xs
xsm
sm
md
lg

ระบำไฟ ตอนที่ 17

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ระบำไฟ ตอนที่ 17

ขณะที่พัดชาวางกรอบรูปตัวเองเคียงกรอบรูปพยส และนั่งรอพยสอยู่บนเตียงในห้องนอน ประตูถูกเปิดอย่างแรงด้วยฝีมือพยสที่กระโจนเข้ามาตามแรงโทสะ พัดชาหันไปเห็นยิ้มหวานลุกเดินไปหา

“คุณพยส”
พยสสะบัดแขนออกจากพัดชา
“ฉันไม่เคยสั่งให้เธอไปทำแท้ง เธอสร้างเรื่องใส่ร้ายให้ตรีเกลียดฉัน เธอทำได้ยังไง เธอยังมีความเป็นคนอยู่หรือเปล่า”
“แต่ที่คุณพยสสั่งให้พัดอุ้มท้องไปหาบ้านใหม่อยู่ ก็เท่ากับว่าคุณทิ้งลูก มันจะต่างอะไรกันกับการฆ่าลูกทั้งเป็นละคะ” พัดชาย้อนแย้ง
“ต่างสิ อย่างน้อยฉันก็ไม่ใช่คนจิตใจอำมหิตอย่างที่เธอพยายามสร้างให้ฉันเป็น”
พัดชาโผเข้ากอดรั้งพยสไว้จากทางด้านหลัง
“พัดแค่อยากทำให้พี่ตรีตัดใจจากคุณ เราจะได้อยู่กันเป็นครอบครัวซักทีนะคะ”
“สิ่งที่เธอทำ มันยิ่งผลักให้ฉันห่างจากเธอต่างหากพัดชา”
พร้อมกับว่าพยสแกะมือออก เดินไปเปิดตู้เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า พัดชาผวาไปห้าม
“คุณพยสจะทำอะไร”
“เธอไม่อยากไปร่อนเร่หาที่อยู่ใหม่ใช่ไหม งั้นก็อยู่ที่นี่ไป ฉันจะไปอยู่ที่อื่นเอง”
“ไม่นะคะคุณพยส พัดไม่ให้คุณไป”
พัดชาใจหายถลาเข้าไปยื้อแย่งกระเป๋า พยสไม่ยอม สะบัดออกแล้วหิ้วกระเป๋าออกไป

พัดชาวิ่งตามออกมาจากห้อง พยายามร้องเรียกไว้
“คุณพยส อย่าทิ้งพัดไป คุณพยส”
แต่พยสเดินลิ่วๆ ไม่เหลียวหลังออกจากบ้านไป พัดชาร้องเรียกพยสจนแทบหมดแรง ไม่กล้าวิ่งตามเพราะยังห่วงลูกได้แต่ร้องได้คร่ำครวญ

มีเสียงเหมือนคนทุบประตูเรียก ทุกคนหันไป แต่ฟังชัดๆ พบว่าเป็นเสียงทุบของประตูห้องข้างๆ
“มันคงเอาเด็กใหม่มาส่งน่ะค่ะ”
เทศราชผละไปที่ประตู แง้มประตูออกมาดู เห็นชายสองคนจากไกลๆ กำลังฉุดกระชากเด็กหญิงเข้าไปในห้องเทศราชอยากจะถ่ายรูป แต่เจ๊ไก่โผล่มาพอดี
“ทำอะไร”
เทศราชรีบหย่อนมือถือใส่กระเป๋าเหมือนเดิม แล้วทำเป็นอึกอักบอกหน้าซื่อตาใส
“No. Nothing!”
เพื่อนรีบทำเป็นแต่งตัวกระวีกระวาดออกมาสมทบ
“เล็ทซโกๆ” แล้วทำเป็นตกใจเพิ่งเห็น “อ้าวเจ๊”
เจ๊ไก่มองเทศราชอย่างไม่ไว้ใจ เพื่อนเลยแกล้งตบหัวทำเป็นด่าเทศราช
“ไอโทลยูทูเวทมีไง ด๊อนท์บี้โนซี่ (nosey) โอเค๊”
เทศราชพยักหน้ารับหงึกหงัก เพื่อนยิ้มกรุ้มกริ่มเอาใจเจ๊ไก่
“เจ๊ เด็ดมาก ผมให้ติ๊บนะ”
พร้อมกับว่าเพื่อนเทศราชยัดเงินใส่มือเจ๊ไก่ แล้วลากเทศราชเข้าห้องรีบปิดประตู
“เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ”
เทศราชหันมาถ่ายรูปเนื้อตัวเด็กหญิงที่มีรอยเขียวช้ำจากการถูกทำร้าย แล้วเขียนเบอร์ใส่กระดาษให้
“อันนี้เบอร์ติดต่อของพี่ ซ่อนไว้ให้ดีนะ”
เด็กหน้าสลด “พี่ต้องช่วยหนูนะ หนูอยากกลับบ้าน”
“ได้ๆ พี่สัญญา”
เด็กยิ้มมีความหวัง รีบรับเบอร์มาแล้วซุกใส่ใต้ที่นอนไว้
เทศราชกับเพื่อนช่วยกันเก็บภาพห้องเชือดของโรงแรมไว้เป็นหลักฐาน

เมื่อพยางค์ดูรูปที่เทศราชถ่ายมาในเช้าวันต่อมา สีหน้าบอกอใหญ่ก็เครียดเคร่งขึ้นมาทันที
“แกจะเอารูปพวกนี้ลงหมดเลย ฉันว่าไม่ดีแน่”
“ทำไมล่ะอา”
“ก็โรงแรมนี้เป็นของเสี่ยจิว”
เทศราชคาดไม่ถึง “เสี่ยจิว”
“ใช่ บอกตรงๆ พวกเราก็รู้จักเสี่ยแกด้วย เพราะฉะนั้นฉันว่ามันไม่ควรที่แกจะรีบเล่นข่าวนี้ แล้วขืนแกลงสุ่มสี่สุ่มห้ามีหวังโดนเล่นงานตายแน่”
“แต่เด็กพวกนี้ต้องการความช่วยเหลือนะอา เด็กอายุแค่15-16 มันผิดกฏหมาย”
“ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ช่วยนี่หว่า แต่ระหว่างนี้ลงข่าวเล็กๆ ไปก่อน อย่าเพิ่งเปิดเผยโรงแรม ถ้าเราลงสกู๊ปใหญ่กระชากหน้ากากมัน ตำรวจจะได้ตื่นตัวเอาได้”
เทศราชพยักหน้ารับไปงั้นๆ สีหน้าเครียดเป็นห่วงโสเภณีเด็กเหล่านั้น

ค่ำนั้นเทศราชพาตัวเองมานั่งดื่มเหล้าอยู่ในผับแห่งหนึ่ง นึกเป็นห่วงแต่ตรีประดับ ไม่อยากโทร.รบกวนจึงส่งข้อความเสียงไปให้แรงใจ
ด้านตรีประดับนั่งน้ำตาคลออยู่บนเตียงนอน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พอกดรับก็พบว่าเทศราชส่งข้อความเสียงมาหา
“เวลานี้ตรีน่าจะพักผ่อนอยู่ หวังว่าจะไม่ลืมกินยานะ นอนเยอะๆ ดื่มน้ำเยอะๆ ถ้ายังไม่หาย รีบโทร.หาเราทันที”
ตรีประดับเปิดฟังเสียงเทศราชซ้ำๆ แล้วน้ำตาซึมออกมา

เทศราชถือโทรศัพท์ค้างพูดกรอกเสียงลงไป
“เรารักตรีนะ”
แต่ประโยคนี้เขาไม่ยอมกดส่งไปหา เพราะใจไม่กล้าพอ

พยสสั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียวตรงมุมหนึ่ง ท่าทางเมามายกรึ่มได้ที่แล้ว ไม่สนใจโทรศัพท์ร้อยแปดสิบสายที่พัดชาโทร.จิกเข้ามา
เทศราชจะกลับแล้ว เดินผ่านมาเห็นพอดี
“ยส”
พยสเหลือบตามองเห็นเป็นเทศราชก็พาลใส่
“นี่แกจะมาเยาะเย้ยฉันเหรอ แกคงรู้เรื่องแล้วละสิ ตรีคงบอกแกหมดแล้ว”
“แกก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนอย่างนั้น”
พยสโงนเงนลุกขึ้น ชี้หน้าด่าลั่นร้าน
“ไม่ต้องมาสร้างภาพเป็นคนดีแล้วไอ้เทศ ทุกอย่างมันกำลังเข้าทางแกแล้วนี่ ตรีกำลังจะทิ้งฉันไปหาแก”
พยสตะโกนเสียงดังลั่นจนคนในร้านหันมามองกัน เทศราชเข้าไปใกล้ พยายามจะกดให้พยสนั่งลง
“แกพูดให้ดีๆ นะ ตรีไม่ได้ทิ้งแก แกต่างหากที่ไปทำผู้หญิงอื่นท้อง แล้วแกจะให้ตรีอยู่กับแกเพื่อทำลายชีวิตผู้หญิงอีกคนได้ยังไง แกน่าจะรู้จักตรีนะ”
“มันก็ไม่ต่างกันหรอก สุดท้ายมันก็เป็นโอกาสของแกที่จะได้เมียฉัน” พยสหัวเราะเยาะ “ไอ้ขี้แพ้อย่างแก มันรอวันชนะโดยไม่ต้องลงแข่งมานานแล้วนี่”
ผู้คนมองมาเมื่อพยสพูดดังขึ้น เทศราชสีหน้าเข้มจัด เริ่มไม่พอใจ กระชากคอเสื้อพยส
“ฉันไม่ใช่คนขี้แพ้ ฉันไม่เคยคิดว่าฉันแพ้แกด้วยซ้ำ คนที่มันรักษาของมีค่าไว้กับตัวไม่ได้ต่างหากที่มันแพ้ภัยตัวเองยับเยิน”
พยสโมโหชกเปรี้ยง เทศราชชกกลับ แล้วเดินออกไปเลย คนรอบข้างตกใจมองพยสเป็นตาเดียว
“ฉันไม่ยอมแพ้แกหรอกไอ้เทศ ตรีเป็นของฉัน”
พยสคุมแค้น โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะมีสายเข้า พอหันไปดูก็เห็นว่าเป็นพัดชาโทร.มาก็หงุดหงิด กดตัดสายทิ้ง แต่พัดชาโทร.จิกเข้ามาอีก
“โธ่โว้ย”
พยสกดปิดเครื่องไปเลย คิดหาที่ไปต่อเพราะไม่อยากกลับบ้าน
ด้านพัดชาขว้างโทรศัพท์ทิ้ง ทรุดตัวลงนั่งลูบท้องร้องไห้สะอึกสะอื้น
“คุณทำแบบนี้กับฉันทำไม คุณพยส ฉันกำลังมีลูกกับคุณนะ ฉันทุ่มเททุ่มกายเพื่อสิ่งนี้ ทำไมคุณทำกับฉันแบบนี้”
พัดชาระบายความเก็บกดอัดอั้นออกมา ร้องไห้คร่ำครวญด้วยความปวดร้าวใจ

รุ่งเช้ามีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ตรีประดับเดินมาเปิดดู ก็พบเทศราชยืนยิ้มอยู่ แต่พอเห็นรอยแดงช้ำที่ใบหน้าของเทศราชก็ตกใจ
“เทศ ไปทำอะไรมา”
“มีเรื่องนิดหน่อย ตรีหายไข้หรือยัง เราซื้อโจ๊กมาฝาก”
“เรื่องของกินเอาไว้ก่อน”
ตรีประดับดึงเทศราชเข้าห้องมาลงนั่งที่โซฟา แล้วเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลในห้องมาทำแผลให้
“โตจนป่านนี้แล้วยังชกต่อยเป็นเด็กๆ อีก ไม่อายเขาหรือไง”
“ก็พยสมันเริ่มก่อน”
ตรีประดับชะงัก มองหน้าเทศราช
“เทศไปเจอยสมาเหรอ”
ตรีประดับนิ่งงันไป และตัดสินใจเล่ารายละเอียดเรื่องฟ้องหย่าให้เทศราชฟัง
“ตรีตัดสินใจแล้วว่าจะหย่า แต่ยสเขายังไม่ยอม ถ้าต้องฟ้องร้องกันก็อาจจะต้องทำ”
“แต่มันจะเป็นเรื่องใหญ่โดยไม่จำเป็นนะตรี”
“ตรีก็ไม่ได้อยากทำแบบนั้น แต่จะปล่อยให้คาราคาซังต่อไปได้ยังไง ตอนนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องของตรีกับยส แต่มีพัดชากับลูกมาเกี่ยวข้องด้วย ตรีอยู่ตรงนั้นต่อไปไม่ได้”
เทศราชทักท้วง “แล้วถ้าเด็กนั่นไม่ใช่ลูกของพยสล่ะ”
“มันก็ไม่ได้ทำให้ตรีเปลี่ยนใจหรอก เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ตรีเห็นความเป็นตัวตนของพยสชัดเจนแล้ว เขาไม่ใช่คนที่ตรีคิดว่าเขาจะเป็น”
เทศราชอดทึ่งไม่ได้ “ตรีเข้มแข็งกว่าที่เราคิด”
ตรีประดับยิ้มเศร้าเหลือเกิน “คนที่จะต้องอยู่คนเดียวก็ต้องเข้มแข็งให้ได้สิเทศ”
เทศราชขยับเข้าไปหาตรีประดับจับมือมากุมตบเบาๆ
“ใครว่าตรีจะอยู่คนเดียว เราเคยบอกแล้วไงไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์เราจะคอยอยู่ข้างๆ ตรีเสมอ”
ตรีประดับสบตาเทศราชอย่างซาบซึ้ง ยิ้มขอบคุณ
“ขอบคุณนะเทศ”
ลึกๆ ในใจตรีประดับก็รู้สึกดี แต่ยังเข็ดอยู่ ไม่พร้อมที่จะเปิดใจอีก

ฝ่ายพยสนอนหลับอยู่บนเตียง พลิกตัวหันมาลืมตาขึ้น ก็พบชินานางนอนอิงอยู่
“ตื่นแล้วเหรอคะ”
“ผมมาที่นี่ได้ยังไง”
“คุณก็ขับรถมาน่ะสิ มาถึงก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง ไม่รู้ว่าอัดอั้นตันใจอะไรมา” ชินานางยิ้มมีเลศนัย “หรือว่าโกรธที่เมียย้ายบ้านหนี”
พยสอึ้งไปนิดๆ “คุณรู้ด้วยเหรอ”
ชินานางหัวเราะขัน “คุณสิงคารไปเจอเมียคุณที่คอนโดใหม่ ก็เลยโทร.มาหานาง ตกลงทะเลาะกันเรื่องอะไรคะ ถึงกับต้องหอบผ้าหอบผ่อนหนี”
พยสผินหน้าหนี นึกละอายใจไม่อยากจะเล่า ชินานางประเมินท่าที ยิ้มรู้ทัน
“ถ้าไม่บอกแบบนี้ นางก็เดาได้ ต้นเหตุคงไม่พ้นนังคนใช้อัพเกรดนั่น ใช่ไหมคะ”
พยสถอนใจ ชินานางหัวเราะลั่นด้วยความสะใจ และสมน้ำหน้าลึกๆ
“นางคิดไว้ไม่ผิดเลย นังเด็กนี่มันจะยั่วคุณจนตบะแตก เมียคุณก็โง่แสนโง่ เอางูเห่ามาเลี้ยงไว้ วันนึงมันก็เลยฉกจนตกเตียง” ชินางนางหัวเราะขำไม่เลิก
“อย่าซ้ำเติมผมเลยน่า แค่นี้ผมก็เครียดพออยู่แล้ว”
“อ้าว ไม่ดีใจเหรอคะที่ได้กินน้ำพริกถ้วยใหม่ๆ”
“มันก็แค่ความผิดพลาดน่ะ”
ชินานางได้ยินยิ่งหัวเราะลั่นเข้าไปอีก พยสทำท่าเซ็งจะลุกขึ้น
“แหม อย่างอนสิคะ นางก็แค่ขำว่าคนอย่างคุณไม่น่าจะพลาดกับเด็กเมื่อวานซืนได้ เอาเถอะค่ะ นางไม่ซ้ำเติมแล้ว ถ้าคุณไม่อยากกลับไปหาเมียน้อยชั่วคราวของคุณล่ะก็ อยู่ที่คอนโดนางก็ได้ อยู่ได้นานเท่าที่คุณอยากจะอยู่ ขอค่าเช่าก็แค่...”
ชินานางมองด้วยสายตาโลมเลียยั่วยวน ก่อนจะผลักพยสลงไปที่เตียงแล้วโน้มตัวลงไปหา
พยสรู้ว่าชินานางต้องการอะไร เริ่มเคลิ้ม โอบสัมผัสตัวชินานางตอบ จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น
“คุณนาง”
ชินานางกับพยสสะดุ้งลุกขึ้นทันที
“เสี่ยจิวนี่”
ชินานางค้างเติ่ง อารมณ์เสีย “บ้าจริง มาทำไมตอนนี้”
พยสกับชินานางลุกขึ้นแต่งตัวอย่างรวดเร็ว เสียงเสี่ยจิวเปิดประตูเข้ามา แต่ติดโซ่คล้อง
“คุณนาง ตื่นหรือยัง เปิดประตูให้ผมหน่อย”
พยสกับชินานางลุกลี้ลุกลน

เสี่ยจิวดึงประตูตึงตังๆ ชินานางรีบโผออกจากห้องมาเปิดประตู
“มาแล้วค่า แหม เสี่ยใจร้อนจัง”
ชินานางโผเข้าไปกอดอ้อนกลบเกลื่อน แล้วจับเสี่ยจิวหมุนตัวให้หันหน้าออกไปนอกห้องโดยไว พร้อมกับส่งซิกโบกมือให้พยสวิ่งไปซ่อนตัว
พยสหามุมซ่อนตัวแต่ไม่เจอ สุดท้ายตัดสินใจพุ่งไปซ่อนหลังม่าน
“ก็เห็นคุณไม่ยอมเปิด ผมก็กลัวว่าจะซุกไอ้หนุ่มที่ไหนเอาไว้น่ะสิ”
ชินานางอึกอัก แล้วรีบยิ้มกลบเกลื่อน
“เสี่ยนี่ชอบพูดเล่น จะมีหนุ่มที่ไหนอีกล่ะคะ แค่หนุ่มใหญ่คนนี้คนเดียว นางก็ดูแลไม่ไหวแล้วค่ะ” นางร้ายซุปตาร์จูบแก้มเสี่ยจิวไปฟอด
“แน่ใจเหรอ แล้วทำไมเมื่อคืนไม่กลับไปนอนที่บ้าน”
“ก็นางบอกแล้วว่าถ่ายละครดึก กลับไม่ไหว”
เสี่ยจิวมองชินานางอย่างระแวง ทำไม่เชื่อ เดินไปสำรวจ เปิดประตูห้องนอนดู แต่เห็นห้องเรียบร้อยดี ชินานางตามไปชะโงกดูให้แน่ใจ
เสี่ยจิวกวาดตามองดูส่วนอื่นๆ อีก พยายามสแกนหาความผิดปกติ
“หาอะไรคะ”
“ก็หาไอ้ผู้ชายดวงซวยที่มันจะโดนโยนตกตึกวันนี้น่ะสิ”
พยสซ่อนตัวอยู่หลังม่าน ลุ้นจนเยี่ยวเหนียว สีหน้าหวาดเสียว
“วุ้ย ไม่มีหรอกค่ะ”
“แล้วทำไมอยู่มืดๆ ไม่เปิดม่าน”
เสี่ยจิวมองสำรวจแล้วเดินไปที่ผ้าม่านตรงผนังห้องเอื้อมมือจะเปิด ชินานางถลาตามจะห้าม แต่จู่ๆ ลูกน้องเสี่ยก็พรวดพราดเข้ามา ในมือถือโทรศัพท์ท่าทีร้อนใจมากๆ
“เสี่ยครับ”
“เอ็งขึ้นมาทำไม บอกให้รอข้างล่าง”
“มีโทรศัพท์ด่วนจากเจ๊ไก่ครับ”
เสี่ยจิวชะงัก รับโทรศัพท์มาคุยสาย พอฟังแล้วตกใจ
“อะไรนะ” เสี่ยจิวหันมาทางชินานางหน้าเครียด “ผมต้องไปแล้ว เดี๋ยวเย็นๆ ค่อยเจอกันนะ”
จากนั้นเสี่ยจิวก็ผลุนผลันออกไปเลย ลูกน้องตามไป ชินานางถลันตามล็อกประตูทันที
พยสโผล่ออกมาจากที่ซ่อนหลังม่าน ทั้งสองถอนใจโล่งอก หมดอารมณ์จะกินตับกันแล้ว

ทันทีที่มาถึงเสี่ยจิวปาหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวโสเภณีเด็กใส่หน้าเจ๊ไก่ด้วยความโมโห
“บัดซบ ทำงานมาจนหัวหงอกแล้ว ยังปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อีก มันรู้ได้ยังไง แกปล่อยให้ไอ้นักข่าวมันเข้ามาเหรอ”
“ไก่ก็พยายามสแกนคนเข้าออกแล้วนะคะ ไม่เห็นเจอใครผิดปกติเลย”
“สงสัยแก่จนตาฝ้าฟางเต็มทีแล้ว ควรจะนอนพักในหลุมได้แล้วมั้ง”
“ว้าย ไม่นะคะเสี่ย ขอโอกาสไก่อีกครั้งนะคะ”
“ยังจะกล้าขออีกเหรอ ถ้าโรงแรมฉันโดนปิดขึ้นมา จะรับผิดชอบยังไง”
“ไก่...ไก่จะหาตัวการที่มันปล่อยข่าวนี้ค่ะ แล้วไก่จะฆ่ามัน”
“ไม่ต้อง” เสี่ยจิวใช้ความคิด ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง “ไปตามหาไอ้คนที่มันสอดแนมโรงแรมให้เจอ แล้วจัดการมันซะ”
“ครับ”

พัดชาไม่ยอมแพ้ ยังปักหลักอยู่ที่บ้านพยส เวลานี้นอนซมอยู่บนเตียง พยายามกดโทรศัพท์หาพยส แต่ติดต่อไม่ได้ ก็ยิ่งเสียใจ
“ใจคอคุณจะทิ้งพัดแบบนี้เหรอคะคุณพยส”
พัดชานอนน้ำตาไหล ในมือกำสร้อยโคลเวอร์แน่น พยายามเรียกกำลังใจให้ตัวเอง
“คุณพยสคนที่แสนดีกับพัดหายไปไหน”
พัดชาร้องไห้สะอึกสะอื้น พลันได้ยินเสียงกริ่งประตูดังขึ้น
“คุณพยส”
พัดชาไม่ทันได้คิดว่าทำไมพยสต้องมากดกริ่ง รีบลุก ปาดเช็ดน้ำตา แต่งองค์ทรงเครื่องให้สวย

พัดชารีบวิ่งออกมาเปิดประตู แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่หน้าประตูคือภูมิกับแววและอึ่ง
ภูมิมองพัดชาอย่างไม่คุ้นตา “หนู...หนูพัดชาใช่ไหม”
พัดชายังอึ้งๆ อยู่ ไม่แน่ใจว่าใคร อึ่งที่ประคองแววอยู่รีบพูดแทน
“ใช่ค่ะ นี่แหละพัดชา ผู้ช่วยคุณตรี”
พัดชายิ่งงงว่าคนพวกนี้เป็นใคร และจะมาไม้ไหน แววมองประเมิน แล้วเอ่ยขึ้น
“เราสองคนเป็นพ่อกับแม่ยายตรี พอดีมางานแต่งงานใกล้ๆ นี่ก็เลยแวะมาหา”
พัดชาอึ้งไป แต่ก็ยกมือไหว้

ภูมิกับแววนั่งอยู่ที่โซฟา อึ่งนั่งถัดจากแววมา สามคนมองไปรอบๆ บ้านอันเงียบสงัด พัดชาเดินเอาน้ำมาเสิร์ฟให้ แล้วนั่งลงวางท่าเจ้าของบ้าน
“พี่ตรีไม่อยู่หรอกค่ะ”
“แหม เสียดายจัง”
“ผมบอกคุณแล้วให้โทร.ถามลูกก่อน” ภูมิว่าเชิงตำหนิ
“ก็ฉันอยากมาเลยนี่นา ใครจะไปคิดว่าลูกออกไปข้างนอกเร็ว”
พัดชายิ้มแย้ม “อันที่จริง คนในบ้านนี้ก็ไม่ทราบหรอกนะคะว่าวันนึงๆ พี่ตรีทำอะไรบ้าง”
ภูมิ พัดชา อึ่งทำหน้าแปลกใจ
“หนูหมายความว่ายังไง”
“ก็พี่ตรีไม่ได้อยู่บ้านนี้ซักพักนึงแล้วนะสิคะ คุณพ่อคุณแม่ไม่ทราบเหรอคะว่าพี่ตรีกับคุณพยสกำลังจะหย่ากัน”
ภูมิกับแววสะดุ้งเฮือก อึ่งตกใจ
“อะไรนะ เป็นไปได้ยังไง”
พัดชาขยับตัวเปลี่ยนท่านั่ง แล้วเอามือลูบท้องตัวเอง
“คุณพยสกำลังจะมีลูกกับพัดค่ะ”
ทั้งสามสะดุ้งเฮือกรอบสอง เพราะไม่ระแคะระคาย
“ว้าย ตายแล้ว เธอเอาอะไรมาพูด” อึ่งโกรธ
แววรับไม่ได้ “ไม่ เธอตามลูกฉันมาเดี๋ยวนี้เลย ฉันอยากคุยกับลูกฉัน”
“พัดไม่ได้ทำงานให้พี่ตรีแล้ว พัดไม่ได้มีหน้าที่โทร.ตามใครต่อใครให้ใคร ถ้าคุณอยากจะคุยกับพี่ตรี คงต้องโทร.หากันเอง ที่บ้านของคุณ”
ภูมิกับแววมองผู้ช่วยลูกสาวอย่างไม่เชื่อสายตา พัดชาไม่แคร์ใครลุกเดินออกไป แล้วอุ้มกล่องขนาดใหญ่ใบหนึ่งมาวางไว้ที่โต๊ะกลาง
“นี่คือข้าวของทั้งหมดที่พี่ตรียังไม่ได้เก็บเอาไป พัดฝากเอาไปคืนด้วยนะคะ” พัดชาถือวิสาสะหยิบแหวนแต่งงานจากกล่องออกมา “ส่วนแหวนแต่งงานวงนี้ พี่ตรีคงไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว พัดขอเป็นของขวัญให้ลูกก็แล้วกันค่ะ”
แววตัวสั่นสะท้าน หายใจหอบรุนแรงทำท่าเหมือนจะเป็นลม อึ่งทนไม่ไหว ลุกขึ้นด่า
“ต๊ายตาย เกิดมาไม่เคยไม่เห็นใครหน้าด้านเท่าเธอ เข้ามาทำงานกับเขา แล้วก็ชิงผัวเขาไปหน้าตาเฉย แล้วนี่ยังจะกล้าไล่เขาออกจากบ้านอีก”
“ที่จริงจะอยู่ในฐานะผู้อาศัยเหมือนที่พัดเคยอยู่ก็ได้ พัดไม่ได้ห้าม แต่พี่ตรีเป็นคนเลือกที่จะไปเอง” พัดชาบอก
“ทุเรศ อย่าไปฟังมันค่ะคุณ”
“พอแล้ว ฉันไม่อยากฟัง พ่อ กลับ”
แววลุกพรวดเดินไปไม่กี่ก้าว ก็สะอื้นออกมาด้วยความเสียใจ แล้วซวนเซทำท่าจะทรุดลง
ภูมิตกใจ “แม่”
“คุณแวว”
ภูมิกับอึ่งรีบเข้าประคองแววพาไปที่รถโดยไว พัดชามองตามด้วยสีหน้าเรียบเฉยเย็นชา ไม่รู้สึกรู้สาใดๆ

ตรีประดับกับเทศราชรีบร้อนเข้ามาในบ้าน เห็นแววนอนท่าทีอิดโรยอยู่ โดยมีภูมิกับแววเฝ้าดูแลไม่ห่าง
“คุณแม่”
ตรีประดับทรุดลงจับมือแม่ น้ำตาไหล
แววร้องไห้สะอึกสะอื้นทั้งเสียใจและสงสารลูก “มีอะไรทำไมไม่บอกพ่อกับแม่ล่ะตรี ทำไมถึงให้พ่อแม่ไปรู้เอาเอง”
“ตรีขอโทษค่ะ ตรีไม่รู้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะไปที่นั่น”
ตรีประดับกอดแม่ร้องไห้
“แล้วใจคอจะปิดพ่อแม่ไปจนถึงเมื่อไรว่าเรากำลังจะเป็นหม้าย”
ตรีประดับก้มหน้าไม่ตอบ
ในสถานการณ์นี้เทศราชรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะจะอยู่ตรงนั้นเลยหลบออกมา

เทศราชออกมารออยู่ข้างนอก ปล่อยให้ครอบครัวคุยกัน แต่ภูมิเดินตามออกมา
“เทศรู้เรื่องทั้งหมดตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม”
เทศราชมีท่าทีเกรงใจมาก “ครับคุณพ่อ”
“มันนานเท่าไรแล้ว”
“ก็...ซักสองเดือนแล้วครับ”
ภูมินิ่งคิด
“งั้นก็ตั้งแต่ที่ตรีหนีมานอนบ้านนี้ มีเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ น่าจะบอกซักนิดจะได้ช่วยกันคิดแก้ปัญหา”
“ตรีเขาคงไม่อยากให้คุณพ่อกับคุณแม่ไม่สบายใจครับ เรื่องพยสกับเด็กคนนี้ ตัวเขาเองก็พยายามจะหาทางจนสุดความสามารถแล้ว ไม่ว่าจะให้อภัยพยส แต่พัดชาเกิดมาตั้งท้องเสียก่อน ตรีก็เลยเลือกที่จะเป็นฝ่ายเดินออกมา”
ภูมิมองเทศราช รับรู้ว่าเขาคงเป็นคนที่อยู่เคียงข้างลูกสาวตลอดเวลา
“พ่อเสียใจ ที่ไม่มีโอกาสได้เป็นที่ปรึกษาลูกในช่วงเวลายากลำบากที่ผ่านมา แต่พ่อก็ดีใจนะ ที่ตรียังมีเทศ”
เทศราชยิ้มรับคำชม แต่ไม่กล้าแสดงอาการมาก
ภูมิตบไหล่บอกว่า “พ่อฝากตรีด้วยนะ”
“ครับคุณพ่อ ผมจะดูแลตรีเท่าที่ตัวเองจะทำได้ครับ”
ภูมิพยักหน้าขอบใจ ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือเทศราชดังขึ้น
“ฮัลโหล”
“พี่...พี่นักข่าวใช่ไหมคะ” เป็นสายจากโสเภณีเด็ก พูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน “คืนนี้หนูจะหนีจากเจ๊ไก่ พี่ต้องมาช่วยหนูนะ”

ตรีประดับออกมาจากห้องโถงมา เห็นภูมินั่งอยู่ตามลำพังก็แปลกใจ
“เทศล่ะคะคุณพ่อ”
“เขามีธุระด่วนน่ะลูกเลยต้องรีบไป คืนนี้ตรีค้างกับพ่อนะ มีอะไรจะได้คุยกัน”
“ค่ะ”
ตรีประดับพยักหน้า แต่ก็ยังนึงกังวลถึงเทศราชไม่คลาย

ส่วนเทศราชขับรถมาตามถนนด้วยความร้อนใจ พลางคุยโทรศัพท์
“ฮัลโหล พี่กำลังจะถึงแล้วนะ น้องอยู่ตรงไหน”
“อยู่ตรงศาลารอรถค่ะพี่”
เทศราชมองไปเห็นเด็กสาวยืนโบกรถอยู่ ก็รีบชะลอจอดริมทาง แล้วลงไปหา
“น้องไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
เทศราชเข้าถึงตัวเด็ก ทันใดนั้นเองก็โดนฟาดเปรี้ยงจากข้างหลัง ล้มลง
“โอ๊ย”
เด็กสาวถูกลูกน้องเสี่ยคนหนึ่งดึงตัวหลบไป ที่แท้เด็กถูกบังคับให้หลอกเทศราชมาทำร้าย เทศราชพลิกตัวกลับมาจะสู้ แต่ก็โดนเตะเสยหงายไปอีก
“เอามันอีก เอามันให้ตาย”
เทศราชหรี่ตาขึ้นมา เหลือบมองเห็นอนิลยืนอยู่เหนือตัวเอง ถือไม้ อนิลเห็นเทศราช แล้วชะงัก
“อนิล”
อนิลเห็นหน้าเทศราชตกใจ จำได้ว่าเป็นเพื่อนพยส ไม่กล้าทำเทศราช เลยตัดสินใจเอาไม้ตีเข้ากลางลำตัว เทศราชจุกงอ
“เฮ้ย ฟาดหัวมันสิวะ มันจะได้ตาย”
อนิลเงื้อง่าไม่กล้าฟาด พอดีเห็นแสงไฟแว่บๆ มา ก็ได้โอกาส
“ไม่ทันแล้วพี่ สายตรวจมา รีบไปเหอะ”
อนิลเตะเสยแล้วถีบเทศราชกระเด็นตกลงพงหญ้าข้างทาง ก่อนจะรีบหนีไปกับพวกลูกน้องเสี่ย เทศราชนอนสลบอยู่ที่พงหญ้านั้น

ตรีประดับออกมาโทร.หาเทศราช แปลกใจที่ไม่รับสาย ภูมิเดินออกมาดู
“ยังโทร.หาเทศไม่ติดอีกหรือลูก”
“ค่ะคุณพ่อ แปลกจริง ปกติเทศเขาจะคอยโทร.มาเช็คตรีว่าเป็นยังไงบ้าง นี่เงียบหายไปเลยตั้งแต่เมื่อวาน”
“เขาคงเห็นว่าตรีอยู่ที่บ้านแล้วไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง” ภูมิว่า
“ตรีก็เลยเป็นห่วงเขาแทนนี่แหละค่ะ เพราะเขาไม่เคยหายเงียบไปแบบนี้”
ภูมิจับสังเกตอาการของลูกสาว
“ตรีคงจะพึ่งเทศได้เยอะใช่ไหมลูก ช่วงที่ผ่านมา”
ตรีประดับนึกถึงเทศราช แล้วยอมรับ
“ค่ะ พอตรีไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับคุณพ่อ ตรีก็เหลือเขาคนเดียว เป็นมือไว้คอยเช็ดน้ำตา เป็นบ่าให้ตรีพิงเวลาที่กำลังจะล้ม ถ้าไม่มีเทศตรีคงผ่านมาไม่ได้จนถึงวันนี้”
“ก็นับว่าพ่อดูคนไม่ผิด”
ตรีประดับเห็นสายตาภูมิแล้วร้อนตัว
“แต่ตรีกับเทศไม่ได้...”
“พ่อรู้ ตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลาที่จะคิดเรื่องนี้ รักษามิตรภาพของเขาไว้ให้ดีก็แล้วกันนะลูก เพราะนอกจากพ่อแม่ที่คอยโอบประคองลูกแล้ว การมีเพื่อนดีๆ ซักคนก็เป็นสิ่งที่มีค่าในชีวิต”
ตรีประดับยิ้มให้พ่อ แล้วใจนึกเป็นห่วงเทศราชขึ้นมาอีก

ริมถนนสายเปลี่ยว เทศราชสลบอยู่ในพงหญ้าริมทาง ค่อยๆ รู้สึกตัวเมื่อร่างโดนเขย่าเรียกจากพลเมืองดีคนหนึ่งที่ผ่านมาเห็น และเข้ามาช่วยเหลือ
“คุณๆ เป็นอะไรหรือเปล่า”
เทศราชมองแดดที่แยงตาอย่างงงๆ สลับกับมองหน้าพลเมืองดี
“คุณถูกทำร้ายนี่ ลุกไหวไหม”
เทศราชพยายามลุกขึ้นแล้วรู้สึกระบมไปทั่วร่างจนนิ่วหน้า
“รถผม...”
“รถคุณอยู่โน่น” พลเมืองดีชี้ไป “คุณไม่ได้โดนปล้นใช่ไหม เกิดอะไรขึ้น ไปแจ้งตำรวจไหม”
เทศราชนึกถึงอนิลแล้วส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรครับ”
เทศราชกัดฟันลุกขึ้นยืน ล้วงหากุญแจรถเดินโผเผไปที่รถ พลเมืองดีมองส่งอย่างแปลกใจ
เทศราชมองตัวเองในกระจก เห็นสภาพหน้ามีรอยฟกช้ำ ผมยุ่งกระเซิง ท้องเจ็บระบมไปหมด แต่ก็พยายามแข็งใจขับรถออกไป

ตรีประดับพาตัวเองมายืนอยู่หน้าห้องคอนโด เคาะประตูเรียกเทศราช
“เทศ เทศอยู่หรือเปล่า เปิดประตูให้ตรีหน่อย”
ตรีประดับร้อนใจ ลองกดโทร.หา ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังก็แน่ใจว่าเทศราชอยู่ในห้อง
“เทศ เป็นอะไรไป ทำไมไม่เปิดประตู”
ตรีประดับกระสับกระส่าย จนนึกได้ว่าตนมีกุญแจสำรองที่เคยถือไว้ตอนมาอยู่ เลยรีบล้วงหยิบมาไข

ตรีประดับเปิดประตูเข้ามา เห็นเทศราชฟุบอยู่ที่โซฟา
“เทศ”
ตรีประดับรีบเข้าไปหา เขย่าตัว แล้วสังเกตเห็นคราบเลือด
“ตายแล้ว เกิดอะไรขึ้น เทศฟื้นสิ”
ตรีประดับประคองหัวเทศราชขึ้น เห็นเทศราชมีเลือดออกที่ศีรษะ ยิ่งช็อก

เวลาผ่านไปเทศราชค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา เห็นตรีประดับนั่งอยู่
“ตรี...”
“เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นไหม ไปหาหมอไหมเทศ”
“เราไม่เป็นอะไรหรอก”
“เจ็บขนาดนี้ยังจะบอกไม่เป็นอะไรอีก ให้ตรีโทร.หาแม่กับพี่สาวเทศนะ”
ตรีประดับจะหยิบโทรศัพท์ เทศราชจับมือไว้
“ไม่ เวลาที่ตรีมีเรื่อง ก็ไม่อยากให้พ่อแม่เป็นกังวลไม่ใช่เหรอ เราก็เหมือนกัน”
“แต่...”
“เราโอเค ถ้าจะตายก็คงตายตั้งแต่โดนพวกมันตีแล้ว”
“ใคร พวกมันเป็นใครเทศ แล้วทำไมเขาต้องทำเทศด้วย”
เทศนึกถึงเหตุการณ์ที่เห็นอนิลทำร้ายเขา
“ตรี เราถามตรีหน่อยสิ ตรีรู้จักน้องพยส ที่ชื่ออนิล มั้ย”
“อนิลเหรอ พยสเคยพูดถึงแต่เราไม่เคยเจอเลย ทำไมเหรอเทศ น้องพยสเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เหรอ”
“ก็หนึ่งในคนที่ทำร้ายเราคือ อนิล น้องไอ้ยสน่ะสิ”
ตรีประดับตกใจ

ฝ่ายพัดชานั่งกรอกเอกสารเพื่อฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล แล้วส่งให้พยาบาล
“คุณพ่อมาหรือเปล่าคะ”
คำถามพยาบาลสะกิดใจพัดชาอย่างจัง จนเครียดขึ้นมา ส่ายหน้าบอก
“ไม่มาค่ะ”
“งั้นเชิญที่ห้องตรวจเลยนะคะ”
พยาบาลนำพัดชาเข้าไปพบหมอ

พัดชาตรวจเสร็จเดินตัวลอยๆ ออกมา หมดอาลัยตายอยาก มองไปรอบๆ เห็นผู้หญิงคนอื่นอุ้มทองมา มีลูกสามีกระจองอแง ยิ่งเจ็บใจจนน้ำตาซึม พยายามเดินหนีพ้นๆ ไม่อยากเห็นหน้า
พัดชาเดินมาจนถึงหน้าห้องหนึ่ง สายตาเหลือบไปเห็นถุงเลือดวางบนถาด สำหรับเตรียมเอาไปให้คนเจ็บ พัดชานึกอะไรบางอย่างออกมาได้

ฟากพยสนั่งประชุมเคร่งเครียด เห็นพัดชาโทรกระหน่ำมาอีก แต่ไม่สนใจ ฟังการประชุมต่อ สักพักข้อความโทรศัพท์เข้ามาจากพัดชา พยสเหลือบมอง
“คุณพยสคะ พัดปวดท้องเหลือเกิน กลับมารับพัดไปหาหมอเถอะค่ะ”
พยสไม่สน คิดว่าพัดชามารยาใส่
โทรศัพท์เงียบไปสักพัก คราวนี้พัดชาส่งรูปมา เห็นเป็นรูปท่อนขาของหล่อนมีเลือดเปรอะเป็นปื้นๆ เหมือนไหลซึมออกออกมา พร้อมข้อความว่า
“คุณพยส พัดไม่ไหวแล้ว ช่วยพัดด้วย”
คราวนี้พยสกดดู พอเห็นรูปแล้วตกใจเอาการ

พยสรีบบึ่งรถตรงกลับบ้านด้วยความร้อนใจ กระโจนเข้าบ้านมาร้องเรียกหาพัดชา
“พัดชา พัดชาเธออยู่ไหน”
พยสมองดูรอบบ้านไม่มีคนอยู่ จึงวิ่งไปที่บันไดแต่ต้องชะงัก เมื่อเห็นเลือดหยดเป็นทาง พยสร้อนใจ รีบวิ่งขึ้นบ้าน

พยสตรงเข้ามาที่ห้องนอน ร้องเรียกพัดชา
“พัดชา”
พยสแปลกใจอีกที่ไม่เห็นพัดชาในห้อง แต่เห็นรอยเลือดหยดตามพื้น รีบวิ่งไปเปิดห้องน้ำ ตะลึงตะไลเมื่อเห็นเลือดออกเต็มพื้นห้องน้ำ พยสเอามือกุมหัว รีบกดโทรศัพท์หาพัดชา

พัดชายืนอยู่มุมหนึ่งนอกบ้านตั้งแต่ต้น กำมือถือที่พยสกำลังโทร.เข้ามา ยิ้มสะใจออกมา
“ถึงเวลาที่คุณต้องกระวนกระวายบ้างแล้วคุณพยส”
พัดชาปล่อยให้โทรศัพท์สั่นไปโดยไม่กดรับ หันหลังเดินไปเรียกแท็กซี่ที่วิ่งผ่านมาพอดี
“ไปเซ็ลทรัลลาดพร้าว”
พัดชานั่งแท๊กซี่ออกไปอย่างสบายอารมณ์ ตั้งใจไปช้อปปิ้ง

ชินานางนั่งอ่านบทสีหน้าเบื่อหน่ายอยู่ในห้างที่พัดชามาช้อปปิ้ง เห็นทีมงานละครช่อง 8 กำลังเซ็ตฉากวุ่นวาย แต่ไม่เสร็จซักที
ชินานางหงุดหงิด “นี่จะถ่ายชาติหน้ากันหรือไงยะ ฉันมีคิวให้ถึงแค่หกโมงเย็นเท่านั้น”
“อีกแป๊บนะคะพี่ พี่นางทานน้ำก่อนนะคะ” ทีมงานจะหยิบน้ำให้
“ไม่เอา ฉันจะไปช้อปปิ้งแล้ว ถ้าพร้อมก็โทร.มาตามแล้วกัน”
ชินานางคว้ากระเป๋าเดินหุนหันออกไป ทีมงานมองตาม เกาหัวแกรกๆ แล้วรีบก้มหน้าทำงานขาขวิดกันต่อ

บังเอิญอะไรเบอร์นี้ ชินานางเดินดูร้านรวงต่างๆ ในห้างขณะกำลังแหวกเสื้อผ้าดู อีกมุมก็เห็นพัดชากำลังเลือกซื้อของอยู่ที่ร้านขายของแม่และเด็กที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ชินานางชะงัก ขยับเข้าไปดูใกล้ๆ เห็นภาพพัดชากำลังดูเครื่องใช้เด็กอ่อน
“นี่มันท้องเหรอเนี่ย คุณพยสนะคุณพยส”
พัดชายังไม่รู้ตัวว่าชินานางมองอยู่ ยังเดินเลือกดูของอย่างเพลิดเพลิน ทำเป็นสอบถามสินค้า คุยกับพนักงาน บางจัวหวะเอามือลูบท้องอวดพนักงาน
“เชอะ ทำตัวเป็นคุณนาย”
ชินานางอารมณ์เสีย จะออกจากไปหาเรื่อง แต่ธุรกิจกองละครดันโทร.มาเข้ามาขัดเสียก่อน
“ฮัลโหล อะไร เซ็ทฉากเสร็จแล้วเหรอ” ชินานางรำคาญ เหวี่ยงใส่ “เออๆ เดี๋ยวกลับไป”
ชินานางได้แต่มองพัดชาอย่างหงุดหงิด คันไม้คันมือ แต่ในที่สุดก็ต้องกลับไปถ่ายละครต่อ

พยสนั่งกดโทรศัพท์มือระวิง โทร.ไปที่โรงพยาบาลประจำที่คิดว่าพัดชาจะไป
“ไม่มีเหรอครับคนไข้ชื่อพัดชา ขอบคุณครับ”
พยสถอนใจ ไล่ดูเบอร์ต่อ กดโทร.อีกครั้ง
“ฮัลโหล ที่นั่นโรงพยาบาล...”
พยสยังพูดไม่จบคำ ก็เห็นพัดชาเปิดประตูเข้าบ้านมา ทำท่าอ่อนระโหยโรยแรง เสียเลือดมากอย่างสมบทบาท
“พัดชา”
พยสรีบวางสายตรงไปหา พัดชาหันมาเห็นพยส ก็ยิ้มดีใจ
“คุณพยส คุณกลับมาแล้ว”
พัดชาโผเข้ากอดพยส แล้วก็ทำเป็นเป็นลมหมดสติไป พยสประคองไว้ทัน

พัดชาทำเป็นสะลืมสะลือตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงนอน มีพยสนั่งเฝ้านิ่งๆอยู่ข้างๆ เตียง
“คุณพยส...”
“เธอหายไปไหนมา ฉันกลับมาก็เห็นเลือดเต็มบ้านไปหมด ฉันโทร.หาเท่าไรก็ไม่ติด”
“พัด...พัดไปหาหมอมาค่ะ พยายามลากสังขารไป เพราะกลัวลูกจะเป็นอันตราย” พัดชาสำออยอย่างน่าสงสาร
“แล้วลูก” พยสนิ่งไป ด้วยกระดากปากจะเรียก “เด็ก เป็นยังไงบ้าง”
“คุณหมอบอกว่าลูกยังปลอดภัยอยู่ค่ะ แต่ให้อยากพัดคอยระวัง แล้วก็พักผ่อนเยอะๆ อย่าเครียด ช่วงที่ผ่านมาพัดเครียดมากเหลือเกิน เพราะคุณพยสทิ้งพัด”
พัดชาซบกับแขนพยสร้องไห้
“มันทำให้พัดรู้สึกเหมือนตอนเด็กๆ ที่ต้องถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว ไม่มีใครห่วง ไม่มีใครแคร์ พัดไม่เคยนอนหลับเลย เมื่อไม่มีคุณพยส”
พัดชาร้องไห้สะอื้นหนักขึ้น พยสเริ่มอ่อนลงนิดนึง
“ตอนนี้เด็กปลอดภัยแล้ว เธอพักก็แล้วกัน”
พยสจะเดินออกไป พัดชารีบรั้งไว้
“คุณพยสอยู่เฝ้าพัดไม่ได้เหรอคะ อย่าไปไหนเลยนะคะ พัดกลัว”
พัดชาเงยหน้าขึ้นอ้อนวอนทั้งน้ำตา
“นะคะ ถ้าคุณไม่เห็นแก่พัด ก็เห็นแก่เด็กที่อยู่ในท้องด้วยเถอะค่ะ”
พยสอึดอัดลำบากใจ ในที่สุดก็พยักหน้า พัดชายิ้มออกมาอย่างดีใจ

พยสออกจากห้องเดินลงบันไดมา มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เห็นเบอร์ก็ยิ้ม รีบกดรับ
“ฮัลโหล ตรีเหรอครับ”

พยสนั่งยิ่มย่องรอคอยการมาถึงของตรีประดับอยู่ในร้านอาหารที่นัดไว้ สักพักตรีประดับเดินเข้ามาหา พยสดีใจสุดๆ
“ตรี คุณนัดผมมา คุณคิดถึงผมแล้วใช่มั้ย นั่งก่อนสิครับตรี ผมสั่งอาหารที่ตรีชอบไว้ทั้งนั้นเลยนะ” พยสหันไปเรียกเด็กเสริ์ฟ “น้องๆ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ตรีมีธุระไม่นาน พูดเสร็จแล้วก็จะไป”
พยสงง หน้าเสีย
“น้องชายคุณชื่ออนิล กับพวกรุมทำร้ายเทศ”
พยสงง “นี่ตรีพูดเรื่องอะไร”
“อย่าบอกนะคะว่าคุณไม่รู้เรื่องนี้ด้วย”
พยสอึ้งไป แล้วนึกโมโหขึ้นมา
“นี่ที่คุณให้ผมมาเจอ เพราะจะมาเอาเรื่องผม คิดว่าผมต้องรู้เรื่องที่ไอ้เทศมันเจ็บอย่างงั้นเหรอ ผมนึกว่ามีธุระสำคัญอย่างอื่น”
“ความเป็นความตายของคนไม่สำคัญเหรอคะ”
“ไม่เกี่ยวกับผม โดยเฉพาะถ้ามันเกี่ยวกับไอ้เทศ อ้อ ถ้ามันตายอาจจะสำคัญหน่อย ผมจะได้ส่งพวกหรีดไปให้”
ตรีประดับส่ายหน้า
“แค่ไม่กี่เดือน คุณทำให้ภาพของตัวเองในสายตาฉันเปลี่ยนไปเยอะเลยนะคะพยส”
“แหงล่ะ เพราะมีคนอย่างไอ้เทศมันช่วยป้ายสีอยู่เรื่อยๆ ไง”
ตรีประดับเหนื่อยหน่ายใจ “ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีคุณเป็นต้นเหตุทั้งนั้น คุณหวาดระแวงฉันกับเทศต่างๆ นานา แต่เราไม่เคยทำอะไรแบบที่คุณคิดซักครั้งเดียว ผิดกับคุณที่ตั้งหน้าตั้งหน้าจับผิดคนอื่น ลับหลังก็แอบไปลักกินขโมยกิน แล้วคุณยังจะมีหน้าโทษคนอื่นอีกเหรอ”
พยสอึ้งไปเมื่อถูกด่า ท่าทีอ่อนลง
“ตรี นี่คุณ”
“เราจบกันแล้วค่ะยส เพราะฉะนั้นเราต่างคนต่างอยู่ คุณไปบอกน้องคุณด้วยว่าอย่ามายุ่งกับเทศอีก ก่อนที่เราจะไม่เหลือความรู้สึกดีๆ ให้กันอีกเลย”
ตรีประดับมองพยสอย่างเย็นชาแล้วเดินออกไป
“ตรี”
เสียงดังของพยสเรียกให้คนโต๊ะอื่นหันมามองกัน พยสหน้าชาทิ้งตัวลงเก้าอี้อย่างหงุดหงิด โกรธจัด มองตรีประดับออกไป
“ไอ้เทศนะไอ้เทศ เพราะแกคนเดียว”
สักพักพยสก็นึกสงสัยเรื่องอนิล
“ไอ้อนิล แกไปเกี่ยวอะไรกับไอ้เทศวะ”

พยางค์มาหาที่คอนโด เห็นสภาพเทศราชที่ดูบอบช้ำ หน้าตาเนื้อตัวระบมหนักกว่าที่คิด จึงรีบเข้ามาดูหลานใกล้ๆ
“ฉันบอกแกแล้วใช่มั้ย ไปยุ่งกับพวกนั้น เป็นไงหล่ะ กินน้ำข้าวต้ม ดีนะไม่ตาย”
“เกือบตายละอา โชคยังดีที่พอดีเจอคนรู้จัก”
พยางค์ฉงน “ใครวะ นี่ถูกกระทืบยังจะเจอคนรู้จักอีก”
“น้องพยส น่าจะเป็นลูกน้องเสี่ยจิว มันเลยไม่กล้าทำผมถึงตาย”
พยางค์มองเป็นห่วงหลานชาย
“ตอนนี้เราต้องหาสายใหม่จริงๆ เด็กคนนั้นที่ผมติดต่อไว้ สงสัยจะโดนจับได้แล้ว”
พยางค์ยกมือห้าม “พอๆๆๆ วางเรื่องงานไปก่อนเลย เรื่องสำคัญที่สุดของแกตอนนี้คือสังขาร ไปหาหมอซะ” บอกกอหนุ่มใหญ่นึกได้ “ฉันต้องโทร.รายงานพี่สาวแก”
“ไม่ต้องอา ผมมีหมอดูแลแล้ว”
พยางค์ชะงักมือจากโทรศัพท์มองเทศราชอย่างไม่แน่ใจ
“แน่ใจ”
เทศราชพยักหน้ายืนยัน ดูมีเลศนัย
“ตามใจละกัน ดื้อจริงๆ นะแกเนี่ย”
เทศราชยิ้มให้อา พยางค์ส่ายหัวแล้วกลับไป

พยสกำลังจะกลับขึ้นรถ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสายจากชินานางที่นอนคุยโทรศัพท์อยู่บนเตียงในห้องนอน สองคนคุยสายกัน
“คุณพยสไม่มาหานางเหรอคะวันนี้”
“วันนี้ผมขอตัวนะครับคุณนาง”
“ทำไมคะ อย่าบอกนะว่ากลับไปคืนดีกับเมียแล้ว ไวจริง”
“คืนดีอะไร เขาเพิ่งมาด่าผมเมื่อกี้นี้เอง”
“โธ่ อย่างนี้ก็ต้องรีบมาหานางสิคะถึงจะถูก”
“วันนี้ขอตัวจริงๆครับ พอดีว่าคงต้องกลับไปดูพัดชาเขาหน่อยเขาไม่สบาย คือ..เขาท้อง แล้วเลือดออกน่ะครับ”
ชินานางฟังแล้วขมวดคิ้ว
“หือ เลือดออกตอนไหนคะ เมื่อกี้เหรอคะ”
“ป่าวครับ ตั้งแต่เมื่อตอนบ่ายๆ แล้ว”
“คุณพยสคะ เมื่อตอนบ่ายนางยังเห็นแม่นั่นเดินปร๋อดูของใช้เด็กอ่อนอยู่เลย แหม ยังไม่ทันไรก็รู้จักใช้มารยาใส่คุณล่ะ เป็นงานจริงๆ”
ชินานางหัวเราะหึๆ รู้ทันมารยาพัดชา ส่วนพยสอึ้งวางสายไป ยิ่งแค้นพัดชาทบทวี

พัดชาลืมตาตื่นไขว่คว้าหาพยส แต่ไม่เจอ
“คุณพยสคะ คุณพยส”
พัดชาขยับตัวเหลียวมองหาพยสทั่วห้อง แต่ไม่เจอ สีหน้าเป็นกังวล

พัดชาเดินลงมาชั้นล่างตามหาพยส แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นชินานางนั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก
“คุณมาทำไม ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ” พัดชามองระแวง
ชินานางยิ้มหยัน มองอย่างรู้ทันและเป็นต่อ “คุณพยสให้เอาข้าวมาส่ง ได้ข่าวว่าเธอไม่สบาย คงลุกขึ้นมาทำอะไรกินไม่ไหวหรอกใช่ไหม”
พัดชาได้ยินแล้วใจคอไม่ดี ชินานางเดินกรีดกรายไปที่โต๊ะ เปิดปิ่นโตดู
“เซ็ตนี้คงกินได้วันนึงพอดี วันต่อๆ ไปก็โทร.สั่งตามเบอร์ในนามบัตรนี้เอาเองนะ คุณพยสฝากบอกไว้”
พัดชางง “นี่มันหมายความว่ายังไง ทำไมคุณพยสต้องฝากคุณมา”
“ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ พยสไม่อยากจะพูดกับเธอ ไม่อยากเห็นหน้าเธออีกต่อไปแล้วพัดชา เพราะเขาจับได้แล้วว่าเธอมันเจ้ามารยา” ชินานางมองพัดชาหัวจรดเท้า “ฮึ ตกเลือดปางตาย แต่ยังมีหน้าไปเดินเล่น”
พัดชาอึ้งหน้าชา
“พยสเขาเช็คไปที่โรงพยาบาลที่เธอไปฝากครรภ์ได้แล้วนะ ทางนั้นก็บอกว่าเธอปกติดีทุกอย่าง เลือดที่ออกไม่รู้ว่าเลือดหมู เลือดแมว หรือว่าเลือดชั่ว”
“แก”
พัดชาเงื้อมือตบหน้าชินานางดังฉาด ชินานางเหวอ หันกลับมาตบพัดชาคืนบ้าง พัดชาเซล้มไปที่โซฟา ชินานางตามเข้าไปเขย่าตัว
“อย่านึกว่าฉันจะเวทนาคนท้องคนไส้อย่างแกนะ ถ้าลูกแกตายไป แกก็จะต้องขาดจากคุณพยส รักษาเนื้อรักษาตัวไว้ดีกว่าจะมาหาเรื่องฉัน”
พัดชาเจ็บใจจนร้องไห้ออกมา
“งั้นแกก็คืนคุณพยสมาให้ฉันสิ”
“คุณพยสเขาเลือกเองได้ว่าอยากอยู่กับใคร ผู้ชายน่ะไม่ชอบให้ผู้หญิงเล่นวิ่งไล่จับหรอก ถ้าผู้หญิงมีค่าพอ แค่นั่งนิ่งๆ เดี๋ยวเขาก็กลับมาตายรังเอง แต่คนอย่างแก นั่งให้รากงอก คุณพยสก็ไม่แล เพราะแกมันไม่มีราคา”
ชินานางผลักพัดชาล้มลงไปบนโซฟา มองอย่างสะใจแล้วออกไป พัดชากรีดร้องดังลั่นอย่างเจ็บแค้นใจ

เห็นตรีประดับกลับเข้ามา โดยในมือถือถุงอาหารมาด้วย เทศราชร้องทัก
“ตรีออกไปซื้ออาหารนานจัง บอกแล้วโทร.สั่งมาก็ได้ เมื่อกี้อาพยางค์ก็มา แต่แกกลับไปล่ะ”
ตรีประดับรีบแก้ตัวเพราะหาเรื่องออกไปหาพยสมา
“ก็ตรีอยากทานร้านนี้ด้วยไง ต้องไปซื้อเองเขาไม่มีคนมาส่งนี่”
เทศราชพยายามเดินมานั่ง
“เทศไหวมั้ย ตรีช่วย”
ตรีประดับกำลังจะไปหา แต่เทศราชนั่งลงแล้วดันทำศอกชนโต๊ะจังๆ
“โอ๊ย”
ตรีประดับตกใจรีบดู
“เป็นยังไงบ้าง เห็นมั้ยเลือดซึมออกมาเลย”
ตรีประดับรีบหยิบผ้าพันแผลมาเปลี่ยนให้
“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ห้ามเคลื่อนไหวเองเด็ดขาด รู้มั้ย”
เทศราชพยักหน้ารับ ลอบมองตรีประดับอย่างซาบซึ้งใจ

ตรีประดับประคองเทศราชในชุดคลุมอาบน้ำ เข้ามาในห้องน้ำ
“ดีๆ นะ ก้าวช้าๆ”
ตรีประดับจับเทศราชลงนั่งที่เก้าอี้พลาสติกที่ยกเข้ามาในห้อง แล้วหยิบฝักบัวส่งให้ เทศราชทำท่าจะถอดชุดคลุม ตรีประดับร้องลั่น หันหน้าหนี
“เดี๋ยวสิเทศ ให้ตรีออกไปก่อน”
“ไม่เป็นไร เราไม่ถือ”
“จะบ้าเหรอ แต่เราถือ”
เทศราชหัวเราะขำ ตรีประดับรีบผละไปที่ประตู เทศราชยิ้มชื่น
หลังจากนั้นไม่นานตรีประดับค่อยๆ วางร่างเทศราชในชุดนอนลงนอนบนเตียง
“คืนนี้เทศไม่ต้องนอนคนเดียวนะ เราจะอยู่เป็นเพื่อนเทศเอง”
เทศราชยิ้มหน้าบานมีความสุขเป็นที่สุด
“ตลอดเวลาที่ผ่านมาเทศดูแลเรามาตลอด ถึงเวลาที่ตรีต้องดูแลเทศบ้างแล้วนะ นอนได้แล้ว”
“ขอบคุณนะตรี”
“ฝันดีนะ”
ตรีประดับปิดไฟแล้วออกไป เทศราชนอนยิ้มฟินสุขสุด บอกรักตรีประดับในความมืดว่า

“ผมรักคุณ ตรีประดับ”

อ่านต่อตอนที่ 18
กำลังโหลดความคิดเห็น