดับทำท่าจะปฏิเสธ เพราะกลัวอีกฝ่ายจะตามขึ้นไปถึงห้อง แต่สิงคารกลับโบกมือเรียกพนักงานหญิงที่ฝ่ายต้อนรับ
“น้องช่วยพาคุณผู้หญิงคนนี้ขึ้นไปที่ห้องหน่อย เธอไม่สบาย”
พนักงานรับคำ แล้วเข้าไปประคองตรีประดับให้ลุกขึ้น
ตรีประดับอึ้งๆ เมื่อเห็นสิงคารหาทางออกให้ มองเชิงขอบคุณ แล้วเดินเข้าลิฟต์ไป สิงคารมองตรีประดับเข้าลิฟต์ อย่างเป็นห่วง แต่ก็รู้จักเว้นระยะ ยังไม่ตามไปจุ้นจ้าน
“ผู้หญิงคนนี้คงต้องการคนดูแลในช่วงนี้ ไม่น่าจะยากถ้าผมจะเข้าหาคุณ คุณตรีประดับ...”
สิงคารยิ้มมีหวัง

พนักงานกลับออกไปแล้ว ตรีประดับเดินเข้ามานั่งนิ่งน้ำตาคลอในห้อง นึกถึงที่พึ่งเพียงคนเดียวในชีวิตยามนี้รีบเอาโทรศัพท์ไปชาร์จด่วน จนพอใช้งานได้ รีบกดโทร.หาเทศราชทันที
“เทศ ตรีนะ”

เทศราชพุ่งมานั่งดูแลตรีประดับทั้งคืนจนเช้าวันนี้ อาการตรีประดับดีขึ้นจากเมื่อคืนมากแล้ว
“ตรีไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เราใจคอไม่ดีเลยตอนที่ตรีตัดสายเราไปดื้อๆ”
ตรีประดับนึกรู้ว่าเป็นฝีมือชิงฉัตร แต่ไม่อยากรื้อฟื้นขึ้นมาอีก
“ตอนนั้นแบตหมดพอดี”
“เรากลัวตรีจะโกรธพี่ภิแล้วพาลมาโกรธเราด้วย”
“ตรีไม่โกรธใครทั้งนั้นแหละเทศ เข้าใจพี่สาวเทศด้วยซ้ำ ถ้าตรีมีน้องชาย แล้วรู้ว่าเขากำลังพัวพันกับผู้หญิงที่ยังไม่ได้หย่าขาดจากสามี ตรีก็คงไม่สบายใจเหมือนกัน”
“แต่ตรีก็คงไม่ใช้วิธีอย่างพี่ภิ”
ตรีประดับนึกถึงที่ตัวเองโดนด่า ยิ้มเศร้า
“คนเรามีวิธีรับมือกับปัญหาไม่เหมือนกันนี่”
“แต่ยังไงเราก็ไม่อยากให้ตรีเก็บคำพูดพี่ภิมารกสมอง รายนั้นชอบเล่นใหญ่ใส่อารมณ์ ตรีลืมๆ ไปเถอะนะ”
“จ้ะ”
เทศราชบีบมือตรีประดับเบาๆ ให้กำลังใจ มือถือดังขึ้น เทศราชหยิบมาดู ถอนใจเฮือก
“ตายยากจริงๆ เลยเจ๊ภิรตี”
“คงโทร.เรียกเทศไปดูตัวสาวๆ มั้ง ทำหน้าที่น้องชายที่แสนดีบ้างเถอะเทศ ถือว่าช่วยกันไม่ให้ตรีโดนเขม่นมากไปกว่านี้นะ”
ตรีประดับยิ้มอ้อนๆ เทศราชอมยิ้ม
“ก็ได้ เดี๋ยวแกล้งทำสาวแตกใส่ให้กระเจิงเลย แอร๊ย”
เทศราชแกล้งทำท่าสาวแตกวี๊ดว้ายให้ดู ตรีประดับหัวเราะออกมาได้

พยสนั่งทำงานเครียด เลขากดโทรศัพท์เข้ามาแจ้ง
“คุณพยสคะ มีแขกมาขอพบค่ะ ชื่อคุณพัดชา”
พยสชะงักทันที รีบกดตอบ
“บอกไปว่าฉันไม่ว่าง”
พยสตัดสายแล้วทำงานต่อ

พัดชารอแลกบัตรอยู่ที่ประชาสัมพันธ์ อีกฝ่ายกำลังติดต่อสายกับเลขา ก่อนจะบอกพัดชาอย่างเกรงใจ
“คุณพยสไม่ว่างรับแขกค่ะ”
“ฉันไม่ใช่แขก ฉันเป็นเมีย”
พัดชาพูดเสียงดังจนพนักงานเหวอ พนักงานรีบกดโทรศัพท์ขึ้นไปถามอีก แล้วทำหน้าลำบากใจ
“เอามานี่”
พัดชากระชากโทรศัพท์มา แต่ยังไม่ทันพูดอะไร เสียงพยสก็แทรกเข้ามา
“เลิกรังควานฉันได้แล้วพัดชา กลับไปซะ ไปอยู่ในทีที่เธอควรอยู่ อย่าให้ฉันหมดความอดทน”
“คุณพยส”
พัดชาคุมแค้น พยสวางสายไปแล้ว ได้แต่เจ็บใจ เสร็จแล้วก็เกิดลูกฮึด เดินลิ่วไปที่ลิฟต์ ไม่สนใจ รปภ.รีบปรี่เข้ามาขวาง
“ขึ้นไปไม่ได้นะครับถ้าไม่มีบัตรอนุญาต”
“ฉันเป็นเมียผู้บริหาร ให้มันรู้ไปสิว่าฉันขึ้นไปหาสามีไม่ได้”
“ยังไงก็ไม่ได้ครับ ขอเชิญนะครับ”
พัดชาดิ้นรนไม่ยอม จะเข้าไปให้ได้ รปภ.จำต้องรั้งตัวไว้
“จะทำอะไรฉัน ฉันกำลังท้องนะ ถ้าลูกฉันเป็นอะไรจะรับผิดชอบไหวไหม”
พูดเท่านั้นพัดชาก็ทำเป็นซวนเซแล้วทรุดลงเหมือนจะเป็นลม รปภ.ตกใจรีบเข้าไปประคองไว้

สุดท้ายพยสต้องรีบรุดลงมาดูอาการพัดชาที่เวลานี้นอนเหยียดยาวอยู่กับพื้น
“พัดชา...พัดชา”
พนักงานที่เดินผ่านไปมา พากันหยุดมองพยส แล้วเริ่มซุบซิบกัน พยสร้อนตัวหันไปมอง เห็นสายตาหวาดระแวง และตัดสินตนไปต่างๆ นานา ก็ทนไม่ได้ บอกรปภ.ว่า
“ช่วยฉันอุ้มไปที่รถหน่อย เร็ว”
จากนั้นพยสเข้าไปโอบประคองพัดชาเข้ามา พัดชาฉวยโอกาสตอนโอบรอบคอพยส ลืมตาขึ้นมากระซิบ
“ถ้าคุณให้พัดขึ้นไปพบคุณดีๆ ก็ไม่ต้องอายอย่างนี้หรอกค่ะ”
พยสคุมแค้นมองพัดชาอย่างชิงชังเหลือเกิน แต่ก็ต้องช่วยรปภ.ประคองออกไป

หมอส่งรูปอัลตร้าซาวด์ให้พัดชา
“น้องยังแข็งแรงดีนะคะ เริ่มได้ยินเสียงหัวใจเต้นแล้ว แต่หมออยากให้คุณแม่บำรุงมากกว่านี้หน่อย เพราะน้ำหนักยังน้อยมาก คุณพ่อต้องช่วยดูแลเรื่องอาหารการกินด้วยนะคะ”
หมอหันไปคุยกับพยสเรื่องการดูแลคนท้อง พยสพยักหน้ารับแกนๆ พัดชาทำเป็นจับมือพยสอย่างสนิทสนม
“คุณพ่อดูแลดีค่ะ แต่พัดทานอะไรไม่ค่อยลง กินเข้าไปก็อาเจียนออก”
“ถ้ายังแพ้มาก เดี๋ยวหมอจะสั่งยาลดอาเจียนให้ แต่พยายามอย่าทานเยอะเกินความจำเป็น จริงๆ การผ่อนคลายความเครียดก็ช่วยให้แพ้น้อยลงได้ คุณพ่อต้องคอยระวังอย่าให้คุณแม่เครียดนะคะ”
หมอคุยอะไรมาอีก พยสก็ทำหน้าเซ็งๆ ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น

พยสขับรถมาจอดหน้าบ้านในตอนเย็น แล้วเปิดประตูให้พัดชาลง
“ลงไปได้แล้ว”
“คุณหมอเพิ่งจะพูดอยู่หยกๆ ว่าให้คุณดูแลพัด”
“ฉันยังทำงานไม่เสร็จ”
“ถ้างั้นคืนนี้คุณพยสกลับบ้านเรานะคะ พัดจะรอ”
“ไม่ต้องรอ”
พยสพูดอย่างมึนตึงแล้วจะขึ้นรถไป พัดชาไม่พอใจ หลุดปากถาม
“คุณพยสจะไปนอนที่ไหนอีกคะ กลับไปคอนโดคุณชินานางก็คงไม่ได้แล้วมั้ง”
พยสหันขวับกลับมาทันที พัดชารีบแก้ตัว
“ก็หนังสือพิมพ์เขาซุบซิบกันว่าคุณนางมีกิ๊กใหม่ เสี่ยจิวกำลังตามล่าอยู่”
“ฉันยังมีที่อื่นให้ไปตั้งเยอะ อย่าคิดว่าฉันจะกลับมาตายรังที่เธอนะพัดชา”
พยสมองพัดชาอย่างชิงชัง แล้วขึ้นรถขับออกไป
“คุณพยส”
พัดชามองตาม กำมือแน่น

ตรีประดับเอาเสื้อคลุมของสิงคารลงมาคืนที่ล็อบบี
“ฉันไม่ทราบเบอร์ห้องของคุณสิงคาร ฝากคืนด้วยนะคะ”
ประชาสัมพันธ์รับเสื้อคลุมไป ตรีประดับกำลังจะเดินกลับขึ้นห้อง แล้วสายตาเห็นที่ด้านนอก ชิงฉัตรขี่รถมอเตอร์ไซค์มาจอด เลยเปลี่ยนใจเดินกลับไปสั่งประชาสัมพันธ์อีกครั้ง

ขณะที่ชิงฉัตรกำลังจอดรถ แต่รปภ.รีบวิ่งเข้ามาขวาง
“จอดไม่ได้นะครับคุณ”
“ผมจะมาพบคนในคอนโดนี้”
“คุณตรีประดับสั่งห้ามไว้”
“อะไรนะ”
“คุณตรีประดับไม่ต้องการพบคุณ กรุณาอย่ากลับมาที่นี่อีก”
ชิงฉัตรอึ้ง แหงนมองขึ้นไปบนคอนโดอย่างผิดหวัง เสียใจ
“อาตรี”

ตรีประดับนั่งซึมอยู่ในห้องคอนโด มีข้อความเสียงจากชิงฉัตรส่งมา หยิบมาดูอย่างลังเล ในที่สุดก็ตัดสินใจกดฟัง
“อาตรีครับ ผมรู้ว่าอาผิดหวังในการกระทำของผมมาก สิ่งที่ผมทำลงไปมันน่าอับอายและไม่สมควรได้รับการให้อภัยจริงๆ แต่ผมอยากให้อารู้ไว้ว่าความรู้สึกที่ผมมีต่ออา มันไม่ได้เกิดจากกิเลศตัณหาหรือความประสงค์ร้ายอย่างที่อาคิด ผมมีความจริงใจให้อาเสมอตั้งแต่วันแรกที่เราพบกัน เพราะอาเป็นคนเดียวที่เห็นผมมีตัวตนในโลกนี้ ผมถึงอยากตอบแทนความรู้สึกดีๆ ของอาด้วยความรักความจริงใจของผม แต่ถ้าสิ่งนั้นมันทำร้ายอา ผมก็คงต้องขอโทษ หวังว่าอาคงจะยอมรับคำขอโทษจากหัวใจของผมนะครับ”
ตรีประดับฟังชิงฉัตรพูดแล้วใจอ่อนลง

เช้านี้พัดชานั่งเศร้าอยู่ที่บ้าน สักพักได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา พัดชารีบลุกขึ้น จัดเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัว เตรียมลงไปต้อนรับ เพราะคิดว่าเป็นพยส แต่พอตรงไปเปิดประตู ก็เห็นชิงฉัตรยืนตระหง่านจ้องมองอยู่
“คุณชิงฉัตร”
“แหม หน้าตาผ่องใสดีจริงๆ คุณพี่สะใภ้” ชิงฉัตรทำเป็นคิด “หรือผมควรจะเรียกว่าคุณเมียเก่าดีน้า”
พัดชาคุมแค้น “คุณกลับมาทำไมอีก”
“ก็ได้ข่าวว่าเธอกำลังท้องเลย แวะมาเยี่ยม เอาของเยี่ยมมาฝากด้วย”
ชิงฉัตรยัดนมกล่องแพ็คหนึ่งที่ซื้อมาให้ จากนั้นก็เดินเข้ามาในบ้าน พบว่ารูปตรีประดับตามมุมต่างๆ หายไปหมดแล้ว เหลือแต่รูปพัดชา
“ตั้งแต่ยึดบ้านนี้มาเป็นของตัวเองได้เนี่ย คงยังไม่ได้ก้าวเท้าออกจากบ้านเลยสินะ”
“ออกไปซะ แล้วก็เอาของคุณคืนไปด้วย ฉันไม่ต้องการ” พัดชาเชิดหน้าคุยโว “คุณพยสดูแลฉันดีพออยู่แล้ว”
“แหม ใจคอจะให้อาพยสรับผิดชอบอยู่ฝ่ายเดียวได้ยังไง ขอให้พ่ออย่างฉันได้แสดงความรับผิดชอบบ้างสิ”
พัดชาอึ้ง “คุณพูดอะไร”
“เธอก็รู้ดีอยู่แกใจว่าฉันพูดอะไร ฉันกับอาพยสก็มาไล่ๆ กันไม่ใช่เหรอ แล้วเธอจะแน่ใจได้ยังไงว่านั่นลูกอาพยส ไม่ใช่ลูกฉัน”
พัดชาทั้งอายทั้งกลัว รีบปฏิเสธ
“อย่ามาพูดจาส่งเดชนะ ฉันไม่ได้โง่ที่จะปล่อยให้ท้องกับคุณ กลับไป” พัดชาหันไปหยิบโทรศัพท์ “ไม่งั้นฉันจะโทร.ตามคุณพยสให้มาลากคอคุณไปส่งโรงเรียนดัดสันดานซะที”
ชิงฉัตรไม่กลัว “ก็เอาสิ รีบไปตามมาเลย อาพยสก็ควรจะได้รู้นะ ว่าใช้ผู้หญิงคนเดียวกับหลาน อย่าคิดว่าถึงเธอจะป้องกันในแบบของเธอแล้ว อาพยสจะเชื่อ เพราะยังไงเธอก็มีผัวเป็นฉันอีกคน”
พัดชาฟังแล้วชะงัก กลัว ไม่กล้าโทร. ได้แต่กำโทรศัพท์
“ทำไมไม่โทร. ไม่กล้าเหรอ ฉันโทร.ให้เองก็ได้”
ชิงฉัตรกระชากโทรศัพท์มาจะกดหาพยส พัดชาตกใจ
“อย่านะคุณชิงฉัตร”
ชิงฉัตรสะบัดพัดชาออก แล้วเดินถือโทรศัพท์หนีไป
“คุณชิงฉัตร”
พัดชาว้าวุ่น ร้อนรนถลันตามออกไป พยายามจะหยุดชิงฉัตร ทั้งสองวิ่งมาที่หัวบันไดชั้นบน
“เอาโทรศัพท์ฉันคืนมา”
ชิงฉัตรไม่ยอมปล่อยมือ พัดชาอ้าปากกัดแขน
“โอ๊ย”
ชิงฉัตรร้องลั่นสะบัดแขนที่โดนกัดให้หลุด อันเป็นผลให้พัดชาก็เสียหลักเซลงไป
“แอร๊ย...”
พัดชากรี๊ดเสียงหลงเท้าหลุดจากหัวบันได ร่างร่วงตกกลิ้งหลุนๆ ลงไปที่ตีนบันได ชิงฉัตรมองอย่างตกใจ
“พัดชา”
ชิงฉัตรตกใจทำอะไรไม่ถูก ไม่ได้ตั้งใจให้เหตุการณ์บานปลายมาถึงขนาดนี้

พยสนั่งทำงานอยู่ที่บริษัท เสียงมือถือดังขึ้น เห็นเบอร์ชิงฉัตรก็แปลกใจ กดรับสาย
“ว่าไงไอ้ฉัตร แกหายหัวไปไหนมา” พยสชะงักตกใจมาก “อะไรนะ”
พยสลุกพรวดขึ้นทันที

พยสเดินลิ่วๆ เข้ามาที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลด้วยความร้อนใจ เห็นชิงฉัตรนั่งตัวสั่นๆ อยู่หน้าห้อง
“ไอ้ฉัตร”
ชิงฉัตรรีบลุกไปหาพยส หน้าซีดตัวสั่น
“เกิดอะไรขึ้น”
“พ...พัดชาครับ ผมทำ...ผมทำเขาตกบันได เลือดเต็มไปหมดเลย”
พยสใจคอไม่ดี พอเห็นหมอเดินออกมา ก็รีบตรงเข้าไปหา
“คุณคือญาติคุณพัดชาใช่ไหมครับ”
“ครับหมอ เขาเป็นยังไงบ้าง”
“คุณปลอดภัยดี แต่ลูกในท้อง หมอเสียใจด้วยนะครับ”
พยสนิ่งตะลึงตัวชาใจหายวาบ ชิงฉัตรเองก็หน้าซีดเผือด รู้สึกผิดเช่นกัน

พัดชาค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น พอพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาล ก็รีบเอามือจับท้องตัวเอง ตกใจ
“คุณพยาบาล ลูกฉันปลอดภัยหรือเปล่าคะ”
พยาบาลอึกอักลังเลไม่กล้าบอกข่าวร้าย พยายามจับมือพัดชาไว้
“นอนนิ่งๆ ก่อนนะคะ อย่าเพิ่งขยับตัว”
“ก็ตอบมาสิคะว่าลูกฉันปลอดภัยดีหรือเปล่า”
พยาบาลอึกอักไม่กล้าตอบ พยสเข้ามาในห้องพอดี
“คุณพยส”
“เธอเป็นยังไงบ้าง”
“พัดเจ็บเหลือเกินค่ะ” พัดชาบีบน้ำตาร้องไห้ออกมา “คุณชิงฉัตรค่ะ คุณชิงฉัตรเป็นคนทำร้ายพัด”
พยสแกล้งถาม “เล่าให้ฉันฟังได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมชิงฉัตรถึงทำร้ายเธอ”
พัดชาอึ้งไป ไม่กล้าเล่า พยสมองอย่างเย็นชา เพราะรู้ความจริงหมดแล้ว
“เอาเถอะ ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงลูกเธอก็ตายไปแล้ว”
พัดชาช็อก “อะ...อะไรนะคะ”
“ฉันเองก็เสียใจไม่น้อยไปกว่าเธอ ยังไงเด็กก็เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ควรจะต้องมารับเคราะห์เพราะผู้ใหญ่อย่างพวกเรา”
พัดชามองอึ้งๆ เห็นพยสหน้าเศร้าไปเลยหัวเราะออกมา
“คุณพยสอย่ามาหลอกพัด อย่ามาใช้วิธีนี้เขี่ยพัดทิ้ง พัดไม่ยอม ยังไงคุณก็ต้องรับผิดชอบลูกพัด”
“ถ้าเธอยังอุ้มลูกของฉันอยู่ ฉันก็ยินดีที่จะรับผิดชอบ แต่ตอนนี้...”
“คุณต้องการทิ้งพัด ก็เลยจะหลอกพัดว่าลูกตายไปแล้ว พัดไม่เชื่อ”
พัดชาหันไปหาพยาบาลที่ยืนอยู่ข้างเตียง กระตุกแขนพยาบาลถาม
“ลูกฉันปลอดภัยใช่ไหมคะ”
พยาบาลมีสีหน้าลำบากใจ อยากหนีไปจากตรงนี้ พัดชากระตุกแรงขึ้น เริ่มสังหรณ์ใจ อารมณ์รุนแรงขึ้น
“ปลอดภัยใช่ไหม บอกฉันสิ”
พยาบาลอึดอัด ลำบากใจจำต้องบอก “ดิฉัน เสียใจด้วยนะคะ”
พัดชารู้สึกเหมือนฟ้าผ่าลงกลางอก ช็อก
“คุณหมอพยายามช่วยเด็กอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ว่า...”
“ไม่จริง ไม่จริง...”
พัดชาตวาดใส่พยาบาล แล้วกรีดร้องเสียงโหยหวนเหมือนคนบ้า ดิ้นพราดๆ จนพยาบาลตกใจรีบเข้ามาจับไว้ พยาบาลนอกห้องได้ยิน วิ่งกรูกันเข้าช่วยจับอีก

พยสมองอาการของพัดชาด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูกว่าจะเวทนาหรือสมเพชดี หลังรู้เรื่องความสัมพันธ์ของพัดชากับชิงฉัตรแล้ว

อ่านต่อตอนที่ 19
กำลังโหลดความคิดเห็น