อย่าลืมฉัน ตอนที่ 24
รถสุริยงพุ่งเข้าหาเขมชาติ
ทุกคนตกใจ อาทิตย์วิ่งเข้ามาจะฉุดเขมชาติหลบ สุริยงเห็นพ่อตกใจเหยียบเบรก เขมชาติลืมตา เห็นรถมาจอดอยู่ตรงหน้าห่างแค่ประมาณไม่กี่คืบ
สุริยงลงจากรถ เดินมาหยุดตรงหน้าเขมชาติ
“นี่แค่เตือน! ฉันถือว่าสิ่งที่คุณทำคือการบุกรุก และฉันก็ทำเพื่อป้องกันตัว ถ้าคุณยังดื้อด้านมาสร้าง
ความรำคาญใจให้ฉันอีก รั้งต่อไป ฉันไม่เบรกแน่”
สุริยงเดินเข้าบ้านไปเลย เขมชาติเข่าอ่อน จากคุกเข่าเป็นทรุดลงไปนั่งกับพื้น อาทิตย์มองเขมชาติที่ยังทรุดอยู่ ทั้งสงสาร และ เห็นใจ
ทันนั้นเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น อาทิตย์รีบหันไปที่ประตู สุริยงเหยียบเบรกเอี๊ยด เขมชาติลืมตาเห็นรถมาจอดอยู่ตรงหน้าห่างแค่ประมาณไม่กี่คืบ
อาทิตย์ รีบหันมาบอกชื่น
“ชื่นไปดูสิ ใครมา?”
“ค่ะๆ” ชื่นรับคำแล้วรีบวิ่งไป ในขณะที่สุริยงลงจากรถ เดินมาหยุดตรงหน้าเขมชาติ
“นี่แค่เตือน ฉันถือว่าสิ่งที่คุณทำคือการบุกรุก และฉันก็ทำเพื่อป้องกันตัว ถ้าคุณยังดื้อด้านมาสร้าง
ความรำคาญใจให้ฉันอีก ครั้งต่อไป ฉันไม่เบรกแน่”
จากนั้นสุริยงเดินเข้าบ้านไปเลย เขมชาติเข่าอ่อน ทรุดลงไปนั่งกับพื้น อาทิตย์มองเขมชาติ ด้วยความสงสาร และ เห็นใจ
“เดี๋ยวพ่อไปเอาผ้าเช็ดตัวมาให้นะ”
“ขอบคุณมากครับ”
เขมชาติยังนั่งอยู่ที่เดิม พลางมองรถแล้วก็ถอนใจอีกครั้ง พร้อมๆกับที่ชื่นเดินนำชนะ กับฮันนี่เข้ามาในบ้าน ชนะมองด้วยความงุนงง
“ชื่น คุณเขมมาทำไม? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ชื่นอึกอักๆ ตอบไม่ถูก
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่คนสติไม่ดี มาเรียกร้องความสนใจ”
สุริยงตอบหน้านิ่งๆ แต่เสียงแอบเหวี่ยง ชนะฟังแล้วก็ยิ่งงง
”คนสติไม่ดี ? คุณเขมหน่ะเหรอครับ? แล้วทำไมเขาต้องมาเรียกร้องความสนใจจากคุณสุด้วย?”
“เอ่อ สุก็ไม่รู้เหมือนกัน เอาเป็นว่า อย่าไปสนใจเลยค่ะ ไร้สาระ เสียเวลา คุณชนะจะมาชวนสุกับ
เด็กๆออกไปข้างนอกใช่มั้ยคะ ? เรารีบไปกันเถอะค่ะ เออ แล้วนี่น้องฮันนี่หายไปไหนคะ?”
สุริยงมองไปรอบๆด้วยความแปลกใจ
ในขณะที่คนที่ถูกถามถึง ยืนมองเขมชาติด้วยความแปลกใจ กับสภาพที่เห็น
“คุณน้าหน้ายักษ์ไปเล่นสงกรานต์มาเหรอคะ? ตัวเปียกเป็นลูกนกตกน้ำเลย”
เขมชาติปรายตามองไม่ตอบอะไร ทันใดนั้นฮันนี่ก็เหลือบไปเห็นภาพถ่ายของสุริยงและเขมชาติที่ตกเกลื่อนอยู่ที่พื้น ฮันนี่หยิบมาดูด้วยความสงสัย
“ทำไมคุณน้า กับ น้าสุ ถึงถ่ายรูปคู่กัน ทำยังกะเป็นแฟนกันเลย”
เขมชาติหันมามองหน้าฮันนี่ แล้วก็เริ่มคิดแผนบางอย่าง
“หน้าก็เด็กจัง ไม่เห็นเหมือนตอนนี้เลยไปถ่ายมาด้วยกันตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
เขมชาติเคืองๆ แต่ก็ได้ความคิด
“น้องฮันนี่คะ อยากรู้ความจริงใช่มั้ยคะ? ง่ายมากเลย เก็บรูปนี้ไว้นะ แล้วก็เอาให้คุณพ่อดู แต่ต้อง
ให้ดูตอนที่น้าสุไม่เห็นนะคะ พอคุณพ่อเห็นรูปคุณพ่อก็จะรู้ความจริง เอ่อ คือ จะบอกได้ว่ารูปนี้ถ่ายตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ฮันนี่ฟังด้วยความสนใจ เขมชาติเห็นว่าหลอกเด็กสำเร็จ ก็รีบหยิบรูปอื่นๆส่งให้
“เอารูปนี้ไปด้วย รูปนี้อีก อย่าลืมให้คุณพ่อดูนะคะ”
ทันใดนั้นเสียงไก่ กับไข่ ก็ดังขึ้น
“พี่ฮันนี่”
ฮันนี่สะดุ้งรีบเก็บรูปใส่กระเป๋า ทำตัวปกติ เขมชาติก็รีบปั้นหน้าให้น่าสงสาร
ไก่ กับไข่ รีบวิ่งมาหาฮันนี่ ชนะและสุริยงเดินตามมา ชนะมองเขมชาติด้วยความค้างคาใจตลอดเวลา
“พี่ฮันนี่พร้อมหรือยัง? ไปเที่ยวกัน”
ฮันนี่พยักหน้ารับ
“พี่เขมไปด้วยกันมั้ยครับ?”
เขมชาติอ้าปากจะตอบ แต่สุริยงดักคอ
“ไม่ได้หรอกครับ” ชนะหันมามองหน้าสุริยง “ รถเต็มแล้ว และพี่เขมกำลังจะกลับบ้าน เรารีบไปกัน
เถอะครับ ก่อนที่สนามเด็กเล่นจะปิด จะอดเล่นนะครับ”
ไข่ รีบหันมาตอบทันที
“โอเคครับ บ๊ายบายครับพี่เขม”
ไก่ พูดบ้าง “ไปก่อนนะครับพี่เขม”
สุริยงเดินมาและควงแขนชนะ ชนะมัวแต่แปลกใจกับท่าทีของสุริยง จนไม่ทันสังเกตรูปที่พื้น
“เรารีบไปกันเถอะค่ะ”
พูดจบ สุริยงก็ควงชนะเดินออกไป เขมชาติได้แต่มองตาละห้อย แล้วก็คิดแผนร้ายก่อนจะตะโกน
ออกมา
“วดี วดี วดี คุณจะออกไปกับผู้ชายคนไหนก็ได้ แต่กลับมาคุณก็ยังเจอผมคุกเข่าอยู่ตรงนี้ จนกว่าคุณ
จะยกโทษให้ผม”
ชนะถึงกับหันขวับมามองเขมชาติ สุริยงรีบดึงตัวออกไป
“อย่าไปฟังเลยค่ะ ไร้สาระ”
จากนั้นสุริยง ก็เดินต่อไปไม่สนใจ ชนะมองเขมชาติและหันมามองสุริยง ก่อนที่จะปรายตามามองมือ
สุริยงที่ควงอยู่
ในขณะที่เขมชาติหันมาส่งสัญญาณเตือนฮันนี่ว่าอย่ารูปให้พ่อดูรูป ฮันนี่พยักหน้ารับ แล้วก็ค่อยๆ
หยิบรูปในกระเป๋ามาแง้มๆดู ตามประสาเด็กอยากรู้
เขมชาติค่อยๆหย่อนก้นลงนั่งที่เก้าอี้สนามที่ชื่นยกมาให้
“อ๊าก เพิ่งรู้ว่าแค่คุกเข่ามันจะทรมานขนาดนี้”
เขมชาติร้องเสียงหลง พลางบ่นอุบ อาทิตย์ส่งผ้าเช็ดตัวให้เขมชาติ นภา กับชื่นยืนอยู่ใกล้ๆ ให้
กำลังใจ
“เช็ดซะ ปล่อยไว้ เดี๋ยวจะไม่สบาย”
“ขอบคุณมากครับ”
นภามองรูปที่เหลือที่ตกเกลื่อนที่พื้น แล้วหันมาถามเขมชาติ “นี่มันคืออะไร?”
“รูปตอนอยู่มหาวิทยาลัย วดีเก็บมันไว้ เพิ่งจะเอามาทิ้งคืนก่อนวันหมั้นผมเก็บได้โดยบังเอิญ ก็เลย
ต่อมันกลับมาใหม่วันนี้ผมเอากลับมาให้วดี เพราะอยากแสดงความจริงใจ อยากให้เขารู้ว่า ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อให้
ความรู้สึกดีๆของเรากลับมาเหมือนเดิม”
นภา กับ อาทิตย์มองแล้วก็เริ่มจะเข้าใจว่าลูกสาวก็ยังไม่ลืมเขมชาติ พร้อมกับที่รู้ชัดว่าเขมชาติ
ต้องการอะไร
“วันนี้เราก็เห็นความตั้งใจจริงของคุณอยู่ แต่พ่อว่าวิธีนี้มันค่อนข้างจะเสี่ยง หมู่นี้อารมณ์หนูเล็กไม่รู้
เป็นอะไร ฉุนเฉียวจนผิดปกติ อะไรที่ไม่เคยทำก็ทำ ไม่น่าทำก็ทำ”
อาทิตย์เตือนเชมชาติด้วยความแป็นห่วง นภารีบเสริม
“อย่างเมื่อกี๊ ไม่ใช่หนูเล็กเลยนะที่จะทำอะไรห่ามๆ ห้าวๆ แบบนั้น แม่ว่า ทางที่ดีกลับไปตั้งหลักก่อน
ดีกว่า ต่อให้คุกเข่าข้ามวัน ข้ามคืน ก็ไม่มีประโยชน์”
“รอให้หนูเล็กอารมณ์ลดลงสักหน่อย แล้วค่อยกลับมาคุยกันใหม่ พ่อว่าจะดีกว่านะ”
เขมชาติมองหน้านภา อาทิตย์ ด้วยความซึ้งใจและเกรงใจ ก่อนจะตัดสินใจ พยักหน้ารับ แต่ยังขอ
ต่อรอง
“ได้ครับ ผมจะกลับไปก่อน แต่ก่อนไปผมขอทำอะไรบางอย่างให้วดีได้มั้ยครับ?”
นภา กับ อาทิตย์ หันมามองหน้าเขมชาติ เหมือนจะตั้งคำถามว่า “ทำอะไร?”
ระหว่างที่อยู่ด้วยกันที่สนามเด็กเล่น ฮันนี่อาศัยช่วงที่สุริยงเผลอ รีบดึงชนะมาหลบ พลางทำท่าน่า
สงสัย มองซ้ายมองขวา อย่างระมัดระวัง จนชนะแปลกใจ
“ฮันนี่ มีอะไรลูก? ทำเหมือนกลัวใครจะเห็น”
ฮันนี่ป้องปากกระซิบ
“ใช่ค่ะ ฮันนี่มีของสำคัญมาก จะให้คุณพ่อดู แต่ต้องไม่ให้น้าสุเห็นค่ะ”
ชนะเริ่มสนใจ ฮันนี่หยิบรูปมาส่งให้
“ นี่ค่ะ คุณน้าหน้ายักษ์บอกว่า ให้คุณพ่อดู แล้วคุณพ่อจะรู้ความจริงเองค่ะ”
ชนะรับรูปมากจากฮันนี่ เป็นรูปเขมชาติและสุริยงตอนอยู่มหาวิทยาลัย ชนะเห็นแล้วถึงกับอึ้ง
“คุณสุ กับคุณเขม นี่มัน น่าจะตอนอยู่มหาวิทยาลัย”
ฮันนี่คิดตาม
“มหาวิทยาลัย นี่มัน นานหรือยังคะ แล้วทำไมในรูปน้าสุดูสนิทกับน้าหน้ายักษ์จังคะ ยังกะเป็น
แฟนแน่ะ เขาสองคน เป็นแฟนกันเหรอคะ”
คำถามของฮันนี่ จี้ใจดำชนะอย่างแรง
“คุณพ่อก็ไม่ทราบครับ แค่รูปพวกนี้ บอกอะไรไม่ได้หรอกครับ”
ฮันนี่หน้าง้ำ “แต่ฮันนี่อยากรู้นี่คะ คุณพ่อไปถามน้าสุได้มั้ยคะ?”
ชนะนั่งลง พลางพยายามอธิบายให้ฮันนี่เข้าใจ
“ฮันนี่ครับ ฮันนี่เคยมีเรื่องอะไรที่อยากเก็บไว้เป็นความลับ ไม่บอกให้คุณพ่อรู้บ้างหรือเปล่า? เช่น
เรื่องแอบทานช็อคโกแลตตอนคุณพ่อไม่เห็น หรือทานขนมในห้องนอน”
ฮันนี่ พยักหน้าอายๆ “ มีค่ะ”
ชนะพูดต่อ
“ฮันนี่มีเรื่องที่ไม่อยากบอกคนอื่น น้าสุเองเขาก็มีเรื่องที่ไม่อยากบอกคนอื่นเหมือนกัน เอาไว้ถ้าน้าสุ
เขาอยากบอกให้เรารู้ เขาก็จะบอกเราเอง แต่ถ้าตอนนี้เขาไม่อยากบอก เราก็ไม่ควรจะเสียมารยาทถาม เข้าใจนะครับ”
“เข้าใจแล้วค่ะ งั้นฮันนี่จะไม่ถาม ไม่อยากรู้ จนกว่าน้าสุจะบอกเอง” ชนะยิ้มรับ ” ฮันนี่ไปเล่นกับไก่
ไข่ ก่อนนะคะ”
ชนะพยักหน้า จากนั้นฮันนี่รีบวิ่งไป ลืมเรื่องสุริยงทันที
พอคล้อยหลังฮันนี่ปุ๊บ ชนะก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วก็กดโทร.ออก ทันที
“คุณเกนครับ ยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ ดีเลย ผมมีเรื่องอยากจะถาม เอ่อ อย่าหาว่าผมเสียมารยาทเลยนะ
ครับ คือผมอยากจะรบกวนถามเรื่องระหว่างคุณเขมกับคุณสุน่ะครับ”
สุริยงยืนหน้าหงิก ง้ำ อารมณ์บูด มือจ้วงหยิบป๊อบคอร์นมากินไม่หยุด ทันใดนั้นก็มีรูปที่ฮันนี่หยิบติดมายื่นมาตรงมาหน้า สุริยงชะงัก หันมามองคนถือ เห็นหน้าชนะที่ยื่นรูปมาด้วยแววตากระจ่างแจ้ง
“ผมถามคุณเกนเรื่องระหว่างคุณกับคุณเขมชาติ ตอนนี้ผมก็รู้ความจริงหมดแล้ว แล้วมันก็ตอบ
คำถามทุกอย่างที่ผมสงสัย ทำไมเขาถึงตามไปหาคุณที่รีสอร์ท ทำไมเขาถึงเข้าไปช่วยคุณในงานหมั้นและทำไมเขาถึง
ได้เลิกกับคุณเกน แล้วก็มาคุกเข่าอยู่ที่บ้านคุณแบบนั้น ผมนี่อยู่ใกล้ๆ แท้ๆ ก ลับดูไม่ออกแม้แต่นิดเดียว”
ชนะมองหน้าสุริยงแล้วก็ถามตรงๆ
“ดูท่าทางคุณเขม ตั้งใจจะกลับรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขา คุณสุจะวี่แววว่าจะใจอ่อนบ้าง
หรือเปล่าครับ ?”
“ถามแบบนี้ แสดงว่าไม่รู้จักกันดีพอ” สุริยงย้อนเสียงเรียบ
“ใช่ครับ ผมยอมรับ ว่าผมยังไม่รู้จักคุณสุดีพอ และคุณเอง ก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้ผมเข้าไปเรียนรู้มาก
นัก แค่ผมรู้เรื่องคุณกับคุณเขมผมยังช็อกเล็กๆอยู่เลย”
สุริยงนิ่งไม่ต่อความยาวสาวความยืด ชนะเห็นแล้วก็พอจะรู้ใจ
“ผมรู้ว่าคุณไม่อยากพูดเรื่องระหว่างคุณกับเขา ผมจะไม่ถาม แต่สิ่งที่ผมอยากรู้คือเรื่อง ระหว่างคุณ
กับผม ตั้งแต่รู้จักกัน ผมเป็นยังไงในสายตาคุณ”
สุริยง หยุดคิด และตัดสินใจตอบตรงๆ
“คุณชนะเป็นเจ้านายที่มีน้ำใจกับลูกน้องทุกคน ไม่ใช่แค่สุ เป็นคุณพ่อที่รักลูก และเป็น “เพื่อน” ที่
น่ารัก”
สุริยงจงใจเน้นคำว่า “เพื่อน” ชนะสะท้านใจ แต่ก็ยิ้ม อย่างยอมรับมันได้
“ตั้งแต่ภรรยาผมเสีย ผมคิดเสมอว่า ผมคงไม่มีหัวใจให้ใครอีก จนมาเจอคุณ ถึงผมจะเป็นได้แค่
“เพื่อนที่น่ารัก” แต่ก็ขอบคุณที่ทำให้รู้ว่า ผมยังมีหัวใจสำหรับรักใครสักคน”
ชนะยิ้มให้สุริยงด้วยความเข้าใจ และแอบมีหวัง สุริยงยิ้มรับ
“อีกไม่นาน คุณชนะต้องไปเจอคนคนนั้น คนที่เป็นตัวจริงแน่นอนค่ะ”
“ ถึงจะเป็นแค่คำปลอบใจ แต่ผมจะถือว่าเป็นการอวยพร ขอบคุณครับ”
ชนะยิ้มให้สุริยงอย่างเข้าใจ
“ผมเป็นคนเต็มที่กับเพื่อนนะครับ คุณสุมีอะไรให้ผมช่วย บอกผมได้ทันที ไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณค่ะ”
ขณะที่อัมพิกาอยู่ในห้องพักที่โรงพยาบาล กำลังนั่งรอคนมารับกลับบ้าน ครู่เดียวเสียงเคาะประตูดังขึ้น คนขับรถและคนรับใช้เปิดประตูเดินเข้ามา
อัมพิกามองหาอรทัย เอื้อ
“เอื้อกับอรล่ะ”
“คุณเอื้อมีประชุมสำคัญส่วนคุณอรไปงานเปิดตัวหนังสือครับ”
“ งานเปิดตัวหนังสือ? มันสำคัญยังไง ถึงกับมารับฉันกลับบ้านไม่ได้”
คนขับรถอ้อมๆ แอ้มๆ “เอ่อ ผมก็ไม่ทราบ และคุณอรฝากเรียนเพิ่มเติมว่าจะกลับดึกครับ”
อัมพิกาอึ้ง สะท้อนใจวูบขึ้นมา พลางส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยอ่อน แล้วเดินออกไร ระหว่างทางเดิน เห็นครอบครัวอื่นมีลูกมีหลานมารับ โดยเฉพาะเด็กๆ ที่วิ่งเล่นกันไปมาน่ารัก สดใส มองแล้วสะเทือนใจ
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน อัมพิกาก็ยืนอึ้ง เพราะรอบบ้านถูกตกแต่งด้วยลูกโป่งหลากสี ที่ผนังมีป้าย “ยินดีต้อนรับกลับบ้านด้วย “SUPER BIG SISTER” ลงชื่อ “ไก่-ไข่” พร้อมรูปวาดการ์ตูนล้อเลียนของอัมพิกา อัมพิกาถึงกับเผลอยิ้ม ก่อนจะหันไปถามคนรับใช้
“ของพวกนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
คนรับใช้ไม่ตอบ แต่ยื่นการ์ดให้
“คุณเอื้อฝากให้คุณท่านค่ะ”
อัมพิการีบเปิดอ่านทันที
“ต้อนรับกลับบ้านครับพี่อัม ขอโทษที่ไม่ได้ไปรับ เย็นนี้จะรีบกลับบ้านไปทานข้าวด้วย อีกไม่กี่วันจะ
ถึงวันเกิดคุณพ่อ พี่อัมจำคำพูดที่คุณพ่อเคยพูดในงานแซยิดได้รึเปล่าครับ คุณพ่อพูดว่า “เราก็อายุเหลือกันไม่มาก
อย่าแบกความทุกข์ไว้เลย ใช้เวลาที่เหลือกับความสุขจะดีกว่า” ผมว่าคำพูดของคุณพ่อเป็นยาวิเศษที่ทำให้พี่อัมหาย
ป่วยได้นะครับ รักพี่ครับ เอื้อ”
อัมพิกาสะท้อนใจ มองไปรอบๆ บ้าน เห็นความสดใสของลูกโป่งและป้ายต้อนรับของเด็กๆ ที่ป้าย มีรูปคนห้าคน คือ อัมพิกา เอื้อ อรทัย ไก่ และ ไข่ จับมือกัน อัมพิกามองแล้วก็อึ้ง ตื้นตันขึ้นมาประหลาด
แววตาของอืมพิกาเริ่มอ่อนโยนลง คิดและตัดสินใจโทรหาเอื้อ
“ว่าไงน้องชายตัวแสบ ช่างวางแผนนักนะ”
“แต่ฟังจากน้ำเสียงดูเหมือนพี่อัมจะชอบแผนนี้นะครับ”
เอื้อพูดขณะเดินอยู่บนทางเดินมุ่งไปห้องทำงานคุณพจน์
อัมพิกายิ้มนิดๆ แววตาดูออกว่าพอใจ
“ก็ไม่เลว ถ้าอยากให้ดีกว่านี้ พี่มีวิธี เอาไว้เรากลับมา แล้วพี่จะบอกว่าต้องทำยังไง”
อัมพิกายิ้มอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่อีกด้าน เอื้อยิ้มรับ
“ได้เลยครับ เดี๋ยวผมคุยธุระกับคุณอาพจน์เสร็จแล้ว เจอกันที่บ้านครับ”
เอื้อวางสายโล่งใจที่อัมพิกาอารมณ์ดี เลขาคุณพจน์เดินมาต้อนรับ
“คุณเอื้อสวัสดีค่ะ ท่านประธานรออยู่ที่ห้องแล้วค่ะ”
เอื้อพยักหน้ารับ
เมื่อเข้าไปภายในห้อง คุณพจน์ก็วางการ์ดเชิญไปงานเลี้ยงฉลองรางวัลของนิตยสารฉบับหนึ่งไว้หน้าเอื้อ
“เกนได้รางวัลจากนิตยสารฉบับหนึ่ง เขาส่งการ์ดมาเชิญไปร่วมงาน แต่ดูท่าทางน้องจะไม่สนใจ อา
เห็นว่าในงานเอื้อก็ได้รางวัลเหมือนกัน ก็เลยอยากจะให้ชวนน้องไปด้วย เพราะตั้งแต่ยกเลิกงานหมั้น เกนก็ไม่ยอมออก
งานสังคมเลย อากลัวว่าถ้าปล่อยไว้นานๆ จะกลายเป็นคนต่อต้านสังคมไปซะ”
เอื้อหยิบการ์ดมาดู
“ได้ครับ ผมก็ตั้งใจไว้ว่าจะไปงานนี้อยู่แล้ว ดีเลยจะได้มีเพื่อน”
คุณพจน์ยิ้มอย่างพอใจ
“ดี งั้นอาก็ฝากเอื้อดูแลน้องด้วยนะ พาเกนออกมาจากป่าได้ น่าจะพาเขากลับเข้าสู่งานสังคมได้
เหมือนกัน”
เอื้อหัวเราะ “จะลองพยายามดูครับ แล้วตอนนี้เกนอยู่ที่ไหนครับ?”
ที่ห้องซ้อมเต้นรำ คนเต้นรำอย่างสนุกสนาน จริงจัง และสวยงาม ในขณะที่เกนหลงกำลังเตรียมเรียนคลาสต่อไป เสียงเอื้อดังขึ้น
“เกน มาทำอะไรที่นี่เนี่ย?”
เกนหลงหันมาเห็นเอื้อ ตกใจกว่า
“เกนต้องถามพี่เอื้อมากกว่า ว่ามาทำอะไรที่นี่?”
“พี่มาตามคำสั่งของคุณอา”
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 24 (ต่อ)
เกนหลงขมวดคิ้ว
“อย่าบอกนะคะว่าคุณพ่อให้พี่เอื้อมาชวนเกนไปงานรับรางวัล”
“ถ้าใช่หล่ะ เกนจะรับคำชวนหรือเปล่า ?”
เกนหลงนิ่ง คิด เอื้อท้าทาย กวนๆ
“ป๊อดหล่ะสิไม่กล้าออกงานสังคม กลัวโดนเม้า รับไม่ได้กับสายตาคนในงานใช่มั้ยหล่ะ”
“เกนไม่คนขี้ป๊อดสักหน่อย แค่นั้น รับได้สบายมาก”
“แค่พูด ใครจะเชื่อ แน่จริงก็ต้องพิสูจน์”
เกนหลงยิ้มอย่างรู้ทัน
“ก็ได้ค่ะ เกนจะพิสูจน์ให้พี่เอื้อเห็นเองว่าเกนไม่ป๊อด แล้วพี่เอื้อกล้าจะพิสูจน์ให้เกนเห็นหรือเปล่าว่า
พี่เอื้อก็ไม่ป๊อดเหมือนกัน”
เอื้องง “พิสูจน์ยังไง?”
เกนหลงยิ้มเจ้าเล่ห์
ครูสอนเต้นแทงโก้ เป็นครูสตรี หน้าตาค่อนข้างดุ และพูดเสียงดัง
“ขอต้อนรับนักเรียนทุกคนเข้าสู่การเรียนเต้นแทงโก้พื้นฐาน เรามีกันอยู่”
ครูกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง เห็นคนในห้องมาเป็นคู่ 4 คู่ รวมเอื้อกับเกนเป็น 5 คู่ และมีผู้ชายล่ำๆ ยืนอยู่คนเดียว
“5 คู่ และคุณ” พลางชี้มาที่ชายล่ำ “ไม่มีคู่ มาเต้นกับครูก็แล้วกัน” ชายล่ำตั้งท่าจะเดินไป “ส่วนคนอื่น
ก็จับคู่หันหน้าเข้าหากัน”
เกนหลงหันมาทางเอื้อที่อึ้งๆ เหวอๆ พลางรีบบอก
“เอ่อ ครูคะ คือ พี่เขาไม่ได้เรียนด้วยค่ะ มาดูเฉยๆ”
ครูสอนเต้นหันมาทางหนุ่มหุ่นล่ำ
“อ้อ งั้นคุณไปเต้นกับคุณผู้หญิงก็แล้วกัน”
หนุ่มหุ่นล่ำรับคำ “ครับ”
หนุ่มหุ่นล่ำใส่เสื้อกล้ามกางเกงฟิต ดูแล้วเซ็กซี่มาก พลางเดินยิ้มมาหาเกนหลงด้วยอาการเขินๆ อายๆ เกนหลงยิ้มตอบ หนุ่มหุ่นล่ำรีบออกตัว
“ถ้าผมเต้นผิด ขอโทษด้วยนะครับ พอดีเพิ่งมาครั้งแรก”
เกนหลงยิ้มตอบ “ไม่เป็นไรค่ะ ครั้งแรกเหมือนกัน”
หนุ่มหุ่นล่ำกับเกนหลงยิ้มแย้มอย่างน่ารักให้กัน เอื้อเริ่มเหล่ๆ ในใจเริ่มรู้สึกแปลกๆ
ครูสอนเต้นหันมาบอกกับทุกคนในคลาส
“ถ้าทุกคนพร้อมแล้วก็จับคู่ หันหน้าเข้าหากัน อยู่ในท่าเตรียมพร้อม”
ทุกคนในห้องทำตาม หนุ่มหุ่นล่ำกับเกนหลง หันหน้าเข้าคู่จับมือตั้งท่า ในขณะที่เอื้อปรายตามองตลอดเวลา
“ท่าเบื้องต้นของแทงโก้ การยืนต้องย่อเข่าเล็กน้อยตลอดเวลาที่เต้น หน้าขาของฝ่ายชายจะต้องติดกับ
หน้าขาของฝ่ายหญิง และฝ่ายชายจะเป็นฝ่ายดันเพื่อนำทิศทางในการเต้น”
แต่ละคู่ทำตามย่อตัว ใช้หน้าขาแนบดันเข้ากับหน้าขาของผู้หญิง เอื้อเห็นแล้ว รีบหันขวับมาที่คู่ของเกนหลง
หนุ่มหุ่นล่ำและเกนหลงยืนห่างๆย่อขา ยังไม่กล้าใกล้ชิดกันมาก จนครูต้องเดินเข้ามาหา
“คู่นั้น ชิดกันอีก” พลางจับขาเข้าหากัน “ชิดแบบนี้ เวลาฝ่ายชายดันขาคุณจะได้รู้เสต็ป ชิดๆกันหน่อยชิดอีก ขา..หน้าขาน่ะ ต้องให้ติดให้ ชิดอีก”
ถึงตรงนี้ เอื้อที่ยืนมอง ถึงกับทนไม่ได้ พลางโพล่งขึ้นมา
“ขอเรียนด้วยครับ”
เกินหลงหันมา เอื้อตอบเขินๆ
“คือก็เห็นน่าสนุกดี ก็เลยอยากเรียนด้วย”
ครูสอนรีบบอก
“ได้ เรียนก่อนค่อยจ่ายเงินทีหลังก็ได้ งั้นคุณ 2 คนมาด้วยกันก็เต้นคู่กัน” จากนั้นก็หันมาทางหนุ่มหุ่น
ล่ำ “ส่วนคุณมาคู่กับครู”
แล้วครูสอนเต้น ก็ฉกหนุ่มหุ่นล่ำไป เกนหลงมองขำๆ..แล้วหันมาทางพี่เอื้อ
“ไหวแน่นะคะ? “แววตาท้าทาย เอื้อรีบตอบ
“เดี๋ยวก็รู้” พลางจับมือเกนหลงดึงมาโอบอย่างเร่าร้อน พร้อมกับทำหน้ากรุ้มกริ่ม เกนหลงหัวเราะ
อารมณ์ดีกับท่าทางกรุ้มกริ่มของเอื้อที่ไม่เคยเห็น
ครูสอนเต้นที่จับคู่กับหนุ่มหุ่นแบบแนบชิด หันมากำกับท่าทุกคนต่อ
“ทุกคนต้องแนบชิดแบบนี้ แล้วก็เริ่มตามครู Slow…Slow…Quick…Quick…Slow…”
จากนั้นก็เต้นนำไป ทุกคนเต้นตาม
เอื้อกับเกนหลง เต้นรำเข้าขากันได้อย่างดี ถึงเอื้อจะดูเงอะงะไปบ้างแต่ก็ตั้งใจเต็มที่ เกนหลงแอบมองเอื้อแล้วก็ยิ้ม
เป็นอีกหนึ่งบรรยากาศที่ไม่เคยเห็น และอีกหนึ่งสิ่งที่เอื้อไม่เคยทำ แต่ได้ทำกับเกนหลงอย่างมีความสุ
โดยไม่รู้ตัว
สุริยงยืนมองสวน ที่เต็มไปด้วยกระถาดอกฟอร์เก็ตมีน๊อตปลูกไว้อย่างสวยงาม ด้วยความไม่พอใจพลางหันไปถามกับชื่น ที่ยืนยิ้มยู่ด้านหลัง เพราะคิดในใจว่าสุริยงต้องประทับใจแน่ๆ
“ใครเป็นคนปลูก”
ชื่นรีบบอก “ คุณเขมชาติค่ะ มีคุณวิบูลย์ แล้วก็คุณสมคิดมาช่วยด้วยนะคะ ทำกันตั้งแต่บ่าย เพิ่งจะ
เสร็จเมื่อตอน”
ชื่นยังพูดมั่นจบ สุริยงก็สวนขึ้นมา “ถอนทิ้งให้หมด”
“แต่” ชื่นอิดออด
“ถ้าชื่นไม่ทำ หนูเล็กจะถอนเอง”
พลางตั้งท่าจะพุ่งไปเลย ชื่นรีบห้าม
“ทำค่ะทำ เดี๋ยวชื่นรีบถอนให้เลยค่ะ”
“แล้วก็บอกเขาด้วยว่า ถ้าอยากจะปลูกใหม่ก็ปลูกไป หนูเล็กก็จะถอนมันทิ้งอีก”
“ค่ะ” ชื่นรับคำเสียงอ่อยๆ
พูดจบ สุริยงก็เดินเข้าไปในบ้าน ชื่นหน้าเสีย
“นี่เห็นแค่ดอกไม้ ยังปรี๊ดขนาดนี้ ถ้าเห็นของในบ้าน มีหวัง”
ในบ้านสุริยงเต็มไปด้วยดอกฟอร์เก็ตมีน็อตอยู่แทบทุกมุม ตามผนังก็เป็นกรอบรูปสุริยงในอิริยาบถ
ต่างๆ ตอนอยู่สวิส สุริยงยืนมองอยู่กลางบ้าน หน้านิ่ง จนเดาอารมณ์ไม่ออก
นภารีบบอก
“เขมชาติ เขาบอกว่าเป็นรูปที่เขาแอบถ่ายไว้ตอนอยู่สวิสกับหนูเล็ก แม่ว่า มันสวยมากเลยนะลูก”
สุริยงไม่ตอบ แต่เดินตรงไปที่กรอบรูป แล้วก็ดึงออกอย่างไม่ปรานี แล้วก็ปาลงที่พื้น
นภา ร้องตกใจ “ว้าย หนูเล็ก”
-สุริยงไล่เก็บกรอบรูปทีละอันแล้วก็โยนสุมรวมกันไว้ รวมทั้งดอกไม้ที่อยู่ในแจกันถูกโยนมารวมกัน
“หนูเล็ก จะเอาไปทิ้งเหรอลูก น่าเสียดาย”
“ไม่ค่ะ หนูเล็กไม่ทิ้ง แต่จะหนูเล็กจะเผามันให้หมดเลย”
นภา กับอาทิตย์ถึงกับผงะ
จากนั้นสรรพสิ่งที่เขมชาติเอามาตกแต่งบ้าน ก็ถูกเผาอย่างไม่ปราณี สุริยงมองด้วยความพอใจ นภา
กับอาทิตย์ ยืนมองอยู่ห่างๆ ในขณะที่ชื่นวิ่งมางงๆ
“คุณท่านคะ ชื่นได้กลิ่นไหม้ๆ ใครเผาอะไร ว้ายคุณหนูเล็กนี่เอง...เผาอะไรคะเนี่ย ? หรือว่า”
สุริยงหันขวับมา
“ คุณพ่อคุณแม่บอกเขาด้วยนะคะ ถ้ายังจะเอาของพวกนี้มาไว้ในบ้านอีก หนูเล็กก็จะเผาอีก แต่ทาง
ที่ดี ถ้าคุณพ่อคุณแม่ยังเห็นหนูเล็กเป็นลูก จะต้องไม่ปล่อยให้เขาเข้ามาในบ้าน ไม่ยอมให้เขาเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิต
หนูเล็กอีก ถ้าคุณพ่อคุณแม่อยู่ข้างเขา ก็เท่ากับไม่รักหนูเล็ก”
สุริยงตัดพ้อ ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ แล้วก็เดินเสียใจเข้าบ้านไปทันที
นภากับอาทิตย์หน้าเสีย อึกๆอักๆ พูดไม่ออก ชื่นมองตามด้วยความงุนงง
“อาการแบบนี้ มันเหมือนใครสักคน เหมือนใครน้า?”
ชื่นเริ่มคุ้นอย่างแรง
สุริยงเดินเข้ามาในบ้าน พลันสายตาเหลือบไปเห็นกล่องรูปเก่าที่เขมชาติเอามาเมื่อเช้า ยังชื้นๆนิดๆ ที่
หน้ากล่องมีข้อความของเขมชาติติดไว้
“วันนี้ผมกลับไม่ได้แปลว่าจะยอมแพ้ พรุ่งนี้ผมจะมาหาแต่เช้า ผมขอยืนยัน เรื่องของเรามันยังไม่จบ
และผมไม่ยอมให้มันจบแบบนี้เด็ดขาด “
สุริยงขบกรามแน่น
นภากับอาทิตย์ยืนมองสรรพสิ่งของเขมชาติ ที่มอดไหม้เกือบหมด ด้วยความเป็นห่วง และสงสัย
ในขณะที่ชื่นยังยืนคิดด้วยความคาใจ
“ยัยหนูเล็กอาการเหมือนคนผีเข้านะคุณ แปลกขึ้นทุกวัน คุณว่าเราควรจะพาลูกไปหาหมอดีมั้ย?
หรือไปหาพระ รดน้ำมนต์”
ทันใดนั้นชื่นก็โพล่งขึ้นมา
“นึกออกแล้วค่ะ ว่าคุณหนูเล็กมีอาการเหมือนใคร?”
นภากับอาทิตย์หันมา
“อาการแบบนี้ ใช่เลยค่ะ อาการเหมือนน้องสะใภ้ชื่นเลยค่ะ”
อาทิตย์ รีบถาม“น้องสะใภ้ แล้วเขาป่วยเป็นอะไร?”
ชื่นตอบอย่างไม่ทันคิด
“เขาไม่ได้ป่วย แต่เขา “ท้อง” ค่ะ”
นภา กับอาทิตย์อึ้ง
“บ้า แล้วมันจะเหมือนกันได้ยังไง” นภายังข้องใจ
ชื่นพูดต่อ “ไม่บ้านะคะ จริงๆ น้องสะใภ้อาการแบบนี้เลยค่ะ แพ้ท้องอยู่แป๊บนึง พอหายแพ้ก็อารมณ์
นี้เลย หมอบอกว่า มันเป็นเพราะฮอร์โมนคนท้อง ไม่ได้เป็นกันทุกคน แต่บางคนที่เป็นจะเป็นหนักเลยค่ะ”
ในขณะที่สุริยงยืนอึ้งอยู่ในบ้าน มือเย็นเฉียบบบบ ใจเต้นระส่ำ
“สอง สาม อาทิตย์แรกจะคลื่นไส้ อาเจียน พะอืดพะอม กินอะไรไม่ค่อยได้ พอสักพักก็จะเริ่มกินเก่ง
กินไม่หยุด อารมณ์ฉุนเฉียว หงุดหงิดง่าย อารมณ์ร้าย แล้วก็น้อยอกน้อยใจ ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ จากเป็นคน
เงียบๆ ก็โวยวาย ด่าน้องชายชื่นสารพัด จะเป็นอยู่สักเดือนสองเดือนนี่ถ้าคุณหนูเล็กมีแฟน ชื่นฟันธงได้เลยว่าท้อง
แน่ๆ”
สุริยงตกใจ ทั้งอึ้ง และเครียด กล่องที่ถืออยู่ในมือร่วงลงพื้น นภา อาทิตย์ ชื่น รีบหันไปที่ต้นเสียง แล้ว
รีบวิ่งเข้าไปดูในบ้าน หากเห็นแต่ของที่หล่นอยู่ที่พื้น ทว่าสุริยงหายไปแล้ว นภาเก็บของขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
“หล่นลงมาได้ไง?”
นภามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นใคร
สุริยงรีบเดินพรวดเข้ามาในห้อง ปิดประตู แล้วยืนอึ้งอยู่หลังประตู คำพูดของชื่นดังก้องในใจ
“ท้อง?”
สุริยงเครียดใจสั่น ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้
เขมชาติยืนดอกไม้ถูกถอนจนหมด และซากของที่โดนเผา ด้วยใบหน้าสลด ก่อนที่จะหยิบซากของมาดูกระทั่งเสียงนภาดังขึ้น
“เราขอถามตรงๆเลยนะที่คุณกำลังพยายามทำอยู่ตอนนี้ ไม่ใช่แค่ต้องการขอโทษหนูเล็กใช่มั้ย ?”
เขมชาติหันมา เห็นหน้าตาของทั้งนภา และอาทิตย์จริงจังมาก จึงต้องยอมพยักหน้ารับ
“ครับ ผมยอมรับ ผมยังรักวดี รักตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน และรักจนถึงทุกวันนี้”
เขมชาติพูดเสียงเศร้า นภา กับอาทิตย์ ตั้งใจฟัง ในขณะเดียวกันไก่กับไข่ ที่แอบฟังอยู่ที่ริมหน้าต่าง
ก่อนที่จะหันมามองหน้ากัน
“พี่เขมรักวดี” ไข่หันมาเปรยกับแฝดผู้พี่ ส่วนไก่ได้แต่งง
“แล้ววดีเป็นใคร?”
เขมชาติพูดต่อ
“วดีเป็นผู้หญิงที่มีค่ามากสำหรับผม เขาทำให้ผมเรียนจบ ทำให้ผมมีความพยายามที่จะสร้างฐานะถ้า
วันนั้นไม่มีวดีเป็นคนผลักดัน สร้างแรงบันดาลใจ ผมก็คงจะเรียนไม่จบ ไม่ตะเกียกตะกายทำงานดีๆ พยายามมีธุรกิจ
เป็นของตัวเอง ผมมีทุกอย่างในวันนี้ได้ ก็เพราะเขา”
เขมชาติสารภาพอย่างหมดเปลือก พลางมองซากเบื้องหน้าด้วยความเศร้า นภากับอาทิตย์เห็นแล้วก็
เห็นใจ
“ใช่ครับ ที่ผมกลับมาครั้งนี้ ไม่ใช่แค่มาขอโทษ ผมอยากจะขอคืนดี อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมถ้าวดียอมยกโทษให้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา ผมพร้อมที่จะดูแลเขา และรับผิดชอบกับทุกสิ่งที่ทำลงไป”
เขมชาติพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น นภากับอาทิตย์ มองแล้วก็เห็นใจ สงสาร
ในขณะเดียวกัน คนที่กำลังถูกพูดถึง ยืนหน้าเครียดอยู่ในร้านขายยา ก่อนที่จะตัดสินใจซื้ออุปกรณ์
ตรวจครรภ์มาสองอัน จากนั้นก็รีบเดินเข้ามาในห้องน้ำห้าง พลางหยิบที่ตรวจครรภ์ออกมาจากกระเป๋า และมองด้วย
ความหวาดหวั่นใจ หากในที่สุดก็ตัดสินใจแกะกล่องออกตรวจ
และเมื่อผลออกมา ขึ้นสองขีด สุริยงถึงกับอึ้ง ช็อก มือไม้อ่อน จนที่ตรวจครรภ์ร่วงจากมือ หล่นลง
พื้น
“ท้อง”
สุริยงนั่งอยู่อย่างหมดเรี่ยวแรงบนชักโครก พลางครุ่นคิดด้วยความสับสน ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มาเปิด
เครื่อง กดโทร.ออก
“สวัสดีครับแม่หนูเล็ก”
ไก่ที่เป็นคนรับโทรศัพท์ตะโกนอย่างตื่นเต้น ในขณะที่เขมชาติ ที่กำลังเดินมาหยิบกล่องที่สุริยงทำหล่นเมื่อคืน ได้ยินชื่อสุริยงก็ชะงัก หันขวับมา
ไข่รีบแย่งสายมาคุยบ้าง
“แม่หนูเล็ก ไข่ครับ”
สุริยงพยายามทำเสียงปกติ “ไข่ครับ คุณตาคุณยายอยู่มั้ยครับ?”
ไข่รีบตอบ “อยู่ครับ”
“แล้วมีใครมาที่บ้านเราหรือเปล่า?”
ไข่ตอบด้วยความซื่อ
“มีครับ พี่เขมมาครับ”
สุริยงหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“ ยังจะมาอีก”
ยังไม่ทันที่สุริยงจะพูดอะไรต่อ เขมชาติก็รีบเดินมาที่โทรศัพท์ รีบหยิบโทรศัพท์ไปจากไข่ทันที
“พี่เขมขอคุยหน่อยครับ วดี”
สุริยงได้ยินเสียงเขมชาติ ก็รีบกดวางโทรศัพท์ไปเลย
“วดี วดี”
ไก่กับไข่มองหน้ากัน แล้วพูดกันเองเบาๆ “วดี”
เขมชาติวางสายตามไปด้วยความเศร้า
“ทำไมพี่เขมไม่คุยครับ” ไก่ถามอย่างสงสัย
“แม่หนูเล็ก วางสายไปแล้ว”
“ทำไมแม่หนูเล็กวางครับ” ไข่ถามบ้าง
ไก่ทำท่ากระซิบ “แม่หนูเล็กไม่อยากคุยกับพี่เขม”
ไข่ฟังแล้วก็พยักหน้า พลางมองเขมชาติด้วยความสงสาร
เอื้อในชุดสูทลำลองเก๋ๆ เท่ๆ สไตล์งานกลางวัน เดินเข้ามาในบ้านของเกนหลง คุณพจน์เดินมาต้อนรับ เอื้อยกมือไหว้ทักทาย
“คุณอาสวัสดีครับ”
“สวัสดี ขอบใจมากนะที่พูดจนเกนยอมออกงาน”
“ด้วยความยินดีครับ ผมคิดว่าวันนี้คงจะไม่ง่ายสำหรับเกน แต่ผมจะดูแลอย่างดีที่สุดครับ”
คุณพจน์ยิ้มพอใจ”ขอบใจมาก”
พลันเสียงเกนหลงก็ดังขึ้น
“เกนพร้อมแล้วค่ะ”
เกนหลงเดินลงมาในชุดราตรีสั้น ดูสดใส และโดดเด่นมากๆ เอื้อหันไปมองถึงกับตะลึง คุณพจน์หันมาเห็นก็ยิ้ม
“อาฝากน้องด้วยนะ”
พูดจบคุณพจน์ก็เดินไป เกนหลงรีบเดินเข้ามาหาเอื้อ
“เกนพร้อมแล้วพี่เอื้อพร้อมหรือยังคะ?”
ในขณะที่เอื้อยังอึ้งอยู่ จนเกนหลงต้องเรียกเสียงดังขึ้น “พี่เอื้อคะ”
เอื้อสะดุ้งนิดๆ
“เรียกซะดังเลย พี่กำลังตะลึงอยู่ นี่..สวยเว่อร์ไปมั้ยเนี่ย ? พี่แทบอยากจะกลับไปเปลี่ยนชุด”
เกนหลงยิ้มขำๆ
“ก็ทางงานเขาให้เกนแต่งคอนเซ็ปท์เจ้าหญิงนี่คะ เขาไม่ได้ให้พี่เอื้อแต่งคอนเซ็ปท์เจ้าชายเหรอคะ ?”
“เปล่า เขาให้แต่งสไตล์แคสชวลชิค บอกว่าพี่ใส่สูทขรึมๆบ่อยแล้ว งานนี้เลยอยากให้แต่งเบาๆ จะได้ดู
แปลกตา ไม่เป็นไรถือซะว่าวันนี้เป็นคนขับรถให้เจ้าหญิงก็แล้วกัน”
“ขอบคุณค่ะ”
“พร้อมนะ?”
เกนหลงสูดลมหายใจ ไม่ตอบ แต่ในแววตาแอบหวั่นใจ เอื้อมองด้วยความเป็นห่วง
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 24 (ต่อ)
บรรยากาศของงาน “Outstanding Celebrity Awards” คึกคักไปด้วยบรรดาไฮโซหนุ่ม-สาว ที่มาร่วมงานกันอย่างหนาตา ต่างคนต่างยืนโพสต์ท่าให้ตากล้องลั่นชัตเตอร์ จนแสงแฟลชวูบวาบไปทั่วบริเวณ
ในจำนวนนั้นรวมถึงอรทัย และวนิตา ที่แข่งกันแต่งตัวกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอรทัย ที่จัดเครื่องเพชรชุดใหญ่กับราตรีหรู จนนักข่าวรุมถ่ายรูปกันทั้งงาน สองสาวก็ยิ้มสู้อย่างรู้มุมกล้อง แล้วก็เดินเข้างานไป
ทันที่ที่ย่างเท้าเข้างาน กลุ่มเพื่อนไฮโซ 3 คน ก็รีบเดินมาหาทั้งคู่ พร้อมทั้งรุมยิงคำถามด้วยความอยากรู้ทันที
“อรๆๆ นี่เรื่องเกนหลงกับแม่เลี้ยงเธอน่ะตกลงจริงหรือเปล่า?” คนแรกเปิดประเด็น อีกคนถามต่อ
“ที่เขาบอกว่าเขมชาติแอบแซ่บแม่เลี้ยงเธอ เลยเลิกกับเกนหลงจริงป่ะ?”
อรทัยรีบโยนให้วนิตาทันที
“ก็ นิต้าเล่าสิ ฉันไม่อยากพูดมาก เดี๋ยวจะหาว่าเอาคนใกล้ตัวมาเม้า”
วนิตารีบตอบทันที “จริง ฉันเห็นกับตา ในงานหมั้นมันก็เป็นไปตามข่าว ตอนที่เกิดอุบัติเหตุ เขมไม่
สนใจเกนหลงแม้แต่นิดเดียว พุ่งเข้ามาช่วยแม่เลี้ยงอรต่อหน้าคนทั้งงาน ยัยเกนเลยทนไม่ได้ ได้ข่าวว่าเลิกกันแล้วนี่”
“บ้า ถ้าไม่เลิกก็เกินไปหล่ะ ใครจะไปทนได้”
“แล้ววันนี้เธอว่าเกนหลงจะมางานหรือเปล่า?”
“คงไม่กล้ามาหรอกมั้ง ถ้ามาก็กล้ามาก” อรทัยเบ้ปาก วนิตาพยักหน้าเห็นด้วย ทันใดนั้นขบวนนักข่าวที่
กำลังถ่ายรูปคนแถวนั้นอยู่ก็ส่งเสียงขึ้น
“มาแล้วๆ”
จากนั้นก็กรูกันไปที่หน้างาน ราวกับเกิดปรากฎการณ์บางอย่าง คนในงานก็หันไปมองด้วยความสนใจ
ไม่เว้นแม้แต่อรทัย
“ใครมา?”
ในขณะที่บริเวณหน้างาน เกนหลงเดินควงเข้ามากับเอื้ออย่างสง่างาม เอื้อยิ้มรับนิดๆ เกนหลงแม้ในใจ
จะหวั่นแต่พยายามยิ้มสู้แสงเฟลซ ที่วูบวาบใส่รัวแบบนับไม่ทัน นักข่าวรุมถามกันชนิดไม่แพ้ดาราดัง
“คุณเกนหลงครับ ข่าวยกเลิกงานแต่งงานกับคุณเขมชาติเป็นความจริงหรือเปล่าครับ?”
เอื้อหันมาทางเกนหลง สายตาเป็นห่วง เกนหลงฝืนยิ้มตอบอย่างเข้มแข็ง
“จริงค่ะ”
“แล้วความสัมพันธ์ระหว่างคุณเกนหลงกับคุณเขมชาติตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ?”
เกนหลงฝีนยิ้ม “ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันค่ะ”
นักข่าวรุมถามรัว
“เรื่องมือที่สามจริงหรือเปล่าคะ?”
“ใช่คนที่เป็นเลขาคุณเขมชาติคะ?”
“แล้วเป็นคนเดียวกับที่เป็นภรรยาของเจ้าสัวชวลิตคุณพ่อคุณเอื้อหรือเปล่าคะ?”
เกนหลงเริ่มมึนกับคำถาม จนเอื้อ ต้องรีบช่วยแก้สถานการณ์
“ในฐานะที่โดนพาดพิง ผมขอใช้สิทธิ์ในการไม่ตอบ และขอตัวเกนหลงเข้าไปในงานก่อนนะครับ
เกรงใจเจ้าภาพ เอาไว้เลิกงานแล้ว ถ้าพี่ๆนักข่าวยังไม่กลับ เราค่อยคุยเรื่องนี้กันต่อ ขอบคุณมากครับ ขอตัวก่อนนะครับ”
เอื้อค่อยๆโอบเอวเกนหลง และพาเข้าไปในงานอย่างสุภาพ นักข่าวเดินตามมาเป็นทาง เอื้อเอียงหน้า
กระซิบกับเกนหลงแบบได้ยินกันสองคน
“พี่ให้คนในงานเตรียมทางออกฉุกเฉินไว้แล้ว พอรับรางวัลเสร็จเราแอบออกจากงานด้านหลังได้เลย”
เกนหลงหันมามองหน้าเอื้อ แล้วก็ยิ้มด้วยความอบอุ่นใจ
“ขอบคุณมากค่ะ”
“ พี่รับปากคุณอาว่าจะดูแลเกนอย่างดีที่สุด พี่ก็ต้องทำให้ได้”
เกนหลงยิ้มรับ รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด
ในขณะที่วนิตากับกลุ่มเพื่อนไฮโซยืนอึ้ง วนิตารีบหันมาโวยกับอรทัย
“อร นี่มันอะไรกัน ทำไมยัยเกนมากับพี่เอื้อ แล้วพี่เอื้อยังดูหนิดหนมเว่อร์ๆ ตกลงว่ามันอะไร ยังไง
ทำไม หะ?”
อรทัยมองแล้วก็ยักไหล่ พลางเอียงหน้ามากระซิบกับวนิตา
“ฉันก็ไม่รู้ รู้แต่ว่า ถ้าเกนหลงหันมาสนใจพี่เอื้อจริงๆ ก็ดี พี่เอื้อจะได้เลิกสนใจนังสุริยงสักที ขอบอกว่า
สำหรับคู่นี้ฉันเชียร์”
วนิตาหน้าเหวอ ก่อนที่อรทัยก็หันไปที่เกนหลง กับเอื้อ ที่ยืนให้ช่างภาพถ่ายรูป อรทัยยิ้มกว้างแล้วก็ส่ง
เสียงเรียกอย่างสนิทสนม
“Hi !เกน”
จากนั้นก็รีบถลาไปหาเกนหลงกับเอื้อที่ยืนอยู่ท่ามกลางนักข่าว เอื้อกับเกนหลงหันมาเห็นอรทัยเดินมา
หาก็มองงงๆ แต่อรทัยทำเนียน ยิ้มและเข้ามาหอมแก้มเกนหลงซ้าย-ขวา
“เวลคัมแบ็คจ้า” จงใจพูดเสียงดัง ตั้งใจให้ทุกคนได้ยิน “ไม่ต้องไปสนใจเสียงเม้า เสียงนินทา หรือข่าว
เสียๆหายๆเลยนะจ๊ะ อรเป็นกำลังใจให้เกนเสมอนะ รักกันๆ”
พลางสวมกอดเกนหลงไว้แน่น เกนหลงงงอึ้ง ยืนตัวแข็ง ช่างภาพรัวถ่ายรูปกระหน่ำ เกนหลงหันมามอง
เอื้องงๆ เอื้อขำๆ แล้วก็พยักหน้าทำนองใหเตามน้ำไป เกนหลงก็เลยหันมาแล้วก็ยิ้มๆ กอดตอบอรทัย
ส่วนวนิตายังคงยืนเหวออยู่ที่เดิม กับที่กลุ่มเพื่อนไฮโซทั้งสาม
“นิต้า?”
วนิตา รีบยกมือห้าม
“อย่ามาถาม ฉันก็งงเหมือนกัน นี่มัน “สตรอระดับแม่พันธุ์” ชัดๆ”
นักข่าวเลยเบนความสนใจจากเกนหลงกับเขมชาติ มาเป็นเกนหลงกับเอื้อ ทันที เกนหลงยิ้มแอบ
สบายใจลึกๆ
เกนหลงหยิบมือถือขึ้นมาดูภาพคู่ระหว่างเธอกับอรทัยในอินสตราแกรมของอรทัย ที่ดูสนิทสนมกัน
มากๆ พร้อมกับข้อความ ที่อรทัยเขียนไว้ว่า “เพื่อนเลิฟ” เกนหลงมองแล้วก็ยิ้มๆขำๆ
“เพื่อนเลิฟ สรุปว่าเกนกับคุณอรเป็นเพื่อนรักกันไปแล้วใช่มั้ยคะ?”
“ก็นะ ยอมๆน้องพี่หน่อยแล้วกัน เขาก็อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้แหละ พี่เองยังเดาไม่ค่อยถูก”
“แต่ก็ดีนะคะ ทำให้คนในงานหันมาสนใจเราสามคน เลิกสนใจเรื่องเขมไปเลย”
เอื้อยิ้มให้เกนหลง
“วันนี้เกนก็ทำได้ดีมาก พี่เห็นดาราบางคนโดนถามเรื่องเลิกกับแฟนมากๆเข้า ขนาดทำใจได้ ยังหลุดร้องไห้ออกมากลางงาน เกนนิ่งๆ แบบนี้แหละ อีกสักพักคนก็เลิกสนใจไปเอง”
“ขอบคุณค่ะ แล้วนี่คิดยังไงพาเกนมาร้านนี้คะเนี่ย? จริงๆ ถ้าจะมาร้านนี้น่าจะบอกกันก่อนนะคะ จะ
ได้แต่งตัวให้ถูกกาละเทศะ มาชุดนี้ ยังกะอะไรเอ่ยไม่เข้าพวก”
“ก็มันเป็นทางผ่าน แล้วร้านนี้พี่ก็กินประจำ กุ้งอบวุ้นเส้น ปูอบวุ้นเส้น อร่อยมาก .กินดึกๆก็ไม่อ้วน
ปกติรอนานมาก แต่พี่โทร.มาสั่งไว้ล่วงหน้า ไม่ต้องรอ”
เอื้อพูดจบ เด็กมาเสิร์ฟคนละหม้อ เกนหลงเห็นแล้วตาวาว
“น่ากินมากๆเลยค่ะ”
“ร้อนนะ ระวัง”
แต่ไม่ทัน เพราะเกนหลงใช้ตะเกียบคีบเข้าปากไปเรียบร้อยแล้ว
“ ร้อนอ่า” พลางใช้มือพัดเป็นระวิง
“นั่นไง พูดไม่ทันขาดคำ มาๆ พี่ช่วย”
จากนั้นเอื้อก็รีบหยิบจานใส่เปลือกกุ้งที่วางอยู่มาพัดให้ จนเกนหลงหายร้อน และรีบกลืนวุ้นเส้นลงคอ
“ร้อนมาก แต่ก็อร่อยมากด้วยค่ะ สุดยอดเลย “
จากนั้นก็สาววุ้นเส้นมาเป่า เอื้อช่วยพัด ลมเข้าหน้าวูบวาบ จนเกนหลงขำ
“ขอบคุณค่ะ เหมือนจะประชด”
เอื้อพลอยขำตามไปด้วย “แน้ เป็นห่วงกลัวจะลวกปากอีก หาว่าพี่ประชดได้ไง”
เกนหลงมองเอื้อ แล้วก็ยิ้ม ก่อนจะพูดด้วยความจริงใจ
“เกนพูดเล่น เกนรู้ว่าพี่เอื้อเป็นห่วงเกนทุกเรื่อง ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณจริงๆ เกนยอมรับเลยค่ะ
เกนผ่านช่วงเวลาแย่ๆมาได้เพราะมีพี่เอื้ออยู่ข้างๆ ขอบคุณที่ไม่เคยทิ้งกัน”
เกนหลงพูดด้วยความซาบซึ้ง และจริงใจ
“พี่ก็ขอบคุณเกนเหมือนกันที่ทำให้พี่ได้ลองเต้นรำ ทำขนม ต่อยมวย ทอผ้า แต่งหน้าเค้ก แล้วก็ทำอะไร
อีกตั้งหลายอย่างที่พี่ไม่เคยทำ คราวหน้าคงต้องให้พาไปปีนผา”
เกนหลงยิ้มรับ
“ได้เลยค่ะ ด้วยความยินดี พี่เอื้อพร้อมเมื่อไหร่ไปได้เลยค่ะ”
จากนั้นเกนหลงกับเอื้อ ก็เกี่ยวก้อยสัญญา และยิ้มให้กันอย่างมีความสุข ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือเอื้อก็
ดังขึ้น เอื้อปล่อยมือหันมาหยิบดู
“เบอร์บ้านหนูเล็ก สงสัยหนูเล็กจะโทร.หา”
- เกนหลงแอบสะอึกเบาๆ กับคำว่า “หนูเล็ก” เอื้อรีบรับด้วยความกระตือรือร้น เกนหลงแอบจุกเบาๆ
“สวัสดีครับ”
ในจังหวะเดียวกัน โทรศัพท์มือถือของเกนหลงก็ดังขึ้น เกนหลงหยิบมาดู
“เขม”
เอื้อแอบสะอึกเบาๆ เกนหลงกดรับ
“ฮัลโหล”
ในขณะที่เขมชาติ ที่ยืนอยู่ที่หน้าบ้านสุริยง คุยโทรศัพท์ด้วยความร้อนใจ
“เกน ผมขอโทษที่โทร.มารบกวน คือ ผมมีเรื่องอยากจะถาม ตอนนี้วดีอยู่กับคุณหรือเปล่า”
ยังไม่ทันที่เกนหลงจะตอบ เสียงเอื้อที่ตอบไปทางโทรศัพท์ก็แทรกขึ้นมา
“ไม่อยู่ครับ หนูเล็กไม่ได้อยู่กับผม”
เกนหลงหันมามองเอื้อแปลกใจ ก่อนจะตอบ ด้วยคำตอบเดียวกัน
“ไม่ค่ะ คุณสุไม่ได้อยู่กับเกน”
เอื้อหันมามองหน้า เกนหลงเริ่มใจไม่ดี
“มีอะไรหรือเปล่าคะเขม?”
ทางด้านอาทิตย์ ก็คุยพูดโทรศัพท์กับเอื้อด้วยความร้อนใจ ส่วนนภาเดินไปมากระวนกระวาย โดยมีไก่
กับไข่ และชื่น นั่งอยู่ไม่ห่าง
”หนูเล็กหายตัวไปจากบ้านตั้งแต่เช้า”
เกนหลงกับเอื้อโพล่งออกมาพร้อมกัน ด้วยความตกใจ
“หะ? คุณสุ/หนูเล็กหายตัวไป ?”
เกนหลงกับเอื้อหันมามองหน้ากัน .ต่างคนต่างก็ฟังต่อ
เขมชาติพูดต่อ
“ใช่ครับ หายไปตั้งแต่เช้าไม่มีใครติดต่อได้เลย”
ในขณะที่อาทิตย์ ก็บอกกับเอื้อ
“โทร.เข้ามือถือก็ปิดเครื่อง นี่ก็ดึกแล้วก็ยังไม่กลับ พวกอาไม่รู้จะทำยังไงกันดี”
“จะไปแจ้งความตอนนี้ก็ยังไม่ได้” เขมชาติบอกกับเกนหลงด้วยความเป็นห่วงสุริยง “ข้อมูลยังไม่
เพียงพอ ต้องรอถึงพรุ่งนี้เช้าค่อยไปแจ้ง ผมกับคุณพ่อคุณแม่พยายามติดต่อคนที่พอจะรู้จัก ก็ไม่มีใครรู้ว่าวดีอยู่ไหน ก็
เลยลองโทร.ถามคุณเกนเผื่อจะทราบ”
เกนหลงรีบตอบ
“เกนไม่ทราบเลยค่ะ” พลันก็นึกออก “คุณชนะไงคะ เขมโทร.หาคุณชนะหรือยังคะ?”
เอื้อหันขวับมา “เออจริง”
ในขณะที่ชนะ ก็ตอบคำถามเกนหลงด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ พยายามไม่ให้มีพิรุธ
“ผมไม่ทราบเลยครับคุณเกน คุณสุไม่ได้ติดต่อมาเลยครับ ส่วนเรื่องงาน เธอก็ขอพักยาว ยังไม่มี
กำหนดกลับมาทำเลยครับ”
เกนหลงพูดโทรศัพท์ด้วยความเป็นห่วง
“อ้าวเหรอคะ เอ่อ งั้นเกนฝากคุณชนะด้วยนะคะ ถ้าได้ข่าวคุณสุรีบติดต่อเกนหรือพี่เอื้อก็ได้ ตอนนี้ทาง
บ้านคุณสุเป็นห่วงกันมากค่ะ”
ชนะรับปาก
“ครับๆ ได้ครับ ถ้าคุณสุติดต่อผมจะรีบบอกคุณเกนนะครับ สวัสดีครับ”
ชนะวางสายไปด้วยความไม่สบายใจ พลางหันไปมองในบ้านเห็นแสงไฟเปิดอยู่ แววตาครุ่นคิด
ส่วนเกนหลง เมื่อวางสายจากชนะแล้ว ก็รีบหันมารายงานเอื้อทันที
“ถ้าคุณชนะมีอะไรคืบหน้า เกนจะรีบติดต่อพี่เอื้อทันทีค่ะ”
“ขอบคุณมาก หนูเล็กหายไปไหนของเขานะ”
เอื้อหน้าเครียด ด้วยความเป็นห่วงสุริยง บรรยากาศความสนุกสนานหายวับไป เกนหลงมองเอื้อแล้วก็สะท้อนใจ
ในขณะที่สุริยงกับชนะยืนอยู่ในบ้านพักต่างจังหวัด สีหน้าชนะหน้าตาไม่สบายใจ
“เมื่อกี๊คุณเกนโทรมาถามถึงคุณ ท่าทางคนที่บ้านกำลังเป็นห่วงคุณสุกันมาก คุณสุจะไม่ให้ผมบอก
จริงๆเหรอครับว่าคุณสุอยู่ที่นี่”
สุริยงเสียงแข็งอย่างลืมตัว
“จริงค่ะ อย่าบอกใครนะคะ คือสุอยากอยู่คนเดียว สักพักจะหาทางส่งข่าวให้ทางบ้านเอง แต่ยังไม่ใช่
ตอนนี้ ถ้ามีใครถามอีก ก็บอกว่าไม่รู้เหมือนเดิมนะคะ”
ชนะคิดแล้วก็ถามตรงๆ
“ที่คุณสุหนีมาแบบนี้ เพราะคุณเขมใช่มั้ยครับ?”
“เอ่อ ก็ มีเหตุผลอื่นด้วย” จากนั้นสุริยงก็รีบตัดบท “ขอบคุณคุณชนะมากนะคะที่ให้สุใช้บ้านพักตาก
อากาศเป็นที่กบดานชั่วคราว สุขอตั้งหลักสักพัก พอหาทางไปต่อได้ จะรีบบอกทันที”
“ไม่ต้องรีบครับ พักผ่อนให้สบายใจ หรือจะพักตลอดไปก็ได้ ผมยินดี คืนนี้ผมกับฮันนี่จะอยู่เป็นเพื่อน
แต่พรุ่งนี้ต้องกลับรีสอร์ทกันตั้งแต่เช้า ถ้ามีอะไรขาดเหลือ พรุ่งนี้ผมไปซื้อให้ก่อนกลับ”
“คงไม่มีแล้วค่ะ เท่าที่ซื้อวันนี้ก็น่าจะพออยู่ได้”
ทันใดนั้นเสียงฮันนี่ก็ดังขึ้น
“น้าสุคะ “ ฮันนี่วิ่งมาหาในชุดนอนน่ารัก “ฮันนี่จัดห้องนอนให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ฮันนี่กับน้าสุขอตัวไป
นอนก่อนนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณพ่อ”
ชนะยิ้มให้ทั้งคู่ “ฝันดีทั้งสองคนครับ”
สุริยงยิ้มนิดๆรับ และเดินไปที่ห้องนอนกับฮันนี่ ชนะมองตามด้วยความไม่สบายใจ
ในขณะที่เขมชาตินั่งอยู่บนเตียง กำลังทำหน้าที่กล่อมให้ไก่กับไข่เข้านอน
“เราสองคนยังไม่อยากนอน”
“ไข่คิดถึงแม่หนูเล็ก”
เขมชาติหน้าเศร้า
“แม่หนูเล็กไปธุระข้างนอกยังไม่กลับ ตอนนี้ดึกแล้ว ไก่ ไข่ นอนก่อนเถอะครับ”
ไก่ถามประสาซื่อ “ตื่นมาไก่จะเจอแม่หนูเล็กมั้ยครับ?”
เขมชาติอึกอัก
“อยากรู้ก็ต้องนอน ตื่นมาจะได้รู้ ว่าได้เจอหรือเปล่า”
ไข่หันมามองหน้าไก่ แล้วก็พยักหน้าเหมือนเตี๊ยมกัน ไข่หันมาถาม
“อยากให้นอน พี่เขม ต้องตอบก่อน”
เขมชาติเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
“ทำไม พี่เขมเรียกแม่หนูเล็กว่าวดี?”
“เอ่อ ก็ ยังไงดี คือเรื่องมันยาว อยากฟังจริงๆนะ ฟังแล้วต้องนอนนะ โอเค กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว..
พี่เขมกับแม่หนูเล็กรู้จักกันในมหาวิทยาลัย ตอนนั้นน่ะแม่หนูเล็กเขาชื่อ “สุริยาวดี” พี่เขมก็เลยเรียกเค้าว่าวดี”
ไก่ กับไข่ ตาเริ่มจะปรือๆ ทว่าเขมชาติยังเล่าต่อ
“พี่เขมกับแม่หนูเล็กเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากเราอ่านหนังสือด้วยกัน ไปค่าย ทำกิจกรรมต่างจังหวัด
ด้วยกัน แม่หนูเล็กเป็นคนน่ารัก แล้วก็เป็นดาวมหาวิทยาลัยด้วยนะ มีหนุ่มๆมารุมรักเยอะแยะเลย นอกจากเป็นที่รักของ
หนุ่มๆ ยังเป็นที่รักของเพื่อนทุกคน”
เขมชาติตั้งหน้าตั้งตาเล่า จนไม่ทันสังเกตเห็นเอื้อ ที่ยืนแอบฟังอยู่หน้าประตู แววตารับรู้ได้ว่าเจ็บปวด
เสียงไก่ดังลอดออกมาจากในห้อง
“พี่เขมบอกว่า รักวดี แปลว่า”
ไข่รีบแทรกขึ้นมา “พี่เขมรักแม่หนูเล็ก”
เขมชาติ ตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ใช่ครับ พี่เขมรักแม่หนูเล็ก รักมากๆเลย รักมากที่สุด”
เอื้อฟังแล้วแอบเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เอื้อเริ่มรู้สถานะของตัวเอง และแอบตัดสินใจอะไร
บางอย่าง ก่อนที่จะค่อยๆเดินเลี่ยงออกมาอย่างแผ่วเบา
เขมชาตินอนอยู่บนเตียงกับไก่ ไข่ เขมชาติหน้าเศร้าๆ เด็กแฝดสัมผัสได้ถึงความเศร้าทั้งสองคนเข้ามา
กอดเขมชาติปลอบใจ
ทางด้านสุริยง ที่นอนอยู่ในห้องกับฮันนี่ ได้แต่นอนกระสับกระส่าย พลิกไป พลิกมา ในขณะที่ท้องร้อง
จ๊อกๆ
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 24 (ต่อ)
จากนั้นสุริยง ก็ลงมารื้อของกินในห้องครัว มือสั่น ใจสั่นด้วยความหิว แต่รื้อไปก็เจอแต่ของแห้งเส้น ทั้ง
เส้นพาสต้า ทูน่ากระป๋อง ข้าวสาร น้ำตาล น้ำปลา ซอส สารพัด ไม่มีอะไร ที่กินได้เลย
“มีแต่ของแห้ง ไม่มีอะไรกินง่ายๆเลยหรือไงเนี่ย”
สุริยงบ่นกับตัวเอง ชนะเดินงัวเงียๆ เข้ามา ด้วยความแปลกใจ
“คุณสุ”
สุริยงตกใจสะดุ้งนิดๆ
“คุณสุทำอะไรอยู่ครับ ? นี่มันตีสามกว่าแล้วนะครับ”
“คือ สุหิวน่ะค่ะ เลยมาหาของรองท้อง”
“คุณสุ หิวมากมั้ยครับ?” ชนะเป็นห่วง
“มากสิคะ ไม่มาก คงไม่มายืนอยู่ตรงนี้” สุริยงตอบด้วยน้ำเสียงเริ่มหงุดหงิด จนชนะถึงกับผงะ
“เอ่อ งั้นทานสลัดทูน่ามั้ยครับ? เดี๋ยวผมทำให้ มีทูน่ากระป๋องอยู่ ทำแป๊บเดียว ง่ายมาก”
ชนะหยิบกระป๋องทูน่ามาเปิด แต่กลิ่นทูน่าทำเอาสุริยงแทบอาเจียน
“อ้วก ทูน่าเหม็นมากเลยค่ะ อยากจะอาเจียนมันเสียหรือเปล่าคะเนี่ย”
ชนะตกใจ
“ไม่นะครับ ยังไม่หมดอายุเลย”
สุริยงรีบส่ายหน้า
“ไม่เอาอ่ะ มันเหม็น สุไม่กินเนื้อสัตว์ ได้กลิ่นแล้วจะอาเจียน ช่วยเอาไปทิ้งให้ไกลๆได้มั้ยคะเอาไปทิ้ง
เดี๋ยวนี้เลย อ้วก”
“คะ ครับๆ เดี๋ยวผมเอาไปทิ้งข้างนอกเลยครับ”
ชนะรีบเดินออกไปทั้งที่ยังงงๆ เพราะไม่เคยเห็นท่าทีของสุริยงแบบนี้มาก่อน ในขณะที่สุริยงคว้าผัก
สลัดมาเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย จนชนะที่เดินกลับเข้ามา มองด้วยความแปลกใจ
“คุณสุทานผักสลัดเปล่าๆเลยเหรอครับ”
สุริยงพยักหน้าแทนคำตอบแล้วก็กินต่อ
“คุณสุเป็นแบบนี้แล้วผมนึกถึงภรรยาผมเลย ตอนท้องน้องฮันนี่ก็เป็นแบบนี้ แพ้เนื้อสัตว์ ได้กลิ่นไม่ได้
จะอาเจียน กินแต่ผักกับผลไม้ แล้วอารมณ์ก็จะเหวี่ยงๆหน่อย แบบเมื่อกี๊เลยครับเนี่ย ผมเห็นแล้วภาพภรรยาตอนท้อง
แว่บเข้ามาเลย”
พอพูดจบ ชนะก็อึ้งไป จากนั้นก็ค่อยๆมองหน้าสุริยง ที่ยืนอึ้ง พลางคิดหาทางออก และในที่สุดก็ตัดบท
เอาดื้อๆ
“สุขอตัวไปนอนนะคะ ไม่หิวแล้ว”
พูดจบก็รีบเดินกลับไปที่ห้องเลย ชนะได้แต่มองตาม แววตาเริ่มคิดหนัก ยังไงกัน ?
“หรือว่าเหตุผลอื่นของคุณสุคือ...”
ชนะอึ้งนิดๆ กับคำตอบที่คิดเอาเอง
เขมชาติกำลังยืนคุยกับสมคิด และวิบูลย์อยู่ในห้องรับแขกบ้านสุริยง โดยมีอาทิตย์ นภา และชื่นนั่งอยู่
ด้วยสีหน้ากังวล
เขมชาติสั่งงานเสียงเข้ม
“วดีหายตัวไปตั้งแต่เมื่อวาน ผมต้องการให้คุณสองคนมาช่วยผมหา”
“คุณเขมจะให้เราสองคนทำอะไรบ้างครับ?” วิบูลย์ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมจะให้คุณพาคุณพ่อไปแจ้งความ ถ้าตำรวจถามร่องรอยสุดท้ายที่มีการติดต่อก่อนหายตัวไป ก็คือ
วดีโทรมาคุยกับไข่ ตอนสิบโมงสี่สิบห้านาที” พลางส่งซองเอกสารให้ “นี่เป็นเอกสารที่ใช้สำหรับแจ้งความคนหาย
สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียน และรูปถ่ายของวดีผมเตรียมไว้ให้หมดแล้ว คุณรีบพาคุณพ่อไปแจ้งความที่สถานี
ตำรวจด่วนเลย”
วิบูลย์ รีบรับคำ พลางรับซองมา แล้วหันมาทางอาทิตย์
“เชิญครับ”
วิบูลย์รีบเดินไปกับอาทิตย์ทันที เขมชาติหันมาทางสมคิดสั่งงานต่อ
“คุณสมคิด คุณช่วยติดต่อไปทางศูนย์รับแจ้งคนหายที่อื่นๆให้ผมหน่อย แจ้งรายละเอียดของวดีไว้ แล้ว
ก็เช็คกับตำรวจทางหลวง ตำรวจจราจร ศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุให้ผมด้วย ถ้าได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมรีบบอกผมทันที”
นภานั่งมองดูการสั่งงานของเขมชาติด้วยวิตกกังวลอย่างหนัก
“ครับผม” สมคิดรับคำแล้วก็รีบหยิบโทรศัพท์โทร.ออกพร้อมกับเดินออกไปจัดการโทร.ด้านนอก
เขมชาติหันมาเห็นนภาหน้าเสีย ก็เดินเข้ามาปลอบใจ พร้อมกับให้กำลังใจ
“คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะต้องตามหาวดีให้เจอ ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินตามหา ผมก็จะทำ ผมรู้
ว่าเขาหายตัวไปเพราะผมเพราะฉะนั้นผมต้องรับผิดชอบ”
เขมชาติให้คำมั่นอย่างหนักแน่น นภาเห็นความมุ่งมั่นของเขมชาติแล้วก็อุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย
ในขณะที่สุริยงยืนยันกับชนะเสียงแข็ง
“ไม่ต้องหรอกค่ะ สุไม่เป็นไรจะต้องไปหาหมอทำไมคะ?”
“เอ่อ ก็ก่อนหน้านี้ ผมเห็นคุณสุอาเจียน หน้ามืด แล้วเมื่อวานก็” ชนะพยายามหว่านล้อม
สุริยงรีบสวนทันที
“เมื่อวานสุก็แค่หิว คนเราหิว ถึงกับต้องไปหาหมอเลยเหรอคะ?”
ชนะไม่ตอบ แต่กลับย้อนถาม “แล้วคุณสุแน่ใจเหรอครับ ว่าแค่หิว”
สุริยงสะอึก แต่ก็รีบกลบเกลื่อน
“แน่ใจสิคะ สุแค่หิว สุไม่ได้เป็นอะไรมากกว่านั้น และไม่จำเป็นต้องไปหาหมอค่ะ”
ชนะตัดสินใจพูดตรงๆ
“เมื่อวานที่ผมบอกว่าอาการของคุณสุเหมือนตอนภรรยาผมท้อง”
“สุไม่ได้ท้องค่ะ”
สุริยงร้อนตัว ชนะมองหน้ายิ่งแปลกใจมากขึ้น ฮันนี่ฟังแล้วสงสัย
“ท้องอะไรเหรอคะ?”
สุริยงพูดไม่ออก ชนะต้องรีบช่วยอธิบายแทน
“คือ ปวดท้องน่ะครับ อาสุไม่ได้ปวดท้อง” พูดพลางปรายตามองสุริยง สุริยงหลบตาวูบ
“อ๋อ คุณพ่อคะ ฮันนี่อิ่มแล้ว คุณพ่อทานเบค่อนของฮันนี่มั้ยคะ ฮันนี่ให้”
พลางยื่นจานใส่เบคอนให้ชนะ สุริยงเห็นแล้วเกิดอาการจะอาเจียนขึ้นมาทันที
“อ้วก น้องฮันนี่เอาเบค่อนไปห่างๆ น้าสุได้มั้ยคะ เห็นแล้วมัน.ผะอืดผะอม ขอโทษค่ะ อ้วก”
สุริยงพูดจบแล้วก็วิ่งพรวดออกไปเลย ฮันนี่ ชนะมองตามด้วยความเป็นห่วง
ฮันนี่หันมามองชนะ แล้วพูดซื่อๆ
“น้าสุยังไม่สบายอยู่เหรอคะคุณพ่อ แล้วเราจะปล่อยให้น้าสุอยู่ที่นี่คนเดียวเหรอคะ? ฮันนี่เป็นห่วงน้าสุ
จัง อยากให้มีคนมาดูแล ไม่อยากให้อยู่คนเดียวเลยค่ะ”
คำพูดซื่อๆ ของฮันนี่ ที่จี้ใจดำชนะอย่างแรง ในที่สุดชนะก็ตัดสินใจ
เอื้อกับชนะนั่งคุยกันอยู่ที่มุมหนึ่งของร้านกาแฟ พลางถามย้อนด้วยความแปลกใจ
“หนูเล็กอยู่กับคุณ แล้วทำไมคุณถึงเปลี่ยนใจมาบอกผม”
ชนะคิด แล้วก็ตัดสินใจพูดตามตรง
“ผมคิดว่า อาการของคุณสุน่าเป็นห่วง”
“ทำไม ? หนูเล็กเป็นอะไร? ไม่สบายอะไรหรือเปล่า?”
ชนะอึกอัก
“เอ่อ ผมคิดว่า คงจะไม่ใช่แค่ไม่สบายแต่ ผมกำลังสงสัยว่า คุณสุกำลังตั้งครรภ์”
เอื้อถึงกับช็อก
“หนูเล็กท้อง?”
ทางด้านเขมชาติ ยังคงพยายามโทร.เข้ามือถือสุริยง หากก็ไม่สามารถติดต่อได้เช่นเคย นภาและชื่นยืนมองด้วยความเป็นห่วงอยู่ห่างๆ
“ตั้งแต่เช้าคุณเขมยังไม่ได้ทานอะไรเลยนะคะ”
เอื้อเดินเข้ามาทางด้านหลัง ได้ยินพอดี
“นั่นสิ เกิดเป็นลมเป็นแล้งไปจะแย่ ฉันพูดหลายรอบก็ไม่ยอมทาน ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
เอื้อเดินเข้ามา แล้วก็พูดขึ้น
“เดี๋ยวผมจัดการเองครับ”
นภากับชื่นหันมา เห็นเอื้อยืนอยู่ก็ตกใจนิดๆ
“คุณเอื้อ”
จากนั้นเอื้อก็เดินไปหาเขมชาติ
“ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ ขอเชิญออกไปคุยกันข้างนอก”
เอื้อพูดด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม พลางเดินนำเขมชาติออกไป เขมชาติมองตามอย่างงงๆ แต่ก็เดินตามไป
โดยดี ชื่นหันขวับมาทางนภา
“ดูท่าทางคุณเอื้อหน้าเครียดมากเลยนะคะ คุณท่านคิดว่าเรื่องอะไรคะ”
นภาตอบไม่ได้ แต่ครุ่นคิด ด้วยความอยากรู้ว่าเรื่องอะไร
“อยากรู้ก็ต้องไปแอบฟัง”
ในขณะที่เอื้อออกมายืนรออยู่มุมหนึ่งของสวน ในใจคิดเรียงลำดับสิ่งที่จะพูด เขมชาติเดินตามมา ด้วยท่าทางอิดโรย และเครียด
“คุณเอื้อมีอะไรคุยกับผมเหรอครับ”
“ผมรู้ว่าตอนนี้หนูเล็กอยู่ที่ไหน ?”
เขมชาติตาโต พลางรีบเข้ามาถาม
“วดีอยู่ที่ไหนครับ แล้วเป็นยังไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า คุณเอื้อบอกผมได้มั้ยว่าเขาอยู่ที่ไหน ผมจะ
ไปหาเขาเดี๋ยวนี้”
“ผมไม่บอก” เขมชาติชะงัก “ จนกว่าคุณจะบอกความจริงบางอย่าง”
“ผมบอกความจริงไปหมดแล้ว”
“ยังไม่หมด คิดดูให้ดีๆ มีอะไรอีกที่คุณยังไม่ได้บอก”
เอื้อมองหน้าเขมชาติอย่างคาดคั้น เขมชาติคิดๆ แล้วก็นึกถึงเรื่องที่สวิส
“ที่เหลือก็เป็นเรื่องส่วนตัวของผมกับวดี เรื่องส่วนตัวที่ผมไม่ควรพูด”
เอื้ออดใจหาย อดเศร้าลึกๆไม่ได้
“คุณพูดแค่นี้ ผมก็รู้แล้วว่าหมายถึงเรื่องอะไร”
เขมชาติอึกอักหนักเข้าไปอีก
“เอ่อ คือ”
เอื้อพูดสวนออกมาเลย
“ไม่ต้องอธิบาย หรือแก้ตัว เสียเวลา อายุขนาดนี้แล้ว คุยกันตรงๆเลยแล้วกัน ตอนนี้หนูเล็กพักอยู่ที่
บ้านพักอากาศของคุณชนะ”
“อ้าวแล้ว วันก่อนคุณชนะบอกว่าไม่รู้”
“หนูเล็กเขาขอไม่ให้พูด”
เขมชาติหน้าเศร้า “เขาคงไม่อยากให้ผมรู้”
เขมชาติถอนใจ เสียใจที่โดนสุริยงรังเกียจ เอื้อมองด้วยความเห็นใจ พลางพูดต่อ
“คุณชนะเล่าให้ผมฟังว่า ตอนนี้หนูเล็กมีอาการแปลกๆ”
“ครับ เขาไม่สบายมาสักพักแล้ว อารมณ์ก็เหวี่ยงๆ หงุดหงิด ฉุนเฉียว ผมไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มา
ก่อน”
เอื้อตัดสินใจบอก
“คุณชนะบอกว่ามันเป็นอาการของคนท้อง”
คุณเอื้อพูดว่าอะไรนะครับ?” เขมชาติช็อก “อาการอะไรนะครับ?”
เอื้อย้ำ “อาการของคนท้อง”
“ท้อง วดีท้อง “
นภากับชื่น ที่แอบฟังอยู่ ก็ช็อกไม่แพ้กัน นภาถึงกับเข่าอ่อน จะเป็นลม จนชื่นต้องรีบประคองไว้ แล้วรีบพานภาออกไปพัก
“วดีท้องจริงๆเหรอครับ จริงๆเหรอครับคุณเอื้อ”
เขมชาติทั้งช็อก ทั้งดีใจ
“จริงหรือไม่ คุณต้องไปหาคำตอบเอาเอง”
“ได้ครับ ได้ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้” เขมชาติรับคำอย่างกระตือรือล้น พลางนึกขึ้นได้ “ถ้าวดีท้องจริงๆ
ผมต้องทำยังไงบ้าง ? ตอนวดีตั้งท้องไก่ ไข่ เขามีอาการเป็นยังไง ? ผมจะได้รับมือได้ถูก”
เอื้อชะงักกึก “ตั้งท้องไก่ ไข่ ? นี่คุณไม่รู้จริงๆเหรอ?”
เขมชาติย้อนถาม
“ไม่รู้จริงๆครับ ผมจะไปรู้อาการคนท้องได้ยังไง ยังไม่เคยมีคนใกล้ตัวตั้งท้องเลย”
“ไม่ใช่ คุณไม่รู้จริงๆเหรอว่า หนูเล็กไม่ใช่แม่แท้ๆของไก่ไข่”
เขมชาติช็อกซ้ำสอง “ไม่ใช่แม่ของไก่ ไข่ แล้ว....”
เอื้อรีบอธิบาย
“คุณพ่อผมมีภรรยา 3 คน คนแรกคือคุณแม่ผม คนที่สองคือแม่ของไก่กับไข่ ที่เสียชีวิตหลังจากคลอด
ได้ไม่นาน และคนที่สามก็คือหนูเล็ก คุณพ่อแต่งงานกับหนูเล็กเพราะต้องการให้มาดูแลไก่กับไข่ ท่านกับหนูเล็กไม่เคยมี
ความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน ทั้งสองคนแยกห้องกันนอนตั้งแต่วันแรกที่จดทะเบียน จนวันสุดท้ายที่คุณพ่อเสียชีวิต”
เขมชาติอึ้ง “ ยะ..แยกห้องกันนอน”
“ใช่ คุณพ่อผมแต่งงานกับหนูเล็กเพราะต้องการหาคนที่ไว้ใจได้มาดูแลเรื่องมรดกที่ท่านมอบให้ไก่ ไข่
หลังจากที่เสียชีวิต และหนูเล็กคือคนที่ท่านไว้ใจ”
เขมชาติแทบทรุด อึ้งกับความเข้าใจผิดที่มีมาตลอด
“ผม ไม่เคยรู้เลย ทุกอย่างที่ผมกับวดี ผมทำเพราะความเข้าใจผิดเหรอเนี่ย”
เขมชาติรู้สึกผิดอย่างมาก เอื้อมองด้วยความเห็นใจ
จบตอนที่ 24