ระบำไฟ ตอนที่ 15
สุดท้ายตรีประดับหอบใจดวงช้ำขับรถตรงมาที่บ้านสวน คราบน้ำตาที่ยังเหลือติดแก้ม ถูกเธอปาดเช็ดออก ขณะทอดสายตามองไปที่บ้านแสนอบอุ่นตรงหน้า นักแปลนิยายชื่อดังสูดลมหายใจจนสุดแล้วทอดถอนออกมา
แววเดินออกมาจากบ้าน เห็นรถลูกก็ยิ้มร่าดีใจ รีบตะโกนบอกสามี
“พ่อๆ ลูกมาแล้ว”
ตรีประดับยิ้มรับรอยยิ้มยินดีของผู้เป็นมารดา รีบลงรถตรงไปหา แววพาตรีประดับเข้าไปในบ้าน
ตรีประดับนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารกับภูมิ แววกุลีกุจอทำอาหารมาให้ ตรีประดับฝืนยิ้ม
“น่าทานจังค่ะแม่”
“แม่ได้ยินว่าจะมาก็อุตส่าห์ทำของโปรดตายสไว้ด้วย ทำไมตรีมาถึงคนเดียวล่ะลูก”
“เขาติดงานค่ะ” ตรีประดับบอก
“งั้นเดี๋ยวแพ็คกลับไปฝากตายสด้วยนะ” แววบอกสีหน้าระรื่น
“เอ่อ วันนี้ตรีไม่กลับหรอกค่ะ”
แววชะงักเหลียวมองหน้าภูมิ ตรีประดับยิ้มกลบเกลื่อน
“ตรีคิดงานไม่ค่อยออก เลยว่าจะมานอนเล่นที่บ้านสวนซักพัก คุณแม่กับคุณพ่อจะอนุญาติมั้ยคะ”
แววแปลกใจหันไปมองหน้าภูมิ แต่ดีใจอยู่ที่ลูกกลับบ้านจึงไม่เซ้าซี้ ขณะที่ภูมิมองลูกอย่างกังวล
หลังกินข้าวเสร็จตรีประดับออกมานั่งเหม่ออยู่ในสวนหลังเรือน ภูมิเดินตามออกมานั่งข้างๆ
“ตรียังไม่ได้คุยกับยสเหรอลูก”
ตรีประดับตัดสินใจโกหกไปว่า “คุยแล้วค่ะ แต่ตรีขอเวลาอยู่คนเดียวซักพักนึงค่ะพ่อ”
“แค่เรื่องเขาไม่กลับบ้านนี่ ตรีต้องใช้เวลาทำใจเชียวหรือลูก ลูกมีปัญหาอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า”
ภูมิเห็นตรีประดับอึดอัดมีสีหน้าลำบากใจ ก็เลยไม่อยากเซ้าซี้
“ถ้ายังไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร แต่พ่ออยากเตือนตรีว่าคนสองคนมาใช้ชีวิตด้วยกัน จะให้ราบรื่นทุกอย่างคงเป็นไปไม่ได้ เวลาปัญหาเกิด สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือคุยกัน การหนีหน้ากันมันควรจะเป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะผัวเมียลงถ้าทะเลาะกันถึงขั้นแยกกันอยู่ มันจะกลับไปมองหน้ากันเหมือนเดิมยากนะลูก”
ตรีประดับรับรู้ความห่วงใยของพ่อ และรู้ว่าภูมิกำลังไม่สบายใจ
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณพ่อ ตรีหลบมาคิดงานจริงๆ เดี๋ยวก็จะกลับบ้านค่ะ”
ตรีประดับยิ้มหวาน หลบตาวูบขณะกอดซบพ่อ คิดว่าต้องหาที่อยู่อื่น ไม่อยากให้พ่อแม่กลุ้มใจ
อีกฟากหนึ่ง อรณาเปิดประตูห้อง ช่วยพัดชาถือของบางส่วนเข้ามาในห้องพัก
“เข้ามาสิ ห้องรกหน่อยนะ”
พัดชาเดินเข้ามา สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงว่ามีข้าวของผู้ชายอยู่ด้วย
“ตอนนี้เธออยู่กับแฟนเหรอ”
อรณาทำหน้าเซ็งๆ “ถ้าใช่ก็ดีสิ พี่ชายฉันต่างหากล่ะ”
พัดชาแปลกใจ ทีแรกนึกถึงพยส จนอรณาเห็นสีหน้างงเลยเล่าเอง
“ไม่ใช่คนที่รวยๆ หรอก คนนี้ทั้งจนทั้งกระจอก เขาเพิ่งได้งานใหม่ ก็เลยมาขออยู่ด้วย ทนอึดอัดหน่อยก็แล้วกันนะ เธอคงอยู่ไม่นานไม่ใช่เหรอ”
“เดี๋ยวหาที่อยู่ใหม่ได้ก็ไปแล้ว”
“ฉันจะช่วยหา ว่าแต่คิดให้ดีนะ เรื่องที่จะใช้เป็นรังกกผัวชาวบ้าน มันบาปนะเธอ”
พัดชาตอบยิ้มๆ พูดทีเล่นทีจริง “ฉันก็ไม่อยากปีนต้นงิ้วเหมือนกันแหละ”
อรณายิ้มกริ่ม “แสดงว่า...”
“เขากำลังจะเลิกกับเมียมาหาฉัน”
อรณายิ้มค้าง เซ็งหนักกว่าเดิมที่พัดชาไม่สำนึกเอาเลย
ค่ำนั้นพยสเปิดประตูเข้ามาในบ้าน เห็นแต่ความมืดสนิท ก็พอรู้ว่าพัดชาคงจะไปแล้ว เลยเปิดไฟเดินไปดูที่ห้อง ก็เห็นสภาพห้องเต็มไปด้วยความว่างเปล่า ก็ยิ่งโล่งใจ
“จบสิ้นกันซักทีนะพัดชา”
พยสปิดประตูลง
พยสเข้ามาในห้องทำงานของตรีประดับ นั่งลงที่โต๊ะ ไล้มือลูบข้าวของเครื่องใช้ตรีประดับด้วยความคิดถึง
พยสนึกขึ้นได้ รีบกดโทร.หาตรีประดับ เพื่อบอกข่าวดี แต่อีกฝ่ายยังคงปิดเครื่องก็เลยหงุดหงิด ส่งข้อความไลน์ไปว่า
“ตรี โทร.หาผมนะครับ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย ได้โปรดเถอะ”
พยสวางสายหน้าเศร้านั่งทอดถอนใจ สายตาเหลือบเห็นกรอบรูปที่วางอยู่ เป็นภาพถ่ายสามคน ตรีประดับ พยส และ เทศราช พยสหยิบมาดูอย่างเจ็บแค้นใจ
“ทำไมต้องมีแกเข้ามาเป็นส่วนเกินในชีวิตฉันด้วย ไอ้เทศ”
พัดชาออกมาเดินเล่นหน้าคอนโดที่พักอรณา ขณะเดินใจลอยข้ามถนนไปอีกฝั่ง ก็มีรถคันหนึ่งแล่นตรงมา เสียงบีบแตรรถดังลั่น พัดชาตกใจ หันมามองแต่รถคันนั้นกลับไม่แล่นผ่านไปเปิดกระจกลง ร้องทัก
“หนู หนูพัดชาใช่ไหม”
พัดชาชะงักมองหน้าพยางค์อีกที
“ผมพยางค์ไง อาของเจ้าเทศ เราเคยเจอกันที่โรงพิมพ์”
พัดชาจำได้ “อ๋อ สวัสดีค่ะ”
“หนูมาทำธุระอะไรแถวนี้ แล้วหนูตรีมาด้วยหรือเปล่า”
พัดชาสีหน้าเศร้าลง พยางค์มองสงสัย
พัดชานั่งอยู่ในร้านอาหาร บรรยากาศดูดี มีพยางค์อยู่ตรงหน้า
“อยากทานอะไรก็สั่งเลยหนู”
“ขอบพระคุณค่ะ”
“ฉันดีใจนะที่เจอหนู เพราะว่ามีธุระจะคุยด้วยพอดีเลย ไอ้เทศมันโทร.หาหรือยัง”
พัดชาชะงัก เริ่มนั่งไม่ติด เมื่อพยางค์พูดถึงเทศราช กลัวอีกฝ่ายรู้เรื่องที่ทำไว้
“เอ้อ ยังค่ะ”
“คืองี้ ที่โรงพิมพ์กำลังขาดเจ้าหน้าที่ฝ่ายกองบรรณาธิการ ผมจำได้ว่าหนูเคยอยากมาฝึกงานด้านนี้ ก็เลยจะชวนมาร่วมงานกัน ไม่ต้องฝึกฝนอะไรทั้งนั้น มาทำงานรับเงินเดือนเลย”
พยางค์เยื้อนยิ้มหว่านเสน่ห์ พัดชาฝืนยิ้มตอบ ไม่อยากทำเลยเพราะกลัวเจอตรีกับเทศ
“ว่าไงล่ะ สนใจไหม หรือว่าต้องขออนุญาตหนูตรีก่อน ผมช่วยพูดให้ได้นะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ คือพัดก็ไม่ได้ทำงานกับพี่ตรีแล้วล่ะค่ะ”
พยางค์อึ้งไป “อ้าว ทำไมล่ะ”
พัดชาทำเป็นหลบหน้าหลบตา “มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะค่ะ”
“โธ่ แต่ก็ดีเหมือนกัน จะได้มาทำงานกับผม หนูเคยได้เงินเดือนเท่าไร ผมจะให้มากกว่าเดิมด้วย ตกลงไหม”
พยางค์ยื่นมือมาแตะมือพัดชาอย่างปลอบประโลม พัดชาชะงักเล็กน้อย เหลือบมองมือที่กุมอยู่ แต่ก็ไม่ดึงมือออก สบตาพยางค์นิ่มนิ่ง
“พัดรู้สึกว่าตัวเองไม่ถนัดงานสายนี้เท่าไรค่ะ คุณอาพอจะมีงานด้านอื่นให้พัดทำไหมคะ เพราะจริงๆ พัดเองก็อยากได้งาน”
พัดชาส่งสายตาออดอ้อน นิดๆ พยางค์พอรู้ว่าพัดชาเล่นด้วยก ก็ยิ้มปลื้มลืมโลก
เทศราชแวะมาหานั่งคุยกับตรีประดับตรงมุมสงบเงียบในสวนหลังบ้าน
“กลับมาอยู่บ้านแล้วรู้สึกดีขึ้นไหม”
“ก็นิดหน่อย แต่ตรีคงอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน ไม่อยากให้พ่อกับแม่กลุ้มไปมากกว่านี้
“งั้นตรีก็กลับบ้านไปซะ”
“ไม่” ตรีประดับร้องบอกอย่างรวดเร็ว จับมือเทศราช “ตรีพยายามที่จะกลับไปแล้วนะเทศ แต่ตรียังทำใจไม่ได้ ตรียังเห็น ภาพนั้นติดตาอยู่เลย”
“แล้วตรีจะทำยังไง”
“ตรีคงจะต้องหาที่อยู่ใหม่”
“ที่ไหน ตรีมีแล้วเหรอ”
“ยังน่ะ แต่ก็น่าจะหาไม่ยากหรอก”
เทศราชคิดปราดเดียว
“ถ้าตรีไว้ใจเรา เรามีที่ที่จะให้ตรีอยู่แล้วปลอดภัย”
“ที่ไหน”
“เอาน่า ไว้พาไป ไม่ใหญ่มากแต่ก็สบายหายห่วง”
“ขอบใจนะเทศ”
เทศราชเห็นรอยยิ้มตรีประดับ ก็รู้สึกโล่งใจ
ขณะตรีประดับออกไปส่งที่รถหน้าบ้าน เทศราชดูอาลัยอาวรณ์เพราะเป็นห่วงจับใจ
“ดูแลตัวเองนะตรี”
“จ้ะ ขอบคุณนะ”
ภูมิยืนข้างแววที่แหวกม่านหน้าต่างดูอยู่บนบ้าน ค่อนแคะเทศราชอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“ดูซิมาขลุกอยู่ครึ่งค่อนวันกว่าจะยอมกลับ แม่ว่าพ่อโทร.ไปบอกพยสให้มารับยายตรีกลับบ้านเถอะ ไม่งั้นนายเทศก็คงจะเทียวไปเทียวมาแบบนี้”
“ฮื้อ เรื่องของเด็กๆ เขาน่า”
“แต่มันน่าเกลียด”
“ลูกเราโตแล้ว แกรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ถ้าแม่เห็นแล้วคิดมากก็อย่าไปแอบดูสิ”
ภูมิปิดม่านแล้วประคองแววมานอน แววยังอิดออดอยากจับผิดต่อ
เช้านี้ พยสไม่มีกะจิตกะใจจะทำงาน แวะมาหาชินานางที่คอนโดหรูหลังจากอีกฝ่ายโทร.ตาม เคาะห้องเรียกแล้วหยุดรอ ได้เสียงหวานหยดย้อยดังมาจากในห้อง
“เชิญค่า ประตูไม่ได้ล็อค”
พยสผลักประตูเปิดเข้ามานั่งซึมที่โซฟารับแขก ชินานางดี๊ด๊าเข้ามานั่งข้างทำปูไต่ถามท่าทียั่วยวน
“เห็นหน้านางแล้วเบื่อโลกขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“คุณนางเรียกผมมามีธุระอะไร”
“ธุระอะไรดีน้า”
ชินานางกรีดมือซ้ายไปมา จงใจอวดแหวนเพชร
“แหวนแต่งงานนี่ อย่าบอกนะว่าคุณ...”
ชินานางยิ้มกริ่ม “ค่ะ เสี่ยขอนางแต่งงานแล้ว เดี๋ยวเร็วๆ นี้นางจะวานให้คุณช่วยร่าง prenup อย่าให้นางเสียเปรียบเชียวนะคะ”
พยสพยักหน้ารับรู้ แต่ก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรด้วย
“ผมยินดีด้วยนะ แล้วเรื่องลูก...”
ชินานางยักไหล่ “นางไม่เอาแล้วล่ะค่ะ ในเมื่อพ่อเขามั่นใจว่าจะเลี้ยงลูกได้ดีกว่า ก็เชิญเอาไป นางจะมีลูกใหม่กับเสี่ย เอาซักโหลนึง สมบัติจะได้ไม่กระเด็นไปไหน”
“งั้นก็ยินดีด้วยอีกครั้ง เป็นอันว่าหมดหน้าที่ผมซักที”
“ใครบอกคะ”
ชินานางลุกเดินอ้อมโต๊ะมาหาพยส เข้ามาลูบไล้ยั่วยวน
“ยังเหลืออีกหน้าที่นึงที่นางยอมให้คุณทำไปตลอดชีวิต”
ชินานางมองจ้องกระซิบเสียงกระเส่าข้างหู สอดมือเข้าไปลูบไล้ในอกเสื้อ พยสเคลิ้ม
รถตู้เสี่ยจิวแล่นมาถึงหน้าตึกคอนโดชินานาง ลูกน้องลงมาเปิดประตูให้ เสี่ยจิวลงมาเตรียมจะเดินเข้าตึก
อนิลน้องชายพยสมาทำงานกับเสี่ยจิวครั้งแรก นั่งหน้าคนขับตามลงมาเป็นคนสุดท้าย แล้วเงยหน้ามองขึ้นไปบนตึกอย่างคุ้นตา ลืมตัวไม่เดินตาม จนลูกน้องคนหนึ่งของเสี่ยหันมาเห็น
“เฮ้ย ไอ้นิล ! ตามมาสิวะ”
อนิลเงอะๆ งะๆ พอเห็นเสี่ยจิวและคนอื่นๆมองมาที่ตนเป็นตาเดียวกัน ก็กลัวๆ รีบค้อมหัวรับคำแล้วตามไป เสี่ยจิวเดินนำหน้าไปกับมือขวาคนสนิท กระซิบถาม
“ไปเอาไอ้หน้าใหม่นี่มาจากไหน ทำไมมันเงอะๆ งะๆ นัก”
“ลูกน้องเก่าผมเองครับเสี่ย มันเล่นยาจนเพี้ยนๆ ไปหน่อย แต่รับรองว่าใช้งานได้ครับ”
เสี่ยจิวเหล่มองอนิล แต่ก็ไม่สนใจนัก เดินต่อเข้าตึก
พยสช้อนอุ้มชินานางเข้าไปในห้องนอนสองคนถอดเสื้อผ้าทิ้งอย่างรวดเร็ว กอดจูบกันอย่างร้อนแรงราวกับตายอดตายอยากมาแต่ไหน
เสี่ยจิวขึ้นลิฟต์มาพร้อมลูกน้อง จวนจะถึงหน้าห้องอยู่รอมร่อ ในขณะที่พยสกับชินานางกอดจูบลูบคลำ ก่ายกระหวัดรัดกันแทบเป็นเนื้อเดียวกันอยู่แล้ว
ลูกน้องคนสนิทจะเปิดประตูให้ เสี่ยจิวตัดบท
“ไม่เป็นไร ฉันเข้าไปเอง”
เสี่ยจิวเปิดเดินเข้าไปเลยอย่างคุ้นเคย
พอเปิดประตูเข้ามา เจ้าพ่อคนดังชะงักกึกเมื่อเห็นพยสนั่งอยู่ ชินานางนั่งอยู่ที่โซฟารับแขกอีกฝั่ง ท่าทีปกติ ทั้งคู่ แต่เสื้อผ้ายับย่นเล็กน้อย
“อ้าว คุณพยส มาอยู่ที่นี่เองเหรอ”
พยสอึกอัก ชินานางยิ้มเจื่อนๆ รีบแก้ให้
“เอ่อ นางมาคุยเรื่องสัญญาก่อนแต่งไงคะ” นางร้ายเจ้าบทบาทละล่ำละลัก
พยสเสริมว่า “ไม่ทราบว่าเสี่ยก็จะมา มะ...ไม่งั้นก็จะได้มาพร้อมกัน”
“คุยกันไปถึงไหนแล้วล่ะ”
เสี่ยจิวนั่งลงข้างๆ ชินานางขยับให้ แล้วเหลือบเห็นเสื้อในของตัวเองตกอยู่ที่พื้นก็ตกใจ รีบใช้เท้าเขี่ยเข้าไปใต้โต๊ะ แล้วส่งสายตาบอกพยส
“เอ่อ ก็คุณนางกำลังให้ผมทำเอกสารแจกแจงทรัพย์สินอยู่”
“ดี งั้นผมฟังด้วย”
เสี่ยจิวกอดอกตั้งใจฟัง พยสกับชินานางยิ้มเจื่อนๆ แล้วเริ่มปรับสีหน้าวางท่าคุยงานกันอย่างมืออาชีพ
พยสเดินออกไป เสี่ยจิวกับชินานางตามมาที่หน้าประตู เห็นลูกน้องรออยู่เป็นกลุ่ม แต่ยังไม่ได้สังเกต
“ขอบคุณมากนะคุณพยส เป็นอันว่าคุณเป็นตัวแทนของทั้งผมและคุณนาง หวังว่าจะรักษาผลประโยชน์ให้เราทั้งคู่ได้เท่าเทียมกัน”
“วางใจได้ครับเสี่ย”
เสี่ยจิวพยักหน้าบอกลาชินานาง แล้วเดินไปที่ลิฟต์ พวกลูกน้องขยับตัวตามไป
พยสมองเห็นอนิลชัดๆ ถึงกับชะงักเรียกไว้เสียงไม่ดังนัก “อนิล”
อนิลเองก็ชะงักหันมา พวกเสี่ยลงลิฟต์ไปก่อนแล้ว เลยละล้าละลัง แต่พยสรีบเดินมาก แล้วลากออกไปจากออฟฟิศ กลัวคนเห็นจะซุบซิบ
“แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเนี่ย”
“ผมก็มาทำงานสิพี่ยส” อนิลยิ้มเยาะ “ไม่ดีใจเหรอ น้องชายห่วยๆ อย่างผมมีงานการมั่นคงกับเขาแล้วเหมือนกัน”
“มั่นคงอะไรของแก แกรู้ไหมว่าเสี่ยเป็นใคร”
“ทำไมจะไม่รู้ เสี่ยจิวก็เป็นนักธุรกิจใหญ่ที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนนึง แกเลี้ยงดีด้วย พี่ไม่ต้องห่วงผมอีกต่อไปแล้ว”
“ธุรกิจของเสี่ยมันสีดำทั้งนั้น แกกำลังจะหาเรื่องใส่ตัว”
“งั้นพี่ก็หาเรื่องใส่ตัวเหมือนกันสิ ถึงรับเป็นทนายให้เสี่ย”
พยสอึ้งไป เถียงไม่ออก อนิลยิ้มสะใจ
“มีพี่ทำงานรับใช้ใกล้ชิดเสี่ยแบบนี้ ผมยิ่งสบายใจซะอีก แต่ไม่ต้องห่วงนะ ผมจะไม่แพร่งพรายให้พี่เสียชื่อหรอกว่าผมเป็นน้องชายคุณทนาย”
อนิลตบไหล่พยสพลางยิ้มเยาะ ก่อนจะลงลิฟต์ไป พยสไม่สบายใจนึกห่วงน้องชาย
อรณาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาทั้งชุดนักศึกษา ท่าทางเหนื่อยอ่อน โยนหนังสือเรียนไปอีกทางนึง พัดชารินน้ำหวานใส่แก้วมาให้
“เธอนี่ขยันนะอร เที่ยวดึกๆ ดื่นๆ แต่ก็ยังตื่นไปเรียน”
“ก็ต้องไปสิ จะจบแล้ว ขืนไม่เรียนแล้วจะเอาตังค์ที่ไหนใช้ นี่พี่ยสก็คาดโทษอยู่ว่าให้จบภายในปีนี้ ไม่งั้นจะตัดเงินฉัน”
พัดชารอจังหวะอยู่พอดี แววตาเจ้าเล่ห์แกล้งถามว่า
“แล้วเดือนนี้เธอไปรับเงินเดือนมาหรือยัง”
“ว่าจะไปนะ ถ้าพรุ่งนี้ไปไม่ทันก็ว่าจะไปอีกวัน เธอถามทำไม”
“ฉันอยากฝากหนังสือไปให้พี่สะใภ้เธอเซ็นหน่อยน่ะ”
พัดชาพูดยิ้มๆ แล้วเดินไปหยิบมาให้
อรณาพลิกดู แต่ไม่ได้สงสัยอะไรว่าพัดชามีแผน
“พี่ตรีคงดีใจเนอะ ที่มีแฟนคลับชอบหนังสือเขาเยอะ ไม่ต้องห่วงนะ ฉันขอให้แล้วจะให้เขียนด้วยมั้ยว่าให้ใคร”
“ไม่ต้องหรอก แต่เซ็นมาอย่างเดียวก็พอ ขอบใจนะ”
อรณารับเอาคำ พัดชายิ้มลึกล้ำ มีแผนการบางอย่างในใจ
เทศราชหิ้วกระเป๋าสัมภาระหลายใบ พาตรีประดับเข้ามาที่คอนโดของเขา
“ตรีอยู่ที่คอนโดเราไปก่อนนะ”
“ที่บอกว่าปลอดภัยหายห่วงคือที่นี่นี่เอง”
“อ้าว ก็มันเรื่องจริงนี่นา อยู่ไปก่อน สบายใจเมื่อไร ก็ค่อยกลับไป”
“ตรีไม่ได้ทำให้เทศลำบากใช่ไหม” ตรีประดับเกรงใจไม่หาย
“ไม่เลย ถ้าตรีแยกไปอยู่คนเดียว เราก็ต้องลำบากตามไปดูว่าตรีสบายดีหรือเปล่า ขาดเหลืออะไรไหม อยู่ด้วยกันนี่แหละจะได้ไม่ต้องห่วง”
เทศราชสบตาตรีประดับซึ้งๆ แล้วเดินนำเข้าคอนโดผ่านล็อบบี พนักงานตรงเคาน์เตอร์ฟร้อนท์หันมาทำความเคารพอย่างนอบน้อม
เทศราชยิ้มให้ทุกคนแล้วเดินผ่านไปหน้าลิฟต์พร้อมตรีประดับ
พนักงานต้อนรับมองตรีประดับ แล้วหยิบโทรศัพท์มากดโทร.รายงานด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“สวัสดีค่ะคุณภิรตี”
ระหว่างรอเทศราชจัดห้องนอนให้ ตรีประดับเดินสำรวจรอบๆ ห้อง มาถึงโต๊ะทำงาน เห็นรูปตัวเองตั้งวางอยู่ เลยจะหยิบมาดู เป็นรูปตอนไปญี่ปุ่นที่ไม่เคยเห็น เทศราชปราดมาแย่งไป แล้วยิ้มเก้อๆ
“เราจัดห้องนอนเสร็จแล้ว ตรีลองเข้าไปดูสิว่าอยู่ได้ไหม”
“ไม่เป็นไร ตรีนอนข้างนอกก็ได้”
“ตรีจะมาแย่งที่นอนเราได้ไง”
“อย่าให้ตรีต้องเอาเปรียบเทศมากไปกว่านี้เลยนะ”
“เรายินดีทำทุกอย่างให้ตรีมีความสุข ตรีไม่ได้เอาเปรียบอะไรเลย”
ตรีประดับอึ้งๆ เทศราชจับมือตรีประดับขึ้นมา พูดย้ำสถานะตัวเอง
“ตรีไม่ต้องห่วงความรู้สึกเรา เพราะสิ่งที่เราทำไปมันเกิดน้ำใจบริสุทธิ์ที่มีเพี่อนมีให้กันจริงๆ เราสัญญาว่าจะไม่ฉกฉวยโอกาสอะไรทั้งสิ้น”
ตรีประดับเก้อๆ เขินๆ
“เราก็ไม่ได้คิดว่าเทศจะเป็นคนแบบนั้น”
“ถ้างั้นสบายใจแล้วนะ”
ตรีประดับยิ้มบางๆ พยักหน้ารับด้วยความซาบซึ้งใจ “งั้นให้เราตอบแทนเทศบ้างนะ”
เทศราชแปลกใจในคำพูดนั้น
ไม่นานนัก มีอาหารญี่ปุ่นเต็มโต๊ะทานอาหาร เทศราชมองอย่างแปลกใจ
“โอ้โห ของเหลือๆ ในตู้เย็นเราทำออกมาได้ขนาดนี้เลยเหรอ”
“ยังเหลืออีกเยอะด้วย แต่กลัวว่ากินกันแค่สองคนจะไม่หมด”
“ที่จริงตรีไม่น่าลำบาก ออกไปหาร้านญี่ปุ่นข้างนอกกินก็ได้”
ตรีประดับย่นจมูกอย่างน่ารัก “หือ นี่จะดูถูกว่าอาหารตรีไม่น่าอร่อยเหรอ”
เทศราชหัวเราะระรื่น “เปล่าๆ”
“งั้นก็ลองชิมดู”
เทศราชคีบอาหารมาชิม แล้วชะงัก ตรีประดับหน้าเสีย ยิ่งเห็นเทศราชทำเป็นเคี้ยวอย่างลำบาก พะอืดพะอม ตรีประดับยิ่งหน้าเจื่อน
“ไม่อร่อยเหรอเทศ”
เทศราชยิ้มแป้นเลิกอำ “เปล๊า อร่อยม๊าก”
ตรีประดับยิ้มได้ “จริงนะ”
“จริง จานนี้เราเอาหมดเลยนะ”
เทศราชยึดจานไปวางข้างหน้าตัวเอง คีบเคี้ยวกินหมุบหมับอย่างเอร็ดอร่อย กินไปคุยไป ตรีประดับยิ้มสบายใจ
“ฝีมือดีนะเนี่ย น่าฝากไปช่วยซาโต้ทำงาน ร้านกำลังยุ่งพอดี”
“ก็ดีเหมือนกันนะ เราจะได้หนีความวุ่นวายจากที่นี่ไปซักพักนึง” ตรีประจำยิ้มเศร้า
เทศราชใจเสีย วางตะเกียบ พูดจริงจัง
“เราไม่ให้ไปหรอก เดี๋ยวตรีจะติดใจญี่ปุ่นจนไม่ยอมกลับมา แต่ถ้าอยากไปพักผ่อนคลายเครียดซักพัก เดี๋ยวเราไปเยี่ยมเจ้าซาโต้กัน”
ตรีประดับยิ้มออก พยักหน้าตกลง
หลังมื้อค่ำ ตรีประดับช่วยเทศราชหอบหมอนผ้าห่มออกมาที่โซฟา พอจะอ้าปากพูดเทศราชก็ยกมือห้าม
“ไม่ต้องขอเปลี่ยนที่นอนเลย นี่มันที่ประจำของเราเวลาเมากลับบ้านอยู่แล้ว ตรีทำใจให้สบายแล้วกลับไปนอนซะ”
“แต่ว่า...”
“ไปนอนเดี๋ยวนี้” เทศราชดันหลังตรีประดับเข้าห้องไป “กู๊ดไนท์ เจอกันพรุ่งนี้เช้า”
เทศราชปิดประตูแล้วกลับมาทิ้งตัวลงบนโซฟา ก่อนจะนึกบางอย่างได้
“ถ้าจะอาบน้ำ ผ้าเช็ดตัวอยู่ในตู้นะตรี”
ตรีประดับหมุนไปมาอย่างงงๆ เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า
เทศราชเอนตัวลงจะนอนทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกรี๊ดดังขึ้น
“แอร๊ย”
เทศราชลุกพรวด ถลันไปที่ประตูทันที เมื่อเทศราชเข้ามา เห็นตรีประดับกำลังหันหน้าหนีอะไรบางอย่าง รีบคว้าตัวมากอดไว้
“เกิดอะไรขึ้นตรี”
ตรีประดับไม่กล้ามอง “อะไรไม่รู้มันตกลงมา”
เทศราชมองหาจนเห็นหน้ากากผีญี่ปุ่นตกลงมา จึงเดินไปหยิบ
“เนี่ยเหรอ”
ตรีประดับค่อยๆ เหลือบมอง พอเห็นเต็มตา ก็อายใหญ่เลยรีบแก้ตัว
“อ้าว แต่เมื่อกี้ตอนร่วงลงมามันน่ากลัวจริงๆ นะ”
“แล้วเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่ได้สะดุดชนขอบเตียงใช่ไหม”
เทศราชจับเนื้อตัวตรีประดับดูอย่างลืมตัว ก่อนจะนึกได้ ชะงักไปทั้งคู่ มองหน้ากันเขินๆ เริ่มรู้สึกอะไรบางอย่าง
“ม...ไม่เป็นไรจ้ะ”
ตรีประดับกับเทศรีบผละออกจากกัน ตรีประดับหันไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินหนีเข้าห้องน้ำ เทศราชมองตาม บีบมือตัวเองไปมา ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
เช้าวันต่อมา เทศราชตื่นขึ้นมาเตรียมอาหารเช้าให้ตรีประดับอย่างตั้งใจ จัดโต๊ะสวยงาม ขัดจานช้อนเงาวับ เตรียมผ้าเช็ดปาก และสารพัด ตั้งใจจะให้ตรีประดับเริ่มวันดีๆ
พอเสร็จก็หันไปตะโกนเรียก “ตรี อาหารเช้าพร้อมแล้วนะ”
เทศราชจัดโต๊ะอาหารต่ออย่างเบิก จู่ๆ เสียงทุบประตูหน้าห้องดังโครมๆ ขึ้น เทศราชชะงัก
เทศราชรีบเดินไปที่ประตู เปิดโดยไม่ทันใดมองตาว่าใครมา แล้วต้องอึ้งหนักเมื่อเห็นภิรตี พี่สาว กับคุณภิรมณ์ มารดา ยืนกอดอกหน้าบึ้งอยู่
“คุณแม่ พี่ภิ มาได้ยังไงกันครับเนี่ย”
“คอนโดนี้แม่เป็นเจ้าของทั้งโครงการนะยะ ทำไมจะมาไม่ได้” ภิรตีมองค้อน
“ไม่ใช่ ผมหมายความว่าทำไมไม่บอกก่อนว่าจะมา”
“ทำไมต้องบอก แกมีอะไรซุกซ่อนอยู่หรือยังไง”
ภิรมณ์แกล้งถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว เดินเข้ามาเลย เทศราชต้องถอยให้ทั้งสองเข้ามา
ตรีประดับอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เปิดประตูออกมาจากห้องนอนพอดี
“ใครมาเหรอจ๊ะเทศ”
ตรีประดับหันไปเห็นทั้งสองคนก็ชะงัก ภิรตีมองเหยียด
“นี่สินะ ที่อยากจะรีบเอาไปซ่อน”
ตรีประดับอึ้งๆ รู้ชัดว่าทั้งสองไม่เป็นมิตรเอาเลย โดยเฉพาะภิรตีที่มองหัวจรดเท้า
เทศราชรีบแก้สถานการณ์แนะนำสองฝ่าย “ตรี นี่พี่สาวเรากับคุณแม่ นี่ตรีประดับเพื่อนเก่าสมัยเรียนของผมไงครับ คุณแม่กับพี่ภิน่าจะจำได้”
ตรีประดับไหว้ ทั้งสองคนรับไว้แกนๆ
ภิรมณ์บอกหน้าตาเฉย “ฉันแก่แล้วจะไปจำได้ยังไง”
ตรีประดับหน้าเจื่อนไป ภิรตีมองสำรวจแล้วนึกได้
“นึกออกแล้วค่ะคุณแม่” ภีรติหันไปถามน้องชาย “นายเทศ เพื่อนคนนี้ที่เธอบอกว่าแต่งงานไปแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วก็คนนี้ที่ทำเอาแกอกหักจนต้องหนีไปกบดานอยู่ต่างประเทศตั้งนาน”
ภิรมณ์เหลียวขวับมองเทศราชอย่างไม่พอใจ
เทศราชพาแม่กับพี่สาวเข้ามาคุยในห้องเพราะเกรงใจตรี แต่ภิรตีเห็นข้าวของก็ยิ่งโวยวายไม่หยุด
“ตายแล้ว ข้าวของเต็มไปหมดแบบนี้ แสดงว่าย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้วน่ะสิ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นพี่”
“บอกแม่มา จริงหรือเปล่าพี่สาวแกบอกว่าผู้หญิงคนนั้นแต่งงานแล้ว”
ภิรมณ์จ้องหน้าคาดคั้น เทศราชพูดไม่เต็มปาก
“จริงครับ”
“ตาเทศ ทำอย่างนี้ได้ยังไง แม่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
ตรีประดับพยายามจะทำโน่นทำนี่ไม่ไปสอดรู้แอบฟัง แต่เสียงสองแม่ลูกดังลั่นออกมาจนได้ยินไปด้วย
“นี่ไม่ใช่แค่ตกนรกนะนายเทศ แกยังจะติดคุกด้วย ถ้าผัวเขามาเอาเรื่อง” ภีรติว่า
“ตรีเขามีปัญหากับสามีน่ะครับ”
“แล้วยังไง เขาเลิกกันหรือยัง ถ้ายังไม่เลิกแกก็คือชายชู้อยู่ดีนั่นแหละ”
“ผมกับตรีไม่มีอะไรกันนะครับคุณแม่”
“เสื้อผ้าเครื่องใช้เต็มห้องนอนแบบนี้ ยังจะปากแข็งอีก นายเทศนะนายเทศ ผู้หญิงมีตั้งมากมาย ทำไมต้องมายุ่งกับเมียชาวบ้าน ไม่นึกถึงชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเราบ้างหรือไง”
ตรีประดับฟังแล้วแทบเป็นลม อยากจะเข้าไปแก้ตัว แต่ก็ไม่กล้าขัดจังหวะ เสียงแม่กับพี่สาวโวยใส่เทศราชเป็นชุด ตรีประดับไม่อยากฟังพาตัวเองออกมายืนพิงประตูอยู่ด้านนอกห้อง หายใจติดขัด รู้สึกไม่ดีที่ทำให้เทศราชพลอยซวยไปด้วย
พยสเปิดประตูให้อรณาเข้ามาในบ้าน แล้วเดินไปนั่งจมอยู่ที่โซฟา เปิดดูทีวีอะไรเรื่อยเปื่อย อรณากวาดตามองรอบๆ บ้าน เห็นความไม่มีระเบียบ เหมือนไม่มีคนดูแล
“ทำไมข้าวของระเกะระกะอย่างนี้ละพี่ยส”
พยสไม่ตอบ เปิดไล่ช่องทีวีไปอย่างไร้ความหมาย แล้วหยิบเหล้าบนโต๊ะมากิน
“ถ้าแกจะมาเอาเงินเดือนล่ะก็ ฉันใส่ซองไว้บนโต๊ะนั่นแหละ”
อรณาทนไม่ไหว เดินหยิบจับให้ แต่ก็เดินไปเอาเงิน ก่อนจะกลับมานั่งด้วย
“ได้เงินแล้วก็ไปซะ”
“เอ๊ะ พี่ยสนี่ นานๆ พี่น้องจะเจอกันที จะไม่นั่งอัพเดทชีวิตกันมั่งหรือไง แล้วพี่เป็นอะไร ทำไมนั่งซังกะตายขนาดนี้ พี่ตรีไม่อยู่เหรอ”
“ไม่มีใครอยู่ เขาไปกันหมดแล้ว”
“ใครไปไหนพี่”
พยสยัวะขึ้นมา “ก็ทั้งตรี ทั้งไอ้ฉัตร ทั้ง...” เขายั้งชื่อพัดชาไว้ “ก็ทุกคนที่เคยอยู่บ้านนี้ เขาทิ้งฉันไปกันหมดแล้ว”
พยสพูดแล้วกระสับกระส่ายหงุดหงิด อรณายิ่งงง
“เกิดอะไรขึ้นพี่ยส พี่ทะเลาะกับพี่ตรีเหรอ”
พยสปิดปากเงียบ ไม่ยอมตอบ รินเหล้ากิน สีหน้าเคร่งเครียด อรณาไม่สบายใจไปด้วย
เทศราชเดินกระวนกระวายอยู่ในห้อง กดโทรศัพท์หาตรีประดับจนอีกฝ่ายยอมรับสาย
“ตรี ตรีอยู่ที่ไหน”
“ตรีออกมาหาที่อยู่ใหม่หนะเทศ”
เทศราชตกใจ “อะไรนะ”
“ตรีไม่อยากทำให้ครอบครัวของเทศไม่สบายใจ ไม่ต้องห่วงนะ ถ้าตรีได้ที่ใหม่แล้วจะรีบโทร.บอก”
“ตรี”
เทศราชพยายามทัดทาน แต่ไม่เป็นผลตรีประดับวางสายไปแล้ว
อรณากลับมา เอาหนังสือตรีประดับมาคืนพัดชา
“เสียใจด้วยนะ พี่สะใภ้ฉันไม่อยู่บ้าน”
พัดชาลอบยิ้มสมใจ แต่ทำทีเป็นถามอย่างเสียดายว่า
“อ้าวเหรอ”
“สงสัยจะทะเลาะกับพี่ชาย น่าจะหนีไปหลายวันแล้วด้วย บ้านงี้รกไปหมด พี่ชายฉันก็เอาแต่กินเหล้า เฮ้อ พูดแล้วกลุ้ม”
พัดชาเหลือบมองท่าทางของอรณาแกล้งถามต่อ
“ก็ไหนเธอว่าเขารักใคร่กันดี ทำไมถึงทะเลาะกันได้”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ปกติพี่ตรีเป็นคนนิสัยนางเอกมากเลยนะ ใจเย็น ไม่เอาเรื่องเอาราวกับใคร”อรณานิ่งคิด “หรือว่าจะโดนพี่พยสนอกใจก็ไม่รู้ ถ้าใช่พี่ตรีคงไม่กลับมาแน่”
พัดชาตาวาวอย่างสมใจ
“ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“มันเหมือนพี่ตรีโดนตบหน้าน่ะเธอ เพราะพี่ยสสัญญาไว้ก่อนแต่งงานซะดิบดีว่าจะซื่อสัตย์มั่นคง แต่สุดท้ายก็ดีแตกเหมือนที่พี่สาวคนโตฉันทำนายไว้จริงๆ ด้วย อยากรู้นักว่าอีนังนั่งมันเป็นใคร” อรณาแค้นสุดๆ
พัดชาทำเป็นจิบน้ำ ซ่อนสีหน้าพอใจของตัวเองไว้
เทศราชมองดูตรีประดับที่กำลังง่วนกับการเก็บกระเป๋า
“ต้องไปคืนนี้เลยเหรอตรี”
ตรีประดับพยักหน้า “ตรีจ่ายค่าเช่าล่วงหน้ากับค่ามัดจำไปแล้วก็อยากจะไปอยู่เลยน่ะ”
จัดกระเป๋าเสร็จตรีประดับเดินออกไป เทศราชจับแขนไว้
“ตรีโกรธแม่กับพี่สาวเราหรือเปล่า”
ตรีประดับส่ายหน้า “ไม่หรอก ท่านทั้งสองพูดถูก ถ้าตรีอยู่ที่นี่ทั้งเทศและตัวตรีก็จะเสียหายทั้งคู่ แม้เราจะบริสุทธิ์ใจก็ตาม ให้ตรีไปอยู่ที่อื่นแหละดีแล้ว”
เทศราชจับมือไม่ยอมปล่อย “แต่เราเป็นห่วง ถ้าตรีจะไปอยู่ตามลำพัง เราว่าตรีกลับไปหายสซะดีกว่า”
“ตรีไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะเทศ ตรีดูแลตัวเองได้ แล้วหลังจากนี้ ตรียิ่งต้องเรียนรู้ที่จะพึ่งตัวเองให้มากๆ ด้วย”
ตรีประดับพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เด็ดขาด เทศราชหมดปัญญารั้ง เลยต้องปล่อย
“งั้นก็ตามใจตรี”
ตรีประดับยิ้มให้ แล้วหิ้วกระเป๋าออกไป เทศราชเป็นห่วงตรีหนักมากและคิดทำอะไรบางอย่าง
พัดชาแต่งตัวอยู่หน้ากระจก อรณาได้ยินเสียงเลยลืมตาขึ้นมอง
“เธอจะออกไปไหนแต่เช้าเนี่ยพัด”
“จะไปสมัครงานแล้วก็ทำธุระนิดหน่อยน่ะ” พัดชายิ้มกริ่มขณะพูดคำท้าย “ฉันอาจจะกลับดึกนะ”
อรณาตาสว่าง ลุกพรวดทันที
“หมายความว่าไง อย่าบอกนะว่านัดพบกับสามีชาวบ้านอีก บอกว่าให้เอาเด็กๆจะได้ไม่เสี่ยง เอาสามีชาวบ้านแล้วเป็นไงหล่ะ โดนไล่ออกมาเลย”
“เอาน่า ฉันไม่อยู่นานหรอก สักวันต้องได้กลับไปแน่นอน ไปก่อนนะ”
พัดชาไม่ตอบ ยิ้มมีเลศนัย อรณาเซ็งที่พัดชาไม่เชื่อ
ตรีประดับถือโบรชัวร์เดินคุยกับพนักงานขึ้นไปบนคอนโด พนักงานพาไปดูห้องต่างๆ ที่เปิดให้เช่า ตรีประดับสอบถามด้วยความสนใจ
ตรีประดับได้ห้องพัก ทำสัญญาเช่าเรียบร้อย เดินคุยกับพนักงานออกจากคอนโดขึ้นรถขับออกไปทันที สวนกับบุพชาที่เพิ่งลงรถเห็นหลังตรีประดับไวๆ สาวใหญ่พี่สาวพยสมองตามอย่างสงสัย แล้วรีบเตร่ไปหาพนักงาน
“น้อง ผู้หญิงคนเมื่อกี้เขามาทำไม”
“อ๋อ มาติดต่อขอเช่าห้องพักค่ะ”
บุพชานิ่วหน้าประหลาดใจ
บุพชาเดินจ้ำออกมาจากคอนโด กดมือถือหาน้องสาว กรอกเสียงใส่โทรศัพท์อย่างกระเหี้ยนกระหือรือ
“ยายอร แกรู้เรื่องนายพยสกับเมียหรือเปล่า เล่าให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้”
บุพชาฟังอย่างตื่นเต้น ไม่ได้แคร์อะไรมากไปกว่าอยากรู้ว่าพยสดีแตกจริงอย่างที่เคยปรามาสไว้
ฝ่ายพยางค์โวยวายใส่เทศราชที่นั่งคอตกเบื่อโลกอยู่ตรงหน้า
“นี่ถ้าฉันมัดแกไว้ในโรงพิมพ์นี้ได้นะ ฉันทำไปแล้ว ไอ้เทศเอ๊ย เตือนก็แล้วห้ามก็แล้ว แกยังไม่ฟัง ไปยุ่งเมียชาวบ้านจนได้ แถมยังซวยเพราะโดนแม่แกโทร.มาด่า”
“ผมไม่ได้อยากยุ่ง แต่ตรีต้องการความช่วยเหลือ”
พยางค์แล้วหนูตรีมีแกเป็นเพื่อนอยู่คนเดียวหรือไงวะ ญาติพี่น้องเขาก็ต้องมี ทำไมแกต้องยื่นมือไปยุ่ง ตอนนี้ต่อให้แกบริสุทธิ์ใจแค่ไหนก็ไม่มีใครเชื่อ
“ผมต้องทำนี่อา ใครจะคิดยังไงก็ช่าง ผมปล่อยตรีให้เผชิญความทุกข์ตามลำพังไม่ได้หรอก”
พยางค์โพล่งถามขึ้น “เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับหนูพัดชาใช่ไหม”
เทศราชชะงัก แปลกใจ “อาถามทำไม”
“ก็ฉันเพิ่งเจอหนูพัดชาเมื่อวันก่อน เขาก็บอกว่าลาออกจากหนูตรีมาแล้ว”
เทศราชนิ่งคิดว่าจะพูดดีไหม แต่ไม่อยากเสียมารยาท
“งั้นอาก็ถามเขาเองแล้วกันว่าเกี่ยวหรือเปล่า”
“อ้าว ไอ้นี่” เทศราชลุกหนีออกจากห้องไปดื้อๆ พยางค์ร้องถามก็ไม่หันกลับ
“บอกก่อนสิวะ มันเกี่ยวกับหนูพัดชามั้ย”
พยสเปิดประตูเข้ามาในบ้านอย่างเซ็งๆ เบื่อๆ แล้วต้องชะงักแปลกใจ เมื่อเห็นสภาพบ้านเรียบร้อย ไม่เลอะเทอะเหมือนตอนที่ตนอยู่คนเดียว
พอเดินเลยไปเปิดดูที่ห้องอาหาร บนโต๊ะมีอาหารเตรียมไว้พร้อม พยสตื่นเต้นมาก คิดว่าตรีประดับกลับมาแล้ว
“ตรี”
พยสตรงไปที่ห้องครัวแต่ไม่พบใคร เขากระโจนขึ้นข้างบน คิดว่าตรีประดับจะอยู่บนนั้น
พยสพรวดเข้ามาในห้องนอนด้วยความรีบร้อน ส่งเสียงเข้าไปก่อนตัว
“ตรี ตรีกลับมาหาผมแล้วใช่ไหม”
พยสพูดแค่นั้นก็ชะงัก หน้าบูดทันที เพราะพัดชาที่กำลังจัดเตียงอยู่หันมายิ้มทัก
“คุณพยสกลับเร็วจังเลยนะคะวันนี้”
“พัดชา เธอมาทำไม”
“ก็พัดได้ข่าวว่าพี่ตรียังไม่กลับมา พัดก็เลยแวะมาช่วยดูแลบ้าน หิวไหมคะ พัดทำกับข้าวเอาไว้ให้เต็มเลย”
พยสอึ้ง พอตั้งสติได้ก็ชี้ไปที่ประตู
“ออกไปจากบ้านนี้”
“คุณพยส”
เห็นพัดชาไม่ขยับพยสลากแขนเจ้าหล่อนออกจากห้องทันที
พยสฉุดกระชากลากแขนพัดชาลงบันไดมาอย่างรุนแรง พัดชานิ่วหน้าด้วยความเจ็บ พยายามร้องห้าม
“คุณพยส พัดเจ็บค่ะ”
“กลับไปซะ ไม่เข้าใจหรือไงว่าคุณอยู่ที่นี่ไม่ได้”
“พัดก็ไม่ได้จะกลับมาอยู่ แค่อยากมาดูแลคุณเท่านั้นเอง” พัดชาโผเข้าไปกอด “พัดเป็นห่วงคุณนะคะ ในเมื่อพี่ตรีไม่ยอมกลับมาหาคุณ พัดก็อยากจะ...”
“ไม่ ถึงตรีจะยังไม่กลับมา เธอก็ไม่มีสิทธิ์มาที่นี่ เรื่องของเรามันจบแล้วพัดชา”
พัดชาน้ำตาคลอ เสียใจ
“ทุกอย่างมันคือความผิดพลาด ผมจะไม่ทำให้ตรีต้องเสียใจอีก”
“พี่ตรีอาจจะไม่ต้องการคุณแล้วก็ได้ค่ะ ถึงไม่กลับมาแบบนี้ คุณควรจะให้โอกาสพัดนะคะ” พัดชากอดพยสไว้มั่น “พัดทำหน้าที่แทนพี่ตรีได้ทุกอย่าง คุณพยสก็เห็น บางเรื่องพัดก็ทำได้ดีกว่าพี่ตรีด้วยซ้ำ”
พัดชาจ้องหน้าพยส บอกเป็นนัยๆ ว่าหมายถึงเรื่องบนเตียง
“คุณจะปฏิเสธเหรอว่า พัดไม่ได้ให้ความสุขคุณ”
พยสตัวแข็งทื่อ คาดไม่ถึงว่าพัดชาจะกล้าพูด พัดชาโน้มตัวพยสลงมาจะจูบ ทันใดนั้นเอง บุพชากับอรณาก็เปิดประตูเข้ามา
“พยส”
พยสกับพัดชาผละออกจากกัน อรณาเห็นพัดชาเต็มตาก็ตกใจ
“พัดชา อะไรเนี่ย ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่”
บุพชาแปลกใจ “แกรู้จักมันเหรออร”
“พัดชาเป็นเพื่อนอรค่ะ เขาเพิ่งมาอาศัยอรอยู่ที่คอนโด”
อรณาชะงัก ปะติดปะต่อเรื่องราว นึกถึงคำพูดพัดชาเมื่อเช้าขึ้นมาได้ มองพยสทีพัดชาที
“นี่อย่าบอกนะว่าผัวชาวบ้านที่เธอไปยั่วก็คือพี่ชายฉัน”
พัดชาตกใจ ตั้งรับไม่ทัน รีบถอยไปซ่อนหลังพยส บุพชายิ้มเยาะเปิดฉากแดกดันน้องชายต่ออย่างสะใจ
“สรุปว่าจริงใช่ไหมนายยศ ที่เมียแกหนีไปเช่าคอนโดอยู่ ก็เพราะแกมีเมียน้อย”
“อะไรนะพี่บุพ ตรีไปอยู่ที่ไหน”
“คอนโดเพื่อนฉัน แต่แกตอบคำถามฉันมาก่อนว่าแกกับแม่คนนี้ เล่นชู้กันจริงๆ ใช่ไหม”
“หลักฐานคาตาขนาดนี้ ไม่ต้องถามแล้วพี่บุพ” อรณาหันขวับมาหาพัดชา “เธอทำได้ยังไงพัดชา ฉันให้ความช่วยเหลือสารพัดตอนเธอไม่มีที่จะซุกหัวนอน แล้วนี่เหรอคือสิ่งที่เธอตอบแทนฉัน”
“ฉันไม่รู้ว่าคุณพยสเป็นพี่ชายเธอ”
อรณาไม่เชื่อ “โกหก ฉันพูดให้เธอฟังทุกอย่างว่าพี่ชายฉันเป็นใคร พี่สะใภ้เป็นใคร ที่แท้เธอก็เก็บข้อมูลเอามาตีท้ายครัวเขานี่เอง นังเพื่อนทรยศ”
“นี่แสดงว่าวางไว้แผนเอาไว้ล่วงหน้าจริงๆ สินะ สมน้ำหน้าแม่ตรีประดับ ฉันเคยเตือนแล้วว่าเอางูพิษเข้ามาในบ้าน ผิดจากที่ฉันว่าเอาไว้ที่ไหน” บุพชาแค้นจัดชี้หน้าพยส “แกก็เหมือนกัน ทำเป็นอวดศักดาว่าเป็นคนดี ที่แท้ก็เชื้อไม่ทิ้งแถว”
พยสตะคอกกลับ “ด่าผมให้พอ แล้วก็บอกมาว่าคอนโดเพื่อนพี่อยู่ที่ไหน ผมจะไปรับตรี”
พัดชาตกใจดึงแขนไว้ “ไม่นะคะคุณพยส อย่าไปนะคะ”
อรณาโกรธจัด “ถึงขนาดนี้แล้วแกยังไม่สำนึกอีกเหรอ หน้าแกนี่ทำด้วยอะไรฮะพัดชา”
“เธอไม่เข้าใจหรอกอร ฉันรักคุณพยสจากใจจริงนะ ฉันทำหน้าที่ภรรยาได้ดีกว่าพี่ตรีซะอีก เพราะพี่ตรีเอาแต่ทำงาน ไม่เคยสนใจคุณพยสเลย”
พัดชาไม่ทันพูดจบ อรณาตบเปรี้ยงจนหน้าหัน
“หน้าด้าน”
พัดชาเซล้มไป รีบถลาไปกอดเข่าพยส
“พี่ตรีเป็นคนดีถึงไม่รู้เท่าทันแก ถ้าฉันปล่อยให้แกทำลายครอบครัวเขาต่อไป ฉันมันก็เนรคุณไม่ต่างจากแก เพราะฉะนั้นฉันจะจัดการแกเอง”
อรณาถลาเข้าไปตบพัดชา บุพชาเข้าไปช่วยรุมทึ้งจิกผม พัดชาปัดป้องกรีดร้อง
“อย่า คุณพยส ช่วยพัดด้วย”
พยสทนเห็นคนมาทำร้ายกันในบ้านไม่ได้ก็เข้าไปห้าม
“พี่บุพ ยายอร ! พอทีเถอะ”
“ปกป้องมันเหรอ นังผู้หญิงข้างถนนนี่มันมีค่าอะไรให้แกปกป้อง ฉันจัดการเมียน้อยผัวมาเยอะแล้ว เมียน้อยน้องชายตัวเอง จะให้เก็บไว้บูชาหรือยังไง มานี่ แกต้องเจอกับฉัน”
บุพชาเข้าไปจิกหัวพัดชาตบ อรณากระชากตบอีกข้าง
พัดชาโดนรุม ร้องโอดโอย พยสเข้าไปดึงสองพี่น้องออกมา พลางร้องห้ามไปด้วย
อรณารำคาญ สะบัดพยสออกไปเต็มแรง ร่างพยสเซไปชนขอบตู้อย่างจัง
“โอ๊ย”
ชะนีทั้งสามชะงักหันไป เห็นพยสเอามือกุมหน้าผากเลือดไหลซึมออกมา พัดชาตกใจสุดขีด
“คุณพยส”
“พอใจกันแล้วใช่ไหมที่มีคนต้องเจ็บตัวกับเรื่องนี้ ผมเอง ผมยอมเจ็บเองก็ได้”
บุพชาหน้าเสีย “นายยส...พี่ไม่ได้ตั้งใจ”
“ออกไปจากบ้านผมได้แล้ว ทุกคน” พยสเสียงเข้ม
อรณา บุพชา ขยับตัวลุกขึ้นแต่ไม่ยอมไป พยสตวาดลั่น “ออกไป”
อรณากับบุพชาผวากลัว รีบออกไป เหลือแต่พัดชา
“คุณพยส เจ็บไหมคะ ให้พัดดูแผล...”
“เธอด้วย ออกไป”
พยสจ้องหน้าพัดชาอย่างชิงชัง พัดชาอึ้งเสียใจ เดินคอตกออกไป
สามคนออกไปแล้ว พยสหยิบอุปกรณ์ทำแผล ลงมานั่งหมดเรี่ยวแรงที่โต๊ะ หยิบผ้าขึ้นมาซับเลือดที่หน้าผากตัวเอง แล้วแปะพลาสเตอร์ สายตามองไปยังรูปตรีประดับ
“ตรี กลับมาผมเถอะนะ ผมรู้แล้วว่าชีวิตผมผิดพลาดไปมากขนาดไหน เมื่อไม่มีตรี”
เย็นนั้น พัดชาเดินหน้าเศร้ากลับมาที่คอนโด แต่ยังไม่ทันจะเข้าด้านใน หนังสือของตรีประดับเล่มที่พัดชาเคยให้อรณาไปขอลายเซ็นก็หล่นลงมาเฉียดหัว พัดชาเงยหน้าขึ้นมองอย่างตกใจ อรณาตะโกนลงมา
“แกกลับมาเอาของเหรอพัดชา นี่ไงล่ะ ของๆ แก เอาไปสิ”
อรณาโยนเสื้อผ้าผัดชาลงมาทีละชุดสองชุด พัดชาตกใจ
“อร อย่าทำอย่างนี้นะ เธอไม่ให้ฉันอยู่ฉันก็ไม่ว่าอะไร แต่ขอให้ฉันขึ้นไปเอาของฉันลงมาก่อน”
“ไม่ต้อง ห้องฉันไม่ต้อนรับเมียน้อย”
อรณามองเห็นคนเดินไปเดินมาที่ชั้นล่างก็ร้องตะโกน
“ดูเอาไว้นะคะทุกคน จำหน้านังผู้หญิงคนนี้เอาไว้ ใครมีลูกชายหลานชาย หรือแม้แต่ผัว แม้แต่พ่อ ระวังมันไว้ให้ดีๆ นังนี่มันแบ๊วจอมฉก ทำเงียบๆ หงิมๆ แต่ก็จ้องจะจกผัวชาวบ้านตลอดเวลา เจอหน้าที่ไหน พาผู้ชายของคุณให้ห่างเลยนะคะ”
ผู้คนที่เดินไปเดินมาหยุดมองพัดชาทันที ห้องข้างๆ ก็โผล่หน้าออกมาดูตรงระเบียงห้องสลอน พัดชาอายแทบแทรกแผ่นดินหนี
“เธอทำแบบนี้ไม่ได้นะ”
“ก็ดูสิว่าฉันจะทำได้หรือไม่ได้ อยากได้ข้าวของแกคืนใช่ไหม ฉันไม่เก็บไว้เป็นเสนียดห้องฉันหรอก เอาไปเลย”
อรณาขว้างปาข้าวของลงมา พัดชากรีดร้องห้าม แต่อรณายิ่งสะใจ หยิบของในลังสุดท้าย เทลงไปทั้งลัง ท่ามกลางผู้คนที่มุงดูจับกลุ่มนินทากันอยู่ชั้นล่าง
พัดชาเดินเข้ามาในห้อง มองดูรอบๆ สภาพไม่แย่มากเพราะมีเงินจากที่พยสให้มาพอควร แต่ก็ไม่หรูเท่าห้องอรณา ผู้จัดการนับเงินประกันจากพัดชาแล้วเดินตามเข้ามา
“ไม่เช่ายาวๆ หน่อยเหรอหนู แค่เดือนสองเดือนค่าเช่ามันแพงนะ แถมเงินประกันก็ไม่ได้คืนด้วย”
“ฉันคงอยู่ไม่นานหรอกค่ะ เดี๋ยวก็จะย้ายไปอยู่บ้านกับสามีแล้ว”
“อ๋อเหรอ งั้นก็ตามใจนะ”
ผู้จัดการออกไปแล้ว พัดชาหันกลับมาที่กระเป๋าเสื้อผ้าเยินๆ กับกล่องใส่ของเล็กๆ น้อยๆ ที่แตกหัก เพราะถูกโยนลงมา หยิบเสื้อผ้าเปื้อนๆ กับข้าวของที่เสียหายขึ้นมาดูอย่างเสียดาย
“นังอรณา ฉันจะต้องทำให้แกมากราบฉันในฐานะพี่สะใภ้ให้ได้”
พัดชาตาวาววับ แค้นจัด
ฝ่ายเทศราชคิดทบทวนเรื่องราวก็ยิ่งเป็นห่วงตรีประดับ หากปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ เขาตัดสินใจเด็ดขาด
เช้าวันนี้ พยสในสภาพทรุดโทรมเดินออกจากบ้านตั้งใจจะไปรับตรีประดับ
“ผมจะไปตามคุณกลับมาตรี”
พยสกดรีโมทจะขึ้นรถ แต่พอเห็นเทศราชก็หน้าบูด ชักสีหน้าใส่
“ไอ้เทศ แกมาทำไม”
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับแก”
“แต่ฉันไม่มี”
พยสเดินหนีไปขึ้นรถ แต่เทศราชทักไว้
“แกไม่อยากรู้ใช่ไหม เรื่องตรี”
พยสชะงักกึก สุดท้ายเดินนำเข้ามาในบ้าน นั่งทิ้งตัวลงบนเคาน์เตอร์บาร์ในบ้าน หยิบเหล้าขึ้นมาเทดื่ม
“นี่แกกลายเป็นไอ้ขี้เมาไปตั้งแต่เมื่อไร”
“ก็ตั้งแต่ตรีไปจากฉัน”
“แน่ใจนะว่าไม่ใช่เพราะไอ้เหล้าตัวนี้ที่ทำให้เกิดเรื่อง”
พยสชะงัก กินไม่ลงทันที
“แกจะมาเทศนาหรือจะมาซ้ำเติมฉันก็เอา ยังไงตอนนี้ฉันก็โดนรอบวงอยู่แล้ว ฉันยอมรับความผิดพลาดทุกอย่าง และตอนนี้ฉันก็กำลังแก้ไขมัน”
“แกจะแก้ยังไง”
“ฉันให้พัดชาออกไปจากบ้านนี้แล้ว และจะไม่มีการติดต่อกันอีก”
เทศราชไม่เชื่อ “ลำพังแค่พูด ใครมันก็พูดได้”
“แล้วแกจะให้ฉันทำยังไงวะ ให้ฉันพาตรีหนีไปอยู่เมืองนอกเลยไหม จะได้รับประกันว่าฉันจะไม่มีทางไปยุ่งกับเด็กนั่นอีก”
“ถึงไม่มีพัดชา แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะมีคนอื่น”
พยสเสียงเข้ม “ไม่ จะไม่มีใครอีกทั้งนั้น ฉันเข็ดแล้ว ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าความใจง่ายของตัวเองมันทำให้ชีวิตทำร้ายตรีแค่ไหน ฉันจะไม่ยอมให้ตรีเจ็บปวดเพราะการกระทำของฉันอีกเป็นอันขาด”
เทศราชจ้องหน้า “แกแน่ใจนะ”
“ฉันขอยืนยันด้วยความเป็นลูกผู้ชายของฉัน”
เทศราชเห็นความมุ่งมั่นในแววตาพยสก็อ่อนลง
“แล้วแกพอจะบอกเรื่องตรีกับฉันได้รึยัง”
“เขายังรักแกอยู่ เพียงแต่เขายังเจ็บกับสิ่งที่แกและพัดชาทำกับเขา แล้วเขาก็กลัว กลัวว่าจะเจ็บอีกเรื่อยๆกับคนที่เขาเคยไว้ใจ แต่ในเมื่อแกยืนยันว่าเหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ฉันจะช่วยพูดกับตรีให้”
“แล้วทำไมฉันจะไปพูดกับตรีเองไม่ได้วะ” พยสฮึดฮัด
“ก็ถ้าแกจะไปหาตรีด้วยสภาพนี้ รับรองว่าแกไม่มีปัญญาทำให้ตรีกลับบ้านได้หรอก”
พยสจ้องหน้าเทศราช ทำตาแดงๆ ขมขื่น
“เอาเป็นว่าฉันจะเอาตรีกลับมาให้แกละกัน”
พยสตั้งแง่ไม่เลิก “ฉันจะแน่ใจได้ยังไง ว่าแกหวังดีจะช่วยฉันจริง”
“ที่ฉันช่วย ฉันไม่ได้ช่วยแก แต่ฉันช่วยตรีต่างหาก” เทศราชเน้นทุกคำพูด “ฉันรักตรี ฉันอยากช่วยตรีให้ตรีได้มีโอกาสใช้ชีวิตครอบครัวอีกครั้ง ตรีจะได้อยู่ในสังคมอย่างมีเกียรติ ไม่ให้ใครหน้าไหนมานินทาได้ว่าเป็นม่ายผัวทิ้งยังไงล่ะ”
พยสอึ้งนิ่งงันไป เทศราชมองนิ่ง ทั้งสองมองหน้ากัน
ตรีประดับนั่งกินข้าวอยู่กับเทศราชสองคน เทศราชมองๆ เหมือนมีอะไรในใจ ซักพักก็โพล่งออกมา
“วันนี้เราไปเจอยสมา”
ตรีประดับชะงัก ตัวแข็งขึ้นมาทันที พาลจะกินอะไรไม่ลง
“สภาพมันแย่มากเลยนะตรี ปล่อยตัวทรุดโทรม กินแต่เหล้า ส่วนพัดชาก็ไม่อยู่แล้ว”
ตรีประดับไม่ตอบ เฉไฉหยิบน้ำขึ้นดื่มกลบเกลื่อน
“เราว่าตรีกลับบ้านซะทีดีไหม ตรีออกมานานพอแล้ว นานพอที่มันจะรู้สึกเจ็บและสำนึกผิด มันสัญญากับเราว่าเหตุการณ์แบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก สัญญาอย่างลูกผู้ชาย”
“ตรียังทำใจให้เชื่อไม่ได้หรอก”
“เรารู้ว่า แค่ลมปากจะให้เชื่อสนิทใจคงยาก แต่เราอยากให้ตรีให้โอกาสมัน ตรียังรักมันอยู่ใช่ไหมล่ะ”
ตรีประดับเหมือนถูกจี้ใจดำเมินหนีสายตาไป เทศราชเจ็บเมื่อเห็นท่าทีนั้น แต่ก็ต้องพยายามทำหน้าที่ต่อ
“ไม่มีใครไม่เคยทำผิดหรอกนะตรี จริงอยู่ความผิดของไอ้ยสมันรุนแรง แต่ฆาตกรฆ่าคนก็ใช่ว่าจะต้องถูกประหารชีวิตหมดทุกคนเมื่อไร มันอยู่ที่เจตนาต่างหาก”
ตรีประดับค่อยหันมามองหน้าเทศราชอีกครั้ง เริ่มคิดตาม
“เราอยากให้ตรีมองหลายๆ แง่ ไม่ใช่คิดอยู่อย่างเดียวว่าไอ้ยสมันทรยศ ตรีเลยให้อภัยไม่ได้ เราเองรู้จักมันมานานพอกับตรี รู้ว่ามันไม่ใช่คนดีพร้อมทุกด้าน แต่สิ่งนึงที่เราไม่เคยสงสัยเลยคือความรักที่มันมีให้ตรี”
ตรีประดับทำหน้าลำบากใจ เทศราชทิ้งท้ายว่า
“ตรีลองกลับไปคิดดูนะ เราไม่ได้รับงานมันมาพูดให้ตรีฝืนใจยกโทษให้มันหรอก ตรีจะตัดสินใจยังไงก็ได้ที่ทำให้ตรีมีความสุข เพราะนั่นคือสิ่งเดียวที่เราต้องการ”
ตรีประดับสบตาเทศราชด้วยสีหน้าครุ่นคิด เห็นความจริงใจ แสนดีในแววตาคู่นั้นเต็มๆ
ตอนเช้า พัดชานั่งดูปฎิทินเหมื่อนนับวันรอบางอย่าง มีวงกลมวันที่เอาไว้แล้ว เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น พัดชาเดินไปเปิด เห็นเด็กถือถาดอาหารรออยู่
“อาหารที่สั่งมาแล้วค่ะ”
“ของที่พี่สั่งซื้อได้หรือเปล่า”
เด็กยื่นถุงใส่ของจากร้านให้ พัดชารับมาคุ้ยๆ ดู แล้วชะงัก
“ยังขาดอีกอย่างนึงนี่”
“ที่ร้านหนูไม่มีค่ะพี่ ต้องออกไปร้านยาปากซอยโน่น”
“พี่ฝากซื้อหน่อยนะ” พัดชาควักเงินให้อีก “นี่ค่าเดินจ้ะ”
เด็กยิ้มรับเงินแล้วออกไป
พัดชาคลี่ยิ้มออกมาเต็มสีหน้าด้วยความหวังเต็มเปี่ยม
อ่านต่อ ตอนที่ 16