xs
xsm
sm
md
lg

เปิดใจ “สมเกียรติ เรือนประภัสสร์” ผู้กำกับหนัง “ขรัวโต” จะเอาชนะต่างชาติได้ มีแต่ “วัฒนธรรม” เท่านั้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมเกียรติ เรือนประภัสสร์ ผู้กำกับภาพยนตร์ ขรัวโต
 
เปิดใจ “สมเกียรติ เรือนประภัสสร์” ผู้กำกับหนัง “ขรัวโต”
จะเอาชนะต่างชาติได้ มีแต่ “วัฒนธรรม” เท่านั้น


“สมเกียรติ เรือนประภัสสร์” ผู้บริหารบริษัท “อกาลิโกเอ็นเตอร์เทนเมนต์” ภาพยนตร์เรื่อง “ขรัวโต อมตะเถระกรุงรัตนโกสินทร์” อดีตมือขวาของ “ปื๊ด กิตติ อัครเศรณี” ค่ายละคร “อัครเอ็นเตอร์เทนเมนท์” สร้างละครฮิต ปั้น “โบว์ ปรายฟ้า” จนโด่งดัง สร้างเรทติ้งสูงสุด 26 ให้กับช่อง 7 (เรื่อง “ลูกสาวกำนัน”) และอีกหลายเรื่องฮิตติดต่อกันมา แล้วปลีกตัวไปจากวงการ ก่อนกลับมาอีกครั้งในหนังเรื่องนี้ “ขรัวโต อมตะเถระกรุงรัตนโกสินทร์”

 
ความเป็นมาของภาพยนตร์เรื่องนี้
 
“ผมเป็นบริษัทเล็กๆ อยู่วงการมา 40 ปี ทำอะไรมากมาย เป็นผู้สร้างภาพยนตร์ และ ละครโทรทัศน์ ในอดีตเป็นผู้บริหารระดับสูงของอัครเอนเตอร์เทนเมนท์ ทำละครให้ช่อง 7 สี 18 เรื่องต่อปี เป็นเบอร์หนึ่งของช่อง 7 สีในสมัยนั้น พอขัดแย้งในบริษัทก็ออกมา สุดท้าย "อัคร" ก็ไม่ทำละครต่อ ผมเคยได้รับเรทติ้งสูงสุด 24 จากเรื่อง “ลูกสาวกำนัน” เรทติ้ง 24 สี่สัปดาห์ติดต่อกัน สัปดาห์สุดท้ายได้ 26 คุณสุรางค์มาที่บริษัทกับคุณพลากร เอารางวัลมามอบให้ในฐานะที่ทำเรทติ้งได้สูงสุด ณ ขณะนี้ยังไม่มีใครทำเรทติ้งได้ถึง 24 เลย พี่หลอง(ฉลอง ภักดีวิจิตร)เคยทำเรื่องระย้าได้เรทติ้ง 22”

 
ช่วยบอกเคล็ดลับที่ทำละครช่อง 7 ให้เรทติ้งสูงได้ขนาดนั้น ให้ฟังหน่อย 
 
“เราทำสไตล์ของเรา อย่างช่อง 7 สี ทาร์เก็ตมันแมสมาก คุณต้องให้เขามีความสุขก่อนนอน เขาต้องการเสียงหัวเราะ เขาเหนื่อยมาแล้ว ไม่อยากคิดอะไร เราก็ใส่ความตลกขบขันไปตลอดเวลา เนื้อเรื่องต้องกระชับรวดเร็ว เราต้องการที่จะให้ประชาชนได้รับสิ่งที่ดี คนดูหนังคนดูละครไม่ได้โง่ ยิ่งเดี๋ยวนี้มีสื่อโซเชียล ถ้าเราไม่พัฒนา ย่ำอยู่กับที่อย่างนี้ก็สู้เขาไม่ได้
 
ประเทศเกาหลีเมื่อก่อนเขาขอให้เราช่วย แต่ปัจจุบันนี้เขารุดหน้ามากๆ ทางด้านเศรษฐกิจ ประเทศไทย สังคมไทย ดาราไทยทุกวันนี้เลียนแบบดาราเกาหลี แฟชั่นต่างๆ ไอที (ซัมซุง)ก็เข้ามาครองตลาดหมด สิ่งแรกที่เกาหลีนำเข้ามาในประเทศไทยคือ CULTURE (วัฒนธรรม) จากเรื่อง”แดจังกึม” พูดเรื่องวัฒนธรรมการกิน คนไทยเริ่มอยากกินอาหารเกาหลี มีร้านเกาหลีเข้ามา จากนั้นเขาก็ส่งออกด้านบันเทิง ส่งเวชภัณฑ์เครื่องสำอางตามเข้ามา ทำให้วัยรุ่นไทยตอนนี้อินเทรนด์เกาหลีไปแล้ว เขาดึงเงินออกไปประเทศเขา”

 
สิ่งสำคัญคือ “วัฒนธรรม” ?
 
“ทุกชาติมีวัฒนธรรม ถ้าเราลองให้ต่างชาติกินปลาทู เขาจะรู้ว่าปลาทูอร่อยกว่าปลาแซลมอน แล้วถ้าได้ลองกินปลาทูกับน้ำพริกรสเด็ด เป็นสมุนไพรด้วย ได้ทานผักด้วย ผมกำลังจะบอกว่าเราควรส่งออกวัฒนธรรมแทนอย่างอื่น เราทำหนังอีโรติกสู้เขาไม่ได้อยู่แล้ว เขาเปิดเผยได้มากกว่าคุณ ทำได้มากกว่าคุณ ผมไม่ต้องการเอาผู้หญิงไทยแก้ผ้าขายเมืองนอก ไทยมีจารีต ประเพณี ผู้หญิงไทยเป็นเบญจกัลยาณียังมีอยู่
 
สิ่งที่เราควรจะขายคือความเป็นวัฒนธรรมของชาติ ความเป็นประเทศไทย มีสถาบันกษัตริย์ยาวนานมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย จนมาถึงรัตนโกสินทร์ เราต้องขายความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนไทยที่มีต่อพระเจ้าแผ่นดิน ไม่มีชาติไหนในโลกเหมือนเราแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดีงาม พระมหากษัตริย์ไทยทำความดีให้กับประเทศชาติมากมาย และทำมาโดยตลอด เรากำลังจะบอกสิ่งเหล่านี้กับชาวโลก
 
เรากำลังจะบอกว่า ประเทศไทยมีหนังเรื่องหนึ่งชื่อ “ขรัวโต” เป็นภาพยนตร์ที่บอกถึงวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของผู้คน 100 กว่าปีที่แล้ว บอกว่าสถาบันกษัตริย์ได้อุปถัมภ์ศาสนามาอย่างไร ศีลธรรมความดีต่างๆ ที่มีในสังคมไทย เวลานั้นกับเวลานี้ต่างกันอย่างไร
 
“ขรัวโต” ไม่มีเรื่องเซ็กส์ เรี่องไร้สาระ มีคุณธรรม มีจริยธรรม ผมอยากให้คนไทย ซึ่งผมนำเสนอ”ขรัวโต” เข้าไปในบอร์ดของเอเชียแปซิฟิก เขาขอให้เอาภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายในงานกาล่าเปิดตัวงานเอเซียแปซิฟิก ให้บรรดา 24 ชาติที่จะเดินทางมา ตอนนี้เลื่อนงานเป็นวันที่ 5-6-7 กุมภาพันธ์ 2558 คนไทยและคนทั้งโลกจะได้ดู “ขรัวโต” วันนั้นพร้อมกัน
 
ใน 24 ชาติ มีโปรดิวเซอร์หัวกะทิ 600 คน เมื่อเขามาดู”ขรัวโต”จะรู้ว่าคัลเจอร์ของเราเป็นอย่างไร ความรักของแม่ที่มีต่อลูก ความรักของสถาบันที่มีต่อประชาชน มันเอื้ออาทรกันยังไง พระพุทธศาสนาที่ยืนยงสถาพรอยู่ในประเทศไทยมายาวนานขนาดนี้ดีอย่างไร ได้ช่วยสังคมมาอย่างไรบ้าง”


 
เตรียมงานอย่างไรกับภาพยนตร์เรื่องนี้
 
"สิ่งแรก “ขรัวโต” เรื่องราวของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต มีผู้เขียนไว้จำนวนมาก แต่ละคนเขียนต่างกัน เราต้องไปรีเสิร์ชทั้งหมดเลยว่าอะไรจริงอะไรไม่จริง ผมได้ “คุณพลาดิศัย สิทธิธัญกิจ” ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยงานด้านประวัติศาสตร์ อัตตชีวประวัติท่านเจ้าประคุณมาอย่างไร เราไปทุกที่ ไปรีเสิร์ชมาเรียงร้อย เรื่องราวทั้งหมด ถ้าถูกต้อง คอนเฟิร์มว่าจะต้องเป็นแบบนี้ เพราะเราเกิดไม่ทัน แล้วก็ไม่มีหลักฐานอะไรเลย ต้องไปรีเสิร์ช เหมือนท่านมุ้ยรีเสิร์ชเรื่องพระนเรศวร,เรื่องสุริโยทัย
 
จากนั้น เอาเรื่องทั้งหมดไปให้พี่แดง “ศัลยา สุขะนิวัตต์” มือเขียนบทอันดับหนึ่งของประเทศไทยเขียน ท่านไม่เคยเขียนบทภาพยนตร์เลย ท่านก็ไม่กล้าเขียน ก็บอกว่า ที่ผมมาหาพี่แดงในวันนี้มองไม่เห็นใครแล้วที่จะรู้เรื่องของคัลเจอร์ เรื่องของวัฒนธรรม มากกว่าท่านอาจารย์ศัลยา เพราะท่านเคยมีปรากฏผลงานเรื่อง “ลูกทาส, สายโลหิต, รัตนโกสินทร์” สิ่งเหล่านี้ ท่านเชี่ยวชาญอยู่แล้ว ท่านเท่านั้นที่จะทำงานชิ้นนี้ได้ ท่านจึงรับเขียนบท ใช้เวลารีเสิร์ช 2 ปี เขียนบทเกือบ 1 ปี"

 
การเขียนบทภาพยนตร์ต่างจากเขียนบทละครอย่างไร
 

“ต่างกันเยอะ ต้องกระชับ ภาษาที่ใช้ สถานที่ต่างๆ เรามอบให้ท่าน ท่านต้องจินตนาการ ถึงที่ถ่ายจริง ถ้าเขียนมาทั้งหมดไม่มี ก็ต้องไปสร้างโลเกชั่น ผมว่าใช้ร้อยล้านยังทำไม่ได้เลย ทั้งหมดนี่ใน 2 ชั่วโมงต้องจบให้ได้ การเล่าเรื่องราวของคนๆ หนึ่งให้จบใน 2 ชั่วโมงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพูดถึงคน 4 รุ่น ตั้งแต่เป็นเด็กชายโต สามเณรโต พระโต และ ขรัวโต ตอนนี้บทภาพยนตร์ที่ได้มาเราได้ถ่ายทำไปเกือบจะเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อเรียงร้อยตัดออกมาแล้ว หนังมีความยาว 10 ชั่วโมง ตอนนี้เราตัดต่อทั้งหมดให้จบในภาคแรก 2 ชั่วโมง และภาคสอง 2 ชั่วโมง”

 
แต่ละภาค พูดถึงอะไรบ้าง
 
“ขรัวโตภาคแรก ดำเนินเรื่องราวตั้งแต่วัยเด็ก ตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ว่ามายังไง เป็นเด็กชายโต สามเณรโต พระโต ขรัวโต จนถึงพี่ต้อยเศรษฐา ก็จะมาช่วงปลายอยู่บ้าง พอมาภาคสองจะพูดถึงเจ้าประคุณสมเด็จโตตลอดเลย ไม่กล่าวถึงตอนต้นแล้ว จะมีการค้นพบคาถาชินบัญชร มีเรื่องราวมากมายของท่านเจ้าประคุณ มีชีวประวัติ ปฏิปทาต่างๆ เป็นผู้ทำคุณงามความดีให้กับประเทศชาติถึงสองครั้ง
 
หนึ่ง ครั้งรัชกาลที่ 5 ทรงพระเยาว์ขึ้นครองราชย์ ขณะนั้นมีข่าวว่า ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ระดับเจ้าพระยากลาโหมคิดการไม่ดี ขรัวโตจุดไต้ตอนกลางวันแล้วเดินไปหา ได้ข่าวว่าบ้านเมืองมืดมนอนนธกาลจริงหรือ ข้าราชการท่านนั้นก็คว้าไต้จากมือไปจุ่มน้ำ แล้วบอกท่านเจ้าประคุณว่า ขอให้สบายใจได้ ถ้าเจ้าประคุณไม่ทำวันนั้นมีเรื่องแน่ นี่เป็นการบอกว่าอย่านะ
 
เรื่องที่สอง สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ทรงเรียนหนังสือกับท่าน (ดังภาพ)) ฉากนี้ได้ถูกจำลองขึ้นอีกครั้งหนึ่งในรูปนี้(ดังภาพ) ผมได้ถ่ายทำฉากนี้ คุณูปการสิ่งหนึ่งที่สมเด็จโตได้กระทำตอนเจ้าฟ้าพระชนมายุ 14-15 ปีว่า ครั้งหนึ่งได้ไปขอแรงงานทาสไปสร้างพระนอนที่วัดสตี เวลานั้นมีทาสบางคนเจ็บป่วย ถูกเฆี่ยนตี ท่านเจ้าประคุณทราบเรื่อง จึงไปบอกว่า ไปตีเขาทำไม คนเขามาทำงานบุญ ถ้าเขาไม่เจ็บป่วย ยังไงเขาไม่ปฏิเสธหรอก เอายาให้เขากิน ถ้าเขาหาย เขากลับมาทำงาน แต่ถ้าท่านทำอย่างนี้แล้วเขาตาย ฉันจะเอาเรื่องกับเธอนะ สุดท้ายทาสนั้นก็ตาย
 
รัชกาลที่ 5 ยังทรงพระเยาว์ได้รับการเล่าเรื่องนี้เสร็จ ท่านเจ้าประคุณได้สอนว่า มหาบพิตร พระมหากษัตริย์จะต้องมีทศพิธราชธรรม และธรรมข้อที่ 1 คือ ทาน หมายถึงการให้ แม้ผู้ยากไร้ที่ไม่มีใครมองเห็น พระมหากษัตริย์ยังเห็นเขาอยู่ มหาบพิตรผู้ที่ยากไร้ที่สุดในแผ่นดินนี้ คือ ทาส ทนทุกข์ทรมานขนาดไหน เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ได้ตอบสมเด็จโตว่า
 
ในประเทศอเมริกามีคนๆ หนี่งชื่อลินคอร์น ฟ้าไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่เขายิ่งใหญ่มาก เขาได้ปล่อยทาสให้เป็นไทแก่ตัว สมเด็จโตบอกว่า นั่นล่ะ เขาทำหน้าที่พระมหากษัตริย์แล้ว นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่อยู่ในใจเจ้าฟ้าตลอดตั้งแต่ทรงพระเยาว์ว่า สักวันหนึ่งฉันจะเลิกทาส และทรงได้เลิกทาสจริงๆ ในสมัยของพระองค์ นี่คือคุณูปการของสมเด็จโต เรี่องเหล่านี้มีปรากฏใน ขรัวโต
 
พุทธศาสนา ให้อะไรกับประเทศชาติมากมาย แบบอย่างของพระสงฆ์ที่ดี นำเสนอซะ ในศาสนามีคนเข้ามาบวชเรียนกันมาก มีหลายคนทำเสียหาย มีคนพูดถึงศาสนาในทางที่ไม่ดี ผมอยากให้ทุกคนกลับมาคิดใหม่ว่า สิ่งที่ดียังมีอยู่มาก ถ้าไม่งั้นศาสนาอยู่มาไม่ได้ขนาดนี้ ถ้าพวกเราช่วยกับผดุงไว้ บ้านเมืองจะน่าอยู่ คนจะเคารพศาสนา จะเคารพสถาบัน คนจะรักใคร่จะไม่มีเหตุการณ์บ้านเมืองวุ่นวาย ประเทศชาติเสียหาย คนจะมีศีลมีธรรมมากขึ้น ขรัวโตบอกสิ่งนี้แก่ประชาชน
 
พ่อตาแม่ยายผมลงทุนเกือบ 30 ล้าน เพียงแค่ว่าผมคิดจะทำอะไรเพื่อชาติเพื่อแผ่นดินเท่านั้นเอง ผมไม่รู้ว่าจะได้รับการตอบรับจากประชาชนไหม แต่สิ่งหนึ่งผมได้ทำอย่างที่ผมต้องการแล้ว แม้ตายก็ไม่เสียดายชีวิต บัดนี้ประเทศเรากำลังเดินหน้าไป ไม่ว่าไปในทิศทางไหน เราต้องช่วยกัน ผมช่วยด้านนี้ ทุกคนช่วยด้านอื่น ช่วยกันพาประเทศไป ภาพยนตร์เป็นสิ่งที่จะบอกว่า คนไทยคิดอะไร”

 
พูดถึงการคัดเลือกนักแสดง 4 รุ่นให้ฟังหน่อย
 
“มันสาหัสจริงๆ ตอนแรกผมแคสติ้งคนที่เป็นขรัวโตก่อน ผมเฟ้นหา จนไม่รู้ว่าจะไปหาที่ไหนแล้ว สุดท้ายไปไหว้ที่วัดระฆังบอกว่าหลวงปู่ครับผมยังหาคนมาเป็นขรัวโตไม่ได้เลย พระนั่งสมาธิบอกครูบาอาจารย์ว่าช่วยผมทีเถอะครับ ด้วยความสัตย์จริงผมได้เห็นสมเด็จพุฒจารย์โต ข้างหลังมี "เศรษฐา ศิระฉายา"ยืนอยู่ ผมเอาภาพมาแมทช์กันแล้วตกใจส่งให้พี่ต้อยดูไปขอพี่ต้อยช่วยมาเล่นเป็นขรัวโต พี่ต้อยบอกว่าบุญมันสูง พี่ไปบวชก่อนได้ไหม เขาตั้งใจไปบวชพุทธคยา ถวายในหลวง แล้วให้กับตัวเองที่จะมารับบทสมเด็จโต บวชเสร็จมาเข้าฉากถ่ายทำ
 
ฉากแรกที่พี่ต้อยมาถ่ายทำ ทุกคนในกองถ่ายได้เห็นปรากฏการณ์ซึ่งสะดุ้งเลย ผมต้องเหยียบขาเอนจิเนียร์ไว้ไม่ให้พูด เวลาถ่ายทำก็เหมือนมีอะไรมาตลอด งานนี้ไม่ใช่งานของผม ท่านเจ้าประคุณท่านรับรู้ ท่านมาช่วยเราตลอดเวลา ผมผ่านอุปสรรคต่างๆ มากมายในการถ่ายทำ ฝนฟ้าไม่เคยทำร้ายผมเลย

ตอนแคสติ้งเด็ก ก็ยาก เด็กมากันเยอะแยะ เสียงดังไปหมด มีเด็กคนหนึ่งแอบอยู่ ไม่เข้ามา พอผมเรียกมาคุยเลยรู้ว่าฉลาดมาก จากนั้นแคสรุ่นสามเณร ให้เขานั่งสมาธิให้ดู 1 ชั่วโมงไม่ขยับเลย คุณพร้อมจะเล่นไหมไปตัดสินใจ แต่ถ้าเล่นต้องบวช ทุกคนเราแคสอย่างเฟ้นเลย
 
"ขรัวโต" เป็นภาพยนตร๋พีเรียดย้อนไปร้อยกว่าปี กับสภาพบ้านเมืองปัจจุบัน กว่าจะได้แต่ละวันมาเหนื่อยยาก กล้องแพนไปเห็นเสาไฟ ต้องออกไปไกลๆ บัดนี้งานเซ็กชั่นแรกภาคแรกเสร็จแล้ว อ.ฉลวย ศรีรัตนา ตอนนี้นอนอยู่รพ. ทำงานหนักจนป่วย ท่านดูเรื่องแอคติ้งของนักแสดง คอสตูม ผมเผ้า ท่าทาง คำพูด ต้องมีอาจารย์นั่งข้างๆ เป็นเรฟเฟอเรนท์คอยบอกว่าอะไรใช่ไม่ใช่ วันหนึ่งครูป่วย จนไม่ได้ออกมาเลย ขนาดนี้ยังเป็นห่วงถามทุกวันว่าเป็นยังไง ตอนนี้ภาคสองถ่ายทำไป 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว ขบวนการตัดต่อเสร็จสิ้นแล้ว ต่อไปเป็นการวางเพลง วางซาวน์เอฟเฟคต่างๆ”

 
 
ใครทำเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้
 
“ที่มองไว้มี 3-4 ทีม ที่พอใจที่สุดคือทีมที่ทำหนังเรื่อง "โหมโรง" เป็นผู้เชี่ยวชาญมากเกี่ยวกับเพลงไทยๆ เรามีดนตรีไทยของเรามากมาย เราเอามาเรียงร้อยซะ โดยผู้เชี่ยวชาญให้ละเมียด เราทำให้ต่างชาติดูว่าเรามีวัฒนธรรม”

 
ในฐานะนายกสมาคมส่งเสริมภาพยนตร์และโทรทัศน์ เอเชีย-แปซิฟิก เตรียมงานไปถึงไหนแล้ว
 
“งานเอเชียแปซิฟิก ผมเพิ่งเป็นเมมเบอร์เมื่อปีที่แล้ว ปีนี้เขาให้ไทยเป็นเจ้าภาพ สภาการภาพยนตร์เอเซียแปซิฟิก มีมติเป็นเอกฉันท์จาก 24 ชาติเห็นพ้องต้องกันว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านทรงมีคุณูปการกับภาพยนตร์ไทย พระองค์ท่านได้สนับสนุนภาพยนตร์ไทยมาหลายสิบปีที่แล้ว เสด็จพระราชทานรางวัล เสด็จชมภาพยนตร์ ทำมาตลอด เป็นแบบอย่างที่ดี จะบอกแก่สังคมโลกว่าบุคคลนี้สมควรได้รับการยกย่อง จึงน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมขอถวายพระเกียรติกับพระเจ้าอยู่หัว โดยโทฟี่ของสมาคมเอเชียแปซิฟิกจะถวาย ผมนำหนังสือที่เขาส่งมาส่งให้สำนักราชเลขาไปแล้ว

ในงานจะมีถวายพระพร เหล่าดาราเอเชียแปซิฟิกที่มาในงานนี้ และโปรดิวเซอร์ต่างๆ จะร่วมลงนามส่งให้กับในหลวง เป็นข่าวมงคลของคนไทยทั้งชาติ การได้มิตรประเทศมาถวายพระเกียรติให้ขนาดนี้น่าจะได้สิ่งดีๆ เข้ามาในประเทศอย่างน้อยก็เป็นกำลังใจให้กับในหลวง ว่าเป็นทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดูแลพสกนิกรอย่างไร
 
เราไปจ้างเขาๆ ก็ไม่มา แต่นี่เขามาเอง ทำให้คนรู้ว่าประเทศไทยสงบสุขแล้ว ผมชื่นใจมาก แล้วได้นำเสนอภาพยนตร์ขรัวโต สู่สายตาชาวโลก เป็นเรื่องที่มีทั้งชาติศาสนา พระมหากษัตริย์รวมอยู่ในเรื่องเดียวกัน พระมหากษัตริย์ในยุคนั้นก็ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 2 3 4 5 ขรัวโตอยู่มาถึง 5แผ่นดิน เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ถึง 5 แผ่นดิน”

 
อยากฝากอะไรถึงคนดูบ้าง
 
“จากปี 2540 ที่ผมทิ้งวงการไปทำมาหากิน ไปทำงานด้านสารคดีอยู่หลายสิบปี ทำสารคดีพุทธศาสนา 500 กว่าตอน ผมขอฝากภาพยนตร์เรื่อง “ขรัวโต” เกี่ยวข้องกับผู้คนในชาติ ศาสนา และสถาบัน ประเทศไทยอยู่รอดปลอดภัยมาทุกวันนี้เพราะความรักความสามัคคีของคนในชาติ ด้วยว่ามีสถาบันที่เราเคารพกราบไหว้หลายอย่างที่ดี สถาบันทางศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ที่อยู่เหนือหัว มีคุณูปการกับประเทศชาติมาก เราต้องชื่นชมความเป็นไทยของเรา ความเป็นชนชาติสำคัญที่สุด “ขรัวโต” ได้ถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ให้เป็นที่ประจักษ์แล้ว
 
ผมพร้อมจะตายกับงานที่ผมทำกับมือ ขอเพียงเพื่อให้สิ่งนั้นได้ก่อประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ผมเดินเข้าสู่วัย 60 แล้วผมคงมีเวลาอีกไม่มาก อยากทำอะไรให้กับประเทศชาติ อยากให้อะไรกับประชาชน อยากให้อะไรกับวงการ แม้หมดรุ่นผม อยากให้รุ่นต่อไปได้มีแบบอย่าง ประเทศของเราจะอยู่รอด ปลอดภัย จะเติบโตได้ วัฒนธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าวัฒนธรรม”

 
 
ภาพยนตร์เรื่อง “ขรัวโต อมตะเถระกรุงรัตนโกสินทร์” จะเข้าฉายให้ชมวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2558 นี้



เศรษฐา ศิระฉายา รับบทเป็น ขรัวโต

ศัลยา สุขะนิวัตต์ เขียนบทภาพยนตร์

ฉลวย ศรีรัตนา กำกับแอคติ้ง ที่ปรึกษาทุกด้าน
ภาพจริง สมเด็จโต กับ รัชกาลที่ 5
ฉากหนึ่งในภาพยนตร์ ขรัวโต
กำลังโหลดความคิดเห็น