ระบำไฟ ตอนที่ 12
รุ่งเช้าพัดชาจัดอาหารให้ตรีประดับกับพยสที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ ด้วยอาการมีพิรุธ ไม่กล้าสบสายตากับพยส พอหันมาเจอสายตาชิงฉัตรที่นั่งจ้องอยู่ ก็ยิ่งประหม่า จนมือที่ถือเหยือกนมสั่นเกือบทำนมหก
“น้องพัดเป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ไม่สบายเหรอ”
“เอ้อ เปล่าค่ะ”
“ท่าทางแบบนี้เหมือนคนไม่ได้นอนนะผมว่า”
พัดชาจ้องหน้าเอาเรื่อง ชิงฉัตรยิ้มในสีหน้า
โดยก่อนหน้านี้ เมื่อตอนเช้ามืด พัดชารุนหลังชิงฉัตรซึ่งกำลังใส่เสื้อให้รีบออกไปจากห้อง
“ออกไปได้แล้ว”
ชิงฉัตรหัวเราะ “นี่กลัวคนอื่นมาเห็น หรือกลัวใจตัวเองอยากต่ออีกรอบ”
พัดชาโกรธพอๆ กับอาย “หุบปากนะ”
“ผมไม่บอกใครหรอกน่า พี่เองอย่าทำพิรุธจนคนอื่นจับได้ก็แล้วกัน”
ชิงฉัตรแกล้งเอามือจุ๊บปากตัวเองแล้วแตะปากพัดชาก่อนจะรีบออกไป
ชิงฉัตรยังคงมองจ้องหน้าพัดชายิ้มเจ้าเล่ห์ท้าทาย พัดชารีบเสหันหน้าหนี ทำเอาเหยือกนมไปเก็บ
“แกเองก็เถอะ ได้นอนมั่งหรือเปล่า ฉันกลับเข้าบ้านตอนเช้ามืดยังเห็นไฟในห้องเปิดอยู่เลย”
“ไม่ได้นอนเหมือนกันครับ มัวแต่อ่านหนังสือ” ชิงฉัตรแกล้งพูดยั่วให้รู้ว่าเขาโกหก
“หนังสือเรียนหรือหนังสือโป๊วะ”
“โอ๊ย เด็กสมัยนี้ไม่ซื้อหนังสือโป๊เหมือนคนรุ่นอาหรอกครับ ทั้งแผ่นทั้งคลิปมีเยอะแยะไป หรือไม่อีกทีก็ลงสนามซ้อมเลย” ชิงฉัตรอวดโอ้
“แกจะไปซ้อมที่ไหนก็เชิญ แต่อย่ามาใช้บ้านฉันเป็นสนามซ้อมก็แล้วกัน”
พัดชาสะดุ้ง เกือบทำของหลุดมือ แต่ชิงฉัตรยังเล่นไม่เลิก
“งั้นอาก็คงต้องติดกล้องไว้คอยมอนิเตอร์ผมแล้วล่ะ ของแบบนี้มันห้ามอารมณ์กันยาก”
ชิงฉัตรพูดพลางมองพัดชาอย่างมีความหมาย ตรีประดับกลัวอาหลานทะเลาะกันอีก เลยจับแยก
“ฉัตรไปเรียนได้แล้วมั้ง เดี๋ยวจะสายนะ”
ชิงฉัตรรับคำยิ้มๆ ไหว้อาทั้งสองแล้วลุกออกไป
พัดชาใจเต้นไม่เป็นส่ำ ไม่อยากอยู่ต่อหน้าทั้งสองต่อเหมือนกัน กลัวพิรุธหลุด
“เอ่อ พี่ตรีคะ เดี๋ยวพัดว่าจะออกไปธุระที่ธนาคารเลยนะคะ”
“ตามสบายจ้ะ”
พลันที่พัดชาเข้ามาในห้องปิดล็อคประตู หล่อนก็ถูกกอดรัดจากทางด้านหลัง แถมคนกอดยังเอามืออุดปากไว้ พัดชาตกใจดิ้นหนี เมื่อหันมาพบว่าเป็นชิงฉัตรในชุดนักเรียนช่าง สองคนกอดรัดฟัดเหวี่ยงจนล้มลงไปที่เตียงทั้งคู่
“ทำบ้าอะไรเนี่ยคุณฉัตร” พัดชาสลัดจนหลุน
“ผมอยากได้กำลังใจก่อนไปเรียน”
ชิงฉัตรยื่นหน้าเข้ามาจะจูบ พัดชายกมือยันอกไว้
“อย่านะ ไม่งั้นฉันร้องจริงๆ ด้วย”
“เอาซี้ ร้องเลย อาตรีกับอายสจะได้เข้ามาเห็นเรา ผมไม่มีอะไรจะปิดบังอยู่แล้ว”
พัดชาอึ้งไป หน้าเสีย ชิงฉัตรเห็นแล้วหัวเราะสะใจ
“ดูทำหน้าสิ ผมล้อเล่น ใครจะอยากหาเรื่องให้ตัวเองโดนสวดว่ากินคนใช้ในบ้าน หลบๆ ซ่อนๆ อย่างนี้ตื่นเต้นกว่าเยอะ”
ชิงฉัตรขโมยจูบพัดชาฟอดหนึ่ง แล้วลุกออกไปอย่างอารมณ์ดี
พัดชานอนนิ่ง สีหน้าเจ็บปวดที่ถูกเหยียดหยาม หญิงสาวรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในสภาพการเป็นเหยื่อของพ่อเลี้ยงฝรั่งกระนั้น ภาพความหลังผุดขึ้นมาหลอกหลอน
ตอนพัดชานอนซมหลังจากเสร็จกามกิจกับเดฟ พ่อเลี้ยง
นึกแล้วพัดชาขนลุกเกรียวขึ้นมาด้วยความขยะแขยง
อนิจจาเมื่อมองจากมุมสูงลงมา ท่านอนของพัดชาเวลานี้กับในอดีต ช่างเหมือนกันจนแทบจะเป็นท่าเดียวกัน ต่างกันแค่สภาพห้องนอนที่หรูหรามากขึ้นเท่านั้น
แววตาของพัดชาแข็งกร้าวขึ้นมา บอกตัวเองว่าหล่อนจะไม่ยอมรับและตกอยู่ในสภาพนั้นอีกต่อไป
พัดชายังคงเหม่อลอยคิดถึงแต่เรื่องนั้น มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงเคาะแก้ว พอหันมองมาก็นึกได้ว่าตัวเองมานั่งอยู่กับอรณาที่ร้านอาหารแล้ว
“ใจลอยอะไรพัด แค่ถามว่าทำงานแม่บ้านเหนื่อยไหม ต้องคิดนานขนาดนี้เชียวเหรอ”
พัดชายิ้มกลบเกลื่อน “อ๋อ ไม่เหนื่อยหรอก นายผู้หญิงผู้ชายเป็นคนมีระเบียบ เหนื่อยหน่อยก็แค่เรื่องหลานชาย ชอบสร้างปัญหา”
“ต๊าย มีเด็กให้เลี้ยงด้วยเหรอ”
“ไม่เด็กแล้วล่ะ วัยรุ่น”
“แล้วเขามีปัญหาอะไรกับเธอหรือเปล่า” อรณาทำตาวิบวับ “อย่าบอกนะว่าเขามาจีบ” พอเห็นพัดชานิ่งก็ยิ้มล้อ “แน่ะ ใช่แน่ๆ เลย”
พัดชาพูดทีเล่นทีจริง “ถึงจีบฉันก็ไม่เล่นด้วย ฉันไม่ชอบพวกเด็กมีปัญหา”
“ถ้าเด็กมันมาเกาะแกะเธอมากนักก็ฟ้องเจ้านายสิ เขาจะได้จับแยกไปอยู่ที่อื่น ฉันก็มีหลานวัยรุ่นเฮี้ยวๆ เหมือนกัน พ่อแม่ตายหมด โอ๊ย เกเรสารพัดจนญาติระอา ไม่มีใครอยากเลี้ยง สุดท้ายเลยต้องไปอยู่กับพี่พยส”
พัดชาฟังนิ่งๆ แต่ใจระทึกขึ้นมาเมื่อได้ยินชื่อพยส รู้ทันทีว่าอรณาพูดถึงชิงฉัตรนั่นแหละ
“พูดถึงพี่ชายฉัน เดี๋ยวจะไปเยี่ยมซะหน่อย ช่วงนี้เงินฝืด เธอไม่อยู่ญี่ปุ่นแล้วก็เลยไม่รู้จะฝากซื้อของพรีออเดอร์กับใคร”
พัดชาสะดุ้ง “เธอจะไปเมื่อไหร่”
“เร็วๆ นี้แหละ ถามทำไม”
พัดชาอ้อมแอ้ม หาเหตุผลกลบเกลื่อน
“ก็ อยากไปทำความรู้จักพี่ชายเธอไว้ ถ้าวันไหนจะไปบอกฉันล่วงหน้านะ”
อรณาพยักหน้ารับรู้ หันไปกินข้าวต่อไม่สนใจอะไรอีก ส่วนพัดชาสีหน้าเคร่งเครียด กังวลว่าตัวเองจะปิดอรณาได้นานแค่ไหน
ไม่นานต่อมาพัดชาเดินออกจากเคานท์เตอร์ฝากเงินแบงก์ของห้าง คุยสายกับตรีประดับ
“พัดฝากเช็คให้แล้วนะคะพี่ตรี”
เสียงตรีประดับดังลอดออกมาว่า “ขอบใจมากนะจ๊ะ น้องพัดตามสบายนะ เดี๋ยววันนี้พี่ดูแลบ้านเอง น้องพัดเดินช้อปปิ้งดูหนังกลับเย็นๆ ได้เลยจ้ะ”
พัดชาวางสาย แล้วพลิกดูใบฝากเงินในมือ
“ช้อปปิ้งเหรอ พัดไม่ได้มีเงินถุงเงินถังเหมือนพี่ตรีนี่คะ ก็แค่เศษเงินเท่านั้นที่พี่ตรีหยิบยื่นให้”
พัดชาขยำใบฝากนั้นทิ้งขยะแล้วเดินออกจากธนาคาร เสียงข้อความเข้าดังขึ้น พัดชาหยุดหยิบโทรศัพท์มาเปิดดู เห็นชิงฉัตรส่งข้อความมาเป็นรูปหญิงสาวใส่ชุดชั้นในเซ็กซี่ มีข้อความกำกับว่า
“ผมซื้อชุดนี้มาฝาก คืนนี้ใส่ให้ดูด้วยนะ”
พัดชาอ่านแล้วโกรธจัด จะพิมพ์ด่าตอบกลับไป แต่ชะงัก เมื่อนึกถึงคำพูดอรณา
“ถ้าเด็กมันมาเกาะแกะเธอมากนักก็ฟ้องเจ้านายสิ เขาจะได้จับแยกไปอยู่ที่อื่น”
พัดชาเปลี่ยนใจไม่ตอบโต้ แต่กดโทรศัพท์มาหาพยสกรอกน้ำเสียงกังวลใจไปยังปลายสายว่า
“คุณพยสคะ พัดมีเรื่องอยากจะเรียนปรึกษา”
พยสเดินเข้ามาในร้านกาแฟ มองหาจนเห็นพัดชานั่งอยู่ก็รีบตรงเข้ามา ท่าทางร้อนใจ
“พี่ตรีรู้หรือเปล่าคะว่าเรานัดพบกัน” พัดชารีบถาม
“ก็พัดไม่ให้ผมบอกไม่ใช่เหรอ ตกลงมีเรื่องอะไร เกี่ยวกับตรีหรือเปล่า”
พยสถามอย่างกังวล พัดชาเห็นสีหน้านั้นก็เจ็บปวดขึ้นมาแว่บหนึ่ง
“ไม่เกี่ยวกับพี่ตรีหรอกค่ะ แต่พี่ตรีเป็นคนกำชับไม่ให้พัดพูด”
พัดชาแกล้งพูดเพื่อดึงความสนใจพยสให้มากขึ้น
“เรื่องของคุณชิงฉัตรค่ะ”
พยสหน้าตึง “ไอ้ฉัตรมันทำไม”
“ก่อนหน้านี้พัดจับได้ว่าคุณชิงฉัตรไม่ได้ไปเรียน เธอแต่งชุดนักเรียนออกจากบ้าน แต่ก็แอบเปลี่ยนแล้วเอากระเป๋านักเรียนซุกไว้ที่รั้วบ้าน”
พัดชาทำน้ำเสียงเหมือนคนตระหนกหวาดกลัวเพื่อให้พยสสงสาร
“แต่เรื่องร้ายแรงที่สุด เมื่ออาทิตย์ก่อนคุณชิงฉัตรเกือบถูกตำรวจจับ เพราะไปร่วมปาร์ตี้ยาเสพติดที่บ้านหลังนึง”
พยสตกใจ “จริงเหรอ”
“พัดเจอกล่องใส่ยาเคในห้องคุณชิงฉัตรด้วยนะคะ แต่ถ่ายรูปไว้ไม่ทัน เพราะเธอกลับเข้ามาเสียก่อน ได้แต่รูปของพวกนี้”
พัดชากดรูปในมือถือที่ถ่ายไว้ให้พยสดู เห็นรูปดีวีดีหนังโป๊ และกล่องยาต่างๆ พยสอึ้งไป
“พี่ตรีไม่อยากให้คุณพยสไม่สบายใจ แต่พัดกลัวว่าถ้าไม่มีใครห้ามปราม คุณชิงฉัตรจะยิ่งมีพฤติกรรมหนักข้อขึ้น”
พยสเครียดจัด นึกโกรธชิงฉัตร
“ผมเคยบอกมันแล้วว่ามันจะไปทำเลวยังไง ก็ยังพอทนไหว แต่เรื่องยาเสพติดเป็นเรื่องที่ผมรับไม่ได้ เห็นทีคงจะต้องลงโทษกันจริงจัง”
“คุณพยสอย่าบอกว่ารู้จากพัดได้ไหมคะ พัดกลัวค่ะ คุณชิงฉัตรเคยขู่เอาไว้”
พัดชาทำท่าสั่นเทาเหมือนลูกกระต่ายตัวเล็กๆ พยสมองพัดชาอย่างสงสาร เอื้อมมือไปกุมมือพัดชาเชิงปลอบใจ
“ไม่ต้องกลัว ผมไม่ยอมให้มันทำอะไรคุณแน่”
พัดชาช้อนสายตามองพยสอย่างซาบซึ้งใจ พยสอดหวั่นไหวไปกับแววตาอันลึกล้ำไม่ได้ ใจเขาเต้นไม่เป็นส่ำ
พัดชาต้องตกใจเมื่อสายตามองไปข้างหลังเห็นใครบางคนยืนจ้องอยู่ “คุณเทศ
พยสรีบชักมือออกทันที หันไปมองตามเห็นเทศราชเดินมา
“เจอกันอีกแล้วนะพัด มากันแค่สองคนเหรอ”
“เอ่อ ค่ะ” พัดชาอึกอัก หลบตาวูบ
“มิน่า นั่งกุมมือกันแน่นเชียว กลัวหลงกันหรือไง”
เทศราชยิ้มเย้ยพยส แล้วเดินจากไป พัดชาหน้าถอดสี
เทศราชเดินลงบันไดเลื่อนมา หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาทำเป็นกดโทร.ออก แล้วแกล้งพูดเสียงดัง
“ฮัลโหล ตรี”
พยสเดินตามมาถลันเข้ามาดึงโทรศัพท์ออกจากมือเทศราชโดยไว
เทศราชหัวเราะเยาะ พยสแปลกใจ พลิกโทรศัพท์ดู ถึงพบว่าโทรศัพท์ยังปิดอยู่ เทศณาชไม่ได้โทร.ออก
“แกกลัวอะไรเหรอยส ถึงต้องตามมาห้ามฉัน”
พยสเฉไฉ “ก็แกมันชอบแส่เรื่องครอบครัวฉัน ทำให้ผัวเมียที่เขาอยู่กันดีๆ ต้องแตกแยก”
เทศราชหัวเราะเยาะ “ฉันจะมีปัญญาทำอะไรให้ครอบครัวแกแตกแยกได้ ถ้าแกวางตัวเป็นสามีที่ดีพอ แต่ถ้าแกดีไม่พอนี่สิ ทุกอย่างมันจะพังด้วยมือของแกเอง”
“ฉันไม่มีวันทำพัง”
“แน่ใจเหรอ แต่ที่ภาพแบบเมื่อกี้ มันทำให้ขาเตียงผัวเมียคู่อื่นพังมาเยอะแล้วนะ เวลาที่สามีแอบมานั่งกุมมือกับผู้หญิงอื่น”
พยสอึ้งไป เทศราชสีหน้าจริงจังขึ้น
“แล้วสายตาของผู้หญิงคนนั้นก็ทำให้นายใจเต้นไม่เป็นส่ำ จนลืมตัวไปว่ายังมีผู้หญิงอีกคนที่เป็นเจ้าของนายโดยนิตินัยและพฤตินัยรออยู่ที่บ้าน”
พยสทนฟังไม่ไหว เพราะถูกจี้ใจดำ กระชากคอเสื้อเทศราชเข้ามา
“หุบปาก”
พยสจะชก แต่ได้สติ รีบปล่อยมือ
“ตรีรู้ดีว่าฉันกับพัดชาไม่ได้มีอะไรกัน ถ้าแกคิดว่าตัวเองเป็นเพื่อนแท้ของเมียฉัน ก็อย่าเอาความคิดสกปรกไปทำให้ตรีไม่สบายใจ”
พยสชี้หน้าข่มขู่เทศราชแล้วผละไป เทศราชมองตาม สีหน้าเครียดกังวลลึกๆ
“ฉันก็หวังว่าแกจะคิดได้อย่างที่ตัวเองพูดนะพยส”
พยสพาตัวเองมานั่งหน้ามุ่ยอยู่ที่โซฟาโถงรับแขกบ้านชินานาง เจ้าบ้านเดินนวยนาดถือเครื่องดื่มมาให้ แล้วทรุดลงนั่งเบียด
“ตกลงว่าหนีอะไรมาคะ ถึงได้ต้องมาขอเหล้าบ้านนางกิน”
“เปล่า”
ชินานางเอียงคอมอง
“ไม่เชื่อ วันนี้คุณไม่ได้ทำงาน น่าจะใช้เวลาอยู่กับภรรยา แต่ดันอยากมาอยู่กับผู้หญิงอื่น ต้องมีอะไรแน่ๆ เลย หรือว่าทะเลาะกับเมียมาอีกแล้ว”
“อย่าเดาเลยคุณนาง ผมก็แค่อยากหาที่สงบสติอารมณ์ ไม่อยากเจอหน้าใคร”
“อย่างนี้นางต้องไปไหมคะ จะได้ทิ้งกุญแจไว้ให้”
ชินานางแกล้งทำเป็นลุกหนี แต่พยสก็ยังทำหน้าเบื่อโลก ไม่ขำด้วย ชินานางเลยนั่งแปะลงเหมือนเดิม
“นางพูดจริงนะคะ คืนนี้นางต้องไปงานเลี้ยงที่โรงแรม”
พยสนิ่วหน้า “งานอะไรครับ”
“งานวันเกิดเสี่ยจิวค่ะ เสี่ยจัดใหญ่เพราะครบรอบแซยิด ทั้งนักธุรกิจทั้งเซเลบมากันเพียบ สนใจไหมคะ คุณอาจจะได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกนะ”
พยสนิ่ง สีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
“ถ้าไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรค่ะ รอนางอยู่ที่บ้านก็ได้ แล้วดึกๆ นางจะกลับมา”
ชินานางกระซิบกระซาบยั่วยวนจุ๊บแก้มฟอดหนึ่งแล้วเดินออกไป
ทิ้งพยสให้นั่งเครียดอยู่อย่างนั้น
กลับถึงบ้านพัดชายืนกระวนกระวายนั่งไม่ติด สายตามองไปยังโทรศัพท์มือถือของตรีประดับที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานไม่วางตา ตรีประดับกำลังจัดดอกไม้ใส่แจกัน เงยหน้ามาเห็นพัดชายืนรีๆ รอๆ อยู่หน้าห้องก็แปลกใจ
“น้องพัดจะเอาอะไรจ๊ะ”
“เอ่อ เปล่าค่ะ พัดกำลังรอดูว่าพี่ตรีมีอะไรจะให้ช่วยหรือเปล่า”
“ไม่มีหรอกจ้ะ ไปพักผ่อนเถอะ”
พัดชาฝืนยิ้ม จำต้องถอยไป แต่โทรศัพท์ดังขึ้น
พัดชาผวาจะหยิบมารับเอง แต่ตรีประดับอยู่ใกล้กว่า เลยคว้ามารับสายเอง
พัดชาใจคอไม่ดี “คุณเทศหรือเปล่าคะ”
ตรีประดับชะงักมองพัดชาอย่างแปลกใจ
“ทำไมถึงคิดว่าเป็นเทศล่ะจ๊ะ” ตรีประหยับยิ้มบอก “พยสน่ะ”
พัดชาแอบโล่งใจเลยถอยไป ทำเป็นหยิบผ้าเช็ดโต๊ะไปทำความสะอาดห้องครัว แต่จริงๆ แล้วแอบฟังอยู่
ตรีประดับคุยเฟซไทม์กับสามีพลางจัดดอกไม้ไปด้วย
“ว่าไงคะยส”
อีกฟากพยสขับรถมาตามทางคุยสายด้วยบลูทูธ สองคนคุยสายกันไป
“ตรีเตรียมตัวไว้นะครับ เดี๋ยวผมไปรับ”
“รับไปไหนคะ”
“งานเลี้ยงวันเกิดเสี่ยจิว จัดที่โรงแรม ตรีแต่งตัวสวยๆ เลยนะ”
พัดชาแอบฟังอยู่ สีหน้าเต็มไปด้วยความอิจฉา ส่วนตรีประดับทำหน้ายุ่ง
“โห ทำไมยสมาบอกตอนนี้ล่ะคะ ตรีไปไม่ได้หรอก”
พยสผิดหวัง “ตรี ไปเพื่อผมหน่อยนะ งานนี้เป็นงานใหญ่ มีเพื่อนฝูงนักธุรกิจของเสี่ยเต็มไปหมด ผมอยากทำความรู้จักกับพวกเขา แต่ถ้าผมไปคนเดียวมันคงดูโจ่งแจ้งเกินไป”
“แต่วันนี้ตรีต้องตรวจปรูฟงานให้เสร็จ เพราะเขากำลังจะส่งโรงพิมพ์แล้ว”
“โธ่ตรี ทำเพื่อผมหน่อยนะครับ เดี๋ยวผมไปรับนะ”
พยสมัดมือชกแล้ววางสายไปทันที ตรีประดับตกใจ
“อ้าว ยส เดี๋ยวสิคะ”
ตรีประดับถอนใจเซ็ง คิดหนักว่าจะเอาไงดี
“น้องพัด น้องพัดจ๊ะ”
พัดชาแอบฟังแอบมองอยู่ไม่ไกลนัก ปราดเข้ามาทันทีตีหน้าซื่อถาม
“มีอะไรเหรอคะพี่ตรี”
ไม่นานนัก พยสเข้ามาในบ้านหยุดตรงโถงตีนบันได ร้องเรียกหาตรีประดับขึ้นไปยังชั้นบน
“ตรีเสร็จหรือยังครับ รอผมหยิบสูทแป๊บนึงนะ”
พยสขยับจะเดินขึ้นบันไดไปตาม แต่พบว่ามีการเคลื่อนตัวลงมาของใครคนหนึ่งเสียก่อน
ทนายหนุ่มไล่สายตาขึ้นไปมองช้าๆ ชุดราตรีสีดำปักเลื่อมยาวกรอมเท้า ตัดเย็บสวยงามประณีต เห็นรอยแหวกยาวของชุดเผยให้เห็นเรียวขาเย้ายวน
สายตาพยสค่อยๆ ไล่ขึ้นไป แล้วต้องยืนมองอย่างตะลึงตะไล เพราะผู้หญิงในชุดราตรีเกาะอกสีดำปักเลื่อมระยิบระยับที่เยื้องย่างลงมาหยุดตรงหน้าเขาคือ พัดชา ที่ยังมีอาการประหม่าให้เห็น
ตรีประดับวิ่งส่งเสียงเจื้อยแจ้วตามลงมา
“ตรีหาคนไปงานเป็นเพื่อนยดได้แล้วค่ะ”
ยิ่งเห็นพัดชาสวยเย้ายวนเพียงใด พยสก็ยิ่งไม่อยากอยู่ใกล้ เพราะกลัวหวั่นไหว
“ทำไมตรีทำแบบนี้”
พยสถามด้วยน้ำเสียงขุ่นเขียวเหมือนไม่พอใจมากๆ จนพัดชาเองก็ตกใจ
พยสเข้ามาเปลี่ยนชุดในห้องแต่งตัวเร็วรี่ ด้วยอินเนอร์ของอารมณ์ที่ยังไม่หายหงุดหงิด ตรีประดับตามเข้ามา
ส่วนพัดชายังยืนแอบฟังอยู่หน้าห้อง
“ตรีไปด้วยไม่ได้จริงๆ ค่ะวันนี้ ถ้ารู้ล่วงหน้ายังพอจะเลื่อนนัดอาพยางค์ได้ แต่ตอนนี้ทุกคนที่โรงพิมพ์รองานตรีอยู่”
“ตรีเป็นเพื่อนไอ้เทศ หลานเจ้าของโรงพิมพ์ ทำไมจะเลื่อนนัดไม่ได้ ทีอย่างนี้ทำไมไม่ใช้มันให้เป็นประโยชน์”
“ยสก็รู้ว่าตรีไม่เคยใช้อภิสิทธิ์ของเทศในเรื่องงาน และตรีจะไม่มีวันใช้”
ตรีประดับบอกด้วยสีหน้าจริงจัง พยสเซ็งเต็มกลืน กระชากเนคไทที่คล้องคอออก
“งั้นผมก็ไม่ไปแล้ว”
“ยส ไปเถอะค่ะ มันสำคัญกับงานของบริษัทคุณไม่ใช่เหรอ คุณจะได้มีโอกาสรู้จักกับคนอีกกลุ่มนึง”
“แต่งานแบบนี้ผมควรจะควงภรรยาไป ไม่ใช่...เด็กในบ้าน”
คำพูดนั้นกระแทกเข้าใบหน้าพัดชาจังๆ หล่อนได้ยินเต็มสองหู สีหน้าเจ็บปวดร้าวราน เมื่อรู้ว่าพยสให้ค่าตัวเองแค่นั้นเอง
“ถ้าเสี่ยจิวรู้เข้าจะคิดว่าผมไม่ให้เกียรติ”
“ยสก็แนะนำใครๆ ว่าน้องพัดเป็นน้องสิคะ ตรีอยากให้น้องพัดเข้าสังคมบ้าง เผื่ออนาคตข้างหน้า น้องจะมีโอกาสที่ดีกว่าอยู่กับตรี”
พยสทอดถอนใจ เถียงไม่ออก ตรีประดับหยิบเนคไทมาช่วยผูกให้ใหม่ แล้วตะล่อมต่อ
“เห็นไหมคะว่างานนี้มันสำคัญกับทั้งยสและน้องพัดเลยนะ แต่มันไม่สำคัญกับตรีเลย ไปกันสองคนก็พอแล้ว”
พยสยอมแพ้ คร้านจะต่อล้อต่อเถียงอีก
พัดชายืนหน้าเจื่อนๆ รออยู่ที่ห้องรับแขก จนเห็นตรีประดับพาพยสในชุดสูทเนี้ยบหล่อเหลาลงมา จึงทำทีเป็นถามอย่างเกรงอกเกรงใจ
“พี่ตรีไม่เปลี่ยนใจเหรอคะ”
ตรีประดับยิ้มขำ “ชุดเก่งของพี่มีอยู่ชุดเดียวเสียด้วยสิ แล้วน้องพัดก็ดันใส่ได้สวยกว่า ไปกันสองคนเถอะจ้ะ”
พัดชาเหลือบมอง เห็นพยสยังมีสีหน้าบอกบุญไม่รับอย่างชัดแจ้ง ขยับเดินนำออกไป พัดชาจะตาม ตรีประดับนึกขึ้นได้เรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนค่ะ พี่ว่าคอน้องพัดดูโล่งๆ ไปหน่อยนะ”
สองคนหยุดรองงๆ ตรีประดับหายไปชั่วครู่ กลับมาพร้อมกล่องเครื่องประดับในมือ หยิบสร้อยเส้นสวยในนั้นออกมา
“ตรีขอยืมสร้อยที่ยสซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้น้องพัดใส่นะคะ”
พยสเซ็งมาก พยักหน้ารับเอาคำ บอกไปแกนๆ ว่า “ผมไปรอที่รถก่อนนะ
เห็นพยสเดินออกไปเลยอย่างไม่สบอารมณ์ พัดชายิ่งอึดอัด ลำบากใจ น้อยใจสุดจะประมาณ
“พี่ตรีคะ พัดไม่...”
“ใส่เถอะจ้ะ ตรีไปออกงานเป็นตัวแทนของพี่ ก็ต้องอย่าให้ใครว่าได้”
ตรีประดับสวยสร้อยให้อย่างเต็มอกเต็มใจ
พัดชามองสร้อยสวยบนคอระหง อดรู้สึกตื่นเต้นไปด้วยไม่ได้
พยสขับรถมาตามถนนด้วยท่าทีมึนตึง พัดชาเหลือบมอง แต่พยสไม่คุย ไม่ยิ้ม เพราะไม่พอใจที่ถูกตรีประดับบังคับให้มากับพัดชา ทั้งที่ตัวเองกำลังพยายามต่อสู้กับความหวั่นไหวอย่างหนัก จนพัดชาเอ่ยขึ้นในจังหวะหนึ่ง
“ข้างหน้านี่มีร้านกาแฟยี่สิบสี่ชั่วโมง คุณพยสทิ้งพัดไว้ที่นั่นก็ได้ค่ะ”
พยสถามเสียงเครียด “ทำไม”
“พัดไม่อยากให้คุณลำบากใจที่เราต้องไปงานด้วยกัน”
พยสอึ้งไป ค่อยได้สติว่ากำลังมึนตึงใส่พัดชาที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เลยเสียงอ่อนลง
“ไม่ต้องหรอก ไปด้วยกันก็ดีแล้ว ผมจะได้มีเพื่อน”
พัดชาค้อมหัวน้อยๆ แล้วก้มหน้าอย่างเจียมตัว แต่แววตาเป็นประกายลึกล้ำ พลางหวนนึกถึงเมื่อตอนเย็น
ในเวลานั้นตรีประดับเลือกชุดอยู่อย่างเซ็งๆ โดยมีพัดชาช่วยหยิบออกมาเลือก
“ชุดนี้ดีไหมคะพี่ตรี เดี๋ยวพัดรีดให้”
ตรีประดับพยักหน้าแกนๆ พัดชาเห็นแล้วแกล้งถาม
“พี่ตรีไม่อยากไปเหรอคะ”
“พี่ไม่ชอบออกงาน ไม่รู้จักใครในสังคมแบบนั้นซักคน ไปทีไรก็เบื่ออยากกลับบ้าน”
“แต่ถ้าพี่ตรีไม่ไป คุณชินานางคงฉวยโอกาสควงคุณพยส”
“ช่างเขาปะไร ยังไงพยสก็ไม่ออกนอกลู่นอกทางแน่”
“คนข้างนอกที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง จะคิดว่าข่าวลือของคุณพยสกับคุณชินานางเป็นจริงนะคะ มันจะเสื่อมเสียมาถึงพี่ตรีด้วย ไม่มีใครสงสารภรรยาใจกว้างที่ยอมให้สามีเกาะแกะผู้หญิงอื่นหรอกค่ะ”
ตรีประดับคล้อยตาม แต่ก็ยังหนักใจอยู่ดี
“ถ้าเป็นน้องพัด จะไปเหรอ”
พัดชาตอบหนักแน่นทันควัน “ไปค่ะ พัดจะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนไหนมาฉวยโอกาสทำให้สังคมไขว้เขวว่าชีวิตคู่ของเรายังดีอยู่หรือเปล่า”
ตรีประดับนิ่งคิด ก่อนจะรับชุดมา ทำเหมือนยอมใส่ แต่จู่ๆ ก็พลิกหันชุดไปทาบตัวพัดชาแทน
“งั้นน้องพัดก็ไปแทนพี่สิ”
พัดชาตกใจ “พี่ตรี”
“ชุดนี้ก็เหมาะกับน้องพัดดีนะ ถ้าน้องพัดชอบ ก็เอาไปเลยจ้ะ พี่ยกให้”
พัดชาก้มลงมองชุดอย่างไม่อยากเชื่อ
รถของพยสจอดเทียบที่หน้าโรงแรมหรูสถานที่จัดวันเกิดเสี่ยจิว พัดชาเหลียวมองความใหญ่โตโอ่อ่าของโรงแรมห้าดาวแห่งนี้อย่างตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจ
พนักงานรับรถรีบเข้ามาเปิดประตูให้รับกุญแจจากพยสไป พัดชาตื่นเต้นไม่เคยได้รับการปฏิบัติดีอย่างนี้มาก่อน พยสเดินเข้ามาหา ยกแขนให้พัดชาคล้องจับ พัดชายื่นมือไปจับอย่างตื่นๆ ขณะเดินเข้าไปในโรงแรม
กระจกสะท้อนริมทางเดิน พัดชามองเห็นตัวเองในชุดหรูหราในนั้น มองตัวเองอย่างชื่นชม พลางนึกถึงคำพูดของตรีประดับก่อนหน้านี้
“ถ้าน้องพัดชอบ ก็เอาไปเลยจ้ะ พี่ยกให้”
พัดชามองภาพตัวเองแล้วยิ้มออกมา ท่าทางดูมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ความเขินอายค่อยๆ จางไป หล่อนเชิดหน้าระหงเดินเคียงคู่กับพยสราวกับเป็นคู่รักกระนั้น
ทั้งคู่เดินมาถึงหน้างาน ที่มีนักข่าวและช่างภาพถ่ายรูปแขกผู้มีเกียรติ ผู้คนทั้งหมดหันมามองพัดชาเป็นตาเดียว กระซิบกระซาบกันว่าเป็นเซเล็บหน้าใหม่
ตากล้องเริ่มหันมาขอถ่ายรูป โดยเฉพาะทุกคนให้ความสนใจพัดชามา จนพยสเองก็อดภูมิใจไม่ได้ที่คู่ควงมางานสวนเด่นจนกลายเป็นจุดสนใจ
บรรยากาศภายในงานปาร์ตี้คึกคักเต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากมายทุกวงการ เสี่ยจิวยิ้มหัวอยู่ท่ามกลางแขกกลุ่มใหญ่ สิงคารยืนจิบเครื่องดื่มอยู่มุมห้อง สักพักชินานางก็ตามมาประกบยืนเบียดเอามือเกาะแกะผู้กำกับคนดัง
“ทำอะไรเนี่ยคุณ เสี่ยอยู่ตรงนั้นนะ”
“เสี่ยไม่เห็นหรอกน่า สายตาเสี่ยตอนนี้เห็นแต่ตัวเลขเงินในบัญชีพุ่งขึ้นๆ คุยกับแขกคนนึงเงินก็เพิ่มทีสิบล้าน”
“และผมก็ต้องการสิบล้านนั้นของเสี่ยมาทำละคร เพราะฉะนั้นคุณอย่ามาทุบหม้อข้าวผม”
สิงคารพยายามจะแกะมือออกชินานางไม่ยอม แต่พอเสี่ยเดินมาหาทั้งคู่ ชินานางก็รีบปล่อยมือยิ้มหวานให้
“คุณสิงคาร ผมได้ยินแต่ชื่อมานาน เพิ่งเจอตัวจริงก็วันนี้”
“สวัสดีครับเสี่ย”
เสี่ยจิวกัดเสียงดุ “คุณนี่หล่อกว่าในคลิปอีกนะ”
สิงคารสะดุ้ง ปากคอสั่น “เอ่อ เสี่ยครับ เรื่องคลิปนั้นไม่มีอะไรครับ ผมรับรองได้ คุณชินานางกับผมเป็นแค่เพื่อน”
เสี่ยจิวหัวเราะลั่น รู้ว่าสิงคารกลัว
“ผมแซวเล่น รู้หรอกน่าว่าพวกคุณมืออาชีพ ไม่งั้นคุณนางคงไม่แนะนำให้ผมจ้างคุณมากำกับละคร”
สิงคารยิ้มโล่งอก ชินานางทำเป็นกอดกระแซะออเซาะ
“รับรองว่าเสี่ยไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ”
เสี่ยจิวยิ้มพอใจ โอบกอดชินานาง เลื่อนสายตาไปที่ทางเข้างาน เห็นพยสควงพัดชาเดินเข้ามา
“นั่นคุณพยสนี่ พาใครมาด้วย”
เสี่ยจิวมองจ้องพัดชา กลุ่มแขกซุบซิบกัน มองพัดชาที่สวยเด่นเป็นตาเดียวกัน สิงคารพอเห็นพัดชาก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ
ชินานางมองตามสายตา เห็นพวกผู้ชายจับจ้องไปยังพัดชาที่เกาะแขนพยส ยิ้มอายๆ ดูน่ารักเข้ามาในงาน
พยสพาพัดชาเข้ามาสวัสดีเสี่ยจิวพร้อมยื่นของขวัญให้ ชินานางกับสิงคารตามมา
“สุขสันต์วันเกิดนะครับเสี่ย”
“ขอบคุณมากคุณพยส” เสี่ยหันไปมองพัดชา “แล้วคุณ...”
พยสแนะนำ “พัดชาครับ เป็นน้องสาวของภรรยาผม”
พัดชาไหว้ทักอย่างนอบน้อม เสี่ยจิวรับไหว้จ้องราวกับจะกลืนกิน จนชินานางหมั่นไส้
“น้องสาวร่วมโลกน่ะค่ะเสี่ย จริงๆ แล้วคุณพัดชานี่เป็น...”
ชินานางอ้าปากจะแฉว่าเป็นคนใช้ แต่สิงคารแทรกขึ้นเสียก่อน
“ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะครับคุณพัดชา พบกันตั้งหลายครั้ง เพิ่งทราบว่าคุณเป็นน้องสะใภ้คุณพยสนี่เอง”
พยสเหลือบมองสิงคาร แปลกใจว่าไปพบพัดชาได้ยังไง ไม่ค่อยสบอารมณ์
“พี่ตรีให้พัดมาเป็นตัวแทนแสดงความยินดีกับเสี่ยค่ะ เพราะว่าติดธุระ”ฃ
“ตามสบายนะครับ”
เสี่ยจิวยังคงมองพัดชาตาเป็นมัน ชินานางตาขวางหมั่นไส้ คว้าแขนหมับ
“งั้นเดี๋ยวนางพาไปหาอะไรทานนะคะ ทางนี้ปล่อยให้หนุ่มๆ เขาคุยกันดีกว่า ไปค่ะคุณพัดชา”
ชินานางยิ้มหวานแต่ตาดุ ขณะที่ดึงแขนพัดชาออกไป
ชินานางลากแขนพัดชาออกมา พอพ้นสายตาก็ปล่อยมือ แล้วหันมามองตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ยกระดับได้เร็วจังเลยนะ จากเจเนอรัลเบ๊คุณตรีประดับ แป๊บเดียวก็ได้ออกงานเป็นคุณหนูไฮโซแล้ว คิดว่าตัวเองเป็นซินเดอเรลล่าหรือไงจ๊ะ”
“ก็คงอย่างนั้นมั้งคะ ฉันถึงได้โดนแม่เลี้ยงใจร้ายลากออกมาจากงานแบบนี้”
“นี่เธอ”
“ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะมาแย่งความเด่นจากคุณหรอกนะคะ ฉันจะอยู่ในที่ของฉัน คอยสอดส่องแทนพี่ตรี ไม่ให้แมงหวี่แมงวันตัวไหนมาเกาะแกะคุณพยส”
“แก”
ชินานางหันไปเจอแก้วเหล้าวางอยู่ หยิบมาจะสาดพัดชา แต่พัดชาจับมือ แล้วจ้องหน้าชินานางตาวาว
“อย่าให้ฉันต้องทำให้คุณอายเสียเองนะคะคุณชินานาง”
พัดชาผลักมือเหมือนจะให้เหล้าสาดใส่ตัวชินานางแทน ชินานางวี้ดว้ายหลบวุ่น
พัดชาแค่นยิ้ม หยิบแก้วออกจากมือชินานางวางไว้ที่เดิม แล้วเดินเชิดจากไป
ชินานางเจ็บใจมองตามไปอย่างเกลียดชัง
พัดชาเดินกลับเข้ามามองหา เห็นพยสกำลังคุยอยู่กับกลุ่มนักธุรกิจใหญ่ พยสเหลือบมาเห็นพัดชาแว่บนึง แล้วก็ถอนสายตากับไปคุยธุระอีกเหมือนไม่สนใจเลยสักนิด
พัดชามองน้อยใจ สิงคารเดินเข้ามา ส่งจานคอกเทลที่ตักมาเผื่อให้
“พวกนี้อร่อยนะครับ ผมวนไปทานหลายรอบแล้ว พอจะแนะนำได้”
“ขอบคุณค่ะ แต่...”
พัดชาเห็นพยสแทบจะหันหลังให้ ก็เลยเกิดความคิดประหลาดขึ้นมา หันมายิ้มแย้มใส่สิงคารแทน
“ฉันอยากหาที่นั่ง คุณสิงคารพอจะพาไปได้ไหมคะ”
สิงคารยิ้มกว้างยินดีกระซิบพัดชาที่หู แตะข้อศอกแล้วพาเดินออกไป
พยสคุยอยู่ในวงนักธุรกิจหันมาเห็น สิงคารพาพัดชาออกไป ก็มองตามอย่างหึงหวงโดยไม่รู้ตัว
พยสมองตามพัดชาแล้วพยายามดึงสมาธิกลับมาสนใจเรื่องธุรกิจ
นักธุรกิจ 1 มองดูนามบัตร “ผมจะรับไปเสนอบอร์ดนะครับคุณพยส แต่ต้องเรียนตามตรงว่าอาจจะลำบาก เพราะว่าทางเราก็มีสำนักงานกฎหมายอื่นดูแลเรื่องกฎหมายให้อยู่แล้ว”
นักธุรกิจ 2 เสริมว่า “ผมเองก็มีลอว์เฟิร์มของบริษัทแม่จัดการให้ทุกอย่าง แต่เอาไว้ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว ผมจะลองติดต่อคุณพยสก็แล้วกัน”
“ด้วยความยินดีครับ”
พยสยิ้มเจื่อนๆ ให้ รู้สึกว่าตัวเองเหลือตัวนิดเดียว
พวกนักธุรกิจคุยกันต่อ ไม่ได้สนใจพยส จนกระทั่งนักธุรกิจ 1 ในวงหันไปเห็นเทศราช
“อ้าว นั่นเทศราชนี่ นายเทศ”
เทศราชมองมา เห็นกลุ่มนักธุรกิจ แต่ยังไม่เห็นพยส รีบเดินเข้ามาทัก
“คุณอา สวัสดีครับ”
นักธุรกิจ 1 ยิ้มทัก “ไม่ได้เจอกันซะนานเลย คุณพ่อคุณแม่สบายดีไหม”
“สบายดีครับ”
นักธุรกิจ 1 โอบไหล่เทศราชอย่างรักใคร่สนิทสนม คนอื่นๆ เข้ามาคุยด้วยรู้จักเทศราชกันหมด เพราะครอบครัวทำธุรกิจติดต่อกัน
พยสยืนนิ่งเหมือนถูกกันออกจากวงสนทนาโดยปริยาย มองเทศราชด้วยความอิจฉา ก่อนจะค่อยๆ เลี่ยงออกไป
เทศราชคุยกับพวกผู้ใหญ่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หันมามองพยสอยากจะตามไปคุยด้วย แต่ติดพันพวกผู้ใหญ่
พยสเดินลิ่วๆ หลบไปสงบสติอารมณ์ เจ็บใจที่ตัวเองหมดความสำคัญเอาดื้อๆ ชินานางเดินผ่านมาเรียกไว้
“คุณพยส”
พยสไม่สนใจเดินหน้าบึ้งผ่านหน้าไป ชินานางเจ็บใจ เดินไปที่บาร์หยิบเหล้ามาดื่มแก้เซ็ง พลันสายตาชินานางเห็นว่าด้านนอก พัดชากับสิงคารเดินเคียงกันออกไปทางสระว่ายน้ำอย่างสนิทสนม พัดชายิ่งเจ็บใจ กระดกเหล้าอีก 2 แก้ว
สิงคารพาพัดชามาสูดอากาศที่ริมสระน้ำด้านนอกห้องจัดปาร์ตี้ จิบเครื่องดื่มคุยกัน
“คุณพัดชาทำงานอะไรอยู่ครับตอนนี้”
“ฉันเป็นผู้ช่วยพี่ตรีค่ะ หน้าที่ก็คล้ายๆ เลขาส่วนตัว”
“แต่ผมว่าคุณน่าจะทำอะไรได้ดีกว่าการเป็นแค่เลขานะ ไม่คิดจะเปลี่ยนงานบ้างเหรอ”
“ฉันอยู่ตรงนี้ก็มีความสุขแล้วค่ะ”
“มีความสุขในเงาคนอื่นน่ะหรือครับ งานที่คุณทำอยู่ คุณก็เป็นได้แค่คนที่ต้องเดินตามหลังคนอื่น ทั้งที่ผมดูแล้วคุณสามารถจะโดดเด่นด้วยตัวของคุณเองได้สบาย”
สิงคารมองทั่วตัวจ้องลึกเข้าไปในดวงตา
“ผมว่าเสื้อผ้าตัวนี้ก็ไม่ใช่ของคุณ” เขาพยักพเยิดไปรอบงาน “ยิ่งผู้ชายคุณควงมาก็ไม่ใช่ของคุณ ไม่อยากจะมีอะไรๆ เป็นของตัวเองอย่างแท้จริงบ้างหรือครับ”
แววตาของพัดชาไหวระริก เหมือนสิงคารพูดแทงใจ
“ทำไมจะไม่อยากมีล่ะคะ”
สิงคารยิ้มพอใจสบตาพัดชา ขยับเข้าไปใกล้เหมือนมีแรงดึงดูด ระหว่างทั้งสองเข้าหากัน ชินานางโผล่มา
“ใช่ อยากมีจนตัวสั่นสิไม่ว่า”
สิงคารกับพัดชาชะงัก ถอยออกจากกัน หันไปมองชินานาง เซซังเข้ามาหา ด้วยอาการเมา
“แม่นี่ถึงได้ลากคุณมาหลบมุมอยู่ตรงนี้ไงคะสิงคาร”
“คุณพูดเรื่องอะไร ผมเป็นคนชวนคุณพัดชาออกมาสูดอากาศ”
“ฮึ สูดอากาศ” ชินานางมองหน้าพัดชาแค่นหัวเราะ “สูดกันไปกี่ฟอดแล้วล่ะ เธอนี่เก่งนะ รับจ๊อบมาเฝ้าผัวชาวบ้าน แล้วยังใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วยการเก็บตกผู้ชายในงานกินเล่นได้อีก”
พัดชามองหน้าชินานางยิ้มเยือกเย็นไม่พูดอะไร ชินานางยิ่งเดือด
“แกยิ้มอะไร”
“คุณเมาแล้วนะชินานาง อยากให้คนมาเห็นหรือไง”
สิงคารคว้าแขน แต่ชินานางสะบัดเต็มแรง
“ก็มาสิ ไปเรียกออกมาเลย จะได้มาดูนังซินเดอเรลล่าถูกตบตกน้ำ”
ชินานางเงื้อมือจะตบ แต่พัดชาถอยหนี ชินานางเลยวืดถลาดไปที่สระน้ำ นางร้ายซุปตาร์ร้องกรี๊ดสุดเสียง
“แอร๊ย...ยยยย”
ร่างชินานางตกน้ำตูมใหญ่ สิงคารตกใจ
“คุณนาง”
ชินานางว่ายน้ำป๋อมแป๋ม แล้วตะโกนช่วย
“ช่วยด้วย ฉันว่ายน้ำเป็นไป คุณสิงคารช่วยฉันที”
ชินานางตะกายเหมือนลูกหมาตกน้ำ สิงคารพับแขนเสื้อ พยายามช่วยดึงขึ้นมา
พัดชามองสภาพชินานางอย่างสะใจแล้วเดินหนีไป
อ่านต่อตอนตอนไป
พัดชากลับเข้ามาในงาน เห็นพยสยืนดื่มอยู่มุมหนึ่ง มองจ้องมายังพัดชาเรียกด้วยสายตา แต่พัดชาเบือนหน้าหนี เดินไปสั่งเครื่องดื่ม บาร์เทนเดอร์แหวกที่ให้พัดชาด้วยความเต็มใจเข้ามารุมล้อม
พัดชาหว่านเสน่ห์ยิ้มแย้มหัวพูดคุยกับพวกหนุ่มๆ ทำเป็นไม่เห็นพยส ทนายหนุ่มอึ้งไป ลูกค้านักธุรกิจไม่แคร์ พัดชาก็ไม่เห็นหัว ยิ่งหงุดหงิดคว้าไวน์มาดื่มดับกลุ้ม
เวลาผ่านไปสักระยะพัดชายังคุยกับหนุ่มๆ อยู่ที่เดิม เหมือนไม่เห็นพยสในสายตาเลย พัดชาไว้ตัวเพียงแกล้งยั่วพยสเล่น
พยสดื่มจนหน้าแดงก่ำ และไม่ค่อยชอบใจมากขึ้นทุกที อยากจะขยับเข้าไป แต่เทศราชเดินมาขวางเสียก่อน
“พัดชาดูกำลังสนุกกับงานนะ นายจะเข้าไปขัดทำไม”
พยสตวัดสายตามอง เห็นเทศราชแล้วไม่สบอารมณ์
“ใครว่าฉันจะเข้าไปขัด”
“ฉันเห็นสายตานายเป็นแบบนี้ตั้งแต่สิบนาทีที่แล้ว ถ้าเข้าไปหักคอหนุ่มๆ พวกนั้นได้ นายก็คงทำ”
“ก็คงเป็นสายตาเดียวกับที่นายมองฉันมาตลอดล่ะมั้ง ไอ้มดแดงแฝงมะม่วง”
เทศราชยิ้มตอบ
“ฉันอยากจะฟังคำอธิบายของนายเหมือนกัน ว่าทำไมไม่พาตรีมาด้วย แต่เผอิญรู้อยู่แล้ว”
“แกรู้ได้ยังไง”
เทศราชยิ้มกวนตีนไม่ยอมตอบ ทำเป็นลูบท้อง มองไปรอบๆ
“อาหารในงานนี่น่ากินดีนะ แต่เสียดาย อิ่มมาแล้ว คงจะกินไม่ไหว”
เทศราชยิ้มมีเลศนัยแล้วเดินหนีไป พยสมองตาม ร้อนใจ เพราะคิดว่าเทศราชคงไปกินข้าวกับตรีประดับมา
พยสเครียด กินเหล้าอีก
ฝ่ายเสี่ยจิวเดินทักทายแขกในงาน แล้วมองไปที่มุมหนึ่งเห็นพัดชาอยู่กลางวงล้อมหนุ่มๆ ก็เริ่มสนใจขึ้นมา แต่พอจะเดินไป ก็ได้ยินเสียงเรียก
“เสี่ยคะ”
เสี่ยจิวหันไปมองเห็นชินานางเดินตัวเปียกโชก เข้ามา สิงคารตามติด
“อ้าว คุณไปทำอะไรมา ทำไมเนื้อตัวเปียกโชกขนาดนี้”
“ก็นัง...”
ชินานางเตรียมจะฟ้อง แต่สิงคารเข้ามากระซิบ
“คุณจะบอกเสี่ยจริงๆ เหรอว่ามีเรื่องกับผู้หญิงอื่นเพราะหึงผม เดี๋ยวเราก็ได้ซวยกันหมดหรอก”
ชินานางชะงัก นึกได้ สิงคารรีบหันมายิ้มกับเสี่ย
“คุณนางเธอลื่นน่ะครับ ก็เลยตกลงไปในสระ”
“ปัดโธ่ คุณเอ๊ย เอ้านี่” เสี่ยจิวหัวเราะขำยื่นกุญแจให้ “ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบนห้องก่อนก็แล้วกัน อย่าเข้างานไปแบบนี้เลย เลอะเทอะ”
“แล้วเสี่ยล่ะคะ ไม่พานางไปหน่อยเหรอ”
เสี่ยจิวมองไปทางพัดชา
“ผมต้องอยู่รับแขก”
“เสี่ย”
ชินานางตะโกนกระเง้ากดระงอด แต่ไม่เต็มเสียงหนักเพราะอายคน ดีดดิ้นไม่พอใจอยู่ตรงนั้นที่โดนเสี่ยเมิน
พัดชายังคงคุยกับหนุ่มๆ อยู่ที่บาร์ แต่ซักพักหนุ่มๆ ก็แตกฮือ เมื่อเสี่ยจิวปรากฏตัวขึ้น
“เรายังไม่ค่อยได้มีโอกาสคุยกันเลยนะครับคุณพัดชา”
พัดชายิ้มหวานให้เสี่ยจิว โยนจริตใส่เล็กน้อย
“งานสนุกมากค่ะ”
“ถ้างั้นก็อยู่นานๆ นะครับ มีสาวๆ สวยๆ อยู่ในงาน มันยิ่งทำให้บรรยากาศของงานรื่นเริงขึ้น”
“พัดคงต้องแล้วแต่คุณพยสค่ะ”
เสี่ยจิวหัวเราะ “คุณพยสแกกำลังเมาอยู่ คงไม่กลับง่ายๆ หรอก”
พัดชาตกใจ เพราะหล่อนมัวแต่หว่านเสน่ห์เช็คเรตติ้งจนลืมพยสไปเลย
พัดชารีบออกมาเห็นพยสนั่งอยู่ที่โซฟา แผ่เงยหน้าพิงพนักอยู่ รีบเข้ามา
“คุณพยสคะ คุณพยส”
พัดชาเข้ามาสะกิดปลุก พยสเหลือบตาขึ้นมอง ตาแดงๆ
“กลับเลยดีไหมคะ”
“คุณอยากจะกลับแล้วเหรอ นึกว่าจะอยากคุยต่อกับหนุ่มๆ ให้ครบทั้งงาน” พยสเมาจนของขึ้น แค่นหัวเราะ “นี่ขนาดคุณเพิ่งเคยออกงานยังป๊อปกว่าผมที่เป็นไอ้หมาหัวเน่า”
“พัดขอโทษค่ะที่ไม่ได้ดูแลคุณ พัดคิดว่าคุณไม่อยากให้พัดไปวุ่นวายตอนคุณคุยธุรกิจ”
“ช่างเถอะ ยังไงมันก็ล้มเหลวอยู่ดี ผมมันไอ้พวกล้มเหลว”
พยสเสียงดังขึ้น เพราะความอัดอั้นตันใจหลายเรื่อง
พัดชาเห็นท่าไม่ดี รีบเข้าไปประคอง
“เรากลับบ้านกันเถอะค่ะ”
พัดชาจับแขนประคองพยสพาเดินออกไป เทศราชเดินมาเห็นพอดี มองตามทั้งคู่ ด้วยสายตาเป็นกังวล กลัวว่าจะพากันไปไม่ถึงบ้าน
พัดชาขับรถพยสมาตามถนน สายตาเหลือบมองพยสที่หลับนิ่งอดเป็นห่วงไม่ได้
“เป็นยังไงบ้างคะ”
พยสนิ่งไปสักพักก็โก่งตัวเหมือนจะอ้วกออกมา พัดชาตกใจ
“คุณพยส”
พัดชารีบจอดรถเข้าข้างทางควานหาถุงด้านหลังรถ เสียงพยสโอ้กอ้าก พัดชาหันมาอีกที พบว่าอ้วกเปรอะเลอะเต็มเสื้อสูทของเขา
ในขณะที่ตรีประดับนั่งทำงานอยู่มีเสียงไลน์ดัง พอเปิดดูก็เห็นเทศราชส่งรูปโจ๊กมาให้ ตรีประดับอมยิ้มขำ กดโทรศัพท์ไปหา
“ส่งรูปของกินมายั่วตอนดึกๆ นี่ใจร้ายมากนะเทศ”
“ออกมากินด้วยกันสิ ให้นายยสพาออกมา”
“ยสเขาไม่อยู่ ไปงานเลี้ยง งานเดียวกับที่เทศไปนี่ ไม่เจอกันเหรอ”
“อ๋อ เอ้อ เจอ แต่เราออกมาก่อนนะ นึกว่ามันน่าจะกลับบ้านแล้ว”
เทศราชครุ่นคิด นึกถึงภาพพยสกับพัดชาที่โรงแรมแล้วอดกังวลไม่ได้
“คงใกล้แล้วล่ะ”
“งั้นกลับมาแล้ว ตรีชวนมันออกมานะ ร้านใกล้ๆ บ้านนี่เอง เราจะรอ”
เทศราชวางสาย ด้วยสีหน้าเป็นกังวล เมื่อรู้ว่าพยสยังไม่ถึงบ้าน
รถพยสจอดอยู่ริมถนน หน้าร้านสะดวกซื้อ ประตูรถเปิดอ้าซ่า เห็นพยสปลดกระดุมเสื้อนอนแผ่หลาบนเบาะที่ปรับเอน พัดชาถือขวดน้ำเข้ามา ประคองพยสขึ้น
“ดื่มน้ำซักหน่อยนะคะ จะได้รู้สึกดีขึ้น”
พยสทำตามอย่างว่าง่าย ดื่มน้ำไปหลายอึก
“เป็นไงคะ”
พยสพยักหน้า แล้วขยับตัว
“ผมอยากล้างหน้า”
พัดชาประคองพยสลงจากรถ พาไปล้างหน้าริมถนน มือช่วยจับประคองพยสไม่ให้ล้ม
น้ำเย็นๆ ช่วยให้พยสสร่างเมานิดๆ แต่ล้างไม่ค่อยถนัดเพราะมือถือขวดน้ำอยู่ข้างนึง พัดชาเลยช่วย
“พัดช่วยค่ะ”
พัดชาช่วยลูบหน้าให้ จังหวะนั้นเองพยสหันมามองพัดชาเต็มตา ใบหน้าทั้งสองใกล้ชิดกันมา ใบหน้าสวยคม ของพัดชา และกลิ่นเนื้อตัวหอมๆ จากเนินอกสล้าง ยิ่งทำให้พยสรัญจวนใจมากเป็นทวี
พัดชาเองก็ใจสั่น เพราะไม่เคยใกล้ชิดกับพยสขนาดนี้มาก่อน จบภาพที่ทั้งสองจ้องกัน
รถพยสเข้ามาจอดนิ่งไปรั้วบ้าน พัดชาหันไปดู เห็นพยสไม่หลับแล้ว แต่ยังดูคอพับคออ่อน
“คุณพยสขึ้นบ้านไหวไหมคะ”
พยสพยักหน้าจะลุก แต่ลืมปลดเข็มขัด เอื้อมมือมาปลดให้ ทั้งคู่ใกล้ชิดกันอีก โดยไม่ได้ตั้งใจ
พัดชารีบลงจากรถอ้อมมาเปิดประตูให้พยส แล้วประคองให้ลุกพาเข้าบ้าน
พยสยันตัวขึ้น แต่แขนหมดแรงทรุดลงไปกับเบาะอีก คราวนี้ดึงตัวพัดชาให้ล้มลงไปด้วยบนอกพยส ร่างทั้งสองแนบชิดกันเกือบจะทุกส่วน
พัดชานิ่งอึ้ง เพราะไม่ได้ตั้งใจให้เกิดสถานการณ์นี้ขึ้น ขณะที่พยสมองพัดชานิ่ง อารมณ์ปรารถนาทำให้ยั้งไม่อยู่อีกต่อไป ประคองแก้มพัดชายื่นหน้าเข้าไปจูบทันที
พัดชาชะงัก ไม่ได้ขัดขืน แต่ก็ยังไม่ทันได้ตอบสนอง เพราะในเสี้ยววินาทีนั้นเอง เสียงชิงฉัตรก็ดังขึ้น
“อายส”
พยสกับพัดชาสะดุ้งเฮือก รีบผละออกจากกัน หันไปเห็นชิงฉัตรกระโดดลงจากรั้วบ้านเดินเข้ามา โชคยังดีที่ชิงฉัตรไม่เห็นชัดว่าทั้งสองเลิฟซีนกันอยู่
“อ้าว พี่พัดก็อยู่ด้วยเหรอ ทำอะไรกันครับ หัดขับรถรอบดึกกันอยู่หรือเปล่า”
ชิงฉัตรพูดติดตลก แต่สายตารู้ทัน
“ฉันเมา พัดชาก็เลยจะพาเข้าบ้าน”
ชิงฉัตรยิ้มในสีหน้า “ไปกินที่ไหนกันมาเหรอครับ”
พยสหน้าซีดเผือด ละอายกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ต้องทำแข็งกร้าว
“ไม่ใช่เรื่องของแก”
ชิงฉัตรยักไหล่ ไขกุญแจนำเข้าโถงบ้าน พยสรีบลุกขึ้นแทบจะสร่างเมา พัดชารีบตามไปติดๆ
ชิงฉัตรเดินเข้ามาในบ้าน แกล้งส่งเสียงดังเรียกหาตรีประดับ
“อาตรีครับ อาตรี ผมกลับมาแล้วคร้าบ”
พยสตามเข้ามา เอ็ดชิงฉัตร
“แกจะเสียงดังไปทำไม”
“ผมเห็นห้องอาตรียังเปิดไฟอยู่ ก็เลยจะบอกให้อาตรีหายห่วงว่าผมกลับถึงบ้านแล้ว (ตะโกน) อาพยสกับพี่พัดชาก็กลับมาด้วยครับอาตรี”
“ไอ้ฉัตร”
พยสฮึดฮัด ตรีประดับเดินลงมาพอดี แปลกใจที่เห็นสามคน
“เสียงดังอะไรกันคะ อ้าว กลับมาพร้อมกันหมดเลย บังเอิญจริง”
“ครับ บังเอิญมากเลยครับ ตอนผมเข้าบ้านมาก็ยังไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่าจะบังเอิญขนาดนี้” ชิงฉัตรว่
“มีอะไรเหรอจ๊ะ”
“ก็เห็นพี่พัดชากับอายส...”
พยสสวนขึ้น “ผมเพิ่งกลับจากงานเลี้ยง ดื่มมากไปหน่อยก็เลยลุกไม่ไหว พัดชาเลยมาช่วยพยุง ตรีอย่าไปสนใจฟังไอ้บ้านี่เลย”
“ผมก็ว่าจะพูดอย่างนั้นพอดี หรืออายสคิดว่าผมจะพูดอะไร”
พยสถลึงตาใส่ เห็นชิงฉัตรมองเย้ยเลยหาเรื่องโจมตีบ้าง
“แล้วแกล่ะ ทำไมถึงกลับเอาป่านนี้ หนีเรียนอีกแล้วใช่ไหม”
พยสกระชากตัวหลานชายเข้ามาดมกลิ่น แล้วผลักไปหาตรีประดับ
“ดมดูก็แล้วกัน ไอ้หลานคนโปรดคุณ ใส่ชุดนักเรียนแต่กลิ่นเหล้าหึ่งอย่างกับขี้เมาข้างถนน”
ชิงฉัตรหัวเราะเยาะ “เกิดมาผมเพิ่งเคยได้ยินขี้เมาด่าขี้เมาด้วยกัน”
พยสเลือดขึ้นหน้าเสียงดังใส่ “ฉันจะเมายังไงก็ได้ เพราะฉันทำมาหากินเลี้ยงตัวเอง แต่แกมันยังต้องแบมือคนอื่น ฉันส่งแกไปร่ำไปเรียน ไม่ใช่ส่งไปกินเหล้าเล่นยาเสพติด”
ตรีประดับตะลึง ไม่คิดว่าพยสจะรู้เรื่องนี้ “ยสคะ”
พยสเอาเรื่อง “คุณอย่าคิดผมไม่รู้เรื่องนี้นะ ช้างตายทั้งตัวมันปิดไม่มิดหรอก อายุแค่นี้แกยังเหลวแหลกได้ขนาดนี้ อีกหน่อยไปแกคงเป็นไอ้โจรห้าร้อย”
ชิงฉัตรมองพยสด้วยสีหน้าอันเจ็บปวด แล้วตบมือให้เชิงเยาะหยัน
“อายสนี่เปลี่ยนเรื่องเก่งจริงๆ พูดเรื่องของอาอยู่หยกๆ กลายมาเป็นเรื่องเลวๆ ของผมซะได้”
“เพราะเรื่องเลวๆ ของแกเป็นสิ่งฉันจะต้องจัดการ” พยสชี้หน้าหลาน “แกเตรียมตัวได้เลย เวลาของแกในบ้านนี้หมดแล้ว ฉันจะส่งแกไปอยู่โรงเรียนประจำ”
ชิงฉัตรตะลึง คาดไม่ถึง
“ยส”
พยสไม่มองหน้าใครทั้งสิ้น ผลุนผลันขึ้นบ้าน ตรีประดับรีบตามไป
โถงชั้นล่างเหลือเพียงชิงฉัตรที่ยังยืนหน้าถอดสี ช็อคกับคำประกาศิตของพยส พอนึกได้ก็หันไปมองพัดชา เห็นสายตายิ้มเยาะสะใจของพัดชา แต่พอจะพูดถามอะไร พัดชาก็รีบเดินหนีเข้าห้อง ปิดประตูล็อกทันที
ชิงฉัตรยืนนิ่ง เครียดจัด
ตรีประดับตามเข้ามาในห้อง เห็นพยสกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำ
“ยสคะ ใจเย็นๆ ก่อนนะคะเรื่องชิงฉัตร”
“ตรีอย่ามากล่อมผมให้ยาก มันหนักข้อขึ้นทุกวันตรีก็เห็น”
“ชิงฉัตรเป็นคนเลือดร้อน ถ้าเราจะกล่อมเกลาเขาก็ต้องใจเย็นสิคะ”
“ความใจเย็นมันใช้ได้ผลกับไอ้ฉัตรหรอกตรี ตรีก็เห็นอยู่ว่ามันมาอยู่บ้านเราแล้วมีอะไรดีขึ้นบ้าง ไม่เลวลง แล้วตรีก็เป็นคนช่วยปิดบังความเลวของมันไว้ไม่ให้ผมรู้”
ตรีประดับหลบสายตา เถียงไม่ออก
“คนใจอ่อนอย่างตรีเอามันไม่อยู่หรอก ไอ้ฉัตรมันต้องไปอยู่ในที่ที่มีกฎระเบียบเข้มงวด ให้คนควบคุมมันแบบกระดิกไม่ได้ แบบนั้นแหละถึงจะดี”
“แต่ตรีสงสารหลาน แกไม่เหลือใครแล้วนอกจากเรา แล้วเรายังจะผลักไสแกอีกเหรอคะ”
“ถ้าตรีรักมัน ตรีก็ควรจะยอมให้มันได้รับการอบรมที่ดีพอที่มันจะไม่โตขึ้นมาเสียผู้เสียคน”
พูดจบพยสก็หนีเข้าห้องน้ำไป ตรีประดับถอนใจ รู้ว่าคราวนี้ขัดพยสไม่ได้แน่
พอเข้าห้องมา พยสก็ทิ้งเรื่องชิงฉัตรไปหวนนึกถึงวินาทีล่อแหลมกับพัดชา
ตอนนั้นเขามองจ้องพัดชาอย่างตื่นตะลึง ดึงร่างเธอเข้ามาจูบ
นึกแล้วพยสหน้าเสีย รู้สึกผิด รีบเปิดน้ำ ปล่อยให้น้ำจากฝักบัวไหลรดลบภาพนั้นออกไปจากสมอง
ส่วนพัดชานั่งอยู่ที่เตียง เอามือแตะริมฝีปากตัวเองอย่างใจลอย นึกถึงภาพเดียวกัน ใจล่องลอยไปไกล จนเกิดเคลิบเคลิ้ม รอยยิ้มมีความสุขผุดขึ้นบนหน้า
พัดชานั่งยิ้มกับตัวเอง ขณะที่มือยังคงสัมผัสริมฝีปากเหมือนอยากจะประทับรอยจูบนั้นไว้ตลอดไป
เช้านี้ ตรีประดับนั่งเครียดอยู่ที่โต๊ะอาหาร กินอะไรแทบไม่ลง บนโต๊ะมีอาหารวางอยู่เต็ม พัดชาเดินเข้ามา สีหน้ารู้สึกผิด
“คุณฉัตรไม่ยอมทานข้าวหรือคะ”
“เรียกก็ไม่ยอมตอบ แต่พี่เห็นว่ารองเท้ายังอยู่ แสดงว่าคงอยู่ในห้องนั่นแหละ”
พัดชาเดินเข้ามานั่งข้างๆ ตรีประดับ แล้วยกมือไหว้
“พัดขอโทษนะคะที่ต้องเล่าเรื่องคุณฉัตรให้คุณพยสฟัง”
ชิงฉัตรเดินมาหยุดแอบฟังที่หน้าห้องทานอาหาร
“แต่พัดเห็นว่าในฐานะที่คุณพยสเป็นอาแท้ๆ เธอควรจะรู้เรื่องนี้ ก่อนที่จะสายเกินแก้”
“แต่พี่ไม่อยากให้ส่งฉัตรไปอยู่ที่อื่น มันใจร้ายเกินไป”
“เพื่อชีวิตที่ดีของคุณชิงฉัตรเอง พี่ตรีต้องอย่าใจอ่อนนะคะ” พัดชาอ้อนวอน
ชิงฉัตรแอบฟังอยู่ กำมือแน่น เจ็บใจที่พัดชาพยายามเสี้ยมให้ตัวเองออกจากบ้าน
ไม่นานต่อมาพัดชาออกมาตักใบไม้ในสระน้ำ สวมเสื้อคลุมคล้ายเตรียมเล่นน้ำ ชิงฉัตรเดินตรงเข้ามากระชากด้ามตาข่ายออกจากมือ
“ถามจริงๆ เถอะ ที่คิดจะเขี่ยผมออกจากบ้าน เพราะกลัวผมจะปากโป้งเรื่องเมื่อคืน หรือเรื่องของเรา”
“คุณพูดอะไร” พัดชาทำไก๋
“ตัวเองทำอะไรก็รู้แก่ใจ”
พัดชาคลี่ยิ้มออกมา
“บอกแล้วไงว่าฉันมีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของพี่ตรี อะไรที่เป็นภาระ ฉันก็ไม่อยากให้พี่ตรีแบกไว้ให้ชีวิตลำบาก”
“ภาระที่ว่ารวมถึงอาพยสด้วยหรือเปล่า” ชิงฉัตรแดกดัน
“ก็ไม่แน่ ถ้าพี่ตรีอยากให้ฉันช่วยปลดภาระ” พัดชาพูดท้าทาย
“พี่ไม่วันได้สมหวัง เพราะพี่เป็นของผม”
พัดชาส่ายหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์ “ของๆ คุณก็มีแต่เสื้อผ้าเครื่องใช้ที่คุณต้องเอาไปโรงเรียนประจำในอีกไม่กี่วันเท่านั้นแหละ”
ชิงฉัตรเจ็บใจ กระชากพัดชาเข้ามาใกล้
“อยากให้ผมไปจริงเหรอ พี่ไม่คิดถึงจูบแบบนี้หรือไง”
พร้อมกับว่าชิงฉัตรกอดจูบ ซุกไซ้ซอกคอ พัดชาขัดขืนไม่พอใจ แล้วเหลือบขึ้นไปชั้นบน เห็นหน้าต่างห้องตรีประดับเปิดแง้มอยู่ พัดชาผลักชิงฉัตรออก แล้วมองด้วยสายตายั่วเย้า
“ไม่ใช่ที่นี่”
ชิงฉัตรยิ้มกระหยิ่ม นึกว่าพัดชาเล่นด้วย แต่จู่ๆ พัดชาก็ดึงชิงฉัตรตกน้ำตูมลงไป
ชิงฉัตรเหวอๆ พอโผล่ขึ้นเหนือน้ำก็นึกสนุก
“อยากเปลี่ยนสถานที่ก็ไม่บอก”
ชิงฉัตรดึงพัดชามาชิดขอบสระ แล้วโผเข้าหา พัดชารอจังหวะ แล้วร้องกรี๊ดดังลั่น
“อย่านะคะคุณชิงฉัตร ปล่อยฉัน”
ตรีประดับอยู่ชั้นบนได้ยินเสียง โผล่จากหน้าต่างมาดู เห็นพัดชากับชิงฉัตรในสระว่ายน้ำ พัดชาออกอาการดิ้น
ตรีประดับวิ่งลงมาจากชั้นบน ตรงมาที่สระว่ายน้ำ
“อะไรกันน่ะน้องพัด ฉัตร”
พัดชามีสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ ตะกายขึ้นจากน้ำ รีบพุ่งเข้ามาหาตรีประดับบอกเสียงสั่น
“คุณฉัตร...คุณฉัตรจะลวนลามพัดค่ะ”
“อะไรนะ” ตรีประดับตกใจหันขวับไปมองชิงฉัตรที่ตามขึ้นมา “จริงหรือเปล่าฉัตร
“ผม...ผมไม่ได้...” เด็กหนุ่มแก้ตัวได้ไม่เต็มปาก
“คุณฉัตรโกรธเพราะได้ยินว่าพัดเป็นคนเล่าเรื่องปาร์ตี้ยาให้คุณพยสฟังค่ะ ก็เลยเข้ามา...” พัดชาบีบน้ำตาทำท่าจะร้องไห้
ตรีประดับมองชิงฉัตรอย่างผิดหวัง
“ทำไมถึงทำแบบนี้ ทำไมถึงทำเรื่องไม่รู้จักจบจักสิ้นซักที อาบอกแล้วว่าพัดชาเหมือนเป็นน้องสาวของอาคนนึง ฉัตรคิดกับเขาอย่างนี้ได้ยังไง”
ชิงฉัตรโพล่งขึ้น “เขายั่วผมก่อน”
ตรีประดับตะลึงอีกเป็นคำรบ พัดชาทำหน้าตกใจ แล้วปิดหน้าร้องไห้
“จริงๆ นะครับอาตรี พัดชาเขายั่วผม ที่จริงแล้วเรา...”
ตรีประดับหันไปเห็นพัดชาปิดหน้าร้องไห้ ก็ยิ่งโกรธ
“หยุดนะฉัตร อย่ามาพูดอะไรน่ารังเกียจแบบนี้นะ”
“ผมพูดจริง เรามีอะไรกันแล้ว เขาเป็นเมียผม”
พัดชาปล่อยโฮ ทรุดลงกับพื้น ตรีประดับสุดทน ตบหน้าชิงฉัตรดังฉาด ตวาดลั่น
“พอได้แล้ว เธอมันไม่มีความเป็นลูกผู้ชาย เธอกล้าพูดถึงผู้หญิงเสียๆ หายๆ แบบนี้ได้ยังไง”
ชิงฉัตรได้แต่อึ้ง เจ็บปวดที่ถูกตรีประดับผู้เคยเข้าข้างตลอดตบหน้า
“อาตรี”
ตรีประดับน้ำตาคลอ ผิดหวังในตัวชิงฉัตรเหลือแสน เข้าใจไปแล้วชิงฉัตรโกหก
“อาของเธอพูดถูก เธอไม่เหมาะที่จะอยู่บ้านหลังนี้จริงๆ”
ชิงฉัตรน้ำตาร่วง เสียใจที่ตรีประดับไม่เชื่อเขาเลย ตรีประดับเบือนหน้าหนีปาดน้ำตาทิ้งไป
“อาตรี อาตรีครับ”
ตรีประดับเดินลิ่ว ไม่หันกลับมา ชิงฉัตรได้แต่มองตามอย่างเสียใจ แต่ก็หมดแรงเดินตาม ส่วนพัดชาค่อยๆ เหลียวมามองหน้าชิงฉัตรด้วยแววตาแห่งผู้ชนะ โดยที่ชิงฉัตรไม่ทันเห็น
เทศราชนั่งอยู่ที่โซฟารับแขกโถงบ้านสวน นั่งคุยอยู่กับภูมิ แววเดินถือถาดน้ำเข้ามาท่าทีหมางเมินตามเคย
“ซื้อข้าวของมาฝากคนแก่อีกแล้ว ขอบมากใจนะลูก แล้วนี่มีธุระอะไรด้วยหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็อยู่กินข้าวกลางวันด้วยกันก่อนนะ
“พอดีผมมีนัดดูที่ใกล้ๆ แถวนี้แหละครับ” เทศราชบอก
แววยื่นน้ำดื่มให้มือสั่นๆ เทศราชยังไม่ทันสังเกต
“จะย้ายมาปลูกบ้านแถวนี้หรือไงจ๊ะ แบบนี้บ้านเราคงได้ของฝากตาเทศทุกวันมั้งพ่อ”
แววเหน็บแนมหัวเราะหึๆ มองหมั่นไส้ เทศราชรับน้ำมาหน้าเจื่อน แต่สังเกตเห็นมืออีกฝ่ายสั่นเทา เลยไม่ได้สนใจที่โดนเหน็บ จับมือแววทันที
“คุณแม่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
แววรู้สึกตัวมองเห็นมือตัวเองสั่นๆ รีบชักมือกลับ
“ไม่ค่อยสบายนิดหน่อย” แววหันไปบอกกับภูมิว่า “พ่ออยู่คุยกับตาเทศไปคนเดียวนะ ฉันจะไปนอนพัก”
แววหันหลังเดินไป แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หน้ามืดซวนเซจะล้มลง ภูมิตะลึงตะไล
“แม่”
เทศราชตกใจปราดเข้าไปประคองไว้ทัน แววหมดสติไปแล้ว
“คุณแม่ครับ คุณแม่”
อีกฟากชิงฉัตรยืนกระวนกระวายอยู่หน้าห้องตรีประดับ เคาะประตูเรียก
“อาตรีครับ เปิดประตูให้ผมเถอะครับ ผมมีเรื่องอยากอธิบายกับอาตรีจริงๆ”
ตรีประดับยังเงียบอยู่ ชิงฉัตรเคาะต่อ
“ผมขอโอกาสในการพูดแค่ครั้งเดียว แล้วอาตรีจะตัดสินใจยังไงกับอนาคตของผม ผมก็พร้อมจะยอมรับทุกอย่าง นะครับอาตรี”
พอเห็นตรีประดับเปิดประตูออก ชิงฉัตรยิ้มดีใจ แต่อีกฝ่ายบอกอย่างเย็นชา
“อาไม่ว่างคุยหรอกฉัตร เอาไว้ก่อนก็แล้วกัน”
จากนั้นตรีประดับเดินผ่านชิงฉัตรไปอย่างรีบร้อน
“แต่อาตรีครับ อาตรี”
ชิงฉัตรวิ่งตามลงไป แต่ตรีประดับขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรีบร้อน
เทศราชนั่งรออยู่กับภูมิที่หน้าห้องตรวจ ตรีประดับรีบร้อนมา
“คุณพ่อ เทศ คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ”
“ก็โรคหัวใจเจ้าเก่า แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้วลูก”
ตรีประดับทรุดลงนั่งข้างๆ เตียง มองมารดาอย่างโล่งอก
“เมื่อปีที่แล้วก็อาการแบบนี้ เหนื่อยง่าย วูบไม่รู้ตัว ดีนะที่วันนี้เทศอยู่เลยรีบอุ้มมาโรงพยาบาล”
ตรีประดับหันมาหา “ขอบคุณนะเทศ ตรีนี่แย่จริงๆ เลย พ่อแม่ไม่สบาย แต่รู้ช้ากว่าคนอื่นอยู่เรื่อย”
“คนอื่นที่ไหนกัน นี่ก็พ่อเรา นั่นก็แม่เราเหมือนกันนะตรี”
ตรีประดับมองเทศราชอย่างซาบซึ้งใจ จับมือเทศราชบีบแน่น น้ำตาคลอ เทศราชมองตรีประดับเขินๆ
แววลืมตาตื่น ตรีประดับช่วยปรับเตียงให้สูงขึ้น
“เป็นยังไงบ้างคะแม่”
“ได้หลับไปตื่นนึงก็ดีขึ้นเยอะ”
“ที่แท้แม่เราเขาอยากเปลี่ยนที่นอนนี่เอง” ภูมิพูดติดตลก “ทีหลังบอกตาเทศดีๆ ก็ได้ เนาะตาเทศ”
แววมองค้อนผัว แล้วหันไปพูดกับเทศราชอย่างเสียไม่ได้
“ยังไงก็ขอบใจนะ ที่เป็นธุระพาแม่มา มีอะไรธุรกิจอะไรก็ไปทำเถอะ”
เทศราชยิ้มเจื่อน รู้ว่าโดนแววไล่อ้อมๆ เลยจำต้องยกมือไหว้
“งั้นเดี๋ยวผมมาเยี่ยมใหม่นะครับ”
ตรีประดับเดินออกมาส่งเทศราชที่หน้าลิฟต์
“แต่เย็นนี้อาจารย์หมอสุธา คุณหมอของคุณพ่อเราจะมาดูอาการแม่ตรีด้วย ท่านเป็นหมอที่เก่งมาก ตรีไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
ตรีประดับมองหน้าเทศราชซึ้งๆ
“ขอบคุณนะเทศที่เราได้เป็นเพื่อนกัน เราไม่รู้จริงๆ ว่าถ้าไม่มีเทศแล้วชีวิตเราจะแย่แค่ไหน”
เทศราชยิ้มเขินๆ แต่ก็แอบเจ็บลึกเมื่อตรีประดับย้ำคำว่าเพื่อนอยู่นั่นเอง
“ไม่มีวันหรอกที่ชีวิตตรีจะไม่มีเรา ต่อให้ตรีอยากเลิกคบกับเราใจแทบขาด เราก็จะไม่มีวันเลิกคบตรีเป็นเพื่อน”
ตรีประดับเต็มตื้นน้ำตาคลอๆ เทศราชเช็ดน้ำตาให้
“เลิกดราม่าเดี๋ยวนี้ แล้วกลับไปหาพ่อแม่ซะ ท่านคิดถึงลูกสาวบ้างานจะแย่แล้ว”
ตรีประดับยิ้มออก พยักหน้า แล้วส่งเทศราชลงลิฟต์ไป
ชิงฉัตรนั่งหน้าหม่นหมองอยู่กลางห้อง ภาพในหัวมีแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน ตรีประดับตบหน้าชิงฉัตรด้วยความโกรธ
“พอได้แล้ว เธอมันไม่มีความเป็นลูกผู้ชาย เธอกล้าพูดถึงผู้หญิงเสียๆ หายๆ แบบนี้ได้ยังไง”
ชิงฉัตรยืนอึ้ง เจ็บปวดที่ถูกตรีประดับอาสะใภ้แสนดีที่เขารักและบูชาตบหน้า
“อาตรี”
ตรีประดับมองนิ่ง น้ำตาคลอด้วยความรู้สึกผิดหวังในตัวชิงฉัตร เข้าใจว่าเด็กหนุ่มโกหก
“อาของเธอพูดถูก เธอไม่เหมาะที่จะอยู่บ้านหลังนี้จริงๆ”
ชิงฉัตรดึงตัวเองกลับมากอดเข่าซุกหน้าลงอย่างว้าเหว่ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พอกดรับก็ได้ยินเสียงเพื่อน
“ตกลงจะมาป่าววะ ฉันรออยู่เนี่ย”
ชิงฉัตรลังเลนิดๆ “ยังไม่รู้เลยว่ะ”
“เฮ้ย จะลังเลอะไร ไหนว่าไม่อยากไปอยู่โรงเรียนประจำไง ก็มาอยู่ด้วยกันสิวะ หารค่าหอกันคนละครึ่ง ทีนี้ชีวิตก็จะเป็นของแกคนเดียว ไม่มีใครมาชี้นิ้วบงการอีก”
ชิงฉัตรถอนใจเฮือก รู้ว่าถ้าหนีออกไปก็คงถูกตัดหางปล่อยวัด เลยคิดหนัก
“ตามใจนะโว้ย คิดดูดีๆ โรงเรียนประจำมันคุกชัดๆ แต่ถ้ามาอยู่กับฉัน แกจะได้โตเป็นผู้ใหญ่ วันนึงแกก็จะมีเงินทองมาโยนใส่ไอ้หน้าคนที่มันดูถูกแกไง”
ชิงฉัตรเครียดหนัก แต่แววตาวาววับมีลูกฮึดขึ้นมา
พัดชายืนมองอยู่ชั้นบน รอจนเห็นชิงฉัตรแบกเป้ออกประตูบ้านไปแล้ว จึงรีบลงมาที่ห้องคู่ขารุ่นน้อง เปิดประตูเข้าไปก็เห็นแต่ความว่างเปล่า พัดชายิ้มร้ายออกมาอย่างโล่งใจ
“ลาก่อน คุณชิงฉัตร”
พยสกลับเข้าบ้านมา เห็นบรรยากาศเงียบสงัดก็แปลกใจ เดินมาเรื่อยๆ ก็เห็นพัดชาจัดโต๊ะอาหารอยู่ ทั้งสองหยุดมองกันนิ่ง เพิ่งมีโอกาสได้เผชิญหน้ากัน ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วาบหวามหวาดเสียวเมื่อคืน
“ไม่มีใครอยู่เลยหรือพัด” พยสถามแก้เก้อ
พัดชาโกหกหน้าตาย “คุณชิงฉัตรคงอยู่ในห้องค่ะ พัดไม่เห็นตั้งแต่เช้า ส่วนพี่ตรีไปเยี่ยมคุณแม่ที่โรงพยาบาล”
“อ้าว ไม่มีใครบอกผม”
“พี่ตรีบอกว่าอาการดีขึ้นแล้วค่ะ ก็เลยไม่อยากรบกวนคุณยส แล้วก็ฝากให้พัดดูแลคุณยสด้วย ทานข้าวเลยไหมคะ”
พยสเดินใจลอยมานั่งที่โต๊ะอาหาร พัดชาตักข้าวให้ทันที อาการทั้งคู่สงบเงียบ
“ทานด้วยกันสิพัด”
พัดชาชะงัก ลงนั่งอย่างว่าง่าย ทั้งสองสบตากันตรงข้ามโต๊ะ พยสเหมือนมีอะไรในใจอยู่ แต่ลังเลว่าจะพูดดีหรือไม่ ในที่สุดก็ตัดสินใจพูด
“เรื่องเมื่อคืน...”
พัดชาชะงักมองเขาเต็มตา พยสยิ่งประหม่าเขินอาย เพราะในความเป็นสุภาพบุรุษเขารู้สึกว่าตัวเองทำไม่ถูก
“คือผม...”
พัดชาพูดแทรกขึ้น “ไม่เป็นไรค่ะ”
พยสมีสีหน้าแปลกใจ พัดชายิ้มใสซื่อตัดบทเหมือนไม่คิดอะไร
“พัดรู้ว่าคุณยสไม่ได้ตั้งใจ เราจะทำเหมือนมันไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ทานข้าวเถอะค่ะ”
พัดชาตักข้าวกินไปโดยไม่สบตาพยสอีก แต่พยสกลับจดสายตามองพัดชานิ่งนานโดยไม่ยอมถอนสายตา
รู้สึกถูกดึงดูดด้วยอารมณ์รัญจวนประหลาดล้ำ ยิ่งยาก พยสยิ่งอยากค้นหา
อ่านต่อตอนที่ 13