xs
xsm
sm
md
lg

ระบำไฟ ตอนที่ 14

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ระบำไฟ ตอนที่ 14

ตรีประดับเดินใจลอยอยู่ริมทะเล พลันเริ่มรู้สึกหนาวเพราะลมทะเลกรรโชกแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ทันไรก็มีผ้าคลุมไหล่ผืนบางเลื่อนเข้ามาคลุมให้อย่างอ่อนโยน พร้อมเสียงนุ่มทุ้มของเทศราช

“ลมมันแรง เรากลัวตรีจะหนาว”
“ขอบใจนะเทศ”
“ที่จริงมันก็ดึกแล้ว ตรีน่าจะเข้านอนได้แล้วนะ”
“ตรียังไม่ง่วง เทศไปนอนก่อนเถอะ”
“ไม่ล่ะ ถ้าตรียังไม่นอน เราจะนอนหลับได้ยังไง”
ตรีประดับยิ้มเชิงขอบใจ เทศราชพยายามเก็บสายตาตัวเองกลัวว่าจะแสดงความรักออกไป โชคดีที่โทรศัพท์ดังขัดขึ้น
“เดี๋ยวเราออกมาเดินเล่นเป็นเพื่อนนะ”
เทศราชเดินเลี่ยงไปคุยสาย ตรีประดับมองตาม แล้วถอนสายตากลับไปมองทะเลต่อ

เทศราชเดินมาคุยโทรศัพท์กับพยางค์อีกมุมห่างออกมา สีหน้าท่าทางหงุดหงิดเอาการ
“รู้แล้วน่าอา เร่งเช้าเร่งเย็นแบบนี้ อาโทรไปคุยกับพัดชาเองเลยไหม เดี๋ยวผมให้เบอร์” เทศราชนิ่งฟัง “ก็บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวผมกลับไปคุยกับพัดชาให้ ตอนนี้ผมอยู่ไหนน่ะเหรอ อาอย่าเพิ่งรู้เลย แค่นี้ก่อนนะครับ”
เทศราชรำคาญ ปิดมือถือ แล้วหันไปทางชายหาด แต่ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเห็นตรีประดับเดินลุยลงไปในน้ำ
“ตรี”
เทศราชวิ่งถลันตามลงไปด้วยความตกใจ

ตรีประดับเดินลิ่วๆ ลงทะเล เทศราชวิ่งตามหลังมา ตะโกนลั่น
“ตรี จะทำอะไร หยุดก่อน”
ตรีประดับไม่ได้ยินเสียงเพราะคลื่นซัดแรง เดินลึกลงมาเรื่อยๆ เทศราชแทบจะกระโจนเข้าใส่ แล้วคว้าตัวรวบไว้จนล้มลงน้ำไปด้วยกัน
“ว้าย”
“อย่าทำอะไรบ้าๆ นะตรี ทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วย”
ตรีประดับดิ้นๆ แต่เทศราชกอดไว้ไม่ยอมปล่อย
“อะไรเนี่ยเทศ ปล่อยตรี”
เทศราชตะโกนลั่น บ้าไปแล้ว “ไม่ปล่อย เราจะไม่ยอมให้เป็นอะไรไป เรารู้ว่าตรีกำลังเสียใจ แต่อย่าเอาความรักมาทำร้ายตัวเองเลยนะ เราจะผ่านความเจ็บปวดนี้ไปด้วยกัน เราสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างตรีเอง อย่าคิดสั้นๆ สิตรี”
ตรีประดับชะงัก หันมองเทศราชอย่างงงๆ
“คิดสั้น ตรีเปล่าซักหน่อย”
เทศราชชะงักบ้าง มองตรีประดับงงๆ ปล่อยมือออก ตรีประดับเอื้อมมือไปควานผ้าคลุมที่จมอยู่ในน้ำขึ้นมา
“เมื่อกี้ลมมันพัดผ้าคลุมปลิวตกน้ำ เราก็เลยลงมาเก็บแค่นั้นเอง”
เทศราชถอนใจเฮือก หงายหลังลงทะเลอย่างโล่งใจ
ตรีประดับมองแล้วยิ้มขำออกมา เมื่อรู้ว่าเทศราชตื่นตูมมากขนาดนี้

สองคนเปลี่ยนชุดแล้ว นั่งอยู่ที่เก้าอี้สนามหน้าบ้าน ตรีประดับเดินถือถ้วยชาออกมาส่งให้
“ถือว่าเป็นคำขอโทษจากตรีแล้วกัน”
เทศราชรับถ้วยชามา แต่ยังเขินๆ
“เราสิต้องขอโทษที่ตื่นตูมอีกแล้ว”
ตรีประดับอมยิ้ม นั่งลงข้างๆ
“ทำไมเทศถึงคิดว่าตรีเป็นคนที่จะฆ่าตัวตายง่ายๆ ท่าทางตรีเหมือนคนคิดสั้นมากนักเหรอ”
เทศราชเสียงอ่อย “เราคงเป็นห่วงตรีมากเกินไป ก็ตั้งแต่มาที่นี่ ตรีร้องไห้จนน้ำตาแทบจะท่วมทะเล แถมไม่ยอมบอกเราว่ามีปัญหาอะไรกันแน่ เราก็เลยยิ่งคิดไปไกล”
ตรีประดับมองหน้าเทศราชอย่างซาบซึ้งใจ เอื้อมมือไปจับมือเขามากุม
“ตรีไม่อยากเทศเป็นทุกข์ไปด้วยหรอก ขอบใจมากนะที่เป็นห่วงตรีถึงขนาดนี้ กำลังใจจากเทศมันยิ่งทำให้ตรีเข้มแข็งขึ้น”
ทั้งสองสบตากัน เทศราชรู้สึกหัวใจพองโต และโล่งอกที่ตรีประดับดีขึ้น ใจอยากจะดึงตรีประดับมากอด แต่ก็กลัวจะเป็นการฉวยโอกาส เลยรีบลุกขึ้นตัดบท
“เดี๋ยวเราไปจัดที่นอนให้ตรีนะ ได้เวลาพักผ่อนแล้ว”
ตรีประดับมองตามเทศราชไป แล้วจู่ๆ ก็ครุ่นคิดถึงคำพูดของผู้เป็นพ่อหลังรู้ว่าเธอจะแต่งงานกับพยส

ในตอนนั้นตรีประดับนั่งซบอิงไหล่ภูมิ พูดคุยกัน ภูมิลูบหัวตรีประดับพลางถามย้ำ
“พ่อดูออกว่าตรีใช้หัวใจเลือกพยส ก็เพราะทีแรกพ่อคิดว่าจะได้นายมันเทศเป็นลูกเขยซะอีก”
“ทำไมล่ะคะ”
“ก็พ่อเห็นว่าตรีดูมีความสุขเวลาอยู่กับนายมันเทศ แล้วเขาก็เป็นคนสม่ำเสมอ ไม่ได้เข้าหาพ่อเพราะต้องการเอาใจตรี แต่เขาทำตัวให้พ่อรู้สึกว่าพ่อมีลูกชายอีกคนจริงๆ”
“แต่ตรีก็ไม่เลือกนายเทศ” ตรีประดับย้อนถามพ่อ “แล้วพ่อเสียดายมั้ยคะที่หนูเลือกยส”
“ไม่เลย พยสเขาก็ดีกับตรีนี่ลูก ไม่ว่าตรีจะเลือกใคร พ่อก็ยินดีด้วยทั้งนั้น เพราะรู้ว่าชีวิตของลูกจะมีความสุขที่สุดก็เมื่อลูกได้เลือกทางเดินของตัวเอง”
ตรีประดับยิ้มระรื่น
“ตรีแน่ใจค่ะว่ายสจะไม่ทำตรีเสียใจ ตรีเลือกคนไม่ผิดแน่นอนค่ะพ่อ”
ภูมิลูบหัวลูกสาวยิ้มให้ ตรีประดับซบอ้อนพ่อในช่วงเวลาที่ยังมีความสุขอยู่

ตรีประดับนึกถึงเรื่องที่คุยกับพ่อยิ่งเสียใจขึ้นมาอีก จับแหวนในมือหมุนไปมาอย่างเลื่อนลอย
ภาพพัดชากับพยสในห้องนอนผุดขึ้นมาหลอกหลอนอีกคำรบ
“ตรี”
ตรีประดับสะดุ้ง ตื่นจากภวังค์ หันไปเห็นเทศราชเดินออกมา
“เสร็จแล้วเหรอเทศ ตรีง่วงพอดีเลย ตรีเข้าไปนอนก่อนนะ”
ตรีประดับเดินกลับเข้าบ้านไป เทศราชมองตาม รู้ว่าปัญหาครั้งนี้คงรุนแรงมากแน่นอน เมื่อภาพที่เห็นตรีจ้องมองแหวนแต่งงานอยู่เมื่อครู่

รุ่งเช้าพยสลืมตาตื่นขึ้นบนเตียงนอน หันไปเห็นพัดชานอนอยู่ข้างๆ ก็รู้ว่าตัวเองเผลอไผลไปกับพัดชาอีกแล้ว พยสลุกขึ้นนั่งกอดเข่ากลุ้ม ไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรดี อยากคืนดีกับตรีประดับ แต่ก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้
พัดชารู้สึกตัวว่าพยสตื่น เลยพลิกตัวหันมามอง
“คุณพยส ขอโทษนะคะ พัดนอนเพลินไปหน่อย”
พยสเมินหนี ไม่อยากสบตาพัดชาเพราะอายแก่ใจตัวเอง พัดชาดูออก ทำเป็นตีหน้าเศร้า
“เมื่อคืนคุณพยสเมาหนักมากค่ะ พัดพามาส่งที่ห้อง แต่คุณไม่ยอมให้พัดไป...แล้ว...”
พัดชาหลบสายตาเอียงอาย พยสยกมือลูบหน้าตัวเองอย่างกลัดกลุ้ม ไม่พูดอะไรอีก ลุกหนีเข้าห้องน้ำไป
พัดชามองตาม เหมือนจะยิ้มออกมานิดๆ

พยสนั่งสะลึมสะลือที่โต๊ะอาหาร พยายามจะกินข้าวเช้า แต่ปวดหัวจนต้องวางช้อน
“คุณพยสไม่สบายเหรอคะ เดี๋ยวพัดเอายาให้นะคะ”
“ไม่เป็นไร ผมจะไปกินข้างนอก”
“อาการแบบนี้ นอนพักดีกว่าค่ะ”
พัดชาเข้าไปจับพยส แต่พยสสะบัดออกเสียงแข็งใส่
“ไม่ต้อง ผมจะไป ผมไม่อยากอยู่บ้าน”
พัดชาสีหน้าสลดลง รู้ว่าพยสไม่อยากอยู่ใกล้ตัวเอง
“คุณพยสไม่ต้องกลัวว่าพัดจะอยู่เกะกะสายตาหรอกนะคะ พัดก็กำลังจะออกไปข้างนอกเหมือนกัน จะไปหาที่พักใหม่ตามที่คุณต้องการ เพราะฉะนั้นคุณอยู่พักที่บ้านเถอะค่ะ”
พยสชะงักไป เห็นสีหน้าพัดชาแล้วก็ใจอ่อนลง พัดชาก้มหน้าเดินเลี่ยงไปหยิบยา รินน้ำให้
“ทานยานะคะ แล้วพัดจะไม่วุ่นวายกับคุณอีก”
พยสยอมกินยา ดูอ่อนลง พัดชามองดู เห็นพยสหยิบโทรศัพท์มากด ก็คิดว่าจะโทรไปลางาน เลยเลี่ยงขอตัว
“พัดออกไปก่อนนะคะ”
พยสพยักหน้าแกนๆ พัดชาไม่อยากยื้อจึงออกไป เมื่ออยู่ลำพังพยสรีบกดโทรศัพท์หาตรีประดับทันที พบว่ายังปิดเครื่องอยู่
“เปิดเครื่องซักทีเถอะตรี ได้โปรด”
พยสพึมพำอย่างกระวนกระวาย อยากให้ตรีประดับกลับมา

ฝ่ายตรีประดับยืนทอดสายตามองบรรยากาศริมทะเลไกลลิบตา เทศราชแอบมองเป็นห่วงอยู่ไกลๆ

อีกฟากภูมิดูแลป้อนยาให้แวว แล้วได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง เลยเดินไปรับ
“สวัสดีครับ อ้าว พยสเองเหรอลูก มีอะไรหรือเปล่า”
แววชะงัก หันไปฟังภูมิคุยโทรศัพท์
พยสเดินไปมาคุยโทรศัพท์อยู่ในบ้านสีหน้าร้อนใจ
“ผมขอสายตรีหน่อยครับคุณพ่อ”
ภูมิแปลกใจ
“ตรี ยายตรีก็กลับไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วไง ยังไม่ได้มาหาพ่อเลย”
“อะไรนะครับ”
ภูมิชักเริ่มงง “เดี๋ยว นี่มันยังไงกัน หรือว่ายายตรีไม่ได้กลับบ้าน มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า”
พยสอึกอัก กลัวบอกไปจะเป็นเรื่องใหญ่โต รีบแก้ตัว
“อ๋อ ไม่มีอะไรครับ ผมเข้าใจผิดว่าตรีจะกลับเฝ้าคุณแม่อีก ก็เลยโทร.มาถามน่ะครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมลองโทร.เข้ามือถือตรีอีกครั้งนะครับคุณพ่อ”
พยสรีบวางสายไป ภูมิเองก็งงๆ อยู่ จนเมียร้องถาม
“มีอะไรเหรอพ่อ”
ภูมิหันไปมองแวว สังหรณ์ใจว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ แต่ยังไม่อยากให้แววเครียด
“พยสเขาติดต่อตรีไม่ได้ก็เลยคิดว่าอยู่บ้านนี้ ไม่มีอะไรหรอกแม่”
ภูมิยิ้มกลบเกลื่อน แล้วเดินมานั่งกับแวว

พยสวางสาย สีหน้ากังวลกว่าเดิม
“ตรีไม่ยอมกลับบ้านตั้งแต่เมื่อวาน แล้วไปอยู่ไหน”
พยสขบคิดหน้าเครียด แล้วนึกขึ้นมาได้ ขบกราม คำรามเสียงดัง
“ไอ้เทศ”

ตรีประดับเดินกลับเข้ามา เทศราชเตรียมอาหารตั้งโต้ะ แต่แล้วโทรศัพท์เทศราชดังขึ้น เห็นเป็นเบอร์พยส
“ยสโทร.มา คงถามหาตรีแน่ๆ”
ตรีประดับบอกด้วยสีหน้าจริงจัง “อย่ารับนะเทศ”
“ถ้าเราไม่รับ มันก็จะยิ่งมั่นใจว่าตรีอยู่กับเรา”
“ก็ปล่อยให้เขามั่นใจไป เขาจะคิดอะไรก็เรื่องของเขา ไม่ต้องไปสนใจ”
เทศราชเริ่มอึดอัดใจ เห็นว่าเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ดีแน่ เลยจับแขนตรีประดับ
“งั้นไป กลับกรุงเทพฯ ด้วยกัน”
ตรีประดับขืนตัวไว้ “ไม่นะเทศ ตรีไม่ไป”
“แต่ถ้าตรีไม่ยอมกลับไปคุยกับพยส ทุกอย่างมันก็ยิ่งแย่ลง ชีวิตคู่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะตรี”
ตรีประดับสะบัดมือ ระเบิดออกมา
“ตรีก็ไม่เคยคิดว่าชีวิตคู่เป็นเรื่องเล่น ตรีจริงจังทุ่มเทให้กับหน้าที่ภรรยา ตรีมั่นใจว่าตรีทำดีที่สุดแล้วทุกอย่าง แต่เขาต่างหากที่เป็นคนทำลายมัน”
เทศราชอึ้งไปที่เห็นตรีประดับระเบิดออกมาแบบนั้น แต่ก็ยังพยายามกล่อมต่อ
“มีอะไรก็กลับไปคุยกันที่บ้านเถอะตรี”
ตรีประดับส่ายหน้า เริ่มสะเทือนใจขึ้นมาอีก “ถ้าเป็นเทศ เทศจะกลับไปเหรอ ถ้าภาพสุดท้ายที่เทศจำได้เกี่ยวกับบ้านหลังนั้น คือภาพที่เขานอนกับผู้หญิงคนอื่นบนเตียง”
เทศราชนิ่งงันไป คาดไม่ถึง “อะไรนะ ยสมันนอนกับใคร”
“ที่นั่นมันไม่ใช่บ้านของตรีอีกแล้ว มันคือนรก นรกที่เขาสองคน คนที่ตรีไว้ใจที่สุดแต่กลับร่วมกันเพื่อแทงข้างหลังตรี”
ตรีประดับทรุดลงปล่อยโฮลั่น เทศราชตัวชา เริ่มเข้าใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร พอได้สติผละออกไป
“พัดชา ไอ้ยส”
ตรีประดับเงยหน้าขึ้นมอง ทั้งน้ำตา “เทศ เทศจะไปไหน”
“ตรีอยู่ที่นี่แหละ เราจะไม่บังคับให้ตรีกลับไปที่นั่นอีกแล้ว”
เทศราชพูดแค่นั้น ก็ขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ตรีประดับร้องไห้ ความทุกข์ระทมกลับมาครองพื้นที่หัวใจเธออีกคำรบ

พยสปิดโทรศัพท์อย่างโมโห
“ไอ้เทศ แกไม่รับโทรศัพท์ฉัน แสดงว่าตรีต้องอยู่กับแกแน่ๆ ไอ้เพื่อนทรยศ”
พยสโมโห ฮึดฮัด ทำอะไรไม่ได้ เลยเดินไปหยิบเหล้ามากินต่อ

ธุระของพัดชาคือนัดกับอรณา อีกฝ่ายมองอย่างแปลกใจ หลังจากพัดชาปรึกษาเรื่องจะย้ายที่อยู่
“อะไรกัน ไหนเธอบอกว่าอยู่ที่บ้านเจ้านายก็สบายดี แล้วจะหาที่อยู่ใหม่ทำไม”
“มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ”
“ตายแล้ว นี่” อรณานึกได้ชี้หน้า “อย่าบอกนะว่าเธอกินกับหนุ่มน้อยหลานชายนายจ้างคนนั้น”
พัดชาไม่อยากพูดเรื่องกินเด็ก เพราะเสียฟอร์มจึงแก้ตัว
“เปล่า”
อรณายิ้มกริ่ม “งั้นเธอก็แอบกินผู้ใหญ่น่ะสิ อ๋อ ฉันรู้ล่ะ ที่จะออกมาอยู่ข้างนอก ก็เพราะจะลากมากินนอกบ้านใช่ไหม”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกน่า นี่ ฉันถามเธอหน่อยสิ ถ้าเราเกิดมีอะไรกับสามีคนอื่นแล้วเมียเขาเกิดจับได้ เราควรทำยังไง”
“ที่ถามแบบนี้ อย่าบอกนะว่า...เธอกินผัวเจ้าของบ้านแล้ว”
พัดชาพยักหน้า อรณาตาโต
“ตายละ ฉันไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าเธอจะข้ามขั้นขนาดนี้ นี่ถูกจับได้เลยต้องถูกไล่ออกมาข้างนอกแบบนี้ใช่มั้ย”
“ก็ไม่เชิงไล่หรอก แค่ให้ออกไปไกลๆ สักพักก่อน”
“เฮ้ย ก็เธอเนี่ยน๊า ให้กินเด็ก แต่กลับไปกินผัวเขาซะ แล้วจะเอายังไงต่อเนี่ย”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันออกมาไม่นานหรอก เมื่อถึงเวลาของฉัน ฉันจะได้กลับไปแน่นอน ฉันแค่รอเวลา เวลาที่จะกลับไปก็เท่านั้น”
พัดชายิ้มลึกล้ำ มีแผนในใจแล้ว
“อ่อ ถอยก่อน เพื่อตั้งหลัก”
“เอาเป็นว่าเธอช่วยหาอพาร์ตเมนต์ให้ฉันหน่อยแล้วกันนะ เอาที่เดียวกับเธอก็ได้ เพราะฉันคงอยู่ไม่นานหรอก”
อรณามองค้อน เห็นพัดชามองไปข้างหน้าด้วยแววตาตาอันมุ่งมั่น

ที่กองถ่ายละครช่อง 8
สิงคารค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากหลังเบาะรถตู้ โดยมีหัวชินานางรวมอยู่ใกล้ๆ แก้มของผู้จัดผู้กำกับเปรอะไปด้วยลิปสติก ดูคล้ายสองคนเพิ่งนัวเนียกันมา ชินานางเหมือนติดใจอยู่ มือไม้เกะกะก่ายกอดไม่เลิก สิงคารผละออก
“พอหรือยังล่ะคุณ”
“ยังไม่พอ”
“แต่ผมจะไปทำงานแล้ว”
สิงคารจะไป ชินานางเอามือโอบคอไว้
“นี่ คุณสิงคาร ฉันอุตส่าห์ล็อบบี้เสี่ยให้ยอมตกลงเป็นนายทุนทำละครให้คุณนะ ใจคอจะไม่ตอบแทนฉันบ้างเลยเหรอ”
สิงคารเซ็ง “ไอ้ที่ผมทำอยู่เนี่ยไม่เรียกว่าตอบแทนหรือไง”
“มันยังไม่พอนี่คะ”
ชินานางมองสิงคารอย่างปรารถนา ทำท่าจะเข้าไปนัวเนียต่อ แต่ผู้ช่วยเปิดประตูรถโผล่หน้าเข้ามา
“คุณชินานางครับ”
ชินานางกรี๊ด “อ๊าย ไอ้บ้า เข้ามาไม่ดูตาม้าตาเรือ คนกำลังซ้อมบทอยู่”
ผู้ช่วยหน้าเจื่อนบอกเสียงอ่อยๆ “คือ...เสี่ยจิวมาครับ”
ชินานางกับสิงคารมองหน้ากันด้วยความตกใจ สิงคารรีบเช็ดลิปสติกออกจากปาก

ชินานางรีบจัดผมเผ้า ออกมารับเสี่ยจิวที่หน้ากอง เห็นทีมงานกำลังเซ็ตฉากวุ่นอยู่
“เสี่ยขา แหม จะมาก็ไม่บอกนางล่วงหน้า จะได้ออกมาพร้อมกัน”
“วันนี้ว่างๆ ผมก็เลยแวะมาดู” เสี่ยมองหาสิงคาร “แล้วคุณสิงคารไปไหนซะล่ะ”
ชินานางยิ้มกลบเกลื่อน ซักพักสิงคารก็วิ่งล่กๆ เข้ามาหาเสี่ยจิวอย่างเกรงใจ
“สวัสดีครับเสี่ย”
“ขอแวะมาดูการทำงานหน่อยนะคุณสิงคาร ไหนๆ เราก็จะเป็นหุ้นส่วนกันแล้ว”
“ด้วยความยินดีครับเสี่ย”
เสี่ยจิวยิ้มๆ จนเห็นว่าที่คางสิงคารมีรอยลิปสติกติดอยู่
“อ้าว แล้วแก้มเปื้อนอะไรล่ะ”
สิงคารสะดุ้ง เอามือแตะแก้มเห็นรอยลิปสติกติด ชินานางเห็นเข้าก็ตกใจ เพราะสีเดียวกับสีปาก หล่อน รีบหันหน้าหนี เอามือป้ายลิปสติกออก
“ไปให้สาวที่ไหนจูบมา”
สิงคารหน้าเสีย คิดคำแก้ตัวไม่ออก ชินานางกลัวเสี่ยจิวจับได้ รีบเอามือป้องปากไอเสียดัง
“เอ่อ วันนี้นางไม่รู้เป็นอะไร ไอตั้งแต่เช้าแล้ว เดี๋ยวขอไปหายาทานหน่อยนะคะ
ชินานางเอามือป้องปากไอแค่กๆ แล้วรีบเดินหนีไป สิงคารมองตามเจื่อนๆ
“คือ...เมื่อกี้ผมซ้อมคิวถ่ายกับนักแสดงน่ะครับ บล็อกกิ้งถึงเนื้อถึงตัวไปหน่อย ก็เลย...”
เสี่ยจิวหัวเราะชอบใจ ไม่ติดใจอะไร เดินดูกองถ่ายต่อ
สิงคารรีบตามประกบ ลอบสบตากับชินานาง ใจหายใจคว่ำพอกัน

พัดชาลงจากรถแท็กซี่หน้าบ้าน พอเปิดประตูเข้ามาเห็นรถพยสจอดอยู่ ก็แน่ใจว่าเขาไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนแน่ พัดชานิ่งคิด ก่อนจะเดินไปเปิดก๊อกน้ำข้างรั้ว เอาน้ำมาพรมตัวให้เหมือนคนเหงื่อไหลไคลย้อย จัดผมเผ้า เสื้อผ้าให้ยุ่งๆ

พยสนั่งจมอยู่กับขวดเหล้า ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาก็ผวาลุก คิดว่าเป็นตรีประดับ แต่พอเห็นพัดชาก็ผิดหวัง ทรุดลงนั่งเหมือนเดิม
“คุณพยสดื่มอีกแล้ว เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอกค่ะ”
พยสไม่สนใจ “ที่พักใหม่เป็นยังไงบ้าง ได้หรือยัง”
“ราคาที่พัดพอจ่ายได้ เต็มทุกที่เลยค่ะ” พัดชาตีหน้าเศร้า “แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ พัดให้เพื่อนช่วยหาด้วย พรุ่งนี้น่าจะได้ แต่ถ้าคุณพยสจะให้พัดออกไปตอนนี้เลย พัดออกไปเช่าโรงแรมอยู่ก็ได้ค่ะ ขอเวลาพัดเก็บของหน่อยละกันนะคะ”
พัดชาเดินคอตกไป พยสมองตาม เริ่มสงสาร
“ไม่ต้องหรอก ถ้ายังไม่มีที่ไปก็อยู่ไปก่อนละกัน แค่คืนเดียว ผมไม่ใช่คนใจดำขนาดนั้น”
พยสพูดจบก็พยุงตัวเองลุกขึ้นเดินโซเซจะหนีขึ้นห้อง แต่เกิดเซล้ม พัดชารีบถลาเข้าไปประคอง พยสพยายามเบี่ยงตัวหนี
“ไม่ต้อง ผมเดินเองได้”
“ให้พัดช่วยเถอะค่ะ”
“บอกว่าไม่ต้อง”
พยสผลักพัดชาออกไป
“ให้พัดดูแลคุณพยสเถอะนะคะ อย่างน้อยก็เท่าที่พัดยังมีเวลาเหลืออยู่”
พัดชาสบตาพยสมองเว้าวอน พยสรู้สึกหวั่นไหวใจสั่นขึ้นมาอีก แต่ทันใดนั้นเทศราชก็เปิดประตูผ่างเข้ามา
“ไอ้พยส”
ภาพที่เทศราชเห็นคือพัดชาประคองกอดพยส ใบหน้าอยู่ใกล้กันนิดเดียว เทศราชยิ่งเจ็บแค้นแทนตรีประดับ ถลาพุ่งเข้าไปกระชากตัวพยสออกมาจากพัดชา แล้วซัดโครมทันที

พัดชากรีดร้อง “คุณเทศ”
เทศราชชี้หน้าพยสที่ล้มอยู่ที่พื้น “นี่เหรอไอ้คนที่ยืนยันกับฉันว่ามีแต่ความรักแท้ให้ตรี จะซื่อสัตย์ ไม่มีวันทรยศกับตรี แกทำแบบนี้ได้ยังไง ไอ้สารเลว”
เทศราชพุ่งเข้าไปต่อยพยสอีกหมัด พยสพยายามตอบโต้ แต่ก็เพราะยังมึนฤทธิ์เหล้าอยู่ สู้ไม่ไหว พัดชาทนดูไม่ไหว พุ่งเข้าไปขวางไว้
“อย่านะคะคุณเทศ”
“เธอก็เหมือนกัน พร่ำพูดว่าบุญคุณของตรีท่วมหัว แล้วนี่เหรอคือสิ่งที่เธอตอบแทนให้ตรี”
พัดชาน้ำตาไหลไม่คิดเทศราชจะด่าว่าตน พยสฮึดฮัดพยายามยันกายลุกขึ้น
“แล้วแกมันประเสริฐกว่าฉันนักเหรอวะ ไอ้หมาหวงรางหญ้า แกมันก็จ้องเมียคนอื่นตาเป็นมัน อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะว่าแกก็ฉวยโอกาสจะเอาเมียฉันไปกกเหมือนกัน”
“ไอ้ชั่ว”
เทศราชพุ่งเข้าชกพยสอีกตูม
“อย่าคิดว่าคนอื่นจะเลวเหมือนแกไอ้ยส”
“แล้วตรีอยู่ที่ไหนหละ เมียฉันอยู่ที่ไหน เมียฉันอยู่กับแกใช่มั้ย”
เทศราชโมโหสุดขีด เข้าไปกระชากเสื้อพยสขึ้น
“ใช่ ตรีอยู่กับฉัน ตรีเขาเสียใจมากในสิ่งที่แกทำ เขาเลยต้องมาหาฉันไงล่ะ เพราะสิ่งที่แกได้ทำลงไปมันทำร้ายจิตใจตรีเขามาก มากจนเขาไม่มีที่จะยืนแล้ว”
พยสหน้าเศร้า “ตรี แล้วตอนนี้ตรีอยู่ที่ไหน บอกฉัน ไอ้เทศ ฉันจะไปอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ตรีฟัง ฉันเชื่อว่าตรีต้องฟังฉันแล้วกลับมา”
“ฮึ กลับมาเห็นภาพเมื่อกี้อย่างที่ฉันเห็นนะเหรอ”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะคุณเทศ”
เทศราชไม่แยแสพัดชา “ไว้แกหาทางไปอธิบายให้ตรีเขาฟังเองละกัน ถ้าแกมีความพยายามมากพอ”
ขาดคำเทศราชผลุนผลันออกไปเลย พยสลุกพรวดตะโกนปาวๆ ตามไป
“ก็บอกมาซิ ว่าตรีอยู่ไหน ไอ้เทศ เมียฉันอยู่กับแก ฉันจะเอาเมียฉันคืน ได้ยินไหมไอ้เทศ กูจะเอาตรีคืนจากมึง”
พยสพยายามจะดิ้นรนวิ่งตามเทศราชไป แต่ถูกพัดชาดึงรั้งกอดเอาไว้ สีหน้าเจ็บแค้นที่เห็นพยสยังหวงแหนตรีประดับไม่คลาย

พยสพรวดพราดขึ้นมาบนห้อง รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า พัดชาตามเข้ามา
“คุณพยสจะไปไหนคะ”
“ผมจะไปตามตรีกลับมา คุณเองก็ออกไปจากที่นี่ซะ อย่าให้ผมกลับมาเจอคุณอีก”
พัดชาสะอึกที่โดนพยสไล่ซึ่งๆ หน้า ยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงดี
“ให้พัดไปด้วยนะคะ เราจะได้ช่วยกันอธิบายให้พี่ตรีเข้าใจ”
“ไม่ต้อง นี่มันเรื่องในครอบครัวผม คุณไม่เกี่ยว”
“แล้วคุณพยสรู้หรือคะว่าพี่ตรีอยู่ที่ไหน”
พยสชะงัก ไม่รู้เหมือนกัน จนคิดบางอย่างออกรีบกดโทรศัพท์หาภูมิ
“พ่อครับ ผมมีเรื่องจะรบกวนพ่อช่วยโทร.ถามเทศมันหน่อยครับว่าตรีอยู่กับมันที่ไหน”
พัดชามองด้วยความกังวลว่าพยสจะต้องรู้แน่ๆแล้วออกไป

พยสรีบออกมาขึ้นรถ พัดชารีบวิ่งตามร้องเรียก
“คุณพยสคะ”
พยสชะงัก พยายามไม่หันมองหน้าพัดชา ทำใจแข็ง
“ไปซะพัดชา ออกไปจากชีวิตผม”
“ค่ะ พัดจะไป พัดขออวยพรให้คุณพยสปรับความเข้าใจกับพี่ตรีให้ได้นะคะ”
พัดชาเสียงสั่นเครือ บีบน้ำตา ขยับเข้าไปกอดพยสจากด้านหลัง
“ยังไงคุณทั้งสองก็คือคนที่พัดรักมากที่สุด พัดขอให้คุณพยสสมหวังนะคะ”
พัดชาร้องไห้สะอื้นซบหลังพยส พยสใจอ่อนยวบ แต่ก็กัดฟันแกะมือพัดชาออก แล้วรีบขึ้นรถออกไป
พัดชามองตามรถพยสที่แล่นออกไปจากบ้าน ก่อนประตูจะค่อยๆ ปิดลง
สายตาเศร้าสร้อย ของพัดชา ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวขึ้น
"สมหวังเหรอ"

ส่วนที่กองถ่ายช่อง 8 ชินานางเข้าฉากกับนักแสดงประกอบอยู่หน้าเซ็ต ผ่านฉลุย
“แกแย่งผัวฉัน นังหน้าด้าน”
ชินานางเข้าไปตบตีตัวประกอบอย่างอินจัด
สิงคารยิ้มพอใจมาก สั่ง “คัท เลิกกอง” ทุกคนปรบมือให้ ชินานางเข้ามาประจบออดอ้อน
“เล่นดีอย่างนี้ทุกซีน คุณได้เกิดแน่ รับรองไปเดินตลาดโดนหนามทุเรียน”
“ขอคำชมเป็นอย่างอื่นแทนได้ไหมคะ”
ชินานางเข้าไปกระซิบกระซาบข้างหู สิงคารถอยกรูด พยักพเยิดไปมุมหนึ่งไกลๆ เห็นเสี่ยจิวนั่งอยู่
“อย่ารุ่มร่ามน่าคุณ เดี๋ยวก็ตกกระป๋องกันทั้งคู่หรอกเห็นว่าจะแต่งงานกับเสี่ยเร็วๆนี้แล้วไม่ใช่เหรอ”
ชินานางหันไปมองเสี่ยจิวอย่างเซ็งๆ
“ก็ใช่น่ะสิ งานนี้ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นทองเลยละ”
“คุณคิดถูกแล้ว ผมจะได้มีเงินมาสร้างละครให้คุณเล่นอีกไง”
ชินานางเซ็งปนรำคาญ แต่กลับวิ่งเริงร่าตีหน้าแสนดีไปหาเสี่ยจิวทันที
สิงคารหันไปมองชินานางที่กระดี๊กระด๊ากับเสี่ยแล้วส่ายหน้า

ตรีประดับนั่งเศร้ารออยู่ในบ้าน พอเห็นเทศราชกลับมาก็รีบลุกไปหา
“เทศ หายไปไหนมา”
เทศราชหลบสายตา ตรีประดับมองคาดคั้น
“เทศไปหาพยสใช่ไหม”
เทศราชจำใจโกหก “ใช่ แต่ไม่เจอไอ้ยสหรอก มันไม่อยู่ เจอแต่พัดชา”
ตรีประดับได้ยินชื่อพัดชาก็สลดลง “ดีแล้วล่ะเทศ เราไม่อยากให้เทศต้องมาทุกข์ร้อนกับเรื่องนี้ เทศอย่าไปยุ่งกับพวกเขาเลยนะ”
“แต่ตรีไม่ควรจะเป็นคนที่ต้องหนี ตรีไม่ได้ทำอะไรผิด”
“ตรีไม่ได้หนี ตรีแค่รอเวลาที่ตัวเองเข้มแข็งพอที่จะกลับไปเผชิญหน้าต่างหาก”
ตรีประดับพูดจบ โทรศัพท์ก็สั่นขึ้นอีกครั้ง เทศราชหันไปมอง
“พัดชาโทร.มา”
ตรีประดับหันขวับไปมองโทรศัพท์ คาดไม่ถึงว่าพัดชาจะกล้าโทร.มาอีก

ตรีประดับยืนถือโทรศัพท์ที่ยังมีสัญญาณเรียกเข้าอยู่ในมือ ลังเลว่าจะรับดีหรือไม่ดี ในที่สุดก็กดรับสาย
“พี่ตรี”
ตรีประดับได้ยินเสียงพัดชาก็ตัวสั่น หน้าเครียดจัด

พัดชาคุยโทรศัพท์ ใช้มุมบังๆ ไม่ให้เห็นว่าพัดชาคุยด้วยอารมณ์ไหนกันแน่
“พี่ตรีเป็นยังไงบ้างคะ”
ตรีประดับกลืนกินความทุกข์ลงไป พยายามปรับเสียงให้ปกติ แต่เย็นชา
“น้องพัดต้องการอะไร”
“เปล่าค่ะ พัดไม่ได้ต้องการอะไร พัดแค่อยากโทรอธิบายความจริงกับพี่ตรี”
ตรีประดับเริ่มอึดอัดไม่อยากฟัง พัดชารู้ทันรีบดักคอ
“พี่ตรีอย่าเพิ่งวางนะคะ ฟังพัดซักนิด ฟังแล้วจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่”
ตรีประดับจำต้องกลั้นใจฟัง ได้ยินเสียงพัดชาสะอื้นเบาๆ ที่ปลายสาย
“เรื่องที่เกิดขึ้นนั้น มันเป็นความผิดของพัดเองที่ไม่ระวัง คุณพยสออกไปดื่มกลับมา แล้วก็เมามาก พัดต้องเข้ามาดูแล เพราะพี่ตรีไม่อยู่ คุณชิงฉัตรก็ไม่อยู่ แต่พอขึ้นไปบนห้อง คุณพยสก็ใช้กำลังกับพัด พัดช่วยตัวเองไม่ได้เลย” พัดชาร้องไห้โฮออกมา
มือตรีประดับที่จับโทรศัพท์สั่นเทา ภาพที่เกิดขึ้นในหัวทำให้เจ็บปวดจนอยากร้องไห้
“พัดสาบานได้นะคะว่าพัดไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น แต่คุณพยส...คุณพยศเขา...”
พัดชาทำเป็นพูดต่อไม่ได้ มีแต่เสียงร้องไห้ออกมา
ตรีประดับกำโทรศัพท์แน่น น้ำตาไหลตามเสียงร้องไห้ของพัดชา สะเทือนใจ นึกโกรธพยสมากกว่าเดิม
“พอแล้ว พี่ไม่อยากฟังแล้ว”
ตรีประดับตะโกนก้อง กดตัดสายไป
ทันใดนั้นเอง พยสก็ผลักเทศราชเข้ามา แล้วพุ่งเข้ามาในบ้านพอดี
“ตรี”
ตรีประดับหันไปมองพยสทั้งน้ำตา ทั้งเสียใจ ผิดหวังสุดจะประมาณ และไม่อยากเห็นหน้าเขา

ทางฝ่ายพัดชาทิ้งโทรศัพท์ในมือลงมาข้างๆ ตัว ใช้มือเช็ดปาดน้ำตาทิ้ง พลางหันไปหยิบทิชชู่ที่โต๊ะทำงาน จังหวะนั้นเอง สายตาพัดชาสะดุดเข้ากับจดหมายขอโทษของชิงฉัตรวางอยู่บนนั้น

พัดชามองจ้องจดหมายฉบับนั้นนิ่งนาน

อ่านต่อตอนต่อไป

ตรีประดับเผชิญหน้ากับพยส โดยมีเทศราชยืนคุมเชิงอยู่
“เทศให้เขาตามมาเหรอ”
“มันไม่ใจกว้างกับผมขนาดนั้นหรอกตรี” พยสกัดฟันกรอด “ผัวเมียจะคุยกันแกออกไปก่อนได้มั้ย”
เทศราชหันมองตรีประดับเชิงถาม แต่ตรีประดับไม่สนใจ
“ออกไปเถอะยส ตรีไม่พร้อมจะคุย”
พยสตรงเข้าไปฉุดแขนตรีประดับจะพากลับ อีกฝ่ายขัดขืน
“ปล่อยนะยส”
“คุณต้องกลับไปกับผม เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
ตรีประดับโกรธ เปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองว่าฉันทันที “ฉันไม่อยากคุย ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวจากพวกคุณ”
“พูดดีๆสิวะยส ถ้าแกทำแบบนี้ ตรีเขาจะอยากคุยกับแกเหรอ”
พยสนิ่งขึ้น
“พัดชาโทร.มาพูดอะไรกับตรีเหรอ”
ตรีประดับจ้องพยสอย่างชิงชังรังเกียจ คิดว่าเขาร้อนตัว แต่ไม่อยากเสาวนาด้วย เดินหนีไป
“ตรี”
เทศราชจะเดินตามแต่คิดว่าอย่าดีกว่า ปล่อยให้ผัวเมียเขาคุยกัน เขาอาจปรับความเข้าใจกันได้ก็ได้ เพราะเทศราชคือคนนอก

ตรีประดับเดินหนีไปหน้าบ้าน พยสเดินตามมาดักหน้า อ้อนวอน จับมือตรีประดับไว้
“ตรี กลับไปกับผมเถอะนะ ผมรับรองว่ามันจะไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก ผมไล่พัดชาออกจากบ้านไปแล้ว เขาจะไม่อยู่ตำตาตำใจคุณ”
ตรีประดับจ้องพยสอย่างเฉยเมย นึกสมเพช ง่ายดีแท้ เขานอนกับผู้หญิงอื่นบนเตียง เตียงที่เป็นของเขาและเธอ ห้องหอของเรา แล้วจะให้หล่อนลืมได้ชั่วข้ามคืน หัวใจของเขาทำด้วยอะไร เขาไม่เคยมักง่ายกับความรู้สึกของตรีประดับขนาดนี้
“ผมผิดเองที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ คุณถึงต้องเสียใจ แต่มันจะเป็นครั้งสุดท้าย กลับบ้านกันนะครับ”
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกค่ะ”
“งั้นตรีจะให้ผมทำยังไง ผมยอมทำทุกอย่าง ตรีจะให้ผมกราบก็ยอม ขอแค่ตรีบอกมาเท่านั้นว่าต้องการอะไร”
พร้อมกับว่า พยสคุกเข่าลงตรงหน้า
“หรือตรีอยากจะตบผมตีผมยังไงก็ได้ ผมขอแค่โอกาสแก้ตัวอีกครั้งเดียว ตรีให้โอกาสผมนะ”
พยสจับมือตรีประดับมาจูบแล้วซบหน้าลงกับมือ ร้องไห้ออกมา ตรีประดับสับสนใจ เพราะลึกๆ ก็ยังมีเยื่อใยกับพยสอยู่มาก แต่ก็ทำใจให้อภัยยากเหลือเกิน
“ตรีต้องการเวลาค่ะ”
พยสชะงัก เงยหน้ามอง แต่ตรีประดับไม่สบตา มองเหม่อออกไปยังทะเล
“ต่อให้คุณคุกเข่าอยู่ตรงนี้ทั้งคืน ตรีก็จะไม่ยอมกลับไป มันไม่ใช่ตอนนี้”
ตรีประดับเดินหนีออกไปยังชายหาด พยสนั่งคุกเข่ามองตามอย่างเสียใจ

ไม่นานนัก พยสคอตกกลับออกมาอย่างคนพ่ายแพ้ เห็นเทศราชก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมาอีก
“แกรอวันนี้มานานแล้วใช่ไหม วันที่จะได้ทับถมฉัน วันที่จะได้โอกาสเข้าแทรกกลางโดยที่ไม่ต้องละอายอีกต่อไป”
“ฉันไม่เคยละอายใจกับมิตรภาพที่ฉันมีให้ตรีอยู่แล้ว เพราะมันคือความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้ซ่อนเจตนาสกปรกแบบที่แกชอบเผื่อแผ่ให้ผู้หญิงอื่น”
พยสกัดฟันกรอด กระชากคอเสื้อเทศราช
“วันนี้มันเป็นวันของแก วันที่แกจะได้กระทืบซ้ำที่ฉันล้ม แต่แกยังไม่ได้ชนะฉันหรอกไอ้เทศ ฉันมั่นใจว่าตรียังรักฉันอยู่”
“งั้นก็กลับไปแก้ปัญหาของแกให้เด็ดขาด ถ้าความมั่นใจของแกไม่ใช่เรื่องหลอกตัวเอง ตรีก็คงกลับไปหาแก แต่ถ้าแกยังแก้ปัญหาไม่ได้ ตรีจะได้ตาสว่างซักทีว่าใครคือคนที่แพ้”
พยศเจ็บใจ ผลักอกเทศราชออกไป แล้วถลันขึ้นรถ ขับออกไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้เทศราชยืนนิ่ง
อีกด้านหนึ่งตรีประดับยืนมองทั้งสองอยู่มุมไกลๆ ไม่ได้ยินการสนทนา เห็นแค่อากัปกริยาของเทศราชที่ใจเย็น ขณะที่พยสออกอาการพลุ่งพล่านชวนมีเรื่องตลอด

ตรีประดับเปิดโทรศัพท์ นึกเป็นห่วงแม่ โทร.ไปถามอาการ ภูมินั่งอยู่กับแววที่โถงบ้านสวน เห็นเบอร์ “ตรี” โทร.มารีบเดินเลี่ยง
“ตรีมีปัญหากับพยสเหรอลูก ทำไมต้องหายไปแบบนี้ พ่อเป็นห่วงมากนะ นี่พ่อไม่กล้าเล่าให้แม่ฟังเลย กลัวแม่จะป่วยขึ้นมาอีก”
ตรีประดับชะงักถามกลับเบาๆ
“พยสเขาบอกพ่อเหรอคะ”
“เขาบอกเรางอนเขาที่เขาเมาแล้วไปนอนบ้านเพื่อน”
ตรีประดับฟังแบบนี้ก็โล่งใจ ที่พ่อไม่ได้รู้ความจริง
“ค่ะพ่อ”
ภูมิพูดปลอบใจและสอนลูก
“ตรี นึกถึงวันที่ตรีกับเขารักกัน ตรีก็รักเขาด้วยหัวใจใช่ไหมล่ะ ถ้าตอนนี้มีปัญหาเกิดขึ้น ก็ต้องใช้หัวใจพูดกัน อย่ารีบเอาเหตุผลมาตั้งเป็นกำแพง เราก็ต้องลดความเป็นตัวเองลงครึ่งนึง เผื่อพื้นที่ให้อีกคนเข้ามาอยู่ร่วมกับเราได้”
ตรีประดับได้ฟัง เริ่มน้ำตาคลอ เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“คุยกันนะลูก ถ้าตรียังไม่สบายใจยังไงก็กลับมาบ้านเรานะ แต่จำไว้อย่าใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งนะลูก”
ตรีประดับรีบกลั้นใจตอบ
“ค่ะพ่อ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตรีก็กลับบ้านแล้วค่ะ”
ตรีประดับสายตาเหม่อลอย คิดถึงการเผชิญหน้าในวันพรุ่งนี้ที่ไม่อยากให้มาถึง

ฝ่ายพยสเมาหนัก เดินโผเผเซซังกลับเข้าบ้านมา เจอพัดชารออยู่
“เธอโทร.ไปพูดอะไรกับตรี เธอทำร้ายฉันยังไม่พอใช่มั้ย พัดชา”
พัดชาตอแหลหน้าใสซื่อ “พัดตั้งใจจะช่วยคุณยส โทร.ไปอธิบายให้พี่ตรีเข้าใจอีกทีนึงนะคะ แล้วเป็นยังไงบ้างคะ พี่ตรีไม่ยอมคืนดีด้วยเลยเหรอ”
“ถ้ายอม ผมจะกลับมาคนเดียวแบบนี้เหรอ”
พัดชาแอบดีใจลึกๆ รีบเข้าไปประคองพยส
“ปล่อยผม ! ผมเดินเองได้”
พยสผลักพัดชาออก แต่เดินไปได้ 2 ก้าวก็ทรุดฮวบลง
“ให้พัดช่วยเถอะค่ะ”
พยสฮึดฮัดแต่ก็ไม่มีแรงขัดขืน ยอมให้พัดชาประคองพาขึ้นห้อง พัดชายิ้มในความอ่อนแอของพยส

พัดชายิ้มประคองพยสมาถึงเตียงนอน แล้วล้มลงไปด้วยกันบนเตียง พยสพึมพำ ร่ำร้อง โดยที่กำลังเมาจนลืมตาไม่ขึ้น
“ตรี...กลับมาหาผมเถอะ ผมขอโทษ” พยสจับมือพัดชามาระดมจูบ “ผมยังรักคุณนะตรี รักคุณคนเดียว”
พัดชาปล่อยให้พยสจูบมือไป ด้วยสีหน้าเจ็บปวดที่พยสยังนึกถึงตรีประดับอยู่
พยสพร่ำพูดเพราะความเมา แล้วเสียงเบาลงๆๆ จนผล็อยหลับไป ทั้งที่จับมือพัดชาอยู่
“พัดไม่มีค่าเลยหรือคะคุณพยส คุณถึงยังร่ำร้องหาพี่ตรี ทั้งที่พัดคือคนที่อยู่เคียงข้างคุณ”
พัดชาค่อยๆ ซบตัวลงบนอกพยส
“ผู้หญิงอย่างพี่ตรีไม่มีวันกลับมาหาคุณหรอกค่ะ ตอนนี้คุณเป็นของพัดแล้ว เป็นของพัดคนเดียว”
พัดชาเผยอตัวขึ้นจูบพยสที่หลับไม่รู้เรื่อง แล้วจับมือพยสโอบรอบคอตัวเองอย่างหลงใหล

คืนเดียวกันตรีประดับเดินเข้ามาเทศราช
“พรุ่งนี้เช้าเรากลับกรุงเทพฯ กันนะเทศ”
“ตรีพร้อมแล้วใช่มั้ย ถ้ายังไม่สบายใจตรีจะอยู่ที่นี่ก่อนก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรละค่ะ ตรีเป็นห่วงแม่ด้วย อยากกลับไปดูเขาหน่อย”
“แล้วเรื่อง..ยส”
“ส่วนเรื่องยส ตรีว่าตรีควรจะกลับไปคุยกับเขาทั้งสองคน ถ้าเขาอยากอยู่ด้วยกัน ตรีจะหย่าให้”
เทศราชตกใจ “ตรี ใจเย็นๆก่อน ผมว่า ยสมันไม่ยอมเสียตรีไปหรอก มันตัดพัดชาออกไปจากชีวิตแน่นอน มันทำพลาดครั้งนี้แล้ว มันคงไม่คิดทำพลาดเป็นครั้งที่สองแน่” เขาเดินเข้าไปหา “ตรี ไม่มีใครไม่เคยทำผิดหรอกนะ เพียงแต่ว่าตรีจะให้โอกาสเขารึเปล่า”
“ตรีก็ไม่แน่ใจหรอกค่ะ ว่าตรีจะให้อภัยเขาได้”
“ถ้าคุณรักเขามาก คุณก็คงให้อภัยเขา ผมพูดถูกมั้ย”
เทศราชมองตรีประดับไม่วางตาเหมือนคำตอบในใจของเขามีอยู่แล้วว่าตรีประดับรักพยสมาก
“เทศทำได้เหรอคะ”
“ถ้าผมรัก ผมทำได้”
ทั้งสองมองหน้ากัน เทศราชพูดด้วยแววตาจริงจัง
“ค่ะ ตรีก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นตรีจะตัดสินใจยังไง”
ตรีประดับพูดจบก็เดินหันกลับไปอย่างเศร้าๆ เทศราชเดินตามออกไปด้วยความเป็นห่วงเหลือเกิน

เช้าวันต่อมา รถตรีประดับจอดห่างจากประตูบ้านออกมา สายตามองไปยังรั้วบ้านที่ปิดเงียบ มือที่จับพวงมาลัยสั่นๆ ลังเลที่ขับรถไปจอดในบ้าน

ส่วนพัดชาตื่นลงมาเตรียมอาหารเช้าเหมือนเคย พยสแต่งตัวลงมา พอมองเห็นพัดชาก็ชะงัก
พัดชายิ้มหวานทัก “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณพยส”
พยสหลบสายตา รู้สึกละอายใจที่ตัวเองเผลอใจให้พัดชาไปอีกแล้ว แต่พัดชาทำไม่รู้ไม่ชี้ ชงกาแฟมาวาง เลื่อนจานอาหารเช้ากับผลไม้ให้ แต่พยสอึดอัดเกินทน
“ผมไม่ทานล่ะ วันนี้รีบ”
พยสเดินเลี่ยงไปหยิบกุญแจรถ จะออกจากบ้าน พัดชารีบตาม
“คุณพยสจะไปข้างนอกเหรอคะ ขอพัดไปด้วยนะคะ”
พยสหันมา แปลกใจที่พัดชาทำท่าเหมือนจะตามไป พัดชารีบทำหน้าละห้อย
“คือพัดขอติดรถไปด้วยนะค่ะ พัดต้องย้ายออกแล้วยังไงละคะ ตามที่คุณต้องการ ถ้าพี่ตรีกลับมาจะได้ไม่ต้องเห็นพัดอีก”
พยสนึกได้พยักหน้ารับเอาคำ ก่อนจะเดินนำออกไป

พยสเดินนำพาออกมาที่รถ พัดชาหิ้วกระเป๋าตามมา วางกระเป๋าลงเดินเข้ามากอดพยสจากด้านหลัง
“ขอพัดกอดคุณพยสเป็นครั้งสุดท้ายนะคะ ที่ผ่านมาถึงแม้ว่าเรื่องของเราจะเกิดในช่วงเวลาที่สั้น แต่สำหรับพัดมันมีความสุขมากนะคะ พัดจะจำคุณไม่ลืม”
พยสอ่อนลงที่พัดชาทำตัวน่าสงสารแบบนี้ แต่ต้องตัดใจ
“ถ้าคุณขาดเหลืออะไรก็บอกมาละกัน ขึ้นรถเถอะ”
พยสเดินขึ้นรถ พัดชาทำเป็นนอบน้อม ขึ้นตามไป
พยสขับรถโดยมีพัดชานั่งข้างๆออกจากบ้านไป
ตรีประดับอยู่ในรถจับตามองอยู่ เห็นพัดชานั่งหน้าเคียงคู่ไปกับพยสเต็มสองตาก็ยิ่งชอกช้ำใจ เหมือนเป็นการตอกย้ำว่าทั้งสองคนยังไม่เสียใจหรือรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปเลย

ตรีประดับมองภาพตรงหน้าน้ำตาไหลรินออกมาเป็นสาย

อ่านต่อตอนที่ 15
กำลังโหลดความคิดเห็น