ผกก. "กอล์ฟ-ธัญญ์วาริน" กับผลงาน ภ. เรื่องใหม่
ที่จะทำหัวใจของคุณฟินเว่อร์ ใน "ฟินสุโค่ย"
จุดเริ่มต้นของ “ฟินสุโค่ย”
"เรื่อง “ฟินสุโค่ย” นี้ก็มาจากทางผู้สร้างก็คือจากฝั่งไทย “บ. ฟิน โปรเจกต์” ได้มีแนวคิดกับทาง “K-Project” ของประเทศญี่ปุ่นที่จะทำหนังร่วมกัน อยากจะทำหนังที่เกี่ยวกับแฟนคลับมาโกโตะ ซึ่งตัวมาโกโตะเขาอยู่ในสังกัดของ K-Project อยู่แล้ว พอทางผู้สร้างติดต่อเราให้มากำกับ ก็มีการพูดคุยกันถึงทิศทางและอารมณ์ของหนัง ก็รู้สึกว่าอยากทำ ในฐานะที่เราเป็นวัยรุ่นสมัยก่อนที่โตมากับการฟังเพลงญี่ปุ่น หรือชื่นชอบการฟังเพลงญี่ปุ่น ซึ่งเรารู้สึกว่าเราเคยรู้สึกแบบนั้น ก็เลยอยากทำ พออยากทำก็เลยเริ่มหาข้อมูล จากทั้งคนที่เป็นแฟนคลับคนญี่ปุ่น ก็เลยเกิดแรงบันดาลใจที่จะทำเรื่องฟินสุโค่ยขึ้นมา"
โจทย์หรือคอนเซ็ปต์ที่ได้มาจากผู้สร้างเรามาตีความต่อยังไง
"ก็มาจากการที่เราชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น มีเรื่องนึงที่ชื่อว่า “จังหวะร็อกดนตรีรัก” ก็ถือเป็นแรงบันดาลใจส่วนหนึ่ง แล้วเราก็เอาประกอบกับการ์ตูนที่เป็นที่มาของวงมาโกโตะ เราก็เอาตรงนั้นมาเป็นเหมือนกับคอนเซ็ปต์ของหนังที่มีผู้หญิงซึ่งคลั่งไคล้นักร้องเจ-ร็อก คือนอกจากที่จะมีตัวสายป่านแล้ว มันก็ยังมีตัวละครแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อเรื่องราวในหนัง เพราะเราคิดว่าการที่คนๆ หนึ่ง เป็นแฟนคลับของนักร้องที่เราฝันจะใกล้ชิด แล้ววันหนึ่งได้เข้าไปอยู่ใกล้ชิดจริงๆ มันจะมีผลกระทบอะไรกับคนเหล่านี้ ทั้งความรักและมิตรภาพ เรารู้สึกว่าตรงนั้นมันเป็นเรื่องที่เราสนใจ"
เรื่องราวใน “ฟินสุโค่ย”
"เป็นเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่าหนูนา (สายป่าน) ซึ่งมีแฟนอยู่แล้วก็คือเสือโคร่ง (เต๋า เศรษฐพงศ์) แต่ตัวหนูนาชอบแล้วก็เป็นแฟนคลับของมาโกโตะ พอมาโกโตะได้เข้ามาเปิดคอนเสิร์ต แล้วก็มาหานางเอกเอ็มวีที่เมืองไทย หนูนาก็พยายามทำทุกอย่างให้บรรลุความฝัน ที่จะได้ไปอยู่ใกล้ๆ กับมาโกโตะ แล้วฝันก็เป็นความจริง แต่พอได้ใกล้กันอย่างที่ฝันแล้ว ความสัมพันธ์กับแฟนตัวเองและกับเพื่อนในกลุ่มที่มีอยู่ ทั้งหมูแฮม (ติ๊นา ศุภนาฏ) กับ ไก่โต้ง (กาย นวพล) ก็มีบางอย่างเกิดขึ้น ที่ผลมาจากความฟินของหนูนา มันก็อลวนวุ่นวายกันไปหมด แต่จะลงเอยยังไง ต้องไปหาคำตอบกันในหนัง"
มุมมองความรักที่ผู้กำกับใส่เข้าไปในหนังเรื่องนี้
"ฟินสุโค่ย เล่าถึงเรื่องราวความรักของคนที่แอบจิ้น แอบรัก ไม่ว่าจะเป็นคาแร็กเตอร์ของสายป่านที่แอบรัก แอบชอบ แอบจิ้นกับมาโกโตะ แล้วก็จะมีตัวละครรอบๆ อย่างน้องเต๋า น้องกาย น้องติ๊นา น้องภีม น้องกัสเบล น้องกาย น้องคิตตี้ ทุกคนในกลุ่มนี้มันก็มีความรู้สึกในใจกันอยู่ แต่ไม่กล้าแสดงออกไป เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราจะเล่าในเรื่องนี้ ก็คือถ้าเรามีโอกาสที่จะฟินกับคนที่เราแอบรัก เราจะทำอะไรกับมัน เราก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ปกติแล้วหนังมันจะเล่ามุมของฝ่ายที่ไปแอบชอบเขา แต่บางทีเราก็ไม่ได้เล่ามุมของคนที่ถูกแอบชอบ มันเป็นความอึดอัด ว่าเราจะเสียเพื่อนไปมั้ย เราจะให้ความหวังเค้าเกินไปมั้ย หรือเราจะเสียเพื่อนไปมั้ย มันเป็นมุมมองที่อยากจะเสนอเข้าไปในเรื่องนี้ด้วยค่ะ"
ความพิเศษในหนังเรื่องนี้ที่ได้นักร้องซูเปอร์สตาร์ระดับเอเชีย “มาโกโตะ โคชินากะ” มาแสดงนำในหนังเรื่องนี้
"คือเราก็รู้จักเขามานานแล้วตั้งแต่ตอนดังมากๆ ในเมืองไทย ซึ่งก็มีกลุ่มคนไทยเยอะอยู่พอสมควรที่รู้จักเขา พอได้มีโอกาสมาทำงานกับเขา เราก็ตื่นเต้นนะ แล้วมาโกโตะก็อยากเล่นหนังไทย พอดูบท ดูอะไรปั๊บ เขาก็สนใจ เพราะไม่ต้องเล่นเป็นคนอื่น เขาเล่นเป็นตัวเขาเอง ถึงแม้ว่าในหนังจะเขียนให้เขาเป็นอีกแบบหนึ่ง ไม่ได้เป็นเรื่องของมาโกโตะตัวจริง แต่ว่าเขาได้ร้องเพลง ได้โชว์ความสามารถ ทั้งการแสดงแล้วก็การร้องเพลงด้วย เขาก็เลยสนใจและอยากร่วมงานกับเรา ในเรื่องเขาก็จะเป็นศิลปิน เป็นซูเปอร์สตาร์ ก็เหมือนปกติทั่วไปคือคือมีกรอบ มีกำแพง ที่กั้นจากคนอื่นอยู่ประมาณหนึ่ง แต่ด้วยหน้าที่การงานแล้วก็ความจำเป็น เขาก็มีกรอบบางอย่าง บางครั้งเขาก็ทำตามใจตัวเอง บางครั้งก็ทำตามกรอบที่มี ก็ถือว่าเขาเป็นคนที่คาดเดาความรู้สึกไม่ได้"
การร่วมงานกับมาโกโตะ
"ดีมากๆ เลย เพราะการทำงานกับมาโกโตะเราก็ต้องทำการบ้านที่ค่อนข้างละเอียด คือต้องแปลบทไทยเป็นภาษาญี่ปุ่นให้เขาเข้าใจ แล้วก็ต้องเล่าเหตุการณ์ว่ามันเป็นอย่างนี้ๆ คือเขาเป็นคนทำงานที่ละเอียดกับงานและเขาก็ตั้งใจมาก ไม่ได้ทำตัวเป็นซุป’ตาร์เรื่องเยอะกับเรา การกินการอยู่ก็ง่าย เขาก็ชอบกินอาหารไทยอยู่แล้ว การร่วมงานกับคนในทีมเขาก็เฟรนด์ลี่ ทุกคนแฮปปี้ในการทำงานกับมาโกโตะ คือเขาก็มาเช็กภาพ มาดูเฟรมว่ายูโอเคมั้ย ถ้าไม่โอเคต้องเอาใหม่มั้ย คือการทำงานกับเขาก็คือเปิดรับความเห็นซึ่งกันและกัน เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดออกมา"
คาแร็กเตอร์ของ “หนูนา” ติ่งซุป’ตาร์ตัวแม่ที่รับบทโดย “สายป่าน”
"คาแร็กเตอร์ของหนูนาก็ค่อนข้างเป็นคนที่เปิดเผยความรู้สึกนะ เขาชอบอะไร เขารู้สึกอะไร เขาก็จะบอก เพราะฉะนั้นว่าถึงเขาจะมีแฟนอยู่แล้ว แต่เขาชอบมาโกโตะมานาน จนรู้สึกว่าเขาชอบมานานกว่าแฟนหรือเปล่า แล้วเขาก็รู้สึกว่ามาโกโตะเป็นทุกอย่างของชีวิตเขา เพราะฉะนั้นหนูนาก็จะมีมาโกโตะเป็นไอดอล ก็คือเป็นคนที่ชอบถึงแม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ คาแร็กเตอร์ของหนูนาก็จะโผงผางเอาแต่ใจตัวเอง แต่ว่าก็เป็นผู้หญิงที่ทำทุกอย่างเพื่อคนที่รักได้"
คนดูจะได้เห็นสายป่านพลิกบทบาทในแบบไหนในเรื่องนี้
"คือปกติเท่าที่เราได้เห็นการแสดงของสายป่าน เราก็จะเห็นว่ามาทางดราม่าซะเยอะ แต่ว่าถ้ามาเล่นแบบสาวติ่ง แบบนี้เรายังไม่เคยเห็นสายป่านเล่น ตัวละครหนูนามีความหลากหลายทางอารมณ์ ต้องเล่นทั้งคอเมดี้ ทั้งดราม่า มีน่ารักๆ แรงๆ ผสมกัน เรารู้สึกว่าตรงนี้มันเป็นความสามารถที่ท้าทายของสายป่าน สายป่านก็มักจะบอกว่าการที่ได้มากองนี้รู้สึกตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา เขารู้สึกตื่นเต้นและท้าทายความสามารถที่จะทำให้ดีมากขึ้น พอสุดท้ายเราได้เห็นการแสดงของเขาเราก็รู้สึกแฮปปี้ว่านี่ไม่ใช่สายป่าน ที่เรารู้จัก แต่เป็นหนูนาจริงๆ เราก็รู้สึกแฮปปี้กับการแสดงของสายป่านจริงๆ"
ตัวละคร “เสือโคร่ง” แฟนหนุ่มของติ่งตัวแม่ ที่รับบทโดย “เต๋า-เศรษฐพงศ์”
"เสือโคร่งก็เป็นผู้ชายธรรมดา แต่ในความธรรมดาถ้าถามว่าเป็นคนที่นิสัยดีมั้ย ก็บอกเลยว่าไม่ดี เพราะเขาเป็นคนที่ขี้โมโห ไม่ใส่ใจในรายละเอียด เพราะฉะนั้นมันก็จะเป็นคาแร็กเตอร์ที่ผู้หญิงหรือคนที่มีแฟนแบบนี้ไม่น่าจะชอบหรือเปล่า แต่นิสัยส่วนตัวของเขาก็เป็นคนรักเดียวใจเดียว สำหรับเต๋าเราคิดว่าเราเคยเห็นการแสดงของเต๋า จากหนังบ้างละครบ้าง เราก็คิดว่าเต๋าน่าจะเหมาะกับบทๆ นี้ เพราะว่าหน้าของเต๋ามีความดื้อรั้นอยู่ในตัว เราก็คิดว่าเต๋าน่าจะเป็นเสือโคร่งได้ แล้วเต๋าก็ทำให้ทุกคนเชื่อได้ว่าทำไมถึงเป็นคนนิสัยแบบนี้ เรียกว่าเขาทำการบ้านแล้วก็เตรียมตัวมาเล่นเป็นเสือโคร่งได้ดีจริงๆ"
คาแร็กเตอร์ของ “หมูแฮม” ซึ่งรับบทโดยสาวสุดหล่อขวัญใจสาวๆ “ติ๊นา-ศุภนาฎ”
"ก็แน่นอนว่าหมูแฮมเป็นทอม แล้วก็เป็นเพื่อนสนิทกับหนูนา หมูแฮมก็เป็นนักดนตรีกลางผับ มีสาวๆ มากรี๊ดกร๊าดมากมาย นิสัยเขาก็จะเป็นคนที่เก็บความรู้สึก ไม่ได้เปิดเผยความรู้สึกของตัวเองมากสักเท่าไหร่ ก็จะดูแลเอาใจใส่เป็นเพื่อนที่ดีของหนูนา ซึ่งบางครั้งการเป็นเพื่อนสนิทด้วยกันมากๆ มันก็อาจจะมีหวั่นไหวบ้าง แต่ว่าก็ต้องเก็บความรู้สึกกันไว้
จากที่เราเห็นติ๊นา เล่นใน “Yes or No” ก็จะเล่นเป็นคู่ทอมดี้ เป็นเลสเบี้ยน คือเรื่องนี้พี่ก็พยายามปรับคาแร็กเตอร์ของหมูแฮม ซึ่งมันเซอร์ไพรซ์มากในเรื่องคงขออุบไว้ก่อน ตัวคาแร็กเตอร์ของหมูแฮมมันต้องมีความซับซ้อน กว่าทุกเรื่องที่หนูนาเคยเล่นมา ทั้งเล่นดนตรี ร้องเพลง ถือว่าเรื่องนี้เราจะได้เห็นอะไรในตัวติ๊นามากขึ้นจากเดิม"
คาแร็กเตอร์ของ “ไก่โต้ง” ซึ่งรับบทโดยนักแสดงหนุ่มมาดเซอร์ “กาย-นวพล”
"ไก่โต้งก็เป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ จะเป็นเพื่อนกับหมูแฮมแล้วก็หนูนา ดูเป็นผู้ชายแมนๆ ติสต์ๆ ไม่ค่อยเปิดเผยความรู้สึก ซึ่งก็จะมีความลับกับตัวเองเยอะ ซึ่งเขาก็มีความรู้สึกบางอย่างที่บอกใครออกไปไม่ได้ สำหรับตัวละครไก่โต้งกับกายถือว่าคล้ายกันมาก ใกล้เคียงเลย กายอ่านบทแล้วกายชอบมาก มันมีอะไรที่คล้ายตัวเขา ก็ดีใจที่กายตกลงมาเล่น แล้วคือเวลากล้องจับถ่ายกายเรารู้สึกว่าเวลาถ่ายมุมนึงก็เหมือนพี่หนุ่ย (หนุ่ย-อำพล ลำพูน) มุมนึงเหมือนพี่ช่า (มาช่า วัฒนพานิช) เลย ก็เลือกมุมยากพอสมควร (หัวเราะ) ส่วนเรื่องการแสดงเขาก็จะมีบทลึกๆ ที่ไม่ต้องพูด แต่แสดงอารมณ์ได้ดีมากๆ รับรองสาวๆ เห็นหลงรักแน่นอน"
การเดินทางไปถ่ายทำที่ญี่ปุ่น ได้ไปถ่ายทำที่ไหนบ้าง
"ที่ญี่ปุ่นเราเดินทางกันไปถ่ายอยู่หลายที่ แล้วก็หลายฉากเลย ไปกันอยู่เป็นอาทิตย์ ก็มีที่เอโดะวันเดอร์แลนด์ ไปถ่ายฉากที่หนูนากับเพื่อนไปเที่ยวกัน ก็ใส่ชุดกิโมโนดวลดาบซามูไรกัน จำได้ว่าตอนที่ไปถ่ายอากาศหนาวมาก ไม่ถึงสิบองศา แล้วคือนักแสดงไปถึงวันแรกเราก็ถ่ายฉากนี้เลย ก็ยังมึนงงกันอยู่ แต่ฉากนี้ถ่ายออกมาแล้วดูสนุกสนานกันดี
อีกที่ที่เราไปก็คือสะพานชินเคียว เป็นสถานที่มรดกโลก ด้วยความที่เป็นสะพานสีแดง เวลาถ่ายย้อนแสงไปมันเป็นอะไรที่สวยงามมาก เราก็ใช้ที่นี่ถ่ายฉากสำคัญเป็นจุดไคลแมกซ์ของเรื่อง ข้อสรุปของเรื่องราวทั้งหมดจะเกิดขึ้นบนสะพานแห่งนี้
แล้วก็มีที่น้ำพุร้อนออนเซ็น ก็เป็นฉากที่โหดมากสำหรับสายป่าน เพราะตั้งแช่อยู่ในน้ำตังแต่เช้ายันเที่ยง ตัวละครคนอื่นก็จะมีบทที่จะสลับกันขึ้นน้ำไป แต่ของสายป่านต้องแช่น้ำอยู่ตลอด ส่วนที่พ้นน้ำมาจะหนาว อยู่ใต้น้ำก็จะร้อน คือเสี่ยงต่อการไข้กินมาก คือสายป่านถ่ายฉากนี้เสร็จตัวแดงเลย ก็สงสารน้องอยู่นะ"
ฉากคอนเสิร์ตใหญ่ของมาโกโตะที่อลังการงานสร้างเต็มรูปแบบ
"ก็ถือว่าเป็นฉากที่เราเซ็ตใหญ่มาก แล้วก็ทุ่มทุนเยอะมาก เพราะว่ามันเป็นฉากคอนเสิร์ตที่ใหญ่ เครื่องมันต้องครบ แสง สี เสียง อุปกรณ์เครื่องดนตรี มาโกโตะกับวงก็ต้องเล่นจริง เอ็กซ์ตร้าก็ต้องอัดเข้าไปเยอะมากเพื่อแสดงเป็นแฟนเพลง มันก็เป็นฉากใหญ่ แล้วก็เป็นฉากไคลแม็กซ์ของเรื่องด้วย ก็ถือว่าเป็นฉากที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตเราเลยนะ ฉากนี้กินเวลาถ่ายทั้งวันประมาณ 12 ชั่วโมง คือร้องจริงๆ 2 เพลง แต่ถ่ายกัน 12 ชั่วโมง แล้วต้องถ่ายให้เสร็จเพื่อถ่ายฉากอื่นต่อ ก็ถ่ายกันด้วยความกดดัน แต่พี่โชคดีมาก ที่นักแสดงเรื่องนี้มืออาชีพกันทั้งนั้น การถ่ายก็เลยใช้แค่ไม่กี่เทค คือไม่ว่าจะถ่ายกี่มุมเขาก็เล่นดีเหมือนเดิม ถือเป็นความโชคดีของเราที่ทำให้เราผ่านฉากยากๆ นี้ไปได้"
เพลงประกอบของหนังเรื่องนี้คือเพลง “ไม่สนิท” ของ นนท์ เดอะวอยซ์ เกี่ยวโยงกับหนังยังไง
"คือถือว่าเป็นเพลงธีมเลยนะ เพราะมันพูดถึงการแอบรักใคร แอบรักเพื่อน แล้วถ้าบอกไปแล้วความเป็นเพื่อนมันจะหายไปรึเปล่า เพราะคำว่าเพื่อนนี่แหละ ถ้าเรารู้สึกกับเพื่อนเกินเพื่อนปั๊บ เพราะถ้าเราจะพูดจะบอกออกไป ก็เสี่ยงว่าเขาจะเป็นเพื่อนกับเราหรือว่าจะไม่เป็นอีกแล้ว เพราะฉะนั้นเพลง “ไม่สนิท” เนี่ย มันก็สามารถจะบ่งบอก ความเป็นเรื่องราวของหนังเรื่องนี้ได้"
คนดูจะได้รับแมสเสจอะไรกลับไปจากการดูหนังเรื่องนี้
"เราว่าหนังรักเรื่องนี้ มันก็เป็นความบันเทิง มีความสุข แล้วก็ได้เห็นเรื่องราวความรัก ที่เราสามารถไปตั้งคำถามกับตัวเราได้ว่าการที่เรามีความฝัน มีไอดอล เป็นแฟนคลับของใครสักคน แล้วถ้าวันนึงเราฟินกับความฝันนั้นแล้ว ชีวิตจริงเราจะเป็นยังไง เพราะบางครั้งคนเราก็ไปยึดติดกับความฝันมาก จนบางครั้งลืมมองความเป็นจริงไป ตรงนั้นเราว่าเป็นแมสเสจสำคัญ ที่คนดูจะไปตั้งคำถามกับชีวิตว่า เราหมกมุ่นกับความฝันจนลืมความเป็นจริงไปหรือเปล่า
ก็ขอฝากหนังเรื่องล่าสุดของกอล์ฟด้วย “ฟินสุโค่ย” รับรองว่าฟินเว่อร์แน่นอน เพราะว่าหนังเรื่องนี้มีซุป’ตาร์อย่างมาโกโตะ มีดารายอดฝีมืออย่าง น้องสายป่าน น้องเต๋า น้องกาย น้องติ๊นา และอีกหลายคน รับรองว่าฟินกันอย่างมีความสุขแน่นอนค่ะ"