ระบำไฟ ตอนที่ 13
พยสเคาะประตูห้องเรียกชิงฉัตร แต่ไม่มีเสียงตอบ เขาจึงเปิดประตูเข้ามา
“นายฉัตรไม่อยู่นี่”
พัดชาทำหน้าเฉยเมย ไม่รู้ไม่ชี้
“ถ้างั้นคุณฉัตรคงจะออกไปตั้งแต่เช้าตรู่แล้วค่ะ เพราะพัดไม่เห็นเลยทั้งวัน”
พยสพยักหน้ารับเอาคำ กวาดตามองไปรอบๆ แล้วนึกขึ้นได้จะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า
พัดชาเห็นก็ตกใจ “คุณพยสจะทำอะไรคะ”
“คุณบอกว่าไอ้ฉัตรมันซ่อนยาไว้ในห้องนี้ไม่ใช่เหรอ”
พยสจะเปิดตู้ พัดชาเข้าไปดึงมือไว้อย่างจงใจ
“ป่านนี้คุณชิงฉัตรคงเอาไปซ่อนที่อื่นแล้วล่ะค่ะ คุณยสอย่าเอาเรื่องนี้ไปถามคุณชิงฉัตรนะคะ พัดกลัวเธอจะรู้ว่าพัดเป็นคนพูด”
พัดชาทำท่าเป็นกังวล จนพยสเลิกความตั้งใจ ก้มลงมองมือพัดชาที่จับมือตนอยู่ พัดชาทำเป็นรู้ตัว รีบดึงมือออก
“คุณพยสจะอาบน้ำเลยไหมคะ พี่ตรีสั่งให้พัดเตรียมเสื้อผ้าให้”
พยสพยักหน้ารับ มองตามพัดชาที่เดินนำไป ในใจประหวัดถึงสัมผัสเมื่อครู่นี้ขึ้นมา
ฝ่ายตรีประดับเดินไปดูที่เตียง เห็นแม่หลับจึงปิดไฟหัวเตียงให้ หันมามองภูมิที่เริ่มหาว
“คุณพ่อคะ กลับบ้านดีไหมคะ เดี๋ยวตรีไปส่ง”
ภูมิเหมือนสะดุ้ง งัวเงียตื่นขึ้นมา
“เดี๋ยวตรีฝากให้พยาบาลดูแทน แล้วค่อยกลับมาเฝ้าคุณแม่”
“หนูอยู่ได้หรือลูก”
“ได้สิคะ คุณพ่อกลับไปพักผ่อนก่อน แล้วค่อยมาใหม่พรุ่งนี้นะคะ”
ภูมิพยักหน้ารับ แล้วลุกตามตรีประดับไป
ฝ่ายพยสนั่งใจลอยมองพัดชาเตรียมเสื้อผ้าให้อยู่ที่เตียงนอน จนกระทั่งตรีประดับโทร.เข้ามา เลยได้สติ
“ตรี”
พัดชาชะงัก ทำเป็นเตรียมเสื้อผ้าต่อ คอยเงี่ยหูฟัง
“คุณแม่เป็นยังไงบ้าง”
ตรีประดับโทร.มาจากโรงพยาบาล
“ปลอดภัยแล้วค่ะ แต่ต้องอยู่ดูอาการซักสองสามวัน”
“แล้วทำไมไม่บอกผมตั้งแต่กลางวัน ผมจะได้รีบไปหา”
“ยสมีประชุมนี่คะ แล้วตรีก็เห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เทศเขาจัดการให้ทุกอย่าง”
พยสหน้าตึง ไม่พอใจกรุ่นๆ “ไอ้เทศอีกแล้วเหรอ”
“เทศเป็นคนที่อยู่กับคุณแม่ตอนที่ไม่สบายพอดี เราต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำที่เป็นคนพาคุณแม่มาโรงพยาบาลทันเวลา”
พยสอ่อนลง แต่ก็ยังไม่สบอารมณ์อยู่ดีที่ได้ยินชื่อเทศราช
“แล้วตอนนี้คุณแม่อยู่โรงพยาบาลไหน ผมจะไปหา”
“ตรีกำลังจะฝากน้องพัดเก็บเสื้อผ้าพอดี ยสจะเอามาให้ก็ได้นะคะ”
พยสคุยโทรศัพท์อยู่เงียบๆ แล้วหันมายื่นโทรศัพท์ให้
“ค่ะพี่ตรี”
หูฟังตรีประดับสั่งงาน สายตาพัดชาเหลือบมองพยสที่กำลังถอดเสื้อผ้าเปลี่ยนชุดไปโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว
พยสอาบน้ำแต่งตัวเสร็จลงมาข้างล่าง เห็นพัดชาถือกระเป๋าเสื้อผ้าตรีประดับรออยู่
“ที่จริงคุณพยสพักผ่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวพัดไปเอง”
“ไม่เป็นไร ผมจะไปเยี่ยมแม่ยาย ปล่อยให้ไอ้เทศราชมันทำคะแนนเยอะไปแล้ว...”
พยสเผลอปากพูดออกมา เห็นพัดชาตีหน้าซื่อมองมา จึงได้สติ ไม่พูดอะไรต่อ รับกระเป๋ามา
“เดี๋ยวค่ะคุณพยส”
พยสหันมา พัดชาขยับเข้าไปหา
“คุณพยส ติดกระดุมผิดค่ะ”
พยสมองเสื้อตัวเอง เห็นติดกระดุมผิดแถวจริงๆ พัดชาขยับเข้าไปหา
“พัดขออนุญาตนะคะ”
พัดชาแกะกระดุมเสื้อพยสติดให้ใหม่ ลมหายใจอุ่นๆ ของพัดชาทำให้พยสหายใจแทบไม่เป็นจังหวะ
เมื่อพยสเข้ามาในห้องพัก เห็นแววนอนหลับอยู่ มีพยาบาลนั่งเฝ้าแทน
“คุณตรีประดับไปส่งคุณพ่อที่บ้านค่ะ เดี๋ยวจะกลับมา”
“ตามสบายนะครับ เดี๋ยวผมอยู่กับคุณแม่เอง”
พยาบาลเลยจะลุกออกไป แต่หมอเข้ามาเสียก่อน โดยมีพยาบาลติดตามอีกคน
“อาจารย์หมอสุธาค่ะ”
พยสหันไปเห็นหมอ งงๆ ไม่รู้จัก แต่ก็ยกมือไหว้ หมอรับไหว้
“ขอโทษทีครับที่เข้าดึกไปหน่อย คนป่วยเป็นยังไงบ้างครับ”
พยสยิ่งงง ตอบไม่ถูกเพราะไม่รู้เรื่อง
“อาการที่มาตอนแรกน่ะครับ”
หมอเห็นพยสอึกอักก็เปิดแฟ้มดู แล้วมองหาเทศราช
“แล้วนี่นายเทศไปไหน อย่าบอกนะว่าเอาแม่แฟนมาทิ้งไว้แล้วก็หนีกลับบ้านไปเลย” หมอส่ายหน้า “ใช้ไม่ได้จริงๆ”
พยสได้ยินหมอเข้าใจผิดว่าเทศราชเป็นลูกเขยก็ยิ่งโมโห กำลังจะปรี๊ด แต่ตรีประดับผลักประตูเข้ามาพอดี
“คุณหมอ”
ตรีประดับยิ้มทักพยสแว่บหนึ่งแล้วรีบเข้าไปคุยกับหมออยู่ข้างเตียง พยสได้แต่ถอยออกมาฟัง เพราะไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น ในที่สุดก็ทนไม่ไหว เดินออกไปสงบสติอารมณ์ข้างนอก
พยสออกมายืนสงบสติอารมณ์ ตรีประดับตามออกมาหลังจากหมอออกไปแล้ว
“ไอ้เทศมันคงไปบอกใครต่อใครสินะว่าตัวเองเป็นลูกเขย”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ พอดีคุณหมอแกสนิทกับครอบครัวเทศ ก็เลยเข้าใจไปแบบนั้น”
“ฮึ นี่มันเจ้ากี้เจ้าการหาหมอประจำตระกูลมาตรวจให้คุณแม่เลยเหรอ มันต้องการอะไร”
ตรีประดับพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เทศคงไม่ได้ต้องการอะไรหรอกค่ะ นอกจากให้คุณแม่ปลอดภัย”
พยสเห็นสีหน้าซีเรียสของมัยก็นิ่งงันไป นึกละอายใจที่ตัวเองมัวแต่คิดตั้งแง่ จนลืมเรื่องสำคัญที่สุด
“ตรีหิวหรือเปล่า เดี๋ยวผมไปหาอะไรให้ทาน”
“ไม่หรอกค่ะ ยศกลับบ้านเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้าไม่ใช่เหรอ”
พยสนิ่งคิด “ผมว่าจะขอค้างที่นี่ด้วย จะได้ดูอาการคุณแม่”
ตรีประดับหัวเราะขำ “ค้างได้ยังไงคะ เสื้อผ้าก็ไม่ได้เอามา”
“ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับไปอาบน้ำ เดี๋ยวผมนอนพื้นเอง ตรีนอนที่โซฟานะ”
ตรีประดับงงที่พยสดูจริงจังมาก พยสจับมือตรีประดับ แล้วพูดกลบเกลื่อน
“ผมอยากอยู่เป็นเพื่อนตรี ผมรู้นะว่าตอนนี้ตรีก็กำลังทุกข์เหมือนกัน แล้วจะให้ผมกลับบ้านไปนอนไม่รู้ไม่ชี้ได้ยังไง”
ตรีประดับยิ้มซาบซึ้งใจ
“ตรีโอเคค่ะ ตอนนี้คุณแม่ถึงมือหมอแล้ว ไม่น่ามีอะไรน่าเป็นห่วง ยสกลับบ้านเถอะนะคะ เชื่อตรีนะ ตรีฝากน้องพัดไว้แล้วว่าให้ช่วยดูแลยสกับนายฉัตรด้วย ไม่ต้องห่วงตรีนะคะ”
พยสจนมุม ไม่รู้จะอ้างอะไรอีก แต่ได้ยิ้มเฝื่อนๆ เพราะไม่อยากกลับบ้าน
พยสขับรถกลับบ้านหน้าเครียด นึกถึงคำพูดของตรีประดับที่ฝากไว้
“ยสกลับบ้านเถอะนะคะ ตรีฝากน้องพัดไว้แล้วว่าให้ช่วยดูแลยสกับนายฉัตรด้วย ไม่ต้องห่วงตรีนะคะ”
พยสเครียดกว่าเดิม ยิ่งเมื่อนึกถึงความใกล้ชิดกับพัดชา เห็นพัดชาใส่ชุดว่ายน้ำเต็มตา ตอนเมาพัดชาประคองพยสล้างหน้า พัดชาติดกระดุมให้พยส โดยเฉพาะตอนพยสดึงพัดชามาจูบ
พยสใจคอไม่ดี กลัวห้ามใจตัวเองไม่ได้ หยิบโทรศัพท์มากดหาชินานาง แต่ดันเป็นเสียงรับฝากข้อความ
“ฮัลโหล นี่นางเองค่า ตอนนี้นางไม่สะดวกรับสาย ยังไงฝากข้อความไว้นะค๊ะ จุ๊บๆ”
พยสเซ็ง ว้าวุ่น กระวนกระวาย ไล่เบอร์โทรศัพท์ดูเรื่อยเปื่อย คิดว่าจะไปหาที่ฆ่าเวลาที่ไหนดี ยังไม่อยากกลับบ้าน จนกระทั่งไปหยุดที่เบอร์ใครคนหนึ่ง เลยตัดสินใจกดโทร.หา
“พี่โต อยู่บ้านปะครับ”
ทางด้านเทศราชกลับมาที่โรงพยาบาล ค่อยๆ เปิดประตูเข้าห้องพักแวว เห็นตรีประดับนั่งเฝ้าแม่จนฟุบหลับก็หยุดมองอมยิ้ม เดินย่องเอาถุงโจ๊กไปวาง แวะมาดูแววช่วยดึงผ้าห่มให้ แล้วหันไปหยิบหมอนจะเอามาให้ตรีประดับหนุนสบายๆ
ตรีประดับรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เมื่อเทศราชเข้ามาประคองให้เงยขึ้นพอดี
“อ้าว เทศ”
เทศราชนึกแล้วว่าตรีต้องเผลอหลับแน่ๆ เหนื่อยมาทั้งวันแล้วนี่ เราก็เลยแวะมาดู
“น่าจะมาเร็วกว่านี้ จะได้เจอคุณหมอ”
“เราโทรศัพท์ไปคุยแล้ว ไม่มีอะไรต้องห่วงนะตรี อีกไม่กี่วันคุณแม่คงกลับบ้านได้ ทานโจ๊กกันดีกว่า”
ทศราชลุกไปเตรียมโจ๊กใส่ชาม ตรีประดับไปช่วย กระหนุงกระหนิงกัน
พยสเดินดูรูปถ่ายที่ประดับอยู่ตามผนังบ้าน ใส่กรอบสวยตั้งบนตู้โชว์ เห็นรูปถ่ายโตกับอังคณาและลูก ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส รูปในงานแต่งงาน บ่าวสาวหน้าตาสดชื่นมี่ความสุข รูปต่อๆ มาเห็นรูปฮันนีมูนที่ต่างๆ โตกับเมียถ่ายรูปกันแอ็คชั่นเก๋ๆ แต่งตัวสวยหล่อ ทุกรูปอังคณาผู้เป็นเมียดูออกว่าเป็นสาวเปรี้ยว แต่งตัวเก่งมีภาพแนวๆ ถ่ายแบบนิตยสาร ยังมีรูปเดี่ยวโตใส่ชุดทนายความ
พยสดูไปพูดถามโดยไม่หันมามอง “บ้านเงียบจังเลยนะครับพี่”
เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ พยสจึงหันกลับมามอง เห็นโตในสภาพเมาแอ่น ทรุดโทรม หนวดเคราไม่โกน ผมมีสีขาวแซมนิดๆ เสื้อผ้ายับยู่ยี่สีหน้าหม่นหมอง โตพูดพลางรินเหล้า
“หลานส่งให้น้ามันเอาไปเลี้ยง น้องสาวพี่มันชอบเด็ก”
“อ้าว แล้วเมียพี่ไม่คิดถึงลูกแย่หรือ”
โตแค่นหัวเราะ “นี่แกไม่รู้เหรอวะยส นังอังคณามันไปแล้ว”
พยสยังไม่เข้าใจ “ไปไหนครับ”
“ก็ไปกับชู้มันน่ะสิ พี่โง่เองที่หลงเชี่อที่มันบอกว่าจะถ่ายแบบเป็นงานสุดท้าย” โตนิ่งคิด แล้วหัวเราะขมขื่นออกมา “แต่ที่จริงมันก็พูดไม่ผิดหรอก มันเป็นงานสุดท้ายจริงๆ ก่อนที่นังแพศยานั่นจะหนีไปกับชู้”
โตหัวร่องอหายให้กับความทุกข์ของตัวเองราวกับเป็นเรื่องตลก แต่พยสยิ่งหดหู่ใจ
“พี่โต ผมไม่รู้เรื่องเลย ผมขอโทษ”
“ขอโทษทำไมวะ ไม่ใช่ความผิดของแก ถ้าจะมีใครผิดก็นี่” เขาชี้ตัวเอง “ไอ้หน้าโง่คนนี้ แกจำได้ไหม ที่พี่เคยภาคภูมิใจว่าได้เมียสวยเด่นกว่าใคร พาไปออกงานไหนๆ ก็มีแต่คนอิจฉา เฮอะ แล้วตอนนี้เป็นยังไง สุดท้ายมันก็ไปกับไอ้คนที่อิจฉาพี่”
โตหัวเราะอย่างเป็นบ้าเป็นหลังแล้วกรอกเหล้าเข้าปากเพื่อระงับความทุกข์ พยสมองสงสาร พยายามเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วตอนนี้เรื่องงานพี่เป็นยังไงบ้าง มีอะไรให้ผมช่วยไหม”
โตส่ายหน้า “ช่วงนี้พี่ไม่รับว่าความให้ใคร ไม่มีกะจิตกะใจว่ะ อยากจะกินเหล้าอย่างเดียวให้มันลืมความทุกข์ แกโชคดีนะไอ้ยส ที่เลือกเมียถูก ไม่ได้คว้าผู้หญิงกากีมาเป็นเมียเหมือนพี่ รักษาเอาไว้ให้นานๆ นะโว้ย”
โตทุบอกตัวเองอย่างช้ำใจ แล้วรินเหล้าให้พยสอีก
“เอ้า ชนๆ ฉลองให้ชีวิตเฮงซวยของพี่หน่อย”
โตดื่มเหล้าแล้วลงนอนแผ่หลา พยสจิบเหล้าตามแล้วมองทนายรุ่นพี่กลุ้มๆ
ผ่านไปอีกหน่อย โตกินเหล้าเมาฟุบหลับ ขณะที่พยสก็เริ่มกึ่มเต็มที
“พี่โต ผมต้องไปแล้วนะ”
โตเงยหน้าขึ้นมามองพยส ไขว่คว้ามือ
“เฮ้ย กินด้วยกันก่อนสิวะจะรีบไปไหน”
“พอแล้วพี่ พี่โตก็เหมือนกัน เลิกกินแล้วเข้าไปนอนซะ”
“เดี๋ยวก่อนสิวะไอ้ยส ไอ้ยส ทิ้งกูไปกันหมดเลยโว้ย ไอ้พวกใจดำ”
โตร้องเอะอะโวยวายแล้วฟุบหลับต่อ พยสมองแล้วส่ายหน้า
พยสโซเซออกมาขึ้นรถ พยายามตั้งสติก่อนจะออกรถ แต่จู่ๆ ก็นึกถึงคำพูดโตขึ้นมา
“แกโชคดีนะไอ้ยส ที่เลือกเมียถูก ไม่ได้คว้าผู้หญิงกากีมาเป็นเมียเหมือนพี่ รักษาเอาไว้ให้นานๆ นะโว้ย”
พยสนึกถึงตรีประดับขึ้นมา ตัดสินใจสตาร์ทเครื่องแล้วขับออกไปโรงพยาบาลอีกครั้ง
ทางฝ่ายเทศราชเปิดแลปทอปของตัวเอง เอาฮาร์ดไดรว์มาเสียบ มีตรีประดับนั่งดู
“เราบอกอาพยางค์ว่าช่วงนี้ตรียุ่งคง ไม่มีเวลาแวะมาตรวจรูปเล่ม อาพยางค์ก็เลยให้เซฟไฟล์มาให้ตรีดูที่นี่เลย ตรีค่อยๆ ดูไป อยากปรับแก้อะไรตรงไหนก็บอก เราจะเอากลับไปบอกที่สำนักพิมพ์”
“ขอบใจมากนะ”
“ค่อยๆ ดูไปนะ เดี๋ยวเรานอนเล่นรอ”
เทศราชเดินไปทิ้งตัวนอนเล่นที่โซฟา ปล่อยให้ตรีประดับนั่งดูหน้าจอไป
พยสเดินมาที่หน้าห้องกำลังจะบิดเปิดประตูเข้าไป แต่พอมองผ่านกระจกเข้าไปเห็นเทศราชนอนกอดหมอนอยู่ที่โซฟา ขณะที่ตรีประดับเล่นคอมก็ชะงักกึก
ตรีประดับหันไปพูดอะไรบางอย่างกับเทศราช ทั้งสองยิ้มหัวให้กัน ดูแฮปปี้มีความสุขมาก พยสขบกรามแน่นความหึงความหวงแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ มือกำลูกบิดประตูแน่น แต่สุดท้ายไม่เปิดเข้าไป
เวลานั้นพัดชานั่งดูทีวีรอพยสกลับมาบ้านอย่างใจเย็น เสียงฟ้าร้องฝนตกหนักดังอยู่ด้านนอก จนต้องปิดทีวี แล้วออกไปเดินกระวนกระวายรอพยส พัดชาทำท่าจะหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาพยส เห็นมือพัดชาจ่อที่เบอร์พยส แต่แล้วก็เปลี่ยนใจไม่กล้าโทร แล้วนั่งลงกระวนกระวายต่อ
พัดชานั่งได้แป๊บเดียวก็ได้ยินเสียงโครมครามดังมาจากหน้าบ้าน รีบลุกขึ้นมองออกไปอย่างตกใจ
พัดชารีบร้อนออกมาดู เห็นรถพยสจอดอยู่ชนเข้ากับกระถางต้นไม้หน้าบ้าน ล้มระเนระนาด
“คุณพยส”
พัดชาเป็นห่วงมาก รีบวิ่งฝ่าสายฝนออกไปเปิดประตูที่นั่งพยส
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
พยสเมาหนักกว่าเดิม คอพับคออ่อนไม่รู้เรื่อง
“คุณพยส ไหวไหมคะ เดี๋ยวพัดช่วย”
พัดชาค่อยๆ ประคองพยสออกจากรถ แล้วพาเข้าบ้านอย่างทุลักทุเล
พัดชาประคองพยสเปิดประตูเข้ามา แล้วพามานั่งที่โซฟา
“ที่นี่ที่ไหน ผมมาได้ยังไง” พยสเมาไม่ได้สติ
พัดชาก้มลงถอดถุงเท้าให้ พลางปลอบ
“คุณพยสกลับถึงบ้านแล้วไงคะ”
“บ้านเหรอ ? ถ้างั้นตรีไปไหน ทำไมตรีไม่มาดูแลผม ตรี” พยสร้องคร่ำครวญหาเมียรัก “ตรี...ตรีไปอยู่กับไอ้เทศใช่ไหม ทำไมตรีต้องไปอยู่กับมันด้วย”
พยสเริ่มเอะอะโวยวาย พัดชารีบลุกขึ้นมาหา
“คุณพยสขึ้นไปพักผ่อนดีกว่านะคะ”
พยสปล่อยให้พัดชาประคองลุกขึ้นอีกครั้ง
พัดชาประคองพยสเข้ามาในห้อง พอถึงเตียง พยสก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่คร่ำครวญหาตรีประดับอีก
“ตรี...ตรีอยู่ไหน”
พัดชายืนมองพยสที่กระสับกระส่าย แล้วหันไปเปิดตู้หยิบผ้าเช็ดตัวออกมา
“คุณพยสเช็ดตัวนะคะ จะได้สบายตัวขึ้น”
พัดชานั่งลงข้างๆ เตียง ใช้ผ้าค่อยๆ เช็ดหน้าให้พยสอย่างแผ่วเบา
“ตรีไปไหน ทำไมไม่มาดูแลผม ตรี”
พัดชาไม่ตอบ เช็ดหน้าให้พยสแล้วไล่ลงมาที่คอ ค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อพยสออก พัดชาแกะกระดุมจนหมด ก็ถอดเสื้อพยสออก แล้วเช็ดตัวให้ ไล่มาที่มือ พยสรำคาญเล็กน้อย สะบัดมือหนี จนพลาดไปโดนหน้าพัดชาเบาๆ
“โอ๊ย”
พยสได้ยินเสียงร้อง เลยหรี่ตาขึ้นมอง เห็นพัดชาเอามือจับหน้าตัวเอง
“พัดแค่...จะเช็ดตัวให้คุณน่ะค่ะ จะได้สบายตัวขึ้น”
พยสเหมือนสร่างเมาขึ้นมา ปล่อยให้พัดชาเช็ดตัวให้ แต่ก็มองพัดชาไม่วางตา
“คุณทำอย่างนี้ทำไม”
พัดชาชะงักมองพยส แล้วทำเป็นหลบตา
“พี่ตรีสั่งให้พัดดูแลคุณนี่คะ”
พยสได้ยินประโยคนั้นก็เหมือนจี๊ดขึ้นมา เพราะในขณะที่ตรีประดับอยู่กับชายอื่น ดันสั่งให้พัดชามาดูแลผัว
พยสมองมือพัดชาที่เช็ดตัวให้ แล้วเริ่มเกิดอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมา สายตาเย้ายวนของพัดชาหลายๆ ภาพกระแทกเข้ามาเร็วๆ พยสอดใจไม่ไหว จับข้อมือของพัดชาไว้หมับ
พัดชาชะงักมองแปลกใจ แต่ก็ไม่ขัดขืน มองตอบพยสแบบไม่หวั่นกลัว พยสค่อยๆ ดึงข้อมือพัดชาเข้ามาใกล้ตัว เป็นเหตุให้พัดชาค่อยๆ โน้มตัวลงมาใกล้
ทั้งสองสบตากัน เห็นความเร่าร้อนอยู่ในสายตาของกันและกัน ความรู้สึกของพยสตอนนี้ลืมผิดชอบชั่วดี เพราะยังเจ็บปวดกับภาพตรีประดับและเทศราชไม่หาย พยสนั้นเข้าใจผิดคิดไปเองว่าตรีประดับไล่ตนกลับบ้าน เพื่อเทศราชจะได้มาหาตอนดึกๆ ในขณะที่พัดชาก็พร้อมรับสิ่งที่เกิดขึ้น
ใบหน้าของทั้งสองคนเคลื่อนมาใกล้ชิดกันเรื่อยๆ มืออีกข้างของพยสค่อยๆ รั้งตัวพัดชาให้เข้ามา
พยสเคลื่อนริมฝีปากแตะกับปากพัดชา ทั้งสองเกิดความรู้สึกประหลาดเหมือนตอนที่ได้สัมผัสกันและกันในคืนนั้นขึ้นอีกครั้ง ใจของทั้งคู่ยิ่งเตลิดเหมือนสัตว์ที่ได้หลุดออกจากกรง พ้นจากพันธนาการใดๆ เมื่อได้เริ่มต้นก็ยิ่งต้องการอีกไม่มีที่สิ้นสุด ณ ขณะนั้น พยสลืมศรีภริยา ลืมความรักความศรัทธาที่ตรีประดับเคยมีให้จนหมดสิ้น
เปลวไฟแห่งกามราคะโหมไหม้เผาใจสองดวงอยู่ที่ชั้นบน ระหว่างนี้ชิงฉัตรไขกุญแจเข้าบ้านมา พบว่าบ้านทั้งหลังเงียบสงัด เด็กหนุ่มพยายามเดินให้เบาที่สุด ย่องขึ้นบันไดมาถึงหน้าห้องนอน หยุดมองไปทางห้องนอนผู้เป็นอา ลังเลว่าจะเคาะดีไหม คำพูดอันเดือดดาลของพยสดังก้องในหู
“แกเตรียมตัวได้เลย เวลาของแกในบ้านนี้หมดแล้ว ฉันจะส่งแกไปอยู่โรงเรียนประจำ”
ตามมาด้วยคำพูดตรีประดับ
“อาของเธอพูดถูก เธอไม่เหมาะที่จะอยู่บ้านหลังนี้จริงๆ”
ชิงฉัตรสลดหดหู่ใจ เปลี่ยนใจไม่เคาะเรียก ค่อยๆ เปิดประตูเดินเข้าห้องทำงานตรีประดับไป
ชิงฉัตรตรงที่ไปโต๊ะทำงานตรีประดับ หยิบจดหมายที่เขียนไว้ออกมาวางไว้บนโต๊ะทำงาน
“ผมขอโทษที่เคยทำให้อาตรีลำบากใจ ขอให้อาตรีโชคดีนะครับ”
หนุ่มน้อยเด็กช่างกวาดตามองรอบๆ ห้องอย่างอาลัยอาวรณ์ เหมือนจะเก็บภาพนี้ไว้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะตัดใจย่องออกจากห้องไป
ทางด้านตรีประดับเดินมาส่งเทศราชที่หน้าตึกผู้ป่วย
“ขอบคุณมากนะเทศ เสียเวลาหลายชั่วโมงเลย”
“ไม่เป็นไร ถือว่าทำงานนอกเวลา เดี๋ยวเราไปบีบคอเอาโอทีจากอาพยางค์ทีหลัง”
“ขับรถดีๆ นะเทศ ถึงแล้วก็โทร.มาด้วย”
“จ้า”
เทศราชโบกมือบ๊ายบายแล้วขึ้นรถขับออกไป ตรีประดับมองส่งจนลับตา แล้วนึกถึงพยสขึ้นมา จึงกดโทร.ไปหาว่านอนหรือยัง
ที่พื้นปลายเตียงเสื้อผ้าพยสกองหมกอยู่ตรงนั้น โทรศัพท์ของเขาตกอยู่แถวนั้นด้วย หน้าจอเป็นชื่อตรีประดับโทร.เข้า แต่ไม่มีเสียงดัง โคมไฟในห้องเปิดอยู่เป็นแสงสีส้มดูร้อนแรง
ตรีประดับกลับขึ้นมาเฝ้าแม่บนห้องพักฟื้น ส่งข้อความไปหาพยส
“พักผ่อนเยอะๆ นะคะยส พรุ่งนี้จะได้สดชื่น ตรีเป็นห่วงนะคะ”
ตรีประดับปิดเครื่อง แล้วลุกไปดูแววที่นอนหลับอยู่ โดยไม่ได้สำเหนียกสักน้อยว่าอีกด้านหนึ่งพยสกำลังทำอะไรอยู่
เช้าแล้ว ตรีประดับยังนอนอยู่ที่โซฟาในห้อง แต่รู้สึกตัวตื่นขึ้นเมื่อภูมิเข้ามา
“คุณพ่อ มาแต่เช้าเลยนะคะ”
“พ่อจะมาเปลี่ยนหนูนั่นแหละ กลับบ้านเถอะลูก เดี๋ยวพ่อดูแม่เอง เมื่อกี้พ่อเพิ่งคุยกับหมอ หมอบอกจะเข้ามาตรวจอีกทีแล้วแม่ก็คงกลับบ้านได้”
ตรีประดับยิ้มดีใจ
“หนูวุ่นเรื่องแม่มาวันนึงเต็มๆ แล้ว กลับไปทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยเถอะลูก ไปดูแลพยสเขา เดี๋ยวเขาจะน้อยใจเอา พ่อจะทำหน้าที่สามีของพ่อ หนูก็กลับไปทำหน้าที่ภรรยาซะไป๊”
ตรีประดับยอมกับเหตุผลของภูมิ ยิ้มน้อยๆ ให้
“ค่ะ พ่อ”
ภูมิพยักหน้าให้ แล้วเข้าไปดูแววที่ยังหลับอยู่
ตรีประดับขับรถกลับบ้านอย่างมีความสุข แวะซื้อของกิน ปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ ฝากพยส และดอกไม้ใส่แจกัน เห็นชัดว่าตรีประดับตั้งใจจะเอาใจพยสมากๆ ในวันนี้
เมื่อขับรถมาจอดหน้าบ้าน ตรีประดับเห็นรถพยสจอดคาอยู่ตั้งแต่เมื่อคืน ยังเห็นกระถางต้นไม้ล้มกลิ้งก็แปลกใจนิดหน่อย แต่ก็หยิบของลงจากรถเข้าบ้าน
เดินเข้ามาในครัว วางของลง แปลกใจไม่หายที่บ้านดูเงียบวังเวงจนเยียบเย็น
“น้องพัดจ๊ะ เตรียมมื้อเช้าหรือยัง พี่ซื้อของมาเต็มเลย”
ไม่มีเสียงตอบจากพัดชา ตรีประดับยิ่งแปลกใจ เดินไปดูในครัว ก็เห็นแต่ความว่างเปล่าอีก กระติกไฟฟ้าก็ยังไม่ได้เสียบปลั๊ก อุปกรณ์ต่างๆ สำหรับเตรียมอาหารเช้ายังอยู่ที่เดิมไม่มีการขยับเขยื้อน
ตรีประดับเหลือบมองนาฬิกา เห็นว่าสายแล้ว เริ่มเป็นห่วง
“ปกติน้องพัดไม่ตื่นสายขนาดนี้นี่”
ตรีประดับเดินไปที่ห้องพัดชา เคาะประตูเรียกอย่างไม่สบายใจ
“น้องพัด นี่พี่ตรีนะจ๊ะ น้องพัดไม่สบายหรือเปล่า พี่เข้าไปนะ”
ตรีประดับเปิดประตูเข้าไป แต่ไม่เห็นพัดชา แถมที่นอนยังเก็บเรียบร้อยเหมือนไม่มีคนนอน ตรีประดับงง คิดว่าพัดชาไม่อยู่บ้าน เลยกดโทรศัพท์ไปหา
โทรศัพท์มือถือพัดชาตกอยู่ในบนพื้นห้องนอนข้างกองเสื้อผ้าของหล่อน มันดังสั่นขึ้นติดๆ กันหลายครั้ง เห็นชื่อ “พี่ตรี” โทร.มา
ตรีประดับรอสายอยู่ เดินไปเดินมา แล้วนึกถึงพยสเลยขึ้นบันไดมา
โทรศัพท์ที่พื้นยังคงสั่นต่อเนื่อง พัดชางัวเงียตื่นขึ้นมากระชับผ้าคลุมร่างเปลือยเปล่า ยิ้มให้พยสที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่ข้างๆ
ส่วนตรีประดับรอสายนาน แต่เหมือนได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังมาจากห้องนอนพยส
ฝ่ายพัดชายื่นแขนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นเป็นเบอร์ตรีประดับโทร.มา ตกใจกลัวไม่กล้ารับสาย
ตรีประดับเลี้ยวมาหยุดหน้าห้องนอนใหญ่ของตนและพยส
บนเตียงภายในห้อง พัดชานั่งถือโทรศัพท์มือไม้สั่น เสียงโทรศัพท์สั่นติดๆ กันทำให้พยสตื่นตาม
ตรีประดับ เอื้อมมือจับลูกบิดเปิดประตู เดินเข้ามาในนั้นช้าๆ ไม่ได้ร้อนรนใจใดๆ
แต่แล้วเมื่อมองไปยังเตียงนอนภาพตรงหน้าปรากฏแก่สายตาชัดๆ ทำให้ตรีประดับตะลึงตะไล เมื่อเห็นพัดชานอนพิงเตียงมือกำโทรศัพท์อยู่ มืออีกข้างกระชับผ้าห่มห่อตัวไว้ แววตาตื่นกลัว
ตรีประดับมองเลยไปยิ่งตกตะลึง เมื่อเห็นพยสกึ่งนั่งกึ่งนอนในสภาพเปลือยอกอยู่ด้วย
พยสมองเห็นตรีประดับ ช็อกสุดๆ “ตรี”
ตรีประดับมองพยสและหันมาทางพัดชาจดสายตามองจ้อง พัดชารู้สึกผิด ก้มหน้าหลบตาวูบ
ตรีประดับตะลึงตะไล คล้ายโลกถล่มลงตรงหน้า ได้แต่ค่อยๆ ถดตัวถอยหนีเหมือนไม่ยอมรับความจริง
“พี่ตรี”
ตรีประดับมองทั้งคู่เหมือนคนแปลกหน้า รับไม่ได้ ถอยออกไปจากห้องแล้วปิดประตูลง
พยสได้สติ รีบกระโจนลงจากเตียง คว้าเสื้อผ้ามาสวมตะโกนร้องเรียก
“ตรี”
ตรีประดับเดินตัวสั่นเทาลงมา ยังช็อกไม่หาย และไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นคือเรื่องจริงหรือความฝัน แต่รู้สึกว่าต้องไปให้พ้นๆ จากบ้านนี้เร็วที่สุด
พยสแต่งตัวรีบๆ วิ่งตามลงมาด้วยความร้อนใจ
“ตรี หยุดก่อน”
ตรีประดับเดินไม่ฟังเสียงออกมาหน้าบ้าน โดยมีพยสวิ่งตามออกมา พัดชาหอบร่างรัญจวนใจนั้นตามมาทำร้ายสายตาตรีประดับซ้ำอีก
“พี่ตรีคะ ฟังพัดอธิบายก่อนค่ะ”
ตรีประดับหยุดชะงัก หันมา เห็นพัดชายังอยู่ในสภาพเดิมคือยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า มีแค่ผ้าห่มพันร่างอยู่ก็ยิ่งเจ็บปวดรับไม่ได้ รีบเปิดประตูขึ้นรถ
“ตรี เดี๋ยวก่อนครับ”
พยสถลันไปคว้าประตู แต่ตรีประดับรีบล็อกรถแล้วติดเครื่องรีบถอยรถออกจากบ้าน แล้วแล่นฉิวออกไปรวดเร็วราวกับจะบิน
พยสเครียดจัด หันไปเห็นพัดชายังคงก้มหน้าหลบตาอย่างรู้สึกผิดเต็มที่ รีบผลุนผลันเข้าบ้านไป
พัดชาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ยิ้มในสีหน้าเหมือนมีความหวังในพยส
ตรีประดับชับรถเร็วไปตามถนน เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว ความรู้สึกต่างๆ หลั่งไหลออกมาเป็นน้ำตาแห่งความเสียใจ
ในสภาพน้ำตานองหน้า ตรีประดับสะอื้นไห้ออกมา และกลายเป็นร้องไห้ หนักขึ้นๆ เรื่อยๆ คำพูดเก่าๆ ที่ใครเคยเตือนย้อนกลับมาเข้าหู
เริ่มจากบุพชาพูดเตือนตรีประดับอย่างไม่ไว้หน้าเป็นคนแรก
“พี่ไม่ได้ดูถูก แต่จะบอกว่าดูไม่ผิดแน่ๆ คุณตรีนะ สวยก็สวย แต่ก็ทำตัวซื่อจนเหมือนโง่ เมียปกติดีๆที่ไหนจะเอาผู้หญิงสวยมาไว้ใกล้ผัว แมวกับปลาย่าง จู่ๆชักศึกเข้าบ้าน จะหาว่าไม่เตือน”
ชิงฉัตรเองก็เตือนตรีประดับกลายๆ เรื่องพัดชา
“ผมรู้ว่าอายังรักกันดี แต่รักไม่พอ ชีวิตคู่ มันไม่ต้องคนการคนที่ 3 อาอย่าไว้ใจผู้หญิงคนนั้น”
แม้แต่เทศราชก็เคยเตือนตรีประดับ
“เราอยากรู้เรื่องของพัดชาก็เพราะเป็นห่วงตรีนั่นแหละ เราว่าภายใต้ภาพลักษณ์เด็กสาวสดใสของพัดชา มันมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่”
ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บปวดใจ เพราะตัวเองมองโลกในแง่ดีจนไม่เคยเชื่อคำพูดเหล่านี้เลย
ตรีประดับน้ำตาเต็มตา จนขับรถต่อไปไม่ไหว ในที่สุดก็หักเลี้ยวจอดลงข้างถนนสายเปลี่ยว ฟุบหน้าร้องไห้อยู่กับพวงมาลัยนั่นเอง
ขณะเดียวกัน พยางค์ยืนสวดลูกน้องที่นั่งกันหน้าจ๋อยอยู่ในห้องประชุมออฟฟิศ
“พวกแกนี่ทำงานกันไม่ได้เรื่อง ดูซิ ลูกค้าส่งเมลมาคอมเพลนเรื่องคำผิดกับจัดอาร์ตเวิร์กอ่านยากจนจะกองท่วมหัวอยู่แล้วเนี่ย” พยางค์โบกปึกอีเมลให้ลูกน้องดู
“ก็งานมันเร่งนี่ครับเฮีย” หนึ่งในนั้นว่า
พยางค์ของขึ้น “เฮ้ย แล้วมันเป็นความผิดใครวะที่กองงานเป็นดินพอกหางหมู พอจะปิดเล่มต้องมาตาลีตาเลือกเปิดออฟฟิศทำงานทั้งวันทั้งคืน ฉันจ้างพวกแกเป็นรายเดือนนะโว้ย ไม่ได้จ้างแค่สามวันก่อนจะเอางาน ไปแก้ไขซะ ไม่งั้นฉันจะไล่ออกให้หมด”
พวกพนักงานจ๋อยสนิท เดินคอตกออกไปตามระเบียบจนหมด เหลือแค่เทศราชนั่งอยู่
“อาจะรับคนเพิ่มไหมล่ะครับ ผมจะได้ช่วยหา”
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น แต่ไม่ต้องหาหรอก ฉันมีในใจเอาไว้แล้ว” พยางทำหน้าเจ้าเล่ห์
เทศราชมองฉงน “ใครครับ”
พยางค์ยิ้มพราย มองหน้าเทศราชอย่างมีเลศนัย
“ก็หนูพัดชา ผู้ช่วยของหนูตรีประดับไง ท่าทางหน่วยก้านดี ฉันอยากได้”
เทศราชดักคอ “อยากได้...มาเป็นลูกน้องหรืออย่างอื่น”
พยางค์ลูกน้องสิวะ ตำแหน่งอื่นถ้าน้องมันสนใจเดี๋ยวค่อยเลื่อนทีหลังโว้ย แกไปจีบให้หน่อยแล้วกัน เอามาทำงานให้ได้ เดี๋ยวฉันมีโบนัสให้พิเศษ
พยางค์ยิ้มกริ่ม เทศราชเซ็ง รู้ว่าอาวางแผนคั่วพัดชา เทศราชหยิบโทรศัพท์หาตรีประดับแต่ปิดเครื่องเทศราชเริ่มป็นห่วง จึงส่งข้อความไป
เวลาเดียวกันนั้นตรีประดับนั่งเหม่อลอยอยู่ในโบสถ์ คราบน้ำตายังคงไม่เหือดหายไป ตรีประดับมองไปยังแท่นพิธี แล้วเห็นภาพเก่าๆ แจ่มชัดขึ้น
ในงานแต่งงาน ตรีประดับและพยสยืนอยู่ต่อหน้าบาทหลวง
“ขอให้เราร่วมเป็นสักขีพยานแก่ชายหญิงคู่นี้ในพิธีมงคลสมรสอันบริสุทธิ์... ขอให้เราร่วมเป็นสักขีพยานแก่ชายหญิงคู่นี้ในพิธีมงคลสมรสอันบริสุทธิ์...”
ตรีประดับดูวิดีโอพรีเซนต์ที่เทศราชทำให้ เป็นรูปตัวเองกับพยสที่ญี่ปุ่นด้วยความซาบซึ้งใจ
เทศราชจับมือพยสและวางมือตรีประดับลงไป
“ฉันขอให้นายรักและให้เกียรติตรีประดับ มั่นคงต่อกันและกันตลอดไป ยินดีด้วยเพื่อน”
“ฉันจะทำให้นายเห็นว่าความรักของฉันที่มีให้ตรี จะไม่มีวันจืดจางไป ไม่มีวันที่ฉันจะทำให้ตรีเสียใจ....ขอบใจ เทศราช”
ตรีประดับนึกถึงภาพนั้นแล้วสะเทือนใจจนน้ำตาก็ร่วงพรู เพราะพยสกลับทำสิ่งที่รับปากไว้ไม่ได้
นักแปลสาวชื่อดังเอนซบกับพนักเก้าอี้ ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาด้วยความเดียวดาย จนมีเสียงข้อความดังขึ้น ตรีประดับหยิบออกมาดู พบว่าเทศราชโทร.มาหาประมาณ 10 ครั้ง แต่ไม่ได้รับ เขาเลยส่งข้อความมาหา
“ตรี ตอนนี้อยู่ที่ไหน มีอะไรหรือเปล่า เราโทร.ไปที่บ้านก็ไม่มีคนรับสาย”
ตรีประดับมองข้อความจากเทศราช น้ำตาไหลรินเป็นสาย
เทศราชยังนั่งนึกเป็นห่วงตรีประดับอยู่ พอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรอีก ตรีประดับก็โทร.เข้ามาพอดี
“ตรี”
เทศราชเงี่ยหูฟังปลายสาย ตกใจมากเมื่อรู้ว่าตรีประดับร้องไห้ เขาลุกพรวด รีบร้อนเก็บข้าวของออกไปทันควัน
“อ้าวไอ้เทศ จะไปไหน เรื่องที่ฉันสั่งไว้โอเคหรือยัง”
“เดี๋ยวผมมาจัดการให้ครับอา แต่วันนี้ขอลางานนะครับ”
เทศราชยกมือไหว้บอกอใหญ่แล้วรีบออกไป พยางค์ส่ายหัวเซ็ง
ทางด้านพยสนั่งหดหู่คอตกอยู่ที่เตียง พัดชาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามาในห้อง
“คุณพยสคะ”
พยสนั่งนิ่งไม่ไหวติง พัดชาเคลื่อนเข้าไปหาแล้วตัดสินใจนั่งลงเคียงข้าง
“ผมไม่น่าเลย...ไม่น่าเลย”
พัดชาเสียใจที่พยสทำเหมือนละอายใจ ค่อยๆ เอื้อมมือไปจับมือพยส
“พัดเสียใจนะคะ ที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
พยสนิ่งคอตก ไม่หืออือด้วย พัดชาซบหน้าลงกับหลัง
“คุณพยสจะให้พัดทำยังไงคะ บอกมาเถอะค่ะ พัดจะยอมทำทุกอย่าง”
พอถูกพัดชาสัมผัสอีกครั้ง พยสก็ได้สติ ผลุดลุกขึ้น
“คุณไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ผมจะจัดการเอง”
พัดชามีสีหน้าดีขึ้น คิดว่าพยสจะเลือกตนเอง แต่พยสคว้าเสื้อมาสวมลวกๆ
“ผมจะไปตามตรีกลับมาด้วยตัวเอง”
พยสผลุนผลันออกไปทันที พัดชาร้องห้ามไม่ทัน
“คุณพยส”
พัดชามองตามอย่างผิดหวัง รำพึงออกมาเบาๆ พอได้ยินคนเดียว
“แล้วพัดล่ะคะ”
เทศราชเดินเข้ามาในสตูดิโอแต่งงาน กวาดสายตามองหาตรีประดับ จนเห็นว่าบนม้านั่งยาวแถวหน้าสุด มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งหันหลังท่าทีเหม่อลอยอยู่
“ตรี...”
ตรีประดับค่อยๆ หันมา ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ดวงตาแดงช้ำ
เทศราชเห็นสภาพแล้วตกใจ เป็นห่วงมาก แต่ยังไม่ทันนึกอะไร รีบเข้าไปตรงเข้าไปใกล้
“ตรีเป็นอะไรไป ทำไมเรียกให้เรามาที่นี่”
ทันทีที่เทศราชสัมผัสมือ ทำนบน้ำตาของตรีประดับก็พังทลายอีกรอบ เธอปล่อยโฮออกมาอย่างหนักหน่วงรุนแรง
เทศราชตกใจ ไม่เคยเห็นตรีประดับร้องไห้มากมายขนาดนี้มาก่อน ตรีประดับร้องราวกับจะหมดเรี่ยวแรง แล้วโผเข้ากอดเทศราชแน่น โดยที่เทศราชยังตั้งตัวไม่ติดว่าเกิดอะไรขึ้น
เวลาผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง ตรีประดับยังนิ่งเงียบไม่พูดอะไรซักคำ เทศราชห่วงใยตรีประดับเต็มเปี่ยมทั้งที่ไม่รู้ว่าตรีร้องไห้ทำไม
“ถ้ายังไม่พร้อมจะเล่าอะไรให้เราฟัง ก็ยังไม่ต้องเล่า แต่ต้องเข้มแข็งไว้นะ”
ตรีประดับน้ำตาคลอออกมาอีก ซึ้งน้ำใจเทศราชพึมพำเสียงแหบแห้ง
“ขอบคุณนะเทศ เรามีเรื่องอยากวานเทศสักหน่อยได้มั้ย”
“เรื่องอะไรเหรอตรี”
ตรีประดับไม่ตอบ เทศราชมองสงสัย
พยสรีบร้อนเข้ามาในห้อง เห็นภูมิกับแววเปลี่ยนชุดพร้อมกลับแล้ว ภูมิเห็นพยสก็สงสัย
“อ้าวพยส มากับตรีเหรอ” ภูมิมองหาลูก “อ้าว แล้วตรีล่ะ ตรีกลับบ้านไปหายสแล้วไม่ใช่เหรอลูก”
พยสอึกอัก หน้าเสียหนัก ตอบไม่ถูก
“อ่อ ครับ แต่พอดีตรีขอตัวออกมาก่อน ผมเลยคิดว่า มาหาพ่อกับแม่ที่นี่”
“เปล่านี่ สงสัยคงแวะไปที่ทำงานมั้ง” ภูมิสังเกตเห็นความผิดปกติ “ยสมีอะไรสำคัญรึเปล่าลูก”
“เอ่อ ไม่มีอะไรครับ งั้นผมช่วยพ่อแม่ขนของขึ้นรถนะครับ”
“ขอบใจนะลูก”
พยสตัดบทด้วยการเข้าไปดูลพาภูมิกับแววไปส่งบ้านสวนต่อ แต่ในใจกังวลหนักว่าตอนนี้ตรีประดับไปอยู่ที่ไหน
สองคนนั่งอยู่ที่ริมทะเล เทศราชนั่งเงียบๆ ข้างๆ ปล่อยให้ตรีประดับ ร้องไห้อยู่อย่างนั้น คอยชำเลืองมองอย่างเป็นห่วง เพราะเห็นเพื่อนรักนักแปลของเขาเอาแต่ร้องไห้ตั้งแต่มาถึง
“ขอโทษนะเทศที่ตรีรบกวนให้เทศพามาที่นี่ ตรีไม่อยากเจอใคร เทศคนเดียวเท่านั้นที่ตรีอยากคุยด้วยตอนนี้”
“ตรีมีเรื่องอะไรเหรอ มันเป็นเรื่องร้ายแรงมากใช่มั้ย ไม่งั้นตรีไม่เป็นแบบนี้หรอก” เทศราชชักเริ่มสงสัย “เรื่องยสรึเปล่า”
ตรีประดับสะอึกอึ้งไป ฟังชื่อยิ่งเจ็บ “อย่าพูดถึงเขาอีกเลย ตรีไม่อยากเห็นหน้าเขาอีก”
เทศราชคิดแล้วว่าน่าจะเป็นเรื่องพยส “แต่การหนีปัญหาไม่ได้ทำให้เจอทางออกนะตรี ยิ่งหนีปัญหาก็จะยิ่งคาราคาซัง มีแต่จะเกิดความไม่เข้าใจกันมากขึ้น เราไม่รู้หรอกนะว่ายสเขาทำอะไรผิด แต่เรามั่นใจว่ายสคงไม่สบายใจเหมือนกัน ที่ตรีออกมาจากบ้านแบบนี้”
ตรีประดับได้ยินคำว่ารักก็ยิ่งสะเทือนใจ ปล่อยโฮออกมา
“พอเถอะเทศ ตรียังไม่พร้อมที่จะกลับไป ถ้าเทศห่วงเราจริง เทศให้เราอยู่ที่นี่ก่อนนะ”
ทศราชคิดหนัก แต่ก็ยอมตามใจ “เอาเป็นว่า ถ้าตรีสบายใจแบบนี้ ก็ได้ อยู่นี่แหละ เราจะอยู่เป็นเพื่อนตรีเอง”
ตรีประดับร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดเทศราชซึ่งมีสีหน้าหนักใจ เพราะยังไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรกัน
เทศราชพาตรีประดับเข้ามาในบ้านพักของครอบครัวเทศราช
“คุณพ่อเราซื้อไว้สำหรับครอบครัวมาพักผ่อน แต่ก็ไม่ค่อยมีใครมา มันก็เลยดูโทรมไปนิด แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่ครบ ตรีคงอยู่ได้นะ”
ตรีประดับกวาดตามองอย่างซักกะตาย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแห้งผาก
“ต่อให้ไม่มีอะไรเลย ตรีก็อยู่ได้”
เทศราชมองอย่างเป็นห่วง ประคองตรีประดับไปนั่ง
“นั่งตรงนี้ก่อน เดี๋ยวเราหาอะไรให้กิน”
เทศราชกลับไปเปิดดูถุงข้าวของที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อเข้ามา หยิบโน่นนี่มาแกะใส่จาน ซักพักก็ได้แซนด์วิชหน้าตาน่าทานยกมาให้ ทว่าตรีประดับยังคงนั่งเหม่อลอย ไม่สนใจอาหารตรงหน้า เทศราชหยิบอะไรต่างๆ ยั่ว
“มาแย่งกันกิน จะได้อร่อย”
ตรีประดับมองอาหารอย่างไม่แยแส เทศราชเลยจะฉีกแซนด์วิชป้อน
“ถ้าตรีไม่กิน เราจะป้อน”
เทศราชทำท่าจะป้อนจริงๆ แต่โทรศัพท์ตรีประดับที่วางบนโต๊ะดังขึ้นเสียก่อน เป็นพยสโทร.มา ตรีประดับรับแซนด์วิชจากเทศราชมากิน แล้วมองเมินออกไปนอกบ้าน ปล่อยให้โทรศัพท์ดังอย่างนั้น
เทศราชมองโทรศัพท์แบบเอายังไงดี ทำท่าจะหยิบขึ้นมา ตรีประดับรีบร้องห้าม
“อย่ารับนะเทศ”
“แต่ยสโทร.มาหลายรอบแล้วนะตรี เขาคงเป็นห่วง”
ตรีประดับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปิดเสียงทันที เทศราชยิ่งอึ้ง
“ทำอย่างนี้จะดีเหรอ”
“เราไม่อยากรับสาย ไม่อยากได้ยินเสียงเขา ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากรับรู้อะไรจากเขาอีกแล้ว”
ตรีประดับยิ่งพูดก็ยิ่งสะเทือนใจ น้ำตาร่วงพรูออกมาอีกครั้ง เทศราชสงสารรีบดึงมากอด
“โอเคๆ เราเข้าใจแล้ว งั้นตรีก็พักผ่อนให้สบายใจนะ เข้มแข็งเมื่อไรค่อยว่ากัน เราจะอยู่เป็นเพื่อนตรีเอง”
“ขอบคุณนะเทศ ขอบคุณมากจริงๆ”
ตรีประดับน้ำตานองหน้าพึมพำในอ้อมกอดเทศราช
ฟากพยสที่ถูกตรีประดับวางสายทิ้งและปิดโทรศัพท์ยิ่งโมโห เดินหน้าบึ้งออกมาจากโรงพยาบาล อารมณ์เสีย
“ตรีอย่าทำแบบนี้ คุณปิดโทรศัพท์แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าคุณอยู่ไหน”
พยสพยายามติดต่อหาตรีประดับอีก แต่มีข้อความจากพัดชาเข้ามาว่า
“คุณพยสอยู่ไหนคะ ทำไมไม่รับโทรศัพท์ พัดเป็นห่วงคุณนะคะ”
พยสเห็นยิ่งไม่สบายใจ และยิ่งไม่อยากกลับบ้าน จะกดปิดมือถือ แต่เสี่ยจิวโทร.เข้ามาพอดีจึงกดรับ
“สวัสดีครับเสี่ย ผมพยสครับ เสี่ยอยากพบผมเหรอครับ”
พยสนิ่งฟังท่าทีลังเลเพราะไม่มีอารมณ์ แต่สุดท้ายก็ตอบตกลง “ได้ครับ ผมจะเข้าไป”
เสี่ยจิวออกมาต้อนรับและเดินนำพยสเข้ามาในห้องโถงรับแขกอันหรูหรา ผายมือให้นั่ง
“ที่งานวันเกิดเรายังไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร วันนี้ผมก็เลยอยากคุยกับคุณพยส”
พยสรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ กลัวเสี่ยจิวจะจับผิดเรื่องตัวเองกับชินานาง ได้แต่ยิ้มตอบ
“เรื่องคดีของคุณนางไปถึงไหนแล้วล่ะ”
“กำลังรอศาลเรียกไกล่เกลี่ยครับ แต่ตอนนี้คุณนางเริ่มจะท้อๆ แล้ว”
เสี่ยจิวพยักหน้ารับรู้ “ผมว่านะ ยอมให้ฝ่ายพ่อเลี้ยงลูกไปเถอะ อยู่ตัวเปล่าๆ สบายใจกว่าเยอะ จะไปไหนจะทำอะไรก็ได้ ทำไมผมจะไม่รู้ว่าคุณนางไม่ได้อยากเลี้ยงเด็กหรอก แต่อยากได้ค่าเลี้ยงดูจากสามีเก่ามากกว่า”
พยสยิ้มเจื่อนๆ ที่อีกฝ่ายรู้ทัน เสี่ยจิวมองยิ้มๆ
“คุณพยสคงคิดว่าผมโง่ล่ะสิ ผมรู้ทันหมดแหละ ที่คุณนางมาอยู่กับผม ก็ใช่ว่าจะมาติดใจว่าผมหล่อซะที่ไหน” เสี่ยหัวเราะชอบใจ “ติดใจเงินผมมากกว่า แต่ก็ไม่เป็นไร ถ้าให้ความสุขผมได้ จะเอาเงินเท่าไรผมก็ยินดีจ่าย ยื่นหมูยื่นแมว แต่อย่าให้รู้ก็แล้วกันว่าแอบไปยื่นหมูให้ใครลับหลังผมอีก เพราะผมเอาตาย”
น้ำเสียงดุดันตอนท้าย เล่นเอาพยสสยองนิดๆ กลัวเสี่ยรู้เรื่องที่แอบนัวเนียกับชินานางอยู่เรื่อย แต่เสี่ยจิวไม่ได้สงสัยอะไร
“เห็นคุณนางยืนยันว่าคุณมีฝีมือด้านเจรจา ว่างๆ มาช่วยผมบ้างสิ”
“ยินดีครับ เสี่ยอยากให้ผมช่วยอะไรครับ”
“ก็เรื่องเกี่ยวกับค่าเลี้ยงดูนี่แหละ ผมเบื่อพวกเมียเก่าๆ ที่มันอุ้มลูกมาขอโน่นขอนี่ไม่จบไม่สิ้น คุณพยสมาช่วยคุยแทนให้หน่อย เอาแบบจ่ายทีเดียวแล้วจบ”
“ได้สิครับเสี่ย”
เสี่ยจิวหัวเราะร่า “ดีๆ ขอบคุณมาก คุณพยสว่าไหม ผู้หญิงมันก็เท่านี้แหละ เงินซื้อไม่ได้หรอก ถ้าไม่มากพอ”
พยสไม่กล้าออกความเห็นใดอีก ได้แต่หัวเราะตาม แต่ใจก็ฉุกคิดถึงพัดชาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
กลับถึงบ้านพยสเดินพล่านเป็นบ้าอยู่คนเดียวเขาเดินวนไปวนมา คิดหาคำพูดมาตัดขาดจากพัดชา นึกถึงคำพูดเสี่ยจิวขึ้นมา
“คุณพยสว่าไหม ผู้หญิงมันก็เท่านี้แหละ เงินซื้อไม่ได้หรอก ถ้าไม่มากพอ”
พยสถอนใจเฮือกใหญ่ พลันสายตามองไปยังเตียงนอน ที่ยังยับยู่ยี่อยู่ในสภาพเมื่อคืน กลิ่นคาวสวาทคละคลุ้งขึ้นมาอีกจนแทบระงับอารมณ์ไม่อยู่ พยสทรุดลงนั่งยกมือลูบหน้าตั้งสติ หันไปมองรูปแต่งงานที่หัวเตียง หยิบมาดูเพื่อสร้างกำลังใจให้ตัวเอง
ไม่นานต่อมาพัดชาพาตัวเองมานั่งลงตรงหน้าพยสในห้องรับแขก เห็นท่าทีอึดอัดอัดอั้นของอีกฝ่าย
“คุณพยสมีอะไรจะคุยกับพัดเหรอคะ”
พยสมองหน้าพัดชาอยู่อึดใจ รวบรวมความกล้าพูด
“ผมจะให้เงินคุณ”
พัดชาช็อก รู้เหมือนถูกตบหน้า
“เอาไปตั้งตัวหลังจากออกไปจากบ้านนี้”
พัดชานิ่งงัน น้ำตาคลอเต็มตาในทันที พยสพยายามแข็งใจ แม้จะสงสาร
“คุณคงเข้าใจนะว่าคุณอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ ผมทำร้ายตรีมามากแล้ว ไม่สิ ผมอาจจะทำร้ายคุณด้วย” พยสหยิบเช็คออกมาวาง “เงินก้อนนี้คงทำให้คุณได้ซักพัก ถ้าติดขัดเรื่องหางานใหม่ ผมจะลองถามเพื่อนๆ ดู”
พยสตัดใจหันหลังลุกขึ้น พัดชาก้มลงมองเงิน น้ำตาไหลออกมาเป็นทางด้วยความเศร้าใจ เมื่อรู้ว่าพยสเห็นค่าตนเองแค่นี้
“ถ้าคุณอยากให้พัดไป พัดก็จะไปค่ะ แต่พัดขอยืนยันนะคะว่าสิ่งที่เกิดขึ้น คุณพยสไม่ได้ทำร้ายพัด”
พยสชะงักหันกลับมามองหน้าพัดชาอย่างไม่อยากเชื่อ พัดชาโผเข้ากอดเขาไว้
“พัดเต็มใจค่ะ” พยสอึ้งไป พัดชาซบหน้าลงกับอกแกร่ง “มันเป็นสิ่งที่พัดต้องการ และพัดก็รู้ว่าคุณพยสต้องการ...จากพี่ตรี”
คำพูดนั้นกระแทกตรงสู่หัวใจพยสจังๆ พัดชาให้ในสิ่งที่ตรีประดับไม่ได้ให้จริงๆ
“พัดไม่เคยคิดอยากจะเรียกร้องอะไร เพราะสำหรับพัดมันคือการตอบแทนพระคุณ”
พยสอัดอั้น เริ่มสับสน “แต่มันผิด”
“ใช่ค่ะ มันผิด”
พัดชาผละออกมา มองพยสทั้งน้ำตา ประคองหน้าเขาไว้อย่างรักใคร่
“พัดผิดเองทั้งหมด พัดผิดที่รักคุณไปแล้ว”
พัดชาเผยอตัวยื่นหน้าขึ้นจูบพยสอย่างแสนรัก ร้องไห้โฮออกมา
“พัดรักคุณค่ะ คุณพยส”
รสจูบของพัดชาที่มีทั้งความอาลัยอาวรณ์และร้อนเร่า ทำให้พยสสับสน อยากจะผลักไสพัดชาออก แต่ก็ใจไม่แข็งพอ ทั้งคู่จูบกันนิ่งนาน ดูออกว่าไม่นานจากนี้สองกายเกี่ยวก่ายชวนกันร่ายรำไปตามแรงกำหนัดในใจ
พยสนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง พัดชาลุกขึ้นนั่งมอง ไล้มือไปตามแผ่นหลังของพยสอย่างหลงใหลด้วยสีหน้าลึกล้ำ สายตาเหลือบขึ้นไปปะทะ ภาพคู่ในวันแต่งงานของพยสกับตรีประดับ แววตารำลึกจดจำบางประการ
หลายวันก่อนหน้านี้ พัดชาช่วยงานตรีประดับอยู่ สองคนพูดคุยกันไปด้วย
“พี่ตรีไม่คิดอยากมีลูกบ้างหรือคะ”
“อยากสิจ๊ะ พี่ชอบเด็ก แต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงยังไม่มีซักที”
“น่าจะลองไปปรึกษาคุณหมอนะคะ”
“เคยไปตรวจสุขภาพแล้วจ้ะ เราสองคนแข็งแรงดี ที่จริงคุณหมอก็เสนอวิธีทำกิ๊ฟ แต่เราอยากจะมีแบบธรรมชาติมากกว่า พี่ไม่รีบหรอก แต่พยสนี่สิ เร่งพี่ทุกวัน กลัวลูกจะโตไม่ทันลูกเพื่อนๆ”
พัดชาฟังตรีประดับเล่ายิ้มๆ ไม่ออกความเห็นอะไร
พัดชาลูบไล้เรือนร่างพยสแผ่วเบา ยิ้มเย้ยให้รูปตรีประดับ สายตามีแผนการบางอย่าง ค่อยๆ สอดมือลงไปใต้ผ้าห่มตรงกึ่งกลางแก่นกาย
แววตาเย้ยหยันของพัดชาราวกับจะบอกว่า หล่อนนี่แหละจะมีลูกให้พยสเอง
อ่านต่อตอนที่ 14