xs
xsm
sm
md
lg

ก้าวที่กล้าของ "ภูชิสส์ กิติคุณอัครโยธิน" เน้นใช้พื้นที่ทำสิ่งดีให้สังคม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ข่าวละคร "สัญญาเมื่อสายัณห์"
 

ก้าวที่กล้าของ "ภูชิสส์ กิติคุณอัครโยธิน"
เน้นใช้พื้นที่ทำสิ่งดีให้สังคม

หนุ่มหน้ามนวัยเบญจเพสพอดิบพอดีนามว่า อาร์ต-ภูชิสส์ กิติคุณอัครโยธิน เริ่มต้นเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการขึ้นเวทีประกวดแบบไม่ตั้งใจ แถมยังคว้าตำแหน่งชนะเลิศมาอีกด้วย ด้านดีกรีการศึกษาก็จบจิตวิทยา จาก มศว. เรียกได้ว่าโปรไฟล์ดี บังเอิญได้พบกับ ชายแฮ็คส์-สุทธา ทวีศรีธนโชค จึงได้ชักชวนเข้ามาอยู่ในสังกัดไอพีเอ็ม เริ่มการแสดงละครเรื่องแรก “แค้นนางไพร” เล่นเป็นพระเอกคู่ เอมมี่-อมลวรรณ ศิริกิตติรัตน์ จากนั้นชายแฮ็คส์ก็ดันขึ้นแท่นพระเอกช่องทีวีดิจิตอล จับประคู่ กระต่าย-ทรรศิกา ยุติมิตร ในละคร “สัญญาเมื่อสายัณห์” ทางช่อง THV เรียกได้ว่ากำลังขึ้นหม้อ ด้วยรูปร่างหน้าตาก็หล่อเหลาเอาการ แถมดีกรีด้านการแสดงก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ มาทำความรู้จักกับพระเอกใหม่ถอดด้ามคนนี้กันเถอะ

ชีวิตวัยเด็กเป็นอย่างไรบ้าง ?
"ผมเด็กเป็นเด็กที่เติบโตมาท่ามกลางญาติๆ ที่เป็นเด็กวัยเดียวกันถึง 11คนตั้งทีมฟุตบอลได้เลย (อันนี้ข้างบ้านแซว)ครอบครัวของผมค่อนใหญ่มีบรรดาลูกพี่ลูกน้องเยอะมาก แต่ผมมีพี่สาวแท้ๆ หนึ่งคนครับ ตอนเด็กๆ ไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่ เพราะพี่สาวผมโหดมาก นิสัยถอดแบบพ่อมาเลย (คือผมกำลังจะบอกว่าพ่อผมโหดขั้นเทพเลย) พี่สาวชอบสอนให้ผมทำโน่นนี่ ซึ่งตอนนั้นผมเป็นเด็กก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เลยรู้สึกอึดอัด พลอยทำให้ไม่อยากเล่นกับพี่สาว ด้วยความที่มีลูกพี่ลูกน้องเยอะผมเลยเลือกจะไปเล่นกับกลุ่มนี้แทนครับ ตั้งแก๊งเป็นเรื่องเป็นราวเลย ชื่อแก๊งค์ลูกหมู “หมู” เป็นชื่อปู่ของพวกเราครับ ตอนแรกชื่อแก๊งหลานหมูฟังดูเรียกยาก ก็เลยชื่อแก๊งลูกหมูไปเลย เรียกง่ายดี
แก๊งเรามีอิทธิพลมากๆ ไปเล่นกับกลุ่มอื่นไปโกงเขาตลอดทั้งเตะบอล แข่งว่ายน้ำ แข่งจักรยาน คือแก๊งนี้ไปไหนวงแตกทุกที แต่บางมุมผมก็เป็นคนเงียบๆ ชอบเลี้ยงสัตว์ชอบอยู่กับสัตว์มากกว่าคนเพราะสัตว์ไม่พูดมาก ตอนเด็กๆ ผมเลี้ยงไว้เยอะมากๆ เลี้ยงสัตว์แปลกๆ ก็มีครับ ตอนนั้นเลี้ยงปลาทอง ปลากัด กิ้งก่า กบก็เลี้ยงนะครับ แต่เป็นกบสีๆ น่ารักๆ แต่ที่ไม่เลี้ยงแน่ๆ คืองูครับ อันนี้กลัวมากๆ บางทีผมก็งงว่าทำไมกลัวมันมาก ทั้งที่ผมก็เกิดปีงู (มะเส็ง) วันไหนไม่ได้ไปเล่นกับญาติๆ ผมจะชอบนั่งมองเวลาพวกเขาทำท่าแปลกๆ (สงสัยว่าทำอะไรกัน) นั่งมองเฉยๆ ก็มีความสุขแล้วครับอยู่ได้ทั้งวันเลย"

แสดงว่าตอนเด็กมีวีรกรรมพอสมควร ?
"ใช่ครับ ผมเป็นคนซนๆ ตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ แม่เล่าให้ฟังว่าเป็นซนมากๆ เวลากินข้าวจะไม่ค่อยกินจะเล่นแต่เวลาเล่นของเล่นก็จะเอาเข้าปากกิน เคยมีครั้งหนึ่งเคยเอาเป็ดยางยัดเข้าปากครับ เป็นเป็ดตัวเล็กๆ แต่ใหญ่กว่าปากนิดนึง แม่เล่าว่าด้วยความซนผมเอาเป็ดยัดเข้าปากได้เกือบทั้งตัว แล้วเป็ดก็ติดคาปากอยู่นานเอาออกเกือบไม่ได้ พอโตมานิดนึงก็เพิ่มความซนขึ้นอีกครับ ผมชอบแกะหุ่นยนต์เล่น คืออยากรู้ว่าข้างในมันมีอะไร แกะไปแกะมาเราก็เริ่มอยากทดลองว่าหุ่นยนต์ถ้าไม่ใส่ถ่าน แล้วเอาไฟฟ้าต่อแทนได้ไหม คิดแล้วก็ทดลองเลยครับ ผลคือโดนไฟดูดจนมือไหม้ไปเลย ภาพตัดทุกอย่างจบลง ผมรู้ตัวอีกทีก็อยู่โรงพยาบาลแล้ว เข็ดเลยครับ กลัวปลั๊กไฟไปอีกนานเลย"

เหตุการณ์อะไรตอนเด็กที่จำได้ขึ้นใจบ้างหรือเปล่า ?
"มีเหตุการณ์หนึ่งครับ ทุกครั้งที่ผมเล่าจะขนลุกมากๆ คือพื้นเพผมเป็นคนจังหวัดอยุธยา ผมอยู่อำเภอบางไทร ตอนนั้นอายุประมาณ 5 ขวบ จำได้ว่าพ่อ แม่ และก็ญาติๆ นั่งรถไปตัวอำเภอเพื่อทำอะไรบางอย่าง ภาพที่ผมเห็นคือผู้คนเยอะมากๆ นั่งริมสองข้างทาง ครอบครัวผมตอนนั้นมีโรงงานพลอยเราเจียรไนพลอยทุกชนิดและมีของบางอย่างไปด้วยเลยได้นั่งข้างหน้าสุดใกล้ๆกับบริเวณที่จัดงาน ใช่เลยครับ!! ผมเห็นในหลวงกับพระราชนีครั้งแรก ผมก้มลงกราบ (กราบแบบเด็กๆนะครับไม่สวยเท่าไหร่) กราบแบบไม่ต้องมีใครบอกเลย ตอนนั้นก็งงว่าทำได้ไง ผมเห็นพ่อกำลังถวายพลอยให้กับพระราชนี จากนั้นพระองค์ก็รับสั่งกับพ่ออยู่พักนึง แล้วพระองค์ก็หันมาหาผมแล้วรับสั่งว่า “ลูกชายหรือจ๊ะ หน้าตาดื้อไม่เบา” แล้วพระองค์ก็รับสั่งกับผมว่า”เคยเล่นนี่ไหม ฉันให้ตัวนึงนะ ถ้าเล่นเบาๆก็จะอยู่ได้นาน” แล้วพระองค์ก็ยื่นให้ผม สิ่งที่ผมได้คือตุ๊กตาผ้าฝ้ายยัดเม็ดนุ่น ทุกวันนี้ยังเก็บไว้อยู่เลย ปราบปลื้มมากๆ ว่าครั้งนึงเราก็เคยเข้าเฝ้าในหลวงกับพระราชนี เรื่องนี้พูดกี่ครั้งก็ไม่เบื่อเลยครับ"

เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร ?
"เริ่มจากผมชนะเลิศจากการประกวดเวที Gatsby idol ครับ ตอนนั้นไม่คิดว่าจะประกวดเลย เพราะไม่ชอบการแข่งขันแนวนี้ แต่ไปเพราะรุ่นพี่บอกว่าเค้ากำลังหาวัยรุ่นแบบผมอยู่ แล้วผมก็เห็นว่าเวทีนี้กำลังค้นหาวัยรุ่นที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง น่าจะมีโอกาสเลยเป็นเหตุผลที่อยากลงประกวดครับพอชนะก็ได้ไปออกสื่อตามทีวีต่างๆ ถือเป็นก้าวแรกวงการครับ จากนั้นเริ่มมีเอเจนซี่ชวนไปถ่ายรูปทำโปรไฟล์ หนึ่งในนั้นก็เป็นเอเจนซี่ของรุ่นพี่ที่ มศว ผมไปแคสได้ผ่านเข้ารอบจึงได้ถ่ายโฆษณาชิ้นนึงครับ แต่ช่วงนั้นผมยังเรียนอยู่จึงพักไปเกือบสองปี จากเวทีแรกที่ชนะเลิศ ทำให้มีคนทาบทามผมมาประกวดเวทีนายแบบที่สยาม และทำให้ผมเจอกับพี่ชายแฮ็คส์(สุทธา ทวีศรีธนโชค) พี่ชายแฮ็คส์ชวนมาเทสหน้ากล้องที่บริษัท ไอพีเอ็มโปรดักชั่นจำกัด ทำให้ผมได้มีโอกาสได้รู้จักกับครูหมู (วลงกรณ์ จับใจ)ผู้กำกับของค่าย ผมเรียนคลาสการแสดงอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ พี่ชายแฮ็คส์ก็มาแจ้งผมว่าจะมีละครเรื่อง แค้นนางไพร ของช่องไอพีเอ็ม ให้ผมเล่นเป็นพระเอก ตอนนั้นก็ดีใจมากนะครับ ได้เล่นกับเซ็กซี่สตาร์อย่าง เอมมี่ (อมลวรรณศิริกิตติรัตน์) ด้วย ก็ยิ่งตื่นเต้นใหญ่
จากนั้นไม่นาน ก็มีละครเรื่อง“สัญญาเมื่อสายัณห์” ทางช่อง THV ครับ ผมเล่นเป็น คราม เป็นนักมวย ผมตอบตกลงทันทีเลยครับ ดีใจมากๆ แค่ผู้ใหญ่ให้โอกาสแคสก็ดีใจแล้ว ทั้งที่ตอนนั้นคลาสเรียนการแสดงยังไปไม่ถึงไหนเลย แต่ก็ไปแคส ปรากฏว่าผ่านเข้ารอบแบบเฉียดฉิว"

รู้สึกอย่างไรกับบท คราม ?
"ครามเป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตในวัดและหาเลี้ยงชีพตนเองด้วยการชกมวย ครามเป็นคนสงบ พูดน้อย ค่อนข้างจริงจังกับชีวิต ซึ่งบทบาทค่อนข้างไกลตัวมาก เพราะผมเองเป็นคนขี้เล่น ชอบพูด หรือชอบเอนเตอร์เทนคนรอบข้างให้มีความสุข จึงมีการปรับตัวเยอะพอสมควรครับ"

เห็นว่าจะต้องไปเรียนชกมวยจริงๆ ?
"ผมไปเรียนมวยไทยเลยครับ ซ้อมต่อย เตะ ออกอาวุธแบบมวยไทย ซึ่งค่อนข้างยาก เพราะพื้นฐานผมไม่เคยเล่นกีฬาประเภทต่อสู้เลยปกติจะเล่นแบดมินตัน หรือเทนนิสมากกว่าความยากในการเล่นละครเรื่องนี้คือต้องเรียนชกมวยพร้อมๆกับศึกษามุมกล้องเพราะมวยอาชีพจริงๆต่อยเร็วเน้นน้ำหนักแต่การต่อยในละครจะเน้นท่าทางสวยงามและมุมกล้องต้องรับกับการออกอาวุธให้ได้จังหวะพอดี"

เป็นความฝันตั้งแต่เด็กๆ เลยหรือเปล่า ?
"งานในวงการไม่ได้อยู่ในหัวผมเลยครับ ผมเป็นคนเรียนค่อนข้างใช้ได้ สอบโควต้าติดคณะเภสัช แต่ก็สละสิทธิ์ เพราะอยากเรียนจิตวิทยา อยากทำงานด้านนี้มากๆ ผมเลยสอบเข้าสาขาจิตวิทยาและการแนะแนวที่ มศว ชีวิตกำลังจะเดินไปตามที่ใจคิด แต่ก็ไม่ถึงครับ ได้มาพัวพันกับงานวงการตลอด เหมือนหนีไม่พ้น เริ่มตั้งแต่รุ่นพี่บังคับลงประกวดดาวเดือนมหาวิทยาลัยรุ่นพี่ขอให้ไปเดินแบบเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัย (ตอนนั้นเดินที่เซนทรัลเวิล์ด) ตอนนั้นคิดว่าทำๆ ไปเพราะเป็นรุ่นพี่ที่ผมเคารพและก็เป็นเพราะรุ่นพี่อีกที่ทำให้ได้ถ่ายโฆษณา เดินทางมาเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีเราได้เล่นละครแล้ว วงการบันเทิงก็แปลกเหมือนมนต์อะไรบางอย่างที่ผมให้ผมหลงรักจนอยากจะอยู่ตรงนี้ไปเรื่อยๆ มีความสุขทุกครั้งที่ได้ไปทำงาน งานวงการเหนื่อยมาก กดดันด้วย แต่พอได้ลงมือทำแล้วเห็นผลงาน ลืมความเหนื่อยไปเลยครับ"

คุณพ่อคุณแม่หรือครอบครัวสนับสนุนบ้างมั๊ย หรือให้กำลังใจเราอย่างไร ?
"สนับสนุนหลายอย่างเลยครับ เช่นตอนนี้ทางบ้านเช่าคอนโดให้ผมอยู่ เพื่อสะดวกต่อการเดินทางไปเรียนการแสดงหรือทำงาน เพราะบ้านค่อนข้างไกลจากสตูดิโอเรียนการแสดง และในบางครั้งก็ขับรถพาผมไปงานออกสื่อต่างๆ ทั้งยังให้คำแนะนำในการวางตัวเวลาอยู่ต่อหน้าสาธารณะชน สอนให้เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งเรื่องพวกนี้ทางบ้านผมค่อนข้างให้ความสำคัญมากๆอยู่แล้ว ในบางเวลาที่ผมท้อทางบ้านก็จะคอยให้กำลังใจตลอด ทุกครั้งที่กลับบ้านได้เจอครอบครัวเหมือนได้เติมพลังในการทำงานขึ้นเยอะเลยครับ"

ผลงานชิ้นแรกในวงการบันเทิง ?
"ผลงานชิ้นแรกของผม ที่พอจะผ่านสายตาคือโฆษณาครีมเทียมยี่ห้อหนึ่ง ตอนถ่ายตื่นเต้นมากครับ โปรดักชั่นใหญ่มาก กล้อง, ไฟ, โลเกชั่นทุกอย่างเซตไว้ยิ่งใหญ่มากๆจำได้ว่าตอนก่อนถ่ายมือสั่นจนควบคุมไม่ได้เลยเพราะไม่เคยทำงานใหญ่ขนาดนี้มาก่อนกลัวพลาดกลัวทำให้กองถ่ายเสียเวลาแล้วผมก็ตั้งสติจนถ่ายเสร็จด้วยความที่เป็นงานชิ้นแรกผมตื่นเต้นมากๆเฝ้าจอทีวีทุกวันว่าเมื่อไหร่โฆษณาของเราจะออนแอร์ พอเห็นตัวเองในทีวีรู้สึกภูมิใจมากลืมความเหนื่อยไปเลย"

ถ้าเลือกบทได้อยากเล่นบทไหนมากที่สุด ?
"บทตัวร้ายครับ ผมรู้สึกว่าท้าทายมากแต่ต้องเป็นร้ายนิ่งๆนะครับไม่ใช่ร้ายแบบจิ๊กโก๋ ผมว่าการสื่ออารมณ์ทางตาเป็นสิ่งที่ยากและท้าทายมาก จึงอยากลองบทนี้ครับ"

มีใครเป็นไอดอลด้านการแสดงบ้างหรือเปล่า ?
"ส่วนตัวชอบพี่ชาคริต แย้มนามครับ พี่เขาเล่นได้ทุกบทบาท ทั้งดราม่า คอมเมดี้แอคชั่นการสื่ออารมณ์ก็เป็นธรรมชาติมากๆ ดูแล้วเชื่อไปกับสิ่งที่เขาสื่อจริงๆ"

มีอุปสรรคหรือปัญหาในการทำงานบ้างมั๊ยมีวิธีขจัดปัญหา หรือความเครียดให้ตัวเองอย่างไร ?
"ทุกงานย่อมมีปัญหาครับ ผมมีวิธีคิดอย่างหนึ่งคือ ทำให้ดีที่สุด แล้วจะไม่เสียดายหรือเสียใจกับสิ่งที่ทำไป เพราะยังไงก็ถือว่าเราได้พยายามเต็มที่แล้วสิ่งที่ตามมาคือสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้พอคิดได้แบบนี้ผมจะรู้สึกปล่อยวางและไม่เก็บเอาปัญหาต่างๆมาคิด สุดท้ายเราก็จะสบายใจครับ"

มุมมองวงการบันเทิงเป็นอย่างไร ?
"วงการบันเทิงสำหรับผมถือเป็นพื้นที่สาธารณะและเป็นพื้นที่ที่มีอิทธิต่อสังคมอย่างมากยิ่งคนที่มีชื่อเสียงก็ยิ่งมีอิทธิพล ผมว่าเราควรใช้พื้นที่ตรงนี้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมของเรา เช่นปลูกฝังหรือสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่เป็นประโยชน์ต่อผู้รับสื่อ และคนที่อยู่ในพื้นที่ตรงนี้ก็มีช่วงเวลาไม่นานจึงอยากให้คนที่อยู่จุดนี้ร่วมกันทำสิ่งดีๆ เพื่อสังคมไม่ใช่แค่เข้ามากอบโกยผลประโยชน์"

วางแผนชีวิตในการทำงานวงการบันเทิงอย่างไร ?
"จริงๆ แล้วผมก็อยากทำงานในวงการบันเทิงไปเรื่อยๆ มีงานแสดงให้เราได้พิสูจน์ฝีมือไปเรื่อยๆ และบางครั้งก็อยากลองทำอะไรใหม่ๆ ดูบ้าง เพราะในวงการบันเทิงยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะ อาจจะไม่ใช้งานแสดงเพียงอย่างเดียว เช่น ดีเจ พิธีกร หรือถ้ามีประสบการณ์มากๆ ก็อาจจะไปเป็นเจ้าของคอนเทนต์อะไรสักอย่างที่ให้คุณค่ากับสังคมผมคิดว่าคงไม่ไปไหนไกลจากวงการบันเทิง เพราะตั้งแต่ที่เริ่มก้าวเข้ามาผมก็เริ่มรู้สึกหลงรักวงการนี้ไปแล้วครับ"

Profile
ชื่อ-สกุล : ภูชิสส์ กิติคุณอัครโยธิน
ชื่อเล่น : อาร์ต
วันเดือนปีเกิด : 23 กันยายน 2532
ภูมิลำเนา : จังหวัดขอนแก่น
การศึกษา : คณะมนุษยศาสตร์ สาขาจิตวิทยาด้านการศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร
สัดส่วน : 38-30-36 สูง 181 หนัก 72
เบอร์รองเท้า: 43
ผู้ชักนำเข้าวงการบันเทิง: ชายแฮ็คส์-สุทธา ทวีศรีธนโชค
อาหารจานโปรด: กะเพราะไก่ ไข่ดาว
สิ่งที่เกลียด : หัวปลาดุก
สัตว์เลี้ยงตัวโปรด: แมว
ไอดอลในการทำงาน : อาหนิง-นิรุตต์ศิริจรรยา
ผลงานชิ้นแรก : โฆษณา(ครีมเทียม)
ผลงานที่ภาคภูมิใจมากที่สุด : MV ติดฝนความคิดถึง
เกียรติประวัติ : ชนะเลิศประกวด Siam DJ Search 2012 / ชนะเลิศการประกวด Gatsby Idol 2013
อุปนิสัยส่วนตัว : เฮฮา เข้ากับคนอื่นได้ง่าย
คติในการทำงาน : อุปสรรคคือแบบทดสอบของชีวิต




กำลังโหลดความคิดเห็น