เรือนริษยา ตอนที่ 20
นันทนัชพันแผลที่ข้อมือให้กฤตพนธ์หลังใส่ยาเสร็จ
“แน่ใจนะคะว่าไม่ไปหาหมอเย็บแผล”
“แผลไม่ได้ลึกอะไร ไม่เป็นไรหรอกครับ”
กฤตพนธ์ตอบแต่มีสีหน้าแววตากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างจนนันทนัชจับอาการได้
“กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?”
นันทนัชถามพลางเปลี่ยนมาเช็ดเลือดใส่ยาให้แผลที่คิ้วของเขา
“มันเป็นคนๆเดียวกัน!” กฤตพนธ์บอก
“ใครคะ?” นันทนัชว่า
“ก็มือมีดที่บุกมาคืนนี้ กับไอ้โม่งที่จับคุณกดน้ำ แล้วก็คนที่ตามไปล่าเราถึงที่เขาใหญ่ มันเป็นคนๆเดียวกัน”
กฤตพนธ์คิดย้อนไป
เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา ไอ้โม่งจับหน้านันทนัชกดน้ำครั้งแล้วครั้งเล่า นันทนัชได้แต่หายใจเฮือกอย่างหมดแรงที่จะช่วยเหลือตัวเอง สตินันทนัชกำลังจะดับวูบแต่ตอนนั้นกฤตพนธ์ก็วิ่งตามมาทัน
“หยุดนะ!”
ไอ้โม่งสมหมายพยายามเก็บกฤตพนธ์ที่น้ำตก กฤตพนธ์ได้โอกาสปรี่เข้ามาจับแขนที่ถือมีดมัน แขนอีกข้างจับล็อคคอมันไว้แล้วทั้งสองก็สู้กัน
กฤตพนธ์มองหน้านันทนัช นันทนัชชะงักมือที่กำลังจะปิดพลาสเตอร์ยาปิดแผลเหนือคิ้วให้เขา
“คุณมั่นใจแค่ไหน ว่าใช่คนๆเดียวกัน” นันทนัชถาม
“ล้านเปอร์เซ็นต์!”
นันทนัชรู้สึกเสียววาบขึ้นในอกแล้วมีสีหน้าเครียด เธอรีบปิดพลาสเตอร์ยาให้กฤตพนธ์แล้วหันจะเดินออกจากห้องแต่กฤตพนธ์คว้ามือเธอไว้
“คุณจะไปไหน?” กฤตพนธ์ถาม
“ไม่เห็นตำรวจมาสักที เค้าโทรแจ้งกันหรือยัง ฉันจะไปถามให้รู้เรื่อง”
“คุณใจเย็นๆได้ไหม นั่งลงก่อน”
นันทนัชพยายามดึงมือออกจากมือกฤตพนธ์
“ทุกวันนี้ฉันก็ใจเย็นมากพออยู่แล้ว จนมันได้ใจ ว่าฉันทำอะไรมันไม่ได้มันถึงลงมือ3ครั้ง3คราว ฉันไม่โง่รอให้มันลงมือเป็นครั้งที่4หรอก”
“แล้วถ้าเค้าไม่แจ้งความ คุณก็ทำอะไรเค้าไม่ได้อยู่ดี”
“แต่อย่างน้อย ฉันก็มั่นใจได้ว่าเป็นฝีมือยัยแม่เลี้ยงฤทัยนั่นแหละที่ส่งคนมาฆ่าฉัน!”
ฤทัยกับไม้ปิดห้องคุยกับรณฤทธิ์
“ว่าไงนะ….นี่ไม่ใช่หนแรก! แปลว่าแกเคยจ้างไอ้โม่งนั่นลงมือมาแล้วเหรอ มันทำงานพลาดงั้นซิ?”
“เหอน่าแม่ มันต้องมีสักครั้งแหละน่า ที่มันลงมือไม่พลาด”
“ไอ้ลูกเวร!” ฤทัยด่า
ฤทัยตีไหล่รณฤทธิ์ดังผัวะ
“โอ๊ย...แม่! มาตีทำไมเนี่ยะ ฉันทำทุกอย่างก็เพื่อแม่ทั้งนั้นนะ” รณฤทธิ์ว่า
“เพื่อแม่ๆ ตะกี้ไอ้โจรนั่นมันล็อคคอฉันเป็นตัวประกัน เกิดมันเชือดคอฉันขึ้นมา แกได้ทำเพื่อฉันแน่ ทำศพไง!”
“ก็แม่ดันทะเร่อทะร่าโผล่มาทำไม ดึกดื่นไม่หลับไม่นอน ไปไหนมาห่ะ”
ฤทัยอึ้งไปทันที
“เอ่อ...” ฤทัยเหลือบมองไม้ “แกไม่ต้องมาโทษฉันเลย ไอ้ลูกมหาเวร!ทำไรไม่เคยปรึกษา สันดานแกนี่แก้ไม่รู้จักหาย ชอบหาเรื่องให้ฉันคอยตามใช้ตามเช็ดตลอด แล้วนี่ยังไง โจรบุกมาถึงในบ้านฉันไม่แจ้งความ มันไม่สงสัยฉันเอาเหรอ ห่ะ?”
“แม่แคร์ด้วยเหรอ มันคิดไม่ดีกับแม่อยู่แล้ว”
ฤทัยหยุดคิดแล้วก็เห็นด้วยกับรณฤทธิ์
“แต่ยังไง เราควรแจ้งความนะครับ”
รณฤทธิ์ไม่พอใจ “พูดไม่รู้เรื่องหรือไงวะ กูบอกว่าไม่ ก็ไม่เซ่”
“เกิดคุณนันแจ้งความซะเอง พวกเราจะต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยในการสืบสวนของตำรวจว่าพาโจรเข้าบ้านนะครับ”
กฤตพนธ์คิด
“ผมว่าเรื่องนี้ มันมีเงื่อนงำมากกว่าที่เราคิด”
“ตลกน่า นี่คุณกำลังจะบอกฉันว่าคนที่ส่งคนมาเก็บฉันทั้ง3ครั้ง ไม่ใช่ฝีมือคุณน้าฤทัยงั้นเหรอ หึ” นันทนัชส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
“ก็อาจจะใช่...หรือไม่ใช่...หรือไม่ใช่ทั้งหมด”
“พูดอะไรของคุณ ตกลงคุณคิดว่าใช่หรือไม่ใช่ ฉันต้องการคำตอบชัดๆ”
“มีสติหน่อยคุณนัน แล้วลองนึกย้อนไปถึงวันที่คุณบินกลับมาเมืองไทยตอนที่คุณพ่อคุณเสีย คุณทราบข่าวมาจากไหน?”
“มีจดหมายลึกลับส่งไปจากเมืองไทย จนถึงตอนนี้ ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนส่งมา”
“แปลว่าไม่มีใครรู้มาก่อนว่าคุณจะกลับมาในวันเผาศพคุณพ่อคุณ” กฤตพนธ์บอก
“ชัวร์! เกิดยัยแม่เลี้ยงฤทัยรู้ว่าฉันจะมา คงจะส่งคนไปขวางฉันตั้งแต่ลงเครื่องแล้ว”
“ถ้าอย่างงั้น ก็เป็นไปไม่ได้ที่คุณน้าฤทัยจะเตรียมวางแผนดักฆ่าคุณไว้ล่วงหน้าตอนคุณออกจากวัด”
นันทนัชอึ้งไปทันที “นั่นซิ...”
“ผมยังจำเหตุการณ์ที่วัดวันนั้นได้”
กฤตพนธ์นึกย้อนไป
เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา
กฤตพนธ์พูด “นี่เธอจะบ้าเหรอ? มีสิทธิ์อะไรมาห้ามไม่ให้เผาศพพ่อฉันห่ะ
นันทนัชมองมาที่กนกกรแล้วพูดด้วยท่าทีที่เหนือกว่า “ฉันเป็นลูกของคุณลิตร!”
“โธ่เอ้ย ลูกไม้ตื้นๆ มาอ้างเป็นลูก หึ จะมาขอแบ่งมรดกล่ะเซ่คิดแล๊ว...ว่าต้องมีพวกสิบแปดมงกุฎมาหากินแบบนี้ในงานศพ”
กฤตพนธ์มั่นใจ
“แม้แต่คุณกิ๊บกับคุณรณยังไม่รู้จักคุณเลย แล้วก็เป็นไปไม่ได้ด้วยที่คุณน้าฤทัยจะเป็นคนส่งจดหมายล่อคุณกลับมาฆ่าในวันเผาศพพ่อคุณ เพราะถ้าเผาศพคุณลิตรสำเร็จไปในวันนั้น โดยที่ไม่มีคุณมาขัดขวาง คุณน้าฤทัยก็คงจะได้เป็นผู้รับมรดกของคุณลิตรไปแล้ว”
นันทนัชสับสน
“แล้วถ้าไม่ใช่น้าฤทัย ใครล่ะคะ...ใครเป็นคนบงการเรื่องทั้งหมด?”
นันทนัชกับกฤตพนธ์มองหน้ากัน
ทิพย์เดินเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าเครียด เธอเจอชิดที่รออยู่
“คนที่ฉันนัดไว้ล่ะ?”
“รออยู่ในห้องโน้น”
ทิพย์หันหลังจะเดินไปแต่ชิดคว้าแขนเธอไว้ ทิพย์หันมาอารมณ์เสียใส่
“อะไร๊!”
“เรามาไกลเกินไปแล้วนะทิพย์ เรื่องมันชักไปกันใหญ่ เราหยุดแค่นี้เถอะ”
ทิพย์สะบัดแขนเต็มแรงจนชิดผงะ แขนทิพย์หลุดจากมือ
“ห้ามฉันช้าไปแล้ว! ฉันลงทุนไปทั้งหมดกับสมบัติที่ได้จากการเป็นเมียทาสของไอ้ลิตรมา15ปี ฉันต้องเอาคืนทั้งหมด”
ทิพย์หันหลังเดินไป ชิดได้แต่ยืนมองทิพย์ที่เดินห่างออกไปเหมือนทิพย์ห่างชิดออกไปทุกทีจนเกินกว่าจะเหนี่ยวรั้งและยับยั้งได้
ทิพย์เดินมาหยุดที่หน้าห้องๆหนึ่งก่อนจะเปิดประตูเข้าไปหยุดยืนมองอยู่ที่ประตู คนที่นั่งรออยู่ข้างในค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเปิดภาพว่าเป็นเชนนั่นเอง
“หึ...นี่เหรอมือดี ทำงานกี่ครั้งกี่ครั้งก็พลาดตลอด”
เชนหน้าเสียๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มๆ กวนคืน
“แล้วถ้าคุณไม่เคยพลาด ก็คงไม่ต้องมาจ้างผมจัดการหรอก”
“แต่ฉันไม่อยากให้พลาดอีก ถึงได้นัดพวกคุณมาเจอวันนี้”
ทิพย์พูดพลางก้าวเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูถึงเห็นชายอีกสองคนยืนอยู่ในมุมมืดในห้อง ทิพย์หันไปมองชายทั้งสอง
“พวกคุณเป็นขี้ข้าให้ไอ้ลิตรมันจิกหัวใช้เหนื่อยมานาน จนมันร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี เปอร์เซ็นต์จากกองมรดกที่พวกคุณควรจะได้รับตอนนี้มันยากซะแล้ว”
ชายทั้ง2เดินออกมาจากเงามืดจึงเห็นว่าเป็นสมุทรชัยกับไกรภัทร
“ใครจะไปคิดว่าลูกสาวนายลิตรจะติดผู้ชาย ถึงขั้นเอามาอยู่ติดตัวแบบนี้มีแค่ไอ้กฤตตัวเดียว เกะกะขวางทางไปหมด แผนก็เลยไม่เป็นตามแผน”
“เราจะรอดักเล่นมันเหมือนเดิม มันไม่เวิร์กแล้ว เราต้องเดินแผนชนมัน”
“ก็นี่ไง ฉันถึงต้องลงมาเล่นเอง จะพลาดไม่ได้อีกแล้ว” ทิพย์บอก
“เอาเลย! จะชนยังไงก็เอา ว่ามา เดี๋ยวจะจัดให้”
“คุณ3คนฟัง! แล้วทำตามแผนของฉัน”
ทิพย์กร้าว เชน ไกรภัทร และสมุทรชัยนิ่งมองหน้าทิพย์ด้วยความสนใจและอยากรู้ว่าทิพย์มีแผนอะไร
ไกรภัทรเดินเข้ามาในบ้านเพื่อมาทำตามแผนการของทิพย์ ตำรวจมาเต็มบ้านและแยกย้ายกันทำงาน ตำรวจชุดหนึ่งดูหลักฐานตามบันไดและห้องที่เกิดเหตุต่อสู้ อีกชุดก็ยืนสอบถามกฤตพนธ์ นันทนัชและกนกกรอยู่คนละมุม นันทนัชหันมาเห็นไกรภัทร พอดีคุยกับตำรวจเสร็จก็เดินเข้ามาหาไกรภัทร
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณนัน ตำรวจมาเต็มบ้านเลย”
“มีคนแอบเข้าบ้าน บุกไปที่ห้องนอนฉันค่ะ”
“ห่ะ! มันทำอะไรคุณรึปล่าวครับ?”
ไกรภัทรทำเป็นตกใจจึงถือโอกาสจับแขนนันทนัชแล้วแสดงความเป็นห่วงนอกหน้า
กฤตพนธ์ที่กำลังยืนคุยกับตำรวจอีกมุมหนึ่งหันมามอง เขารู้สึกไม่ชอบใจที่ไกรภัทรทำจับมือถือแขนกันันทนัช
“ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ พอดีคุณกฤตออกมาเจอมันเข้าเสียก่อน เลยสู้กับมัน”
“คุณกฤตจับตัวมันได้เหรอครับ?”
นันทนัชส่ายหน้า “มันหนีไปได้ค่ะ ถ้าจับได้ ป่านนี้คงรู้แล้วค่ะ ว่าใครเป็นคนส่งมันมา”
“เดี๋ยวตำรวจก็คงตามจับตัวมันได้ คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะครับ แต่ก็น่าจะมีใครโทรบอกผมกับพ่อบ้าง นี่ผมไม่รู้เรื่องกันเลย”
“อ้าว ผมนึกว่าที่คุณมาเพราะรู้เรื่องซะอีก”
กฤตพนธ์เดินเข้ามา ไกรภัทรอึ้งไปชั่วอึดใจก่อนจะหันมาตีหน้า
“ปล่าวครับ ผมมีธุระกับคุณนัน แล้วก็ตั้งใจมาเยี่ยมคุณนันด้วยผมเป็นห่วง”
ไกรภัทรพูดพลางหันมาส่งสายตาหวานให้นันทนัช
กฤตพนธ์เลยคว้ามือนันทนัชมาจับไว้แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของทันที
“บอกคุณไกรภัทรซีครับคุณนัน ว่ามีผมอยู่ทั้งคน ไม่ต้องห่วงคุณหรอก”
กนกกรที่ยืนคุยกับตำรวจอยู่อีกมุม เธอมองมาเห็นภาพแล้วก็แทบกรี๊ด นันทนัชค้อน
“เจ็บตัวเห็นๆ ยังจะมาคุยโวอีก” นันทนัชบอก
“โธ่แผลแค่นี้ ยังห่างหัวใจตั้งเยอะ ต่อให้ผมแขนหัก ขาหัก แต่ถ้ายังไม่ตาย ผมก็จะไม่ยอมให้ใครทำอะไรคุณได้เด็ดขาด”
นันทนัชยิ้ม เพราะถึงรู้ว่ากฤตพนธ์กำลังแสดงแต่ก็รู้สึกดี ไกรภัทรเลยต้องยืนเซ่อแต่ก็ไม่ยอมแพ้
“ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณนันตามลำพัง ขอเวลาหน่อยได้ไหมครับ?”
กฤตพนธ์หันมามองหน้าไกรภัทรที่ไล่เขาทางอ้อม ไกรภัทรทำหน้าเฉยไม่สะทกสะท้าน
“ได้ซีคะ เชิญทางโน้น”
“ไม่ต้องห่วงนะครับคุณกฤต คุณนันอยู่กับผม ผมจะดูแลให้อย่างดี”
ไกรภัทรกับกฤตพนธ์ปะทะสายตากันก่อนที่ไกรภัทรจะเดินตามนันทนัชไป กฤตพนธ์มองตามไกรภัทรอย่างรู้สึกไม่ไว้ใจขึ้นมา
หมวดเมธกับตำรวจกำลังตรวจสอบประตูหลังบ้าน หมวดเมธลองจับมือจับสแตนเลสที่ประตูแล้วกดๆดู
“ปกติประตูรั้วด้านหลังนี่ไม่เคยล็อคกุญแจเหรอครับ” หมวดเมธถาม
“เอ่อ...ก็มีล็อคบ้างค่ะ แต่ส่วนใหญ่ก็ล็อคแต่กลอนด้านใน” ศรีบอก
“ทำไมไม่ล็อคกุญแจปิดไปเลยครับ ไม่กลัวโจรเข้ามาจี้ปล้นบ้างเหรอ”
“แหม...หมวดขาก็ไอ้ประตูเนี่ยะเดือนกับพวกคนใช้ต้องใช้เป็นทางเข้าออกในบ้านหลังนี้นี่ค้า ขืนล็อคเวลาใครออกก็ต้องมานั่งหากุญแจไข วุ่นกันตายชัก”
“แปลว่า คนทำงานบ้านทุกคน จะต้องใช้ประตูนี้เข้าออก ทำไมไม่ใช้ประตูหน้ากันครับ”
“ใครก็อยากใช้ประตูหน้า ไม่อยากเดินอ้อมมาเข้าประตูหลังกันทั้งนั้นค่ะ แต่คุณผู้หญิงไม่ชอบให้คนใช้เข้าออกประตูหน้าร่วมกับเจ้านายน่ะซีคะ”
เดือนแอบเบ้ปาก
“นังเดือน! นี่แม่ฉันยืนหัวโด่อยู่นี่ แกกล้านินทาต่อหน้าเลยเหรอห่ะ” รณฤทธิ์ว่า
“อุ้ย...ปล่าวนะคะ ก็คุณหมวดเค้าถาม เดือนก็ต้องตอบไปตามความจริงทุกอย่างซีคะ เดี๋ยวจะหาว่าปกปิดมุบมิบทำตัวเป็นสายโจร”
รณฤทธิ์ร้อนตัว “สายโจรอะไรของแกห่ะ”
ฤทัยต้องรีบดึงรณฤทธิ์แล้วรีบห้ามไว้ก่อนที่จะมีพิรุธ
ฤทัยรีบห้าม “อย่าไปว่ามันน่าตารณ นังเดือนทำถูกแล้ว เราต้องให้ความร่วมมือกับตำรวจทุกอย่าง จะได้จับโจรได้เร็วๆ ไม่งั้นแม่นอนหลับไม่สนิทแน่ ถ้ายังจับมันไม่ได้”
หมวดเมธมองไปที่ประตู
“คนร้ายหนีออกจากประตูหลัง เหมือนรู้ช่องทางหนีทีไล่ในบ้านนี้เป็นอย่างดี”
ฤทัยแอบมองสบตาไม้กับรณฤทธิ์
เรือนริษยา ตอนที่ 20 (ต่อ)
นันทนัชนั่งคุยกับไกรภัทร
“มีเรื่องอะไรจะคุยกับนันคะ?”
“เรื่องพินัยกรรมตัวจริงครับ” ไกรภัทรบอก
นันทนัชอึ้งไปอึดใจแต่ก็ยังพยายามรักษาฟอร์มไว้ไม่ให้ไกรภัทรจับได้
“ทำไมเหรอคะ? นันก็บอกไปหลายครั้งแล้วว่าออกจากไว้ทุกข์เมื่อไหร่จะเอาพินัยกรรมออกมาให้” นันทนัชว่า
“มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่คุณคาดไว้ ถ้าเกิดว่าคุณฤทัยไปร้องขอต่อศาล ให้คุณเอาพินัยกรรมออกมาเปิดเร็วขึ้น คุณพ่อฝากผมมาเตือนครับว่าคุณควรจะต้องเตรียมพินัยกรรมไว้ให้พร้อมถ้าเหตุการณ์มันพลิกเป็นแบบนั้น” ทิพย์วางแผนใช้ให้ไกรภัทรมากดดันนันทนัชให้หาพินัยกรรมให้พบเร็วๆ
นันทนัชฝืนยิ้ม
“ฝากขอบคุณคุณลุงด้วยนะครับที่เป็นห่วงนัน นันจะเตรียมตัวให้พร้อมเสมอค่ะ” นันทนัชบอก
กนกกรเดินเข้ามาจับผิด
“คุยซุบซิบอะไรกันอยู่”
“ปล่าวนี่ครับ คุณกิ๊บสงสัยอะไรครับ”
“ก็สงสัยว่าทนายพ่อลูกของบ้านนี้ กำลังร่วมมือกับยัยลูกพ่อไม่รักโกงมรดกน่ะซิ”
นันทนัชยิ้มอย่างสมเพช
“อย่าไปฟังเลยค่ะคุณไกรภัทร ก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ ฉันได้ยินจนเบื่อคิดซะว่าจิ้งจกบ้านนี้ทักก็แล้วกัน”
ไกรภัทรยิ้มขำ กนกกรแทบกรี๊ด
“ผมรบกวนแค่นี้นะครับ ขอไปดูตำรวจสืบสวนหน่อย เผื่อจะช่วยเรื่องคดีอะไรได้บ้าง”
“ดีค่ะ ขอบคุณนะคะ”
ไกรภัทรลุกเดินผ่านกนกกรไป กนกกรปรี่เข้ามาโวยนันทนัช
“มาว่าฉันเป็นจิ้งจก หล่อนดูฉันผิดไปแล้ว”
“งั้นเธออยากเป็นอะไรล่ะ ตุ๊กแก ไอ้เข้หรือตะกวด”
“อ๊าย...แกซิอีหมาหัวเน่า” กนกกรเงื้อมือตบนันทนัชแต่นันทนัชจับมือเธอไว้ได้
“เดี๋ยวก็รู้ ว่าฉันจะเน่า หรือพวกเธอจะเน่าก่อนกัน” นันทนัชว่า
สองสาวมองหน้ากันแบบไม่มีใครยอมแพ้กัน
รณฤทธิ์เดินตามไม้เข้ามาในห้องทำงานของลิตร ฤทัยรออยู่กับรณฤทธิ์พอเห็นหน้าไกรภัทรเธอก็ใส่ทันที
“เรื่องพินัยกรรมว่ายังไง?” ฤทัยถาม
“ผมมาตามกับคุณนันให้แล้วครับ”
“ตามๆ แล้วมันได้รึปล่าว”
“คุณนันก็ยังยืนยันคำเดิม รอให้เลิกไว้ทุกข์เสียก่อน”
“เอ๊ะ! ก็ฉันบอกแล้วว่าไม่รอๆ”
“แต่ถ้าคุณนันยังยืนยันคำเดิม ต่อให้ผมตามยังไง ก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจคุณนันให้เอาพินัยกรรมออกมาก่อนเวลาได้”
“หมายความว่าพวกคุณไม่มีปัญญาทำอะไรได้ ทั้งๆที่แม่ผมเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายของเจ้าของเงินที่คุณกินเงินเดือนอยู่งั้นเหรอแล้วยังงี้มีสิทธิ์ไล่ออกไหมแม่ ห่ะ ไล่ออกได้ไหม”
“ไม่ได้ฉันก็จะไล่ออก เพราะฉันกำลังเดือดร้อน แต่พวกคุณกลับช่วยไม่ช่วยอะไรฉันเลย รู้ไหมว่าพอไม่มีคุณลิตรแล้วฉันเดือดร้อนแค่ไหน ค่าใช้จ่ายในบ้าน เงินเดือนคนใช้ ฉันต้องควักจ่ายเองทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งๆที่เมื่อก่อนเป็นหน้าที่ของคุณลิตรที่ต้องจ่าย ไอ้แค่เงินเดือนที่ตัดเข้าบัญชีทุกเดือนๆ ทั้งกินทั้งใช้ทั้งใช้จ่ายในบ้าน ฉันกับลูกจะพอกิน ได้ยังไง”
“เรื่องนี้ผมกับคุณพ่อรู้ครับ แล้วก็เป็นห่วง วันนี้คุณพ่อเลยให้ผมมาเชิญคุณฤทัยกับลูกรณคุณกิ๊บไปพบ คุณพ่อเตรียมเอกสารไว้ให้เซ็นคำร้องเพื่อเป็นหลักฐาน ในการขอเพิ่มเงินเดือนขึ้นเป็นเท่าตัว ระหว่างที่รอเปิดพินัยกรรมครับ”
ฤทัยกับรณฤทธิ์ถึงกับหูผึ่ง
“ห่ะ หมายความว่าจากที่ฉันได้เดือนละ3แสน ก็จะขึ้นเป็น6แสนน่ะซิ”
“ครับ แต่ถ้าวันนี้คุณฤทัยไม่ว่าง” ไกรภัทรบอก
“ว่างซิ ทำไมจะไม่ว่าง ไปซิตารณไปบอกยัยกิ๊บเตรียมตัวไปเซ็นด้วยกัน” ฤทัยบอก
รณฤทธิ์รีบเดินออกไป
“เอ๊า! นี่ก็ยืนอยู่ได้ ไปซีไม้ ไปเตรียมรถราไว้” ฤทัยว่า
“ครับ”
ไม้เดินออกไป ไกรภัทรแอบพอใจที่เป็นไปตามแผน
“แล้วทำไมเพิ่งมาบอกว่าทำได้ น่าจะบอกกันตั้งนานแล้ว”
หมวดเมธมาลากฤตพนธ์กับนันทนัช
“ผมให้ทางเจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานทั้งในและนอกบ้านไว้หมดแล้วครับ”
“ตกลงรู้หรือยังคะ ว่าไอ้โม่งหลุดรอดสายตารปภ.เข้ามาในบ้านได้ยังไง?” นันทนัชถาม
“มันหนีออกไปทางประตูหลัง อาจจะแอบเข้ามาทางนั้นก็ได้นะครับ”
“หรือไม่ก็มีคนในบ้านนี่แหละ เป็นคนพามันเข้ามา”
“ก็เป็นไปได้ทั้งหมดครับ แต่ไม่พบรอยนิ้วมือเลย”
“ก็มันวางแผนเตรียมการมาอย่างดี ใส่ทั้งหมวกไอ้โม่งใส่ทั้งถุงมือแต่ก็อย่างที่ให้ปากคำไป ผมมั่นใจว่ามันเป็นคนร้ายคนๆเดียวกับที่ดักทำร้ายคุณนันตอนที่กลับมาจากเมืองนอกวันแรก”
“ลักษณะการลงมือของคนร้ายเป็นมืออาชีพ คงมีคดีติดตัวอยู่บ้าง ขอให้ได้หลักฐานชัดเจนอะไรมาสักชิ้นนึง ผมมั่นใจว่า เราหาตัวคนร้ายได้ไม่ยากหรอก ถ้าคุณทั้ง2มีหลักฐานอะไรเพิ่มเติม รีบบอกผมนะครับ”
นันทนัชกับกฤตพนธ์พยักหน้ารับปาก
“ระวังตัวนะครับ ผมลาล่ะ” หมวดเมธตะเบ๊ะ
ธีร์เดินเข้ามาในร้านอาหาร เขาเห็นแฟนต้าคุยเครียดอยู่กับแม่ครัวคนหนึ่งด้วยสีหน้าเครียด
“มีเรื่องอะไรรึปล่าวต้า?”
แฟนต้ารีบบอกแม่ครัว
“ยังไงวันนี้ฝากเรื่องในครัวด้วยนะ เมนูไหนทำไมได้ ก็จำเป็นต้องบอกลูกค้าว่าหมด ไปทำงานเถอะค่ะ”
“ค่ะ”
แม่ครัวเดินไป ธีร์เลิกคิ้วมองแฟนต้าเป็นการถามย้ำ
“น้าทิพย์หายไปจากร้านตั้งแต่เมื่อคืนค่ะ วันนี้ทั้งวันไม่มีใครเห็นหน้าจนเปิดร้าน ก็ไม่มาทำงาน อาหารสดในครัวที่ขาด แกก็ไม่สั่งซื้อตอนนี้ในครัวเลยวุ่นกันใหญ่ ไม่มีของสดทำอาหาร”
“ลองโทรตามหรือยัง”
“โทรไปแล้ว แต่แกไม่เปิดเครื่อง จะไม่มาทำงานก็น่าจะบอกกันบ้างไม่ใช่ปิดมือถือหนี ทำแบบนี้แย่จริงๆ”
ธีร์คิดอะไรออก “ลองเข้าไปดูที่ห้องพักแกรึยัง?”
แฟนต้าไขกุญแจเปิดประตูเข้ามาในห้องพักของทิพย์แล้วก็พบว่าในห้องดูโล่งๆไป
“ทำไมในห้องดูโล่งๆไป”
ธีร์เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าออกแล้วก็พบว่าตู้โล่งไปหมด
“ไม่มีเสื้อผ้าอยู่ในตู้เลยสักชิ้น” ธีร์บอก
แฟนต้าปรี่เข้ามาดูด้วยอาการตกใจ
“ห่ะ! แกขนข้าวของเสื้อผ้าไปไหนหมดเนี่ยะ?”
ธีร์มองไปที่โต๊ะเครื่องแป้งเห็นซองจดหมายวางอยู่ เขาเดินมาหยิบซองจดหมายเปิดออกดูแล้วก็เข้าใจ
“คำตอบอยู่นี่!”
แฟนต้ารีบมารับจดหมายไปอ่านดู
“ลาออก! จะออกก็ทำกันดื้อๆแบบนี้น่ะเหรอ แล้วต้าจะไปหาแม่ครัวที่ไหนมาทำงานแทนได้ทัน”
“ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่มันอยู่ที่ว่า แกลาออกทำไม แล้วตอนนี้แกอยู่ที่ไหน?”
ใครบางคนแอบมองอยู่นอกประตูรั้วของเรือนรัตนะ โดยมองลอดผ่านซี่ประตูรั้วเข้าไป ฤทัยรีบกระวีกระวาดเดินออกมาจากบ้านพร้อมกนกกรและรณฤทธิ์มาขึ้นรถที่ไม้เปิดประตูรออยู่ คนๆ นั้นก็คือทิพย์ที่แอบดูอยู่ด้วยความแค้น
รปภ.ที่เฝ้าประตูอยู่ด้านในเห็นฤทัยจะออกนอกบ้านเลยเดินมาจะเปิดประตูรั้ว แต่สังเกตเห็นใครแวบๆอยู่ข้างนอก
“ใครอยู่ข้างนอกน่ะ?”
รปภ.เปิดประตูรั้วออกแต่ก็ไม่พบใครยืนอยู่ในมุมที่ทิพย์เคยยืน เสียงแตรรถดังขึ้น รปภ.สะดุ้งแล้วหันไปมองข้างหลังเขาเห็นไม้ขับรถเข้ามาจอดรออยู่ใกล้ๆ รปภ.รีบเปิดประตูให้แล้วโค้งหัวให้ ไม้ขับรถออกไปจากประตูรั้ว
ทิพย์เดินหลบมาทางกำแพงรั้วด้านหลัง แล้วเดินตรงมาที่ประตูเล็กด้านหลังอย่างคุ้นเคย ทิพย์จับมือจับประตูกดเปิดแต่ปรากฏว่าประตูล็อค ทิพย์ไม่รอช้า เธอล้วงพวงกุญแจทั้งพวงของเรือนรัตนะที่เธอแอบปั้มเก็บไว้ตั้งแต่อยู่ที่นี่และเป็นคนถือกุญแจของทุกห้องในบ้านออกมา ทิพย์เลือกหยิบกุญแจดอกหนึ่งอย่างไม่ลังเล เธอแทงกญแจเปิดล็อคประตูออกอย่างง่ายดาย เปิดประตูออกก่อนจะหันมองซ้ายมองขวาแล้วรีบผลุบหายเข้าไปแล้วปิดประตูไว้อย่างเดิม
ศรีกำลังยืนทำกับข้าวอยู่ที่เตาให้นันทนัชกับกฤตพนธ์ ศรีเดินเข้ามาเห็น
“แกทำอะไรน่ะ?”
“ฉันก็ทำกับข้าวให้คุณนันกับคุณกฤตกินน่ะซี”
“อีศรี! มึงนี่มันวอนจริงจริ๊ง หาเรื่องถูกคุณผู้หญิงเฉดหัวออกจากบ้านมึงโง่รึปล่าวไปไปรับใช้มันทำไม”
“ฉันทำงานอยู่ในบ้านหลังนี้ ฉันก็รับใช้ทุกคนนั่นแกแหละฉันไม่ใช่ชี้ข้าเลือกเลียเจ้านาย แล้วกับข้าวพวกนี้ คุณนันก็เป็นคนให้ตังค์ฉันไปซื้อมาทำ ไม่เกี่ยวอะไรกับของคุณผู้หญิง”
ระหว่างที่ทั้งสองเถียงกันอยู่ ทิพย์เดินมาหยุดฟังอยู่ที่ด้านหลังทั้งคู่อย่างเงียบๆ จึงได้รับรู้ว่าใครดี ใครร้าย
“ที่แกชะเลียนังนันนี่ คิดล่ะซีว่ามันจะได้มรดก แล้วแกจะได้เป็นขี้ข้าคู่ใจของมัน ฝันไปเถอะอีศรี กูนี่แหละจะร่วมมือคุณผู้หญิงช่วยขัดขวางทุกทางไม่ให้นังนันได้มรดกไป มึงจำใส่สมองเอาไว้เลย”
เดือนชี้นิ้วจิกหัวศรี ศรีปัดมือ ทิพย์มองจิกตาไปที่เดือนอย่างไม่ชอบใจ
“แกจะทำอะไรก็เรื่องของแก แต่ฉันไม่มีวันร่วมมือทำชั่วเด็ดขาด”
“เออ...อีคนดี กูจะรอดูวันที่มึงจนตรอกไม่มีจะกินเพราะความโง่ของมึง”
เดือนชะงักเพราะรู้สึกเหมือนมีใครยืนอยู่ข้างหลัง
“คะ...ใครอ่ะ? ใครยืนอยู่ข้างหลัง”
เดือนหันขวับไป แต่กลับไม่พบใคร ศรีก็หันมามอง
“ไหนอ่ะ? ไม่เห็นมีใครเลย”
“มีซิวะ ฉันรู้สึกจริงๆนะ เมื่อตะกี้มีคนยืนอยู่ข้างหลังฉัน”
“รู้สึกไปเองรึปล่าว หรือไม่ก็...ไปทำบาปอะไรไว้ ถึงมีวิญญาณมาคอยตามเอาคืน”
“อ้าย…อีบ้า! มาหลอกผีฉันทำไมเนี่ยะ คนยิ่งกลัวผีอยู่ด้วย”
เดือนยืนกลอกตามองไปทั่วห้องครัวอย่างกลัวๆ
ทิพย์ก้าวขึ้นบันไดไปช้าๆ กฤตพนธ์เดินตามคว้ามือนันทนัชไว้
“เดี๋ยวครับ! คุณลืมอะไรไปรึปล่าว?”
“ปล่าวนี่คะ”
“ยังจะปล่าวอีก ลืมสัญญาณที่คุณให้ไว้กับผมแล้วเหรอว่าถ้าผมช่วยคุณ คุณจะต้องไม่มีความลับกับผม”
ทิพย์ก้าวขึ้นบันไดมาเรื่อยๆ
นันทนัชงง
“ฉันก็ไม่มีความลับอะไรปิดคุณนี่”
“มีซี คุณไกรภัทรพาคุณไปคุยอะไรกัน2ต่อ2” กฤตพนธ์ว่า
นันทนัชยิ้มขำเพราะนึกอยากจะแกล้งกฤตพนธ์
“อ๋อ นึกว่าเรื่องอะไร ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอกค่ะ คุณไม่ต้องรู้ก็ได้” นันทนัชบอก
“คุณพูดแบบนี้ ผมยิ่งต้องรู้ให้ได้”
“แต่ฉันยังไม่อยากเล่าตอนนี้”
นันทนัชเดินหนี
“ขี้โกงเหรอ ถ้าไม่เล่า ผมไม่ให้คุณไปไหนทั้งนั้น”
กฤตพนธ์ตามคว้าตัวไว้จนนันทนัชมาอยู่ในอ้อมแขนของเขา นันทนัชมองสบตากฤตพนธ์อย่างเขินๆ
“นายไกรภัทรเค้าแปลกๆ เค้าทำเหมือนจะจีบคุณ ผมไม่ชอบเลยเวลาเห็นเค้าเข้าใกล้คุณ”
นันทนัชถามขำๆ “ทำไม คุณหึงฉันเหรอ?”
“ปล่าว!”
นันทนัชหน้าเสียไป
“ผมทั้งห่วงและหวงคุณ คำว่าหึงมันฉาบฉวยเกินไปสำหรับความรู้สึกของผมที่มีให้คุณในเวลานี้”
นันทนัชอึ้งมองกฤตพนธ์ หน้าทั้งคู่ขยับเข้ามาใกล้กันด้วยความรู้สึกรักที่มีให้กันเพิ่มขึ้นทุกวัน
นันทนัชหลับตารอรับจูบจากกฤตพนธ์ แต่เสียงทิพย์ดังขึ้น
“เล่นสมบทบาทไปรึปล่าวคะคุณกฤต”
กฤตพนธ์ชะงัก นันทนัชได้สติก็หันมามอง
“น้าทิพย์!”
นันทนัชผละจากมือกฤตพนธ์เดินโผเข้าไปกอดทิพย์ไว้อย่างดีใจ ขณะที่กฤตพนธ์ยืนมองอย่างแปลกใจ
“น้ามาได้ไงคะเนี่ยะ นันดีใจจริงๆที่เห็นน้ากลับมาบ้านหลังนี้อีก” นันทนัช
“น้าก็ดีใจมากค่ะ น้ารอวันที่จะได้กลับมาที่นี่ตลอดเวลา” ทิพย์ขมขื่น
“นันอยากจะพูดกับน้าว่า ต้อนรับกลับบ้านของเราเหลือเกินค่ะ”
“ยังค่ะ! ยังไม่ถึงเวลานั้น ตราบใดที่นังฤทัยกับลูกยังอยู่ในบ้านหลังนี้”
“แต่ตอนนี้3คนแม่ลูกนั่นไม่อยู่ ออกไปกันหมดเลย มาค่ะน้า นันจะพาไปเดินดูให้รอบบ้านเลย ให้หายคิดถึง”
“ค่ะ น้าก็อยากมองบ้านหลังนี้ให้เต็มตา หลังจากที่ได้แต่หลับฝันถึงมานาน”
นันทนัชจูงมือทิพย์ลงบันไดไป กฤตพนธ์มองตามแล้วก็รู้สึกแปลกใจที่อยู่ๆ ทิพย์ก็โผล่เข้ามาในบ้าน
เรือนริษยา ตอนที่ 20 (ต่อ)
ทิพย์เปิดประตูช้าๆเข้ามาในห้องทำงานของลิตร โดยมีนันทนัชตามมาข้างหลังแต่ทิพย์กลับไปจมอยู่กับอดีตอีกครั้ง ภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นภาพตอนที่เธอกำลังปลอบลิตรยามที่ท้อแท้หลังรำเพยยิงตัวตาย
ทิพย์กำลังช่วยปลุกใจให้ลิตรกลับขึ้นมาสู้ได้
“....... ทิพย์จะอยู่เคียงข้างเลี้ยงลูกให้คุณ เป็นกำลังใจ เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนกับที่ เคยทิพย์เคยสัญญาไว้ในวันแรกที่เข้ามาอยู่ที่นี่ ว่าจะซื่อสัตย์กับคุณ ตลอดไป”
ทิพย์พูดพลางทรุดนั่งลงซบกับเข่าของลิตรอย่างสุดแสนจะจงรักภักดี
ทิพย์แตะลงที่โต๊ะกินข้าว เธอมองไปยังเก้าอี้หัวโต๊ะที่ลิตรนั่งทานข้าวเป็นประจำนึกย้อนไป
ลิตรนั่งลงที่โต๊ะอาหาร เธอมองอาหารเช้าตรงหน้าที่ทิพย์เตรียมไว้ให้เป็นข้าวต้มเครื่องจัดพร้อมสำรับเครื่องปรุงอย่างดี ทิพย์เสิร์ฟถ้วยกาแฟให้ลิตรแล้วทำท่าจะเดินผละไป
“นั่งก่อนซิทิพย์ นั่งเป็นเพื่อนฉัน ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว”
ทิพย์นั่งลง ทิพย์ยื่นมือไปจับมือลิตรไว้แล้วพูดให้กำลังใจ
ทิพย์เดินเข้ามาแล้วมองไปรอบๆ บ้านที่แสนคิดถึงเปิดหน้าต่างมองออกไปเห็นมุมหน้าบ้าน เธอนึกย้อนไปวันแรกที่ลิตรพาเข้ามาอยู่ในบ้าน
ภาพเหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา รถของลิตรขับเข้ามาที่เรือนรัตนะ ทิพย์ลงจากรถ
“ขอให้เชื่อฟังทำตามที่ฉันบอก ซื่อสัตย์กับฉันทุกอย่างแล้วฉันรับรองว่าจะดูแลชีวิตทิพย์ต่อจากนี้ให้มีความสุขที่สุด”
ลิตรพูดพลางส่งสายตามัดใจทิพย์ ทิพย์ตกเป็นบ่าวที่ซื่อสัตย์ในกำมือลิตรโดยไม่ยาก
“ทิพย์ขอสาบาน ถ้าวันใดที่ทิพย์ไม่ซื่อสัตย์ต่อคุณลิตร ขอให้ทิพย์มีอันเป็นไปตายภายใน3วัน7วัน”
ลิตรยิ้มอย่างพอใจ เขายื่นมือจับมือที่พนมของทิพย์ไว้
“ไม่ต้องสาบานแล้ว ฉันเชื่อใจ ว่าทิพย์จะไม่มีวันทรยศฉันเด็ดขาด”
ทิพย์ยิ้มเขินอายเพราะแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยของลิตรก็ทำให้ทิพย์แทบสยบอยู่แทบเท้าเขาแล้ว
“เอาล่ะ ทิพย์พักอยู่ที่นี่ให้สบายนะ คิดซะว่ามันเป็นบ้านหลังใหม่ของทิพย์”
ทิพย์เปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วก็นึกย้อนไปถึงวันที่ตกเป็นของลิตร
วันนั้น....ลิตรจับคางทิพย์ขึ้นมาเชย
“ทิพย์รักชั้นรึเปล่า”
“ทิพย์...เต็มใจเป็นของชั้นนะ”
ลิตรจูบทิพย์แล้วล้มตัวลงนอน
ภาพความสุขนั้นถูกทำลายด้วยภาพความทุกข์ ความเก็บกดที่รุนแรงสารพัดที่ทิพย์ต้องเจออยู่ตลอดเวลาที่อยู่กับลิตรบ่งบอกว่าทั้งหมดนี้เปลี่ยนทิพย์คนเดิมให้กลายเป็นทิพย์อีกคน
ภาพเหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา
ลิตรตบทิพย์
ลิตรพาฤทัยเข้าบ้าน
ฤทัยข่มเหงทิพย์
ฤทัยมีความสุขในฐานะคุณนาย
ทิพย์กลับถูกลิตรลืม ปฏิบัติไม่ต่างจากคนใช้
ลิตรกระทืบชิด ไล่ทิพย์ออกจากบ้าน
ทิพย์ถูกไม้กับฤทัยรุมทำร้ายจนแท้ง
เหตุการณ์ปัจจุบัน นันทนัชกับกฤตพนธ์มองทิพย์แล้วเรียก
“น้าทิพย์คะ...น้าทิพย์”
“เป็นอะไรรึปล่าวครับคุณน้า”
ทิพย์หลุดจากภวังค์แล้วเงยหน้ามองทั้งคู่
“ทำไมเหรอคะ?”
“ก็ดูน้าซีคะ ยืนกำมือตัวสั่น หน้าแดงไปหมด”
ทิพย์ก้มลงมองแล้วก็พบว่าตัวเองยืนกำมือแน่นทั้งข้างจนสั่นเทาอย่างลืมตัวด้วยไฟรักไฟแค้นที่สุมแน่นอก ทิพย์คลายมือออกพร้อมกับแก้ตัว
“น้าตกใจน่ะซีคะ ที่เห็นข้าวของคุณกฤตอยู่ร่วมห้องกับคุณนันหวังว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะคะ”
ทิพย์พูดพลางหันมามองหน้ากฤตพนธ์
กฤตพนธ์สวน “ผมไม่ใช่นักฉกฉวยโอกาสนะครับคุณน้า”
กฤตพนธ์ตอบยิ้มๆแต่ทิพย์ไม่เล่นด้วย เธอพูดอย่างซีเรียส
“แต่หญิงกับชายอยู่ร่วมห้องนอนเดียวกันทุกคืนๆ อาจจะลืมตัวอารมณ์กระเจิดกระเจิงไปได้ คุณจะรับประกันได้ยังไงว่ามันจะไม่เกินเลยเข้าสักวัน”
“น้าทิพย์คะ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
กฤตพนธ์สวน “ผมเอาเกียรติลูกผู้ชายเป็นประกัน ว่าผมจะไม่ทำให้คุณนัน เสื่อมเสียหรือด่างพร้อยเด็ดขาด สิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนี้จะมีก็แต่...ความรักความห่วงใย”
นันทนัชมองหน้ากฤตพนธ์อย่างซาบซึ้งที่เขาพูดแบบนั้น แต่ทิพย์มีแววตาแอบร้ายก่อนจะรีบจับมือนันทนัชแล้วดึงความสนใจนันทนัชจากกฤตพนธ์โดยให้หันมามองตัวเอง แล้วพูดอย่างจริงจัง
“ไม่ได้นะคะ คุณนันจะยังรักใครไม่ได้”
“น้าทิพย์ครับ...” กฤตพนธ์จะแย้งแต่ทิพย์ไม่สน เธอรีบกดดันนันทนัช
“คิดซีคะว่าพ่อลิตรตายยังไง ฆาตกรยังลอยนวลเสวยสุขอยู่ในบ้านนี้ แล้วคุณนันจะหาความสุขใส่ โดยทิ้งหน้าที่ของลูกเหรอคะ”
“นันไม่ทิ้งหรอกค่ะน้า นันจะทุ่มเทชีวิตทั้งชีวิตของนัน เอาคนที่ฆ่าพ่อมาลงโทษให้ได้”
กฤตพนธ์ฟังแล้วรู้สึกทั้งเครียดทั้งเห็นใจที่เห็นนันทนัชจมปลักอยู่กับเรื่องนี้
“น้าอยากจะช่วยอะไรคุณนันให้มากกว่านี้ แต่น้าก็ทำอะไรไม่ได้ น้าขอโทษ...น้ามีชีวิตอยู่ซะเปล่า แต่ก็ให้คุณนันพึ่งไม่ได้”
ทิพย์บีบน้ำตาร้องไห้
“อย่าพูดอย่างงั้นซีคะน้าทิพย์ นันดีใจที่วันนี้ นันยังมีน้าทิพย์อยู่อีกคนไม่อย่างนั้น นันก็ไม่เหลือใครเลยจริงๆ อย่าร้องไห้นะคะน้าทิพย์นันสัญญาค่ะว่าจะหาพินัยกรรมให้พบเร็วที่สุด น้าทิพย์จะได้กลับมาอยู่
กับนัน นะคะ อย่าร้องไห้”
นันทนัชกอดทิพย์เพื่อปลอบโยนแต่กลับร้องไห้ไปด้วยดูเป็นภาพที่น่าสะเทือนใจ แต่กฤตพนธ์กลับไม่รู้สึกอย่างงั้น เขายืนเงียบๆ มองไปที่ทิพย์ รู้สึกได้ว่าทิพย์มีอะไรที่น่าสงสัย
เดือนเดินถือไม้ขนไก่ปัดๆ เช็ดๆ โดยทำงานแบบลวกๆ ด้วยความขี้เกียจๆ เดือนมองไปที่ห้องนอนลิตรพอเห็นทิพย์เดินออกมาก็ตกใจ
“ใครน่ะ!”
เดือนใช้ไม้ขนไก่ชี้พลางเดินเท้าเอวปรี่เข้ามา ทิพย์หันมามองหน้าด้วยแววตาดุ
ทิพย์พูดแบบเบาๆเข้มๆ เสียงรอดไรฟัน “อย่ามาชี้หน้าฉันนะนังไพร่”
เดือนถึงกับผงะเมื่อเจอกับสายตาเลือดเย็น
“ว้าย...ต๊ายตาย แกเป็นใครยะ บุกรุกเข้ามาในบ้านแล้วมาทำเป็นเบ่งใส่”
“พวกแกนั่นแหละบุกรุกบ้านฉัน พวกแกต้องชดใช้”
ทิพย์พูดพลางทำถลึงตาปรี่เข้าใส่ เดือนสัมผัสได้ถูกรัศมีเพชฌฆาตในตัวทิพย์ก่อนจะตกใจถอยหลังสะดุดล้มหงายลง “อ๊าย!”
นันทนัชกับกฤตพนธ์ตกใจจึงรับมาดู
“มีอะไรคะน้าทิพย์?”
“ปล่าวค่ะ แค่กำราบนังคนใช้นี่นิดหน่อย”
“อ๋อ...นี่แอบพาคนอื่นเข้ามาในบ้านเหรอเนี่ยะ เดี๋ยวคอยดูนะคุณผู้หญิงกลับมา ฉันจะฟ้อง”
“ไปฟ้องเลยอีบ่างช่างยุ ไป๊!”
ทิพย์ทำจะเดินเข้าหา เดือนตกใจรีบลุกวิ่งลงบันไดไป
“เดี๋ยวยัยแม่เลี้ยงฤทัยกลับมา คงได้มาอาละวาดนันสนุกแน่”
ทิพย์เปลี่ยนอารมณ์หันไปตีหน้าเศร้าได้เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
“น้าขอโทษค่ะที่มาทำให้คุณนันเดือดร้อน แต่น้ามาเพราะความเป็นห่วงแล้วก็คิดถึงเรือนรัตนะมาก”
“ปล่าวค่ะนันไม่ได้ว่าอะไรน้าสักหน่อย นันดีใจซะอีกที่เห็นน้าเข้ามาในบ้าน เดินอยู่ในบ้าน เหมือนวันเก่าๆที่นันเคยเห็นน้าดูแลบ้านนี้เป็นอย่างดี เหมือนเป็นบ้านของตัวเอง”
ทิพย์จับมือนันทนัชแล้วพูดกำชับ
“อย่ามัวเสียเวลากับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ทำสิ่งที่ควรทำ คิดซีคะคุณนันจะต้องอยู่ในห้องเล็กๆแบบนี้ในบ้านหลังใหญ่ของตัวเองไปอีกนานแค่ไหน จะอยู่อย่างนี้เหรอคะ น้าฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่คุณนันคนเดียวนะคะ”
“ภาระหนักอึ้งทั้งหมดอยู่ที่คุณนันคนเดียวเลยนะครับเนี่ย” กฤตพนธ์ว่า
กฤตพนธ์ทำเป็นพูดเปรยๆขึ้น ทิพย์ตวัดสายตามองมาที่กฤตพนธ์แต่ไม่ตอบโต้
“น้ากลับก่อนดีกว่าค่ะ”
ศรีกำลังวางจานช้อน จัดโต๊ะกินข้าวให้นันทนัชกับกฤตพนธ์ เดือนตาลีตาเหลือกลงมาจากชั้นบน
“อีศรีๆ”
“เป็นอะไรของแก เหมือนตกใจอะไรมา”
“ก็ยัยคุณนันน่ะซิ พาอีโรคจิตนั่นเข้าบ้านมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
“ใครวะ? ยัยโรคจิต”
“ฉันก็ไม่รู้ อยู่ๆก็เห็นมันอยู่ชั้นบนแล้ว มันมาตอนนี้”
“ก็คงมาตอนที่แกไม่เห็นนั่นแหละ”
“อีนี่!”
เดือนผลักหัวศรีอย่างฉุนจนหัวกระเซิง ศรีปัดผมมองค้อนอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่อยากมีเรื่องด้วย ตอนนั้นเองที่นันทนัชกับกฤตพนธ์เดินตามลงมาส่งทิพย์
“นั่นไงๆ...อีแก่นั่นไง” เดือนบอก
ศรีมองไปที่ทิพย์อย่างไม่คุ้นหน้าไม่รู้จัก แต่เห็นนันทนัชเดินจับมือจับไม้บ่งบอกถึงความสนิทสนม
“น้ามายังไงคะเนี่ยะ ให้นันไปส่งไหม?”
“ไม่ต้องลำบากคุณนันหรอกค่ะ”
ทิพย์หันมาจะปฏิเสธเพราะวางแผนมาอีกอย่างหนึ่ง แต่เสียงมือถือนันทนัชดังขึ้นพอดี
“เดี๋ยวนะคะ” นันทนัชมองโทรศัพท์ “ต้าโทรมาค่ะ” นันทนัชรับสาย “ฮัลโหล ว่าไงต้า?”
ทิพย์แอบหงุดหงิดที่แฟนต้าโทรมาตอนนี้
แฟนต้ายืนพูดสายอยู่ใกล้ๆธีร์
“มีข่าวไม่ค่อยดีมาบอกว่ะ”
นันทนัชแปลกใจ
“เรื่องอะไร?”
“น้าทิพย์ลาออกจากที่ร้านฉัน ทิ้งจดหมายไว้ แล้วตัวแกก็หายไป” แฟนต้า
“ไม่ได้หายไปไหนหรอก ตอนนี้น้าทิพย์อยู่ที่บ้านฉัน”
กฤตพนธ์ฟังแล้วปะติดปะต่อเรื่อง เขาแอบมองทิพย์แล้วก็เห็นสีหน้าทิพย์ไม่ใส่ใจ กฤตพนธ์เดินปลีกตัวไปดูโน่นดูนี่ภายในบ้าน
“อ้าวเหรอ น้าทิพย์ไปหาแกที่บ้านเหรอ?”
แฟนต้าพูดพลางหันมามองธีร์ ธีร์ที่นั่งเอกเขนกอยู่เมื่อครู่ลุกขึ้นหันมามองด้วยความสนใจทันที
“แค่แวะมาเยี่ยมน่ะ ไว้ฉันจะโทรกลับไปคุยด้วยใหม่ เรื่องที่น้าทิพย์ลาออกไว้จะถามให้ แค่นี้ก่อนนะ”
“เดี๋ยวๆนัน...ฮัลโหล!”
“ยังอยู่! ว่าไง มีอะไรอีก?”
“ฉันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้ว่ะ มันแปลกๆ แกระวังตัวด้วยนะนัน”
“ระวังตัวเรื่องอะไร ฉันว่าแกนั่นแหละพูดแปลกๆ”
กฤตพนธ์ฟังแล้วนึกย้อนไปถึงคำพูดของธีร์ที่เคยบอกไว้
เหตุการณ์ในอดีต ธีร์พูด “ผมเพิ่งกลับมาเมืองไทย ไม่มีปัญหากับใครหรอก แต่ถ้าจะมี...”
กฤตพนธ์หันมามองหน้าธีร์อย่างสนใจ
“ก็คงจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับนัน”
“ทำไมเหรอครับ?”
“ผมไม่ไว้ใจน้าทิพย์ ผมก็เลย...แอบสืบเรื่องน้าทิพย์อยู่”
กฤตพนธ์ตัดสินใจที่จะสืบเรื่องทิพย์ให้หายสงสัยเลยบอกกับทิพย์
“เดี๋ยวผมไปส่งคุณน้าเองครับ ว่าจะออกไปทำธุระที่แบงค์อยู่พอดี”
ทิพย์ที่กำลังยืนมองรูปฤทัยกับลูกทั้งสองอยู่ชะงักทันที ทิพย์มีแววตาพอใจที่เป็นไปตามแผน เธอหันไปยิ้มน้อยๆ
“ถ้าคุณจะออกไปธุระอยู่แล้ว งั้นขอติดรถไปด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีไปส่งให้ถึงที่เลย คุณนันจะได้ไม่เป็นห่วง”
“แต่ตะกี้ต้าโทรมาบอกว่าน้าลาออกจากที่ร้านแล้ว น้าไปอยู่ที่ไหนคะ”
“ก็ไปเช่าอพาร์ตเม้นท์อยู่น่ะค่ะ ไม่ต้องห่วงน้าหรอก”
“น้าลาออกทำไมคะ มีเรื่องอะไรรึปล่าว ท่าทางต้าเค้าไม่สบายใจ”
“ไม่มีอะไรนี่คะ น้าเบื่อทำอาหารแล้ว น้าก็ลาออก”
“น้าทำงานมานานคงจะเหนื่อยมาก หยุดพักผ่อนก็ดีเหมือนกันค่ะงั้นรอเดี่ยวนะคะ นันจะไปเอาเงินมาให้”
“ไม่ค่ะ น้าไม่รับเงินของคุณนัน”
“แค่นิดๆหน่อยๆเองค่ะน้าทิพย์ ให้นันได้ตอบแทนน้าบ้าง”
“ถ้าอยากตอบแทนน้า รีบหาพินัยกรรมให้เจอเร็วๆซีคะ นั่นแหละค่ะ คุณนันได้ตอบแทนน้าแล้ว”
กฤตพนธ์ขับรถพาทิพย์นั่งเคียงข้างมาในรถ ทิพย์นั่งนิ่งเงียบหันมองไปนอกหน้าต่างเหมือนไม่อยากจะสนทนากับกฤตพนธ์ กฤตพนธ์แอบเหล่มองทิพย์ ขณะที่สายตาทิพย์แอบเกลียดชังกฤตพนธ์ที่เข้ามาเกะกะวุ่นวายจนอยากจะกำจัดทิ้งไปให้พ้น
“คุณน้าออกมาเช่าอยู่คนเดียว ไม่กลัวเหรอครับ”
กฤตพนธ์ตัดสินชวนคุย
“กลัวอะไรคะ ฉันอยู่คนเดียวมาจนชิน คนเยอะๆซิ น่ากลัวมากกว่าไม่รู้ว่าใครหวังดีหวังร้ายกับเรากันแน่” ทิพย์บอก
“คุณนันรักและเป็นห่วงคุณน้ามากเลยนะครับ” กฤตพนธ์บอก
“หึ แน่นอน เพราะ2มือของฉันเลี้ยงดูอุ้มชูป้อนข้าวป้อนน้ำคุณนันมาตั้งแต่คุณนันแค่3เดือนจนโตเป็นสาว เป็นเหมือนแม่แท้ๆก็ว่าได้”
“ถ้าคุณน้าอยากหาที่อยู่ใหม่ หรืออยากให้ผมช่วยอะไร ก็บอกนะครับผมยินดี”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ชอบรบกวนใคร เท่าๆกับที่ไม่ชอบให้ใครมารบกวนฉัน”
กฤตพนธ์อึ้งไปเลย
“จอดที่ปากซอยข้างหน้านี่แหละค่ะ ฉันจะลงตรงนั้น”
“ได้ครับ”
กฤตพนธ์ขับรถเข้ามาจอดริมฟุตบาท
“ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง”
ทิพย์พูดพลางเปิดประตูลงจากรถโดยที่กฤตพนธ์ไม่ทันตอบรับด้วยซ้ำจนกฤตพนธ์ต้องรีบเปิดประตูลงจากรถมาถาม
“เดี๋ยวครับคุณน้า”
ทิพย์หยุดเดินโดยที่ไม่ได้หันหน้าไป สีหน้าทิพย์แอบยิ้มรู้ว่ากฤตพนธ์ต้องตามมาแน่
“มีอะไรอีกคุณ?”
“เอ่อ...ที่พักอยู่ลึกไหมครับ ให้ผมเดินไปส่ง”
“ไม่ต้อง ฉันเดินไปเองได้”
ว่าแล้วทิพย์ก็ออกเดินต่อไป
“เอ่อ...จะไม่บอกหน่อยเหรอครับว่าบ้านเลขที่เท่าไหร่ อยู่ตรงไหนเผื่อคุณนันคิดถึงอยากมาหา” กฤตพนธ์บอก
ทิพย์รีบจ้ำอ้าวเพื่อหลอกล่อ กฤตพนธ์ยืนมองทิพย์เดินห่างออกไปด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ทิพย์เดินเลี้ยวเข้ามาในซอยย่อย กฤตพนธ์โผล่ออกมามองแล้วแอบเดินสะกดรอยตามมาห่างๆ ทิพย์หยุดแวะซื้อขนม2ชิ้นที่ขายอยู่หน้าร้านของชำ กฤตพนธ์ต้องรีบหลบเข้าหลังเสาไฟ ทิพย์จ่ายเงินแล้วรับเงินทอน ตาแอบชำเลืองไปยังกฤตพนธ์ที่หลบอยู่ก่อนรีบหันเดินลึกเข้าซอยต่อไป กฤตพนธ์โผล่ออกจากเสามามองก็เห็นทิพย์เดินลิ่วไปแล้วก่อนจะรีบตามไป
กฤตพนธ์เดินหันมองหาทิพย์ที่คลาดสายตาไปมาหยุดยืนเท้าเอวถอนใจ
“หายไปไหนแล้วเนี่ยะ เดินเร็วจริงๆ”
กฤตพนธ์หันมองไปอีกทางก็เห็นทิพย์กำลังเดินตรงไปที่อพาร์ตเม้นท์เก่าๆ สูงราว10ชั้น แล้วทิพย์ก็เดินเข้าอพาร์ตเม้นท์ไป กฤตพนธ์รีบวิ่งตามไปทันที
กฤตพนธ์รีบวิ่งเข้ามาในอพาร์ตเม้นท์ชั้นล่าง ภายในอพาร์ตเม้นท์ไม่ค่อยมีคนและดูโทรมๆร้างๆแบบห้องเช่าราคาถูก ไม่มีแม้แต่ลิฟท์ กฤตพนธ์มองหาไม่เห็นทิพย์ เลยตัดสินใจวิ่งขึ้นบันไดไป
กฤตพนธ์วิ่งขึ้นบันไดมาชั้นสอง เขาหยุดยืนมองซ้ายขวาก็เห็นหลังทิพย์เดินแวบอยู่ที่สุดตึก กฤตพนธ์รีบเดินตามไปเงียบๆ กฤตพนธ์เดินผ่านห้องเก็บของไป ประตูห้องเก็บของค่อยๆเปิดออกมา สมหมายที่มาดักรออยู่โผล่หน้ามองตามกฤตพนธ์ไป
กฤตพนธ์เดินตามมาจนสุดตึกก็พบว่าเป็นบันไดหนีไฟ เขาเห็นประตูหนีไฟขึ้นชั้น3เปิดอ้าอยู่ กฤตพนธ์จึงตัดสินใจเดินขึ้นชั้น3 สมหมายเดินเหี้ยมๆมาโดยไม่ใส่หมวกไอ้โม่งปกปิดใบหน้าอีกต่อไป ร่องรอยบาดแผลที่สู้กับกฤตพนธ์ยังอยู่บนใบหน้า สมหมายเดินมาถึงประตูหนีไฟก็ชักปืนออกโตเมติกสีเงินวาบวั๊บที่เหน็บเอวออกมาแล้วยิ้มมั่นใจว่าเก็บกฤตพนธ์ได้แน่ๆ
“มึงขึ้นไปรอเลย เดี๋ยวกูตามไปสงเคราะห์ให้”
ทิพย์เดินออกมาจากทางออกประตูหนีไฟที่อยู่ด้านหลังของอพาร์ตเม้นท์ ทิพย์เดินมาหยุดยืนที่หน้าตึกก่อนจะเงยหน้ามองขึ้นไปบนตึกอพาร์ตเม้นท์
“อยากแส่ไม่เข้าเรื่อง สมควรตาย ไม่มีแกซะคน คุณนันก็ไม่เหลือใครอีกแล้ว จะมีแค่ฉันคนเดียว หึๆ”
ทิพย์ยืนมองอยู่หน้าอพาร์ตเม้นท์ โดยปล่อยให้กฤตพนธ์เผชิญชะตากรรมอยู่ในตึก
กฤตพนธ์ผลักประตูหนีไฟออกมาที่ชั้น3 เขามองไปที่ทางเดินหน้าห้องยาวๆ แต่ก็ไม่เห็นทิพย์ ชายแก่คนหนึ่งเดินออกจากห้องมาทิ้งถุงขยะ เขารีบเข้าไปถาม
“ลุงครับ!”
ชายแก่หันมามอง
“รู้จักผู้หญิงที่ชื่อทิพย์ป่าวครับ เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ เค้าเช่าอยู่ชั้นนี้รึปล่าว”
ชายแก่ยกมือส่ายหน้า “ไม่มีอ่ะ”
ชายแก่หันหลังเดินกลับ ผู้หญิงรุ่นป้าคนหนึ่งเดินสวนมา
กฤตพนธ์เรียก “พี่สาวครับ”
หญิงรุ่นป้าถึงกับหยุดส่งยิ้มให้
“รบกวนถามหน่อยครับ รู้จักผู้หญิงที่ชื่อทิพย์ป่าวครับตัวเล็กๆ ผมสั้นๆ ผมเห็นเดินขึ้นมาชั้นนี้”
“ทิพย์เทปอะไร ไม่มีหรอก ไม่เคยได้ยินชื่อ”
“เอ่อ....” กฤตพนธ์จะถามต่อ แต่หญิงรุ่นป้าก็เดินผละไปแล้ว กฤตพนธ์หันไปมองอย่างอ่อนใจ
และแล้วก็เห็นสมหมายเดินสวนหญิงรุ่นป้ามาแต่ไกลพร้อมกับยกปืนเล็งมาที่เขา
“เฮ้ย!” กฤตพนธ์ตกใจ
ไวเท่าความคิด กฤตพนธ์รีบกระโจนหลบเข้าหลังเสา ปังๆๆ สมหมายลั่นไกยิงปืนออโตเมติคมา ถูกหลังเสาและเศษปูนกระจุยกระจาย หญิงสาวรุ่นป้าร้องกรี๊ด ขณะที่ชายแก่นั่งก้มงุดอยู่กับพื้น สมหมายเดินปรี่เข้าไปที่เสาที่กฤตพนธ์นั่งหลบอยู่
กฤตพนธ์รู้ดีว่าสมหมายต้องจู่โจมโดยเข้ามายิงซ้ำแน่ๆ แต่ตัวเองมีแต่มือเปล่าจึงหันไปมองรอบตัวก็พบว่ามีแต่ถังขยะเล็กๆกับถุงขยะ ไม่มีอะไรเป็นอาวุธได้เลย
สมหมายเดินกำปืนแน่นเข้ามาใกล้ กฤตพนธ์ที่กำลังหันมองหาอาวุธก้มลงมองเข็มขัดของตัวเอง
สมหมายเดินมาถึงเสาแล้วจ่อปืนจะยิงไปที่หลังเสา แต่ก็เจอเข็มขัดหนังในมือกฤตพนธ์ตวัดฟาดแขนทำให้กระสุนที่ยิงพลาดเป้า กฤตพนธ์ตวัดหัวเข็มขัดฟาดใส่แขน ไหล่ ตามด้วยหน้าอกและหน้าสมหมายอย่างรวดเร็ว ทำให้สมหมายเจ็บจนผงะหลังชนฝา กฤตพนธ์ต่อยซ้ำจนสมหมายร่วงหลังไถลลงมานั่ง แม้แขนข้างหลังเจ็บแต่สมหมายกำปืน2มือยิงเข้าใส่ ปังๆ
กฤตพนธ์ผงะเอี้ยวตัวหลบใช้เสาปังได้อย่างฉิวเฉียด แล้ววิ่งหนีกลับไปทางบันไดหนีไฟอีกครั้ง
“มึงจะหนีไปไหน!” สมหมายว่า
สมหมายทิ้งตัวลงนอนโผล่มาจากเสายิงใส่กฤตพนธ์ที่กำลังวิ่งไปถึงประตูหนีไฟ ปังๆๆกระสุนพลาดเป้าแต่ก็ช่วยสกัดไม่ให้กฤตพนธ์เปิดประตูหนีลงบันไดชั้นล่างได้ กฤตพนธ์ตัดสินใจวิ่งขึ้นบันไดหนีไฟชั้นบน สมหมายฉุนขาด เขาลุกขึ้นวิ่งถือปืนก่อนจะสะบัดไหล่ที่เจ็บแล้ววิ่งขึ้นบันไดตามไป
กฤตพนธ์วิ่งหนีขึ้นบันไดหนีไฟมา โดยมีสมหมายวิ่งตามขึ้นมา สมหมายยิงขึ้นมาเป็นชุด กฤตพนธ์ขยับวิ่งชิดผนังทำให้รอดไปได้อย่างฉิวเฉียด
“มึงหนีกูไม่รอดหรอกวันนี้”
กฤตพนธ์สาวเท้าวิ่งขึ้นบันไดสูงขึ้นไปอีก สมหมายไล่ยิงขึ้นมากระสุนเฉี่ยวเท้าไปฉิวเฉียด กฤตพนธ์ทำเข็มขัดร่วงจากมือ ตกทิ้งไว้ที่พื้น
“เวรเอ้ย!”
สมหมายวิ่งพลางปล่อยแมกกาซีนเก่าใส่แมกกาซีนปืนใหม่
กฤตพนธ์วิ่งมาเจอพวกกล่องถังสีเก่าที่ถูกทิ้งไว้แถวบันได เลยทั้งโยนทั้งกลิ้งลงมาใส่สมหมาย ขณะที่กำลังยกปืนยิงใส่ สมหมายทั้งยิงทั้งหลบ เลยพลาดเป้า แถมสีที่ค้างในถังยังกระเด็นเลอะใส่เสื้ออีกเลยยิงฉุนขาด กร๊าดยิงใส่เป็นชุด
“มึงตาย...อ๊ากก”
กฤตพนธ์วิ่งขึ้นบันไดไป
กฤตพนธ์วิ่งหนีกระสุนที่ปลิวว่อนขึ้นมาจนถึงประตูดาดฟ้า เขาวิ่งดันประตูออกมาได้แล้วก็ปิดประตูแล้วจะล็อคประตู แต่ปรากฏว่าประตูเก่าแถมที่ล็อคเป็นสนิม ห้อยต่องเต่ง ทำให้ล็อคไม่ได้ กฤตพนธ์หันไปมองหาอะไรมาขวางดักประตูแต่ก็ไม่พบ กฤตพนธ์ได้แต่ยืนพิงประตูอย่างอ่อนใจ แต่แล้วสมหมายก็ยิงเข้าใส่ประตูปังๆๆ กฤตพนธ์ต้องวิ่งผละมาจากประตูออกไป ประตูเป็นรูกระสุน4รู สมหมายถีบประตูจนประตูร่วงโครม สมหมายก้าวเข้ามายืนถือปืนแล้วยิ้มเหี้ยม
“ก่อนมึงจะมาที่นี่ ได้ร่ำลาลูกสาวนายลิตรหรือยังวะถ้ายัง ...ฮ่ะๆๆ อีนั่นคงคอยมึงเก้อ มันจะไม่ได้เห็นหน้ามึงอีกแล้ว”
กฤตพนธ์ยืนแอบอยู่ที่หลังแท้งค์น้ำ
นันทนัชแหวกผ้าม่านมองออกไปนอกหน้าต่าง พอห่างกฤตพนธ์ เธอก็คิดถึงเขา ศรีเดินเข้ามา
“กับข้าวเย็นหมดแล้วนะคะ ไม่ทานก่อนเหรอคะคุณนัน”
“ฉันยังไม่หิวหรอก รอคุณกฤตกลับมาก่อนก็แล้วกันไปส่งน้าทิพย์ถึงไหนน้า ไปนานจัง”
“แหม...รักกันขนาดนี้ น่าจะรีบแต่งงานกันเร็วๆนะคะ” ศรีบอก
“เอ่อ...แต่งงานเลยเหรอ?”
“คุณนันจะได้มีความสุขไงคะ ไม่ต้องมาทนทุกข์ รำคาญใจอยู่ในบ้านแบบนี้”
“ฉันยังแต่งงานไม่ได้หรอกศรี ฉันทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านหลังนี้ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ฉันมีหน้าที่ต้องจบเรื่องของพ่อลิตรให้ได้ซะก่อน”
ศรีมองนันทนัชอย่างเห็นอกเห็นใจ นันทนัชหันกลับมองออกไปนอกหน้าต่างแบบรอคอยกฤตพนธ์อีกครั้ง ศรีเดินผละไป อยู่ๆคำพูดของกฤตพนธ์ก็ดังขึ้นในหัวใจของนันทนัช
“ผมทั้งห่วงและหวงคุณ คำว่าหึงมันฉาบฉวยเกินไปสำหรับความรู้สึกของผมที่มีให้คุณในเวลานี้”
นันทนัชยิ้มน้อยๆแต่รู้สึกอบอุ่นใจเป็นที่สุด
นันทนัชพูดเบาๆ “รีบกลับบ้านนะคะคุณกฤต ฉันรอคุณอยู่”
สมหมายเดินถือปืนมองหากฤตพนธ์ ท่ามกลางเสื้อผ้าที่ตากอยู่ที่ราวบนดาดฟ้า
“แกออกมาเถอะ หนีก็ตาย ไม่หนีก็ตาย หนีให้มันเหนื่อยเปล่าๆ”
สมหมายเห็นอะไรเคลื่อนไหวแวบๆอยู่ข้างๆ จึงหันไปยิงแต่กลายเป็นแผ่นสังกะสีที่ถูกลมโกรกจนขยับไปมา สมหมายจึงหัวเสีย
จังหวะนั้นเองที่กฤตพนธ์โผล่มาข้างหลังพร้อมท่อนไม้หน้าสามที่หาได้บนดาดฟ้าแล้วกระโดดตีสมหมายทันที สมหมายหันมาพอดีก็จะยิง แต่ไม้ก็ฟาดไปที่มือสมหมายทำให้สมหมายเจ็บจนปล่อยปืนร่วงจากมือ ขณะที่มือก็หักเพราะค่อนข้างเปราะ
“อ๊าก” สมหมายร้องลั่น
ต่างคนต่างชะงัก สมหมายก้มลงมองปืนที่ตกอยู่ที่พื้น กฤตพนธ์มองไม้ที่หักเป็น2ท่อนคามือ สมหมายต่อยกฤตพนธ์หนึ่งหมัด กฤตพนธ์ก็สวนพร้อมกันหนึ่งหมัด ต่างคนต่างหน้าหงาย แล้วกระโจนไปแย่งปืนพร้อมกัน
สมหมายตะปบปืนได้ก่อน แต่มือกฤตพนธ์ตามมาตะปบมือสมหมายอีกที ทั้งคู่นอนกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ที่พื้น มือข้างหนึ่งยื้อแย่งปืนไว้ ส่วนอีกข้างก็ต่อยกัน ทั้งสองกลิ้งกันแบบผลัดกันได้เปรียบเสียเปรียบ และแล้วกฤตพนธ์ก็พลาดท่าถูกต่อยจนนอนมึน แล้วสมหมายก็พลิกขึ้นมาอยู่บนกฤตพนธ์ได้
สองมือสมหมายกำปืนพยายามกดลงมาส่องที่หน้ากฤตพนธ์ ขณะที่กฤตพนธ์แม้จะมึนก็พยายามกัดฟันใช้สองมือสู้แรงง้างงัดกับมือสมหมาย สมหมายงัดไปยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียมไป
“ทำไม๊...มึงไม่อยู่ของมึงดีๆ อยู่หล่อๆรวยๆของมึงไปวันๆหมูเค้าจะหามดันเสือกเข้ามาสอด มึงก็เลยต้องถูกยิงทิ้งอย่างหมา”
“อึ๊บ...ใครส่งมึงมา...นายรณ...หรือใคร” กฤตพนธ์ว่า
“อยากรู้ความจริงก่อนตายงั้นเหรอ กูไม่บอกมึงหรอก เก็บเป็นปัญหาเชาว์ ให้มึงไปคิดในนรก มึงจะได้ไม่เหงาไง ฮ่ะๆๆๆ มึงตาย”
สมหมายกดปลายกระบอกปืนลง กฤตพนธ์พยายามงัดขึ้น
กฤตพนธ์ร้อง “อ๊ากก”
สมหมายแรงเยอะกว่าจึงได้เปรียบกว่า เขากดปลายกระบอกปืนลง กฤตพนธ์เหมือนจะหมดแรงและกำลังจะพ่ายแพ้ ขณะที่สมหมายกำลังจะเหนี่ยวไกจะยิง กฤตพนธ์ก็กัดฟันใช้แรงเฮือกสุดท้ายยกเข่าคู่ขึ้นงัดสมหมายขึ้นถีบเสยไปข้างหลัง
“ปัง” สมหมายลั่นไก กระสุนเฉี่ยวหูกฤตพนธ์ไปจนแทบหูดับ ร่างสมหมายถูถีบจนเซไปที่ขอบตึกที่อยู่ใกล้ๆ ร่างสมหมายไปชนกับผนังขอบปูนจนร่วงตกลงจากตึกพร้อมกับปืนที่ยังกดลั่นไกยิงสวนขึ้นมาเพราะความตกใจ ตามด้วยเสียงปืนปังๆๆๆ
สมหมายร้องลั่น “อ๊าก”
“ห่ะ!” กฤตพนธ์รีบลุกอย่างเซๆมุนๆหูอื้อๆเดินไปชะโงกอยู่ที่ขอบตึก สมหมายนอนคว่ำจมกองเลือดอยู่เบื้องล่าง กฤตพนธ์รีบวิ่งไปที่ประตูดาดฟ้าเพื่อลงไปดู
ทิพย์มองไปยังร่างสมหมายที่นอนตายอยู่หน้าตึกอย่างตกใจและเจ็บใจ
“ไอ้มือปืนกระจอก แค่คนๆเดียว ทำไมมึงฆ่ามันไม่ได้”
สีหน้าของทิพย์แค้นมาก ผู้คนเริ่มออกมาดูโดยวิ่งผ่านทิพย์ไป
บรรดาไทยมุงเริ่มเดินเข้ามาล้อมดูศพ ไทยมุงผู้หญิงส่งเสียงกรีดตกใจสยดสยอง
กฤตพนธ์วิ่งออกมาจากตึกโดยแหวกเหล่าไทยมุงที่ล้อมศพสมหมายเข้ามา
“ขอทางหน่อยครับ ขอทางหน่อย ผมเป็นเจ้าหน้าที่”
กฤตพนธ์แหวกมาถึงก็รีบเช็คดูแล้วก็พบว่าสมหมายสิ้นล้มไปแล้วทั้งๆที่ตายังค้าง ปืนตกอยู่ใกล้ๆ กฤตพนธ์ทรุดลงนั่งถอนใจ โดยไม่รู้ว่าทิพย์ยืนมองอยู่ด้านหลังด้วยสายตาที่มองจ้องที่แสนอาฆาต
“มันสมควรตายแล้ว แล้วแก...ก็เป็นรายต่อไป”
กฤตพนธ์รู้สึกได้ยินเสียงแว่ว เขาเงยหน้าขึ้นมองเหล่าไทยมุงก่อนจะลุกขึ้นหันมามองด้านหลัง แต่ทิพย์หายไปแล้ว กฤตพนธ์ชะเง้อมองหาอย่างแปลกใจกับเสียงแว่วๆที่ได้ยิน แต่ตอนนั้นกฤตพนธ์ได้ยินเหมือนสัญญามือถือสั่นเบาตืดๆ อยู่ในร่างสมหมาย
กฤตพนธ์หันกลับมองหาที่ตัวสมหมาย แล้วก็เห็นว่ามีอะไรสั่นอยู่ในกระเป๋าแจ๊กเก็ต กฤตพนธ์ดึงผ้าเช็ดหน้าตัวเองออกมาพันมือตัวเองแล้วค่อยๆรูปซิบหยิบมือถือออกมาดูก็เห็นสายโทรเข้ามา แต่มีแต่เบอร์โทร ไม่มีชื่อ กฤตพนธ์ไม่ยอมรับสายเพราะไม่อยากให้ปลายสายไหวตัวทันจนสายหยุดไป
เชนกดวางสายด้วยความหงุดหงิดร้อนใจ
“ทำไมไม่รับสายวะ ตกลงมันฆ่าไอ้กฤตได้หรือยังวะ”
ทันใดนั้นก็มีสายโทรเข้ามา เชนเห็นชื่อแล้วรีบรับสาย
“ฮัลโหล!”
ไกรภัทรนั่งพูดหน้าเครียดอยู่ในรถ
“แผนเราล้มเหลว”
เชนพูดสายด้วยท่าทางเดินไปมาราวหนูติดจั่น
“หมายความว่าไงล้มเหลว?”
“ก็หมายความว่าลูกน้องคุณมันห่วยแตก มันเก็บไอ้กฤตไม่ได้”
“เฮ้ย! ล่อไปเดี่ยวๆแบบนั้น ไอ้สมหมายไม่น่าปล่อยให้มันรอดได้”
“คนที่ไม่รอดคือลูกน้องคุณ” ไกรภัทรว่า
เชนตกใจ “ห่ะ...ไม่จริง!”
“คุณทิพย์เห็นมันร่วงตกจากตึกมาคาตา โทรมาบอกตะกี้ลูกน้องคุณมันตายแล้ว”
ไกรภัทรวางสายด้วยความหัวเสีย เชนปาโทรศัพท์ไปที่ผนังแตกกระจายอย่างสุดแค้น
“ไอ้กฤต”
ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุแล้วพยายามกันเหล่าไทยมุงออกห่าง ตำรวจกำลังยืนถามและบันทึกปากคำสมหมาย ชายแก่และผู้หญิงรุ่นป้าที่เป็นพยานเห็นเหตุการณ์สมหมายพยายามฆ่ากฤตพนธ์ ตำรวจอีกชุดหนึ่งกำลังถ่ายรูปและเก็บหลักฐานที่ศพสมหมาย
กฤตพนธ์นั่งอยู่ที่ท้ายรถพยาบาล พยาบาลปฐมพยาบาลบาดแผลถลอกฟกช้ำจากการต่อสู้กับสมหมาย โดยมีหมวดเมธยืนอยู่ใกล้ๆ โดยกำลังเช็คดูโทรศัพท์มือถือของสมหมาย
“เบอร์สุดท้ายที่โทรมาหาคนร้าย เป็นเบอร์ที่คนร้ายติดต่อด้วยบ่อยมากแค่วันนี้วันเดียว ติดต่อหากันถึง7ครั้ง”
“แต่กลับไม่ยอมเม็มชื่อเอาไว้ในเครื่อง เหมือนต้องการเซฟไม่ให้ใครรู้ว่าเป็นใคร” กฤตพนธ์บอก
“แต่มันเช็คไม่ยากหรอกผู้พัน แค่มีเบอร์โทร ก็เช็คได้แล้วว่าเจ้าของเครื่องเป็นใคร” หมวดเมธว่า
“ถ้างั้นหมวดรีบเช็คให้ผมเดี๋ยวนี้เลยได้ไหมครับ ถ้าเป็นคนที่ผมรู้จักเราจะได้รวบผู้บงการได้ทัน ก่อนที่มันจะไหวตัวหนีไป”
“ผมจะลองดูนะครับ”
หมวดเมธยกมือถือของตัวเองโทรหาตำรวจในกองพิสูจน์หลักฐานทันที
“ฮัลโหล...ผมมีเบอร์โทรในมือถือของคนร้ายที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุให้รีบช่วยเช็คหาเจ้าของเครื่องให้หน่อย”
ภานุรีบเดินเข้ามาที่เกิดเหตุแล้วหยุดมองศพสมหมายแล้วเดินเข้ามากฤตพนธ์
“เฮ้ย...ไม่เป็นไรมากใช่ไหมพ่อพระเอก”
“ก็เกือบเสร็จมันไปแล้ว”
“ฉันว่าไอ้นั่นมันชะตาขาดตั้งแต่คิดจะเก็บแกแล้วว่ะไอ้มือฆ่านั่นมันหน้าคุ้นๆว่ะ ถ้าหน้ามันไม่เละ ฉันอาจจะจำได้ว่าเคยเห็นมันที่ไหน”
“มันชื่อสมหมาย...ลูกน้องไอ้เชนไง” กฤตพนธ์ว่า
“เออใช่ งั้นก็แปลว่าไอ้เชนส่งลูกน้องมาเก็บแกน่ะซิ”
“ฉันกับมันไม่เคยมีเรื่องโกรธแค้นอะไรกันมาก่อน”
“ลืมไปแล้วเหรอ เราเกือบลากคอมันเข้าคุกตอนไปทลายบ่อนลอยฟ้า” ภานุว่า
“เรื่องแค่นี้ มันไม่น่าจะส่งลูกน้องมาตามฆ่าฉันสองสามครั้งหรอก”
“แกจะบอกว่ามีผู้บงการจ้างมันมาอีกทีงั้นเหรอห่ะ?”
“ใช่ งานนี้ต้องมีคนจ้างวาน!” กฤตพนธ์บอก
ทิพย์กำลังอาละวาดปัดข้าวของภายในบ้านด้วยความโกรธแค้น ชิดยืนตกใจเพราะไม่เคยเห็นทิพย์เป็นอย่างนี้มาก่อน
“ทำไมมันหนังเหนียวตายยากตายเย็นนัก จะอยู่เกะกะขวางทางฉันไปถึงไหน อี้ย์!”
“พอเถอะทิพย์ เป็นบ้าไปแล้วเหรอ”
“ใช่ ฉันกำลังจะเป็นบ้า เพราะอีนังคุณหนูนันของแก มันเอาไอ้กฤตเข้ามายุ่งกับเรื่องของเรา จนแผนของฉันจะพังอยู่แล้ว ฉันต้องกำจัดมันให้ได้”
“ใจเย็นๆนะทิพย์ อย่าให้ใครต้องตายเพราะเรื่องนี้อีกเลย”
“หุบปาก!”
ทิพย์หันมาตวาด ชิดอึ้งตะลึง
“แม้แต่แก ถ้าขวางทางฉัน ฉันก็ไม่เอาไว้”
“ทิพย์....”
ทิพย์หันเดินผละไปทิ้งให้ชิดยืนหวาดผวา
หมวดเมธกำลังมองไลน์ในมือถือที่ตำรวจพิสูจน์กองหลักฐานส่งมาให้ ก่อนเดินเข้ามาหากฤตพนธ์กับภานุ
“รู้ตัวเจ้าของเบอร์โทรมาแล้วครับ”
“ใครครับ?” กฤตพนธ์ถาม
หมวดเมธส่งมือถือให้ดู กฤตพนธ์กับภานุเห็นรูปในมือถือซึ่งเป็นรูปของเชน ทั้งสองหันมามองหน้ากัน
“ใช่มันจริงๆด้วย” กฤตพนธ์ส่งมือถือให้ “ขอบคุณมากครับหมวด”
“ผมจะรวบรวมหลักฐานและเรียกตัวนายเชนมาให้ปากคำโดยเร็วที่สุด”
“ขอบคุณครับ”
หมวดเมธเดินผละไป กฤตพนธ์รีบหันมาบอกภานุ
“ฉันต้องการที่กบดานของนายเชน แกช่วยฉันที”
“เฮ้ย...แกจะทำบ้าอะไรอีกวะ ก็ตำรวจ”
กฤตพนธ์สวน “ตำรวจจะทำคดี ก็ปล่อยให้เค้าทำตามวิธีของเค้าไปฉันก็จะทำตามวิธีของฉันเหมือนกัน หาที่กบดานของมันมาให้เร็วที่สุดนายเชนนี่แหละที่จะช่วยเราสาวไปถึงผู้บงการตัวจริงได้”
จบตอนที่ 20