ตี๋ใหญ่ ดับ ดาว โจร ตอนที่ 7
เวลาผ่านไป มีคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
“ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลย นายไซเรน ไพเราะธรรม อายุ 18 ปี มีความผิดฐาน ขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 4 คน บาดเจ็บสาหัส 1 คน ตัดสินจำคุก 1 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ และไม่หลบหนีพร้อมทั้งให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งตัดสินจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน”
ไซเรนในชุดนักโทษ เดินเข้าห้องขัง
เชนเดินกระเผลกเข้ามาเห็นตี๋ใหญ่นั่งซึมอยู่มุมห้อง ตี๋ใหญ่เอ่ยทัก
“เป็นไงบ้าง”
“ดีที่ทะลุ ไม่โดนกระดูก ตอนนี้แผลแค่อักเสบพี่ ไอ้คนที่ยิงผมมันใครพี่”
“จักร”
“พี่ มันเป็นอุบัติเหตุน่ะพี่ ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น”
“ทำไมเด็กๆ พวกนั้น คนบริสุทธิ์ไม่ได้รู้เรื่องอะไรต้องตายด้วย ทำไมไม่เป็นพี่”
“โชคชะตาน่ะพี่ คนที่ตายไปเขาคงทำบุญมาแค่นั้น”
“แล้วทำไมคนทำกรรมเยอะอย่างพี่ถึงไม่ตายสักที”
พาสเวิร์ดเข้ามานั่งข้างๆ ตี๋ใหญ่
“กรรมเท่ากับการกระทำ พี่ตี๋ใหญ่ทุกข์ตอนนี้ นับเป็นกรรม กระทำกรรม ทุกข์ใจ เดี๋ยวก็หาย”
“ไอ้เวิ่ด มึงไปเลย ไปไหนก็ไป แล้ววันนั้นมึงตามไปทำไม เดี๋ยวนี้พูดอะไรไม่ฟัง”
“ก็จริงของมัน ถ้าไม่ทำกรรมก็ไม่ทุกข์ โชคชะตาพี่คงกำหนดมาให้ทุกข์”
“ไอ้เด็กลูกตำรวจนั่นอีกไม่รู้มันมาอยู่ที่นั่นได้ยังไง"
“พี่ส่งข้อความไปบอกเอง”
“อะไรนะพี่ ทำไม “
“พี่อยากให้เขารู้ว่าคนที่เลี้ยงดูเขา ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาเห็น”
“ไม่คิด ไม่ทุกข์ ไม่ทุกข์ ไม่สุข เฉยๆ ไว้นะ แม่สอนไว้”
ตี๋ใหญ่ลุกออกไป เชนกับพาสเวิร์ดมองหน้ากัน เชนด่าพาสเวิร์ด
“ไอ้เวิ่ด มึงเงียบบ้างได้มั้ย”
อัศวินคุยกับจักรอยู่ที่บ้านด้วยความตกใจ
“อะไร ใครเป็นสาย”
“คนที่มาดักปล้นของเราครับ ถึงจะเห็นไม่ชัดมาก แต่ผมว่ามันเหมือนคนที่เคยเป็นสายเก่าของเราครับ”
“เอาให้แน่ สายคนไหน แล้วมีจะจัดการยังไง”
“เอ่อ ผมจำชื่อมันไม่ได้ แต่มันคือคนที่นำเราไปจับของล็อตใหญ่ที่ท่าเรือเมื่อสี่ปีที่แล้วครับ”
“จะเป็นไปได้ยังไง ตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วไซเรนไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง”
“ผมไม่ทราบครับว่าไซเรนมาได้ยังไง แล้วก็ไม่แน่ใจว่าไซเรนเห็นของรึเปล่า มันชุลมุนมากครับช่วงนั้น อีกอย่างผมได้ยินไซเรนเรียกมันว่าตี๋ใหญ่”
“สายที่ตายก็ไม่ได้ชื่อนี้ เท่าที่จำได้ แล้วยังไงสรุปว่าคือตี๋ใหญ่ที่คอยดักปล้นเราใช่มั้ย"
“มันอาจจะเปลี่ยนชื่อก็ได้ครับ”
“ถ้าหาคำที่ดีกว่า อาจจะ ไม่ได้ ก็อย่าพูดอะไรออกมาเลยดีกว่ามั้ง คนตายไปแล้ว จะฟื้นขึ้นมาได้ยังไง แล้วทำไมคราวนี้ไซเรนไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย”
“มันอาจจะเปลี่ยนชื่อก็ได้ครับ”
“ก็ไปค้นประวัติมาดูหน่อยจะได้รู้ว่ามันเป็นใคร"
บัญชากับจ่าแดงนั่งทานข้าวอยู่ด้วยกันที่โรงอาหารของสำนักงานตำรวจ อัศวินถือกาแฟเดินเข้ามานั่งคุยด้วย จ่าแดงลุกขึ้นยืนทำความเคารพ
“สวัสดีครับท่าน”
“เป็นไงกันบ้างครับช่วงนี้ คดีดาบยุทธคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว เอ้า จ่าแดง สบายดี ไม่ได้เจอกันหลายปีเลยนะ”
บัญชามองจ่าแดงว่าทำไมไม่เคยบอกว่ารู้จักอัศวิน
“ยังไม่คืบหน้าครับ”
“อ้าว คุณดูคดีนี้เหรอ นึกว่าท้องที่”
“เปล่าครับ ผมแค่สนใจคดีนี้ น่าศึกษาดีครับ”
“วันก่อนลูกน้องผมบอกว่าเจอคุณที่ร้านพระเหรอ จะเช่าพระไปทำบุญวัดไหนเหรอ เดี๋ยวผมฝากทำบุญด้วย”
อัศวินจะล้วงเงินหน้าตาย
“เปล่าครับ ผมบังเอิญไปแถวนั้น ได้ข่าวว่าเด็กที่ท่านอุปการะ ขับรถชนเด็กตาย เหรอครับ"
“อืม คุณช่วยไซเรนไว้นี่ ขอบใจมาก เด็กคนนี้ผ่านเรื่องร้ายมาเยอะ จิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอย ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ยิ่งมาเจอเรื่องนี้อีก น่าสงสารมาก"
“ว่าแต่เขาไปทำอะไรที่อู่เหรอครับ”
อัศวินเปลี่ยนเรื่องคุยกับจ่าแดงทันที
“เอ๊ะ จ่าแดง ยังไม่เกษียณอีกเหรอ"
“ตุลานี้แหละครับท่าน”
อัศวินหันมาพูดกับบัญชา
“ให้แกพักเถอะน่า แกรับใช้ชาติมาเยอะแล้ว จะได้มีเวลาอยู่กับลูกๆ หลานๆ ผมว่าเตรียมตัวหาที่พักผ่อนช่วงหลังเกษียณ ก็น่าจะดีนะครับ ถ้าได้ข่าวเรื่องคดีดาบยุทธรบกวนรายงานผมด้วย”
อัศวินลุกไปจากโต๊ะ
“ยังไงล่ะจ่า จะอยู่ครบเกษียณมั้ยเนี่ย จ่ารู้จักกับท่านอัศวินมาก่อนด้วยหรอ ตะกี้เห็นเรียกกันเหมือนสนิท”
“อ๋อ ครับ สมัยหนุ่มๆ เคยทำงานกับท่าน”
จ่าแดงนึกถึงเรื่องราวเมื่อ 8 ปีที่แล้ว อัศวินนำทีม จักรซึ่งอายุไม่มากนักเพิ่งมาทำงาน ยุทธ จ่าแดง บุกบ้านหลังหนึ่งของพวกค้ายา
ที่พื้นถนน มีการเอาไฟแช็ก กล่องบุหรี่ เศษวัสดุมาวางเป็นผังของบ้านที่จะบุกคร่าวๆ จ่าแดงมาหยิบกล่องบุหรี่ออกไป
“ข่าวว่า ไอ้เชียรมันน่าจะพักของเก็บเงินไว้ที่นี่แหละครับผู้กำกับ”
“ข้างในมีกี่คน จ่า ”
“เห็นเข้าๆ ออกๆ 3 คน แต่อาจมีซ่อนอยู่อีก ไอ้เชียรเพิ่งเข้าไปครับ” ยุทธรายงาน
จักรตื่นๆ เพราะเป็นการจับยาครั้งแรกๆ
“เราไม่รอท้องที่ก่อนเหรอครับ”
“พูดเป็นเล่นน่า หมวดจักร เราไม่รู้ใครเป็นใคร มีสายรึเปล่า เดี๋ยวก็เสียเรื่องกันพอดี ไอ้เชียรก็อยู่ในนั้น ไม่รอแล้ว” อัศวินค้าน
“ผมว่าไอ้ร้านชำ แถวหัวมุมน่าจะเป็นไอ้พวกที่ดูต้นทางและก็ข้างในอาวุธน่าจะครบมือนะครับ ใส่ไว้หน่อยครับท่าน”
ยุทธส่งเสื้อเกราะให้อัศวินใส่ จักรหันไปอาเจียน หน้าซีดมือสั่น
“ไหวมั้ยหมวด ไป”
รถตู้ค่อยๆ เคลื่อนออกไปยังบ้านเป้าหมาย โดยมีทั้งกลุ่มเดินตามเอารถเป็นกำบัง เมื่อผ่านร้านชำ จักร ยุทธ เข้าไป รถยังเคลื่อนต่อไป ยุทธนำจักรเข้าไปจี้คนในร้านชำสองคนให้หมอบลง จักรลนๆ ใส่กุญแจมือ ยุทธยิ้มให้กำลังใจ
“ใจเย็นๆ ไม่มีอะไรหรอกหมวด”
ทั้งหมดออกไป
อัศวินมาเยี่ยมไซเรนที่เรือนจำ
“เป็นไงบ้าง ผอมลงรึเปล่า”
“นอนไม่ค่อยหลับครับ”
“อยากได้อะไรมั้ย”
ไซเรนส่ายหน้า
“ไซเรน ยังไม่ได้เล่าให้อาฟังเลยว่าไปอยู่ที่อู่ได้ยังไง แล้วขโมยรถทำไม”
“ไอ้ตี๋ใหญ่มันนัดผมไป ผมไม่ได้ขโมย แค่จะขับชนมันให้ตาย”
“นัดยังไง”
“แล้วพี่จักรไปทำอะไรที่นั่นครับ”
ไซเรนสวน อัศวินอึ้งไป
“ก็เห็นบอกอาว่าเอารถไปซ่อม แล้วไซเรนเห็นจักรตอนไหน”
“ขออภัยครับท่าน หมดเวลาเยี่ยมครับผม”
ผู้คุมเข้ามา ไซเรนยกมือไหว้อัศวินแล้วเดินออกไป
ตี๋ใหญ่ ดับ ดาว โจร ตอนที่ 7 (ต่อ)
8 ปีที่แล้ว อัศวินและลูกน้องอยู่ในรั้วบ้านเป้ามาย ตำรวจเพิ่งกระโดดลงจากรั้ว ทั้งหมดย่องเร็วๆ ตรงไปที่บ้าน ระหว่างทางจักร ยุทธมาร่วมสมทบ ตำรวจคนหนึ่งกำลังจะไปส่องที่หน้าต่าง กลับถูกยิงออกมา อัศวินให้สัญญาณ จ่าแดงยิงไปที่กลอนประตู อัศวินบุกเข้าคนแรก ทั้งหมดตามเข้าไปในห้องโถงรับแขก เมื่อเข้าไปกลับไม่มีคน แต่ทีวีเปิดอยู่ ควันบุหรี่คลุ้งกระจาย จ่าแดงนำกำลังฉีกไปซ้าย กลับมีคนโผล่มายิงสวน ลูกน้องคว่ำไป จ่าแดงสวนคืน
อัศวินพุ่งไปแนบแถวกำแพง จ่าแดงเห็นเท้าอีกคนหลังช่องประตู สัญญานบอกอัศวิน อัศวินกะระยะแล้วยิงทะลุกำแพงไม้ ไปโดนผู้ร้ายร่วงลง ทุกคนระแวงไม่รู้ว่าจะมีใครโผล่มาจากช่องทางไหนอีก เปี๊ยก ผู้ค้ายาที่เก๋ามาก สุขุม พูดเพราะ ตัวเล็กแต่ดูแข็งแรง ใจดี สบายๆ พูดออกมา
“ข้างนอกนั่นใจเย็นก่อนนะครับ อย่ายิง กำลังจะออกไปแล้วครับ”
“มีอาวุธ โยนออกมาก่อน แล้วยื่นมือออกมาให้เห็น ช้าๆ” จ่าแดงตะโกนบอก
เปี๊ยกโยนปืนออกมา 4 กระบอก ทุกคนมองหน้ากัน
“หมดรึยัง ชูมือออกมา ช้าๆ”
เปี๊ยกค่อยๆ ออกมาด้วยท่าทางที่นิ่ง สุขุม
“มีเรื่องอะไรกันครับ คุณตำรวจ”
จักรเข้าตะครุบ ค้นตัว เจอปืนอีกกระบอก จักรมองหน้า จ่าแดง ยุทธคุมเชิงอยู่
“โทษที กระบอกนี้พี่ไม่เคยห่างกันเลย นี่ ตอนเอากับเมียพี่ยังไม่ถอดเลยนะ จับดีๆ นะระวังลั่นล่ะ”
จักรจับมาใส่กุญแจมือนั่งเก้าอี้ กลางห้อง จ่าแดงระวัง สำรวจรอบๆ อย่างไม่วางใจ อัศวินนิ่งไม่แพ้กัน ลากเก้าอี้มานั่งตรงงข้ามกับเปี้ยก
“มีใครอยู่ที่นี่อีกรึเปล่า”
“ไม่มี ก็คุณตำรวจยิงมันตายโหงหมดแล้วนี่ครับ”
“ของอยู่ไหนพอดีผมรีบ เดี๋ยวจะกลับไปกินข้าวกับลูกไม่ทัน”
“เอ้า หิวก็ไม่บอกกันล่วงหน้า จะได้ให้ลูกน้องแบ่งไปให้”
“บ้านสวยนะ ให้การให้เป็นประโยชน์ จะได้ไม่ต้องไปเรียนต่อที่บางขวางนานนัก หรืออยากจะเอาถึงจบปริญญาเอกสักสามสี่ใบดี”
อัศวินเดินสำรวจบ้านไปรอบๆ พยักหน้า ให้ตำรวจและจักรรื้อค้น
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ ผมหัวไม่ดี ไม่ชอบเรียนหนังสือ”
อัศวินเดินเคาะผนังไปเรื่อยๆ จนหยุด
“นี่ท่าทางจะโดนผู้รับเหมาโกงนะเนี่ย เทปูนไม่แน่น”
จักรเอาค้อนทุบเข้าไปในกำแพง สองสามครั้ง ล้วงเข้าไปเจอมัดเงินและยาจำนวนมาก จักรเอาเงินทั้งหมดไปกองตรงหน้าเปี๊ยก อัศวินโยนมัดหนึ่งไปบนโต๊ะตรงหน้าเปี๊ยก เปี๊ยกยิ้มกวน
“เอามาเก็บไว้ให้ใคร”
“บอกหรือไม่บอก ตอนนี้ไม่มีอะไรต่างกันแล้ว”
เปี๊ยกพยักหน้าให้อัศวินเข้ามาใกล้
“เราตกลงกันได้น่า เอาเงินไปให้หมดเลย ทิ้งของไว้แล้วที่เหลือผมจัดการเอง”
ทุกคนมองหน้ากัน ทันใดนั้นเองมีผู้หญิงคนหนึ่งโผล่มาจากห้องหนึ่งยิงรัว ตำรวจร่วงไปเลือดพุ่งออกจากคอ จ่าแดงซัดลูกซองร่วงลงไป จึงเห็นว่าเป็นผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่ง จ่าแดงมองสลดเศร้า
ไซเรนฝันถึงตอนขับรถชนเด็ก เขาตกใจตื่น ตัวสั่น พบว่าตัวเองนอนอยู่ในคุก เขามีชีวิตประจำวันอันโดดเดี่ยว โดยมีเนแอบดูอยู่
ตี๋ใหญ่เดินเหมือนคนหมดแรงมาหาหลินที่ร้านเครื่องหอม
“วันนี้ เหมือนมีแต่ร่างนะคะ วิญญาณคุณธาวินอยู่ไหนคะ”
“เหนื่อย”
“ทานอะไรด้วยกันก่อนดีมั้ยคะ เพิ่มพลังให้ร่างกาย”
หลินเดินไปหยิบกล่องข้าวของเธอมาแบ่งทานด้วยกันกับตี๋ใหญ่
“ผมไม่ค่อยหิวครับ คุณทานเถอะ”
“ไม่ได้ค่ะ ต้องทานด้วยกัน”
ตี๋ใหญ่ไม่ตอบอะไร หยิบช้อนตักอาหารเหมือนล่องลอย
“บางครั้งชีวิตเราก็ไม่ได้เป็นเหมือนที่เราอยากให้เป็นหรอกค่ะ”
เหตุการณ์เมื่อ 8 ปีที่แล้ว อี๊ด ตำรวจในทีมอัศวินสำลักจะขาดใจ ยุทธตะโกนเสียงดัง
“อี๊ด ไอ้อี๊ด เฮ้ย หมวด วอเรียกรถพยาบาลหน่อย”
ยุทธบอกกับจักร อัศวินเดินมาดูอี๊ด
“ไม่ต้องเรียก”
“แต่ ไอ้อี๊ด”
“อี๊ดมันตายแล้ว”
ทุกคนมองอัศวินไม่เข้าใจ อัศวินมองหน้าทุกคน มองหน้าอี๊ดอย่างสงสาร มองหน้าเปี๊ยก หยิบเงินก้อนหนึ่งเดินเอาไปให้จักร
“หมวด ฝากให้เมียดาบอี๊ดด้วย”
เปี๊ยกยิ้มออกมา
“ก็แค่นั้น”
อัศวินเดินมาหยิบอีกก้อน ไปให้จักร จักรลังเล กังวล สับสน แต่เอาด้วยความโลภ อัศวินเอาไปให้ยุทธ ยุทธส่ายหน้าไม่เอา
“ดาบพึ่งมีลูกเล็ก ต้องใช้เงินเยอะไม่ใช่เหรอ”
เปี๊ยกส่ายหน้ายิ้มอย่างผู้ชนะ ยุทธมองเงินแล้วรับในที่สุด มาถึงจ่าแดง จ่าแดงมองหน้าไม่ยอมรับ อัศวินไม่โกรธเข้าใจจ่าแดง
“จ่าแดงช่วยไปเฝ้าหน้าประตูที"
อัศวินลากเก้าอี้มานั่งตรงข้ามกับเปี๊ยก นั่งลงมองหน้าเปี้ยกพูดนิ่มๆ
“ทุกคนฟังทางนี้ เดี๋ยวหมวดจักรแจ้งท้องที่ และเรียกรถพยาบาลด้วย รายงานว่าผู้ต้องหาทั้งหมดระดมยิงใส่เรา ระหว่างตรวจค้น ยิงใส่ดาบอี๊ดเสียชีวิตทันที ทางเรายิงป้องกันตัว เป็นเหตุให้ผู้ต้องหาเสียชีวิตทั้งหมด ไม่พบเงินในที่เกิดเหตุ พบแต่ยาเสพติด”
อัศวินพูดเสร็จ เดินไปหยิบปืนของเปี๊ยกที่จักรยึดมาโยนไปให้เปี๊ยก เปี๊ยกหน้าเสีย
“เดี๋ยวสิ สารวัตร เรายังคุยกันได้นี่ ผมยังมีที่ซ่อนของที่อื่น”
อัศวินกระชับอาวุธ
“ทุกคนระวัง ผู้ต้องหามีอาวุธ"
จ่าแดงนั่งสูบบุหรี่อยู่หน้าบ้าน ได้ยินเสียงปืนดัง สะดุ้งเล็กน้อยแล้วก้มหน้าลงเหมือนจะเดาเหตุการณ์ได้
ภายในโรงอาหาร สำนักงานตำรวจ จ่าแดงพ่นควัน ทิ้งบุหรี่เท้าขยี้ บัญชามองหน้าแล้วถาม
“แล้วตอนนั้นพี่แดงไปทำคดีอะไรกับท่านอัศวินล่ะ”
จ่าแดงเหมือนจะเล่าเหตุการณ์ในอดีตให้ฟังแต่ไม่เล่า
“ก็แค่ทำคดียาเสพติดไม่กี่คดีครับ ไม่มีอะไรหรอกครับ”
บัญชาสงสัยแต่ไม่พูดอะไร
เมื่อ 8 ปี ที่แล้ว หลังจากไปบุกบ้านเปี๊ยก เช้าวันรุ่งขึ้น ยุทธยกมือไหวจ่าแดง
“ทำไม”
“พี่แดงผมขอโทษ มันตกกระไดพลอยโจนพี่ ”
“แล้วทำไมกูไม่ตกกระไดไปกับมึงด้วย”
“พี่แดง ผม”
“มึงเลือกเองนะ อย่าโทษคนอื่น มึงเลือกเอง แต่ยุทธ หยุดตอนนี้ยังทัน”
“พี่แดงก็พูดได้ พี่แดงตัวคนเดียว ไอ้ผมลูกสาวก็ยังเล็ก อีกคนก็กำลังโต พี่ก็รู้เงินเดือนมัน ไม่เคยพอหรอก ผมแค่ไม่อยากให้ลูกลำบาก”
“ตอนมึงสมัครมาเป็นตำรวจ มึงไม่รู้เหรอว่างานหนัก ไม่รู้มาก่อนเลยใช่มั้ย ว่าเงินเดือนน้อย เราสมัครก็เพราะเราอยากช่วยประชาชนไม่ใช่เหรอ อยากรวยก็ไปทำอย่างอื่น”
จ่าแดงมองหน้ายุทธอย่างผิดหวัง เดินจากไป ยุทธพูดตามหลังไป
“พี่แดง ท่านอัศวินให้ไปพบที่ห้อง”
จ่าแดงไปพบอัศวิน
“จ่าแดง ผมว่าจ่าก็อายุเยอะขึ้นแล้วนะ ผมอยากให้จ่าไปพักสบายๆ ลงไปทำงานกับท้องที่ละกันนะ เดี๋ยวผมแทงเรื่องลงไปวันนี้เลย ที่ผ่านมาขอบคุณมาก”
จ่าแดงตะเบ๊ะ เดินออกจากห้อง ถีบถังขยะกระเด็น
ที่อู่รถ บัญชาเดินไปรอบๆ อู่ มีต่างด้าวมาบอกว่าอู่ปิด บัญชานึกถึงคำรายงานของน้ำผึ้ง
“ตำรวจที่เกิดเหตุรายงานว่า ตอนเกิดเหตุในอู่ไม่มีคนอยู่ ไม่มีกล้องวงจรปิด แต่คาดว่าไซเรนขับรถลูกค้าของอู่ที่เสียบกุญแจอยู่ออกไปจนชนเด็กเสียชีวิต"
“อู่ปิ เถ้าไก่มะอยู่”
“ขอเดินดูนิดนึง”
ต่างด้าวยกมือห้าม
“ขึ้นทะเบียนรึยังเราน่ะ”
ต่างด้าวเลิ่กลั่ก ยอมให้บัญชาเข้าไป พอบัญชาพ้นไป ต่างด้าววิ่งหนีไป บัญชาเดินไปบริเวณที่มีการยิงกัน เจอรอยกระสุน
ตี๋ใหญ่ ดับ ดาว โจร ตอนที่ 7 (ต่อ)
ภายในคุก ไซเรนนั่งอมทุกข์ นักโทษคนหนึ่งเข้ามาคุยด้วย
“เพิ่งมาอยู่ใหม่เหรอ”
“ครับ”
“เป็นไงพออยู่ได้มั้ย”
“ครับ”
“พ่อเป็นไง ได้ข่าวว่าตายห่าไปแล้วนิ”
“ไอ้ยุทธน่ะ ไอ้ขี้โกง ทำไมปล่อยให้ลูกมันติดคุกล่ะ หะ พ่อจ๋าอยู่ไหน คุณพ่อคนดีไม่มีปัญญาสั่งสอนให้ลูกเป็นคนดีรึไง ถึงต้องมาอยู่ในคุกกับคนชั่วๆ อย่างพวกกู หะ”
“พ่อเป็นคนดี ถึงได้จับโจรชั่วอย่างพวกแกได้”
“คนดี มึงนี่น่าสงสารนะ แม้แต่พ่อตัวเองยังไม่รู้จักว่าเป็นยังไง ฮะฮ่ะๆๆ พ่อมึงไม่ต่างอะไรกับพวกกูหรอก ทำเป็นจับพวกกู เอาดีเข้าตัว แล้วก็แอบยักเงิน ยักของกู ยังมีหน้ามาบอกว่าพ่อหนูเป็นคนดี"
ไซเรนกำลังจะถูกกระทืบ เชิดเดินมา
“เอ้ย นายมาๆ”
นักโทษเข้าไปที่ไซเรนทรุดลง เชิดจับให้ยืนขึ้น ผู้คุมเดินผ่านหลังไป
“อย่าพูดอะไร ยืนขึ้นๆ หายใจเข้าลึกๆ ดีขึ้นมั้ย"
“โดนคดีไรมา” เชิดถาม
“ขับรถชนคนตาย”
“เมาเหรอ”
ไซเรนส่ายหน้า
“ไม่น่าติดนะ ไอ้พวกเมาแล้วชนยังไม่ติดเลย ไม่เป็นไรๆ มีไรไปหาพี่ได้ พี่ชื่อเชิด”
เชิดจับขาไซเรน ก่อนเดินออกไป เนเฝ้ามองอยู่ไกลๆ
บัญชามาเยี่ยมไซเรนในคุก แล้วซักถามเรื่องราวต่างๆ
“ก่อนรถชน ในอู่มีเรื่องอะไรกัน”
ไซเรนเฉย
“ทำไมไม่ให้การที่เป็นประโยชน์”
“บอกตำรวจเพื่ออะไร มันไม่ได้ช่วยให้อะไรเปลี่ยนแปลงหรอก”
“ทำไม พออยู่ที่นี่เลยลืมไปแล้วเหรอว่าเคยเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ เคยให้สัตย์ปฎิญาณไว้ยังไง”
เหตุการณ์ในอดีต นักข่าวเคยสัมภาษณ์อัศวินหลังจับยาเสพติดในแต่ละครั้ง
“รู้สึกยังไงบ้างคะ ที่ตอนนี้ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นมือปราบ ที่จับยาเสพติดได้อย่างต่อเนื่อง และล่าสุดก็ยังเป็นล็อตใหญ่ที่สุด ในรอบหลายปี”
“มันก็เป็นการประสานงานของหลายส่วนไม่ใช่ผมคนเดียวหรอก ยาพวกนี้มันอันตรายสำหรับเยาวชนของชาติ เป็นสิ่งจำเป็นที่เราต้องเร่งปฎิบัติ”
“แต่ท่านก็ค่อนข้างรุนแรงนะคะ จับตายทุกครั้งเลย"
“คือพี่เรียนอย่างนี้นะครับ บทลงโทษของคดียาเสพติดนี่โทษค่อนข้างรุนแรง ผู้ต้องหาส่วนใหญ่ก็เลยไม่ยอมมอบตัว และมักจะต่อสู้เจ้าหน้าที่ก่อนทุกครั้ง ทางพี่กับลูกน้องก็พยายามที่สุดแล้วที่จะไม่ใช้ความรุนแรง แต่บางทีมันก็สุดวิสัยจริงๆ”
ในระหว่างที่อัศวินให้สัมภาษณ์ แต่ภาพความเป็นจริงปรากฏในหัวของเขา ผู้ต้องหาไหว้ขอชีวิต แต่กลับถูกอัศวินยิง ผู้ร้ายวิ่งหนี จักรยิงข้างหลังล้มลง บางคนถูกยุทธยิง
ธารใสนั่งมองหน้าไซเรนที่ห้องเยี่ยม ไม่รู้จะเริ่มพูดอย่างไร
“เป็นไงบ้าง อยู่ได้นะ”
“เราต้องอยู่”
“มีใครที่พอจะเป็นเพื่อนคุยกับไซเรนบ้างมั้ย ที่นี่”
“ก็พอมี ไม่ต้องมาเยี่ยมเราหรอก ที่นี่ธารใสไม่ควรมา”
“ก็เป็นห่วง วันนี้ไม่มีอะไรติดมาเลย เพราะไม่รู้ว่าเขาให้เอาอะไรมาเยี่ยมได้บ้าง”
“ดีแล้วแหละ ไม่ต้องเอาอะไรมา ลำบากเธอเปล่าๆ อีกไม่กี่เดือนก็เจอกัน ธารใสเองก็เหมือนกัน ไปไหนมาไหนคนเดียวก็ระวังตัวด้วย”
เสียงผู้คุมดังขึ้น
“หมดเวลาเยี่ยม”
เหตุการณ์ในอดีต จักรบุกจับยา เขาทำอย่างชำนาญขึ้นเรื่อยๆ เขาขวางรถจับรถคันอื่น อัศวินยิ้ม ยื่นเงินให้ยุทธ ยุทธเริ่มยิ้มเวลาที่ได้เงิน จักรดูสนุกขึ้นกับเงินที่มากขึ้น หยิบยาขึ้นมามองอย่างใช้ความคิด อัศวินมองเงินจำนวนมาก
“ผมกำลังคิดว่าจะเปิดบริษัทรักษาความปลอดภัยนะจักร ธุรกิจนี้นับวัน เป็นที่ต้องการ มาทำกับผมมั้ยล่ะ ผมจะทำเรื่องขอคุณมาอยู่กับผมเลยจะได้สะดวกขึ้น”
“ได้ครับท่าน ”
“แล้วคุณลองหาทีมที่จะมาช่วยกันทำด้วยนะ”
“พี่ยุทธด้วยใช่มั้ยครับ”
“ใช่สิ บอกยุทธด้วย”
น้ำผึ้งกำลังหาเอกสารที่ตู้เก็บเอกสาร ตำรวจนายหนึ่ง ท่าทางกระลิ้มกระเหลี่ย เดินเข้ามาถาม
“หาแฟ้มคดีอะไรอยู่เหรอหมวด”
“อ๋อ นายให้มาหาคดี ที่เอาชาวบ้านดีวิดีเก่ามาขายแล้วถูกจับน่ะ"
“ผิดแล้วหมวด ตรงนี้คดียาเสพติด และก็ฆ่าคนตาย”
“พอดีอยากศึกษาคดีตัดเจ้าโลกไว้ด้วย ไม่รู้ว่ามันห้ามเลือดกันยังไงนะตรงนั้นน่ะ"
“โอเค ตามสบายเลยหมวด”
ตำรวจยิ้มแห้งๆ เดินออกไป น้ำผึ้งรื้อค้นอกสารจำนวนมากแล้วแอบถ่ายรูปไว้ จากนั้นเข้ามาพบบัญชาและจ่าแดงที่ห้อง พร้อมปริ้นท์เอกสารจำนวนมาก
“ท่านอัศวินทำคดีสำคัญมากว่าสี่ร้อยคดี แต่คดีเล็กๆ ที่ท่านอัศวินไปเกี่ยวข้อง น้ำผึ้งว่าก็ไม่ควรมองข้าม ตอนนี้กำลังลองแยกและหาความเชื่อมโยงอยู่ค่ะ”
ทั้งสามช่วยกันดูเอกสารอย่างคร่ำเคร่ง บัญชาหันมาสั่ง
“อีกอย่างที่ผมอยากให้ทำควบคู่กันไปคือ หาให้ได้ว่าใครมีเบาะแสเกี่ยวกับตี๋ใหญ่บ้าง ผมว่าบางที่อาจนำเราไปสู่เรื่องของท่านอัศวินได้ง่ายขึ้น”
น้ำผึ้งหาเอกสารไปจนมองทะลุชั้นไปเห็นจักรดูแฟ้มหนึ่งอยู่ แล้วดึงเอกสารออกไป เธอรอให้จักรออกไป แล้วจึงไปหยิบเอกสารนั้นมาดู แต่ไม่เจอรูป เจอแต่ที่อยู่ น้ำผึ้งถ่ายรูปไป ระหว่างเดินออก เจอจักรดักอยู่ น้ำผึ้งจะเดินผ่าน แต่จักรขวาง
“หาไรเหรอหมวด ผมช่วยมั้ย”
“ขอบคุณค่ะ เรียบร้อยแล้ว”
จักรเดินเข้าหาแบบคุกคามเข้าใกล้ กระซิบ
“มาทำงานด้วยกันมั้ยหมวด อยู่กับนาย คุณไม่รุ่งหรอก ดีแต่วิ่งไล่งับพวกเดียวกันไปวันๆ เคยจับโจรกับเขาได้จริงรึเปล่า ”
“ฉันชอบจับไอ้พวกที่เอาเงินเดือนที่ประชาชนเขาให้มาเพื่อควบคุมความชั่ว มาทำชั่วซะเอง พวกนี้มันหนังหนาหน้าด้าน อยู่ไปก็มีแต่จะสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น”
จ่าแดงยืนอยู่อีกช่อง แกล้งผลักแฟ้มใส่จักร
“โอ้ย ขอโทษๆ ครับผู้กอง แก่แล้วมือไม้มันไม่ค่อยมีแรง”
จักรยิ้มเย็นๆ ให้น้ำผึ้ง
“จ่าก็ดูๆ หมวดด้วย ไฟแรงไประวังไหม้ตัวเองล่ะ ”
ตี๋ใหญ่ ดับ ดาว โจร ตอนที่ 7 (ต่อ)
ไซเรนล้างหน้าเสร็จจะเดินไป เชิดเดินสวนมา
“ไปห้องเหรอ ”
“ครับพี่”
“ลัดไปทางนี้ก็ได้ พี่กำลังจะไปเหมือนกัน ”
เดินไปได้สักพัก เชิดเริ่มกอดคอไซเรน ไซเรนสะบัด เดินหนี เชิดยิ้ม พอพ้นโค้งไปไซเรนโดนดักไว้จากสมุนเชิดอีกสองคน คนหนึ่งล็อกคอไซเรน ไซเรนตกใจสุดขีด สู้สุดใจ แต่สู้แรงไม่ไหว โดนถอดกางเกงลงแล้ว เขาตกใจแทบร้องไห้ ระหว่างชุลมุน เนใช้ไม้หวดทั้งสามร่วงไป เนกับไซเรนมองหน้ากัน จากนั้นทั้งคู่มานั่งพักอยู่ที่มุมหนึ่งของคุก ไซเรนยังตกใจไม่หาย
“อยู่ในนี้ไม่มีใครหวังดีกับใครหรอกถ้าไม่มีผลประโยชน์ เพราะฉะนั้น อย่าไว้ใจใคร”
“รวมทั้งพี่ด้วยใช่มั้ย”
เนยิ้มออกมา
“ถูกต้อง เข้าใจอะไรง่ายดีนี่ ตั้งคำถามให้น้อยทำตามให้เยอะ ยังอยากจะออกไปสูดอากาศข้างนอกอยู่รึเปล่า ถ้ายังอยากก็ต้องอยู่ให้เป็น ยิ่งลูกตำรวจอย่างมึงยิ่งอยู่ยาก มึงฝืนไปก็เจ็บตัวเปล่าๆ บางทีก็ต้องไหลตามเกมบ้าง”
ไซเรนมองเนสูบบุหรี่ เนยื่นบุหรี่ให้แล้วดึงมือกลับ
“อย่าเริ่มเลยดีกว่า บุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนใกล้ชิด เริ่มแล้วจะเลิกยาก”
ไซเรนสูบบุหรี่ แล้วไอออกมา
“แล้วก็ อยู่ที่นี่ต้องมีคนคุ้มกบาล”
สัวออกกำลังกายอยู่ในเรือนจำ พลางคุยโทรศัพท์กับอัศวินไปด้วย
“ผมชักไม่แน่ใจในความเป็นมืออาชีพของคุณแล้วล่ะ ผมคงต้องใช้เจ้าอื่น”
“ใจเย็นสิคุณสัว คุณสัวลองเช็คดูดีๆ ผมว่าคราวนี้ผมมั่นใจนะว่า ฝั่งคุณต่างหากที่มีหนอน"
“เอ้าเหรอ เอาๆ ถ้าคนระดับท่านยืนยัน งั้นรอผมฉีดยาฆ่าแมลงก่อนละกัน แล้วจะติดต่อไปครับ”
สัวพูดเสร็จดึงซิมโทรศัพท์ออกมา เนกับไซเรนเดินผ่านมา
“ไหว้พี่สัวดิ”
“มึงมานี่ เอ้ากูให้”
สัวยื่นซิมโทรศัพท์ให้เน เนตกใจนึกว่าสัวจับได้ แต่เปลี่ยนมายื่นให้ไซเรนแทน ไซเรนรับมางงๆ
“แดกสิ”
สัวมองตา ไซเรนงงแต่เหมือนซื้อใจ เคี้ยวซิมทันที สัวยิ้มพอใจ
ไซเรนนั่งคิดอะไรอยู่คนเดียว เนนั่งสักให้คนอื่นอยู่ ไซเรนนึกถึงตอนที่บัญชามาคุย
“แล้วถ้าผมช่วยคุณล่ะ”
“ช่วยอะไร"
“เรื่องตี๋ใหญ่ คุณจะช่วยผมสืบเรื่องท่านอัศวินได้มั้ย”
ไซเรนครุ่นคิด
จักรเดินเข้ามาที่ระเบียงบ้านอัศวิน แล้วถามมิลค์
“จะให้ยกของอะไรหรือครับ”
“รีบเหรอพี่จักร พ่อยังไม่กลับเหรอ"
“ประชุมครับ”
“พี่ทำงานกับพ่อมากี่ปีแล้ว”
“เกือบสิบปีแล้วครับ”
“พ่อเคยไปเที่ยวไหนบ้างมั้ย”
“ก็อย่างที่ทราบ ทำงานเสร็จท่านก็กลับบ้าน”
“พ่อเขามีแฟนบ้างมั้ย”
จักรส่ายหน้า
“พี่จักรไม่มีครอบครัวเหรอ เห็นอยู่แต่กับพ่อ"
จักรมองงงๆ ส่ายหน้า
"ดูหนังเป็นเพื่อนหน่อย"
มิลค์เปิดโทรทัศน์ ทั้งสองนั่งพื้นใกล้กัน
“วันนี้มีปะ ”
“ผมว่า เอาแต่พอสนุกก็พอมั้งครับ”
“ขี้บ่นน่าพี่จักร ”
จักรหยิบให้ มิลค์เล่นยา ซบไหล่จักรแบบเด็กเหงาๆ คนหนึ่ง แต่จักรกลับเริ่มหวั่นไหว
สัวเล่นเฟส ไลน์ มีมือมาเคาะกรง สัวถอดหูฟังโทรศัพท์ โยนให้เนกับไซเรน ไซเรนงง เนลากตัวไซเรนไปมุมบ่ออุจจาระ ล้วงโทรศัพท์ของสัวจะใส่ถุงพลาสติก แต่นึกได้
“อยากโทรหาใครปะ”
“ไม่มี ไม่รู้จะโทรหาใคร "
เนเดินไปไกลจากไซเรน เอาโทรศัพท์ของตัวเองที่ซ่อนไว้มา พิมพ์ข้อความถึงตี๋ใหญ่ ตี๋ใหญ่พิมพ์ข้อความกลับ
“เด็กเป็นไงบ้าง”
“คงกำลังปรับตัวอยู่พี่”
“ฝากด้วยนะ แล้วเรื่องอื่น”
“ตอนนี้ก็ยังนิ่งๆ อยู่พี่”
น้ำผึ้งเข้ามารายงานบัญชา พร้อมจ่าแดง
“ผมว่าอันนี้น่าสนใจครับ”
จ่าแดงยื่นเอกสารต่อให้บัญชา
“เจอจักรคะ เข้าไปค้นแฟ้มคดีหนึ่ง ก็เลยลองเอามาดู”
“เรื่องเป็นยังไง”
“เป็นคดีเล็กๆ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว มีชายคนหนึ่งถูกกลุ่มท่านอัศวินจับ และลงบันทึกประจำวันว่ามียาเสพติดไว้ครอบครอง แต่หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งบ้านก็ถูกไฟไหม้ตายทั้งหมด แล้วเรื่องก็เงียบไปเลย ลูกน้องท่านอัศวินน่าจะดึงเอกสารออกไป เลยไม่มีภาพผู้ตาย มีแต่ที่อยู่กับชื่อ เดี๋ยวว่าจะไปขอจากเขต”
“ไม่แน่ใจว่าจะเป็นการปิดปากสายรึเปล่า"
“งั้นพวกคุณลงไปดูกันหน่อยดีกว่า”
ภายในคุก เนสักให้นักโทษ ไซเรนตั้งคำถาม
“ทำไมพอเข้ามาอยู่ในนี้ แล้วมีแต่คนชอบที่จะมาสักกัน”
“ก็มีหลายแบบ บางคนก็อยากเก๋า อยากเหนียว บางคนก็ว่าง สักเพื่อโชว์ความเป็นแก๊งค์ สักเพื่อให้จำ หรือไม่ก็สักเพื่อระบายความเจ็บปวด”
ทั้งสองเหลือบมองกัน
บัญชาสั่งการน้ำผึ้งกับจ่าแดง
“จ่ากับน้ำผึ้งลงไปดูที่บ้านที่ไฟไหม้ด้วยดีกว่า เผื่อจะได้ข้อมูลอะไรมากขึ้น"
จ่าแดงกับน้ำผึ้งมาคุยกับชาวบ้าน ชาวบ้านชี้ไปที่บ้านหลังหนึ่ง ทั้งสองเดินไปถึงบ้านเก่าของตี๋ใหญ่ น้ำผึ้งเดินไปคุยกับข้างบ้าน มีคนเดินมา
“น้ารู้จัก คนที่เคยอยู่บ้านหลังนี้มั้ยคะ "
คนหนึ่งส่ายหน้าเดินไป นำผึ้งมองไปรอบๆ ตัดสินใจไปกดออดบ้านหลังหนึ่ง
“มาแล้วๆ เอ้ามีไรว่ามาเดี๋ยวดวงเคลื่อน "
น้ำผึ้งเหลือบไปมองเห็นวงไพ่
“พี่รู้จักเจ้าของบ้านข้างๆ มั้ยคะ"
“ไม่รู้ เพิ่งมาอยู่ได้ไม่กี่ปี แต่เห็นเขาว่าไฟไหม้ตายทั้งบ้านมั้ง ไม่รู้ไม่ได้สนใจ"
“แล้วมีบ้านหลังไหนที่สนิทกับเจ้าของบ้านบ้างมั้ย"
“แหม พูดยังกะตำรวจในละคร"
“หลังโน้นก็ไม่มีใครอยู่เลยหมวด" เสียงจ่าแดงรายงาน
ชาวบ้านหันไปสบตาคนในบ้านให้รีบสลายวงไพ่ หันมายิ้มกับน้ำผึ้งแห้งๆ
“ที่นี่ส่วนใหญ่เพิ่งย้ายมาอยู่ได้ไม่นาน หลังน้ำท่วมเจ้าของเก่าเค้าขายทิ้งกัน"
“แล้วไม่กลัวน้ำท่วมอีกเหรอ"
“ไม่จ้ะ กลัวตำรวจมากกว่า แต่มีอยู่หลังหนึ่งที่อยู่มานานแล้ว หลังตรงข้ามบ้านที่หมวดถามถึงจ้ะ แต่เขาไม่สุงสิงกับใคร หมวดลองไปดูนะ"
“ขอบคุณค่ะ เป็นไงวันนี้ได้หรือเสีย ดวงดีรึเปล่า"
ชาวบ้านหน้าจ๋อยยิ้มแหะๆ น้ำผึ้งมองไปที่บ้านหลังนั้น เห็นคนมองอยู่บนชั้นสอง เมื่อเห็นน้ำผึ้งก็รีบ ปิดม่าน
ตี๋ใหญ่อยู่ที่ร้านเครื่องหอม เขายังได้ยินเสียงคำทำนายก้องอยู่ในหัว
“คนเกิดดวงนี้จะนำพามาซึ่งความเดือดร้อนให้ทุกคนใกล้ชิดมีอันเป็นไป เกิดฤกษ์ดาวโจร ถึงไม่อยากเป็นโจรวันหนึ่งมันก็ฝืนชะตาฟ้าลิขิตไม่ได้หรอก“
ตี๋ใหญ่หันมาถามหลิน
“คุณเชื่อเรื่องที่ว่าชีวิตคนเรา ที่จริงแล้วถูกกำหนดมาตั้งแต่วันที่เราเกิด แล้วเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไร ได้แต่ยอมรับกรรมที่ทำมามั้ย"
“หลินว่าถ้าเราคิดอย่างนั้นชีวิตที่เหลืออยู่คงไม่มีอะไรสนุกอีกแล้วมั้ง ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว รอวันตายเลยดีกว่า ทำไมคะ คุณธาวินเชื่อเรื่องดวงด้วยเหรอ "
“เหมือนเรื่องตลกนะ ตอนเด็กมีหมอดูมาทักว่าผมจะเป็นต้นเหตุให้ทุกคนเดือดร้อน "
อ่านต่อตอนที่ 8