xs
xsm
sm
md
lg

True4U ส่ง “พล นิกร กิมหงวน เดอะ มิวสิคัล” ลงจอเรียกเรตติ้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
True4U ส่ง “พล นิกร กิมหงวน เดอะ มิวสิคัล”
ลงจอเรียกเรตติ้ง

 
สถานีโทรทัศน์ช่อง True4U ร่วมกับ ดรีมบอกซ์ ผลิตละครเพลงโทรทัศน์ “พล นิกร กิม หงวน เดอะ มิวสิคัล” จาก หัสนิยาย “พล นิกร กิมหงวน” หรือ “สามเกลอ” ลงจอช่องดิจิตอลทีวี ในรูปแบบละครเพลง ถ่ายทำย้อนยุค บอกเล่าเกร็ดประวัติศาสตร์ของกรุงเทพฯในขณะนั้น ประกอบไปด้วยเพลงคลาสสิค เพลงอมตะสุนทราภรณ์ และเพลงที่หาฟังยาก เริ่มต้นลงจอ 10 กรกฎา 2557 ที่ผ่านมา 
 

"รุ่งฟ้า เกียรติพจน์"  กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรูโฟร์ยู พูดถึงละครเรื่องนี้ว่า
 
“ละครเรื่องนี้เป็นความร่วมมือของ ผู้ผลิต, บริษัทดรีมบอกซ์, พี่ไก่, และได้เพลงจากครูเอื้อมาให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เราเริ่มช่อง True4U ทีวีดิจิตอลมาตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน จุดประสงค์ของการประมูลเพื่อจะมารองรับ AEC ด้วย ต่อไป เพื่อนบ้านรอบๆ เราก็เป็นดิจตอลกันหมดแล้ว เหลือพม่าอยู่ประเทศเดียว ถ้าเราไม่ทำก็ไม่เกิด เมื่อเรามีทีวีดิจิตอล ก็อยากให้มีการพัฒนาคอนเทนท์ มีการพัฒนาบุคลากร มีการพัฒนาอีกหลายๆ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับบรอดแคสท์เกิดขึ้น แล้วช่องของเราก็จะต้องไม่ตกเทรนด์ ให้ความหลากหลายรูปแบบกับคนดู
 
วันนี้ถึงเวลาที่จะหยิบละครไทยที่เหมาะกับช่องจริงๆ มีความพิเศษมากๆ ถ้าเราเอาละครเรื่องใหม่มาเปิดเราก็อยากได้ ยกวิกละครเวทีมาลงจอโทรทัศน์ดิจิตอล ในแบบร่วมสมัย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่เอารูปแบบละครเวทีมาลงจออย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง”พลนิกรกิมหงวน” หลายท่านรู้จัก จากวันก่อนย้อนยุคจนถึงยุคดิจิตอลมันเป็นอะไรที่คอนทราส เอาอดีตกับปัจจุบันที่เป็นเทคโนโลยีมารวมกัน ก็เลยอยากจะนำสิ่งที่ดีที่สุดมอบให้กับท่านผู้ชม เปิดดูได้ที่ช่อง 2 และช่อง 34 ทางกล่องทรูวิชั่น ถ้าเป็นช่องดิจิตอลที่ประมูลก็ช่อง 24 ค่ะ”

 
"สุวรรณดี จักราวรวุธ" ผู้กำกับการแสดง พูดถึงความเป็นมาและการผลิต 
 
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อยู่ในใจมาตลอด อยากทำมานานแล้ว เพื่อเป็นการให้เกียรติบ้านเราที่มีนักประพันธ์ที่เก่งของประเทศชาติ แรกๆ อยากเอามาทำละครเวที เพราะตัวเองชำนาญมากกว่า แต่ด้วยค่าใช้จ่ายสูง ตัวละครเยอะมาก แล้วเรื่องนี้ตัวละครก็เป็นภาพจำของคนอ่าน ดรีมบอกซ์เองก็ไม่ได้ชำนาญละครทีวี แต่ว่าพอได้โปรดิวเซอร์ ได้คนเขียนบทที่ถนัดด้านทีวีมาช่วย ก็เลยตัดสินใจทำ เพราะว่าถ้าเราทำเองคงไม่มีกำลังที่จะทำ เพราะยาวมาก ก็เลยต่อรองว่าเป็นซีซัน 12 ตอน
 
ตอนแรกจะเป็นตอนเล่าเรื่องทั้งหมด เป็นปฐมบท เพื่อให้แฟนๆ นักอ่านได้ทบทวนเรื่อง คนรุ่นใหม่เองก็ได้เข้าใจเรื่องไปด้วย หวังว่าการทำเรื่องนี้ทำให้คนได้กลับมาเข้าใจแล้วเอามาอ่านอีกครั้งหนึ่ง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องตลก แต่เป็นเรื่องที่มีคุณค่ามาก เล่าเรื่องด้วยคาแรคเตอร์ที่ตลก มีเกร็ดประวัติศาสตร์ ที่คนเขียนเขียนต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2481 ถึงปี 2511 เราจะได้เห็นวิวัฒนาการของสังคม คิดว่าเป็นส่วนที่วิเศษมากของบทประพันธ์เรื่องนี้
 
เรื่องแคสติ้งเรื่องโลเคชั่นหนักมาก เพราะมีภาพจำของตัวละครอยู่แล้ว จนจะเริ่มเปิดแล้วยังหาไม่ได้ ตัวที่ได้มาหลังสุดคือ พล ตัวที่มีปัญหาคือกิมหงวน เพราะคาแรคเตอร์ชัดมาก พอเอาอุ๋ย(บุดด้าเบลส)เป็นตัวตั้ง เขามีความทะเล้นทะลึ่งอยู่ในตัว คนต้องมีเคมีที่เข้ากันอีกสองคน เด็กไปก็ไม่ได้ ถ้าเอาดาราคนก็จะจำว่าเป็นดารา เพราะคุ้นหน้าอยู่แล้วก็เลยอยากได้คนที่ใหม่หน่อย แล้วก็ได้”โบกี้”มา พออยู่ในฉากเขามีเสน่ห์ แล้วโจทย์เราต้องร้องเพลงได้ พอมาถึงโลเคชั่นต้องเป็นพีเรียด บ้านมี 4 หลัง ที่สมุทรสาคร เป็นบ้านคุณปัจจนึก ได้บ้านสีตบุตร บ้านการุณวงศ์ แล้วก็บ้านของดร.อุกฤษณ์ พลางกูร”

"สุธี แสงเสรรีชน" กำกับดนตรี เรียบเรียงดนตรีและเสียงประสาน ดูแลเรื่องเพลง
 
“ตอนแรกคิดว่าเป็นละคร 12 ตอน น่าจะ 12 เพลง ไปๆ มา ตอนหนึ่ง 5 เพลง ก็ก้มหน้าก้มตาทำเลยดีกว่าอย่าไปนับเลย ทั้งหมด 38 เพลง ไม่เคยใช้เวลาสั้นขนาดนี้มาก่อน การทำเพลงให้ดีต่อหนึ่งตอนต้องใช้เวลา ยังดีเราได้เพลงที่มีเนื้อร้องทำนองอยู่แล้ว แล้วเพลงสุนทรภรณ์เก่าๆ ผมโชคดีที่ผมโตมาในสองช่วง เติบโตมาในเพลงลูกกรุงและสมัยใหม่ เพลงก็เข้ากับเรื่องราวมาก ถ้อยคำ สำนวน ภาษาตรงกับยุค แล้วมีความงาม อันนี้เป็นสมบัติของชาติที่บรรพบุรุษของเราทำสืบทอดไว้ มีทั้งเพลงเก่า เพลงอมตะ เพลงหาฟังยาก
 
สิ่งแรกที่คำนึงถึงคือกลัวโดนด่าเพราะมีแฟนเพลงรุ่นเก่าเยอะ ด้วยเนื่องมันเป็นเพลงละครก็ต้องดีไซน์ให้ร่วมสมัย ดนตรีก็ทำตามเนื้อเรื่องตามบท ตามสถานการณ์ อารมณ์ของตอนนั้น เราจะเก็บความเป็นสุนทราภรณ์ไว้ตอนลีลาศ ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติก็เปลี่ยนไปตามตัวละคร ผมจะแบ่งถ้าเป็นฉากแฮปปี้ฮออล์ก็เป็นสไตล์เขา สมัยนั้นช่วงนั้นคนนิยมร้อง แต่ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติก็จะเป็นไปตามคาแรคเตอร์ของเขา ร้องแบบพูดคุยกัน”

 
"โบกี้ จิตร์คุปต์ สุนทรศิลป์ชัย" รับบทเป็น พล

“ผมเล่นเป็นพล พัชราภรณ์ครับ เรื่องนีเขาได้ตัวละครครบหมดแล้ว ขาดแต่ตัวผม ก็เรียกผมไปแคส บังเอิญเขาชอบ ก็เลยได้มาเล่น ตื่นเต้นครับ เป็นละครมิวสิคัล แล้วยิ่งรู้ว่ามีเด็กเอเอฟ มีเคพีเอ็น มีเลิฟอีส ผมก็ตายแล้ว ต้องซ้อมก่อนเลย พี่ลิงจะเรียกมาอ่านบทก่อน รื้อฟื้นความทรงจำ ห่างการเล่นละครไปนาน สิ่งที่ยากที่สุดคือเป็นละครเพลง ต้องเข้าห้องอัด รู้สึกกดดันเพราะว่าแต่ละคนนี่อัดเสร็จเร็วมาก ของผมช้าสุด
 
เคยเล่นละครมาหลายเรื่องก็เป็นไดอะล็อกธรรมดา แต่นี่มีร้องเพลงด้วย มีคิวซ้อมร้องเพลง แล้วก็อัดก่อนด้วย ความยากนี่คูณสอง แต่ผมดีใจนะที่ได้มาร่วมงานกับทุกคนๆ นี่เก่งมากๆ จนผมนี่เกร็งเลย ฝากละครมิวสิคัลด้วยนะครับ ผมตั้งใจมากๆ รู้สึกถึงทุกคนด้วย ทั้งทีมงาน พี่ลิงผู้กำกับ พี่ไก่ที่คอยทำให้เพลงมันเพราะ ผมเองยังรู้สึกเลยว่าเป็นความแปลกใหม่ คนดูต้องได้รับความสนุกแน่นอน”

 
"มิวสิค AF 4 (รัชพล แย้มแสง)" รับบทเป็น นิกร
 
“เรื่องนี้รับบทเป็น นิกร การุณวงศ์ ยากมากนะครับ เป็นละครค่อนข้างแปลกใหม่ มีทั้งละครด้วย สอดแทรกเพลงด้วย เพลงก็ต้องยอมรับว่าเกิดมายังไม่เคยฟังเลยครับ เราจะฝึกร้องเพลงก่อนหนึ่งอาทิตย์แล้วก็ไปบิวด์หน้างานอีกทีหนึ่ง เวลาเราร้องเพลงในเรื่องก็ต้องเข้าใจเนื้อเพลงด้วย ซึ่งบางทีภาษาก็เข้าใจยากนิดหนึ่ง เป็นภาษาสมัยก่อนที่เราจะต้องเรียนรู้ ผมว่าดีกับตัวนักแสดงด้วย แล้วเหมือนกับเราเป็นคนเผยแพร่พวกนี้ให้รุ่นหลังๆ รุ่นเดียวกับเรามาได้ดู มาได้รู้จักกัน เพื่อให้รู้ว่าสมัยก่อนเขาเป็นยังไง บางอย่างที่สมัยนี้มี เราคิดว่าเพิ่งมี จริงๆ มีมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้วก็ได้”

 
"อุ๋ย บุดด้าเบลส (นที เอกวิจิตร์)" รับบทเป็น กิมหงวน

“สบายมากครับ ผมเกิดมาเพื่อสิ่งนี้อยู่แล้ว รับบทเป็นกิมหงวน ไทยแท้ เจ้าของห้างศรีวิไลพาณิชย์ วันนี้ภรรยากิมหงวนไม่มา เรื่องนี้เป็นมหากาพย์การละคร ทั้งย้อนยุคด้วย ทั้งละครเพลงด้วย เสื้อผ้าอีก แล้วต้องไปอัดเสียงร้องก่อนที่จะมา ผมคุยกับผู้กำกับว่าถ้ามาบอกผมก่อน ผมคงไม่คิดจะทำเพราะว่ามันยากเกิน โปรดักชั่นยาก การแสดงยากตรงมิวสิคัลนี่ล่ะครับ ต้องมาซิงค์จากเสียงในห้องอัดมา เป็นละครตลก
 
ผมว่าน่าจะเหมาะกับช่วงนี้ที่คลายเครียดคนได้เยอะมาก จะได้มีความสุขแฮปปี้ ทำผิดก็ไม่ค่อยเกร็งอะไร เพราะว่าคาแรคเตอร์ไม่ค่อยห่างจากเราเท่าไร เล่นเป็นตัวเอง ผมว่าทุกเรื่องที่ทำมาจากบทประพันธ์ จินตนาการในหัวแตกต่างกัน คงจะไม่ตรงเป๊ะกันทุกท่าน เรื่องนี้จุดเด่นอยู่ที่ผ่านมา 50-60 ปีแล้ว มาอ่านปัจจุบัน มุกตลกก็ยังขำอยู่ ผมว่าน่าจะสัมผัสกันได้ทุกคน ทั้งทีมงานดรีมบอกซ์ก็พยายามทำให้มันเต็มที่ ใกล้เคียงกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขียนมาในเล่มมากที่สุด ผมว่าน่าจะไม่ผิดหวัง น่าจะประทับใจกัน”

 

"โรส อลิสซาเบธ" รับบทเป็น นันทา
 
"เล่นเป็น นันทา พัชราภรณ์ เป็นละครที่ตลกมาก เพราะว่าต้องไปตามล่าสามีที่ออกไปนอกบ้าน ทุกคนจะได้ขำกับคำที่เป็นสมัยก่อนก็จริง แต่ก็สนุกมาก จุดเด่นของเรื่องนี้เป็นมิวสิคัลครั้งแรกที่ออกทีวี ยากตรงที่ต้องปรับตัวเรื่องเพลงแล้วก็ท่าเต้นด้วย ทุกคนจะได้รับรสชาติทั้งละครและมิวสิคัลเลย เป็นละครที่ออกทีวีเรื่องแรก ส่วนมากเล่นแต่ละครเวทีทั้งนั้นเลย เป็นละครที่ยากมาก แต่ก็ท้าทายสุดๆ แล้วได้เล่นกับพี่ๆ ที่มากฝีมือขนาดนี้ เหมือนกับได้พัฒนาตัวเองไปมาก คืออยากให้มองเป็นอีกแนวหนึ่งไม่อยากให้เปรียบเทียบ พวกเราก็ตั้งใจทำเต็มที่" 
 
 

"เนสท์ นิสาชล" รับบทเป็นประไพ

"เล่นเป็นประไพ การุณวงศ์ค่ะ เป็นครั้งที่สองกับการร่วมงานกับดรีมบอกซ์นะคะ เคยทำแต่ละครเวที แต่นี่เป็นละครทีวีครั้งแรกด้วย นอกจากยากแล้วมุมมองของฝ่ายหญิงคือ พอรู้ว่าต้องทำผมทรงนี้ก็ต้องทำใจก่อนอันดับแรก เพราะเราจะไม่ชินเลยจนถ่ายจะจบแล้ว ก็เพิ่งรู้สึกว่าน่ารักดีนะ ผมทรงคุณแม่ แล้วหน้าก็ลงแต่รองพื้น แต่ก็ถือว่าดี สิวขึ้นน้อย รวมๆ แล้วได้ประสบการณ์ร้องเพลงใหม่ๆ แล้วก็การแสดงค่ะ แนวของเพลงไม่ใช่แนวที่เราถนัดกัน เป็นเพลงสุนทราภรณ์ แฟนๆ ของหนังสือไม่ต้องห่วงนะคะ เราแทบไม่ได้เปลี่ยนอะไรของบทประพันธ์เลย จะเป็นจรวดหรืออะไรเราก็มี เราก็หามาให้ บทพูดก็ไม่เปลี่ยนอะไรเลยค่ะ”

เป็นอีกหนึ่งสีสันของละครโทรทัศน์ที่หาดูได้ยากยิ่ง ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะแนวนี้ไม่ค่อยมีให้ชมบ่อยๆ











"พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล" ตอนที่ 1-12 (จบซีซั่น)
"พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล" ตอนที่ 1-12 (จบซีซั่น)
ตอนที่ 1 อายผู้หญิง ปี 2481 ณ แฮปปี้ฮอลล์ สถานบันเทิงสุดหรู เสี่ยประชา และเสี่ยกำแหง สองหนุ่มเจ้าสำราญคือเจ้าประจำทุกยามราตรี แต่ในเวลากลางวันนั้น ทั้งสองก็คือ พล พัชราภรณ์ บุตรชายของเจ้าคุณและคุณหญิงประสิทธิ์นิติศาสตร์ และนิกร การุณวงศ์ บุตรชายของเจ้าคุณวิจิตรบรรณาการ สองหนุ่มผู้เรียบร้อย ทำแต่งาน และไม่นิยมการเข้าสังคม แถมทั้งสองยังบอกว่าอายผู้หญิงซึ่งสร้างความกังวลให้กับบิดามารดาของทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง จึงพยายามจะหาคู่ให้พลกับนิกร โดยได้จ้าง ครูมาสอนเรื่องมารยาทการเข้าสังคม แต่ก็ถูกพล และนิกร หลอกลวนลาม จนเปิดกระเจิงไป ความลับย่อมไม่มีในโลก เมื่อทั้งสองถูกจับได้ว่าลอบหนีเที่ยวกลางคืน และโดนคาดโทษอย่างหนัก
กำลังโหลดความคิดเห็น