"เวิร์คพอยท์" กำไร เพิ่มทุกปี
แต่ "ละคร" คงไว้สัปดาห์ละ 1 เรื่อง
"เวิร์คพอยท์ 23" สถานีโทรทัศน์ดิจิทัล อันดับ 1 ขยายฐานไปสู่โซเชียลมีเดีย ปรับผังรายการใหม่ เดือนตุลาคม 2559 ส่งความสุขให้ผู้ชมด้วยรายการใหม่ๆ ดังนี้ "แฟนพันธุ์แท้ ซูเปอร์แฟน, เกมจารชน คู่หูอันตราย, หน้ากากนักร้อง The Mask Singer, ไมค์ทองคำ หมอลำฝังเพชร, ศัลยกรรมพลิกชีวิต Let me in Thailand Season 2" และละครเรื่อง ชะนีผีผลัก, แรงชัง”
"ชลากรณ์ ปัญญาโฉม" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานดิจิทัลทีวี
"ปีนี้ฐานคนดูโตขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ 7 แสน คนต่อนาทีต่อวัน ปีที่แล้ว 5 แสนคน ถ้านับถึงเดือนที่แล้วกันยายน ก็ เป็นไปตามเป้าครับ ทั้งเรทติ้ง / คนดู / รายได้ ช่วงที่คนดูเยอะสุดก็ ไพร์มไทม์ 2-3 ล้าน (18.30 - 22.30 น) เรทติ้งเฉลี่ยทั้งวัน 1.23 รายการที่มีอันดับสูงสุดคือ “ไมค์ทองคำเด็ก” 7-8 ล้าน รองลงมา ไอแคนซียัววอยซ์, ไมค์ทองคำ, ไมค์ปลดหนี้, ปริศนาฟ้าแล่บ, วาไรตี้32ทุ่ม"
รายการต่อไปจะซื้อ หรือผลิตเอง
"ไม่ได้ฟิกซ์ครับ ผสมๆ กัน มีที่ทำใหม่แล้วก็มีที่ซื้อบ้าง จริงๆ ซื้อไม่ได้เยอะมาก แต่เวลาดัง มันดังมาก ถ้าไล่ดูจะมี “I can see your voice, Let me in, Mask Singer” รายการที่ทำเองส่วนใหญ่เป็นเดลี่ 5 วัน รักษาฐานคนดู ให้เขาจำได้ว่าเวลานี้มีรายการนี้นะ แล้วสร้างอารมณ์ให้เขาต้องดูทุกวัน ส่วนกระแสก็อาทิตย์ละวัน อาทิตย์นี้เล่นอะไรดี รายการเดลี่จะทำยากกว่า เพราะว่าต้องประคองเรทติ้งทุกวัน"
เดือนตุลานี้ปรับผังอย่างไรบ้าง
"เปลี่ยนใหม่หลายรายการ มีโยกย้ายนิดหน่อย รายการใหม่เดือนตุลาก็จะมี “Mask Singer” ใส่หน้ากากร้องเพลงแข่งกัน ซื้อจากเกาหลี ออนแอร์ 6 ต.ค.59 เวลา 20.00 น. เป็นวันแรก ขยับ “แท่ง-โหน่ง” ไปอยู่วันอาทิตย์เพราะขยายเวลาเป็น 1 ช.ม. 40 นาที รายการใหม่ที่เริ่มไปแล้วมี “Let me in ศัลยกรรมหน้า” มาแทน “SME ดีแตก” Let me in ซื้อจากเกาหลี หลังดูฟอร์แมทเอเชีย เพราะว่าราคาพอซื้อขายได้ สามารถปรับให้เข้ากับคนเอเชียได้ง่ายกว่า ถ้าเป็นของอังกฤษ อเมริกา 1.ราคาสูง 2.มีข้อจำกัดในการปรับเปลี่ยนเยอะ อย่าง I can see your voice เราก็ปรับจากออริจินัลเยอะครับ"
ละคร มีการปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง
Wยังคงไว้แหมือนเดิม สัปดาห์ละเรื่อง ยังไม่ได้เพิ่ม รอจังหวะ เวลานิดหนึ่ง เนื่องจากทำละคร 1.ต้นทุนสูง 2.ใช้เวลานาน สถานการณ์ตอนนี้มันเหมือนตอนมี 6 ช่องมากเลย เมื่อก่อนจะมี 3, 5, 7, 9, 11, tpbs แล้วก็พวกดาวเทียม ตอนนี้จะเป็น 7, 3, เวิร์คพอยท์, โมโน, 8, วัน ที่เหลือเรทติ้งประมาณดาวเทียม สองช่องหลักก็เรทติ้งเยอะหน่อยที่เหลือก็ไล่เรียงกันลงไป เราทำทุกแบบ ทั้งขยายไพร์มไทม์ รายการไหนเรทติ้งไม่ดีก็เปลี่ยนW
นโยบายในเรื่องละคร
"เหมือนเดิม ถ้าบรรยากาศยังไม่หวือหวาขึ้นก็คงจะสัปดาห์ละเรื่อง เว้นแต่ว่า อยู่ดีๆ เศรษฐกิจมันโตตื่นตูมขึ้นมาก็อีกเรื่อง ดูจังหวะนิดหนึ่ง เนื่องจากต้นทุนเยอะ คือละครมันต้องสต็อคกว่าจะถ่ายเสร็จ ครึ่งปี 7 เดือน ต่อปีก็ 5-6 เรื่อง นี่ขนาดแค่ อาทิตย์ละเรื่องนะ สังเกตช่องที่เขาเน้นละคร ปีหนึ่งเขาทำ 30 เรื่อง ผู้ผลิตคนไหนทำล่าช้าเราก็สต็อค แล้วดีเลย์เรื่องอื่นออกไป ในแง่เรทติ้งเท่ากัน รายการกำไรกว่าเยอะ ทีวีซื้อตามเรทติ้งอยู่แล้วครับ สุดท้ายก็ตรวจด้วยเรทติ้ง มันดิ้นยาก
หลักๆ ไม่ใช่เรื่องใช้สตังค์เยอะนะครับ แต่ตอนนี้ไทม์มิ่งมันไม่ใช่ จากประวัติศาสตร์แต่ละช่องใช้เวลาบิลด์ละครเกือบ 10 ปี เดี๋ยวนี้เร็วขึ้นอย่างน้อยมี 5 ปี นักแสดงก็เป็นปัจจัยหนึ่ง ทำให้ต้องใช้เวลา ต้องรอเขาคิดว่าง คิวแน่น ค่าตัวยังสูงอยู่
พอดีเป็นเวิร์คพอยด์ด้วย เราเลยทำวาไรตี้ได้ประหยัด เพราะเรามีสตูเอง ราคาเช่ามีตั้งแต่ 5 หมื่นยัน 8 แสน พวกรายการใหญ่ๆ แบบไทยแลนด์ก็อตทาเลนจ์เป็นล้านก็มี ละคร ทำชั่วโมงหนึ่งต้องมีอย่างน้อยล้าน 2 แน่ๆ ถูกๆ ก็ 8 แสนแล้ว แคตอื่นเรายังไม่เก่งนัก คนอื่นเขาทำกัน แต่แคตที่เราทำยังไม่เห็น เราจึงไม่ได้ทำละครมาก เพราะเวลายังไม่ใช่ ยุคหนึ่งเราเคยทำสมัยเช่าเวลาอยู่ พอผู้บริหารเปลี่ยนก็ต้องเลิกไป"
โซเชียลมีเดีย ?
"ํYou Tube เป็นรายได้ ปีนี้ 50 ล้าน ปีที่แล้ว 20 เพิ่มขึ้นเพราะมียอดวิวเพิ่ม เราเริ่มให้ความสำคัญด้วยการเอารายการลงถี่ขึ้น รายการที่เรทติ้งดีคนดูเยอะ
Line tv เป็นลิขสิทธิ์ที่โน่น เขาจ่ายสตังค์เลย ยังไม่เยอะมาก เขาจ้างเรา เท่าที่เทสต์ดู ไลน์ทีวีเหมาะกับเด็ก ก็ได้ประมาณหนึ่ง เพราะสินค้าจำกัด แต่ที่เขาทำกับเราเพราะอยากขยายฐาน ตอนนี้เอารายการเก่าไปลง แต่ไม่เอ็กซ์คลูซีฟ
Facebook ทำสัญญากันว่า ปีนี้จะมีรายได้จำนวนหนึ่ง ในแต่ละเดือนเราต้องทำคอนเทนท์ลงเฟสบุ๊คตามจำนวนที่ตกลง ตัวเลขไม่ได้เยอะมาก รายการอะไรก็ได้ จะออนแอร์พร้อมกัน หรือไลฟ์ทีหลังก็ได้ เขาไม่ซีเรียสมาก เพราะคนดูคนละพวกกันครับ ชั่วโมงหรือนาทีที่เราไลฟ์เท่าไรก็จะมีรายได้ ประมาณที่เราทำไหว จริงๆ ยิ่งเยอะ ยิ่งได้ตังค์เยอะ
แต่ละแพลทฟอร์มต่างกัน อยู่ที่ว่าเราจะจิ้มอันไหน แต่ที่ยูทูปโตเพราะมันเล่นได้กันทั้งโลก แล้วเรทโฆษณาต่างประเทศแพงกว่า เวลาเราเขาแชร์ เวลาต่างประเทศดู เราก็ได้ตังค์ด้วย ปีหน้าจะขึ้นซับไตเติ้ลถ้าประเทศนั้นๆ ดูกันเยอะ จะช่วย ครับ
ที่เราทำ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Line, Twitter เป็นเหมือนการพีอาร์ว่ามีอะไรฉายอยู่ กับ พีอาร์เนื้อหาบางอย่างที่ออกทีวีไม่ได้ให้ลูกค้า ที่ต้องการรายละเอียดในการอ่าน ในการดู You Tube จะเป็นที่เขาดูไม่ทัน พฤติกรรมเป็นอย่างนั้น ส่วน แอพ กับ เว็บไซด์ หลักๆ ทำมาเพื่อเซิร์ฟ ไม่ได้เน้นรายได้ แอพเราก็ไปล้านโหลดแล้ว เว็บไซด์ก็โตขึ้นเรื่อยๆ "
มีผลกระทบกับหน้าจอทีวีไหม
"ที่เทสต์ดู มันกลับดีขึ้นนะ เหมือนกับว่า พอคนเห็น ก็เลยไปดูทีวีดีกว่า เว้นแต่ว่า บางทีช่องมันเยอะ จำไม่ได้วันนี้มีรายการอะไร หยิบมือถือมาดู นโยบายออนไลน์เราเปลี่ยนทุกปี อย่างยูทูปรู้แล้วว่าจะไปยังไงต่อ แต่อย่างอื่นต้องดู"
กลุ่มเป้าหมายของเวิร์คพอยท์คือกลุ่มไหน
"จริงๆ ไม่ได้ล็อคขนาดนั้น แต่ที่เห็นว่าโตขึ้นจนน่าแปลกใจคือ กรุงเทพฯกับหัวเมือง นอกเมืองไม่ได้โตขึ้น ตอนนี้คนดูหลักๆ เป็นอายุ 25 ไปแล้ว 15-25 จะดูทีวีน้อยลง สังเกตว่าในทีวีตอนนี้รายการวัยรุ่นจะน้อยลงเรื่อยๆ รายการวัยรุ่นจะไปอยู่ที่อื่น แนวโน้มน่าจะเป็นอย่างนี้ เพราะว่าประชากรผู้ใหญ่เยอะขึ้น เด็กเกิดน้อยลง เป็นทั้งโลก
คำว่าคนไม่ดูทีวี น่าจะเป็นความรู้สึก ในแง่พฤติกรรม เราออกนอกบ้านก็กดมือถือก่อน ก็คิดว่าดูทีวีน้อยลง พอกลับบ้าน ถ้าให้เลือกระหว่างดูทีวีกับดูมือถือ ที่ผมเทสต์คือฉายพร้อมกันในทุกจอ เรทติ้งมันโตขึ้น เพียงแต่ว่าถ้าไม่บอกเขาๆ ก็จะดูแต่มือถือ ก็เลยต้องมีโซเชียลไปล้อม เพราะว่ามีของให้ดูเยอะ
ปีหน้าก็คงจะคล้ายๆ เดิม รายการที่ซื้อก็คงมี 3-4 รายการ ที่เหลือก็ผลิตเอง ทีวีดิจิทัลผ่านมา 2 ปีครึ่ง คนดูเริ่มรู้ว่าช่องไหนเป็นยังไง “ไมค์ทองคำ” เรามี 6 แบรนด์ย่อย ยุบไป 2 (ชิงช้าสวรรค์ 2 อัน) ทำมา 9 ปีแล้ว พักก่อน ถ้าเป็นรายการเราเองเราจะเปลี่ยนเร็วมาก แต่ถ้าเป็นรายการผู้จัดนอกต้องให้เวลาเขา 3 เดือน ครึ่งปี แล้วแต่สัญญา รายการที่เรทติ้งต่ำกว่า 1 เราเปลี่ยนหมดเลย ตอนนี้มันแข่งขันสูงทุกแคตแล้วมีตั้ง 25 ช่อง วิธีแก้คือ เราดูว่ารายการไหนไม่ดีก็เปลี่ยน ตอนนี้ฐานคนดูครบแล้ว แต่ว่าแต่ละรายการมันน้อยไปหน่อย กีฬาเราก็มี วอลเล่ย์บอล, มวย ออนวันเสาร์ 4-6 โมง
ตอนนี้มีละครเรื่องอยู่บ้าง
"“ขวัญใจไทยแลนด์” กบ-หนุ่มศรราม ด้วยพล็อต ต้องหาซุปเปอร์สตาร์ที่คนชอบ คู่นี้คือเบอร์หนึ่งที่เราคิดไว้ในใจ เนื้อเรื่องคือ พระเอกนางเอกที่เล่นคู่กัน แล้วคนดูชอบ ไม่อยากให้ไปไหน แต่จริงๆ ทะเลาะกันตีกัน เราไม่ซ้ำกับเขา ของเขาเป็นละคร ของเราเป็นซีรีส์ ถ้าไม่เร็วมากจะออนมกรา ถ้าเร็วก็ธันวา เป็นซีรีส์ทั้งปี ลงไพร์มไทม์ ช่วงเวลากำลังเลือกอยู่ กบเขาอยากเล่นนะ เพราะในการแสดงละครเขาไม่เคยเล่นอย่างนี้
“คู่ล่าท้าโลก” ติ๊ก-ชาคริต บทเสร็จแล้ว ทำบทไว้นานแล้ว รอติ๊ก เขาเคยบอกว่าจะมาเล่นให้เรื่องหนึ่ง นางเอกคือ รถเมล์ แล้วก็นางเอกใหม่อีกคนหนึ่ง, “เรื่อง 101...” ตุ้ย ธีรภัทร เราต้องการคนหล่อมากๆ เปิดกล้องมกรา กว่าจะเสร็จก็ปลายปี กว่าจะได้คิวนักแสดง กว่าจะถ่าย กว่าจะตัด, “พ่อบ้านใจกล้า” ก้องสหรัถ-คิ้ม ผู้กำกับ คือ เป้ สาระแนสิบล้อ มีว่าน, เบเบ้, เมาส์บีโอวาย, “นางแค้น” เรื่องผีๆ “ยุทธการสลัดนอ” เปรี้ยวๆ , “คำมั่นสัญญา” กันต์ กันตถาวร นางเอกรอแป๊บหนึ่ง เลือกเรื่องนี้เพราะสร้างหลายรอบแล้ว ปีหน้าถ่ายไป, ”สูตรรักเสน่ห์ร้าย” กันต์-เชียร์
แล้วก็จะมีพีเรียดฟอร์มยักษ์จากท่านมุ้ย มีหลายเรื่อง ทั้งของเดิมของใหม่ รออยู่ รอเรื่อง มีหลายเรื่องมากที่ดูอยู่ มีทั้งพีเรียดแฟนตาซีเอาประวัติศาสตร์มาผสม แล้วก็มีประวัติศาสตร์จริงๆ เดี๋ยวค่อยเลือกกัน"
งบแต่ละเรื่องมีให้เท่าไร
แล้วแต่เรื่อง ไม่เยอะหรอก ล้าน 5 ต่อตอน อย่างถูกๆ ก็ 8 แสน
ที่ไม่อยากทำละครมากๆ เพราะว่า...
"เศรษฐกิจไม่ดีมาก ต้นทุนเยอะ ถ้าเศรษฐกิจดี ค่อยว่ากันใหม่ จริงๆ ผู้จัดก็เข้ามาเยอะนะ เขาเห็นเรามีละคร เพียงแต่ว่าเราไมได้ทำเยอะไง เราทำเพราะต้องการให้มีครบทุกแบบ อยากดูละครก็มีละครให้ดูนะ"
ฟีดแบคละครที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง
"ก็ยังไม่ดีมาก กลางๆ ไม่ได้แย่มาก"
ซีรีส์ต่างประเทศ ?
ตอนนี้ดูๆ อยู่ ถ้าไม่แพงนักก็ซื้อ แต่ถ้าแพงมาก แล้ว... ก็เอาวะ ที่มันแพงเพราะคนซื้อเยอะ แล้วก็ ซุปเปอร์สตาร์ ราคาเขาแพงมาก เรื่องนี้มีซุปเปอร์สตาร์สองคนมาแสดงด้วยกัน คือ ราคามันไม่ไหว
ใครที่ชอบ "เกมโชว์-วาไรตี้-ละคร" มีให้ดูแล้วจ้า เปิดไปได้เลยที่ช่อง เวิร์คพอยท์ 23
