ปริศนา ตอนที่ 9
ตำหนักมโนรมย์ในยามเช้า บริเวณทางเดินหน้าห้องอาหาร ในตำหนักมโนรมย์ ตอนกลางวัน หม่อมเจ้าหญิงรัตนาวดี และวิมล เดินตามกันมา เพื่อรับประทานอาหารเช้า แต่แต่งกายพร้อมไปเดินเที่ยวเล่น
ขณะที่สองคนเดินมาถึงจะเลี้ยวเข้าห้องอาหาร ก็เห็นรตีนั่งรับประทานอาหารเช้า อเมริกันเบรกฟาสต์อยู่คนเดียว อย่างกลืนไม่ค่อยลง และไม่ค่อยมีความสุข
ทั้งคู่จึงเบรกพรืด และพากันเดินถอยหลัง พอดีทั้งสองคนเห็นสนกำลังเดินเข้ามา
"จะให้ตั้งโต๊ะเสวยไหมขอรับ"
ท่านหญิงรัตนาวดีส่ายหน้า
"คนอื่นๆล่ะ ไปไหนกันหมด"
"คุณประวิชไปหาเพื่อนที่โฮเต็ล คุณหญิงราชไปสถานีรถไฟกับคนของท่าน"
วิมลพูดกับรัตนาวดี
"คุณหญิง กับคุณรตี ซื้อตั๋วรถไฟไว้ กลับพระนครวันนี้ เพคะ"
ท่านหญิงมองหน้าวิมลเป็นเชิงถามว่ามีใครเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า...
"แต่" ท่านหญิงบุ้ยใบ้ไปทางรตี
"น่ากลัว คุณรตี จะยังไม่กลับ เพราะท่านชายเด็จมา" วิมลบอก
หม่อมเจ้ารัตนาวดีเชิดหน้าทำเสียงเป็นงานเป็นการ
"สน เจ้าพี่ ล่ะ"
"ยังไม่เสด็จลงมาเลยพระเจ้าค่ะ"
"งั้นหรือ .... ปกติเจ้าพี่ไม่ทมจนสายอย่างนี้นี่นา"
รตีปรากฏตัวขึ้น กลางวงสนทนาเมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้ตัว
"นายสน เตรียมของเสวยเช้าให้ท่านชายหรือยัง มาเตรียมให้เรียบร้อย
แล้วไปทูลให้ท่านลงมาเหวย ฉันจะคอย ท่านชาย"
นายสนหันมายิ้ม แต่ออกงงๆว่ารตีมาสั่งเขาเพราะงานเตรียมของเสวยอะไรพวกนี้
ก็เป็นหน้าที่ของเขาที่ทำทุกวันโดยไม่ต้องมีใครสั่ง แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าต้องทำท่าเชื่อฟัง
"ขอรับ"
นายสนโค้ง แล้วเดินออกไป
ท่านหญิงรัตนาวดี ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ดึงแขนวิมลออกไปทางด้านหลัง
"ไป วิมล เราก็ไปเที่ยวตามประสาเรากันเถอะ"
วิมลไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็ตามออกไปโดยดี
ท่านหญิงรัตนาวดีกับวิมล เดิน ออกมาจากบ้าน มายังบริเวณทางเดินหลังตำหนัก ซึ่งมีสวนและต้นไม้ แล้วหันหน้าหันหลังดูว่าจะมีใครตามมาไหม ทั้งสองตั้งใจที่จะหลบรตีออกไปทางหลังบ้านเพราะ กลัวว่ารตีจะตามมาป่วน
ทันใดนั้นเอง รัตนาวดี และวิมล ก็เห็นบุคคลหนึ่ง สวมหมวกกะโล่ เดินลัดเลาะมาตามพุ่มไม้ เพื่อตรงออกไปทางหลังตำหนักเหมือนกัน ทั้งสองมองหน้ากัน
"พี่ชาย!"
สองคนยิ้มยินดี ไม่กล้าส่งเสียงดัง แต่เร่งผีเท้าเร็วจี๋ ตรงไปหาท่านชาย ที่เดินค่อนข้างเร็วเพื่อจะออกประตูไป
"พี่ชายเพคะ... จะเด็ดไปไหน"
"จะออกไปเดินเล่นสักหน่อย มาหัวหิน ยังไม่ได้ไปชมเมืองหัวหินเลย"
"หญิงขอตามเสด็จไปด้วยได้ไหม เพคะ รับรองว่าจะพาเจ้าพี่ ไปเยี่ยมเยียนญาติมิตรให้ทั่วทีเดียว"
"ไปสิ นี่จะไปทั้งสองคนหรือเรา"
"วิมล อยู่บ้านสักวันนะ ช่วยดูแลให้เรียบร้อยด้วย ฉันจะได้พาพี่ชายไปทางโน้น"
ท่านหญิงรัตนาวดีมอง วิมลอย่างเป็นนัยว่าให้จัดการรตีด้วย และสุดท้ายชี้ไปทิศที่บ้านปริศนาพักอยู่
"เพคะ ไม่ต้องห่วงทางนี้ วิมลรับรองว่าจะดูแล คุณรตีให้ดีที่สุด ท่านหญิงรีบเด็จเถิดเพคะ"
"เดี๋ยวก่อน หญิงจะพาพี่ไปไหน"
"จะพาไปชมตลาดตอนเช้า เพคะ ไปหาอะไรเสวยที่ตลาด แล้วหญิงจะพาพี่ชาย ไปเที่ยวบ้านเช่าของครูปริศนา รับรองว่าเงียบกว่าที่นี่ เป็นร้อยเท่าพันเท่า บางทีจะได้ชวนแกไปเที่ยวที่ต่างๆกัน"
ท่านชายพยักหน้า
"ดีค่ะน้องหญิง"
ท่านชายยื่นมือมาให้ท่านหญิงจับ แล้วเดินออกไปนอกเขตด้วยกัน วิมลมองจนลับตาแล้ววิ่งกลับเข้าบ้าน
รตีเดินมาทางขึ้นบันไดชั้นบน เพราะสนหายไปนานกว่าที่คิดไว้และไม่มารายงานเรื่องท่านชาย แต่เมื่อรตีเดินมาถึงบันได สนก็เดินสวนลงมา
"ว่าอย่างไร นายสน ท่านชายจะเด็จลงมาเมื่อไหร่"
"ท่านชาย ไม่ได้อยู่ในห้องบรรทมขอรับ"
"อ้าว..." รตีร้อง นึกในใจว่า ก้อฉันเฝ้าอยู่ยังไม่เห็น "แล้วท่านเด็จไปไหน"
"กระผมก็ไม่ทราบว่า ท่านเด็จไปไหน อาจจะตามคุณประวิชไปที่โฮเต็ลก็ได้"
"นี่ทำงานกันยังไง ไม่รู้ว่าเจ้านายเสด็จไหน"
สนตีหน้าตายไม่ตอบ
"คุณรตีจะฝากอะไรถึงท่านไหมขอรับ ท่านเสด็จกลับมากระผมจะแจ้งให้ทราบ"
รตีแสดงสีหน้าไม่พอใจ
"ชั้นอยากรู้ว่าท่านชายเสด็จไหน แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่"
สนทำหน้าเฉยทำตาปริบๆเหมือนไม่รู้จะหาคำตอบให้ได้อย่างไร
พอดีวิมลเดินเฉียดเข้ามาใกล้อย่างจงใจ
"วิมล นี่จะไปซนกันที่ไหนอีก"
"วันนี้ไม่ไปไหนเลยค่ะ คุณรตี อยู่ที่นี่ทั้งวัน"
"ท่านหญิงรัตน์ล่ะ ไปไหน"
วิมลทำเป็นนึกได้
"อ้อ เดี๋ยวต้องเอาน้ำ กับขนม ไปถวายท่านหญิงรัตน์สักหน่อย"
แล้ววิมลก็เลี้ยวเข้าไปในห้องอาหาร ส่วนนายสนก็เดินเลี้ยวไปทางอื่น รตีเลยยืนคว้างอยู่คนเดียว ไม่รู้จะทำยังไงดี
ริมทะเลหัวหิน แถวบ้านเช่าของสุทธากุล ปริศนาว่ายน้ำทะเลไปมาอย่างเอาเป็นเอาตาย ปลดปล่อยพลัง
"ครูคะ ครูปริศนา"
ปริศนารู้สึกเหมือนใครมาเรียก ก็ชะลอการว่ายน้ำ และค่อยๆตรงเข้าหาฝั่ง แล้วยิ้มรับอย่างดีใจ
"ท่านหญิง"
ท่านหญิงรัตน์ลุยน้ำเข้ามาหาปริศนา
"ดีจัง ท่านหญิงเสด็จ วิมล ล่ะเพคะ"
"วันนี้วิมลไม่มาค่ะ หญิงพาคนอื่นมาแทน"
ปริศนามองไป มีคนยืนอยู่ห่างๆ ปริศนาเดินไปเอาเสื้อคลุมซึ่งแขวนบนไม้ไผ่ที่ปักไว้ มาสวม และถอดหมวกว่ายน้ำออก เธอรู้สึกคุ้นมาก แต่ไม่เห็นหน้า เพราะคนๆนั้นใส่หมวก
ปริศนาและท่านหญิงรัตน์ เดินตรงเข้าไปหา แล้วอุทานเสียงดัง
"ท่านชาย...เสด็จมาตั้งแต่เมื่อไหร่เพคะ"
"มาถึงเมื่อคืนเอง"
ท่านชายพจน์ยิ้มให้ปริศนา
"ก็ตอนที่ป้าสร้อยให้มาตามหญิง ตอนจับปูลมน่ะค่ะ"
"อ้อ.... ท่านชายเสด็จมานี่เอง ทำให้ต้องล้มเลิกการจับปูลม"
"ดีแล้ว ไม่บาป แล้วเธอล่ะปริศนา ทำไมมาว่ายน้ำอยู่คนเดียว"
ปริศนาเงยหน้ามองฟ้า แล้วทำท่าเหมือนจะตายเอา
"Oh! Please! don,t Ask ปริศนา จวนจะเสียสติอยู่แล้ว"
หม่อมเจ้าพจน์ ปรีชาแปลกใจ
"มีเรื่องอะไรหรือ"
"ป้าสงวนชวนแม่ และทุกคนไปเที่ยวเกาะสิงโต แต่ปริศนาไม่ได้ไปเพราะ วันนี้เป็นเวรทำกับข้าวต้องไปจ่ายตลาด และต้องทำกลางวันไว้ให้เขา เพราะเมื่อเช้าพวกเขาก็ได้กินกันแต่แคร็กเกอร์"
"ต้องจ่ายตลาด ต้องทำกับข้าว แต่เธอมาว่ายน้ำ"
"ไม่รู้จะทำยังไงเพคะ จ่ายอะไร นึกไม่ออก เลยกระโจนลงน้ำ"
ปริศนาหันมาทำหน้ามึนใส่ท่านหญิงรัตน์ด้วย
"แล้วเธอจะทำอะไรล่ะ เมนู..."
"ข้าวผัดกระมัง เพคะ เห็นว่าง่ายดี"
"หุงข้าวไว้มากพอหรือเปล่า"
ปริศนาทำหน้าว่างเปล่าอีกครั้งฃ
"หุงข้าว .... คือ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย เพคะ"
"บ้านครูปริศนาเขา เป็นเวร ทำอาหารกันคนละวันเพคะ ท่านพี่"
"ทุกทียังมีจำเนียรช่วยเพคะ แต่วันนี้ จำเนียรไปเกาะด้วย ไม่มีคนช่วยปริศนาเลย"
ปริศนามองท่านชายอย่างขอความช่วยเหลือ
"ไปเปลี่ยนชุดเสีย เดี๋ยวจะไปช่วยดูให้ เอาไหม"
"ท่านชายจะช่วยปริศนา จริงๆหรือเพคะ ได้เพคะ เสด็จไปคอยบนบ้านก่อน"
"หญิงจะไปซื้อของที่ตลาดฝากวิมลนะเพคะ"
"น้องหญิงรอก่อนสิ เดี๋ยวไปจ่ายตลาดด้วยกัน"
ปริศนาเดินนำท่านชายและท่านหญิงขึ้นไปบนบ้าน
ปริศนาเดินนำท่านชายพจน์ และท่านหญิงรัตน์มา ท่านหญิงรัตน์ดูครัวอย่างสนใจ เพราะท่านเองก็ไม่ค่อยเข้าครัวสักเท่าไหร่ ปริศนาเปลี่ยนเป็นชุดลำลอง แต่หัวยังเปียกๆอยู่ หน้าตาก็ไม่ได้แต่ง
ปริศนาเดินเข้ามา เตาถ่านดับไปแล้ว มีกาวางอยู่บนเตา
"ยังไม่ได้ติดเตา ข้าวสารอยู่ในถังนี้ ดูเหมือน นี่เป็นหม้อหุงข้าวไม้ขัดหม้อ มีผักนี่"
ปริศนาชูบวบ ให้ท่านชายดู มีอยู่ประมาณ สี่ห้าลูกเล็กๆ
"แกงได้ใช่ไหมเพคะ แกงกับอะไรดี ปลาหมึกแห้งไหมเพคะ บนชั้นนั่นมีอยู่"
ปริศนาหยิบปลาหมึกแห้งตัวแบนๆมาโชว์ให้ท่านชายดู อย่างจนแต้ม ท่านชายมอง อย่างอ่อนใจ
"มีเท่านี้ใช่ไหม นี่กี่โมงแล้ว สิบโมงกว่าแล้ว ทำไม คุณแม่ปริศนาถึงไว้ใจให้เธอทำกับข้าว"
"ก็ไม่รู้เหมือนกันเพคะ วันแรกที่มา ปริศนาก็ทำครัวเลยเหมือนกัน แต่มีจำเนียร ช่วยตลอด จริงๆแล้วปริศนาเป็นลูกมือจำเนียร แต่วันนี้จำเนียรไม่อยู๋ ปริศนาจะเป็นลูกมือใครดีล่ะคะ เป็นกุ๊กไม่ได้จริงๆ จำไม่ได้ ว่า เอาอะไรใส่กับอะไร อะไรใส่ก่อนใส่หลัง ท่านชาย
พอจะทรงทราบไหม เพคะ ช่วยบอกปริศนาที"
"สอนตอนนี้จะทันไหมเพคะ พี่ชาย หญิงเอง ก็ไม่เคยรู้เหมือนกัน ว่า ของอะไรใส่กับอะไร ไปครัวทีไร ป้าสร้อยกำกับทุกที อย่างขนมเบื้อง หญิงก็หัดละเลงอย่างเดียว ไม่รู้ว่าแป้งเขาใส่อะไรบ้าง แค่นั้นป้าสร้อยก็ชมเสียแล้วว่าเก่ง"
"เอาอย่างนี้ พี่พอทำเองเป็นบ้าง เพราะไปเรียนเมืองนอกต้องทำเองหลายอย่าง น้องหญิงจะกลับตำหนักใช่ไหมคะ ฝากจดหมายนี่ให้สนไปจ่ายตลาด มาให้พี่ที จะไปจ่ายตลาดกันเอง น่ากลัวจะไม่ทันเที่ยง ยังไม่ได้หุงข้าวเลย"
"เพคะเจ้าพี่ เขียนสั่งมาเลย หญิงจะเอาไปให้นายสน"
ท่านชายพจน์เดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว
"ปริศนาหากระดาษ กับดินสอให้ฉันที"
ปริศนา เดินไปหยิบสมุดมา ฉีกกระดาษ แล้วส่งให้ท่านชายพร้อมดินสอ
ท่านชายรับมาแล้วเขียนรายการของที่ต้องซื้อลงไป
รตีนั่งอ่านหนังสือ วางท่าสวย แต่ไม่มีสมาธิ นั่งอยู่บนเก้าอี้ มีพัดลมเปิดจ่ออยู่
รตีเคลื่อนไหวท่าแก้เมื่อย บิดคอไปทางด้านหลังทันใดนั้น ก็เห็นท่านหญิงรัตน์ ยืนสั่งนายสนอยู่ด้านนอก
รตีลุกพรวดขึ้นทันที เดินตรงออกไปทางด้านหลังตำหนัก
ด้านบนที่แอบอยู่ไม่ได้สังเกตเห็นแต่แรก คือวิมล ที่นั่งเฝ้ารตีอยู่ โดยมีแก้วน้ำและจานขนมอยู่ ก็ลุกพรวดขึ้นชะโงกตามรตี
แล้วย่องตามรตีออกไปอย่างรวดเร็ว
รัตนาวดี กำลังยื่นกระดาษรายการอาหารส่งให้นายสน
"นายสน ลองถามนายใจนะ ถ้าไปไม่ถูก แต่บ้านก็ติดอยู่ริมทะเลเหมือนกับวังนี่แหละ"
"กระหม่อม"
รตีเดินออกมาอย่างรวดเร็ว
"ท่านหญิง ไม่ได้ประทับอยู่ชั้นบนหรอกหรือเพคะ นั่นจะไปไหนเอ่ย" รตีถาม
วิมลวิ่งตามรตีมา แต่วิ่งแซงรตีเข้าไปหาท่านหญิงรัตน์
"ท่านหญิงเพคะ เด็จลงมาจากชั้นบนเมื่อไหร่ หม่อมฉันไม่รู้เลย"
วิมล ส่งสายตาเป็นนัยไปทางรตีด้านหลัง
ท่านหญิงรัตนาวดีมองกริยาวิมล แล้วมองรตีก็พอเข้าใจ
"อ๋อ หญิงอยากกินข้าวผัดที่ตลาด ว่าจะให้สนไปซื้อให้ สนรีบไปสิ"
"กระหม่อม"
นายสนรีบเดินออกไป
"ท่านชายเสด็จไหน ท่านหญิงทรงทราบไหมเพคะ"
วิมลบีบแขนท่านหญิง
"คุณรตี ถามถึงท่านชายมาตั้งแต่เช้าแล้วเพคะ" วิมลบอก
"ตายจริง อย่างนั้นหรือ ทำไมวิมลไม่บอกฉันก่อน เจ้าพี่เสด็จ โฮเต็ล หรือว่าตลาดนะ"
"โฮเต็ลก็ไม่มี ตลาดยังไม่ได้ไปเพคะ"
"ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเหลือที่ตลาด จะไปหาเจ้าพี่ที่ตลาดกับเราไหมคะ คุณรตี"
"ท่านชายจะเสด็จไปตลาดทำไมล่ะเพคะ"
ท่านหญิงรัตนาวดีทำหน้าว่างเปล่า
"นั่นสินะ เจ้าพี่จะเสด็จตลาดทำไม โอ้ว คิดไม่ออกจริงๆ ว่าเจ้าพี่เด็จไปไหน เดี๋ยวมานั่งคิดก่อน วิมลมาช่วยกันคิดมา"
ท่านหญิงรัตนาวดี ดึงวิมล กลับเข้าไปในตำหนัก พอเดินมาห่าง 2 คนก็หันไปหัวเราะกัน แล้ววิ่งต่อเข้ามาในตำหนักก่อนเลี้ยวหลบเข้าห้องไป
รตีมองตามอย่างแค้นใจพอหันไปอีกที ก็ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว
ภายในห้องครัว ท่านชายยกหม้อข้าวที่หุงได้ที่แล้ว ออกมาวางไว้ และเอาหม้ออีกใบวางบนเตาแทน
"ปริศนาตักข้าวออกใส่กาละมังนี่ไว้หน่อย ประเดี๋ยวจะได้ทำข้าวผัด"
ปริศนาเปิดหม้อข้าวออก และใช้ทัพพีตักข้าวจ้วงตัก
"ค่อยๆตักสิ ปริศนา ข้าวจะได้ไม่จับเป็นก้อน จะได้ผัดง่ายๆ"
ปริศนาค่อยๆคุ้ยข้าวให้แยกตัวตามที่ท่านชายทำมือให้ดู
"ท่านชายนี่เก่งเหลือเกินเพคะ คนทำครัวเป็นนี่ต้องช่างคิด เหมือนที่คุณยายเคยสอนไว้ไม่มีผิด"
"คุณยายสอน"
"ค่ะ คุณยายชอบสอน การฝีมือนิดๆหน่อยๆ สอนทำขนม แต่ยังไม่เคยสอนทำกับข้าวพวกนี้เลยค่ะ"
"กำลังจะถามอยู่พอดี ว่า หากคุณยายสอนแล้วทำไมปริศนาถึงยังทำกับข้าวไม่เป็นอยู่อีก ตอนอยู่เมืองนอกไม่เคยทำหรอกหรือ"
"ที่บ้านคุณอา ไม่เคยทำอาหารไทยเพคะ มีกุ๊กทำตลอด ปริศนาเคยย่างบาร์บีคิวบ้าง ย่างข้าวโพด ทำป๊อบคอร์นบ้าง อาหารไทย ปริศนายังรู้จักชื่อไม่หมดเลยนะเพคะ อยู่มาตั้งปีนึงแล้ว ยังเจออาหารที่ไม่รู้จักชื่อ อยู่บ่อยๆ"
ท่านชายเห็นปริศนา ตัดข้าวเสร็จแล้ว จะเอาหม้อข้าวนั้นไปวางที่ล้างจาน
"ไม่ต้องล้างก็ได้ ประเดี๋ยวผัดข้าวเสร็จ ปริศนาก็เอาข้าวผัดใส่ในหม้อใบเดิม"
ท่านชายพจน์พูดจบก็คว้าหม้อแกงใบเล็ก ตักน้ำจากตุ่ม ใส่หม้อ
"นี่จะถึงแกงจืดแล้วใช่ไหม เพคะ"
"รากผักชี พริกไทย ทำน้ำซุบ ส่วนหมูสับหมักใส่กระเทียมพริกไทย"
ปริศนายิ้ม
"อยู่ตรงนี้เพคะ หมูสับที่ให้เตรียมไว้ ปริศนาทำเสร็จแล้ว"
"หยอดน้ำปลาลงขยำในหมูสับเสียหน่อย รสจะดีขึ้น"
ปริศนาหยิบโถน้ำปลามา จะตักใส่ทั้งทัพพี
ท่านชายยกมือห้ามไว้
"ใส่นิดเดียวพอ ปริศนา พอได้รส กับได้กลิ่นหอม"
แล้วท่านชายก็ตักน้ำปลาหยอดให้ ปริศนาขยำหมูสับในกาละมังใบเล็ก
"ทีนี้มือเธอก็เปื้อน แล้วประเดี๋ยวปั้นหมูสับลงใส่น้ำแกงเลยนะ ปั้นหมูแล้ว เอามือจุ้มน้ำสลับกัน หมูสับจะได้ไม่ติดมือ"
ท่านชายตักน้ำ ใส่ชามให้อีก
ปริศนายิ้มให้ท่านชายที่เข้ามายืนใกล้ๆ
อ่านต่อหน้า 2
ปริศนา ตอนที่ 9 (ต่อ)
บนโต๊ะเตรียมอาหาร วางอุปกรณ์อาหาร สำหรับทำข้าวผัดกุ้ง เรียงกันไป จาก กระเทียม กุ้ง ไข่ หอมใหญ่ ข้าว ต้นหอม ผักชี ซึ่งท่านชายวางเรียงไว้ให้
"ทีนี้ พอพวกเขามาถึงกัน เธอก็เร่งไฟให้แรงสักหน่อย แล้วเริ่มผัดข้าวผัด กินร้อนๆ จะอร่อยกว่า ใส่เครื่องปรุงเรียงจากนี่มา แล้วคอยชิม ว่าอร่อยไหม มะนาวและผักเคียง เตรียมไว้"
"ต้องอร่อยแน่ๆเพคะ"
"ต้องอร่อยแน่ๆ"
ปริศนายกชามใบใหญ่ใส่น้ำล้างมือให้ท่านชายมาวางไว้ที่โต๊ะ
"เชิญล้างพระหัตถ์เพคะ"
ท่านชายพจน์ล้างมือในอ่าง ปริศนาส่งผ้าเช็ดมือให้
ท่านชายมองปริศนา
"มีอะไรหรือเพคะ"
"เธอ เป็นคนแปลก แปลกมากๆทีเดียว"
"แปลก อะไรแปลกเพคะ"
"ทำครัวไม่เป็น แต่บริการพ่อครัว ราวกับ บัตเลอร์มืออาชีพ"
ปริศนาหัวเราะเขินๆ
"ปริศนาไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณของท่านชายได้อย่างไร เมื่อเช้าเห็นสภาพแล้วสิ้นหวังเอาจริงๆ จนต้องกระโจนลงน้ำว่ายให้หายคลั่ง ตอนรับปากว่าทำได้ ก็ลืมไปว่า วันนี้ไม่มีผู้ช่วย มันชั่งน่าอาย"
ท่านชายส่งผ้าเช็ดมือให้ปริศนา
"งั้นฉันกลับก่อนนะ"
"อ้าว ไม่อยู่เสวยกับพวกเราหรือเพคะ"
พจน์ส่ายหน้า
"วันนี้ ที่มโนรมย์ ทำอาหารเก้อ มื้อเช้าแล้ว จะให้ทำกลางวันเก้ออีกหรือ"
"นายสน มาเมื่อก่อนเที่ยงแล้วนิเพคะ ก็ทราบแล้วว่าทรงเข้าครัว อยู่ที่นี่"
"ใครบอกเธอล่ะ ฉันแอบสั่งนายสน ว่าจะกลับไปกินกลางวันที่โน่น"
ปริศนาหน้าเสีย
"พรุ่งนี้ ไปตีกอล์ฟกันไหม"
"ปริศนาตีกอล์ฟไม่เป็นเพคะ"
"หรือจะไปตีเทนนิส จะได้จองคอร์ทที่โรงแรมให้"
ปริศนามองท่านชายตาปริบๆ
"ชวนประวิช และนายเสมอ ไปด้วยก็ได้"
"ปริศนาไม่ได้เอาไม้มาเพคะ ว่าจะเขียนรูป ท่านชายเสด็จมาเป็นแบบให้ปริศนาได้ไหม"
"เธอเคยเขียนการ์ตูน เป็นรูปฉันแล้วนี่"
"คราวนั้น สเก็ตช์ เล่นๆเพคะ แต่ปริศนาเอาสีน้ำมันมาด้วย ตั้งแต่กลับมา ยังไม่ได้ฝึกมือจริงๆจังๆ ไม่มีแบบ ที่อยากเขียน"
ท่านชายพจน์ยิ้มมองปริศนาอีกครั้ง จนปเธอเป็นฝ่ายต้องหลบตาลง
"ตกลง พรุ่งนี้เช้าฉันจะมา แต่พรุ่งนี้ ไม่ทำกับข้าวแล้วนะ"
ปริศนาหัวเราะเขินๆ
"พรุ่งนี้ไม่ใช่เวรปริศนาเพคะ เวรของอนงค์"
"น่าจะอร่อย แต่หลังจากนั้น เราจะกลับไปที่มโนรมย์กัน"
ปริศนาเบิ่งตามองท่านชาย อย่างสงสัย
"วันเกิดน้องหญิง"
ปริศนานึกได้
"ตายจริง ปริศนาไม่ได้เขาของขวัญอะไรมาถวายท่านเลย"
"ไปร่วมงานก็ถือเป็นของขวัญแล้ว แค่เลี้ยงฉลองกันแค่นั้น ไปนะ"
"เพคะ ตกลง"
ท่านชายยื่นมือให้จับ ปริศนาจับมือเขย่าแรงๆยิ้ม กว้าง แต่แล้วก็รู้สึกแปลกๆ กับสายตาที่ท่านชายมองมาอย่างเอ็นดู
ปริศนาก้มหน้าลง รู้สึกเอียงอาย ท่านชายยิ้ม แล้วเดินจากไป ปริศนาได้แต่มองตาม ถอนใจ และเดินไปเกาะระเบียง มองดูท่านชายเดินผิวปากจากไป
ปริศนายิ้มอย่างเอ็นดูท่านชายเหมือนกัน
รตี แต่งตัวสวยเหมาะแก่การเดินเล่น สวมหมวก เดินมาที่โรงแรม เพื่อตามหาท่านชาย
รตีหายเข้าไปในโรงแรม
รตี เดินมา ชะโงกหน้าอยู่ที่ประตูห้อง กวาดสายตามองเข้าไปด้านใน ที่โต๊ะเล่นไพ่บริดจ์ ประวิช ซึ่งยืนดูอยู่ มองขึ้นมาเห็น ท่านชายอยู่ที่โต๊ะบริดจ์ กับเพื่อน ท่านชายไม่เห็นรตี
ประวิชเดินตรงเข้ามาหารตี รตีขยับจะเข้าไปหาท่านชาย ประวิชดึงแขนไว้
"คุณรตี อย่าเพิ่งเข้าไปกวนท่านชายเลย ท่านชายเพิ่งเสด็จมาถึง คงจะไม่เสด็จไปไหน ต่อแน่นอน เย็นนี้ท่านก็จองดินเนอร์ไว้ที่นี่ด้วยแล้ว"
ประวิชปล่อยมือโค้งให้รตี แล้วผายมือให้รตีเดินออกไปข้างนอก
รตีค่อนข้างไม่พอใจ แต่ก็ยอมตามออกไปโดยดี
รตีเดินออกมาในสนาม ประวิชเดินตามมา
"ว่ายังไง มีธุระอะไรสำคัญ"
"วันนี้ทั้งวัน คนจากมโนรมย์มาตามหาท่านชาย บอกว่าคุณให้มาดูบ้าง ให้มาตามบ้าง"
"นี่นายกำลังจะว่า ฉัน เรื่องการใช้คนของมโนรมย์ หรือ"
"หามิได้ น่าจะเป็นเรื่อง ที่เกี่ยวกับท่านชายเสียมากกว่า"
"เรื่องอะไร"
"กระผมเกรงว่า จะเป็นการละลาบละล้วง เรื่องของท่าน"
รตีเสียงสูง
"ละลาบละล้วง.... การห่วงเจ้าของบ้านที่เรามาอาศัยอยู่นี่น่ะหรือ ละลาบละล้วง"
"คุณรตี จะไปห่วงอะไรท่านนักหนา ท่านเสด็จมาพักผ่อน คนรู้จักท่านมากมาย
ทั้งเพื่อน ทั้งญาติ"
"แต่เสด็จไปไหน ไม่มีใครรู้ ชั้นตามหาท่านมาตั้งแต่เช้า"
"คุณจะตามหาท่านทำไม"
รตีอึ้งตอบไม่ได้
"คุณรตี มีอะไร ผมมีจังหวะก็เตือนท่านให้นึกถึงคุณอยู่เนืองๆ คุณก็รู้ว่าท่านชายไม่ชอบความวุ่นวาย ตัวท่านนั้นจัดการชีวิตของคนอื่นได้ทั้งหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวผมเอง เรื่องท่านหญิงรัตน์ นั่นไม่ต้องพูดถึง บริวารท่านอีกมากมาย เงินทองผลประโยชน์ของท่านก็ไม่ได้บกพร่อง กระผมเห็นว่า ท่านชายคงไม่โปรดผู้หญิงจุ้นจ้าน วุ่นวาย"
"นายประวิช นายกล้าดียังไง มาว่าฉัน จุ้นจ้าน วุ่นวาย"
"โธ่เอ๊ย คุณรตี ถ้าคุณเห็นว่าการที่กระผม เตือนคุณในเรื่องของท่านชาย จะกลายเป็นการกล่าวหาว่าร้ายคุณ กระผมก็เสียใจ"
รตียืนคอเชิด
"อันที่จริงแล้ว กระผมก็ไม่ควรจะพูดเรื่องเช่นนี้กับผู้หญิงคนไหน แต่ว่า เรามีนามสกุลเดียวกัน และเวลานี้คุณหญิงแม่ของคุณ ก็กลับไปพระนครพร้อมบ่าวไพร่ทั้งหมดแล้ว คุณก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียว ผมจึงต้องเอ่ยปาก"
"เพิ่งจะรู้ว่าหน้าอย่างนาย ต้องการจะมาสั่งสอนฉันยิ่งกว่าแม่"
"ผมหรือจะกล้าสั่งสอนคุณ คุณรตี ผมเพียงแค่พูดให้คุณฟัง พูดให้คุณคิดเท่านั้น เรื่องท่านชายโปรดคุณนั่น แน่นอนอยู่ กระผมจึงไม่อยากให้ท่านเปลี่ยนพระทัยไปเป็นอื่น"
"ด้วยการห้ามฉันไม่ให้ยุ่งกับท่านชายน่ะหรือ นี่หรือคือหวังดี"
"ผมเพียงแค่จะบอกว่า อย่างไรเสีย ท่านชายก็กลับตำหนักของท่าน ไม่ได้ไปที่ไหน หากคุณรตีอยากพบท่านก็รออยู่ที่ตำหนักมโนรมย์ แค่นั้นแหละ คุณเที่ยวมาตามท่าน กลางสมาคมอย่างนี้ ท่านอาจไม่พอพระทัยจนถึงกริ้วได้ คุณอยากจะให้มันเกิดเรื่องอย่างนั้นหรือ"
รตีอึ้งไป คิดดูแล้วประวิชก็พูดถูก แล้วรตีหันหลังเดินกลับออกไป ประวิชผ่อนลมหายใจยาว
ประวิช เดินกลับมาที่โต๊ะ เล่นบริดจ์ ซึ่งหมดตาพอดี ท่านชายลุกขึ้น
"อ้าว ประวิช หายไปไหนมา"
"ไปจองโต๊ะดินเนอร์มา จะชวนใครมาร่วมโต๊ะเสวยด้วยไหมกระหม่อม"
ท่านชายพจน์ส่ายหน้า
"ไม่หรอก กินกับนายสองคนนั่นแหละประวิช นั่งโต๊ะบริดจ์นาน ไปนั่งริมทะเลสักพัก แล้วค่อยไปกินข้าว กินเร็วหน่อย จะได้กลับไปนอนเร็ว"
"กินข้าวแล้ว กระหม่อมว่าจะคุยกับคุณประสงค์เสียหน่อย เขาชวนไว้"
"ตามใจ กินเสร็จฉันจะกลับเลยก็แล้วกัน พอดีมีนัดตอนเช้า"
ท่านชายยิ้มเมื่อนึกถึงปริศนา
แล้วท่านก็เดินออกไปด้านหน้าโรงแรม ประวิชมองตาม ไม่ค่อยเข้าใจนัก รู้สึกว่าท่านชายมีอะไรแปลกๆไป
ท่านชายพจน์เดินมาตามลำพังตามชายหาด บรรยากาศค่อนข้าง โรแมนติกและสวยงาม มีพระจันทร์ลอยต่ำอยู่เหนือทะเล หลายครั้งที่ท่านชายหยุดยืนมองไปในทะเล ภาพของปริศนาแล่นเข้ามาในความคิด
ปริศนากำลังว่ายน้ำอย่างเอาเป็นเอาตาย, เธอโชว์ปลาหมึกแห้ง อย่างคิดเมนูกับข้าวไม่ออก, เธอถืออ่างน้ำ ล้างมือให้ท่านชาย สีหน้ายกย่องชื่นชมขอบคุณ
ท่านชายยิ้มอย่างมีความสุข และเดินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงบริเวณหน้าทางเข้าตำหนักมโนรมย์
"ท่านชายเพิ่งเด็จกลับหรือเพคะ"
ท่านชายแปลกใจ ว่าเสียงรตีทำไมมาเรียกท่านมืดๆ เดินอ้อมมุมไปดู เห็นรตีนอนระทวยอยู่บนผ้าปูสีสวย บนพื้นทราย มีแสงไฟ ส่องจางๆ ท่านชายอึ้งไป รตียังโพสท่า ไม่เปลี่ยน
"มาทำอะไรอยู่ที่นี่รตี ยังไม่นอนอีกหรือ"
"ยังเพคะ อากาศคืนนี้สบายดีเหลือเกิน หม่อมฉันนั่งอยู่ตรงนี้นานแล้ว ท่านจะบรรทมละหรือ ประทับอยู่ตรงนี้เป็นเพื่อนหม่อมฉันก่อน ไม่ได้หรือเพคะ"
ท่านชายทิ้งตัวลงนั่ง แต่หันหน้าออกทะเล ไม่ได้หันหน้ามาทางรตี
แต่รตีก็ยิ้มพึงพอใจในระดับหนึ่ง รตีค่อยๆหยิบแมนโดลินที่วางข้างตัว มาเริ่มกรีดนิ้ว และเล่นเพลงโรแมนติกเข้ากับบรรยากาศ เสียงดนตรีทำให้ท่านชายอดไม่ได้ที่จะหันมาดูรตีในลักษณะที่ดึงดูดใจ เชิญชวนมาก
ท่านชายหมุนตัวหันมามองรตีอย่างเต็มตา
รตีกรีดนิ้ว ลงบนสายแมนโดลิน ให้เสียงแผ่วหาย แล้วเอนตัวลง จัดท่าให้เซ็กซี่ แล้วปิดเปลือกตาลงอย่างช้าๆ เผยอริมฝีปากน้อยๆ คล้ายมาริลีน มอนโร
ท่านชายมองดูรตี แล้วก็รู้เท่าทันเจตนา จึงลุกขึ้นยืน
รตีที่เผยอปากรอค้างอยู่ ไม่เกิดอะไรขึ้นจึงกระพริบตา เห็นท่านชายยืนอยู่นอกผ้าปูนั่ง
รตีตกใจ รีบลุกขึ้นยืนบ้าง
"ฉันเห็นจะต้องขึ้นเรือนเสียที ดึกแล้ว พรุ่งนี้มีนัดแต่เช้า เธอจะอยู่ก็อยู่ ก่อนเถิด ฉันจะไปละนะ กู๊ดไนท์"
ท่านชายเลี่ยงเดินเข้าตัวตึกไป รตีทรุดตัวลงกอดเข่า ทุบเข่าตัวเองสองสามที แล้วเลื่อนมือมาขยี้หัวตัวเองอย่างไม่พอใจ รตีหงุดหงิด และกลัดกลุ้มว่าทำไมท่านชายถึงไม่สนใจตน
เสียงผิวปากแว่วมาไกลๆ รตีหันไปทางเสียงนั้น ต้องเป็นประวิชแน่ๆ
ประวิชในลักษณะที่ดื่มมาพอประมาณ ผิวปากเพลงรักยอดนิยม พลางเดินเตะทรายปลิว และเข้ามายังที่นอนของรตี
เสียงผิวปากของประวิช ขาดหายไปในทันที
ประวิชยืนอยู่ ริมผ้าปู รตีนั่งเซ็งๆอยู่
"คุณรตี"
รตีชายตามองแต่ไม่ได้ตอบ
ประวิชนั่งลงที่ผ้าปูอย่างชื่นชมและเกรงใจ
"ยังไม่นอนอีกหรือคุณ"
"ยัง แสงจันทร์อาบเสน่ห์ให้คนเราได้ รู้ไหม"
"เห็นจะจริง มนต์แสงจันทร์ อาบเสน่ห์ ให้คนเราได้"
แล้วรตีก็สะอิ้งกายลุกขึ้น พลางหัวเราะ
"อยู่ในแสงจันทร์นานๆ จะมีเสน่ห์ทำให้คนหลงใหลได้จริงไหม"
รตีสะบัดแขนและเท้าในทีท่ายั่วยวน แบบแทงโก้ ใส่ประวิช
"ท่านชายเสด็จกลับมาแล้วไม่ใช่หรือคุณ"
"ไม่รู้สิ คงยังงั้นกระมัง"
"แล้วคุณ ได้พบท่านชายหรือยัง"
"ถามท่านเองสิ ฉันขึ้นนอน ดีกว่า"
แล้วรตีก็ หยุดเต้น หอบแมนโดลินขึ้นมา ประวิชช่วยพับผ้าปูแล้วส่งให้ ยืนดูอยู่จนรตีเดินทิ้งสะโพกหายเข้าไปในตัวบ้าน
ท่านชายพจน์ แต่งชุดนอนแล้ว กำลังเตรียมชุดที่จะใส่ไปให้ปริศนาวาดรูปพรุ่งนี้เช้า
เสียงเคาะประตูห้อง ดังขึ้น
"ใคร"
"กระหม่อมเอง ฝ่าบาทยังไม่บรรทมมิใช่หรือ"
"เข้ามาสิ"
ประวิชเดินเข้ามา แต่งชุดนอนแล้วเหมือนกัน
"เมื่อกี้ ตอนกลับจากโฮเต็ล พบคุณรตีอยู่ที่หาดทราย ให้ตายสิ สวยจัง กระหม่อมงี้ตะลึงเลย ถ้าไม่เป็นพี่สาวกระหม่อม คงจะต้องตรงเข้าไปขอความรักหรืออะไรอย่างนั้น สวยยั่วยวนจริงๆ ผู้หญิงอะไร"
ท่านชายพจน์ ปรีชาหยิบหนังสือเดิน ไปนั่งที่เตียงเหมือนจะอ่านหนังสือต่อ ไม่โต้ตอบกับประวิชแต่อย่างใด
"พอดีแกขึ้นเรือนไปแล้ว กระหม่อมถึงขึ้นมาบนนี้ เสียดายหากฝ่าบาทได้ทอดพระเนตร ไม่ตะลึงก็ให้ว่ากันเลยทีเดียว"
"แกจะให้ฉันบ้าผู้หญิงเหมือนแกรึ ประวิช?"
"ไม่ใช่เรื่องบ้าหรือไม่บ้า ฝ่าบาท แต่ของสวยงาม ไม่ใช่ของดาดๆดื่นๆ แต่เป็นของหายาก น่าจะได้ชมกันเป็นขวัญตา"
"อย่างนั้นเชียวหรือ"
"ผู้หญิงที่ทั้งสวย ทั้งยั่วยวน งดงามอย่างคุณรตี หาไม่ได้ง่ายๆ ผู้ชายที่ชื่นชมเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็อดที่จะคลั่งไคล้ไม่ได้ ฝ่าบาทชอบผู้หญิงสวยยั่วยวนไม่ใช่หรือ"
"เปล่า ฉันชอบผู้หญิงที่ฉลาดต่างหาก ถ้ายิ่งสวยด้วยยิ่งดี แต่ยั่วยวนนั้นก็ชอบดูบ้าง นานๆที แต่ให้แต่งงานด้วยไม่เอา แกเอาหรือประวิช"
"ตอนนี้ใจของกระหม่อม ไม่ไปทางอื่น คิดถึงแต่ปริศนาคนเดียวเท่านั้น ทั้งๆที่เขาดูเฉยเมย เฉยชามากกับกระหม่อม"
ท่านชายอมยิ้มเมื่อนึกถึงปริศนาเหมือนกัน
"ปริศนา เป็นปริศนาจริงๆ ผู้หญิงคนนี้"
"แต่กระหม่อมคิดว่า ผู้หญิงทุกคนเป็นปริศนาอ่านไม่ออกกันหมด คุณรตีก็แปลก ดูสิ ซื้อตั๋วกลับแล้วก็ไม่กลับ ปล่อยแม่กับคนใช้กลับหมด ตัวเองยังอยู่ หรือว่าจะอยู่เพราะฝ่าบาทเสด็จมาก็ไม่รู้"
"ฉันก็ไม่รู้เขาเหมือนกัน หากแกอยากรู้ก็ต้องถามพี่สาวแกเอาเอง"
"เขาได้ตบกระหม่อมเข้าประไร.... ไปนอนดีกว่า คงหลับฝันดี เพราะได้เห็นนางสวรรค์เอาก่อนนอนนี่แหละ"
แล้วประวิชก็เดินออกไปจากห้อง
พจน์รำพึง แต่หมายถึงปริศนา
"นางสวรรค์"
อ่านต่อหน้า 3
ปริศนา ตอนที่ 9 (ต่อ)
ริมหาดหัวหิน ยามเช้า พระอาทิตย์ขึ้นจากทะเล ปริศนาเดินถืออุปกรณ์วาดรูป และเฟรมมาตั้งบริเวณใกล้หาด หยิบอุปกรณ์ออกมาวาง แต่ละชิ้น ทำให้นึกถึงคุณอาที่ซื้อให้ และพาปริศนาไปเรียนวาดรูป
แล้วปริศนาก็ควักผ้าเช็ดหน้าออกมา ปิดหน้าร้องไห้ หม่อมเจ้าพจน์ ปรีชาเดินเข้ามาใกล้ เห็นปริศนาร้องไห้ ก็ยืนมองดูสักพักอย่างสงสัยว่าร้องไห้เรื่องอะไร
"ปริศนา... ร้องไห้ทำไม"
ปริศนาสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นเห็นท่านชาย รีบเช็ดน้ำตา และยิ้มอย่างเอาใจ
"ไม่มีอะไรเพคะ ปริศนาคิดถึงคุณอา... อาวิรัชที่เลี้ยงปริศนามา คุณอาพาไปเรียนเขียนรูป และซื้อทุกอย่างให้ปริศนา"
"แล้วเธอก็เขียนรูปได้เก่งเสียด้วย"
"เพคะ และแบบของปริศนาก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ปริศนาขอวาดรูปท่านชายเลย ปริศนาวาดพระอาทิตย์ขึ้นที่หัวหินเอาไว้แล้ว เอารูปนั้นถวายท่านหญิง เป็นของขวัญวันเกิดนะเพคะ"
ท่านชายพจน์พยักหน้า ปริศนายกเก้าอี้มาให้ท่านนั่ง
"ประทับตรงนี้เพคะ แสงสวยที่สุด"
"เขาว่าสีน้ำมัน จะสวยก็เพราะ แสง กับสีใช่ไหม"
"แบบก็ต้องสวยด้วยเพคะ"
"สวยอย่างนั้นหรือ หมายความว่ายังไง หน้าตาดี"
"ไม่ได้เน้นที่หน้าตาดีเพคะ แต่เน้นที่มี personality มีบุคลิก เฉพาะตัว มีความโดดเด่น น่าสนใจ ปริศนาถึงอยากจะวาด ไม่ได้อยากวาดไปเสียทุกคน แต่ถ้าใครสวยน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นจีน แขก ฝรั่งที่ไหน ปริศนาก็วาด"
"อย่างนั้นเทียวหรือ แปลก ไม่ยักรู้มาก่อนเลย"
ท่านชายนั่งนิ่ง
คนงานในตำหนักมโนรมย์ รวมทั้งนายสน กำลังจัดสถานที่งานเลี้ยงน้ำชา วันเกิดให้ท่านหญิงรัตนาวดี เดินออกมาดูกับวิมล
"นายสน พี่ชายเด็จไหน"
สนยิ้มตอบ
"ไม่ทราบ กระหม่อม เสด็จออกไปตั้งแต่เช้าทีเดียว"
"ตอนกลางวันจะเด็จกลับมาไหม"
"กลับ กระหม่อม รับสั่งว่าจะมาเสวยกลางวันที่นี่ แล้วอยู่งานวันประสูติท่านหญิงจนค่ำ เมื่อเช้าก็เสด็จลงมา"
ท่านหญิงรัตนาวดีหันไปหาวิมล
"งั้นหรือดีล่ะ"
นายสนเดินห่างออกไป ชี้ให้คนงานเอาช่อดอกไม้วางประดับ
"วิมล เดาหน่อยซิ ว่าเจ้าพี่เด็จไปไหน"
"หม่อมฉันว่า เสด็จที่เดียวกับเมื่อวานเพคะ"
ท่านหญิงรัตนาวดียิ้มกว้างขึ้น
"เธอว่าดีไหม"
"ดีเพคะ หม่อมฉันว่าดีมากๆทีเดียว"
รตี โผล่เข้ามาแต่งชุดสวยมาก
"ท่านหญิงเพคะ Happy Birthday เพคะ อยู่กันตรงนี้เอง ไม่ได้ฉลองอะไรอยู่กับท่านชายหรือเพคะ"
"ยังไม่ได้พบพี่ชายเลยค่ะ หญิงมาดูเขาจัดงาน"
"ท่านหญิงไม่ต้องทรงลำบากเพคะ birthday girl ไปแต่งตัวสวยๆดีกว่า วันนี้ คงมีแขกมาหลายคน ประเดี๋ยวรตีจะดูให้เอง"
"หญิงไม่ลำบากเลยค่ะ หญิงมาดูเฉยๆ และก็ชอบที่จัดแบบนี้มากๆ เพราะพี่ชายสั่งเอาไว้เรียบร้อยหมดแล้ว ให้จัดแบบไหน จริงไหมวิมล"
"ค่ะ นายสนเล่าให้เราฟังหมดแล้วว่าจะวางอะไรไว้ตรงไหน ท่านหญิงเพคะ ไปเสวยเช้า แล้วขึ้นไป แต่งตัวกันดีกว่า"
"นั่นสิ ไปดีกว่า ขอบคุณคุณรตีมากนะคะ ที่แนะนำ"
ท่านหญิงรัตนาวดีหันหน้ามาพยักหน้าให้รตี แล้ววิ่งกลับขึ้นไปข้างบน นายสนที่อยู่ไกลๆ พยายามจะเลี่ยงออกไปด้านนอกแต่ไม่ทัน รตีเรียกจิก
"นายสน ท่านชายเด็จไหนหรือ"
"น่าจะเดินเล่นขอรับ ประเดี๋ยวคงเสด็จกลับ เพราะทรงสั่งการเรื่องการจัดงานวันนี้ ปกติท่านจะต้องเสด็จกลับมาทอดเนตร ก่อนงานเริ่มทุกครั้ง"
"ไม่เดือดร้อนกันมั่งเลยหรือ เจ้านายหายตัวไปทุกวันๆอย่างนี้"
"เรารู้ว่าท่านชายเสด็จไปธุระแถวนี้ หากจะไปไหนไกลมากๆท่านจะมีรับสั่งไว้เสมอ สำหรับท่านชาย บ่าวไพร่คงจะไม่อาจหาญไปห่วงท่าน เราแค่รู้หน้าที่ของเรา และทำงานให้ดีที่สุดเท่านั้นขอรับ กระผมขออนุญาตไปทำงานต่อ"
นายสนโค้งให้แล้วรีบเดินออกไปสั่งการต่อ
ริมทะเลหน้าบ้านพักของปริศนาที่หัวหิน เช้าต่อเนื่องมา ท่านชายพจน์ขยับตัว
"พักบ้างได้ไหม"
"ได้เพคะ"
ปริศนาวางพู่กันลง
ท่านชายพจน์เดินเข้ามาดูรูป ซึ่งร่างไว้เกือบเสร็จแล้วแต่รายละเอียดไม่ครบ
"อือม์ เก่งจริง มีเค้า ฉันแล้วล่ะ"
"ท่านชายทรงเป็นแบบที่ดีมากเพคะ"
"เป็นแบบที่สวย แล้วยังเป็นแบบที่ดีอีกหรือ ทำไมถึงดี"
"ประทับนิ้งนิ่งเพคะ แต่ตาท่านชายวาดยากจริงๆ"
"มันเป็นยังไงหรือ ตาฉัน"
ปริศนามองตาท่านชายอย่างสังเกต ท่านชายก็มองกลับจนปริศนาต้องหลบตา
"มันมีไฟ"
"อะไรนะ"
"มีไฟอยู่ในตาเพคะ"
"แปลว่าอะไร"
"ไม่เข้าพระทัยหรือเพคะ ปริศนาแปลตรงตัวดีแล้วนี่น่า ปริศนาหมายความว่า ท่านชาย.... you have fire in your eyes คือมัน.... เอ พูดไม่ถูกเพคะ"
ท่านชายขำกริยาของปริศนา และวิธีคิด
"แปลตรงตัวจริง เล่นเอาเราไม่เข้าใจ อ้อตาฉันมันน่ากลัวอย่างนั้นเชียวหรือ"
"ไม่ใช่เพคะ อย่าทรงถามต่ออีกเลยเพคะ ให้ปริศนาวาดให้จบก่อน แล้วส่วนอื่นท่านชายไม่ต้องมาเป็นแบบให้แล้วก็ได้"
ท่านชายเดินกลับมานั่งที่เดิม
"ไม่เป็นไร วันไหนปริศนาวาดอีก ฉันจะมาเป็นแบบให้ จะได้เหมือนตัวจริง ว่าแต่ว่า วาดเสร็จแล้ว เธอจะให้รูปนี้กับฉันหรือไม่ หรือว่าจะเก็บไว้เอง"
"ถวายให้ท่านชายเพคะ ถ้าท่านชายมีพระประสงค์"
"ดี จะได้ใส่กรอบงามๆไว้ ดูเล่นว่าเป็นฝีมือของปริศนา"
แล้วท่านชายก็ยิ้ม กลับไปสู่การวางท่าทางดังเดิม ปริศนาลงมือวาดตาท่านชายอีกครั้ง
ห้องโถงตำหนักมโนรมย์ หัวหิน กลางวันต่อเนื่อง หม่อมเจ้าพจน์ ปรีชาเดินเข้ามาพร้อมกับปริศนาในบรรยากาศการเฉลิมฉลอง ปริศนาเปลี่ยนชุดใหม่แล้ว ท่านชายยังใส่ชุดเดิมอยู่
"ปริศนารออยู่แถวนี้ก่อนนะ ฉันจะขึ้นไปเปลี่ยนชุดก่อน ประเดี๋ยวจะลงมากินกลางวันด้วยกัน"
นายสนเดินออกมาโค้ง
"สนจัดโต๊ะ กลางวันให้ทีนะ คนอื่นๆ เรียบร้อยกันหรือยัง" ท่านชายถาม
"ท่านหญิงเสวยตั้งแต่ 11 โมง แล้วกระหม่อม เสวยเสร็จก็เสด็จขึ้นไปข้างบน ส่วนคุณรตี ก็รับประทานตั้งแต่เที่ยงตรง"
ท่านชายพจน์เดินขึ้นไปข้างบน
ปริศนาเดินดูบรรยากาศของงาน รู้สึกชื่นชมในรสนิยมการประดับตกแต่งสถานที่ ที่ใช้ความเป็นไทย ผสมผสานกับความเป็นสากลได้อย่างดี
เสียงรตีดังเข้ามา
"ตายจริง มาก่อนใครเพื่อนเชียวหรือคะ"
ปริศนาสะดุ้ง
"ได้รับเชิญมางานวันประสูติท่านหญิงรัตน์ ใช่ไหมคะ"
"ค่ะ"
"แล้วคนอื่นล่ะคะ มากันทั้งครอบครัวไม่ใช่หรือ"
"ประเดี๋ยวคนอื่นๆจะตามมา ปริศนามาก่อน ตามเสด็จท่านชายมา"
รตีหน้าเปลี่ยนสีทันที เพิ่งชัดเจน รู้ความจริงว่า ท่านชายหายไปทั้งวัน สองวันมานี่ก็คงจะไปอยู่กับปริศนา
"ตามท่านชายมา หมายความว่ายังไงคะ ท่านชายเสด็จไปอยู่ที่ไหนกับเธอมาหรือ"
ปริศนาเริ่มรู้ทัน มองไปตรงๆทำตาว่างเปล่า
"เอ... หากคุณรตี จะถามเรื่องเกี่ยวกับท่านชาย คุณก็น่าจะถามกับท่านเอง จะให้ฉันตอบแทนท่านคงจะไม่เหมาะ"
"ไม่ต้องมาเล่นลิ้น ในเมื่อเธอบอกว่ามากับท่านชาย เธอก็ต้องตอบมาว่าไปที่ไหนกันมา"
รตีจ้องปริศนา หายใจหอบด้วยความโกรธ ในขณะที่ปริศนายืนเฉย เพราะมั่นใจแล้วว่าจะไม่ตอบคำถามหาเรื่องของรตี
ประวิชเดินเข้ามาจากทางด้านนอก เขายังใส่เสื้อลำลองอยู่
"ปริศนา! มาอยู่นี่เอง ประวิชอุตส่าห์เดินไปรับที่บ้าน คุณแม่คุณบอกว่า ออกมากับท่านชายแล้ว"
"ท่านชวนให้ขึ้นสามล้อมาพร้อมท่านค่ะ"
"ประเดี๋ยว คุณแม่คุณ กับพี่ๆคุณ คงจะตามมา ท่านว่าจะรอคุณป้าสงวนไปรับมาพร้อมกัน ไม่อยากเดิน ผมเลยชวนคุณเสมอให้มาด้วย หลายคนครึกครื้นน่าจะสนุก"
"ขอบคุณค่ะ"
"ตายจริง ต้องไปรับกันถึงบ้าน หัวบันไดไม่แห้งกันทีเดียว"
รตีค่อยโล่งใจ ที่บ้านปริศนารับรู้การไป-มาของท่านชาย แล้วเดินกลับไปชั้นบน
"ขอโทษนะ สักครู่คุยอะไรกันอยู่หรือคุณ"
"ไม่ทราบซีคะ จับความไม่ได้" ปริศนาบอก
"อ้อ งั้นก็แล้วไปปริศนา ปริศนารอประวิชที่ตรงนี้นะ จะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย เออ เรามัวโง่ เดินไปเดินมา ถ้าขึ้นสามล้อมาคงจะดีกว่านี้ ไม่ต้องเหนื่อยเอง"
ปริศนามองประวิชอย่างขำๆ
หม่อมเจ้าหญิงรัตนาวดีแต่งตัวสวยเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมด้วยท่านชายพจน์ ปรีชา
"สวยจังค่ะ"
"เราเลี้ยงน้ำชาตอนบ่ายและมีอาหารค่ำ อาจจะมีเพลงเต้นรำกัน"
"แขกมาถึงกันแล้วเพคะ"
รตีเดินเข้ามาหา สนถือห่อผ้าของขวัญของรตีที่จะให้ท่านหญิงตามมา
"ท่านหญิงงามมากเพคะ เสด็จมาด้านหน้านี่ดีกว่า"
รตีเข้าไปควงอีกด้านหนึ่งของท่านชาย แล้วเดินออกไปที่ทางเข้า ปริศนายืนอยู่กับป้าสร้อยที่หน้าประตู หันมาเห็น ก็เมินหน้าหันกลับไปมองข้างนอก
ริศนานับเลขระงับความโกรธ ... 1 2 3 4 5 6 7 8...
สร้อยมองหน้าปริศนา
"นับเลขอะไรหรือคะ ครูปริศนา"
"เอ่อ.... นับว่า เมื่อไหร่ บ้านปริศนา จะเดินเข้ามาถึงค่ะ ปริศนาออกไปรับเขาดีกว่า"
ปริศนาเดินออกไปจากตึก
ทางเดินเข้าสู่ตำหนักมโนรมย์ ทุกคนในบ้านปริศนา รวมทั้งคุณสงวน เดินเข้ามาด้วยกัน อนงค์ถือรูปของปริศนา ที่ยังไม่มีกรอบ มีแต่เฟรม และมีผ้าขาวปิดคลุมอยู่ แต่มีโบว์รัดเอาไว้ด้วย เป็นรูปเล็กๆ ขนาดไม่เกิน A4 มาด้วย
ปริศนาเดินเข้ามารับกลุ่มบ้านของตน อนงค์รีบส่งรูปให้
"ปริศนา รูปที่เธอเขียน พี่ห่อและผูกโบว์ให้แล้ว"
"ขอบใจมาก อนงค์ ใจดีมากๆ"
ปริศนารับรูปมาถือไว้ แล้วเดินกลับเข้ามาในตัวตำหนัก โดยมีปริศนาเป็นคนนำ
ท่านหญิงรัตนาวดีและท่านชายพจน์ยืนอยู่หน้าสุด และยกมือไหว้ต้อนรับ อาจารย์สงวน ส่งกล่องไม้ผูกโบว์ให้กับท่านหญิงรัตน์
"ของขวัญวันประสูติ สำหรับท่านหญิงเพคะ ชันษา 16 แล้ว ขอให้ทรงเกษมสำราญ และเรียนเก่งๆ เพคะ"
"ขอบคุณคุณครูค่ะ"
ปริศนาส่งรูปให้
"ภาพนี้ครูปริศนาวาดเพื่อมาถวายท่านหญิงนะเพคะ เป็นภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่หัวหิน เพคะ"
"หญิงรู้ว่า ครูสอนวาดรูปชั้นเด็กๆด้วย แต่ไม่เคยเห็นรูปที่ครูวาดเลย สวยมากจริงๆค่ะ"
ท่านหญิงเปิดดู แล้วเอารูปและกล่องที่ครูสงวนให้วางไว้ที่โต๊ะของขวัญ
รตีไปหยิบห่อผ้าคลุมไหล่ ที่ฝากให้สนถือตามมา
"ตายจริง อยู่ด้วยกันที่นี่แท้ๆ และให้นายสนช่วยถือมาตลอด ของขวัญจากรตี ถวายท่านหญิงเพคะ"
รตีส่งห่อผ้าให้ท่านหญิงท่านหญิงพนมมือไหว้
"ขอบคุณคุณรตีค่ะ"
ประวิชเอากล่องไม้ไปยื่นให้ท่านหญิงด้วย แต่หน้าประวิชดูบูดๆ ไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่
ประวิชยกชุดน้ำชาของตนมานั่งกับเสมอและปริศนา ที่นั่งรับประทานน้ำชาอยู่ มีชุดของสิรีอยู่ด้วย แต่ตัวสิรีไปคุยที่อื่นกับพวกสาวๆอยู่
ประวิชนั่งลง
"เสมอมาหัวหินตั้งแต่เมื่อไร"
"มาตั้งแต่วันวาน ลางานได้เพียง 2-3 วัน เท่านั้น แต่ไม่ได้พบประวิชเลย เพิ่งได้เห็นหน้ากันวันนี้"
"ประวิชเค้าอยู่แต่ที่โฮเต็ล ไปโฮเต็ลทุกวัน"
"แล้วจะให้ไปที่ไหน ปริศนาเองก็ไม่อยู่บ้านเหมือนกัน"
ปริศนาบอก
"อนงค์ก็อยู่ สิรีก็อยู่ เมื่อวันก่อนคุณเสมอมา ก็ยังได้ไปเกาะสิงโต"
อนงค์กับสิรีเดินกลับมาที่โต๊ะ ถือขนมมาด้วย
"ปริศนาไม่ชวน"
"ปริศนาเองก็ไม่ได้ไป อยู่โยงเฝ้าบ้านเหมือนกัน อนงค์ดูสิ ประวิชนี่ ชอบโทษคนอื่นทุกที"
อนงค์ยิ้มไม่ว่าอะไร
"ปริศนาเองก็ชอบตอแยคุณประวิชเป็นประจำ" สิรีบอก
"ประวิช ชอบทำอะไรเปิ่นๆ นี่นา แล้วมาโทษปริศนา พรุ่งนี้ไปที่บ้านซี อนงค์เป็นเวรทำกับข้าว คงจะกินได้อร่อย"
"แล้วปริศนาล่ะ พรุ่งนี้จะอยู่บ้านด้วยไหม" ประวิชถาม
"พรุ่งนี้ ปริศนา นัดท่านชายไปวาดรูปให้เสร็จ แล้วตอนบ่ายค่อยว่ากัน"
"ปริศนา ไม่วาดรูปประวิชบ้างหรือ"
"ไม่วาด!"
ประวิช หน้าจ๋อยไป
เสมอถาม
"ปริศนาไปหัดวาดรูปมาจากไหน ไม่คิดเลยว่าจะวาดรูปเก่ง"
"คุณอายุให้ปริศนาเรียนค่ะ เรียนที่อเมริกา"
"รูปที่ถวายท่านหญิง ก็สวยจริง ปริศนาวาดที่นี่หรือ"
"วาดตั้งแต่วันรุ่งขึ้นที่มาถึง พระอาทิตย์ตอนเช้าที่หัวหินนี่สวยเหลือเกิน"
อนงค์ที่มองประวิชอยู่ตลอดเวลา ก็หันมาถาม
"น้ำชาอีกไหมคะ คุณประวิช"
ประวิชส่ายหน้า เดินหนีออกไป
"ประวิชงอนปริศนา อีกแล้วกระมัง แต่ปริศนาไม่ง้อหรอกนะ ยี่..."
"ใช่ ผู้ชายงอนไม่เห็นน่ารัก สิรี ไม่ง้อใครด้วยนะ"
สิรีหันไปพูดทีเล่นทีจริงใส่เสมอด้วย
"เรื่องง้อคุณสิรี ให้เป็นหน้าที่ของกระผมเถิด"
สิรียิ้มอย่างมีความสุข
อ่านต่อหน้า 4
ปริศนา ตอนที่ 9 (ต่อ)
ประวิชดูหงุดหงิด ไม่อยากเสวนาสังสรรค์กับใคร เดินออกมานั่งข้างนอก รตีเดินออกมา จงใจมาหาประวิช
"เป็นอย่างไร ประวิช มานั่งหน้างอ แต่เพียงลำพัง ปริศนากวนโมโหอะไรเธออีกรึ"
"ไม่มีอะไร ปริศนาชอบขัดคอ ชอบยั่วให้โกรธ ทำตัวเป็นเด็กเสมอ บางทีก็ลุกขึ้นมาสั่งสอนเราราวกับเป็นผู้ใหญ่เสียเต็มประดา"
"และเธอ ก็จัดการเขาไม่ได้"
ประวิชเมินหน้าไปไม่ตอบ
"นี่เพียงแต่เริ่มต้น เขายังเป็นถึงเพียงนี้ หากคิดจะรัก จะถึงแต่งงานแต่งการกัน เขาจะไว้หน้าเธอหรือ"
"ปริศนา ไม่ได้คิดจะหักหน้าใคร เขาเป็นของเขาอย่างนั้น ทำอะไรไม่ได้คิดเสียด้วยซ้ำไป"
"เจริญละ! ไม่ได้คิด คงจะต้องเป็นหน้าที่ของเธอแล้วประวิช ที่จะต้องทำให้เขา ได้คิด มิฉะนั้น ก็เปล่าประโยชน์ที่จะไปทุ่มเทใจให้กับเขา เสียเวลาเปล่า"
ประวิชคิดหนัก
พูดจบรตีก็มองซ้ายมองขวาเห็นว่าไม่มีใครเห็นเธอคุยกับประวิชแล้ว ก็เดินเลยออกไป
เวลาเย็นถึงค่ำ ภายในห้องโถงตำหนักมโนรมย์ มีโต๊ะเก้าอี้บ้าง สำหรับแขกสูงอายุ ส่วนแขกเด็กๆ ยืนคุยกัน มีโต๊ะยาววางแก้วเครื่องดื่มบ้าง ของกินเล่นอยู่ประปราย
ปริศนากำลังเลือกแผ่นเสียงอยู่ที่เครื่องเล่นแผ่นเสียง เป็นเพลงเต้นรำ
แขกคนอื่นๆค่อยๆทยอยเข้ามา ห้องถูกจัดเปิดตรงกลางว่างไว้ สำหรับการเต้นรำ โต๊ะวางเครื่องเสียง ถูกวางห่างออกมา แต่ลำโพงถูกหันไปทาง ส่วนที่เปิดกว้าง
ประวิชเดินเข้ามาในห้อง พร้อมๆกับเสมอ และพวกผู้ชาย พวกผู้หญิงคนอื่นๆ เพิ่งลงมาจากชั้นบน ไปแต่งหน้าแต่งตัวมา
ท่านหญิงรัตน์ กับวิมลเดินตามลงมา ประวิชกวาดตา มองไปทางกลุ่มผู้หญิง อนงค์เห็นประวิชก็หลบตาไป ขณะที่เสมอ ตรงเข้ามายื่นแขนให้สิรีเกาะ
"ประเดี๋ยวจะมีเต้นรำ ผมจองคุณสิรีไว้ตลอดเลยนะครับ"
สิรีกับเสมอเดินไปด้วยกัน
อนงค์ไม่รู้จะไปทางไหน ก็เดินตามไป
ประวิชหันไปมองหาทางอื่นเห็นปริศนากำลังเลือกแผ่นเสียงอยู่ ก็สาวเท้าเข้าไปหาปริศนาทันที
"เลือกเพลงหรือปริศนา มา ผมช่วย"
"ท่านชายมีแผ่นเสียง มากมายจริง"
"เที่ยวนี้ รู้ว่าจะมีปาร์ตี้ วันประสูติท่านหญิง เลยเอาแผ่นเสียงจากที่ตำหนักศิลาขาว มาทั้งหมดทีเดียว"
ประวิชดูแผ่นเสียงที่ปริศนาวางไว้แล้ว
"เพลงเปิดฟลอร์ใช้เพลงไหน"
"เลือกไว้ 2-3 แผ่น อย่างง่ายและอย่างยาก"
ท่านชายพจน์เดินเข้ามาจากข้างนอก
"ได้เวลาเต้นรำแล้ว กระหม่อม"
แขกทุกคนหันมามองท่านชาย ขณะที่หม่อมเจ้าพจน์ ปรีชา มองไปหาคู่เต้น รตีขยับจากกลุ่ม ไปยืนโพสที่ใกล้ฟลอร์ ท่านชายไม่แน่ใจว่าควรชวนรตี กลัวจะไปกันใหญ่
ท่านชายพจน์มองไปอีกด้าน เห็นปริศนากำลังก้มหน้าก้มตาเลือกแผ่นเสียง มีประวิช ยืนกันท่าอยู่ใกล้ๆ
ท่านหญิงรัตน์ยืนอยู่ข้างต้นไม้ ที่มีของชำร่วยพร้อมหมายเลขแขวนอยู่ ท่านหญิงมาดูว่าได้ทำไว้เรียบร้อยไหม
ท่านชายสาวเท้าตรงไปหาท่านหญิงรัตน์
"น้องหญิงคะ เต้นรำกับพี่หน่อยนะคะ"
หม่อมเจ้าหญิงรัตนาวดีงงๆ
"คะ เต้นรำ หญิงเต้นรำไม่เป็นนี่เพคะ เจ้าพี่ ยังไม่เคยเต้นรำมาก่อนเลยในชีวิต"
"แต่วันนี้วันเกิดน้องหญิง มาเถิดง่ายๆ เดินตามพี่มาคะ"
ท่านชายพจน์ส่งแขนให้ท่านหญิง ท่านหญิงเป็นคนกล้าเสี่ยงอยู่แล้วก็เกาะแขนท่านชาย เดินไป รตีมองดูท่านชายอย่างติดตามว่า ท่านชายจะไปไหนต่อไป
ท่านชายควงท่านหญิงรัตน์ ไปใกล้ๆปริศนา
"ขอ waltz ฉันจะเปิดฟลอร์กับน้องหญิง"
ปริศนายิ้มกับท่านชาย
"เพคะ"
ปริศนาหยิบแผ่นที่เลือกไว้แล้ว ใส่เครื่อง เปิดให้ท่านชาย เป็นเพลงในจังหวะวอลซ์
ท่านชายยิ้มกับท่านหญิงรัตน์
"ง่ายๆนะคะน้องหญิง 1-2-3 ชิด"
ท่านชายพจน์นำเต้น ท่านหญิงรัตน์ก็เดินๆตามไป ไม่เก่งนัก แต่พอจะตามไปได้
คนในห้องเริ่มขยับที่จะเข้ามาเต้นด้วยกัน
เสมอ เดินควงสิรีเข้ามา รตีดูเคว้งๆ อยู่สักครู่ ก็มีชายหนุ่ม สามคนเดินเข้ามาหาพร้อมๆกัน จากคนละทิศ และพยายามที่จะขอรตีเต้นรำด้วย
รตี ยิ้มหัวเราะอย่างมีความสุข และชี้ที่ชายหนุ่มทั้ง 3 เหมือนว่าจะเต้นกับทั้ง 3 คน แต่ให้เป็นไปตามคิวก่อนหลังอะไรทำนองนั้น แล้วก็เต้นออกไปกับคนแรก
ประวิชกับปริศนาที่ยืนเลือกเพลงกันอยู่ ประวิชกวักมือเรียกสนที่ยืนอยู่ไม่ไกล
"สน หากเพลงในแผ่นนี้จบแล้ว นายก็เปลี่ยนแผ่นเสียง เล่นไปเรื่อยๆ อย่าให้ขาดทีเดียว"
ประวิช ชี้ไปตามลำดับที่ปริศนาเรียงแผ่นไว้
"ขอรับ"
"ไป ปริศนา เราไปเต้นรำกัน"
ปริศนาเดินตามประวิชไปตามมรรยาท
อนงค์ ยังยืนดูผู้คนบนฟลอร์ อย่างสนใจ สงวนกับสมร เดินเข้ามาหาอนงค์
"อนงค์ ป้าคุยกับแม่เขาแล้วนะ ว่าจะกลับตอน 2 ทุ่ม แม่เขาห่วงว่า จำเนียรจะไม่กล้านอน คอยฟังพวกเรากลับ ไม่รู้ว่ามีใครอยากเต้นรำต่อไหม เพราะเห็นยังมีอีกหลายโปรแกรม"
"อนงค์คงจะกลับพร้อมแม่กับคุณป้าค่ะ แต่ประเดี๋ยวจะถามว่ามีใครจะอยู่ต่อไหม"
สมรบอก
"กำลังเต้นรำกับหมดทุกคนเลย ฝากอนงค์ถามด้วยนะจ๊ะ แม่กับคุณป้า
จะไปนั่งคุยกับคุณป้าสร้อย ข้างนอก"
"ค่ะ"
เพลงแรกจบ ทุกคนปรบมือให้ท่านหญิง ท่านหญิงย่อขา คำนับรับเสียงปรบมือ คล้ายนางระบำ ผู้ชายที่นัดกับรตีไว้จะเข้ามา แต่รตีหันหลังให้กลับเดินไปดักอยู่ริมฟลอร์
ท่านชายหันไปดูตรงที่วางแผ่นเสียง ไม่เห็นปริศนา มีเพียงสนวางเพลงใหม่ลงไป
ประวิชชวนปริศนาเต้นรำต่อ ปริศนาเต้นต่ออย่างเสียไม่ได้ ท่านชายเดินออกมาจากฟลอร์ และชะงักเมื่อรตี ก้าวเข้าไปยืนตรงหน้า
หม่อมเจ้าพจน์ ปรีชาก้มศรีษะ และยื่นแขนให้
รตี จับแขนท่านชายแล้ว ทั้งสองคนเต้นรำด้วยกัน คู่ของท่านชายพจน์และรตี เต้นรำผ่านคู่ของปริศนาและประวิช ครั้งที่ 1 รตีมองปริศนาอย่างเย้ยๆ ผ่านครั้งที่ 2 รตีแกล้งแนบตัวเข้ามาหาท่านชาย แบบผิดปกติ ปริศนาหันมาเห็นพอดี ก็เมินหน้าไป และหยุดเต้น ประวิชมองปริศนาอย่างแปลกใจ
"ท่านหญิงว่าจะมีจุดพลุ เราไปดูจุดพลุกันไหม"
"ตามใจปริศนาสิ" ประวิชบอก
ปริศนาเดินออกไปด้านนอกทันที ประวิชมองตามอย่างอ่อนใจ ท่านชายเต้นรำกับรตีเข้ามาใกล้ๆ เห็นประวิชยืนอยู่คนเดียว
ท่านชายพยักหน้าเรียกประวิช ให้ประวิชเข้ามาขอรตีเต้น
ประวิชเข้ามาขอรตีเต้น ท่านชาย ส่งรตีให้ประวิช แล้วถอยออกไปด้านนอก
อนงค์เห็นดังนั้น ก็เลยเดินออกตามไปด้วย แต่อนงค์จะไปหยุดแถวประตู
ท่านหญิงรัตนาวดี วิมล และเพื่อนๆไปอยู่ที่หาด ที่พนักงานเตรียมจุดพลุที่พื้น ปริศนาเดินออกมาจากด้านในเข้ามาสมทบกับทีมที่เตรียมจุดพลุ
พนักงานมีไฟฉาย และเตรียมพลุปักที่หาดทราย
ปริศนาเดินเข้าไปพูดคุยกับ ท่านหญิง และวิมลอย่างสนุกสนาน ท่านชายเดินออกมา และหยุดดูนิ่งๆ ปริศนาไม่หันมา
ปริศนา และเด็กๆ ถอยมาห่างๆ พนักงานจุดพลุ เป็นรูปร่าง ต่างๆกัน ทุกคนต่างเฮกัน
ท่านชาย จึงเดินกลับเข้าไปในห้องโถงอีกครั้ง
เสียงพลุยังคงดังอยู่ภายนอก ท่านชายเดินกลับเข้ามาในห้องโถงอีกครั้ง ประวิชยังคงเต้นรำกับรตีอยู่ รตีหันมามองท่านชาย แต่ท่านชายหันไปหาอนงค์ที่ยืนอยู่แถวประตู
"เต้นรำหน่อยไหม อนงค์"
แล้วท่านชายพจน์ ก็ยื่นแขนให้เกาะ อนงค์เต้นรำกับท่านชายพจน์
รตีที่กำลังเต้นรำกับประวิช มองมาอย่างไม่พอใจ
เสียงดนตรี และเสียงพลุ ยังคงดังอยู่ไกลๆ สร้อยกับสงวนคุยกัน
"ท่านชายทรงรักน้องของท่านมาก ตามพระทัยไปทุกอย่างจริงๆ" สร้อยว่า
"มีเรื่องเดียวที่ขัดพระทัย เรื่องให้ไปอยู่ประจำนี่แหละ ไม่นึกว่าจะให้ทรงเป็นนักเรียนประจำจนครบเทอม"
"ดิฉันก็ไม่นึกค่ะ คุณพี่ ท่านหญิงไม่อยู่ที่ศิลาขาว เงี๊ยบเงียบไอ้เราก็แทบจะร้องไห้เหมือนกัน คิดถึงท่าน ท่านเด็จกลับมาที ต้องแอบทำของโปรด ใส่ขวดถวายไปด้วยทุกครั้ง"
"มิน่าเล่า เขาลือกันว่า ตั้งแต่ท่านหญิงเสด็จมาเป็นนักเรียนประจำ มีปาร์ตี้กลางคืนออกบ่อย"
"อย่างนั้นเทียวหรือคะ"
"แต่จับไม่ได้ ไล่ไม่ทัน ตรวจห้องหลายครั้ง ก็ไม่พบของ แต่ได้กลิ่นกันชัดๆ กลิ่นน้ำพริก ปลาผัด"
"อ้าว ท่านหญิงไม่ได้เสวยในเวลาอาหารหรอกหรือคะ"
"อาหารที่โรงเรียนจัดไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณสร้อย อีกอย่างหากมีของมา ครูเวรก็จะจำได้ว่า อาหารนี้ของใคร พวกนี้เขาสนุกที่จะให้ใครๆจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ไม่ใช่เฉพาะท่านหญิงหรอกนะคะ ห้องพิเศษ 1 ที่กำลังจะขึ้นเป็นห้องพิเศษ 2 นี่แหละ ทั้งห้องเลยทีเดียว แต่ตั้งแต่ครูปริศนามา นักเรียนตั้งใจเรียนมากขึ้น ไม่ต้องดุ ไม่ต้องทะเลาะ กับครูบ่อยๆ อย่างแต่ก่อน"
"ตายจริง ดิฉันว่า ท่านชายทรงวางกรอบไว้ให้ท่านหญิงค่อนข้างมากอยู่ และท่านหญิงก็ทรงปฏิบัติตามที่ท่านกำหนดตลอด ไม่รู้เลยว่าที่โรงเรียนเกิดอะไรขึ้นบ้าง"
"เด็กฉลาด เป็นอย่างนี้กันทั้งนั้น ดูเหมือนครูปริศนาจะรู้ทัน ว่าท่านหญิงทรงทราบดีกว่ากรอบอยู่ที่ไหน และมักจะออกไปนอกกรอบอยู่เสมอๆ"
"เลยเป็นหน้าที่ของครู จะต้องดึงท่านไว้ในกรอบ"
"โอย ไม่มีใครมีเรี่ยวมีแรงดึงท่านได้หรอกค่ะ พูดกันตรงๆ มีครูปริศนานี่แหละที่ชี้แจงให้ท่านเห็นประโยชน์ของกรอบที่ท่านพี่วางไว้ให้ และขอให้ท่านเสด็จกลับเข้าไปในกรอบนั้นเอง อย่างสมัครใจ" สงวนบอก
สร้อยเสียงสูง
"อย่างนั้นเทียวรึคะ"
"ครูที่เมืองนอกสอนมาดี สอนให้เป็นผู้ใหญ่ สอนให้มีความรับผิดชอบ เป็นวิธีการสอนสมัยใหม่ ที่ฉันอยากให้ครูทุกคนของสิกขาลัยเป็นทีเดียว เด็กผู้หญิงไทย จะได้เก่งเทียบเท่ากับพวกผู้หญิงฝรั่ง"
สมรบอก
"ต้องขอบพระคุณพี่สงวน ที่กรุณาเอ็นดูปริศนา และมอบความไว้วางใจให้ ปริศนาจะไม่ทำให้ใครผิดหวังทั้งนั้น"
"จริงทีเดียวค่ะ คุณสมร คุณปริศนา เก่งมากๆ ท่านหญิงนั้น เดี๋ยวนี้คำก็ครู
สองคำก็ครู"
สมร สร้อย สงวน ยิ้มกันอย่างอารมณ์ดี
ทุกคนกำลังอยู่ที่ต้นสนที่แขวนของขวัญตอบแทนคนที่มาในงาน ท่านชายพจน์หาของส่งให้อนงค์ ส่วนเสมอ หาของส่งให้ สิรี รตีเอาบัตรหมายเลขของตนมาส่งให้ท่านชายด้วย
"ท่านชายเพคะ บัตรนี้ของรตีเพคะ ยังไม่เห็นของเลย"
ท่านชายช่วยรับบัตรของรตี ไปยืนหาดูว่าอยู่ที่ไหน
ท่านหญิงรัตน์ และวิมล เดินนำปริศนาเข้ามา
"บัตรที่วิมลแจกให้เมื่อเย็นอย่างไรล่ะคะครูปริศนา ไปดูว่าของเลขนั้นอยู่ที่ไหน เหมือนจับสลากเลย"
ปริศนา ค้นในกระเป๋าใบเล็กที่ห้อยข้อมืออยู่
ปริศนาชูบัตรเบอร์ให้ดู
"นี่น่ะหรือ"
ประวิชเห็นปริศนาเดินเข้ามาก็เข้าไปใกล้
"ยังไม่ได้ของใช่ไหม ปริศนา"
"ยังไม่ได้รับเลย ไหน นี่เลขของปริศนา หาดูซีอยู่ที่ไหน"
ปริศนาชะเง้อหาของ และในที่สุด ก็พบกับท่านชาย ที่กำลังหาของให้รตีอยู่พอดี ตาต่อตาสบกัน
"อ้าว.... ปริศนา เข้ามาแล้วหรือ"
"เพคะ เราว่าจะกลับกันตอน 2 ทุ่ม"
สงวน สมรและสร้อย เดินออกมาจากห้องด้านใน
ท่านชายพจน์พูดไม่ดังนัก
"พรุ่งนี้นะ จะไปดูเธอวาดรูปต่อ"
ปริศนาแววตายินดีฉายชัด ที่ท่านชายไม่ลืม
"เพคะ .... พรุ่งนี้แต่เช้าเลย ปริศนาจะวาดรูปให้เสร็จก่อนเที่ยง"
"ไหนดูบัตรของเธอซิ"
ปริศนา ยกบัตรให้ท่านชายดู ท่านชายยกนิ้วเชิงว่าให้คอย เนื่องจากท่านเพิ่งเห็นเบอร์นี้ผ่านมา
สิรี มองเห็นกริยาสนิทสนมที่ท่านชายมีต่อปริศนา ก็มองอย่างสนใจ ท่านชายเคลื่อนตัวกลับไป หยิบกล่องของขวัญ ที่อยู่ด้านบนส่งให้ปริศนา
"ของเธอ ปริศนา"
"ขอบพระทัยเพคะ"
ปริศนาถอยออกมา
ท่านชายหยิบกล่องมาส่งให้รตี แล้วเดินห่างออกมาจากต้นสน สร้อยนำครูสงวนและกลุ่มบ้านปริศนาเข้าไปหาท่านชาย เพื่อลา
"ท่านชายเพคะ บ้านคุณสมร และครูสงวน มาทูลลา" สร้อยบอก
หม่อมเจ้าหญิงรัตนาวดีเดินเข้ามายกมือไหว้ ขอบคุณครูสงวน
อ่านต่อตอนที่ 10